คลังเก็บป้ายกำกับ: EMC_XTREMIO

เข้าสู่ศักราชแห่ง Quantum Leap ก้าวกระโดดใหม่ของ Data Center ด้วย Flash/SSD ที่จะถูกกว่า HDD ถึง 7 เท่า

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ถือเป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงของวงการ Data Center ทั่วโลกที่เกิดขึ้นรวดเร็วอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงในแนวคิดของการทำ Application Delivery, การออกแบบ Data Center, เทคโนโลยี Hardware ต่างๆ สำหรับ Data Center, ระบบเครือข่ายที่มีการอัพเกรดความเร็วและเพิ่มมาตรฐานใหม่ๆ ไปจนถึงการมาของ Mobile Device ที่เป็นที่แพร่หลายจนทำให้รูปแบบการทำงานของผู้คนเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก

EMC ได้ทำการสรุปประเด็นสถิติต่างๆ ที่น่าสนใจเพื่อให้เหล่าองค์กรและ ISP ต่างๆ ได้ทำการศึกษาเพื่อเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ โดยมีสถิติสำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะให้ได้ศึกษาเป็นแนวทาง รวมถึงมีการอัพเดตข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยี Flash Storage และ Solid State Drive สำหรับการใช้งานในระดับ Data Center ที่จะกลายเป็นอนาคตของระบบจัดเก็บข้อมูลภายใน Cloud และ On-premises Data Center ต่อไปในอนาคตอีกด้วย

emc_dssd_banner

สถิติที่น่าสนใจทางด้าน IT ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย

ทาง EMC ได้สรุปตัวเลขสถิติที่น่าสนใจต่างๆ เอาไว้ดังนี้

  • ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการเติบโตของตลาด E-Commerce สูงที่สุดใน South East Asia และมีผู้ที่ใช้งานระบบ E-Commerce กว่า 500,000 คนทั่วประเทศในปัจจุบัน
  • มีการคาดการณ์ว่าองค์กรกว่า 55% จะมีการใช้งาน Cloud Computing อย่างเต็มตัวภายในช่วงปี 2016 – 2017
  • การมาของ 4G จะทำให้ปริมาณ Data Traffic เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ปริมาณผู้ใช้งาน Smart Phone ในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นถึง 70% ภายในช่วงสิ้นปี 2017
  • ปัจจัยที่ทำให้ตลาดเติบโตได้แก่เทคโนโลยี Enterprise Mobility, Big Data Analytics และ Internet of Things (IoT)
  • ปริมาณผู้ใช้งาน Social Media ในประเทศไทยก็จะยังคงเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ โดย Facebook ก็มีผู้ใช้งานถึง 30 ล้านคนแล้ว

จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ๆ ในประเทศไทยไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป และเหล่าผู้ใช้งานทั่วๆ ไปก็เริ่มตอบรับต่อเทคโนโลยีเหล่านี้กันมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ตลาดนี้ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และแน่นอนว่าเทคโนโลยีฝั่ง Data Center เองก็ต้องปรับตัวเพื่อรองรับต่อการเติบโตเหล่านี้ให้ทัน

 

Quantum Leap: การเปลี่ยนแปลงทั่วโลกจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

Gartner ได้ทำนายเอาไว้ว่าในปี 2020 จะเป็นปีที่พลิกโฉมโลก Digital ด้วยการมาของ Software Driven ที่ใช้ Software เป็นหัวใจในการขับเคลื่อนทุกสิ่งอย่างของโลก ไม่เว้นแม้แต่ Data Center เองที่จะต้องรองรับทั้ง Workload ที่เพิ่มขึ้นไปพร้อมๆ กับการเติบโตของปริมาณข้อมูลที่ต้องจัดเก็บไปด้วยพร้อมๆ กัน

ในแง่การนำข้อมูลต่างๆ มาใช้งาน ความง่ายในการจัดการ, ความคุ้มค่าในการจัดเก็บ, ประสิทธิภาพในการเข้าถึงข้อมูล และความสามารถในการรักษาข้อมูลทั้งหมดให้ไม่สูญหายไปไหนก็ถือเป็นประเด็นที่สำคัญ ซึ่ง Data Center ในอนาคตจะต้องแข่งขันกันด้วยการลดค่าใช้จ่ายให้ต่ำที่สุด, เพิ่มความเร็วในการวิเคราะห์และนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ให้ได้รวดเร็วที่สุด และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงด้วยการทำขั้นตอนต่างๆ ให้ง่าย, ทำงานได้แบบอัตโนมัติ และมีความคุ้มค่าต่อค่าใช้จ่ายสูงสุดนั่นเอง

EMC และ VMware ได้ทำการศึกษาจากองค์กรต่างๆ และพบว่าความต้องการขององค์กรที่มีต่อ Data Center นั้นได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก ดังนี้

  • 77% ของ Data Center Infrastructure ต้องการทำการ Provision ให้ตอบโจทย์ต่างๆ ได้ภายในเวลาน้อยกว่า 1 วัน
  • 88% ขององค์กรต้องการติดตามการใช้งาน Resource ต่างๆ ทางด้าน IT ภายในแต่ละแผนกขององค์กรให้ได้แบบอัตโนมัติ
  • มากกว่า 80% พบว่า Data Center Infrastructure ขององค์กรไม่สามารถเพิ่มขยายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ภายในปี 2017 พบว่า CIO ทั่วโลกกว่า 80% จะเริ่มต้นทำ Data Transformation และ Governance Framework เพื่อเปลี่ยนข้อมูลที่มีอยู่ให้กลายเป็นขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาด

มุมมองหนึ่งของ EMC ที่มีต่อการรับมือ Quantum Leap ก็คือการนำเทคโนโลยี Flash Storage และ Solid State Drive เข้ามาแก้ปัญหาความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเหล่านี้ให้ได้นั่นเอง

 

Flash Storage และ Solid State Drive จะกลายเป็นหัวใจของ Data Center ในอนาคต

Data Center ในอนาคตนั้นจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นในการใช้งานได้ด้วยปัจจัย 5 ประการ ได้แก่ Flash เพื่อความรวดเร็วในการเข้าถึงข้อมูลและการประหยัดพลังงาน, Cloud Enabled การรองรับความยืดหยุ่นและความคุ้มค่าจากการใช้ Cloud, Scale Out การรองรับการเพิ่มขยายได้อย่างรวดเร็วและง่ายได้ และ Software Defined ที่ทำให้การควบคุมทุกองค์ประกอบของ Data Center สามารถทำได้ด้วย Software นั่นเอง ทั้งนี้ความทนทานของการจัดเก็บและการให้บริการข้อมูลที่เคยเป็นหัวใจของระบบจัดเก็บข้อมูลในแบบเดิมๆ ก็จะยังคงเป็นหัวใจของระบบจัดเก็บข้อมูลด้วย

ด้วยปัจจัยเหล่านี้ Data Center จะมีขนาดในเชิง Physical ที่ลดน้อยลง, ประหยัดพลังงานมากขึ้น, ประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้น

ในอนาคต ความคุ้มค่าของการใช้งาน Flash Storage และ Solid State Drive ภายใน Data Center จะสูงขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถแซงหน้าเทคโนโลยี SAS Hard Drive ความเร็ว 15,000 RPM แบบเดิมๆ ได้ ซึ่งคาดว่าการแซงหน้าในครั้งนี้จะเกิดขึ้นภายในปี 2016 นี้เอง จนภายในปี 2020 นั้น Flash Storage และ Solid State Drive จะมีราคาถูกกว่า Hard Drive ถึงราวๆ 732% หรือประมาณ 7 เท่าเลยนั่นเอง

 

EMC ชี้ All Flash Storage จะกลายเป็น Storage มาตรฐานสำหรับองค์กร

ปัจจุบันนี้ EMC เป็นผู้นำของตลาด All Flash Storage ที่มี Market Share วัดจาก Revenue สูงถึง 39% ซึ่งเหนือกว่าคู่แข่ง 3 เจ้าในลำดับถัดๆ ไปมารวมกันเสียอีก อีกทั้งยังเป็นผู้นำของตลาด Hybrid Flash Storage Array อีกด้วย ซึ่ง EMC ก็เชื่อว่าปี 2016 นี้จะเป็นปีที่ All Flash Storage จะได้กลายเป็น Storage มาตรฐานสำหรับองค์กร แทน SAN Storage แบบเดิมๆ และ Hybrid Flash Storage

สำหรับผลิตภัณฑ์ All Flash Array ของ EMC มีดังนี้

EMC VMAX All Flash: Throughput สูง 150GB/s, 4,000,000 IOPS และ Response Time 0.5 Millisecond รองรับความจุสูงสุด 4,000TB พร้อมฟีเจอร์การทำ HA, DR, SRDF สูงสุด 4 Site ได้ครบถ้วนในตัว ใช้งานทุกรูปแบบแทน High End SAN Storage แบบเดิมๆ ได้เลยด้วย 99.9999% Availability เหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีการใช้งาน Workload หลากหลาย รองรับการใช้งานระดับ Mainframe และ x86 Server เหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีสาขาทั่วโลกและต้องการความทนทานระดับสูงสุด

EMC XtremIO: เน้นการใช้ All Flash Array ด้วยเทคโนโลยีพิเศษโดยเฉพาะจาก EMC รองรับการทำ HA, DR เน้นเรื่องประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้งานด้วยการทำ Deduplication เหมาะสำหรับองค์การขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ที่ต้องการประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้งาน All Flash Array สูงสุด

EMC VBLOCK: ระบบ All Flash Converged Infrastructure ที่ติดตั้งสำเร็จรูปมาจาก EMC และง่ายต่อการติดตั้งและการ Scale Out โดยสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย และเป็นหนึ่งเดียวกับระบบ Compute ในตัว

EMC DSSD D5: All Flash Storage ล่าสุดจาก EMC ที่มีขนาด 5U และเน้นประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งานที่ระดับ 10,000,000 IOPS, มี Throughput 100GBps, มีความจุสูง 144TB ภายใน 5U, Latency ต่ำกว่า 100 Microsecond และรองรับการเชื่อมต่อใช้งานได้หลากหลายรูปแบบได้ตามความต้องการทั้งในระดับของ Infrastructure และ Development รวมถึงการใช้งานร่วมกับ Oracle, SAS, Hadoop ได้ด้วยความเร็วสูง โดยผลการทดสอบ EMC DSSD D5 กับการใช้งาน Oracle RAC จำนวน 4 เครื่อง ก็ได้ผลคือ DSSD D5 ทำงานด้วยประสิทธิภาพถึง 5,300,000 IOPS เลยทีเดียว ส่วนการใช้งานกับ Hadoop ก็มีความเร็วสูงกว่าเดิมถึง 10 เท่า

 

