คลังเก็บป้ายกำกับ: Release

หลุดหมดเปลือก!! กำหนดการเปิดตัวและวางจำหน่าย iPhone 6 อย่างไม่เป็นทางการในประเทศญี่ปุ่น

กลับมาอีกครั้งกับกระแสของ iPhone 6 ที่ใกล้วันเปิดตัวเข้ามาทุกทีซึ่งแน่นอนข้อมูลทั้งไม่ได้มาจาก Apple แต่มาจากแหล่งข่าวตามเว็บไซต์ทั่วโลกล่าสุดกับข้อมูลจากเว็บไซต์ iphone13 ในประเทศญี่ปุ่นที่เคยให้ข้อมูลวันเปิดตัว iPhone 5s อย่างถูกต้องมาแล้ว ล่าสุดก็ได้เผยกำหนดการเปิดตัว iPhone 6 มาดังต่อไปนี้

Screen Shot 2557-07-01 at 11.45.07 PM
Screen Shot 2557-07-01 at 11.44.25 PM
Screen Shot 2557-07-01 at 11.44.50 PM

  • 3 กันยายน 2014 : Apple จะเริ่มแจกบัตรเชิญ
  • 9 กันยายน 2014 : Apple เปิดตัว iPhone 6 จอ 4.7 นิ้วอย่างเป็นทางการพร้อมเปิดสั่งจองในกลุ่มประเทศแรก ซึ่งตามเวลาในประเทศญี่ปุ่นคือวันที่ 10 กันยายน
  • 12 กันยายน 2014 : iPhone 6 เริ่มเปิดจองในญี่ปุ่น เวลาประมาณ 16:00 น.เป็นต้นไปกับทาง Softbank,Docomo และ au
  • 19 กันยายน 2014 : iPhone 6 วางจำหน่ายทางการทั้ง Softbank,DoCoMo และ au

แน่นอนว่าวันที่ 19 กันยายนนั้นตามข่าวลือจะบอกตรงกันว่าเป็นวันที่ Apple และบริษัทคู่ค้าหลายแห่งห้ามพนักงานหยุดและลือมาตรงกันว่าจะเป็นวันที่ Apple วางจำหน่าย iPhone 6 อีกด้วย โดยในเว็บยังระบุด้วยว่าราคา iPhone 6 จะแพงกว่า iPhone 5s รุ่นละ 10,000 เยนราว 3,200 บาท ถึงอย่างไรอย่าเพิ่งเชื่อกับข้อมูลนี้มากนักหาก Apple ยังไม่ประกาศทางการ อดใจรอกันว่าจะตรงตามข่าวลือกันมั้ย

ที่มา – iphone13

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=94744

[PR] ทรูมูฟ เอช ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน Convergence

[PR] ทรูมูฟ เอช ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน Convergence

เอาใจคอเพลง เปิดตัวแอพพลิเคชั่น H Music เวอร์ชั่นใหม่ บนระบบปฏิบัติการ iOS 6, 7 และ Android เวอร์ชั่น 4.0 ขึ้นไปโดยมีการปรับโฉมหน้า player ใหม่เพื่อให้ฟังเพลงได้ต่อเนื่อง และเพิ่ม features ต่างๆ พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลายขึ้น โดยเวอร์ชั่นใหม่นี้ยังสามารถ sync ระหว่างเว็บไซต์ http://hmusic.truelife.com และ แอพพลิเคชั่น H Music ได้ด้วย

ความพิเศษของแอพพลิเคชั่น H Music เวอร์ชั่นใหม่ คือ ผู้ใช้สามารถฟังเพลงและจัดการคิวเพลงได้โดยไม่ต้อง log in ซึ่งเป็นการประหยัดเวลา และสามารถสร้าง playlist เพลงโปรดไว้ฟังแบบออฟไลน์นอกจากนี้ยังสามารถแชร์เพลงที่ชื่นชอบได้ง่ายแล้วสะดวกยิ่งขึ้น ผ่าน Facebook, twitter และ myLife อีกด้วย ลูกค้ายังอัพเดตเพลงใหม่และเพลงฮิตก่อนใครได้ง่ายๆผ่านเมนู New Release และ Top Charts

นอกจากนี้ คุณยังจะได้มันส์สุดขีดกับประสบการณ์ดนตรีระดับโลก เพลิดเพลินไปกับการฟังเพลง ดาวน์โหลด หรือ แชร์เพลง จาก Universal Music, AF, The Voice ที่หาไม่ได้จากที่อื่น สิทธิพิเศษสุด

H-Clusive เฉพาะลูกค้า H Music เท่านั้น โหลดแอพพลิเคชั่น H Music ฟรีได้แล้ววันนี้ที่ App Store และ Google Play สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม และสิทธิพิเศษสุด H-Clusive อื่นๆ ได้ทาง www.truelife.com/hmusic

from:http://mobiledista.com/pr-truemove-h-reinforces-leadership-convergence/

[PR] ธนาคารกรุงเทพ ตอกย้ำความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับไมโครซอฟท์

[PR] ธนาคารกรุงเทพ ตอกย้ำความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับไมโครซอฟท์

เมื่อเร็วๆ นี้ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด และ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้ยืนยันที่จะเดินหน้าสานต่อความร่วมมือทางธุรกิจอันแข็งแกร่งและยาวนานกว่า 18 ปี ด้วยการประกาศใช้บริการคลาวด์ของไมโครซอฟท์ทั้งโปรแกรมเครือข่ายสังคมสำหรับองค์กร  อย่าง แยมเมอร์ (Yammer) และโปรแกรมออฟฟิศ 365 (Office 365) ในโครงการสำคัญต่างๆ ของธนาคาร รวมทั้งการใช้อุปกรณ์วินโดวส์ 8 เพื่อให้บริการในสาขาต่างๆ ของธนาคารอีกด้วย

ในฐานะลูกค้าที่ยาวนานมาตั้งแต่ปี 2538 ธนาคารกรุงเทพได้ให้ความไว้วางใจเลือกใช้หลากหลายเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์ในการดำเนินการระบบที่สำคัญๆ ของธนาคาร ไม่ว่าจะเป็น วินโดวส์ (Windows) ออฟฟิศ (Office)  เอ็กซ์เชนจ์ (Exchange) แชร์พ้อยท์ (SharePoint) และ เอสคิวแอล (SQL) โดยนายวีระศักดิ์ สุตัณฑวิบูลย์ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้รับผิดชอบสายลูกค้าธุรกิจรายกลางธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ไมโครซอฟท์เป็นพันธมิตรที่สนับสนุนเราในหลายๆ ด้าน รวมทั้งการฝึกอบรมและงานด้านการให้การสนับสนุน”

“เราได้เริ่มติดตั้งระบบเพื่อนำผลิตภัณฑ์และบริการคลาวด์ของไมโครซอฟท์มาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น ไมโครซอฟท์ ลิงค์ (Microsoft Lync) ซึ่งเป็นระบบประชุมทางไกลผ่านวิดีโอที่อยู่ในโปรแกรมออฟฟิศ 365 ซึ่งช่วยให้การติดต่อสื่อสารกับสาขาและพนักงานของเราในต่างประเทศเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกมาก”นายวีระศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติม

นอกจากนี้ธนาคารกรุงเทพยังได้เริ่มใช้แยมเมอร์ (Yammer) ซึ่งเป็นบริการเครือข่ายสังคมสำหรับองค์กร ที่ช่วยให้พนักงานสามารถสื่อสารและทำงานร่วมกันได้จากสถานที่ต่างๆ ในสภาพแวดล้อมที่ควบควมคุมได้และมีความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งปัจจุบันกว่าร้อยละ 85 ของบริษัทชั้นนำ 500 ราย ที่ได้รับการจัดอันดับโดยนิตยสารฟอร์จูนต่างเลือกใช้แยมเมอร์เป็นเครื่องมือสื่อสารภายในองค์กร

[PR] ธนาคารกรุงเทพ ตอกย้ำความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับไมโครซอฟท์

เลือกใช้งานอุปกรณ์และบริการต่างๆ ของไมโครซอฟท์ในสาขาของธนาคาร

มร. ฌอง ฟิลิป เคอร์ทัวส์ ประธานไมโครซอฟท์ อินเตอร์เนชั่นนัล ได้กล่าวถึงการปรับตัวครั้งใหญ่ของไมโครซอฟท์จากการเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์มาเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์และผู้ให้บริการ ระหว่างการมาเยือนประเทศไทยเมื่อเร็วๆ นี้ ว่า “จุดมุ่งหมายของการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ คือ ไมโครซอฟท์พร้อมที่จะมอบอุปกรณ์ที่ทำงานร่วมกับบริการต่างๆ โดยเฉพาะบริการบนคลาวด์ ซึ่งมุ่งอำนวยความสะดวกและปลอดภัยสูงสุดให้กับผู้ใช้บริการ ทั้งลูกค้าส่วนบุคคลและภาคธุรกิจ เพื่อที่พวกเขาจะสามารถทำสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาได้  เราเห็นแรงกระตุ้นในภาคธุรกิจในการที่บริษัทต่างๆ หันมาใช้คลาวด์ และประเทศไทยเองก็มีความพร้อมอย่างมาก เรามีความยินดีที่องค์กรชั้นนำของไทยอย่างธนาคารกรุงเทพมองเห็นศักยภาพของคลาวด์”

จากการคาดการณ์ในปีนี้ พบว่าตลาดคลาวด์ในประเทศไทยจะเติบโตขึ้นถึงร้อยละ 22จากมูลค่า 1.9 พันล้านบาท เป็น 2.3 พันล้านบาท และภายในปี 2559 โครงการใหญ่ๆ ของบริษัทชั้นนำทั่วโลกจะหันมาใช้คลาวด์เป็นอันดับแรก

ธนาคารกรุงเทพ เป็นพันธมิตรที่ร่วมสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงของไมโครซอฟท์ในครั้งนี้ โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ธนาคารฯ ได้ประกาศใช้งานแท็บเลตวินโดวส์ 8 และเซอร์เฟซ ในสาขาต่างๆ  ของธนาคาร นายวีระศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “อุปกรณ์วินโดวส์ 8 อย่างแท็บเลตใช้งานง่าย สะดวก และมีประสิทธิภาพดีเยี่ยม เรากำลังเตรียมติดตั้งอุปกรณ์เหล่านี้ในสาขาต่างๆ  ของเรา เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ช่วยให้เรามีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้สะดวกและง่ายดาย ลูกค้าสามารถถือและสัมผัสอุปกรณ์เหล่านี้และเมื่อรวมเข้ากับการให้บริการบนแอพพลิเคชั่นของธนาคารฯ ที่อยู่ในวินโดวส์ และวินโดวส์โฟน สิ่งเหล่านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการกับลูกค้าของเรา”

from:http://mobiledista.com/pr-bank-bangkok-reinforces-the-long-standing-relationship-with-microsoft/

[PR] เอชพี เผยโฉมเวิร์คสเตชั่น อัลตราบุ๊ค เครื่องแรกของโลก

[PR] เอชพี เผยโฉมเวิร์คสเตชั่น อัลตราบุ๊ค เครื่องแรกของโลก

เอชพี นำโดย มร.อาร์แมนโด  ปาสกาล (ที่สองจากขวา) ผู้อำนวยการ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไต้หวัน และฮ่องกง  กลุ่มธุรกิจการพิมพ์และคอมพิวเตอร์ บริษัท ฮิวเลตต์-แพ็คการ์ด ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และญี่ปุ่น, คุณปวิณ วรพฤกษ์ (ที่สองจากซ้าย) ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจการพิมพ์และคอมพิวเตอร์ บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด, คุณอรรฆพล  เหลืองระฆัง (ขวาสุด) ผู้จัดการพัฒนาการตลาด ผลิตภัณฑ์เวิร์คสเตชั่นและเดสก์ท็อปโซลูชั่น กลุ่มธุรกิจการพิมพ์และคอมพิวเตอร์ บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด และคุณศุภลักษณ์ สัปตตั้งตระกูล  (ซ้ายสุด) ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็คทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานแถลงข่าว “HP Workstation Solutions World” ประกาศขยายพอร์ตโฟลิโอของกลุ่มผลิตภัณฑ์ ซี เวิร์คสเตชั่น และ ซี ดิสเพลย์ และเปิดตัวผลิตภัณฑ์ HP ZBook 14 (เอชพี ซีบุ๊ค 14) เวิร์คสเตชั่นอัลตราบุ๊คTMเครื่องแรกของโลก รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์เวิร์คสเตชั่นรุ่นแรกที่มาพร้อมเทคโนโลยี Thunderbolt (ธันเดอร์โบลต์) จากอินเทล สำหรับการถ่ายโอนข้อมูลด้วยความเร็วสูงแบบไฮสปีด

ผลิตภัณฑ์ในพอร์ตโฟลิโอใหม่นี้ ประกอบไปด้วย HP ZBook Mobile Workstations (เอชพี ซีบุ๊ค โมบาย เวิร์คสเตชั่น) จำนวน 3 รุ่น HP Z Desktop Workstations (เอชพี ซี เดสก์ท็อป เวิร์คสเตชั่น) ซึ่งมีรางวัลการันตีและมาพร้อมชิปประมวลผลและจอแสดงผลใหม่ และ HP Z Displays (เอชพี ซี ดิสเพลย์) จำนวน 2 รุ่น

ผลิตภัณฑ์ตระกูล HP Z (เอชพี ซี) ได้รับการออกแบบมาให้ตอบรับความต้องการสูงสุดของลูกค้าสำหรับการปฏิบัติงานที่มีความสำคัญระดับ mission-critical ซึ่งต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมและสามารถไว้ใจได้ ผลิตภัณฑ์เวิร์คสเตชั่นรุ่นแรกที่ผนวกเอาเทคโนโลยี Thunderbolt ของอินเทล เช่น HP Z Mobile (เอชพี ซี โมบาย) บางรุ่น และเดสก์ท็อป เวิร์คสเตชั่น สามารถถ่ายโอนข้อมูลด้วยความเร็วสูงระหว่างเครื่องซีเวิร์คสเตชั่น เครื่องดิสเพลย์ และเครื่องคอมพิวเตอร์ใกล้เคียง ทำให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มอบการเชื่อมต่อI/O ที่รวดเร็วและเอนกประสงค์ที่สุดในปัจจุบันนี้

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม HP Z นี้ ได้รับการออกแบบ ทดสอบ และรับรองคุณภาพแล้วว่าเหมาะสำหรับงานด้านวิศวกรรม งานด้านการออกแบบที่ใช้โปรแกรม CAD งานสถาปัตยกรรม งานออกแบบทั่วไป งานผลิตอนิเมชั่น ภาพยนตร์ งานด้านการศึกษา งานภาครัฐ และอุตสาหกรรมเพื่อสุขภาพ

