คลังเก็บป้ายกำกับ: IBM_COGNITIVE_COMPUTING

ใช้ IBM Watson พัฒนา Cognitive Computing มาจับ Pokemon ใน Pokemon Go

เป็นหนึ่งในโครงการจากงาน IBM Watson IoT Hackathon ที่จัดขึ้นโดยทาง AT&T ร่วมกับ IBM โดย Michael Hsu ซึ่งเป็นผู้ได้รับรางวัลสาขา Best Use of Watson Award นี้ได้พัฒนาระบบ Cognitive Computing เพื่อช่วยให้ผู้เล่นสามารถค้นหา Pokemon จากทั่วโลกได้ผ่านเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) ของทาง IBM นั่นเอง

ibm_watson_pokemon_go

ในโครงการนี้ Michael ได้ใช้ IBM Watson IoT Platform คู่กับ IBM Watson Visual Recognition เพื่อรวบรวมภาพ Screenshot และตำแหน่งจากโทรศัพท์มือถือทั่วโลกของผู้ที่เข้าร่วมโครงการมา และใช้ Cognitive Computing เรียนรู้และตรวจสอบว่าใน Screenshot นั้นๆ มี Pokemon ตัวใดอยู่บ้าง และทำการแจ้งเตือนมายัง Dashboard กลางว่ามีการตรวจพบ Pokemon ตัวใดที่ตำแหน่งไหนของโลก

ก็ถือเป็นโครงการสนุกๆ จากทาง IBM ที่เกาะกระแสโปเกมอนได้ดีทีเดียวครับ

from:https://www.techtalkthai.com/use-ibm-watson-to-detect-pokemon-in-pokemon-go/

IBM เปิดตัว All Flash Array สำหรับการทำ Cognitive Computing โดยเฉพาะ ความจุสูงสุดระดับ Petabyte

IBM ได้ประกาศเปิดตัว All Flash Array รุ่นล่าสุด IBM FlashSystem A9000 เป็น Rack Mount All Flash Array และ IBM FlashSystem A9000R เป็นตู้ Rack ที่ภายในบรรจุระบบของ All Flash Array เอาไว้ เพื่อตอบรับความต้องการในการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วสำหรับการประมวลผลเพื่อการทำ Cognitive Computing โดยเฉพาะ

ibm-a9000-flash-storage-appliance

Cognitive Computing คือเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Real-time เพื่อทำการตัดสินใจสำหรับโจทย์ปัญหาใดๆ จากข้อมูลเดิมที่เคยมีอยู่ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหลักของ IBM ภายในช่วงปีนี้และปีถัดๆ ไปภายใต้ชื่อของ IBM Watson นั่นเอง

เพื่อให้ IBM FlashSystem A9000 นี้สามารถตอบสนองความต้องการในการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว IBM ได้นำเทคโนโลยี IBM FlashCore ซึ่งเป็นเทคโนโลยี Enterprise Flash Storage ของ IBM มาผสานเข้ากับ IBM Spectrum Accelerate ระบบ Software Defined Storage เพื่อสร้างเป็นระบบ All Flash Array ที่สามารถ Scale-Out ได้

นอกจากนี้ IBM ยังได้เสริมความสามารถในการทำ Data Deduplication และ Compression ลงไป โดยชี้แจงว่าไม่ส่งผลกระทบทางด้านประสิทธิภาพในการทำงานแต่อย่างใด รวมถึงยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่ชื่อว่า Hyper-Scale Mobility ที่สามารถย้ายข้อมูลข้ามอุปกรณ์ All Flash Array ได้โดยไม่เกิด Downtime ในระหว่างการเรียกใช้งานข้อมูล

สำหรับรุ่น IBM FlashSystem A9000 นี้จะเป็น Appliance ที่รองรับการเพิ่มขยายได้เกินกว่า 100 เครื่องภายในระบบเดียว และบริหารจัดการได้จากศูนย์กลาง เพื่อรองรับ Data Center ขนาดใหญ่และ Cloud ที่ต้องการทำ Cognitive Computing ส่วน IBM FlashSystem A9000R นี้จะเป็นตู้ Rack ที่มี All Flash Array ความจุหลัก Petabyte ให้พร้อมใช้งานได้ทันที

สุดท้าย IBM ยังได้ประกาศเปิดตัว IBM DS8888 ซึ่งเป็น All Flash Array สำหรับใช้งานกับ IBM z Systems และ IBM Power Systems โดยเฉพาะด้วย

ที่มา: http://www.networkworld.com/article/3061880/ibm-lines-up-all-flash-storage-to-help-power-cognitive-computing.html

from:https://www.techtalkthai.com/ibm-launched-all-flash-array-for-cognitive-computing/

Hilton และ IBM ทดลองใช้งาน Connie หุ่นยนต์รับแขกโรงแรมตัวแรกของโลกจาก IBM Watson

Hilton และ IBM ได้ออกมาประกาศความร่วมมือในการทดลองใช้ Connie หุ่นยนต์รับแขกโรงแรมตัวแรกของโลกที่ใช้เทคโนโลยีจาก IBM Watson และ WayBlazer เพื่อให้ข้อมูลกับแขกที่มาพักเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว, ร้านอาหารที่แนะนำ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่แนะนำในโรงแรม

ibm_hilton_connie

ชื่อของ Connie นี้ตั้งขึ้นตามผู้ก่อตั้งของ Hilton ที่มีชื่อว่า Conrad Hilton ซึ่ง Connie นี้ก็เป็นครั้งแรกของการพัฒนา IBM Watson สำหรับธุรกิจทางด้านโรงแรมและที่พักอาศัย โดย Connie จะมีหน้าที่ช่วยเจ้าหน้าที่ของ Hilton ในการให้คำแนะนำแก่แขกผู้มาพักผ่อนให้แบบรายบุคคล

ปัจจุบันนี้ Connie กำลังทำงานอยู่ที่โรงแรม Hilton McLean ใน Virginia และทุกๆ ครั้งที่ Connie ได้ทำการพูดคุยกับลูกค้าด้วย Watson API ต่างๆ เช่น Dialog, Speech to Text, Text to Speech และ Natural Language Classifier เป็นต้น Connie ก็จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพิ่มขึ้นไปด้วยเสมอ ซึ่งนอกจากในมุมเทคโนโลยีของ IBM แล้ว การนำ Connie มาใช้ของ Hilton นี้ก็สะท้อนถึงความเป็นผู้นำทางด้านนวัตกรรมทางด้านโรงแรมด้วยเช่นกัน