สุดท้ายนี้ทางทีมงาน TechTalkThai ก็ขอขอบคุณการอัพเดตข้อมูลในครั้งนี้จากทาง EMC Thailand ด้วยนะครับ

from:https://www.techtalkthai.com/emc-quantum-leap-with-data-center-flash-storage-and-ssd-tha-will-be-7x-cheaper-than-hdd/

[PR] ออราเคิลเปิดตัว All Flash FS1 Storage System ใหม่

กรุงเทพ,ประเทศไทย17 กันยายน 2558: ออราเคิลขยายขอบข่ายผลิตภัณฑ์ด้านอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบแฟลชด้วยการเปิดตัว Oracle FS1 Flash Storage System ซึ่งเป็นรุ่นที่เป็นแบบแฟลชทั้งหมด โดยเริ่มวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป Oracle All Flash FS1 Storage System ใหม่นี้มาพร้อมประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูลที่เหนือชั้นกว่า บวกขีดความสามารถในการปรับขยายเพื่อรองรับความต้องการในอนาคตและยังถูกออกแบบมาเพื่อรองรับปริมาณงานที่หลากหลายพร้อม ๆ กันได้อย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็น OLTP และการสำรองข้อมูลด้วยความเร็วสูงในระบบ SAN ขององค์กร รวมทั้งในระบบ private หรือ public cloud ด้วยโดเมนแบบ all-flash มากถึง 64 โดเมนเพื่อการการแยกข้อมูลที่ต้องการความปลอดภัยสูงในสภาพแวดล้อมแบบ multi-tenant cloud ทั้งยังมีการจัดลำดับความสำคัญ input/output ( I/O ) ตามมูลค่าทางธุรกิจ และขยายได้ถึงเกือบ 1 PB ของความจุแบบ raw flash และเปิดเครื่องใช้งานได้ในเวลาไม่ถึง 30 นาที

oracle-launch-new-all-flash-fs1-storage-system

All Flash FS1 มาพร้อมประสิทธิภาพด้าน I/O ที่เหนือชั้นกว่าและค่าความหน่วง ( latency ) ต่ำ และอาการหยุดชะงักของระบบน้อยที่สุด จากการทดสอบให้ลูกค้าได้ดูประสิทธิภาพ พบว่า มีความหน่วงเพียงเสี้ยวหนึ่งของ 0.001 วินาที เมื่อรองรับปริมาณงานพร้อม ๆ กันทั้งขนาดเล็กไปจนถึงใหญ่ ด้วย IOPS ที่เร็วกว่า EMC XtremIO ถึง 8 เท่า และ write throughput เร็วกว่า 9.7 เท่า ส่งผลให้ All Flash FS1 สามารถร่นเวลารอในส่วนของ Oracle Database I/O และคืนเวลาให้ลูกค้าไปทุ่มเทกับโครงการต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิผล ซึ่งจะช่วยผลักดันการเติบโตด้านยอดขาย/รายได้ของบริษัทและประหยัดค่าใช้จ่ายเพื่อให้บริษัทมีกำไรมากขึ้น

Oracle All Flash FS1 เป็นระบบจัดเก็บข้อมูลแบบ all-flash เพียงระบบเดียวที่มีการพัฒนาร่วมกับ Oracle Database and Applications และให้ประโยชน์ทางธุรกิจสุทธิที่เพิ่มขึ้นแก่ลูกค้าเมื่อนำไปใช้กับซอฟต์แวร์ของออราเคิล นับตั้งแต่ความสามารถในการบีบอัดข้อมูลชั้นนำในอุตสาหกรรมไปจนถึงการจัดเตรียมแอพลิเคชั่นแบบคลิกเดียว นอกจากนี้ All Flash FS1 ยังเป็นหนึ่งเดียวที่สามารถจะใช้ประโยชน์จาก Oracle Hybrid Columnar Compression ที่ใช้ได้เฉพาะกับ Oracle Storage ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการลดทอนข้อมูล ( data reduction ) ที่ทันสมัย​​ที่สุดในอุตสาหกรรม ทั้งนี้ Hybrid Columnar Compression โดยทั่วไปมีอัตราการบีบอัด 10:1 ซึ่งเป็นเกือบสองเท่าของการลดทอนข้อมูลที่ได้มักจะได้จากเทคนิคการการลดพื้นที่การเก็บข้อมูล ( deduplication ) จึงช่วยลดความต้องการด้านความจุและเร่งการสืบค้นฐานข้อมูลของ Oracle Database แม้ว่าข้อมูลใน Oracle Database ที่เข้ารหัสจะไม่สามารถลดพื้นที่การเก็บข้อมูลได้ แต่ก็สามารถบีบอัดด้วย Hybrid Columnar Compression ซึ่งช่วยทางฝั่งลูกค้ายกระดับการรักษาความปลอดภัยให้สูงขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญและคงแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ ( best practices ) ในส่วนของ Oracle Database ได้อีกด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น All Flash FS1 ยังมาพร้อม Flash Profiles ที่ให้ข้อมูลปรับแต่งล่วงหน้าและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเตรียมระบบสำหรับ Oracle Database และแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ขององค์กร เพื่อให้การเตรียมระบบจัดเก็บข้อมูลแฟลชและการใช้งานแอพพลิเคชั่นง่ายและเร็วขึ้น ในขณะที่สุดยอดอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบ all-flash ในตลาดมุ่งพัฒนาไปเป็นระบบสองโหนด ( two-node system ) Oracle All Flash FS1 สามารถรองรับระบบฐานข้อมูลทั้งหมดของออราเคิลในรูปแบบแฟลช

“ความหน่วงสูงมีผลกระทบต่อลูกค้าในการจัดเก็บข้อมูลบนแพลตฟอร์มแบบ shared storage มานานแล้ว ทำให้เวลาการตอบสนอง OLTP ช้าลงและขัดขวางไม่ให้ปริมาณงานที่ซ้อนกันหลายงานเดินไปได้ด้วยความเร็วเต็มพิกัด ลูกค้าจึงมองหาระบบจัดเก็บแบบแฟลชเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้” ไมค์ เวิร์คแมน รองประธานอาวุโสฝ่าย Flash Storage Systems ของออราเคิล กล่าว “Oracle All Flash FS1 ช่วยลดเวลารอ I/O ได้อย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะในองค์กรทั่วไปในปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วยการทำธุรกรรม พึ่งพา virtualization สูง และความหน่วงที่ต่ำถือเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อเวลาตอบสนอง ประสิทธิภาพที่เหนือกว่านี้บวกกับคุณสมบัติที่ไม่เหมือนใคร เช่น Flash Domains และ Flash Profiles ทำให้ All Flash FS1 เป็นแพลตฟอร์มสำหรับลูกค้าที่ต้องการเร่งการทำงานของแอพพลิเคชั่นของพวกเขาได้อย่างมีนัยสำคัญในสภาพแวดล้อมของระบบ SAN และ secure cloud”

“ผู้เชี่ยวชาญของออราเคิลในแวดวงของเราคาดหวังที่จะเห็นความสมบูรณ์และการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในระดับสูงสุด ควบคู่ไปกับประสิทธิภาพการทำงานที่สามารถคาดการณ์ได้” เดวิด เวลแลนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายวิจัยของวิกิบอน ( Wikibon ) กล่าว “ผลิตภัณฑ์อย่าง All Flash FS1 กำลังยกระดับมาตรฐานราคา/ประสิทธิภาพของระบบจัดเก็บข้อมูลแบบแฟลช และทำให้มั่นใจได้ว่าจะมาพร้อมความหน่วงที่น้อยลงอย่างน่าทึ่งและเวลาการตอบสนองที่สอดรับกันในราคาที่เหมาะสม คุณสมบัติข้อนี้สามารถลดภาระที่ต้องส่งมอบสิ่งที่มักจะอยู่ในความต้องการของระบบงานด้านไอทีที่เข้มงวดได้อย่างมีนัยสำคัญ”

“ด้วยการเปิดตัว Oracle All Flash FS1 ในครั้งนี้ ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและการปรับขยายขนาดของ Oracle Database ออราเคิลขึ้นแท่นเพื่อรั้งอันดับของสิ่งที่ไอดีซีขนานนามว่าเป็น true All Flash Array ( AFA ) vendors” เอริค เบอร์เกนเนอร์ ผู้อำนวยฝ่ายการวิจัยระบบจัดเก็บข้อมูลของไอดีซี กล่าว “AFA คำนึงถึงการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับสื่อจัดเก็บข้อมูลแบบแฟลช โดยให้ประสิทธิภาพการทำงานที่สอดคล้องกันมากขึ้นทั่วทั้งระบบมากกว่า Hybrid Flash Arrays และทำให้พวกมันเป็นแพลตฟอร์มจัดเก็บข้อมูลที่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ ที่ต้องการประสิทธิภาพการทำงานระดับสูงสุด”

from:https://www.techtalkthai.com/oracle-launch-new-all-flash-fs1-storage-system/

[PR] อีเอ็มซี พลิกโฉมโลกไอที ด้วยนวัตกรรมสตอเรจใหม่

กรุงเทพฯ, 16 กรกฎาคม 2558 – อีเอ็มซี คอร์ปอเรชั่น เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่และโซลูชั่นเวอร์ชันอัพเดต สำหรับหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ EMC® XtremIO™, EMC VMAX3™, VCE®, EMC VNX®, EMC Data Domain® และ EMC Data Protection Suite™

EMC_update_2015

โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ภายในปี 2563 คนกว่า 7 พันล้านคนทั่วโลกจะสามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์จำนวน 3 หมื่นล้านเครื่อง โลกของธุรกิจในยุคดิจิตอลได้ถือกำเนิดขึ้น เพราะ ผู้คน ธุรกิจ สิ่งของ สามารถสื่อสาร ติดต่อแลกเปลี่ยน และต่อรองกันได้มากขึ้น ๆ โดยโลกของธุรกิจในยุคดิจิตอลได้ก้าวเข้ามาแทรกแซงธุรกิจในแบบเดิม ซึ่งรวมถึงธุรกิจที่เกิดขึ้นในยุคอินเตอร์เน็ตและ อี-บิสซิเนส ด้วยเช่นกัน

สังคมในยุคปัจจุบันได้กลายมาเป็นพื้นที่ของกลุ่มพลเมืองดิจิตัล พวกเขาเชื่อมต่อกันตลอดเวลาผ่านเครือข่ายระดับโลก เข้าถึงข้อมูลมากมายได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส รวมทั้งใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายและเท่าทันข่าวสารกว่าที่เคย สภาพแวดล้อมเช่นนี้ทำให้ความคาดหวังของคนในยุคนี้ต่อธุรกิจต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไป พวกเขาเริ่มมองหาประสบการณ์เฉพาะตัวแบบดิจิตอลที่เข้าถึงได้รวดเร็วมากขึ้น และต้องการเข้าถึงบริการได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านอุปกรณ์ที่หลากหลาย องค์กรจึงจำเป็นต้องนิยามตนเองใหม่และมองโลกธุรกิจผ่านมุมมองของโลกดิจิตอล เพื่อให้สามารถก้าวให้ทันปรากฏการณ์นี้ได้อย่างแท้จริง

