ทีมงาน TechTalkThai ได้รับเกียรติจากทาง Cisco ประเทศไทยให้ไปเข้าร่วมในงาน Cisco Live 2018 ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา วันที่ 10-14 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยงานประกอบด้วย นิทรรศการ World Solution การขึ้นพูดถึงวิสัยทัศน์ของ CEO ใหญ่จาก Chuck Robbins และ ช่วงเทคโนโลยีจาก David Goeckeler, EVP และ GM ของผลิตภัณฑ์ธุรกิจ Networking และ Security อีกทั้งยังมีห้องเรียนต่างๆ กว่า 100 ห้องที่เปิดให้ผู้สมัครสามารถเข้ามานั่งเรียนได้ตั้งแต่พื้นฐานแบบ 101 ไปจนถึงขั้นสูง (ระดับ CCIE) จากฝั่งผลิตภัณฑ์ของ Cisco หรือ จาก Partner แต่จะเป็นอย่างไรบ้างมาชมกันเต็มๆ ได้ในเนื้อหาต่อไปครับ
![](https://i2.wp.com/www.techtalkthai.com/wp-content/uploads/2018/06/chuck-robbins-cisco-diane-greene-google-cisco-live-2018-keynote-screenshot.jpg?resize=600%2C337&ssl=1)
ช่วง Keynote เปิดงานวันแรกจาก Chuck Robbins ตำแหน่ง Chairman และ CEO ของ Cisco โดยเริ่มแรกก็จะกล่าวถึงประเด็นเรื่องของความเปลี่ยนแปลงในด้านเทคโนโลยีว่าในเร็วๆ นี้จะมีบทบาทกับชีวิตเรามากยิ่งขึ้นไปอีก เช่น Public Cloud, Multi-Cloud และ Hybrid-Cloud นอกจากนี้ยังมีแขกรับเชิญ Diane Greene, CEO จาก Google Cloud มาประกาศผนึกกำลังเป็นพันธมิตรเพื่อช่วยให้องค์กรมีทางเลือกในการใช้งานร่วมกันระหว่างฮาร์ดแวร์และ Cloud ได้
![](https://i2.wp.com/www.techtalkthai.com/wp-content/uploads/2018/06/Chuck-Robbin-Keynote-5-Pilar.jpg?resize=600%2C314&ssl=1)
อย่างไรก็ตามด้วยเหตุการเกิดใหม่ของเทคโนโลยีหลายประการทาง Cisco จึงแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์มาเป็น 5 ด้านดังนี้
-
Multi-cloud ประกอบด้วย รองรับ Microsoft AzureStack และ Express Route, มีแพลตฟอร์ม Cisco Container, ทำ Hybrid Cloud กับ Google, ฮาร์ดแวร์ที่มาพร้อมกับการรองรับโซลูชัน Multi-Cloud อย่าง HyperFlex, ระบบบริการจัดการเซิร์ฟเวอร์ผ่าน Cloud อย่าง Intersight และ StealthWatch
-
Reinvent the Network ประกอบด้วย Aironet 4800 AP, Catalyst 9K, ACI, SD-WAN, SD-Access, DNA Center (แพลตฟอร์มบริหารจัดการที่มีเทคโนโลยีหลายๆ อย่างของ Cisco ไว้ในที่เดียว), DNA Assurance, มีผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนเครือข่ายของอุปกรณ์ IoT
-
Unlock the power of data ประกอบด้วย DNA Assurance (จัดเป็นหมวด Data ด้วยเพราะมีการทำ Analytics ข้อมูล), Tetration, Encrypted Traffic Analytics (ETA หรือวิเคราะห์การส่งข้อมูลเข้ารหัสโดยไม่ต้องถอดรหัสข้อมูล), Business iQ และ Kinetic เพื่อ IoT (ทำการประมวลผลข้อมูลที่ได้จากอุปกรณ์ IoT ที่ระดับ Edge)
-
Security is Foundation ประกอบด้วย Talos (ทีมวิจัยด้านภัยคุกคามของ Cisco), AMP สำหรับ Endpoint, ETA, Umbrella, Firepower 2100, Stealthwatch Cloud
-
Create Meaningful Experience ประกอบด้วย WebEx Teams Enterprise Readiness และ Developer SDK, WebEx Meeting และ Virtual Assistant และ Video Share, Collaboration Meeting Rooms ดูจากผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้จะเห็นได้ว่าจะเข้ามาช่วยในเรื่องของการสื่อสารระหว่างลูกค้าและองค์กร