ที่มา: http://finance.yahoo.com/news/hilton-ibm-pilot-connie-worlds-063000149.html

from:https://www.techtalkthai.com/hilton-and-ibm-pilot-connie-concierge-robot/

IBM เตรียมศึกษาโรคมะเร็งจาก DNA และ RNA ด้วย IBM Watson

IBM ได้ประกาศความร่วมมือกับ New York Genome Center เพื่อสร้างศูนย์จัดเก็บข้อมูลทางด้านยีนของผู้ป่วยโรคมะเร็ง เพื่อทำการศึกษาและวิจัยโดยใช้เทคโนโลยี Cognitive Computing เพื่อวิเคราะห์ DNA และ RNA จากเนื้องอกของผู้ป่วย เพื่อให้วงการการแพทย์มีข้อมูลเกี่ยวกับโรคมะเร็งมากขึ้น และช่วยให้การรักษาผู้ป่วยแต่ละคนเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

Watson, powered by IBM POWER7, is a work-load optimized system that can answer questions posed in natural language over a nearly unlimited range of knowledge.
Watson, powered by IBM POWER7, is a work-load optimized system that can answer questions posed in natural language over a nearly unlimited range of knowledge.

ถัดจากนี้ไป IBM และ New York Genome Center จะร่วมกันสอน IBM Watson ให้เรียนรู้การวิเคราะห์ยีน เพื่อช่วยวิเคราะห์ข้อมูล DNA และ RNA ให้กับเหล่าเจ้าหน้าที่และนักวิจัย โดยเริ่มต้นจากข้อมูลยีนของผู้ป่วยมะเร็ง 200 รายเพื่อทำการค้นหาความแตกต่างของยีนที่ส่งผลต่อวิธีการรักษามะเร็ง และทำการประสานงานกับคลินิคที่รักษาผู้ป่วยเหล่านี้เพื่อให้ทำการศึกษาได้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่รักษาผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไปด้วยพร้อมๆ กัน

ทั้งนี้การศึกษาจีโนมนี้อาจเป็นหนึ่งในหนทางการวิจัยและการรักษามะเร็งที่มีความสำคัญมากที่สุดทางหนึ่ง การร่วมมือกันครั้งนี้ทั้งในแง่ของการรวบรวมข้อมูลจีโนมสำหรับนักวิจัยและเผยแพร่เป็นข้อมูลเปิด รวมถึงการเรียนรู้และวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ด้วยเทคโนโลยี Cognitive Computing นั้นต่างก็เป็นสิ่งที่จะช่วยผลักดันให้การรักษามะเร็งมีความเป็นไปได้ใหม่ๆ ขึ้นมาทั้งสิ้น

นอกจากนี้ ความร่วมมือนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Precision Medicine Initiative โดยประธานาธิบดี Obama แห่งสหรัฐอเมริกาอีกด้วย

ที่มา: http://www-03.ibm.com/press/us/en/pressrelease/49232.wss

from:https://www.techtalkthai.com/ibm-to-research-cancer-in-dna-and-rna-with-ibm-watson/

IBM ตั้งสาขาแม่ของแผนก Watson Internet of Things ที่มิวนิค เยอรมนี พร้อมเผยแผนอนาคตของ Watson IoT

ibm_watson_iot_munich

IBM ประกาศตั้งสาขาแม่ของ Watson Internet of Things (IoT) Unit ที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Watson IoT ด้วยการต่อยอดเทคโนโลยี Cognitive ร่วมกับข้อมูลจากอุปกรณ์นับพันล้านชิ้นผ่าน Watson IoT Cloud พร้อมทีมงานกว่า 1,000 คนในทุกๆ ตำแหน่งที่จะช่วยกันสร้างสรรค์โซลูชั่นต่างๆ ขึ้นมาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละราย พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัว Watson API มาด้วยกันอีก 4 ตระกูลใหญ่ๆ ด้วยกัน ได้แก่

  • Natural Language Processing (NLP) API Family สำหรับสร้าง Interface ให้มนุษย์สื่อสารกับระบบต่างๆ ด้วยภาษาพูดและภาษาเขียนได้ทันที
  • Machine Learning Watson API Family เพื่อจัดกลุ่มความสำคัญของข้อมูลต่างๆ จากการเรียนรู้จากข้อมูลและการใช้งานของผู้ใช้งาน
  • Video and Image Analytics API Family ประมวลผลข้อมูลวิดีโอและภาพนิ่งเพื่อเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นและ Pattern ที่เกิดจากภาพ
  • Text Analytics API Family สำหรับวิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นข้อความจากแหล่งต่างๆ และทำ Correlation ข้อมูลเหล่านั้นเข้าด้วยกัน

ทั้งนี้ IBM ยังมีแผนที่จะเปิด Watson IoT Client Experience Center ทั่วโลกอีกด้วย เพื่อให้องค์กรต่างๆ ได้มาสัมผัสกับเทคโนโลยี IoT และ Cognitive ที่ทำงานร่วมกันบน Watson IoT Cloud พร้อมรับคำแนะนำและคำปรึกษาจากทีมงาน IBM โดยตรงได้อีกด้วย

ที่มา: http://www-03.ibm.com/press/us/en/pressrelease/48443.wss

from:https://www.techtalkthai.com/ibm-opened-watson-internet-of-things-hq-at-munich/

IBM เปิดตัว Watson Trend App บน iOS ใช้ Cognitive ช่วยคนชอปปิ้งของขวัญด้วยการเรียนรู้จาก Big Data