ความท้าทายที่เหล่าซีไอโอกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้จึงเปรียบได้กับเหรียญสองด้าน ในด้านหนึ่ง พวกเขาต้องพยายามลดค่าใช้จ่ายในการบริหารทรัพยากรไอทีที่มีอยู่ โดยรักษาคุณภาพของบริการไว้ แต่ในอีกด้านหนึ่ง พวกเขาก็ต้องใช้งบประมาณที่ประหยัดไปได้นั้นในการเลือกสรรแอพพลิเคชั่นใหม่ที่แตกต่างและปรับแต่งให้เหมาะกับการใช้งานในโลกยุคดิจิตอล ซึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่ของอีเอ็มซีสามารถตอบสนองความท้าทายเหล่านี้ได้อย่างครบครัน

อีเอ็มซีช่วยให้งานไอทีกลายเป็นเรื่องง่าย

อีเอ็มซี เปิดตัวเวอร์ชันอัพเดตของ XtremIO สตอเรจแบบออล-แฟลช อาเรย์ ชั้นนำในวงการ และ VMAX3 แพลตฟอร์มดาต้าเซอร์วิสสำหรับองค์กรธุรกิจ โดยนอกจากจะมอบสมรรถนะ การทำงานแบบอัตโนมัติ และการจัดการข้อมูลที่เหนือกว่าแล้ว โซลูชั่นทั้งสองยังออกแบบมาเพื่อลดความยุ่งยากในการบริหารทรัพยากรไอที ไม่ว่าจะเป็นการย่นระยะเวลาในการปฏิบัติงานทั่วไปจากหลายชั่วโมงเหลือเพียงไม่กี่นาที หรือช่วยตัดขั้นตอนบางอย่างไปได้เลยทีเดียว

พร้อมกันนี้ วีซีอี บริษัทในเครืออีเอ็มซี ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ VxRack™ สตอเรจแบบไฮเปอร์คอนเวอร์จที่ควบรวมการทำงานของหน่วยประมวลผล เน็ตเวิร์ก และสตอเรจ เข้าไว้ในเครื่องเดียว โดยสามารถสเกลการใช้งานได้ในระดับแร็ค หรือเท่ากับ 1,000 โนด (Hyper-Converged RackScale Systems) ซึ่งช่วยทำให้การติดตั้งแอพพลิเคชั่น เน็กซ์เจน สำหรับโทรศัพท์มือถือ คลาวด์ และเทียร์ 2 สะดวกรวดเร็วขึ้น โดยผู้ใช้สามารถเริ่มติดตั้งเซิร์ฟเวอร์เพียงไม่กี่สิบตัว ก่อนสเกลเพิ่มเป็นหลายพันตัว หรือเท่ากับพื้นที่สตอเรจขนาดหลายสิบเพตะไบต์ แต่ทุกส่วนยังคงทำงานร่วมกันได้โดยไม่มีอุปสรรค ระบบมีเสถียรภาพ รวดเร็ว และคุ้มค่ากับการลงทุน อีกทั้งยังมาพร้อมกับการบริการหลังการขายที่เหนือกว่าจากวีซีอี ตลอดการใช้งานอีกด้วย

นอกจากนี้ อีเอ็มซีได้วางจำหน่ายเวอร์ช่วลไลซ์ซอฟต์แวร์สแต็ค EMC vVNX™ Community Edition ในวงกว้าง ผลิตภัณฑ์รุ่นนี้จะเข้ามาตอบโจทย์ขององค์กรที่กำลังจะหันมาใช้ ซอฟต์แวร์-ดีฟาย สตอเรจ เพื่อช่วยให้การพัฒนาซอฟต์แวร์มีความคล่องตัวและยืดหยุ่นมากขึ้น โซลูชันใหม่นี้ถือเป็นเวอร์ชันเวอร์ช่วลไลซ์ของ EMC VNXe® (ชื่อเดิม Project Liberty) ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อการทดสอบและพัฒนาบนพื้นฐานของสตอเรจ VNXe โดยไม่ต้องมีฮาร์ดแวร์สตอเรจรองรับโดยเฉพาะ แต่ใช้เพียงฮาร์ดแวร์เซิร์ฟเวอร์มาตรฐานทั่วไป ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างมาก  ในโอกาสนี้ อีเอ็มซียังได้เปิดอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่ม VNX คือแวเรียนท์ 3 TB VNXe3200 all-flash ซึ่งถือเป็นออล-แฟลช อาเรย์แบบรวมศูนย์ที่คุ้มค่าราคาที่สุดในตลาด ด้วยราคาเริ่มต้นต่ำกว่า 25,000 เหรียญสหรัฐ และจะวางจำหน่ายผ่านเครือข่ายพาร์ทเนอร์ธุรกิจของอีเอ็มซี

อีเอ็มซีเบิกทางสู่ไฮบริดคลาวด์

หนึ่งในเป้าหมายหลักของอีเอ็มซีคือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในทุกกลุ่มให้มีศักยภาพด้านคลาวด์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากพับลิก ไพรเวท และไฮบริดคลาวด์ ในการจัดทำสตอเรจที่ยืดหยุ่นและปลอดภัยในราคาไม่แพง ในปีนี้ อีเอ็มซีได้เปิดตัวซอฟต์แวร์ใหม่ EMC CloudBoost™ และ EMC CloudArray® โดยเทคโนโลยี CloudArray จะเข้ามาช่วยย้ายข้อมูลในแพลตฟอร์ม VMAX3 ไปสู่คลาวด์หรือสตอเรจแบบออบเจ็คเบสท์ ซึ่งถือเป็นการย้ายดาต้าไปยังสตอเรจที่มีราคาต่อกิกะไบต์ที่ต่ำ และจะช่วยลดต้นทุนโดยรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถบริหารจัดการข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะนำโซลูชั่นนี้ไปใช้ในการแบ็คอัพและอาร์ไคฟ์ ไฟล์ หรือข้อมูลสำรอง นับว่าเป็นการใช้ประโยชน์จากประสิทธิภาพที่เหนือกว่าของคลาวด์ในการปรับขนาดเพิ่มตามความต้องการ (scalability) ลดค่าใช้จ่าย ตลอดความยุ่งยากในการตรวจสอบดูแลได้อย่างแท้จริง

สำหรับซอฟต์แวร์ตัวใหม่ในกลุ่ม Data Protection Suite อย่าง CloudBoost ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้เทคโนโลยี EMC Avamar® และ EMC Networker® สามารถปกป้องข้อมูลในคลาวด์ของทั้งอีเอ็มซีและแบรนด์อื่นที่ใช้งานอยู่แล้วได้อย่างไร้ข้อจำกัดอีกด้วย

อีเอ็มซีพร้อมปกป้องข้อมูลทุกส่วนในสตอเรจ

เมื่อองค์กรต่างๆ หันมาใช้และพัฒนาแอพพลิเคชั่นในยุคใหม่บนคลาวด์กันมากขึ้น ธุรกิจเหล่านั้นจึงประสบกับปัญหาหลายประการในการปกป้องข้อมูลขององค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพแวดล้อมปัจจุบันซึ่งทุก ๆ ส่วนของธุรกิจเชื่อมต่อถึงกันตลอดเวลา (Hyper-extended Enterprise) อีเอ็มซีจึงมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมในการปกป้องข้อมูลในทุกๆ ส่วนของสตอเรจอย่างต่อเนื่อง และได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์และเวอร์ชั่นอัพเดตใหม่ล่าสุด ในกลุ่มดาต้า โพรเท็คชั่น ดังนี้

  • Data Domain รุ่นใหม่ มาพร้อมกับอุปกรณ์สำเร็จรูปสำหรับการแบ็คอัพข้อมูล (Purpose-Built Backup Appliance หรือ PBBA) และซอฟต์แวร์ทรงพลัง ซึ่งเข้ามาปฏิวัติการปกป้องข้อมูลและยกระดับมาตรฐานของโซลูชั่นสำหรับการแบ็คอัพแบบเดิมๆ
  • CloudBoost ซอฟต์แวร์ใหม่ ซึ่งช่วยให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ Data Protection Suite มีศักยภาพในการเชื่อมต่อกับคลาวด์ โดยสามารถปกป้องข้อมูลได้ทั้งในคลาวด์ของอีเอ็มซีและแบรนด์อื่น รวมถึงพัฒนาให้ซอฟต์แวร์ Spanning® by EMC มีศักยภาพในการปกป้องข้อมูลใน Office365 ด้วย
  • ฟีเจอร์สำหรับค้นหาข้อมูลที่แบ็คอัพอยู่ในทุกส่วนของสตอเรจ (universal search) ที่ควบคุมโดยโดย Data Protection Suite และฟีเจอร์ใหม่ๆ อีกมากในกลุ่ม EMC RecoverPoint® สำหรับเวอร์ช่วลแมชชีน
  • Spanning Backup มีความสามารถเพิ่มขึ้นในการปกป้องข้อมูลของแอพพลิเคชั่นที่เกิดมาในยุคของคลาวด์ โดยครอบคลุมถึงการแบ็คอัพข้อมูลจาก Microsoft Office 365 ด้วย นอกจากนี้ Spanning ยังได้เปิดตัวโครงการ Spanning Back-up for Good ซึ่งจะช่วยสนับสนุนองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในการปกป้องข้อมูลในคลาวด์อีกด้วย

Project CoprHD เพิ่มทางเลือก ความยืดหยุ่น ความปลอดภัย และความโปร่งใส

ในปัจจุบัน องค์กรธุรกิจได้หันมาให้ความสำคัญกับการวางกลยุทธ์เกี่ยวกับซอฟต์แวร์แบบโอเพ่นซอร์สมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะนำมาช่วยในการควบคุมธุรกิจของตน หรือการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อก้าวให้ทันตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา นั่นเป็นเพราะซอฟต์แวร์แบบโอเพ่นซอร์ส และแนวทางการพัฒนาแบบเปิดกว้าง ทำให้องค์กรไม่ต้องพบกับปัญหาในการล็อกอินเข้าใช้แพลตฟอร์มต่าง ๆ สามารถเข้าร่วมพัฒนา และปรับปรุงซอฟต์แวร์ให้เหมาะกับความต้องการของตนได้ อีกทั้งยังได้มีโอกาสการร่วมงานกับกลุ่มนักพัฒนาที่มีความสนใจตรงกัน ในขณะที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อการพาณิชย์ก็สามารถร่วมมือกับเพื่อนๆ ในวงการ และสร้างสรรค์นวัตกรรมที่คำนึงถึงผู้ใช้และอยู่บนแพลตฟอร์มที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันได้อย่างแท้จริง