มร. อาร์แมนโด ปาสกาล ผู้อำนวยการ กลุ่มธุรกิจการพิมพ์และคอมพิวเตอร์  เอชพี ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไต้หวัน และฮ่องกง กล่าวว่า “ลูกค้าระดับมืออาชีพอาศัยพึ่งพาพาร์ทเนอร์ที่เชื่อใจได้ในการนำเสนอเทคโนโลยีโซลูชั่นที่ผ่านการทดสอบและรับรองประสิทธิภาพแล้ว เพื่อให้รองรับแอพพลิเคชั่นที่มีความสำคัญระดับ mission-critical ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ภายใต้กลุ่ม HP Z ได้รับการการันตีด้านคุณภาพสูงสุด อีกทั้งการขยายพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์เวิร์คสเตชั่นแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเอชพีที่มีต่อตลาดผู้ใช้งานระดับมืออาชีพ ซึ่งถูกมองข้ามจากผู้ผลิตรายอื่นๆ ในตลาด”

[PR] เอชพี เผยโฉมเวิร์คสเตชั่น อัลตราบุ๊ค เครื่องแรกของโลก

เอชพี นำเสนอ โมบาย เวิร์คสเตชั่น เครื่องแรกของโลก

เอชพีได้พัฒนา โมบาย เวิร์คสเตชั่น ขึ้น โดยผนึกรวมดีเอ็นเอของ HP Z ซึ่งเป็นที่รู้จักในหมู่ลูกค้าทั่วโลก ผลิตภัณฑ์ HP ZBook Mobile Workstation (เอชพี ซีบุ๊ค โมบาย เวิร์คสเตชั่น) รุ่นใหม่นี้ มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่บางและเบาขึ้น ผลิตภัณฑ์ในตระกูล HP ZBook ครอบคลุมไปถึง HP ZBook 14 ซึ่งเป็น   เวิร์คสเตชั่น อัลตราบุ๊ค เครื่องแรกของโลก รวมถึง HP ZBook 15 และ HP ZBook 17

ผลิตภัณฑ์ HP ZBook Mobile Workstation โดดเด่นด้วยทางเลือกของชิปประมวลผลจากอินเทล Intel Haswell dual-core และ quad-core processor   เจเนอเรชั่นที่ 4(4) และเทคโนโลยีกราฟฟิกล้ำสมัยจาก NVIDIA และ AMD รวมถึงเทคโนโลยีกราฟฟิกมืออาชีพระบบเคปลาร์ (Keplar) จาก NVIDIA และคุณสมบัติ tool-free chassis ซึ่งเอื้ออำนวยต่อการอัพเกรดและการซ่อมบำรุง

ผลิตภัณฑ์ HP ZBook 14 ตอบสนองลูกค้าที่ประสงค์จะใช้งานแบบสะดวกด้วยระบบสัมผัส ด้วยออปชั่นแผงควบคุมระบบสัมผัส ผลิตภัณฑ์ HP ZBook 15 มีระบบแสดงผลความละเอียดสูง QHD+ 3,200 x 1,800 สำหรับผู้ที่ต้องการการแสดงผลรูปภาพที่ให้ความคมชัดสูง ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ HP ZBook 15 และ HP ZBook 17 มาพร้อมกับเทคโนโลยีพอร์ท Thunderbolt และอุปกรณ์เสริม DreamColor Display panel ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำและความสม่ำเสมอของเม็ดสีในงานพิมพ์และการแสดงผลบนหน้าจอขนาดใหญ่

ผลิตภัณฑ์ HP Z Workstation เปี่ยมประสิทธิภาพด้วย Ivy Bridge และ Thunderbolt

ผลิตภัณฑ์ HP Z420, Z620 และ Z820 Workstation ได้รับการปรับปรุงให้มีพลังขับเคลื่อนมากยิ่งขึ้นด้วยชิปประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุดจากอินเทลตระกูล Intel Xeon®(4) E5-1600v2 และ E5-2600v2 processor หรือในอีกชื่อหนึ่งคือ Ivy Bridge รวมไปถึงหน่วยความจำใหม่ที่ปฏิบัติงานได้รวดเร็วขึ้น 16 เปอร์เซ็นต์ และพอร์ท Thunderbolt เจเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพการใช้งานในด้านการออกแบบ ด้วยการส่ง-รับข้อมูลที่มีความรวดเร็วกว่าระบบคลื่นความถี่หรือแบนด์วิธของ USB 3.0 ถึง 4 เท่า อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมได้หลายชิ้นในเวลาเดียวกัน ผ่านเพียงพอร์ท Thunderbolt ที่กระทัดรัดเพียงพอร์ทเดียว

ผลิตภัณฑ์ HP Z820 Workstation แบบ dual-socket มอบประสิทธิภาพการทำงานอันยอดเยี่ยม พร้อมการันตีด้านรูปลักษณ์ด้วยรางวัลด้านดีไซน์ อีกทั้งยังมีแชสซี (chassis) ที่เอื้อต่อการซ่อมบำรุงโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ HP Z820 มีหน่วยประมวลผลมากถึง 24 คอร์ จุข้อมูลได้มากถึง 512 กิกะไบต์ในหน่วยความจำ ECC memory(5) มีสตอเรจที่สามารถบันทึกข้อมูลด้วยความเร็วสูงได้มากถึง 15 เทราไบต์(6) และเก็บบันทึกข้อมูลกราฟฟิก NVIDIA K6000 ได้ 2 ชุด

[PR] เอชพี เผยโฉมเวิร์คสเตชั่น อัลตราบุ๊ค เครื่องแรกของโลก

ผลิตภัณฑ์ HP Z620 Workstation คือเวิร์คสเตชั่นที่มีความอเนกประสงค์สูงสุดเครื่องหนึ่งของเอชพี ซึ่งสามารถปฏิบัติงานและแสดงผลด้วยภาพได้อย่างทรงประสิทธิภาพ มีหน่วยประมวลผลมากถึง 24 คอร์ จุข้อมูลได้มากถึง 192 กิกะไบต์ในหน่วยความจำ ECC memory มีสตอเรจที่สามารถบันทึกข้อมูลด้วยความเร็วสูงได้มากถึง 12 เทราไบต์ และเก็บบันทึกข้อมูลกราฟฟิก NVIDIA K6000 หรือ NVIDIA K5000 ระบบคู่ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผลทางกราฟฟิกที่มีความเร็วสูงได้เป็นอย่างดี

ผลิตภัณฑ์เวิร์คสเตชั่นของเอชพีที่ได้รับความนิยมที่สุด ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ HP Z420 Workstation ซึ่งมีหน่วยประมวลผลได้มากสุดถึง 8 คอร์ ใช้ชิปประมวลผลรุ่นล่าสุดของอินเทล Intel Xeon processor E5-1600 v2 และ E5-2600 v2 โดยจุข้อมูลได้มากถึง 64 กิกะไบต์ในหน่วยความจำ ECC memory มีสตอเรจที่สามารถบันทึกข้อมูลด้วยความเร็วสูงได้มากถึง 12 เทราไบต์ และเก็บบันทึกข้อมูลกราฟฟิกผ่าน NVIDIA Quadro K6000 หรือ AMD W7000 หรือ dual NVIDIA K2000 โดยผลิตภัณฑ์ HP Z420 รุ่นใหม่นี้ ได้รับการยกระดับให้มอบประสิทธิภาพการทำงาน รวมถึงรูปลักษณ์หรือฟอร์มแฟคเตอร์แบบมินิทาวเวอร์ ที่ปรับขยายได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ใดๆ ในราคาที่น่าจับจอง