เป็นแนวทางการใช้ Cognitive Computing ที่น่าสนุกดี เมื่อ IBM พัฒนา IBM Watson Trend App สำหรับให้นักชอปปิ้งโหลดไปใช้บน iOS Device ของตัวเองได้ฟรีๆ เพื่อให้ Watson Trend App ทำการแนะนำได้ว่าสินค้าที่กำลังเป็นที่ต้องการอยู่ในตอนนี้คืออะไร และมีการอัพเดตข้อมูลเหล่านี้เรื่อยๆ รวมถึงทำนายถึงผลิตภัณฑ์ที่กำลังเป็นที่นิยมสูงสุดได้ก่อนที่สินค้านั้นๆ จะขาดตลาด ทำให้การซื้อของขวัญปีใหม่ที่เป็นที่ถูกใจของผู้รับนี้ง่ายกว่าเดิม โดยเบื้องหลังของความสามารถในการแนะนำนี้ก็คือ Cognitive Computing และ Big Data นั่นเอง

ibm_watson_trend_banner

สิ่งที่ IBM Watson Trend ทำก็คือการอ่านและทำความเข้าใจกับบทสนทนาที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์นับหลายสิบล้านบทสนทนา จากเว็บไซต์กว่า 10,000 แห่ง ซึ่งประกอบไปด้วยโซเชี่ยลมีเดีย, เว็บไซต์, บล็อก, เว็บบอร์ด, ความเห็น, การให้คะแนน และการรีวิว และทำการวิเคราะห์ว่าผู้โพสต์นั้นมีความรู้สึกอย่างไรกับสินค้านั้นๆ และทำนายด้วยว่าผู้โพสต์นั้นจะซื้อสินค้าชิ้นนั้นหรือไม่ ทำให้เมื่อนำข้อมูลทั้งหมดมาประมวลผลรวมกันแล้ว IBM Watson Trend จึงสามารถแนะนำสินค้าที่กำลังเป็นที่นิยมได้จากการพูดคุยบนโลกออนไลน์นั่นเอง

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถโหลดไปเล่นได้ฟรีๆ ทันทีที่ http://itunes.apple.com/app/id1055413681 เลยครับ

 

ที่มา: http://www-03.ibm.com/press/us/en/pressrelease/48109.wss

from:https://www.techtalkthai.com/ibm-launched-watson-trend-app-on-ios/

IBM ขอเชิญเข้าร่วมสัมมนาการสร้าง Application ให้ฉลาดขึ้นโดยใช้ Cognitive Computing พร้อมทดลองใช้ IBM Watson 30 วันฟรีๆ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2015

ibm_logo

อีกหนึ่งงานสัมมนาที่น่าสนใจมาก เพราะโอกาสที่จะได้เล่น Cognitive Computing ของจริงในไทยมีไม่มากนัก โดย IBM ได้จัดสัมมนาเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการนำเทคโนโลยี Cognitive Computing ชั้นนำอย่าง IBM Watson มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนา Application พร้อมแถม IBM Watson ให้ใช้งานได้ฟรีๆ ถึง 30 วันอีกด้วย โดยงานสัมมนานี้จะจัดขึ้นในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2015 และมีรายละเอียดงานสัมมนาและการลงทะเบียนดังนี้

ibm_cognitive_computing

การสัมมนา : แนวทางการสร้าง Application ให้ฉลาดขึ้นโดยใช้ Cognitive Computing

ในปัจจุบันนี้การพัฒนาให้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประมวลผลในรูปแบบที่คิดเหมือนมนุษย์ หรือที่เรียกว่า Cognitive Computing ได้นำมาใช้จริงในการสร้าง Application สมัยใหม่ที่ฉลาดขึ้น สามารถคิดและโต้ตอบผู้ใช้ได้อย่างเหมาะสม ตอบสนองความต้องการเฉพาะตัวของผู้ใช้ได้มากขึ้น

การสัมมนานี้ผู้เชี่ยวชาญของ IBM จะอธิบายถึง IBM Watson ซึ่งเป็น Cognitive Computing ที่มีความสามารถสูง มีการนำไปพัฒนา smarter application ที่หลากหลาย นับเป็นโอกาสพิเศษที่ผู้เข้าร่วมสัมมนาจะได้เรียนรู้ความรู้สำคัญเกี่ยวกับ Cognitive Computing กระบวนการพัฒนา smarter application จาก Cognitive Computing รวมทั้งตัวอย่างไอเดียที่น่าสนใจในการสร้าง smarter application โดยใช้ IBM Watson ซึ่งเป็น Cognitive Computing ที่มีการใช้งานจริงและมีความโดดเด่นที่สุดในทศวรรษนี้

การสัมมนานี้เหมาะสำหรับ IT professional, startup, ผู้บริหารฯ หรือผู้ที่สนใจในเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อสร้างโอกาสในอาชีพ สร้างโอกาสในการทำธุรกิจ การสัมมนานี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใด เปิดรับผู้เข้าร่วมจำนวนจำกัดโดยใช้หลัก first come first serve จึงขอสงวนสิทธิ์ปิดการรับสมัครเมื่อผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมครบตามจำนวนที่ กำหนดไว้

พิเศษสุดๆ ผู้เข้าร่วมสัมมนาทุกคนจะได้ user สำหรับทดลองใช้ IBM Watson จำนวน 30 วันฟรี

 

วัน เวลา และสถานที่

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2558
เวลา 14.00 – 17.00
ลงทะเบียน 14.00 – 14.30
สถานที่ IBM office ชั้น G ห้อง G Training room 2-3
สามารถจอดรถได้ที่ชั้น 5B หรือลงรถไฟฟ้าสถานี อารีย์

 

ลงทะเบียนเข้าร่วมงานสัมมนาได้ฟรีๆ

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้ที่แบบฟอร์มดังต่อไปนี้ทันที และจะมีเจ้าหน้าติดต่อกลับไปในกรณีที่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมงานสัมมนาครับ

from:https://www.techtalkthai.com/ibm-cognitive-computing-free-seminar-2015-11-18/

สรุปงานสัมมนา IBM Power Systems & Storage Technical Roadshow ASEAN อัพเดตความรู้ Technical กับเทคโนโลยีของ IBM

ibm_logo

พอดีทางทีมงาน TechTalkThai ได้ถูกเชิญให้มาร่วมงานสัมมนา IBM Power Systems & Storage Technical Roadshow ASEAN นะครับ ซึ่งทางทีมงานก็เห็นว่าเป็นโอกาสดีทีเดียวที่จะได้เข้ามาอัพเดตความรู้กับเทคโนโลยีต่างๆ ของ IBM ให้มากขึ้น ก็เลยได้มาร่วมงานทั้งวันที่ 9 – 10 พฤศจิกายน 2015 นะครับ และก็ขอเล่าบรรยากาศงานคร่าวๆ และนำเนื้อหาส่วนของ Overview มาอัพเดตกันดังนี้ครับ

ibm_power_systems_and_storage_technical_roadshow_banner

 