หลังจากเปิดตัวในปี 2556 ViPR Controller ได้รับการยอมรับจากทั้งผู้ใช้ พาร์ทเนอร์และนักวิเคราะห์ ว่าเป็นซอฟต์แวร์ชั้นนำที่ใช้ในการสร้างระบบออโตเมชั่นสำหรับซอฟต์แวร์-ดีฟาย สตอเรจ ซึ่งไม่ได้ผูกติดอยู่กับแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง โดย ViPR Controller เป็นซอฟต์แวร์ที่จะช่วยควบคุมสตอเรจได้อย่างอัตโนมัติ ทำให้สตอเรจของทั้งอีเอ็มซีและแบรนด์อื่นๆ เป็นแพลตฟอร์มเปิดที่มีโครงสร้างไม่ซับซ้อนและปรับขนาดเพิ่มได้ ซึ่งอีเอ็มซีจะวางจำหน่าย ViPR Controller เวอร์ชั่นเพื่อการพาณิชย์ของซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส Project CoprHD พร้อมบริการหลังการขายเต็มรูปแบบต่อไป โซลูชั่นดังกล่าวนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดทำแอพพลิเคชั่นสำหรับแพลตฟอร์มรุ่นที่ 3 (Third Platform) ซึ่งต้องการสถาปัตยกรรมสตอเรจแบบเน็กซ์เจน ที่สามารถสเกลการใช้งานได้ และทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นได้หลากหลายได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น

นายนฐกร พจนสัจ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อีเอ็มซี อินฟอร์เมชั่น ซิสเท็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ผู้นำทางธุรกิจในทุกอุตสาหกรรมล้วนกำลังปรับโมเดลทางธุรกิจของตน โดยหันมาลงทุนในนวัตกรรม พร้อมหาวิธีใหม่ๆ ในการเข้าถึงผู้บริโภคในโลกออนไลน์ ติดต่อสื่อสารกับพวกเขาผ่านอุปกรณ์มือถือ และสร้างสรรค์แอพพลิเคชั่นที่มีศักยภาพสูงขึ้น ชาญฉลาดขึ้น และเข้าถึงง่ายขึ้น การลงทุนในนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อพลิกโฉมธุรกิจจะสามารถช่วยให้ตลาดของไทยมีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น และเพิ่มผลกำไร อย่างไรก็ตาม การลงทุนในด้านไอทีในปัจจุบันยังคงผูกติดอยู่กับโครงสร้างพื้นฐานและแอพพลิเคชั่นแบบเก่า คำถามคือ ทำอย่างไรโลกทั้งสองใบนี้จึงจะอยู่ร่วมกันได้ อีเอ็มซีจึงสนับสนุนให้องค์กรธุรกิจหันมาใช้แพลตฟอร์มดิจิตอลมากขึ้น แทนที่จะใช้เพียงแพลตฟอร์มแบบเดิมเพียงอย่างเดียว พร้อมทั้งช่วยเหลือลูกค้าของเราในการพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ให้มีประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มศักยภาพในการให้บริการ ตลอดจนสามารถใช้งานแอพพลิเคชั่นและเข้าถึงข้อมูลได้ตลอดเวลา”

นายนฐกร พจนสัจ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อีเอ็มซี อินฟอร์เมชั่น ซิสเท็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด
นายนฐกร พจนสัจ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อีเอ็มซี อินฟอร์เมชั่น ซิสเท็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด

 

เกี่ยวกับอีเอ็มซี

บริษัท อีเอ็มซี คอร์ปอเรชั่น (NYSE:EMC) เป็นผู้นำระดับโลกที่ช่วยให้องค์กรธุรกิจและผู้ให้บริการต่างๆ สามารถปรับเปลี่ยนและดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีระบบคลาวด์เป็นหัวใจสำคัญ นวัตกรรมทางสินค้าและบริการของอีเอ็มซีจะช่วยให้องค์กรก้าวเข้าสู่ระบบคลาวด์ได้โดยไม่มีอุปสรรค และช่วยให้แผนกไอทีจัดเก็บ จัดการ ปกป้อง และวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากที่สุด ได้อย่างคล่องแคล่ว น่าเชื่อถือ และคุ้มค่าทางการเงิน อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอีเอ็มซีได้ที่ http://www.EMC.com

from:https://www.techtalkthai.com/emc-2015-next-generation-storage/

EMC เปิดตัว XtremIO 4.0 – The Beast เพิ่มความเร็วและความทนทานให้ All Flash Array

ในงาน EMC World 2015 ที่ผ่านมา ทาง EMC ได้ประกาศเปิดตัว Firmware รุ่นล่าสุดของ EMC XtremIO ด้วยเลขรุ่น 4.0 พร้อมชื่อเล่นที่ถูกตั้งว่า The Beast โดยมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหาของระบบ All Flash Array ที่จากเดิม SAN Storage แบบเก่าๆ จะมีฟีเจอร์ครบครันมากกว่า ให้ All Flash Array มีฟีเจอร์ในระดับที่ทัดเทียมกัน ในประสิทธิภาพที่สูงกว่ามาก ทำให้การตัดสินใจลงทุนใน All Flash Array ง่ายขึ้น และทำให้ EMC XtremIO ที่มี Market Share อันดับ 1 ที่ 31.1% มีโอกาสเติบโตขึ้นไปอีก โดยมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ดังนี้

emc_xtremio_front

  • Enhanced Data Protection – รองรับการทำ Replication โดยใช้เทคโนโลยีจาก EMC RecoverPoint ทำให้สามารถกู้คืนข้อมูลย้อนหลังได้ทุกๆ 1 นาที ในขณะที่ประสิทธิภาพการทำงานยังคงมีความรวดเร็วสูงอยู่เช่นเดิม
  • Bigger, Faster Clusters – EMC XtremIO แต่ละชุดหรือที่เรียกว่า X-Brick นั้น มีความจุสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าที่ 40TB และรองรับการทำ Scale-Out ได้สูงสุดถึง 16 Controller (จากเดิมทำได้เพียง 12 Controller) รวมกับความสามารถในการทำ Deduplication แล้ว ก็ทำให้องค์กรสามารถมี All Flash Storage ที่มีพื้นที่ใช้งานหลัก Petabytes ได้ในระบบเดียว
  • Online Expansion – การเพิ่ม XtremIO เข้าไปในระบบเดิมไม่จำเป็นต้องมี Downtime อีกต่อไป
  • Application Automation – การ Copy ข้อมูลภายใน XtremIO สามารถทำงานร่วมกับ Application ได้อย่างสมบูรณ์ขึ้น ไม่ว่าจะเป็น VMware, Oracle, Microsoft SQL Server หรือ Microsoft Exchange ก็สามารถทำการ Copy ข้อมูลแบบประหยัดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้แบบอัตโนมัติ
  • Multi-Array Management – จากเดิมที่ต้องบริหารจัดการ XtremIO แต่ละ Cluster แยกจากกัน คราวนี้ EMC XtremIO 4.0 สามารถบริหารจัดการหลายๆ Cluster ร่วมกันจากหน้าจอเดียวได้แล้ว
  • More Powerful Interface – มีการจัดเก็บข้อมูล Report ย้อนหลังเพิ่มขึ้นเป็น 2 ปี รวมถึงยังสามารถติด Tag และค้นหาข้อมูลจาก Volume, Host และ Snapshot ได้ง่ายขึ้น และมีระบบออก Report ที่ดีขึ้นด้วย
  • More Scalable – รองรับการเชื่อมต่อร่วมกับ Host ได้มากขึ้น, เพิ่ม X-Brick ในแต่ละ Cluster ได้เยอะขึ้น และสามารถจัดเก็บ Snapshot ย้อนหลังได้เยอะขึ้น
  • Federation Enterprise Hybrid Cloud 3.0 – ทำหน้าที่เป็น Tier-0 Storage ใน EMC Enterprise Hybrid Cloud 3.0 ได้ ทำให้สามารถสร้างโมเดลธุรกิจแบบ Database-as-a-Service และ SAP-as-a-Service ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สำหรับ Solution ที่ EMC XtremIO จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและความคุ้มค่าสูงสุดนั้น ก็ไม่พ้นตลาดของ Application และ Database ที่ต้องการประสิทธิภาพการทำงานในระดับสูง และมี Impact ต่อธุรกิจสูงอย่าง SAP, Oracle, Microsoft และ ERP Solution อื่นๆ ในขณะที่ระบบ IT Infrastructure ที่ต้องการทั้งความเร็วและความยืดหยุ่นในการใช้งานอย่าง Virtualization และ Virtual Desktop Infrastructure (VDI) นั้นก็เหมาะสมกับระบบ All Flash Array จาก EMC ได้เป็นอย่างดี

จุดเด่นที่น่าสนใจมากที่ทำให้องค์กรใหญ่ๆ มักเลือกลงทุนใน EMC XtremIO แทนที่จะเป็นผลิตภัณฑ์จากคู่แข่งรายอื่นๆ หรือระบบที่กำลังมาแรงอย่าง Hyper-Converged Infrastructure ก็คือการที่ EMC XtremIO สามารถรองรับ Workload ได้หลากหลายรูปแบบภายในระบบเดียว พร้อมความสามารถในการทำ Deduplication ระดับ Block ก็ทำให้การจัดเก็บข้อมูลสำหรับทุกระบบเป็นไปได้อย่างคุ้มค่า ก็ส่งผลให้องค์กรสามารถใช้งาน Application ที่หลากหลายภายใน Storage เพียงชุดเดียวได้ ไม่ว่าจะเป็น Database Server, Application Server, Virtualization หรือ VDI ใน Storage ชุดเดียวกันก็ตาม

สำหรับ Systems Integrator ที่สนใจรับราคา Reseller หรือองค์กรที่สนใจ EMC XtremIO สำหรับองค์กร สามารถติดต่อบริษัททรูเวฟ ประเทศไทย จำกัด ได้ที่เบอร์ 02-210-0969 หรืออีเมลล์มาที่ info@throughwave.co.th ได้ทันที

ข้อมูลเพิ่มเติม

from:https://www.techtalkthai.com/emc-announced-xtremio-4-0-the-beast/

Throughwave Solution: สร้าง VDI ขนาด 1,000 – 3,500 ผู้ใช้งาน ด้วย EMC XtremIO All Flash Array

VDI เริ่มเป็นที่นิยมแพร่หลายในองค์กรต่างๆ มากขึ้นทุกที ด้วยความง่ายในการบริหารจัดการ, ความปลอดภัยที่สูงขึ้น และการต่อยอดรับกับการมาของ Mobile Device ภายในองค์กร แต่องค์กรใหญ่ๆ ที่เริ่มผ่านพ้นขั้นตอนการทดลองใช้งาน VDI ที่มักจะเริ่มต้นจากผู้ใช้งานเพียง 100 – 500 คนนั้น ก็เริ่มจะพบกับปัญหาต่างๆ ในการใช้งานจริง และการเพิ่มขยายระบบกันบ้างแล้ว