ผลิตภัณฑ์ HP Z Display แสดงภาพคมชัดและแม่นยำ

ผลิตภัณฑ์ HP Z27i IPS Display (เอชพี ซี 27 ไอ ไอพีเอส ดิสเพลย์) และ HP Z30i IPS Display (เอชพี ซี 30 ไอ ไอพีเอส ดิสเพลย์) ใหม่ เป็นรุ่นที่เพิ่มเติมขึ้นจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ดิสเพลย์ระดับมืออาชีพของเอชพี เหมาะสำหรับผู้ใช้งานซึ่งเป็นนักออกแบบ ผู้เขียนคอนเทนท์ และนักวิเคราะห์ข้อมูลที่ทำงานกับภาพที่จำเป็นต้องมีความคมชัดและแม่นยำสูงสุด รวมถึงความสามารถในการดัดแปลงข้อมูลภาพเหล่านั้นเพื่อการนำไปใช้กับงานที่มีความสำคัญระดับ mission-critical ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้

ผลิตภัณฑ์ HP Z27i และ HP Z30i แสดงภาพได้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์(3) ตามระบบช่องสี sRGB อันเป็นมาตรฐานช่องสีสำหรับเว็บไซต์ และยังใช้กันในวงกว้างในแวดวงวิศวกรรม ครีเอทีฟ และการใช้งานแอพพลิเคชั่นระดับมืออาชีพ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ HP Z30i ยังแสดงภาพได้เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ตามระบบช่องสีของ Adobe® RGB ซึ่งใช้ในงานภาพถ่าย และดิจิตอล พรีเพรส เวิร์คโฟล์ อีกด้วย

[PR] เอชพี เผยโฉมเวิร์คสเตชั่น อัลตราบุ๊ค เครื่องแรกของโลก

ผลิตภัณฑ์ HP Z Displays มาพร้อมระบบ IPS Gen 2 panel ใหม่ ที่ติดตั้งเพิ่มเข้ามา ซึ่งช่วยให้ประหยัดพลังงานได้มากกว่าระบบ IPS รุ่นแรกของเอชพีถึง 37 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังคงสามารถแสดงผลของสีได้อย่างแม่นยำทุกมุมมอง ผลิตภัณฑ์ HP Z Displays ได้รับการการันตีคุณภาพด้วย ENERGY STAR® และ EPEAT® Gold โดยผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 รุ่นมีขาตั้งที่สามารถปรับทิศทางได้ 4 ทิศ รวมถึงระบบปลดล็อค HP QR2 quick release ที่สะดวกสบาย อีกทั้งยังได้รับการรับรองจาก TCO อีกด้วย นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดพื้นที่บนโต๊ะทำงานยังสามารถเลือกใช้อุปกรณ์เสริม HP Thin Client Mount Kit ซึ่งพร้อมรองรับทั้งผลิตภัณฑ์ HP Z27i และ HP Z30i โดยผู้ใช้งานสามารถติดตั้งเดสท็อปของ HP Thin Client หรือ Ultra Slim ไว้ที่ด้านหลังของเครื่องดิสเพลย์ได้อย่างสะดวกและมั่นคง

ราคาและการจัดจำหน่าย(7)

  • ผลิตภัณฑ์ HP ZBook Mobile Workstation 14, 15 และ 17 วางจำหน่ายแล้ววันนี้ โดยราคาเริ่มต้นที่ 49,900 บาท 59,900 บาท และ 69,900 บาท (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) ตามลำดับ
  • ผลิตภัณฑ์ HP Z420, Z620 และ Z820 Workstation รุ่นใหม่ จะวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วโลกในเดือนตุลาคมนี้ โดยราคาเริ่มต้นที่ 47,700 บาท 79,900 บาท และ 89,900 บาท (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) ตามลำดับ
  • ผลิตภัณฑ์ HP Z27i IPS Display จะวางจำหน่ายในเดือนตุลาคมเช่นกัน โดยราคาเริ่มต้นที่ 38,500 บาท (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) และผลิตภัณฑ์ HPZ30i IPS Display วางจำหน่ายแล้ววันนี้ โดยราคาเริ่มต้นที่ 63,800 บาท (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%) และอุปกรณ์เสริม HP Thin Client Mount Kit วางจำหน่ายแล้วที่ราคา 1,090 บาท (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%)

from:http://mobiledista.com/pr-hp-unveils-workstation-laptop-ultrasound-machine-in-the-world/

[PR] เอชพี ขยายกำลังผลิต เปิดโรงงานผลิตหมึกพิมพ์แห่งใหม่ในอิสราเอล

[PR] เอชพี ขยายกำลังผลิต เปิดโรงงานผลิตหมึกพิมพ์แห่งใหม่ในอิสราเอล

เอชพีเปิดตัวโรงงานผลิตหมึกพิมพ์สำหรับเครื่องพิมพ์HP Scitex (เอชพี ไซน์เท็กซ์) แห่งใหม่ ขนาด 3,000ตารางเมตร ในประเทศอิสราเอล ซึ่งจะทำหน้าที่ผลิตหมึกพิมพ์HP Scitex UVinks (เอชพี ไซน์เท็กซ์ ยูวีอิงค์) สำหรับเครื่องพิมพ์HP Scitex FB10000 Industrial Press (เอชพี ไซน์เท็กซ์ เอฟ บี 10000 อินดัสเทรียล เพรส) ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

การขยายฐานการผลิตในครั้งนี้ ถือเป็นการเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของเอชพี ในการส่งเสริมผู้ให้บริการด้านการพิมพ์ (print service providers – PSP) ในการเปลี่ยนผ่านของนวัตกรรมการพิมพ์จากระบบอนาล็อกไปสู่ระบบดิจิตอล โดยโรงงานผลิตหมึกพิมพ์แห่งใหม่นี้มีความเพียบพร้อมในด้านกระบวนการผลิตที่ทันสมัย ทั้งระบบการผลิตอัตโนมัติ ซึ่งทำให้สามารถควบคุมคุณภาพสีของงานพิมพ์ทุกงานได้อย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงการจับคู่สีหมึกที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีห้องแล็ปสำหรับทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ HP Scitexเพื่อการต่อยอดทางนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์ของเอชพี ที่จะมุ่งพัฒนากระบวนการผลิต และดูแลด้านการรับประกันคุณภาพของผลิตภัณฑ์

โรงงานผลิตหมึกพิมพ์แห่งใหม่นี้ โดดเด่นด้วยคุณสมบัติด้านความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม โดยได้รับการก่อสร้างขึ้นด้วยวิถีการพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืน มีระบบการประหยัดน้ำและการบริหารพลังงานที่มีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการเลือกใช้วัสดุในการก่อสร้างและการคำนึงถึงคุณภาพของสภาวะแวดล้อมภายในอาคาร โดยตั้งอยู่ถัดจากโรงงานผลิตหมึกพิมพ์สำหรับเครื่องพิมพ์HP Indigo (เอชพี อินดิโก้) ซึ่งโรงงานทั้งสองแห่งนี้ถือเป็นโรงงานสองแห่งแรกของเอชพีและในประเทศอิสราเอล ที่สร้างขึ้นตามมาตรฐานการออกแบบซึ่งคำนึงถึงพลังงานและสิ่งแวดล้อม หรือ ลีด (Leadership in Energy and Environmental Design – LEED)อันเป็นมาตรฐานการออกแบบระดับโลกเพื่อการก่อสร้างอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนอกจากนี้โรงงานทั้งสองแห่งของเอชพี ยังได้รับการรับรองจากองค์การมาตรฐานสากล 14001 (ISO 14001) ซึ่งแสดงถึงความใส่ใจของเอชพีในการตรวจวัดผลกระทบที่บริษัทฯ อาจพึงกระทำต่อสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาสภาวะแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น