ภาพรวมของงาน IBM Power Systems & Storage Technical Roadshow ASEAN

งาน IBM Power Systems & Storage Technical Roadshow ASEAN นี้เป็นงาน Technical Event ที่จัดขึ้นโดยทาง IBM เอง โดยจะมีทีมงานวิศวกรจากในแล็บของ IBM สาขาประเทศสหรัฐอเมริการบินมาอัพเดตเทคโนโลยีกันถึงที่ โดยปกติแล้วงานนี้จะวนจัดตามประเทศต่างๆ และปีนี้ก็วนมาจัดที่ไทย ทำให้เรามีโอกาสได้ไปร่วมกันนั่นเอง

งานสัมมนา IBM Power Systems & Storage Technical Roadshow ASEAN เป็นงานสัมมนาที่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วม ซึ่งราคาก็ถือว่าสูงเอาเรื่องเลยครับ โดยตัวงานจะจัดด้วยกัน 2 วัน สำหรับครึ่งวันแรกจะเป็นการอัพเดต Trend ต่างๆ ที่ทาง IBM ได้สรุปมา และเวลาที่เหลือจะแบ่งออกเป็น Session ย่อยๆ ห้องละ 1 เทคโนโลยี โดยจะมีหัวข้อย่อยต่างๆ ให้เข้าไปเลือกฟังได้ตามใจชอบ และมีพักเบรคให้ออกมาพักสมองกันเรื่อยๆ ครับ

สำหรับรอบที่จัดในไทยนี้มีด้วยกัน 3 เทคโนโลยีหลักๆ ได้แก่ IBM AIX, IBM i และ IBM Storage Solution ครับ ซึ่งแต่ละหัวข้อนั้นก็จะลงลึกถึงเรื่องราวเชิงเทคนิคของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ IBM เป็นหลัก โดยผู้ที่เข้าร่วมอบรมจะต้องเซ็นต์ Non-Disclosure Agreement หรือ NDA ด้วยว่าห้ามเปิดเผยข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ออกมา ดังนั้นทางทีมงาน TechTalkThai ที่ถึงแม้จะได้เข้าร่วมอบรม แต่ก็คงเขียนเจาะลึกในแต่ละผลิตภัณฑ์เองตรงๆ ไม่ได้ครับ ตัวอย่างเช่น การเกริ่นถึง CPU Generation ถัดๆ ไปจาก POWER8 เป็นต้น แต่ก็ถือเป็นโอกาสดีที่ทางทีมงานได้เข้าไปเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของ IBM ดังนั้นในอนาคตถ้าหากมีอะไรอัพเดตและเปิดเผยได้ ทางทีมงานก็จะเขียนให้อ่านในเชิงลึกขึ้นได้ครับ

คราวนี้ส่วนที่พอจะเขียนถึงได้โดยไม่ติดเรื่อง NDA ก็จะมีส่วนของ Overview Session ที่ทางทีมงานวิศวกรจาก IBM มาอัพเดตแนวโน้มต่างๆ ซึ่งทางทีมงาน TechTalkThai ก็ขอสรุปเนื้อหาตรงส่วนนี้ให้ได้อ่านกัน ดังนี้ครับ

 

โลกที่กำลังจะเปลี่ยนไป ด้วย Unstructured Data ปริมาณมหาศาลที่เราแต่ละคนสร้างขึ้นถึงวันละ 6.75TB ต่อวัน

โลกของเรากำลังจะดำเนินไปถึงจุดที่ทุกๆ นาที เราแต่ละคนจะสร้างข้อมูล Unstructured Data ขึ้นมามากถึงคนละราวๆ 5GB ต่อนาที รวมทั้งสิ้นมากถึง 6.75TB ต่อวัน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ถือว่าเยอะมาก โดยนิยามของคำว่า Unstructured Data ทีทีมงาน IBM กล่าวถึงนั้นหมายถึงข้อมูลที่ไม่ได้มีการจัดแบ่งฟีลด์ต่างๆ และต้องใช้ความสามารถของมนุษย์หรือการทำ Cognitive Computing ในการอ่านและวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้เพื่อทำความเข้าใจและนำมาใช้ประโยชน์

 

เทคโนโลยี Cognitive จะกลายเป็นทางเลือกหลักในการจัดการข้อมูลปริมาณมหาศาล

Cognitive Computing คือเทคโนโลยีที่ทำให้ Computer มีความสามารถในการเรียนรู้และทำความเข้าใจกับข้อมูลต่างๆ รวมถึงสามารถโต้ตอบกับมนุษย์ได้ โดยแนวโน้มการใช้งานของ Cognitive Computing เองก็กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยในปัจจุบันมีการใช้งาน Cognitive Computing ดังนี้

  • 96% ของธุรกิจประกันมีเป้าหมายที่จะลงทุนในเทคโนโลยี Cognitive
  • 94% ของธุรกิจค้าปลีกมีเป้าหมายที่จะลงทุนในเทคโนโลยี Cognitive
  • 89% ของธุรกิจสื่อสารเชื่อว่าเทคโนโลยี Cognitive จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก

เทคโนโลยี Cognitive จะเข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลภาพวิดีโอจากกล้องวงจรปิดเพื่อค้นหาความผิดปกติหรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นย้อนหลัง, ระบบผู้ช่วยเสมือนที่คอยให้คำแนะนำเรา หรือรถยนต์ที่เรียนรู้สภาวะแวดล้อมรอบตัว และตัดสินใจทำสิ่งต่างๆ เช่น การเปิดที่ปัดฝนหน้ารถเมื่อฝนตก เป็นต้น

ตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจของการนำเทคโนโลยี Cognitive มาใช้แก้ปัญหาในโลกปัจจุบันก็คือ 35% ของการจราจรทุกวันนี้ คือการมองหาที่จอดรถ สิ่งหนึ่งที่ IBM มองว่าจะสามารถมาช่วยในจุดนี้ได้คือเทคโนโลยี Sensor ที่รวบรวมข้อมูลที่จอดรถต่างๆ ร่วมกับระบบ Cognitive เพื่อใช้ในการตัดสินใจว่ารถควรจะไปจอดที่ไหน ทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์ไม่ต้องพะวงหาที่จอดรถด้วยตัวเอง