ปัญหาของระบบ VDI ขนาดใหญ่ที่มักพบเจอ

ปัญหาหลักๆ นี้จะเป็นประเด็นปัญหาทางด้านประสิทธิภาพ เนื่องจากในการออกแบบระบบ VDI ขนาดเล็กนั้น มักนิยมใช้ HDD ที่มีความเร็วสูงสุดอย่าง SAS เพื่อรองรับผู้ใช้งาน Virtual Desktop ทั้งหมด และยังคงมีพื้นที่เหลือจากการสร้าง Virtual Desktop ด้วยเทคโนโลยี Linked Clone นั่นเอง ทำให้เมื่อองค์กรพิจารณาที่จะทำการเพิ่มขยายระบบ VDI ก็มักจะใช้ Storage ชุดเดิมที่ยังเหลือพื้นที่เหล่านี้ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถึงแม้ Storage เหล่านั้นจะยังเหลือ Capacity อยู่ แต่ Performance ของ Storage ส่วนใหญ่ไม่สามารถรับ Workload ของการทำ VDI ขนาดใหญ่ได้เลยถ้าไม่ได้ผ่านการออกแบบเอาไว้รองรับล่วงหน้าทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ, ความทนทาน และพื้นที่จัดเก็บข้อมูล และในจุดนี้เองที่ EMC XtremIO ได้เข้ามามีบทบาทโดดเด่นในตลาดของ VDI

การทำงานของระบบ VDI ขนาดใหญ่ด้วย EMC XtremIO

emc_xtremio_1

ด้วยระบบ Storage ที่เป็นแบบ All Flash Array ซึ่งใช้งาน Solid State Drive (SSD) ทั้งหมด และมีการ Cache ข้อมูลบน RAM ขนาด 256-512GB ต่อชุด ทำให้ EMC XtremIO เพียงชุดเดียว สามารถรองรับผู้ใช้งาน VDI ได้มากถึง 1,000 – 3,500 ผู้ใช้งานทันทีได้ตั้งแต่เริ่มต้น และยังรองรับการ Scale Out เพิ่มในอนาคตได้อีก โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • EMC XtremIO Starter X-Brick (3.2TB Usable Capacity) มีประสิทธิภาพรองรับ Virtual Desktop ได้ 1,250 Full Clone หรือ 1,750 Linked Clone ในเครื่องเดียว
  • EMC XtremIO Full X-Brick (8.3-33.6TB Usable Capacity) มีประสิทธิภาพรองรับ Virtual Desktop ได้ 2,500 Full Clone หรือ 3,500 Linked Clone ในเครื่องเดียว

โดยในการทดสอบใช้งานที่ 2.500 Virtual Desktop นั้น ทาง EMC ได้มีผลการทดสอบว่า Latency ของ Data Store นั้นต่ำกว่า 0.7ms ในทุกๆ รูปแบบการใช้งาน อีกทั้ง EMC XtremIO นี้ยังมีเทคโนโลยีในการทำ Deduplication และ Compression เพื่อลดพื้นที่การใช้งาน ทั้งนั้น Clone ทั้งหมดของ Virual Desktop จึงใช้พื้นที่รวมกันน้อยมาก และเหลือพื้นที่สำหรับให้ผู้ใช้งานทำการใช้งาน, การเพิ่มเติมระบบอื่นๆ หรือแม้แต่การสำรองข้อมูลอีกด้วย

ทั้งนี้ในการใช้งานจริงที่บริษัท Boston Scientific นั้น การ Deploy Virtual Desktop ขนาด 40GB ที่เดิมเคยใช้เวลาถึง 8 นาที ได้ลดลงมาเหลือเพียง 17 วินาทีบน XtremIO เท่านั้น

จุดเด่นของ Solution

1. ผ่านการทดสอบการรองรับ VDI จำนวน 1,000 – 3,500 ผู้ใช้งานมาแล้ว ทำให้องค์กรต่างๆ ที่จะลงทุนกับระบบ VDI สามารถวางใจได้ว่า EMC XtremIO จะมีประสิทธิภาพสูงพอรองรับการใช้งานจริงได้อย่างแน่นอน

2. เพิ่มขยายระบบในอนาคตได้ง่าย ด้วยการทำ Scale Out เพิ่มได้สูงสุดถึง 8 ชุด มีพื้นที่ใช้งานถึง 268TB และใช้งานจริงหลังการ Deduplication ได้ถึง 1,600TB

3. สามารถรองรับ Workload อื่นๆ ที่หลากหลายได้ใน Storage ชุดเดียว ไม่ว่าจะเป็น VDI, Database, ERP, Email และ EMR ได้ ซึ่งต่างจากระบบ Hyper-Converged Infrastructure ที่ไม่สามารถรองรับ Workload ได้อย่างอิสระเช่นนี้

4. คุ้มค่าต่อการลงทุน เพราะ EMC XtremIO เพียงระบบเดียว ก็สามารถรองรับ Critical Workload ที่ต้องการ Performance สูงๆ ทั้งหมดได้ในระบบเดียว ไม่ต้องมีการลงทุนซ้ำซ้อนอีกต่อไป

Systems Integrator ที่สนใจรับราคา Reseller หรือองค์กรที่สนใจระบบ Virtual Desktop Infrastructure หรือ VDI หรือ EMC XtremIO All Flash Array สำหรับ VDI, Database, ERP และอื่นๆ สามารถติดต่อบริษัททรูเวฟ ประเทศไทย จำกัด ได้ที่เบอร์ 02-210-0969 หรืออีเมลล์มาที่ info@throughwave.co.th ได้ทันที

ส่วนผู้ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถทำการกรอกแบบฟอร์มเพิ่ม Download เอกสาร EMC VSPEX End-User Computing ซึ่งเป็น Reference Architecture สำหรับการสร้าง VDI สำหรับผู้ใช้งาน 1,000 – 3,500 คนด้วย XtremIO ได้ฟรีๆ ทันที

from:https://www.techtalkthai.com/throughwave-solution-1000-3500-vdi-with-emc-xtremio/

Throughwave รุกตลาด Storage พร้อมเสนอ EMC แก่กลุ่มลูกค้าองค์กรทุกระดับ

emc_logo

เพื่อเปิดตลาดของ Data Center และ Virtualization ให้กว้างขึ้น Throughwave Thailand ตัวแทนจำหน่ายระบบ IT สำหรับองค์กรแบบครบวงจร ได้ขยาย Portfolio ทางด้าน Enterprise Storage ด้วย EMC ผู้ผลิตระบบจัดเก็บและบริหารจัดการข้อมูล และระบบ Hybrid Cloud ชั้นนำของโลก ตอบโจทย์ลูกค้าองค์กรที่ต้องการระบบ Storage สำหรับระบบงานครบทุกรูปแบบ โดย Throughwave จะเปิดตลาดของ EMC ด้วยผลิตภัณฑ์ดังต่อไปนี้

emc_xtremio_front

  • EMC XtremIO – All Flash Array อันดับหนึ่งของโลก สำหรับระบบ Database, ERP, SAP, Virtualization และ VDI
  • EMC Isilon – Scale-Out NAS Storage สำหรับระบบ Cloud Storage, Big Data Storage, Video Editing Workflow และ Enterprise Archiving
  • EMC VNX & VNXe – Hybrid Storage สำหรับระบบ Virtualization และ Enterprise Application

และมุ่งเน้นการนำเสนอ Solution จาก EMC ดังต่อไปนี้

  • Enterprise Database Storage – ระบบ Storage ประสิทธิภาพสูงสำหรับ Database จากผู้ผลิตทุกราย
  • Virtualization Storage – ระบบ Storage สำหรับ VMware vSphere
  • Virtual Desktop Infrastructure – All Flash Array สำหรับ VMware Horizon Suite
  • Video Editing Workflow – ระบบ Scale-Out NAS สำหรับการตัดต่อวิดีโอร่วมกันจากทุก Platform
  • Cloud & Big Data Storage – ระบบ Object Storage ขนาดใหญ่สำหรับ Cloud และ Big Data

โดยหลังจากนี้ทาง Throughwave Thailand จะค่อยๆ ขยายการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของ EMC ให้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพิ่มเติมเรื่อยๆ เพื่อตอบโจทย์ของระบบ IT ในตลาดให้กว้างยิ่งขึ้น

สำหรับผู้ที่สนใจระบบ Storage ชั้นนำจาก EMC เพื่อแก้ปัญหา IT เฉพาะทางต่างๆ สามารถติดต่อบริษัท ทรูเวฟ ประเทศไทย จำกัด ได้ที่เบอร์ 02-210-0969 หรืออีเมล์ info@throughwave.co.th เพื่อขอใบเสนอราคาหรือรับคำปรึกษาและนำเสนอระบบได้ทันที

ข้อมูลเพิ่มเติม

from:https://www.techtalkthai.com/throughwave-with-emc-to-offer-all-range-storages-to-enterprise/

Federation Business Data Lake โซลูชั่นใหม่จากอีเอ็มซี ช่วยปูทางในการใช้ประโยชน์จากข้อมูลจำนวนมหาศาล (บิ๊กดาต้า) แก่ทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก [Official News]

emc_logo

The Federation Business Data Lake คือโซลูชั่นด้านดาต้าเลคคุณภาพระดับองค์กรที่ได้รับการออกแบบวิศวกรรมเต็มรูปแบบ เพื่อช่วยให้องค์กรสร้างความแตกต่างอย่างไม่เคยมีมาก่อนได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

bdl-leadspace

กรุงเทพฯ ประเทศไทย: 7 เมษายน 2558

สรุปประเด็นข่าว

  • The Federation Business Data Lake เป็นโซลูชั่นใหม่ที่อีเอ็มซี อินฟอร์เมชั่น อินฟราสตรัคเจอร์, พิโวทอล และ วีเอ็มแวร์ ร่วมกันออกแบบด้านวิศวกรรมเพื่อให้สามารถใช้งานดาต้าเลคได้แบบอัตโนมัติและทำได้เร็วขึ้น
  • โซลูชั่นนี้ช่วยให้องค์กรใช้งานฮาดูปพร้อมความสามารถวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้รวดเร็วภายในเวลาเพียงแค่ 7 วันจากการติดตั้ง
  • อีเอ็มซีนำเสนอพอร์ทโฟลิโอในการให้บริการดาต้าเลคแบบครบวงจรให้กับลูกค้าในการใช้งาน บิ๊กดาต้าทุกๆ ขั้นตอน