มร. มาร์ติน คาร์บัลโล ผู้อำนวยการและผู้จัดการทั่วไป ผลิตภัณฑ์ HP Sign and Display หน่วยธุรกิจ Graphics Solutions Business เอชพี เอเชียแปซิฟิก และญี่ปุ่น กล่าวว่า “เพื่อความก้าวหน้าทางธุรกิจ ผู้ใช้เครื่องพิมพ์HP Scitexต่างต้องการผลิตภัณฑ์และหมึกพิมพ์ที่ให้ผลลัพธ์ทางการพิมพ์ที่มีความสม่ำเสมอและคุณภาพสูง โรงงานผลิตหมึกพิมพ์สำหรับเครื่องพิมพ์HP Scitexแห่งใหม่นี้ จะทำให้เราสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เพิ่มขึ้นต่อหมึกพิมพ์เอชพี ไซน์เท็กซ์แบบกันแสงยูวี รวมถึงการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย”

หมึกพิมพ์รุ่น HP HDR240 Scitexinks (เอชพี เอชดีอาร์ 240 ไซน์เท็กซ์อิงค์)คือหมึกพิมพ์รุ่นที่ได้รับการผลิต ณ โรงงานแห่งใหม่นี้ โดยเป็นหมึกพิมพ์สำหรับเครื่องพิมพ์ HP Scitex FB10000 Industrial Press (เอชพี ไซน์เท็กซ์ เอฟ บี 10000 อินดัสเทรียล เพรส) ซึ่งพัฒนาจากเทคโนโลยีการพิมพ์ประสิทธิภาพล้ำของHP Scitexหรือ HP Scitex High Dynamic Range Printing Technology เพื่อการพิมพ์คุณภาพสูง และความสามารถในการผลิตระดับอุตสาหกรรม ทั้งนี้ได้มีการติดตั้งเครื่องพิมพ์ดังกล่าวจำนวนหนึ่งในโรงงานของกลุ่มธุรกิจผู้ใช้ผลิตภัณฑ์เอชพี ในสหรัฐอเมริกาและทวีปยุโรปแล้ว สำหรับในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้มีบริษัท แอคทีฟ ดิสเพลย์ กรุ๊ป(Active Display Group) สัญชาติออสเตรเลีย เตรียมติดตั้งเครื่องพิมพ์ HP Scitex FB10000 Industrial Pressเป็นรายแรกเมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อพร้อมใช้งานอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่จะถึงนี้

โรงงานผลิตหมึกพิมพ์แห่งใหม่นี้ ได้รับการสร้างขึ้นแทนที่โรงงานที่มีอยู่เดิมในเมืองแอชเคลอน ประเทศอิสราเอล และสร้างขึ้นใกล้กับโรงงานอีกแห่งของเอชพีในเมืองเคอยัท กัท โดยโรงงานแห่งใหม่ดังกล่าวจะทำหน้าที่ควบคู่ไปกับโรงงานผลิตหมึกพิมพ์สำหรับเครื่องพิมพ์HP Scitex ที่ประเทศปอร์โตริโก้ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตหมึกพิมพ์สำหรับเครื่องพิมพ์HP Scitex เพื่อจัดจำหน่ายให้กับผู้ใช้เครื่องพิมพ์ HP Scitexที่มีอยู่ทั่วโลก

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชั่นด้าน Sign and Display ของเอชพี สามารถเข้าชมได้ที่hp.com/go/scitexยูทูปของ HP Graphic Arts ที่youtube.com/HPGraphicArtsหรือทวิตเตอร์ของ HP Graphic Arts ที่twitter.com/hpgraphicarts

from:http://mobiledista.com/pr-hp-expanded-capacity-open-the-new-ink-manufacturing-plant-in-israel/

[PR] อีก 6 เดือนไมโครซอฟท์จะยุติการให้บริการ Windows® XP

[PR] อีก 6 เดือนไมโครซอฟท์จะยุติการให้บริการ Windows® XP

วันนี้ไมโครซอฟท์แจ้งให้ธุรกิจและผู้บริโภคทั่วไปในประเทศไทยที่มีคอมพิวเตอร์ที่ยังใช้ระบบปฏิบัติการ  Windows XP ทราบว่า ไมโครซอฟท์จะหยุดการสนับสนุนและการให้บริการ ระบบปฏิบัติการ  Windows XP อย่างเป็นทางการในอีกหกเดือนข้างหน้า หรือในวันที่ 8 เมษายน 2557นั่นเอง แม้ว่าจะเหลือเวลาอีกแค่ครึ่งปีเท่านั้นแต่คอมพิวเตอร์จำนวน 3 ใน 10 เครื่องที่ใช้อยู่ในประเทศไทยยังคงใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP อยู่ ซึ่งWindows XP เป็นระบบปฏิบัติการที่มีอายุ 11 ปีแล้วซึ่งจะไม่สามารถรับมือกับการโจมตีที่ซับซ้อนผ่านระบบไซเบอร์ได้ รวมทั้งยังไม่สามารถสนองตอบต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้น ทั้งในแง่การปกป้องข้อมูลส่วนตัว และการเพิ่มประสิทธิผลอีกด้วย

ตัวเลขจาก StatCounterประจำเดือนกันยายน 2556 ระบุว่าประเทศไทยคือหนึ่งในประเทศที่มีผู้ใช้ Windows XP สูงสุดในแถบเอเชียแปซิฟิก[i] โดยมีคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการWindows XP อยู่ราวร้อยละ 28 คิดเป็นจำนวนคอมพิวเตอร์ที่มีมากถึง 5.7 ล้านเครื่อง ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าประชากรทั้งหมดของสิงคโปร์เสียอีก[ii]แต่ข่าวดีคือ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2556 เป็นต้นมา มีผู้บริโภคและธุรกิจในประเทศไทย ได้เริ่มอัพเกรดไปเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ โดยร้อยละ 57 ของคอมพิวเตอร์ มีการอัพเกรดเป็น Windows® 7 และ Windows® 8 แล้ว

ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2557 เป็นต้นไป ไมโครซอฟท์จะหยุด อัพเดทระบบรักษาความปลอดภัย การซ่อมแซมระบบที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัย หยุดให้บริการด้านเทคนิคทางโทรศัพท์และจะไม่มีการอัพเดทข้อมูลด้านเทคนิคผ่านระบบออนไลน์สำหรับ Windows XP อีกต่อไป นั่นแปลว่าผู้ใช้จะไม่ได้รับอัพเดทต่างๆ ที่จะสามารถช่วยปกป้องคอมพิวเตอร์จากไวรัสอันตราย สปายแวร์ และซอฟต์แวร์ประสงค์ร้ายอื่นๆ และผลที่ตามมาก็คือระบบอาจหยุดทำงานหรือปัญหาซอฟต์แวร์ที่ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้