Cognitive จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงบทบาทของฝ่าย IT ให้กลายเป็นผู้นำทางด้านธุรกิจขององค์กรได้ และจะกลายเป็นความกดดันใหม่ของฝ่าย IT ที่ต้องมีหน้าที่ในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ มาตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น IoT ที่จะเติบโตถึง 30,000 ล้านอุปกรณ์ภายในปี 2020, การตอบโจทย์ของลูกค้าที่มาชอปปิ้งซึ่งมีความต้องการในการนำเสนอโปรโมชั่นรายบุคคลถึง 48% และการทำธุรกรรมทางด้านสุขภาพและสาธารณสุขที่จะทำผ่านอุปกรณ์พกพาที่มากถึง 65% ภายในปี 2018 เป็นต้น

 

การเติบโตอย่างรวดเร็วของข้อมูล และความเสี่ยงที่เกิดขึ้น คืออีกความกดดันของฝ่าย IT

ในขณะเดียวกัน อีกโจทย์หนึ่งที่ถือว่ากดดันฝ่าย IT ในอนาคตมากๆ ก็คือ การพยายามป้องกันการเกิดค่าใช้จ่ายทาง IT และความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต ที่อาจเป็นค่าใช้จ่ายก้อนมหาศาลที่คาดไม่ถึงได้เลยทีเดียว ซึ่งทางฝ่าย IT ต้องเตรียมรับมือเอาไว้ มีดังนี้

  • ภายในปี 2018 เราแต่ละคนจะสร้างข้อมูลต่อวันมากถึง 6.75TB
  • Data Breach แต่ละครั้งจะสร้างความเสียหายเฉลี่ย 150 ล้านเหรียญในปี 2020
  • Downtime แต่ละชั่วโมงจะมีความเสียหายเฉลี่ยมากกว่า 1.6 ล้านเหรียญ
  • 75% ของโครงการทางด้าน IT มีแนวโน้มว่าจะล้มเหลว ไม่ว่าจะจากความล่าช้า, การเพิ่มขึ้นของงบประมาณ และปัจจัยอื่นๆ

 

Hybrid Cloud จะเป็นแพลทฟอร์มหลักสำหรับการสร้างนวัตกรรม และการเชื่อม Mobile มาสู่องค์กร

การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในองค์กร หลังจากนี้จะต้องการเทคโนโลยี Hybrid Cloud เข้ามาช่วยตอบโจทย์ ซึ่งตัวอย่างของนวัตกรรมเหล่านั้นมีดังนี้

  • ในธุรกิจประกัน จะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าแต่ละราย และนำเสนอกรมธรรม์ให้เหมาะสมสำหรับแต่ละคนได้
  • ในธุรกิจการเงิน จะมีระบบบริหารจัดการการเงินส่วนบุคคลให้ดีที่สุดอยู่เสมอได้ตามเงื่อนไขต่างๆ เช่น ประเด็นทางสุขภาพ, การงาน และอื่นๆ

จะเห็นได้ว่า Hybrid Cloud จะมีบทบาททางด้านการเพิ่มพลังงานในการประมวลผลให้เพียงพอได้อย่างยืดหยุ่นเพื่อตอบโจทย์ของธุรกิจ และจากประสบการณ์ของทีมงาน IBM เอง 3 ประเด็นหลักๆ ที่องค์กรต่างๆ จะต้องสร้างขึ้นมาให้ได้จากการใช้ Hybrid Cloud เพื่อสร้างนวัตกรรมบริการใหม่ๆ มีดังนี้

  • การประมวลผลร่วมกันระหว่าง Processor และ Data ใน Data Center และ Mobile Device
  • การวิเคราะห์ข้อมูลได้ในแบบ Real-time เพื่อช่วยตอบคำถามหรือการตัดสินใจต่างๆ
  • การทำนายเหตุการณ์หรือปัญหาต่างๆ ล่วงหน้าสำหรับการทำ IT Operation

การ Integrate ระบบเข้ากับ Mobile Service นี้จะเปลี่ยนวิธีการที่องค์กรจะเข้าถึงลูกค้ารายต่างๆ ได้เป็นอย่างมากผ่านทาง API ที่เชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์หรือระบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์, เว็บไซต์, Sensor, Social Network, Smartphone, Tablet, Internet TV, Application และอื่นๆ ซึ่งแนวโน้มนี้จะเรียกว่า API Economy ขนาดของ Application และปริมาณข้อมูลขององค์กรจะมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ในขณะที่ประเด็นทางด้านความปลอดภัยก็จะเป็นอีกหัวใจสำคัญของธุรกิจในอนาคต ซึ่งจะรวมถึงการเข้ารหัส, การบริหารจัดการ API และการแบ่งแยกกลุ่มของ Workload ออกจากกันเพื่อลดความเสี่ยง

 

Real-time Analytics จะเกิดขึ้นจาก Hybrid Cloud และ Mobile Integrations

ในขณะที่การทำ Real-time Analytics ก็กำลังเติบโตในทุกๆ อุตสาหกรรม แม้แต่ธุรกิจล้างรถเองก็เริ่มมีการนำ Real-time Analytics เข้าไปใช้บ้างแล้ว โดยการนำข้อมูลสภาพอากาศมาช่วยทำนายจำนวนลูกค้าในแต่ละวัน และในมุมมองของลูกค้าเอง ก็จะมีข้อมูลสภาพอากาศสำหรับตัดสินใจในการล้างรถ และทำให้พฤติกรรมการล้างรถเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน เป็นต้น

สำหรับทางด้านเทคโนโลยีสำหรับการทำการตลาด การนำข้อมูลต่างๆ มาใช้ประมวลผลร่วมกันก็จะสร้างประสบการณ์ส่วนตัวให้แก่ลูกค้าได้ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านข้อมูล Social Network ของลูกค้าเพื่อทำการนำเสนอโปรโมชั่นต่างๆ หรือการตรวจสอบที่อยู่ของลูกค้าและนำเสนอข้อมูลต่างๆ ก็ตาม

องค์กรเองต้องเตรียมตัวสำหรับ Real-time Analytics ด้วยการเตรียมรวบรวมข้อมูลภายในและภายนอกองค์กรสำหรับการประมวลผล, การเตรียม Infrastructure สำหรับรวบรวมข้อมูลและประมวลผล รวมถึงการรักษาความปลอดภัย

 