ติดต่ออีเอ็มซี

เนื้อหาข่าว

EMC Corporation (NYSE:EMC) เปิดตัวโซลูชั่น Federation Business Data Lake ซึ่งได้รับการออกแบบด้วยเทคโนโลยีที่เต็มรูปแบบทางด้านวิศวกรรม โดยผนวกรวมระบบจัดเก็บ และเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่จากอีเอ็มซี อินฟอร์เมชั่น อินฟราสตรัคเจอร์, พิโวทอล และวีเอ็มแวร์ เข้าด้วยกัน เพื่อช่วยให้ลูกค้าได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ได้เต็มที่ และช่วยปูทางให้ลูกค้าเข้าถึงและได้มุมมองใหม่ ๆ จากข้อมูลเชิงลึก และสร้างความแตกต่างทางธุรกิจได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

โซลูชั่น Federation Business Data Lake ช่วยเปลี่ยนความยุ่งยากซับซ้อนในการสร้างดาต้าเลคแต่ละครั้งให้เป็นเรื่องง่าย ทั้งยังออกแบบมาให้ทำงานได้รวดเร็ว ทำงานได้ด้วยตนเอง รองรับการขยายงานสำหรับองค์กรระดับเอ็นเตอร์ไพรซ์ และด้วยความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ช่วยให้องค์กรสามารถตัดสินใจทางธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น ในการติดตั้งก็ใช้เวลาเพียงแค่ 7 วันก็สามารถใช้งานได้1

……………………………

[1] Based on a 1PB Business Data Lake.  Includes deployment of converged infrastructure, Hadoop, structured data and real-time analytics tools so data can be analyzed

และเมื่อผนวก โซลูชั่น Federation Business Data Lake รวมกับโซลูชั่น Enterprise Hybrid Cloud ของอีเอ็มซี นับเป็นคอนเวิร์จโซลูชั่นจาก EMC Federation ที่จะช่วยปรับแต่งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มความสามารถให้ทำงานได้ด้วยความเร็วสูงสุดและมีความเสถียรเหมาะสำหรับองค์กรที่ใช้งานทั้งไฮบริดคลาวด์ และดาต้าเลค

illustration-bdl-enterprise-grade-large

ศักยภาพที่มากมายอย่างคาดไม่ถึงของบิ๊กดาต้านั้นถูกขับเคลื่อนด้วยการเติบโตอย่างมหาศาลของข้อมูลจากทั้งระบบแอพพลิเคชั่นดั้งเดิม ระบบแอพพลิเคชั่นรุ่นใหม่ๆ ข้อมูลที่เกิดขึ้นจากระบบเซ็นเซอร์และอุปกรณ์สื่อสารอันชาญฉลาด ตลอดจนข้อมูลสาธารณะใหม่ๆ เช่นข้อมูลจากสังคมออนไลน์ต่างๆ   ความสามารถในการรวบรวมและประมวลผลข้อมูลต่างๆ ที่กล่าวข้างต้นเหล่านี้สามารถทำได้แล้วในปัจจุบันด้วยการเติบโตของสตอเรจที่ราคาไม่แพง และความสามารถด้านการประมวลผลแบบไร้ขีดจำกัด รวมถึงมีการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ช่วยให้สามารถทำการวิเคราะห์ได้แบบเรียลไทม์ และสามารถเชื่อมต่อตรงการทำงานผ่านแอพพลิเคชั่นและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ  โซลูชั่น Business Data Lake ได้รวบรวมเทคโนโลยีในการจัดเก็บและการวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวข้างต้น พร้อมกับชุดข้อมูลขนาดใหญ่ไว้อย่างครบถ้วน

Business Data Lakes ได้กลายมาเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ขององค์กรเนื่องจากองค์กรรู้สึกว่ามีช่องว่างที่น่าเป็นห่วงเหลืออยู่ในระบบ data warehousing เดิมๆ  Business Data Lake ประกอบด้วยข้อมูลที่มีโครงสร้าง (structured) และข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง (unstructured) จากหลากหลายแหล่งที่มา และการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้มุ่งประเด็นไปที่การสร้างรูปแบบในการคาดการณ์อนาคต  บริษัทต่างๆ ที่ประสบความสำเร็จในเรื่องของดาต้าเลค ได้มีการนำข้อมูลและรูปแบบการคาดการณ์ไปสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แอพพลิเคชั่นและธุรกิจใหม่ๆ ที่ปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมของตน เพื่อให้สามารถก้าวหรือขยายไปสู่บทบาทในการเป็นผู้นำตลาด

ประสิทธิภาพหลัก 3 ประการที่ทำให้ Business Data Lake มีศักยภาพสูงคือ

  • Store: การจัดเก็บข้อมูลที่มีโครงสร้างและไม่มีโครงสร้างสำหรับการวิเคราะห์ทุกรูปแบบ จากหลากหลายแหล่งข้อมูล รวมศักยภาพและประสิทธิภาพที่จำเป็นสำหรับการวิเคราะห์กรณีต่างๆ
  • Analyze: นำเสนอการบริหารจัดการข้อมูลแนวใหม่ และเครื่องมือในการวิเคราะห์สำหรับการวิเคราะห์ทุกรูปแบบ รวมถึง Hadoop-based, In-Memory No-SQL และ Scale-out MPP
  • Surface & Act: นำเสนอข้อมูลให้กับผู้ใช้งานและแอพพลิเคชั่นเพื่อให้สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์แบบเรียลไทม์ และทำให้เกิดการตัดสินใจที่จำเป็น

จนถึงขณะนี้การสร้างดาต้าเลคที่มีประสิทธิภาพเป็นเรื่องยากและซับซ้อน  องค์กรไอทีต่างๆ ที่ต้องการนำดาต้าเลคมาใช้ ต้องนำมาใช้และปรับให้เหมาะสมกับแพลทฟอร์มการวิเคราะห์ และตอบสนองต่อระบบสตอเรจที่ถูกต้องในการวิเคราะห์แต่ละกรณี จากฮาดูปไปจนถึง เรียลไทม์  เมื่อมีการสร้างสภาพแวดล้อมขึ้นมาแล้ว การโหลดข้อมูลจะทำได้ก็ต่อเมื่อผู้โหลดนั้นมีสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูล และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่เหมาะสมกับชุดข้อมูลต่างๆ    การใช้งานสภาพแวดล้อมและชุดข้อมูลมีความซับซ้อนและเป็นงานที่ใช้เวลานาน และเป็นอุปสรรค์ที่ทำให้ไอทีไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานในเชิงธุรกิจ

โซลูชั่น The Federation Business Data Lake

โซลูชั่น The Federation Business Data Lake ช่วยให้การใช้งาน Business Data Lake เป็นเรื่องง่าย  ผลิตภัณฑ์สำคัญต่างๆ จาก EMC Federation of Companies ซึ่งประกอบด้วย อีเอ็มซี อินฟอร์เมชั่น อินฟราสตรัคเจอร์  พิโวทอล และวีเอ็มแวร์  ร่วมกันจัดทำฟังก์ชั่นหลักให้กับ the Federation Business Data Lake ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่ตอบสนองความต้องการการทำงานสำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็น การจัดเก็บ การวิเคราะห์ เซอร์เฟสและการทำงาน

The Federation Business Data Lake คือโซลูชั่นที่ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมอย่างเต็มรูปแบบที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว ใช้งานได้แบบอัตโนมัติ  ช่วยให้องค์กรไอทีต่างๆ เตรียมการเพื่อตอบสนองความต้องการต่างๆ ของธุรกิจได้ล่วงหน้า  เลเยอร์ของการวิเคราะห์เป็นแบบเสมือนจริงอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยวีเอ็มแวร์ที่ทำงานบน Vblocks® ที่มาพร้อมกับกรณีใช้งานการวิเคราะห์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า รวมทั้งการตั้งค่าและเตรียมใช้งานแบบอัตโนมัติ  EMC® Isilon® ช่วยให้ the Data Lake Storage Foundation ส่งมอบความสมดุลของความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลและประสิทธิภาพการทำงาน

เลเยอร์ของการวิเคราะห์ประกอบด้วย Pivotal Big Data Suite ซึ่งรวมถึง PivotalHD ที่มีเครื่องมือ SQL-on-Hadoop ระดับโลก คือ HAWQ รวมอยู่ด้วย  Pivotal Big Data Suite ให้บริการ SQL คุณภาพระดับการใช้งานในองค์กร ซึ่งช่วยให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่น และทำงานเข้ากันได้กับแพลทฟอร์มการวิเคราะห์ชั้นนำต่างๆ เช่น SAS, Tableau และอื่นๆ บนข้อมูลที่จัดเก็บในฮาดูป  อีเอ็มซียังมีโซลูชั่นด้าน Business Data Lakes อีกสองโซลูชั่นเพื่อช่วยในการผสานการทำงานร่วมกันให้ลูกค้าได้เลือกใช้การกระจายข้อมูลบนฮาดูป คือ Cloudera และ Hortonworks พร้อมด้วยการกระจายข้อมูลบนฮาดูปที่ทำงานบนแพลทฟอร์มข้อมูลระบบเปิด

บริการต่างๆ ของ EMC Data Lake

The Federation Business Data Lake มีชุดบริการและข้อมูลเพื่อการเรียนรู้ที่สมบูรณ์แบบ เพื่อให้ลูกค้าได้ทราบถึงขั้นตอนต่างๆ ในการใช้งานโซลูชั่นดาต้าเลคของตน ให้ลูกค้าได้พิสูจน์ประสิทธิภาพการทำงานของโซลูชั่น และเลือกกรณีใช้งานเชิงกลยุทธ์ด้านบิ๊กดาต้าได้อย่างรวดเร็ว  ชุดบริการและข้อมูลเพื่อการเรียนรู้ต่างๆ ที่มีอยู่ใน the Federation Business Data Lake ประกอบด้วย

  • EMC Technology Onboarding Service: EMC Technology Onboarding Service เป็นบริการให้คำปรึกษาแบบครบวงจรให้กับลูกค้าที่มีความพร้อมในการใช้งานดาต้าเลค ทั้งในเรื่องของการติดตั้งและใช้งาน the Federation Business Data Lake การเพิ่มประสิทธิภาพระบบการวิเคราะห์ การตั้งค่าและปรับแต่งตามความต้องการด้านข้อมูลต่างๆ
  • EMC Proof of Value Service: The Proof of Value Service เป็นบริการที่แสดงให้เห็นผลตอบแทนการลงทุนของกรณีใช้งานที่กำหนดไว้โดยใช้ข้อมูลจริงๆ ของลูกค้า เพื่อให้บริการลูกค้าที่รู้ความต้องการของตนว่าจะใช้งานด้านใดบ้าง แต่ยังต้องการความช่วยเหลือในการใช้งานการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ที่ทันสมัยที่สุด รวมถึงต้องการความช่วยเหลือด้านเครื่องมือและเทคนิคที่จะใช้พัฒนาแอพพลิเคชั่นได้อย่างรวดเร็ว
  • EMC Big Data Vision Workshop: The EMC Big Data Vision Workshop เป็นบริการที่ทำการวิเคราะห์กลยุทธ์และเป้าหมายธุรกิจขององค์กร แล้วจึงจัดลำดับความสำคัญของกรณีใช้งานที่กำหนดไว้เพื่อเริ่มต้นการใช้งานบิ๊กดาต้า ให้กับลูกค้าที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะใช้วิธีการไหนเพื่อเริ่มผสมผสานบิ๊กดาต้าเข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจของตน
  • Education Services: นอกจากบริการดังกล่าวข้างต้นแล้ว อีเอ็มซียังให้บริการในการอบรมและการออกใบรับรองเพื่อการพัฒนาขั้นพื้นฐาน รวมไปถึงความรู้ความเข้าใจขั้นสูงเกี่ยวกับบิ๊กดาต้าและวิทยาศาสตร์ข้อมูล และทักษะที่จำเป็นที่ผู้นำทางธุรกิจและผู้ที่ทำงานด้านบิ๊กดาต้าจำเป็นต้องมี

