คลังเก็บป้ายกำกับ: BUSINESS_INTELLIGENCE

Digital Transformation เกิดขึ้นจริงได้ด้วย Dr.Sum ตัวช่วยการแสดงผลให้เหมาะสมกับงาน!

Dr.Sum ไม่ได้เป็นเพียงฟังก์ชันในการดูแลจัดการข้อมูลต่าง ๆ แบบบูรณาการที่มีพื้นฐานการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นหลักเพียงเท่านั้น แต่ยังให้บริการ User Interface เฉพาะทาง 3 ประเภทให้เหมาะสมกับความต้องการในการวิเคราะห์ของผู้ใช้งานอีกด้วย  นอกจากนี้ยังสามารถทำงานกับเครื่องมือ BI (Business Intelligence)  ของบริษัทอื่น ๆ และเลือกเครื่องมือที่จะใช้ตามความต้องการได้

ครั้งนี้เราจะมาแนะนำ User Interface เฉพาะทาง 3 ประเภทให้ทุกคนได้รู้จักกัน

Datalizer for Excel

Datalizer for Excel เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการรายงานผลรวมจากการทำงานบน Excel และเนื่องจากเครื่องมือนี้ทำหน้าที่อยู่ในส่วนโปรแกรมเสริมของ Microsoft Excel จึงทำให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลบน Excel ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้การที่สามารถใช้ฟังก์ชันต่าง ๆ ของ Excel ได้ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างรายงานตามรูปแบบที่กำหนด รวมไปถึงสามารถทำงานร่วมกับ Macroใน Excel ได้อีกด้วย

ไม่เพียงเท่านั้นผู้ใช้งานยังสามารถสร้างตารางใหม่บนฐานข้อมูลหรืออัปเดตตารางที่มีอยู่โดยอาศัยข้อมูลในไฟล์ Excel อีกทั้งยังสามารถจำกัดและอัปเดตข้อมูลจากผลรวมของ Datalizer for Excel หรือแก้ไขข้อมูลโดยใช้ฟังก์ชันของโปรแกรม Excel ที่ผู้ใช้งานคุ้นเคยเป็นอย่างดีได้อีกด้วย

↑หน้าจอของ Datalizer for Excel
↑ การอัปเดตข้อมูลใน Datalizer for Excel

Datalizer for Web

Datalizer for Web เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการรายงานผลรวมจากการทำงานบนเว็บเบราว์เซอร์ มีการทำงานที่เข้าใจง่าย สามารถปรับแต่งตารางรายละเอียดและตารางไขว้ได้อย่างง่ายดาย และเพราะ Dr.sum สามารถใช้งานกับเว็บเบราว์เซอร์แค่เพียงอย่างเดียวได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์อื่น ทำให้แม้จำนวนผู้ใช้งานจะเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ไม่ทำให้ภาระงานของแผนกไอทีเพิ่มขึ้นตามแต่อย่างใด นอกจากนี้ Dr.sum ยังสามารถเข้าใช้งานได้จากแท็บเล็ต ทำให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ตลอดเวลา

↑หน้าจอของ Datalizer for web

MotionBoard

MotionBoard เป็นเครื่องมือแดชบอร์ดที่วิเคราะห์และแปลงข้อมูลให้มองเห็นและเข้าใจได้ง่ายขึ้น ไม่เพียงแต่ตารางรายละเอียดและตารางผลรวมเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้แผนภูมิต่าง ๆ ในการสร้างแดชบอร์ดให้เหมาะสมกับอุตสาหกรรมและธุรกิจประเภทต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังใช้เป็นเครื่องมือตรวจสอบ (Monitoring Tool) ได้อีกด้วย เพราะสามารถแสดงการแจ้งเตือนแบบพุช (Push Notification) ผ่านทางการแสดงข้อมูลแบบเรียลไทม์และอีเมล

↑หน้าจอของ MotionBoard(Production Management)

สรุป

Dr.Sum มีบริการ User Interface เฉพาะทาง 3 ประเภท โดยในการวิเคราะห์ข้อมูลของผู้ใช้งานจำเป็นต้องมี User Interface ที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้ใช้งาน ตัวอย่างเช่น หากไม่ได้ใช้งานตารางผลรวม ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือแดชบอร์ด ในทางกลับกัน หากต้องการตรวจสอบข้อมูลโดยใช้แผนภูมิก็จำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องมือแดชบอร์ด เราจึงขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมกันใช้ User Interface ให้เหมาะสมตามความต้องการของผู้ใช้งาน จัดสรรสภาพแวดล้อมที่ทุกคนสามารถจัดการข้อมูลได้อย่างง่ายดาย สร้างองค์กรที่เชื่อมต่อกับข้อมูล และทำให้ Digital Transformation เกิดขึ้นได้จริงกันเถอะ!

※หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Dr. Sum เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล กรุณาเข้าไปยังเว็บไซต์ด้านล่าง

https://drsum.asia/th

from:https://www.techtalkthai.com/dr-sum-digital-transformation-database-bi/

Total BI Dr. Sum สามารถทำ DX ให้เกิดขึ้นได้จริง!

Digital Transformation (DX) คือ การปฏิรูปธุรกิจจากการใช้ฐานข้อมูลต่างๆ ซึ่งแม้ว่าการปฏิรูปธุรกิจดังกล่าวจะฟังดูเป็นเรื่องเข้าใจยาก แต่ถ้ากล่าวอย่างง่าย ๆ ก็คือ การให้บริการลูกค้ารูปแบบใหม่ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยการแปลงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในที่ทำงาน ประสบการณ์ และสัญชาตญาณที่สั่งสมมาในที่ทำงานให้กลายเป็นฐานข้อมูล จากนั้นก็นำมาผสานเข้ากับเทคโนโลยี เช่น บริษัทคูโบต้า ผู้ให้บริการเครื่องจักรเกษตรกรรมได้เปิดบริการ “KUBOTA DIAGNOSTIC” ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการซ่อมเครื่องจักรที่ใช้ในการก่อสร้าง

แอปพลิเคชันดังกล่าว ช่วยลดจำนวนชั่วโมงการหยุดเครื่องจักรที่ชำรุด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการประเมินการชำรุด ด้วยวิธีการผนวกข้อมูลการชำรุดที่ผ่านมาเข้ากับระบบ AR นอกจากนี้ยังมีกรณีตัวอย่างการใช้ ระบบ DX มากมายบนโลกอินเทอร์เน็ต แต่ยังมองข้ามวัตถุประสงค์ของการรวบรวมข้อมูลในที่ทำงานว่ารวบรวมข้อมูลไปเพื่ออะไร และเอาไปใช้ทำอะไร  ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีองค์กรจำนวนมากทุ่มเทให้กับการรวบรวมข้อมูล แต่ไม่ได้คิดต่อว่าจะนำข้อมูลไปใช้ต่ออย่างไร  เมื่อรวบรวมข้อมูลเสร็จก็หมดเวลาไปกับการคิดว่าจะนำเอาข้อมูลขนาดมหึมาแบบนั้นไปใช้ทำอะไรต่อ สุดท้ายก็จบด้วยการที่ต้องจ้างบริษัทที่ปรึกษา และต้องจ่ายเงินจำนวนมหาศาล  นอกจากนี้ยังมีอีกหลายกรณีที่ต้องล้มเลิกไปเมื่อเห็นค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่าย รวมถึงระยะเวลาที่ใช้ 

ด้วยเหตุนี้ Digital Transformation จึงไม่ใช่แค่การแปลงให้เป็นดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังต้องตระหนักถึงการ Transformation ของงานและตระหนักถึงการรวบรวมข้อมูลด้วยว่า ต้องรวบรวมข้อมูลใดบ้าง มีวัตถุประสงค์อะไรในการรวบรวมข้อมูล จากนั้นนำเอาไปใช้ประโยชน์อย่างไร ซึ่งทั้งหมดจำเป็นต้องเชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับหน่วยงาน และต้องมีวัฒนธรรมการประยุกต์ใช้ข้อมูลทั่วทั้งในบริษัทเป็นประจำ  ถ้าไม่ใช้ข้อมูลเป็นประจำจะทำให้ตัดสินใจได้ยากว่าอะไรคือข้อมูลที่จำเป็น ในทางกลับกันหากเราใช้ข้อมูลเป็นประจำ เราก็จะได้สิ่งแวดล้อมการทำงานโดยที่สมาชิกในพื้นที่ทำงานรู้จักข้อมูล และตัวงานเป็นอย่างดีที่สุด ดังนั้นการส่งเสริมการประยุกต์ใช้ข้อมูลของพวกเขาเหล่านั้น จึงเป็นหนทางของการทำ Transformation ให้เป็นรูปร่างมากขึ้น

แต่ทว่ายังมีอุปสรรคอุปสรรคอื่น ๆ ของการทำ Transformation ในที่ทำงานอีก ซึ่งมีดังต่อไปนี้