สุดท้าย Chuck ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์แนวทางของโซลูชันใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตว่ามีแนวโน้มที่จะมีลักษณะทำงานเชื่อมโยงในหลายด้าน เช่น ETA ที่ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อช่วยเหลือด้านความมั่นคงปลอดภัย เมื่อถึงตรงนี้เราจะเห็นถึงวิสัยทัศน์และเข้าใจแนวคิดใหม่ของ Cisco กันแล้ว แม้ว่าตัวอย่างที่ยกมานั้นจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นใหม่ในไม่กี่ปีมานี้ของ Cisco
![](https://i1.wp.com/www.techtalkthai.com/wp-content/uploads/2018/06/David-Goeckeler.Intense-base-networking.jpg?resize=600%2C358&ssl=1)
ช่วง Keynote วันที่สองด้านเทคโนโลยีจาก David Goeckeler, EVP และ GM ของผลิตภัณฑ์ธุรกิจ Networking และ Security กล่าวว่าเวลาได้เปลี่ยนไปแล้วด้วยปัจจัยของผู้ใช้งานและอุปกรณ์ที่เพิ่มขึ้นมหาศาล เทรนของแอปพลิเคชันที่กระจายตัวกันหลายส่วน รูปแบบการใช้งานที่เป็น Multi-cloud ดังนั้นด้วยสาเหตุหลายประการจึงเกิดคอนเซปต์ของ Intent-base Networking (เป็นศัพท์เชิง Marketing ของ Cisco)
โดยคำว่า ‘Intent’ คือ ความตั้งใจที่อยากให้เครือข่ายทำงานได้ผลลัพธ์ออกมาตามที่กำหนดไว้ เมื่อรู้ว่าควรมี Policy อย่างไร ตอนนี้ Cisco ก็สามารถทำให้ใช้ได้แบบอัตโนมัติ (Automation) เพื่อความรวดเร็วเพราะปัจจุบันเครือข่ายมีอุปกรณ์หลากหลายกลุ่มและมีจำนวนมาก พร้อมกันนี้ได้นำข้อมูลที่เก็บมาจากอุปกรณ์ที่ Cisco เรียกว่า ‘Context’ มาทำการวิเคราะห์และใช้ข้อมูลเหล่านั้นให้เกิดประโยชน์ต่อไป ซึ่งกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า ‘Assurance’ เพื่อเข้าใจและแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นภายในเครือข่ายให้เป็นไปตามความตั้งใจที่ผู้ใช้งานออกแบบไว้นั่นเอง
ห้องเรียนทฤษฏีและปฏิบัติแบบเข้มข้น
ความเจ๋งของงาน Cisco Live ไม่ได้อยู่ที่แค่การโชว์เทคโนโลยีแน่นอนเพราะงานนี้ได้รวมเอาสายเทคนิคด้าน IT มาไว้ที่เดียวกัน ดังนั้นสิ่งที่พบในเวลาต่อมาคือลูกค้าที่จ่ายเงินเข้ามาจะสามารถเลือกเข้าเรียนในห้องเรียนทฤษฏีที่มีอยู่หลายสิบห้องเรียน (อาจจะถึง 100 ห้องตลอด 4 วันเราไม่ได้ร่วมเพราะไปในฐานะสื่อ) อย่างไรก็ตามในแอปพลิเคชันที่มีสามารถแสดงรายชื่อห้องเรียน สถานที่ และเนื้อหาคร่าวๆ ได้ ประกอบด้วยด้วยหลายหัวข้อ เช่น หัวข้อจากพาร์ทเนอร์ (ที่เห็นคือสอนเรื่องผลิตภัณฑ์ Veeam และคาดว่ามีพาร์ทเนอร์อื่นอีกหลายราย)
หัวข้อของฝั่งของทาง Cisco เอง เช่น Blockchain ของทางฝั่ง Cisco ที่เพิ่งเปิดตัวว่าก็มีการใช้งานเมื่อไม่นานนี้, Cloud ที่มีทั้ง Multi-Cloud และ Hybrid Cloud รวมถึงโซลูชัน Cloud ของ Cisco ทั้งหมด, ผลิตภัณฑ์ฝั่ง Collaboration, Security, Network เป็นต้น โดยหัวข้อจะมีหลากหลายตั้งแต่หัวข้อบรรยายเชิงไอเดียแนวคิด ไปจนถึงสอนตั้งแต่ทฤษฏีระดับ 101 (แทบจะจับมือทำ) ลง Workshop หรือ หัวข้อแบบขั้นสูงเหมาะสำหรับคนที่มีประสบการณ์ระดับ CCIE ขึ้นไป เรียกได้ว่าเป็นจุดขายของงานสำหรับคอไอทีตัวจริงในงาน
A.) Security Session B.) Cloud Session
งานห้องนิทรรศการ World Solution
ห้องนี้จะจัดแสดงโซลูชันเป็น 4 ส่วนหลักคือ
1.DevNet ซุ้มของ DevNet สอนตั้งแต่ทฤษฏีพื้นฐานอย่างที่ทราบกันว่าทาง Cisco ประกาศให้ Engineer ต้องสามารถเขียนโปรแกรมได้โดยได้โดยเปิด API ให้ผู้สนใจใช้ได้อย่างง่ายดาย เช่น ทาง Cisco มีส่วน iOS XE ที่สามารถโปรแกรมได้ เป็นต้น ณ แต่ละบูทของ DevNet จะมีการสอนไม่เหมือนกันขึ้นกับว่าสนใจ API เกี่ยวกับอะไร เช่น IoT, อุปกรณ์ Network หรือ แอปพลิเคชันต่างๆ ของ Cisco