การวางจำหน่าย

The Federation Business Data Lake จะวางจำหน่ายโดยตรงในเดือนเมษายน 2558 และวางจำหน่ายทั่วไปในบางประเทศ

EMC_Understanding Data Lakes_infographic resized

คำกล่าวของลูกค้าของอีเอ็มซี

แดน คัทเลอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการทางเทคนิค อโดบี ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง

“The Federation Business Data Lake เป็นโซลูชั่นที่ช่วยให้องค์กรตระหนักว่า โซลูชั่นที่เป็นเทคนิคใหม่ๆ ที่ใช้บริหารจัดการบิ๊กดาต้าและการจัดเก็บเป็นสิ่งสำคัญต่อธุรกิจ เป็นสิ่งที่ได้รับการคาดหวังว่าเป็นแนวทางของโอกาสในการเพิ่มรายได้ประเภทใหม่ๆ หรือโอกาสในการประหยัดค่าใช้จ่าย เพื่อโอกาสในการดำเนินธุรกิจในตลาด  โซลูชั่นด้านบิ๊กดาต้าต่างๆ ช่วยให้เราขยายการให้บริการไปยัง Hadoop-as-a-Service และเพิ่มประสิทธิภาพการบริการของ อโดบี ดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง ให้กับลูกค้าของเรา”

คำกล่าวจากนักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรม

เจฟฟรีย์ เคลลี่ หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านบิ๊กดาต้า, Wikibon

“ในขณะที่จำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว โลกของการทำธุรกิจแบบดิจิทัล ก็กำลังส่งผลกระทบต่อรูปแบบการทำธุรกิจแบบดั้งเดิม  มันไม่ได้เพียงแค่เกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่เกี่ยวกับข้อมูลและแอพพลิเคชั่นของข้อมูลด้วย  การใช้งานบิ๊กดาต้า ช่วยให้องค์กรสามารถรวบรวมข้อมูลได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และใช้เทคนิคการวิเคราะห์เพื่อทำความเข้าใจ ทำการคาดการณ์ และใช้งานข้อมูลเหล่านั้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดรูปแบบการทำธุรกิจแบบใหม่ๆ  โซลูชั่นด้านบิ๊กดาต้าต่างๆ เช่น the Federation Business Data Lake ช่วยให้องค์กรนำข้อมูล การวิเคราะห์และแอพพลิเคชั่นมาทำงานร่วมกัน ซึ่งจะทำให้องค์กรต่างๆ ได้เห็นโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ”

คำกล่าวของผู้บริหารอีเอ็มซี

นายจอส์ช คาน รองประธานอาวุโส, โกลบอลโซลูชั่น, อีเอ็มซี คอร์ปอเรชั่น

“ในเวลาอีกไม่นาน รูปแบบการทำธุรกิจแบบดั้งเดิมเกือบทั้งหมดจะเผชิญกับการหยุดชะงักอย่างถาวร  ความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างรวดเร็วจะมีไว้ให้กับผู้ที่สามารถปรับตัวรับและเห็นผลตอบแทนที่คุ้มค่าจากการเติบโตอย่างมหาศาลของข้อมูลเท่านั้น ด้วยแนวทางใหม่  The Federation Business Data Lake เป็นโซลูชั่นใหม่ที่ช่วยให้ควบคุมข้อมูลทุกประเภทได้ง่าย เพื่อนำไปสร้างรูปแบบการคาดการณ์ต่างๆ ที่ทำให้เกิดแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และรูปแบบการทำธุรกิจที่จะผลิกโฉมทุกวงการ”

เกี่ยวกับอีเอ็มซี

อีเอ็มซี คอร์ปอเรชั่นคือผู้นำระดับโลกที่ช่วยองค์กรธุรกิจและผู้ให้บริการเปลี่ยนผ่านไปสู่รูปแบบ IT as a service โดยมีคลาวด์คอมพิวติ้ง เป็นพื้นฐานสำคัญ ผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นนวัตกรรมต่างๆ ของอีเอ็มซี ช่วยให้การเดินทางไปสู่คลาวด์คอมพิวติ้งรวดเร็วขึ้น พร้อมทั้งสนับสนุนหน่วยงานเทคโนโลยีสารสนเทศในการจัดเก็บ จัดการ ปกป้อง และวิเคราะห์ข้อมูลซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดขององค์กรด้วยวิธีที่คล่องตัว เชื่อถือได้ และคุ้มค่ามากกว่า ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอีเอ็มซีได้ที่ www.EMC.com/

# # #

โลโก้ EMC2, EMC, vBlock, Isilon และ EMC จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าภายใต้ EMC Corporation ในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ  เครื่องหมายการค้าอื่นๆ ทั้งหมดที่มีการกล่าวถึงในที่นี้ เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นๆ  . © Copyright 2015 EMC  Corporation. All rights reserved.

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ

เมธาวี เฉลิมธนศักดิ์

พีซี แอนด์ แอสโซซิเอทส์ คอนซัลติ้ง

โทร 02 971 3711

Email: maythavee@pc-a.co.th

 

from:https://www.techtalkthai.com/emc-federation-business-data-lake-solution/

5 คุณสมบัติของ All Flash Array ที่ต้องพิจารณาก่อนนำไปใช้งานในระดับองค์กร

emc_logo

เทคโนโลยี All Flash Array หรือ SAN Storage ที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการใช้งาน SSD ล้วนๆ ถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับองค์กรในทุกวันนี้ ด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็วจน Storage ไม่กลายเป็นคอขวดของระบบงานขนาดใหญ่อีกต่อไป และรองรับการนำไปใช้งานที่หลากหลาย ดังนั้นถ้าหากองค์กรใดต้องการเลือกซื้อ All Flash Array การพิจารณาประเด็นต่างๆ เหล่านี้ถือเป็นสิ่งสำคัญ

emc_xtremio_front

1. All Flash Array ควรมีระบบ Data Protection ที่ออกแบบมาสำหรับ SSD โดยเฉพาะ

เนื่องจาก SSD เป็นเทคโนโลยีที่มีพื้นฐานต่างจาก HDD โดยสิ้นเชิง ดังนั้นวิธีการรักษาข้อมูลให้มีความทนทานด้วยเทคโนโลยี RAID ที่สามารถใช้งานกับ HDD ได้ดี จึงไม่สามารถนำมาใช้กับ SSD ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง All Flash Array ที่ดีมักจะมีวิธีการในการรักษาข้อมูลให้มีความทนทานด้วยการใช้ SSD หลายๆ ลูก โดยมีการคำนึงถึงอายุการใช้งานของ SSD ไปพร้อมๆ กัน ไม่เช่นนั้นการใช้งาน SSD + RAID ก็อาจทำให้ RAID Volume พังเพราะ SSD หมดอายุการใช้งานพร้อมๆ กันทีละหลายๆ ลูกก็เป็นได้

2. All Flash Array จะต้องมีวิธีการในการใช้งานข้อมูลต่างๆ ที่จัดเก็บอยู่บน SSD อย่างคุ้มค่า

โดยทั่วไปในราคาที่เท่ากัน ถึงแม้ SSD จะมีความเร็วสูงกว่า HDD หลายเท่า แต่ความจุของ SSD ก็น้อยกว่า HDD หลายเท่าตัวเช่นกัน อีกทั้งอายุการใช้งานของ SSD ยังมีจำกัดจำนวนครั้งในการเขียนอีกด้วย ดังนั้น All Flash Array ที่ดีจึงควรจะต้องมีความสามารถที่ช่วยทั้งยืดอายุการใช้งานของ SSD ไปพร้อมๆ กับการลดพื้นที่การใช้งานบน SSD ไปด้วยในตัว ไม่ว่าจะเป็นการ Deduplication หรือ Compression แบบ Inline ก่อนมีการเขียนข้อมูลลง SSD ก็ตาม

3. ตรวจสอบผลการทดสอบทางด้านประสิทธิภาพของ All Flash Array ที่เปิดใช้งาน Feature ทั้งหมด

เพราะ SSD มีอายุการใช้งานที่จำกัด ดังนั้น All Flash Array จึงมักจะมาพร้อมกับความสามารถในการยืดอายุการใช้งานให้ SSD เช่น การทำ Deduplication หรือการทำ Compression รวมถึงการตั้งค่า Block Size ขนาดต่างๆ แต่ผลการรายงานทางด้านประสิทธิภาพของ All Flash Array มักจะไม่ได้เปิดใช้งาน Feature ต่างๆ เหล่านี้อย่างเต็มที่ ทำให้เรามักจะได้เห็น All Flash Array ที่มีค่า IOPS หลายแสนหรือหลายล้าน IOPS ต่อวินาที แต่เมื่อใช้งานจริงแล้วประสิทธิภาพก็ไม่ถึงตามที่ต้องการ หรืออาจมี Performance Spike เกิดขึ้นเป็นระยะๆ ระหว่างการใช้งานจริงได้เช่นกัน

4. All Flash Array จะต้องสามารถใช้งานได้กับ Application และ Infrastructure ที่หลากหลาย

เพื่อเป็นการ Utilize ระบบ All Flash Array ที่มีราคาสูงให้คุ้มค่าสูงสุด All Flash Array ควรจะต้องสามารถทำงานร่วมกับ Application และ Infrastructure ที่หลากหลายภายในองค์กรได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานร่วมกับ Hypervisor ได้หลายยี่ห้อ, การทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการได้หลายยี่ห้อ, การจัดเก็บข้อมูลของ Database ได้หลายยี่ห้อ โดยรองรับการทำ Backup และ Recovery ได้ถึงระดับ Application และสามารถรองรับ Workload ของ Application ทุกประเภทพร้อมๆ กันได้ โดยไม่ต้องทำการปรับแต่งค่าการใช้งานของ All Flash Array ให้ซับซ้อน