การดูแลรักษา IT Infrastructure จะเปลี่ยนไปด้วยการวิเคราะห์ข้อมูล

ส่วนการทำ Operations for Service Predictability จะมีการ Match Application เข้ากับ Platform, การทำให้มั่นใจว่าสามารถมองเห็นการทำงานของ Internet of Things ได้ และการบริหารจัดการงานต่างๆ ทางด้านระบบเครือข่ายได้จากศูนย์กลาง โดยการออกแบบระบบเพื่อให้รองรับความสามารถเหล่านี้ในค่าใช้จ่ายที่จำกัด รวมถึงการตอบรับความปลอดภัยและประสิทธิภาพได้ในระดับที่ต้องการ ถือเป็นประเด็นสำคัญ โดยการพยายามทำให้ฝ่าย IT สามารถติดตามทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อยู่ตลอด เพื่อให้สามารถรับมือกับเหตุการณ์เหล่านั้นได้ก่อนที่จะเกิด Downtime ก็เป็นโจทย์ที่องค์กรต้องทำให้ได้

 

ถัดจากนี้ไป องค์กรจะมีปัจจัยในการแข่งขันกัน 3 ประการ

IBM ได้ให้ความเห็นไว้ว่า ในยุคที่ข้อมูลและการประมวลผลกลายเป็นหัวใจของธุรกิจนั้น 3 ปัจจัยที่จะทำให้องค์กรมีความสามารถในการแข่งขันที่เหนือกว่าคู่แข่งได้ มีดังนี้

  • Data ข้อมูลสำหรับสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน
  • Hybrid Cloud แพลทฟอร์มที่จะสร้างความคล่องตัวในการทำงาน
  • Open Collaboration หนทางใหม่ในการสร้างนวัตกรรมขององค์กร

 

การตอบโจทย์ของ IBM เพื่อรับมือกับ 3 ปัจจัยในการแข่งขัน

IBM ได้อัพเดตทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อเตรียมให้องค์กรต่างๆ สามารถเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันได้ ดังต่อไปนี้

  • OpenStack เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เป็นตัวอย่างของ Open Collaboration ที่ดี โดย OpenStack เป็นระบบบริหารจัดการ Cloud และการทำ Automation ซึ่งผู้ผลิตทุกๆ รายต่างก็เข้าไปช่วยกันพัฒนา OpenStack ให้รองรับกับเทคโนโลยีของตัวเอง รวมถึง IBM ด้วย โดย IBM PowerVM NovaLink นั้นก็เป็นตัวเชื่อมให้ OpenStack สามารถบริหารจัดการ PowerVM ได้ ในขณะที่ IBM PowerVC Dynamic Resource Optimizer ก็จะช่วยบริหารจัดการ Workload และ Resource ใน OpenStack ให้คุ้มค่าสูงสุด
  • IBM AIX 7.2 มีเทคโนโลยี AIX Live Kernel Update ทำให้ไม่ต้องมี Downtime ในระหว่างอัพเดต Kernel, รองรับการทำ Server side Flash Cache และมีประสิทธิภาพในการทำ Oracle RAC ถึง 40GB RoCE
  • IBM PowerHA 7.2 สามารถทำ Failover ได้แบบอัตโนมัติทั้งระดับ System และ Software
  • IBM i รองรับ Mobile และ Analytics มากขึ้น โดยรองรับการใช้ DB2 สำหรับงาน Analytics ได้ดีขึ้นและสามารถเชื่อมต่อกับ IBM FlashSystem 900 ได้แบบ Native/VIOS ทำให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก ในขณะที่ยังมีการรองรับ Application อื่นๆ เพิ่มขึ้น เช่น Java 8, Python, Samba และ node.js รวมถึงมี iAccess Mobile Client สำหรับเชื่อมต่อมายัง IBM i ได้ผ่านอุปกรณ์พกพา
  • Power Systems Infrastructure Taliored for SAP HANA เป็นอีกหัวข้อใหญ่ที่ IBM เน้น ด้วยความสามารถของ IBM Power Systems ที่รองรับการทำ In-memory Database ได้เป็นอย่างดี โดยมีรุ่นของ Server ให้เลือกใช้งานได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็น S824, E850, E870, E880 โดยรองรับสูงสุดถึง 192 Cores CPU และ 16TB Memory พร้อมฟีเจอร์ในการเพิ่มความทนทานอย่าง Reliability, Availability และ Serviceability (RAS) ในตัวด้วย
  • ทำ Hybrid Cloud ด้วย IBM PurePower System IBM PurePower System เป็นระบบ Converged Infrastructure จาก IBM ที่มาเป็นตู้ Rack ซึ่งประกอบด้วย Server, Storage, Network และ Software พร้อมสำหรับการทำ Application ขนาดใหญ่หรือ Private Cloud พร้อมระบบ RAS เสริมความทนทาน
  • IBM Power Systems S812LC Server ที่ถูกออกแบบมาสำหรับรองรับ Hadoop และ Spark Workload โดยเฉพาะ
  • IBM BigInsights และ IBM Open Platform ระบบ Big Data Analytics จาก IBM ที่สามารถทำงานร่วมกับส่วนประกอบต่างๆ ของ Apache Hadoop ได้ทันที เพื่อให้องค์กรสามารถใช้ Software หรือภาษาโปรแกรมมิ่งที่ถูกออกแบบมาสำหรับการประมวลผลข้อมูล Big Data โดยเฉพาะ สามารถเข้าถึงข้อมูล Big Data เหล่านี้เพื่อทำการวิเคราะห์ได้ง่าย และมีระบบบริหารจัดการที่ตอบโจทย์ได้ในระดับองค์กร

 

IBM POWER8 Roadmap

รุ่นถัดไปคือ POWER8NV ที่รองรับ EDR Infiniband, CAPI over PCIe Gen3, มี NVLink และรองรับ NVIDIA Pascal ส่วนถัดจากนั้นไปจะเป็นรุ่น POWER9 ซึ่งรองรับ Next Generation Infiniband, NVIDIA Volta และ NVLink ที่ถูกปรับปรุงขึ้นไปอีก

 

แนวโน้มทางด้านเทคโนโลยี Storage ในอนาคตถัดจากนี้

ในมุมของ Storage นี้เราจะแยกออกเป็นสองประเด็นหลักๆ คือเรื่องของการบริหารจัดการข้อมูลให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ และการปกป้องข้อมูลไม่ให้สูญหายไป