![](https://i2.wp.com/www.techtalkthai.com/wp-content/uploads/2018/06/DevNet-Zone.jpg?resize=600%2C600&ssl=1)
2.ส่วน Investment Village เป็นส่วนที่ Cisco ได้เชิญบริษัท Startup ที่ตนได้เข้าไปลงทุนมาจัดแสดงนวัตกรรมในงาน (ซึ่งเราจะแยกหัวข้อที่น่าสนใจไว้อีกบทความหนึ่ง)
3.ส่วนของโซลูชันจากพาร์ทเนอร์ต่างๆ ที่เข้ามาจัดแสดงด้วย โดยหลายผลิตภัณฑ์รู้จักกันดีอยู่แล้ว ตัวอย่างเช่น iXia, Gigamon, Veeam, Google Cloud, ExtraHop และอีกหลายสิบบูธ
![](https://i0.wp.com/www.techtalkthai.com/wp-content/uploads/2018/06/Partner-Booth-Cisco-Live-2018-US.jpg?resize=600%2C600&ssl=1)
4.ส่วนโชว์โซลูชัน (เกือบทั้งหมด) ของ Cisco โดยล้อตาม 5 ด้านที่ Chuck Robbins กล่าวถึงในช่วง Keynote นั่นเอง
- Customer Experience ก็ได้นำเอาเทคโนโลยีพวก Team, WebEx, Contact Center, Conference ต่างๆ เทคโนโลยี Cloud-base Pabx จาก Broadsoft ที่ถูก Cisco เข้าควบรวมกิจการมาเมื่อไม่นานนี้ ซึ่งในไทยเราก็มีผู้ให้บริการต่างๆ ใช้งานอยู่เช่นกัน หรือกลุ่มผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ Call Center ซึ่งธนาคารหลายรายในบ้านเราก็ใช้อยู่
![](https://i0.wp.com/www.techtalkthai.com/wp-content/uploads/2018/06/Experiences-Cisco.jpg?resize=600%2C404&ssl=1)
- Multi-Cloud ในส่วนนี้ก็จะรวบรวบโซลูชัน เช่น Hybrid-Cloud ร่วมกับ Azure หรือ Google Cloud ที่ชูโรงจุดเด่นอย่าง Kubernetes
![](https://i1.wp.com/www.techtalkthai.com/wp-content/uploads/2018/06/Multi-Cloud-Solution-Cisco-live-2018.jpg?resize=600%2C320&ssl=1)
- Power of Data ประกอบด้วย Kinetics, Tetration และอื่นๆ
![](https://i2.wp.com/www.techtalkthai.com/wp-content/uploads/2018/06/Cisco-Live-2018-Tetration-data-empowered-600x398.jpg?resize=600%2C398&ssl=1)
- Security ก็มีการจัดแสดงพวก Firepower การทดสอบแข่งขัน Hacking ให้ผู้สนใจมาหาความท้าทายได้
- Reinvent the Network ตรงนี้ก็ได้รวบรวมเทคโนโลยีหลายอย่างไว้มากมายไม่ว่าจะเป็น SD-WAN, SD-Access, Hyper Converged, DNA Center, DNA Assurance และ SDN ฝั่ง Datacenter บน N9k (ACI) และฝั่ง Enterprise ที่เรียกว่า EPIC-EM เป็นต้น
![](https://i1.wp.com/www.techtalkthai.com/wp-content/uploads/2018/06/World-Solution-Reinvent-the-network-cisco-live-2018.jpg?resize=600%2C600&ssl=1)
นอกจากนี้ยังมีโซนที่ผู้สนใจสามารถเข้ามาลงทะเบียนเพื่อติดต่อพูดคุยกับ Engineer ระดับสูงของ Cisco เพื่อคุยด้านเทคนิคกันได้ อย่างไรก็ตามเราสัมผัสได้ถึงบรรยากาศความยิ่งใหญ่ของงาน เราได้พบกลุ่มคน IT ระดับองค์กรของนานาประเทศที่เข้ามาเพื่อเรียนรู้และชมเทคโนโลยีในงาน ทุกคนคุยกันเหมือนไม่มีความแบ่งแยกทางภาษาเพราะคุยภาษาเดียวกันนั่นคือ ‘Technology และ Innovation’ สุดท้ายนั้นหวังว่าถ้ามีโอกาสในปีหน้าเราจะได้ไปเก็บบรรยากาศและกลับมาเล่าเรื่องราวเทคโนโลยีใหม่จาก Cisco มาให้ชมกันอีกครับ แล้วเจอกันใน Cisco Live 2019 ณ ซานดิเอโก้ ประเทศสหรัฐอเมริกาเช่นเคย ต้องขอบคุณ บริษัท Cisco ประเทศไทยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
from:https://www.techtalkthai.com/summary-cisco-live-2018-at-florida-us/