5. All Flash Array ไม่ใช่ SAN Storage ทั่วๆ ไปที่ใส่ SSD แทน HDD

หลายๆ ผู้ผลิตพยายามเข้ามายังตลาดของ All Flash Array โดยใช้ SAN Storage และเทคโนโลยีแบบเดิมๆ ที่ติดตั้ง SSD แทน HDD ทั้งหมด ทำให้ผลการทดสอบทางด้านประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่การใช้งานจริงจะมีปัญหาต่างๆ เช่น SSD หมดอายุการใช้งานเร็ว, มีความเสี่ยงที่ SSD RAID Group จะพังพร้อมๆ กัน, พื้นที่การใช้งานมีน้อย, การปรับแต่งประสิทธิภาพให้เข้ากับแต่ละ Application ทำได้ยาก, เกิดปัญหาทางด้าน Performance กับ Application บางประเภท และอื่นๆ อีกมากมายที่ผู้ดูแลระบบคาดไม่ถึง เพราะ All Flash Array และ SSD เป็นเทคโนโลยีที่ค่อนข้างใหม่ ดังนั้นการตรวจสอบย้อนหลังเพื่อดูว่า All Flash Array ที่ผู้ขายพยายามนำเสนอ เป็น All Flash Array จริงๆ หรือเป็น SAN Storage แบบเดิมๆ ที่ใส่ SSD เพื่อทำงานแบบ Hybrid Array ได้ ก็ถือเป็นประเด็นที่ค่อนข้างสำคัญเช่นกัน

EMC XtremIO ผู้นำทางด้านเทคโนโลยี All Flash Array ทางเลือกอันดับหนึ่งในปัจจุบัน

emc_xtremio_xbrick

EMC XtremIO เป็นระบบ All Flash Array ที่ถูกออกแบบมาด้วยเทคโนโลยีที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น

  • XDP เทคโนโลยีสำหรับการรักษาข้อมูลบน SSD ให้ทนทานระดับเดียวกับ RAID ไปพร้อมๆ กับการยืดอายุการใช้งาน
  • In-Memory Metadata ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ All Flash Array ให้มีความเร็วระดับ RAM ในขณะที่ทำ Deduplication เพื่อลดพื้นที่การใช้งาน และยืดอายุ SSD ไปด้วยในตัว
  • AppSync สามารถบริหารจัดการการทำ Backup, Recovery และ Cloning ได้ถึงระดับ Application ที่เก็บข้อมูลอยู่บน XtremIO ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ทำการ Backup หรือ Clone นั้นจะสามารถใช้งานได้อย่างแน่นอน
  • Scale-out ทำให้ XtremIO สามารถเพิ่มขยายพื้นที่ไปพร้อมๆ กับประสิทธิภาพ ไม่ทำให้เกิดคอขวดที่ Controller และไม่ต้องลงทุน Controller ขนาดใหญ่แต่แรก คุ้มค่าต่อการลงทุน

นอกจากนี้ EMC XtremIO ยังถูกจัดให้เป็น Leader ใน Gartner’s Magic Quadrant สำหรับ Solid State Arrays 2014 อีกด้วย โดยมีประสิทธิภาพสูงถึง 250,000/150,00 Random Read/Random Write IOPS ต่อเครื่องในขณะที่เปิดใช้งานทุกฟีเจอร์ และสามารถ Scale-out ได้รวมกันสูงสุดถึง 6 เครื่องผ่าน Infiniband ที่ความเร็ว 40Gbps

ส่วนผู้ที่กำลังมองหาระบบ VDI ระยะยาว EMC XtremIO หนึ่งเครื่อง สามารถรองรับ VDI แบบ Linked Clone ได้สูงสุดพร้อมกันถึง 3,500 VM เลยทีเดียว

สำหรับผู้ที่สนใจและอยากทดสอบความเร็วของ EMC XtremIO สามารถติดต่อ Partner ของ EMC ทั่วประเทศไทย หรือติดต่อ EMC Thailand ได้ทันที

ข้อมูลเพิ่มเติม

from:https://www.techtalkthai.com/5-things-to-consider-before-buying-all-flash-array/

EMC เปิดโควต้าฟรี 10 ที่นั่ง สำหรับเข้าร่วมงานสัมมนา DBAexchange Thailand อัพเดตเทคโนโลยีเกี่ยวกับ Oracle Database โดยเฉพาะ

emc_logo

EMC Thailand ได้จัดงานสัมมนา DBAexchange Thailand เพื่ออัพเดตเทคโนโลยีจากทาง EMC ที่จะสามารถช่วยเหลือให้ Oracle Database มีความทนทานมากขึ้น, ทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และสำรองข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น โดยงานสัมมนานี้จะจัดขึ้นในวันที่ 5 มีนาคม 2015 ณ ห้อง Victor 2, Victor Club ชั้น 8 อาคาร Park Venture Ecoplex เวลา 8.30น. – 12.00น. โดยมีรายละเอียดดังนี้

techtalkthai_cloud_data_center_for_business

8.30น. ลงทะเบียน

9.00น. กล่าวเปิดงานสัมมนา

9.10น. Maximize DBA Productivity – Oracle Backup & Recovery

  • สำหรับผู้ดูแลระบบฐานข้อมูล การสำรองและกู้คืนฐานข้อมูลถือเป็นหนึ่งในงานที่สำคัญที่สุดงานหนึ่ง ใน Session นี้จะแนะนำแนวเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถบริหารจัดการการสำรองข้อมูลได้ดีขึ้น, สามารถลดพื้นที่ที่ใช้ในการสำรองข้อมูลถึง 30 เท่า และสามารถเพิ่มความเร็วในการสำรองข้อมูลถึง 50%

9.50น. Maximize DBA Productivity – Oracle Continuous Availability

  • เพื่อให้ระบบฐานข้อมูลและ Application มี Downtime ต่ำทีสุด Session นี้จะแนะนำเทคโนโลยีที่ช่วยให้การทำ Oracle RAC Cluster มีความสามารถมากขึ้น และสามารถกู้ระบบคืนได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายที่ Zero Downtime พร้อมทั้งเพิ่มความคุ้มค่าของระบบฐานข้อมูลทั้งหมด และบริหารจัดการได้อย่างง่ายดาย

10.20น. Coffee Break

10.45น. Optimize Oracle Infrastructure – Performance Optimization

  • เทคโนโลยี Flash กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ สำหรับระบบฐานข้อมูล Session นี้จะแนะนำการทำ Flash Tiering ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของระบบฐานข้อมูลได้มากขึ้นถึง 80% และรองรับ Workload ได้หลากหลายรูปแบบภายในระบบเดียว กำจัดปัญหาคอขวดทางด้านประสิทธิภาพของฐานข้อมูลด้วยเทคโนโลยี Flash

11.15น. Q&A Session

11.30น. Lunch

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมสัมมนา DBAexchange ครั้งนี้ ทาง TechTalkThai ได้รับโควต้ามาด้วยกันทั้งสิ้น 10 ที่นั่ง โดยทุกท่านสามารถสมัครเข้าร่วมงานสัมมนาที่ฟอร์มด้านล่างได้ทันที และทางทีมงานจะสุ่มคัดเลือกผู้โชคดีมีสิทธิ์เข้าร่วมสัมมนา และแจ้งผลกลับไปทาง Email หรือโทรศัพท์ของท่าน

emc_oracle-dba-it-banner-th

ข้อมูลเพิ่มเติม

from:http://www.techtalkthai.com/emc-quotas-for-dbaexchange-seminar/

EMC เปิดโควต้าฟรี 10 ที่นั่ง สำหรับเข้าร่วมงานสัมมนา DBAexchange Thailand อัพเดตเทคโนโลยีเกี่ยวกับ Oracle Database โดยเฉพาะ

emc_logo

EMC Thailand ได้จัดงานสัมมนา DBAexchange Thailand เพื่ออัพเดตเทคโนโลยีจากทาง EMC ที่จะสามารถช่วยเหลือให้ Oracle Database มีความทนทานมากขึ้น, ทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และสำรองข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น โดยงานสัมมนานี้จะจัดขึ้นในวันที่ 5 มีนาคม 2015 ณ ห้อง Victor 2, Victor Club ชั้น 8 อาคาร Park Venture Ecoplex เวลา 8.30น. – 12.00น. โดยมีรายละเอียดดังนี้

techtalkthai_cloud_data_center_for_business

8.30น. ลงทะเบียน

9.00น. กล่าวเปิดงานสัมมนา

9.10น. Maximize DBA Productivity – Oracle Backup & Recovery

  • สำหรับผู้ดูแลระบบฐานข้อมูล การสำรองและกู้คืนฐานข้อมูลถือเป็นหนึ่งในงานที่สำคัญที่สุดงานหนึ่ง ใน Session นี้จะแนะนำแนวเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถบริหารจัดการการสำรองข้อมูลได้ดีขึ้น, สามารถลดพื้นที่ที่ใช้ในการสำรองข้อมูลถึง 30 เท่า และสามารถเพิ่มความเร็วในการสำรองข้อมูลถึง 50%

9.50น. Maximize DBA Productivity – Oracle Continuous Availability

  • เพื่อให้ระบบฐานข้อมูลและ Application มี Downtime ต่ำทีสุด Session นี้จะแนะนำเทคโนโลยีที่ช่วยให้การทำ Oracle RAC Cluster มีความสามารถมากขึ้น และสามารถกู้ระบบคืนได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายที่ Zero Downtime พร้อมทั้งเพิ่มความคุ้มค่าของระบบฐานข้อมูลทั้งหมด และบริหารจัดการได้อย่างง่ายดาย

10.20น. Coffee Break

10.45น. Optimize Oracle Infrastructure – Performance Optimization

  • เทคโนโลยี Flash กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ สำหรับระบบฐานข้อมูล Session นี้จะแนะนำการทำ Flash Tiering ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของระบบฐานข้อมูลได้มากขึ้นถึง 80% และรองรับ Workload ได้หลากหลายรูปแบบภายในระบบเดียว กำจัดปัญหาคอขวดทางด้านประสิทธิภาพของฐานข้อมูลด้วยเทคโนโลยี Flash

11.15น. Q&A Session

11.30น. Lunch

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมสัมมนา DBAexchange ครั้งนี้ ทาง TechTalkThai ได้รับโควต้ามาด้วยกันทั้งสิ้น 10 ที่นั่ง โดยทุกท่านสามารถสมัครเข้าร่วมงานสัมมนาที่ฟอร์มด้านล่างได้ทันที และทางทีมงานจะสุ่มคัดเลือกผู้โชคดีมีสิทธิ์เข้าร่วมสัมมนา และแจ้งผลกลับไปทาง Email หรือโทรศัพท์ของท่าน

emc_oracle-dba-it-banner-th

ข้อมูลเพิ่มเติม

from:https://www.techtalkthai.com/emc-quotas-for-dbaexchange-seminar/