  • ข้อมูลจะเติบโตไปอีก 50% จนไปถึง 6 Trillion TB เฉพาะภายในปีนี้เพียงปีเดียว
  • 80% ของข้อมูลจะเป็นแบบ Unstructured Data และเติบโตเร็วกว่า Structured Data ถึง 15 เท่า
  • 70% ขององค์กรมีแผนที่จะลงทุนหรือลงทุนระบบ Big Data Analytics ไปแล้ว
  • มากกว่า 70% ขององค์กรจะเริ่มใช้ Hybrid Cloud ภายในปี 2015

สิ่งที่องค์กรต้องทำในทุกวันนี้ คือการรักษาสมดุลระหว่างการใช้งานระบบเดิมที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด กับการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ โดยการตอบโจทย์ของการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูลให้ได้นั้นถือเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับธุรกิจส่วนใหญ่ โดยมีสถิติที่น่าสนใจจากการสำรวจในองค์กรต่างๆ ดังนี้

  • 71% ของ CEO มองว่าความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีนี้เป็น External Force ที่ส่งผลกระทบต่อองค์กรมากที่สุด
  • 78% ของ CFO รายงานว่ายังคงมีความกดดันในการควบคุมค่าใช้จ่ายและการเพิ่มความคุ้มค่าภายในองค์กร
  • มีเพียง 1 ใน 5 ของลูกค้าเท่านั้นที่สามารถใช้งาน IT Infrastructure ที่มีอยู่ได้อย่างคุ้มค่า และค่าใช้จ่ายที่ไม่คุ้มค่าที่สุดคือการลงทุนกับระบบ Storage ที่มากเกินจำเป็น
  • 69% ขององค์กรที่สร้างนวัตกรรมด้วย Software นั้นสามารถเอาชนะคู่แข่งที่ไม่ได้สร้างนวัตกรรมมาแข่งขันได้

 

การบริหารจัดการข้อมูลขององค์กรต้องเปลี่ยนไป เพื่อตอบรับการมาของ Big Data

ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นและจะเกิดขึ้นกับองค์กรที่ทำ Big Data Analytics หรือ Cloud ก็คือการแยก Silo ระหว่างแต่ละระบบออกจากกัน ทำให้แต่ละระบบไม่มีการ Utilize อย่างคุ้มค่าเท่าที่ควร เทคโนโลยีที่ IBM พยายามนำมาใช้แก้ปัญหานี้มีดังนี้

  • Agility โดยให้ระบบสามารถทำ Self-tuning เพื่อให้ปรับตัวเองให้เหมาะสมต่อการใช้งานแต่ละรูปแบบได้
  • Control มีข้อมูลและการทำ Optimization ทั้งสำหรับ Storage แบบ On-premise และ Cloud ให้มีความปลอดภัย, คุ้มค่า และมีประสิทธิภาพสูง
  • Efficiency มีการเลือกบันทึกข้อมูลลงสื่อที่เหมาะสมที่สุดและมีการบริหารจัดการโดยอัตโนมัติให้เหมาะสมต่อการใช้งาน และลดค่าใช้จ่ายได้กว่า 90%

ทั้ง 3 แนวทางนี้ถูกพัฒนารวมอยู่ใน Software Defined Storage และ Flash ของ IBM โดยทาง IBM ก็ยังได้ให้ทางเลือกสำหรับองค์กรต่างๆ ในการเลือกใช้งาน Storage ของ IBM ได้ในรูปแบบของ Software, Appliance และ Cloud ได้อย่างอิสระ

 

องค์กรต้องพิจารณาทางเลือกในการจัดเก็บข้อมูลให้ดียิ่งขึ้นกว่าเก่า

มุมมองใหม่ที่จะมีต่อ Storage หลังจากนี้ก็คือผู้ใช้งานจะไม่สนใจอีกต่อไปแล้วว่าข้อมูลถูกจัดเก็บอยู่ที่ใด ตราบใดที่ข้อมูลยังคงเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย, มีประสิทธิภาพสูง, มีความทนทาน และมีความปลอดภัย โดยผู้ใช้งานจะไปมุ่งเน้นต่อกระบวนการในการทำงานแทนมากกว่า ซึ่งก็เป็นจุดที่จะทำให้ Hybrid Cloud สามารถเข้ามาเติมเต็มความต้องการตรงนี้ได้

ทั้งนี้ในการจัดเก็บข้อมูลระดับองค์กรนั้น ความต้องการทางด้านความปลอดภัย, ความทนทาน และการบริหารจัดการนั้นแทบจะไม่แตกต่างกัน แต่จะต่างกันที่รูปแบบของการจัดเก็บข้อมูลและการนำไปใช้สำหรับ Application ที่แตกต่างกันเท่านั้น ซึ่งความแตกต่างเพียงเท่านี้ก็ถือว่ามากพอที่จะทำให้ไม่มีระบบ Storage ใดในโลกที่สามารถตอบได้ทุกโจทย์การใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพอย่างครอบคลุมแล้ว รวมถึงแต่ละ Application ก็ไม่ได้ต้องการความสามารถทุกอย่างที่แต่ละระบบ Storage มีด้วย แนวทางของ IBM จึงเป็นการออกแบบระบบ Storage สำหรับตอบโจทย์ความต้องการ Application ที่แตกต่างหลากหลายกันไป และ Data Center ก็ต้องรองรับ Storage ที่มีความหลากหลายด้วย

ความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้นมาในเทคโนโลยี Storage จากการมาของ Software Defined Storage นี้ก็เป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจ โดย Software Defined Storage จะช่วยให้ทุกๆ Hardware สามารถให้บริการ Storage ได้อย่างสมบูรณ์ และทำให้ผู้ใช้งานมีทางเลือกและความคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งทาง IBM ก็มี IBM Spectrum Storage ที่ตอบโจทย์ครบทุกภาพสำหรับระบบ Storage ตั้งแต่การจัดเก็บข้อมูล, การสำรองข้อมูล, การบริหารจัดการข้อมูล และการทำ Self-Service Storage ภายในองค์กร ซึ่งจะเป็น Trend ใหญ่ในอนาคตอันใกล้นี้

 