นายรชฏ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจและการตลาดวินโดวส์ และ เซอร์เฟซ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า“แม้ผู้คนไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง แต่ผู้บริโภคและธุรกิจต่างๆ จำเป็นต้องหันมาใช้ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่กว่าอย่าง Windows 7 หรือWindows 8เพื่ออัพเกรดให้ดีไวซ์ของตนทันสมัยมากขึ้น รวมทั้งเสริมสร้างความปลอดภัยเพื่อป้องกันการโจมตีผ่านระบบไซเบอร์และปัญหาข้อมูลสูญหายด้วยโดยปกติแล้ว ธุรกิจขนาดเล็กมักใช้เวลาประมาณสามถึงหกเดือนในการอัพเกรดระบบ ส่วนธุรกิจขนาดกลางต้องใช้เวลานานกว่าหกเดือน เราจึงมีความกังวลว่าบริษัทต่างๆในประเทศไทยอาจตัดสินใจอัพเกรดในเวลากระชั้นชิดใกล้กับวันสิ้นสุดการให้บริการมากจนเกินไป ไมโครซอฟท์มีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือบริษัทต่างๆในไทยให้สามารถอัพเกรดระบบได้อย่างราบรื่นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

[PR] อีก 6 เดือนไมโครซอฟท์จะยุติการให้บริการ Windows® XP

โรงพิมพ์“ฟาสต์บุ๊คส์” ตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้ Windows 8

การอัพเกรดจาก WindowsXP ไปเป็น Windows 7 และ Windows 8ได้ช่วยส่งผลประโยชน์ในแง่ต่างๆ แก่บริษัทในประเทศไทย รวมถึงบริษัทจรัลสนิทวงศ์ การพิมพ์ จำกัดหรือที่รู้จักกันในนาม “ฟาสต์บุ๊คส์” นำโดย นาย เทอดทูล  ไชยเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ ได้อธิบายถึงการตัดสินใจอัพเกรดครั้งนี้ว่า

“ฟาสต์บุ๊คส์ ในฐานะโรงพิมพ์ที่รับพิมพ์หนังสือด้วยเครื่องพิมพ์ระบบดิจิตอล ได้ริเริ่มแนวทางใหม่สำหรับการพิมพ์หนังสือตลอดระยะเวลากว่า 9 ปีตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง เมื่อธุรกิจเติบโตขึ้น ความต้องการทางธุรกิจของเราก็เพิ่มขึ้นด้วย จึงจำเป็นมากที่ซอฟต์แวร์และโปรแกรมที่เราใช้ต้องได้รับการอัพเกรดเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งเราพบว่า ระบบปฏิบัติการ Windows XP นั้น ไม่เอื้อต่อการอัพเกรดโปรแกรมดีไซน์และซอฟต์แวร์อื่นๆ ที่ใช้และไม่สามารถตอบสนองความต้องการในการใช้งานด้านไอทีได้อย่างเต็มที่อีกต่อไป นอกจากนี้แม้บริษัทฯ เราจะเป็นเพียงเอสเอ็มอี แต่เราให้ความสำคัญกับการใช้ซอฟต์แวร์ที่ถูกลิขสิทธ์เพื่อช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า จึงเป็นเหตุผลให้บริษัทฯ ตัดสินใจอัพเกรดมาใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 8 เพราะสามารถใช้งานได้ง่ายแบบอินเทอร์แอ็คทีฟ มีระบบการจัดการและการรักษาความปลอดภัยที่ดี ผสมผสานกันอย่างลงตัว ซึ่งเมื่อเทียบกับการเชื่อมต่อการทำงานที่ช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ถือว่าคุ้มค่าเงินที่ลงทุนไปมากซึ่งที่ผ่านมาระบบปฏิบัติการ Windows XP ช่วยเสริมรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับธุรกิจของผม แต่หลังจากเปลี่ยนมาใช้ Windows 8 ทำให้เรามั่นใจว่า  Windows 8 มีฟีเจอร์และความสามารถต่างๆ ที่จะทำให้บริษัทฯ เราแข็งแกร่งมากขึ้นครับ”

นอกจากนี้ธุรกิจและผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปใช้ระบบปฏิบัติการใหม่ของไมโครซอฟท์ หรือ Windows 8 จะได้รับประโยชน์เพิ่มเติมด้วย เพราะ Windows 8 มาพร้อมกับ วินโดวส์ ดีเฟนเดอร์ (Windows Defender) หรือโปรแกรมป้องกันไวรัสและรักษาความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ตแบบฟรีตลอดชีพ ซึ่งสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาที่จะต้องจัดการปัญหาไวรัสอีกด้วย

นักวิเคราะห์เร่งเตือนให้องค์กรธุรกิจอัพเกรดระบบปฏิบัติการโดยทันที

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานักวิเคราะห์ในแวดวงต่างแนะนำให้ธุรกิจต่างๆเลิกใช้ Windows XP มาโดยตลอด และในตอนนี้เมื่อเหลือเวลาแค่หกเดือนเท่านั้นที่ไมโครซอฟท์จะยุติการให้บริการ Windows XP เหล่านักวิเคราะห์ด้านไอทีจึงพยายามให้ความรู้เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนตระหนักถึงปัญหาเร่งด่วนของเรื่องนี้

“เวลาสิ้นสุดใกล้มาถึงแล้ว” นายฮานโดโกะแอนดี ผู้จัดการClient Devices Research ของบริษัทไอดีซีเอเชีย-แปซิฟิกกล่าว “หากต้องการสร้างความมั่นใจว่าคอมพิวเตอร์ของคุณจะยังคงได้รับการบริการสนับสนุนและทำงานได้อย่างปลอดภัยแล้ว ผู้บริโภคและธุรกิจต่างๆจำเป็นต้องอัพเกรดไปใช้ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ในทันที เนื่องจากการให้บริการ Windows XP จะยุติในเวลาอีกแค่หกเดือนเท่านั้น”

ไมโครซอฟท์ออกมากระตุ้นให้ธุรกิจและผู้บริโภคที่ยังใช้คอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows XP อัพเกรดไปเป็น Windows 7 หรือ Windows 8 ในทันที รายงานจากMicrosoft’s Security Intelligence Reportฉบับที่ 14ซึ่งเผยแพร่เมื่อเดือนเมษายน 2556 ระบุว่า Windows XP ที่ติดตั้ง Service Pack 3มีความเสี่ยงมากกว่า Windows 8 RTM ถึง 56.5 เท่า[iii]

โดยลูกค้าสามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ Windows Upgrade Centreเพื่อศึกษาหาความรู้จากนักวิเคราะห์รวมถึงเรื่องราวการอัพเกรด WindowsXP ของลูกค้า รวมทั้งข้อเสนอพิเศษล่าสุดจากเหล่าพันธมิตรของไมโครซอฟท์อีกด้วย

from:http://mobiledista.com/pr-again-6-months-microsoft-will-terminate-the-windows-xp/

มาแล้ว!! ตารางเวลาที่ Apple จะปล่อยอัพเดท iOS 7 ตัวเต็มทั้งประเทศไทยและทั่วโลก (ชมภาพ)

มาแล้วตารางเวลาที่ Apple จะปล่อยอัพเดท iOS 7 ตัวเต็มทั่วโลก โดยประเทศไทยจะเริ่มเวลา 00:00 น. หรือประมาณหลังเที่ยงคืน คืนนี้นั่นเอง ส่วนประเทศอื่นๆนั้นจะเป็นวันเวลาใดบ้างชมได้จากตารางด้านล่าง

iOS-7-iPad

สิ่งหนึ่งที่ต้องทำก่อนอัพเดท iOS บน iPhone หรือ iPad ทุกครั้งนั่นคือการ Backup ไฟล์สำคัญทั้งข้อมูลเบอร์โทรหรือภาพถ่ายเสียก่อนผ่านทาง iTunes หรือโปรแกรมอย่าง iFunbox หริอ iTools

ios-7-release-time1

 

Click here to see the above chart in full resolution. 