สุดท้ายนี้ ทาง IBM ก็ได้จบ Session Overview ด้วยการเล่าถึง IBM DS8880 ซึ่งเป็นรุ่นที่ 7 ของ DS8000 ที่กำลังจะเปิดตัวในประเทศไทยในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ โดยจะใช้ IBM POWER เป็น Hardware ทำให้มีความทนทานในระดับเดียวกับ IBM Power Systems สำหรับการจัดเก็บข้อมูลที่มีความสำคัญต่อองค์กรเป็นหลักนั่นเอง

 

ทั้งนี้ทางทีมงาน TechTalkThai ก็ต้องขอขอบคุณทาง IBM Thailand อีกครั้งสำหรับโอกาสในการเข้าไปอัพเดตเทคโนโลยีต่างๆ เหล่านี้อีกครั้งนะครับ

from:https://www.techtalkthai.com/seminar-ibm-power-systems-storage-technical-roadshow-asean-2015-summary/

IBM ขอเชิญเข้าร่วมสัมมนาการสร้าง Application ให้ฉลาดขึ้นโดยใช้ Cognitive Computing พร้อมทดลองใช้ IBM Watson 30 วันฟรีๆ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2015

ibm_logo

อีกหนึ่งงานสัมมนาที่น่าสนใจมาก เพราะโอกาสที่จะได้เล่น Cognitive Computing ของจริงในไทยมีไม่มากนัก โดย IBM ได้จัดสัมมนาเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการนำเทคโนโลยี Cognitive Computing ชั้นนำอย่าง IBM Watson มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนา Application พร้อมแถม IBM Watson ให้ใช้งานได้ฟรีๆ ถึง 30 วันอีกด้วย โดยงานสัมมนานี้จะจัดขึ้นในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2015 และมีรายละเอียดงานสัมมนาและการลงทะเบียนดังนี้

ibm_cognitive_computing

การสัมมนา : แนวทางการสร้าง Application ให้ฉลาดขึ้นโดยใช้ Cognitive Computing

ในปัจจุบันนี้การพัฒนาให้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ประมวลผลในรูปแบบที่คิดเหมือนมนุษย์ หรือที่เรียกว่า Cognitive Computing ได้นำมาใช้จริงในการสร้าง Application สมัยใหม่ที่ฉลาดขึ้น สามารถคิดและโต้ตอบผู้ใช้ได้อย่างเหมาะสม ตอบสนองความต้องการเฉพาะตัวของผู้ใช้ได้มากขึ้น

การสัมมนานี้ผู้เชี่ยวชาญของ IBM จะอธิบายถึง IBM Watson ซึ่งเป็น Cognitive Computing ที่มีความสามารถสูง มีการนำไปพัฒนา smarter application ที่หลากหลาย นับเป็นโอกาสพิเศษที่ผู้เข้าร่วมสัมมนาจะได้เรียนรู้ความรู้สำคัญเกี่ยวกับ Cognitive Computing กระบวนการพัฒนา smarter application จาก Cognitive Computing รวมทั้งตัวอย่างไอเดียที่น่าสนใจในการสร้าง smarter application โดยใช้ IBM Watson ซึ่งเป็น Cognitive Computing ที่มีการใช้งานจริงและมีความโดดเด่นที่สุดในทศวรรษนี้

การสัมมนานี้เหมาะสำหรับ IT professional, startup, ผู้บริหารฯ หรือผู้ที่สนใจในเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อสร้างโอกาสในอาชีพ สร้างโอกาสในการทำธุรกิจ การสัมมนานี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใด เปิดรับผู้เข้าร่วมจำนวนจำกัดโดยใช้หลัก first come first serve จึงขอสงวนสิทธิ์ปิดการรับสมัครเมื่อผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมครบตามจำนวนที่ กำหนดไว้

พิเศษสุดๆ ผู้เข้าร่วมสัมมนาทุกคนจะได้ user สำหรับทดลองใช้ IBM Watson จำนวน 30 วันฟรี

 

วัน เวลา และสถานที่

วันที่ 9 พฤศจิกายน 2558
เวลา 14.00 – 17.00
เริ่มลงทะเบียน 14.00 – 14.30
สถานที่ อาคารเอเชีย ชั้น 12 อยู่ติดรถไฟฟ้า BTS ราชเทวี (อาคารเอเชีย ตึกติดถนน มีอาคารจอดรถฟรี)

 

ลงทะเบียนเข้าร่วมงานสัมมนาได้ฟรีๆ

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้ที่แบบฟอร์มดังต่อไปนี้ทันที และจะมีเจ้าหน้าติดต่อกลับไปในกรณีที่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมงานสัมมนาครับ

from:https://www.techtalkthai.com/ibm-seminar-on-ibm-watson-for-cognitive-computing-in-application/

Thomson Reuters จับมือ IBM นำเสนอ IBM Watson ให้องค์กรตัดสินใจได้ดีขึ้นด้วย Cognitive Computing

ibm_logo

Thomson Reuters ผู้นำทางด้านข้อมูลข่าวสารสำหรับการตัดสินใจระดับองค์กร ได้จับมือกับ IBM เพื่อปรับปรุงโซลูชั่นสำหรับนำเสนอกลุ่มลูกค้าองค์กรของ Thomson Reuters ให้ดีขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยี Coginitive Computing จาก IBM Watson ซึ่งความสามารถในการเรียนรู้ข้อมูลได้ของ Watson ที่คล้ายคลึงกับมนุษย์นี้ จะช่วยให้การคัดกรองและวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลของลูกค้า Thomson Reuters ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ibm_watson_cognitive_computing

การพัฒนาโซลูชั่นใหม่ครั้งนี้ของ Thomson Reuters จะครอบคลุมการตอบโจทย์ด้านการนำเสนอข้อมูลสำหรับ่กลุ่มธุรกิจการเงิน, การจัดการความเสี่ยง, กฏหมาย, ภาษีและการบัญชี, การจัดการสิทธิบัตร, วิทยาศาสตร์ และสื่อ

ทั้งนี้ผู้ที่สนใจในระบบ Cognitive Computing ที่ทำการเรียนรู้ได้ของ IBM Watson นี้ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.ibm.com/smarterplanet/us/en/ibmwatson/

ที่มา: http://www.ibm.com/press/us/en/pressrelease/47794.wss 

from:https://www.techtalkthai.com/thomson-reuters-with-ibm-to-deliver-ibm-watson-cognitive-computing/