ที่มา – redmondpie

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=72039

[PR] ยามาฮ่า คอร์ปอเรชั่น ผู้จำหน่ายเราเตอร์สำหรับองค์กรอันดับ 1 ในญี่ปุ่น

[PR] ยามาฮ่า คอร์ปอเรชั่น ผู้จำหน่ายเราเตอร์สำหรับองค์กรอันดับ 1 ในญี่ปุ่น

ยามาฮ่า คอร์ปอเรชั่น (TOKYO:7951) ประกาศเปิดตัวและวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในประเทศไทยได้แก่ Gigabit VPN Router รุ่น RTX810 ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในตลาดญี่ปุ่น พร้อมด้วย Smart L2 Switch รุ่น SWX2200-8G และ SWX2200-24G ซึ่งใช้ร่วมกับ RTX810 โดยได้จับมือกับ อีซี่ เน็ตเวิร์ค ในฐานะตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย พร้อมประกาศขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ พร้อมด้วยบริการลูกค้าสัมพันธ์หลังการขายแบบครบวงจร

ภูมิหลังและแผนการจัดจำหน่าย
ปัจจุบันนี้กลุ่มประเทศอาเซียนได้รับความสนใจในฐานะภูมิภาคที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงขณะที่กำลังก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี2558 สำหรับในแง่ของโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายในกลุ่มประเทศอาเซียนนั้นการเปลี่ยนมาใช้ระบบสื่อสารเส้นใยแก้วนำแสงกำลังมีความก้าวหน้าโดยเฉพาะในประเทศไทยส่งผลให้เครือข่ายต่างๆขยายตัวอย่างรวดเร็วและมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในภาคธุรกิจดังนั้นโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายที่มั่นคงจึงเป็นที่ต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ

เกี่ยวกับอุปกรณ์เครือข่ายของยามาฮ่า
ยามาฮ่าพัฒนาอุปกรณ์สื่อสาร LSI และ ISDN บนพื้นฐานของเทคโนโลยีสัญญาณดิจิตอลที่ทันสมัยซึ่งบริษัทพัฒนาขึ้นสำหรับเครื่องดนตรีดิจิตอลและเข้าสู่ตลาดเราเตอร์ญี่ปุ่นในปี 2538 นับตั้งแต่นั้นมา

ยามาฮ่าได้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จำนวนหนึ่งโดยเน้นไปที่เราเตอร์สำหรับภาคธุรกิจและกลายเป็นผู้นำในการผสานเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น VPN และ IPv6 มาตลอด 18 ปีนอกจากนั้นยังสนับสนุนให้องค์กรขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) เปลี่ยนเครือข่ายอื่นๆมาเป็นบรอดแบนด์ บริษัทส่งมอบผลิตภัณฑ์เหล่านี้รวมกันถึง 2.4 ล้านยูนิต ส่งผลให้ยามาฮ่าครองส่วนแบ่งเป็นอันดับ1 ในตลาดเราเตอร์สำหรับองค์กรในญี่ปุ่น*

หลังจากที่มีการส่งมอบผลิตภัณฑ์ในญี่ปุ่นและจีนแล้วยามาฮ่าตั้งเป้าว่าจะสร้างเครือข่ายองค์กรที่มั่นคงในหมู่ SME ในประเทศไทยและมาเลเซีย ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ VPN router สำหรับองค์กรรุ่น RTX810 ในสองประเทศนี้ในช่วงเวลาเดียวกันนอกจากนั้นยามาฮ่าจะสนับสนุนการติดตั้งและบริหารเครือข่ายอย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพด้วยฟังก์ชั่นต่างๆรวมถึงการแปลงข้อมูลเป็นภาพผ่านสาย LAN ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดญี่ปุ่นพร้อมกันนี้ ยามาฮ่ายังวางจำหน่ายsmart L2 switch รุ่น SWX2200-8G และ SWX2200-24G ด้วย

[PR] ยามาฮ่า คอร์ปอเรชั่น ผู้จำหน่ายเราเตอร์สำหรับองค์กรอันดับ 1 ในญี่ปุ่น

มร. ฮาเซกาว่า ยาทากะ ผู้จัดการทั่วไป ยามาฮ่า คอร์ปอเรชั่นกล่าวว่า “การขายผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยอำนวยความสะดวกในการติดตั้งและบริหารเครือข่ายในสำนักงานต่างๆในญี่ปุ่นจีน ไทย และมาเลเซียเพราะการใช้ผลิตภัณฑ์เครือข่ายของยามาฮ่าเหมือนกันจะทำให้เกิดการสร้างสรรค์และใช้งานเครือข่ายที่มีความน่าเชื่อถือสูงผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะวางจำหน่ายผ่านตัวแทนในแต่ละประเทศ โดยในประเทศไทยเราได้ร่วมมือกับ อีซี่ เน็ตเวิร์ค ในฐานะพันธมิตรตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ”

“ยามาฮ่าตั้งเป้าที่จะทำความเข้าใจว่าผลิตภัณฑ์และเครือข่ายต่างๆในประเทศนี้ต้องการอะไรจากเครือข่ายบ้างขณะที่บริษัทกำลังเดินหน้าพัฒนาธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศและมุ่งขยายความครอบคลุมของผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทต่อไป” มร. ยาทากะ กล่าวเสริม

นายวรัชญ์ วัฒนากุลชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีซี่ เน็ต จำกัด กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจและจับมือเป็นพันธมิตรกับยามาฮ่า คอร์ปอเรชั่น ทั้งนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ในธุรกิจประเภทผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต ISP และ ธุรกิจที่มีเครือข่ายสาขา Branch Business โดยจะทำงานร่วมกับพันธมิตรธุรกิจ คือ กลุ่มผู้ออกแบบติดตั้งระบบเครือข่าย (System Integrator) ทั้งจากส่วนกลางและหัวเมืองใหญ่ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์ยามาฮ่าไปยังทั่วประเทศ”

กรุณาดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ด้านเครือข่ายของยามาฮ่าและตัวแทนจำหน่ายที่http://www.yamaha.com/products/en/network/หรือ http://www.easynetwork.co.th/brand/yamaha.html

*ที่มา: IDC Japan, Japan Network Equipment 2013-2017 Forecast and 2012 Analysis: Router, Ethernet Switch and Enterprise WLAN Market, May 2013 (J13010103)

สามารถดาวน์โหลดข้อมูลภาพของ SWX2200-8G และ SWX2200-24G ได้ที่http://jp.yamaha.com/news_release/

สามารถดาวน์โหลดรูปภาพและสื่อมัลติมีเดียได้ที่http://www.businesswire.com/cgi-bin/mmg.cgi?eid=50644536&lang=en

from:http://mobiledista.com/pr-yamaha-corporation-a-supplier-of-enterprise-routers-one-in-japan/

[PR] ไมโครซอฟท์ชวน SME ในประเทศไทยอัพเกรด

[PR] ไมโครซอฟท์ชวน SME ในประเทศไทยอัพเกรด

บริษัท ไมโครซอฟท์ เชิญชวนผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ทั่วเอเชีย ให้ปรับปรุงรุ่นและระบบคอมพิวเตอร์ให้ทันสมัยก่อนที่ไมโครซอฟท์จะหยุดให้บริการสนับสนุนน Windows XP และ Office 2003 ในวันที่ 8 เมษายน 2557 โดยมีข้อเสนออันหลากหลาย ประกอบไปด้วยส่วนลดสูงสุด 15 เปอร์เซ็นต์ สำหรับ Windows 8 และ Office 2013 แบบ Open License Volume Program และข้อเสนอการอัพเกรดฮาร์ดแวร์ Windows 8 Pro บนโน็ตบุ๊คและแท็บเล็ต รวมถึงการแข่งขัน SME IT Makeover ในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งไมโครซอฟท์หวังว่าโครงการเหล่านี้จะช่วยประชาสัมพันธ์สิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้เหล่าธุรกิจ SMEs หันมาปรับปรุงรุ่นระบบไอทีของตน

คุณทิพมาศ อจลากุล ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ธุรกิจ SME คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 99.8 ของธุรกิจทั้งหมดในประเทศไทย บริษัทเหล่านี้คือโครงสร้างหลักของสภาพเศรษฐกิจในประเทศไทย เนื่องจากพวกเขาคือผู้จ้างแรงงานส่วนใหญ่ แถมยังเป็นปัจจัยหลักของศักยภาพในการผลิต การส่งออก และแหล่งรายได้ของไทยอีกด้วย อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการจำนวนมากยังคงใช้เทคโนโลยีและขั้นตอนการทำงานแบบเก่าอยู่ ดังนั้นเป้าหมายและความพยายามต่างๆ ของไมโครซอฟต์คือการนำเสนอสิทธิประโยชน์ที่โดดเด่นกว่าเดิมให้แก่ ธุรกิจ SME ที่สามารถนำไปปรับปรุงระบบของตนให้ทันสมัย แทนที่เทคโนโลยีที่มีอยู่เดิมอย่าง Windows XP หรือ Office 2003 เพื่อที่พวกเขาจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากศักยภาพในการทำงาน มีระบบที่ปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิม และใช้ประสิทธิภาพจากบริการคลาวด์ได้อย่างคุ้มค่า”

SME ที่ยังคงใช้ Windows XP และ Office 2003 โปรดทราบว่าตั้งแต่วันที่ 8 เดือนเมษายน 2557 เป็นต้นไป ไมโครซอฟท์จะยุติการให้บริการผลิตภัณฑ์เหล่านี้อีกต่อไป นั่นแปลว่าระบบที่ใช้อยู่อาจมีความเสี่ยงเรื่องการรักษาความปลอดภัยและความเสี่ยงเรื่องการปกปิดข้อมูลส่วนตัว ซอฟต์แวร์ที่ทำงานไม่สอดคล้องกัน ไม่สามารถโทรขอคำปรึกษาจากใครได้ อาจมีปัญหาดาวน์ไทม์ และค่าใช้จ่ายการบำรุงรักษาที่สูงขึ้น รายงานSecurity Intelligence Reportเล่มที่ 14 ของไมโครซอฟท์ซึ่งเผยแพร่เมื่อเดือนเมษายน 2556 ระบุว่า คอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows XP with SP3 มีความเสี่ยงมากกว่า Windows 7 SP ถึง 2.5 เท่า และมีความเสี่ยงมากกว่า Windows 8 ถึง 14 เท่า

การแข่งขัน SME Makeover ระดับภูมิภาค

ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2556ธุรกิจ SMEsในประเทศไทยสามารถเข้าร่วมกับการแข่งขัน Get2Makeover และ SME IT Makeover Contest ซึ่งพวกเขามีโอกาสปรับปรุงระบบการทำงานให้ทันสมัยเพื่อชิงรางวัลเป็นโน็ตบุ๊คและแท็บเล็ต Windows 8 Pro สมาชิก Office 365 Small Business Premium และบริการย้ายระบบที่มีมูลค่ารวม 6,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ178,000 บาท) ผู้ชนะระดับประเทศทุกรายยังมีสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอีกด้วย โดยผู้ชนะรอบสุดท้ายจะวัดจากคะแนนทั่วภูมิภาคในเดือนกรกฎาคม 2556 รวมทั้งจะได้รับรางวัลเพิ่มอีก 9,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 267,000 บาท) ซึ่งประกอบด้วยซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟท์ โน็ตบุ๊ค แท็บเล็ต และบริการย้ายระบบ บริษัทที่สนใจเข้าร่วมสามารถอัพโหลดวิดีโอหรือรูปภาพสถานที่ทำงานปัจจุบันผ่านทาง www.microsoft.com/business/th-th/Pages/it-makeovercontest.aspxและกรอกแบบฟอร์มออนไลน์ให้เหตุผลว่าทำไมถึงอยากปรับปรุงรุ่นคอมพิวเตอร์ให้ทันสมัยโดยใช้ Windows 8 Pro และ Office 2013ซึ่งการแข่งขัน Get2Modem SME IT Makeover Contest นี้จะสิ้นสุดในวันที่ 15 มิถุนายน 2556

นอกจากโครงการนี้แล้ว ไมโครซอฟท์จะเปิดตัวโปรโมชั่นอัพเกรด Get2Modern โดยตั้งเป้าไปที่กลุ่มธุรกิจSMEsในไทยและแถบเอเชียแปซิฟิกโดยเฉพาะ องค์กรต่างๆจะได้รับส่วนลดสูงสุด 15 เปอร์เซ็นต์ จากการซื้อ Windows 8 และ Office 2013 นั้นผ่านOpen License Volume Program รวมทั้งข้อเสนอการอัพเกรดฮาร์ดแวร์โน็ตบุ๊คและแท็บเล็ต Windows 8 Pro ด้วย ทางwww.microsoft.com/thailand/promotion

นอกจากนั้นเมื่อไม่นานมานี้ ไมโครซอฟท์ได้เปิดตัวเว็บไซต์ Upgrade Center www.microsoft.com/business/th-th/Pages/xp-eos.aspxสำหรับประเทศไทยอีกด้วย โดยลูกค้าธุรกิจSMEsสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการยุติให้บริการสนับสนุนWindows XP และ Office 2003 ได้ ซึ่งในเว็บไซต์นี้จะมีข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญและไมโครซอฟท์สำหรับธุรกิจSMEsที่สามารถนำไปศึกษาปัญหาเหล่านี้เพิ่มเติมได้

Office และ Windows รุ่นใหม่รองรับการทำงานแบบเคลื่อนที่

คุณสมบัติเกี่ยวกับระบบสื่อสารและการประสานการทำงานที่มีอยู่ใน Office และ Windows รุ่นใหม่ ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการของการทำงานเคลื่อนที่ที่มีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยผลการศึกษาล่าสุดของ IDC พบว่าร้อยละ 75 ของบริษัทในเอเชียแปซิฟิกได้ใช้หรือมีแผนที่จะใช้เครื่องมือโซเชียลเอนเตอร์ไพรซ์ เพื่อเพิ่มการรองรับการทำงานร่วมกันและลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการทำงาน IDC คาดว่าการทำงานเคลื่อนที่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะเพิ่มจาก 601.7 ล้านคนในปี 2553 ไปเป็น 838.7 ล้านคนในปี 2558

from:http://www.mobiledista.net/pr-microsoft-invites-sme-in-upgrades/