  1. อุปสรรคทางธุรกิจ : ข้อมูลถูกแบ่งตามสายงานและนำมาใช้ได้ยาก

ตามปกติแล้วจะมีการแบ่งส่วนระบบงาน ดังนั้นข้อมูลก็จะกระจัดกระจายไปในแต่ละงานด้วยเช่นกัน ดังนั้นในการเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นต่อการวิเคราะห์ จึงมักมีการมอบหมายให้ผู้รับผิดชอบในแต่ละหน่วยงานทำ นอกจากนี้                   หลังจากมอบหมายงานแล้ว ยังมีอุปสรรคที่ไม่สามารถควบคุมข้อมูลจากส่วนกลางได้เกิดขึ้นอีกมากมาย เช่น กว่าจะได้เป็นรายงานก็ใช้เวลาหลายวัน แต่ข้อมูลที่ได้รับกลับไม่มีเนื้อหาที่ต้องการอยู่ในนั้น กว่าจะได้เป็นรายงานพร้อมส่งได้ ต้องนำมาปรับแต่งก่อน เป็นต้น ดังนั้นในการขจัดปัญหาดังกล่าว สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่การสร้างระบบให้ได้ข้อมูลจำเป็นมาในช่วงเวลาที่ต้องใช้นั่นเอง

  1. อุปสรรคทางทรัพยากรบุคคล : ไม่มีบุคลากรคอยวิเคราะห์ข้อมูล จึงไม่รู้ว่าต้องดูข้อมูลส่วนใด

ทรัพยากรบุคคลที่ว่านี้ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์การข้อมูล แต่เป็นผู้ที่เคยวิเคราะห์ข้อมูลของผู้ใช้ในที่ทำงาน โดยพื้นฐานการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบไปด้วย “การเปรียบเทียบ” “การดูโครงสร้าง” “การดูการเปลี่ยนแปลง” บุคคลทั่วไปก็ทำได้เช่นกัน กรณีที่จำเป็นต้องใช้นักวิทยาศาสตร์การข้อมูล คือ เฉพาะตอนที่วิเคราะห์ข้อมูลขนาดมหึมาเท่านั้น สำหรับการงานทั่วไปแล้ว บุคคลธรรมดาเหล่านั้นจะเป็นผู้กุมข้อกำหนดโดยมีผู้ใช้ในที่ทำงานเป็นศูนย์กลาง อุปสรรคข้อนี้จะเชื่อมโยงกับอุปสรรคทางวัฒนธรรมในข้อถัดไป  แต่อุปสรรคนี้หลัก ๆ จะเชื่อมโยงกับการ Transformation ในการสร้างสิ่งแวดล้อมอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ในที่ทำงาน เพื่อให้วิเคราะห์ข้อมูลได้ง่าย และปั้นคนเอาไว้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลได้

  1. อุปสรรคทางวัฒนธรรม : วัฒนธรรมที่ไม่ประยุกต์ใช้ข้อมูล

ถือเป็นเรื่องยากสำหรับสร้างความชัดเจนเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลในสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจที่ปกติไม่มีการประยุกต์ใช้ข้อมูล ต้องบอกว่าไม่ใช่ไม่ประยุกต์ใช้ข้อมูล แต่ส่วนมากไม่สามารถประยุกต์ใช้ข้อมูลได้ เนื่องมาจากปัญหาของระบบ (ในข้อ 1.อุปสรรคทางธุรกิจ) ในสภาวะแบบนั้น แม้จะพยายามเล่าประสบการณ์ในอดีต และสัญชาตญาณด้วยคำพูด ก็อาจถ่ายทอดสิ่งเหล่านั้นได้ยาก งานที่ต้องพึ่งพาคนก็จะเพิ่มมากขึ้นอีก ดังนั้นสิ่งสำคัญจึงอยู่ที่การสำรองประสบการณ์และสัญชาตญาณในรูปแบบของข้อมูล และสร้างรูปแบบที่ถ่ายทอดง่าย เมื่อทำดังนี้แล้ว การถ่ายทอดประสบการณ์และสัญชาตญาณที่สั่งสมมาไปสู่คุณสมบัติของพื้นที่การทำงาน ก็จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพพื้นที่ทำงานทั่วทั้งบริษัทได้ นอกจากนี้วัฒนธรรมที่อยู่บนพื้นฐานของข้อมูลดังกล่าวยังสามารถเชื่อมโยงไปยังระบบ DX ได้อีกด้วย สำหรับกรณีการจ้างนักวิเคราะห์จากข้างนอกเพื่อมาวิเคราะห์ข้อมูล หากบุคคลเหล่านั้นไม่เข้าใจพื้นที่การทำงานจริง ก็จะไม่สามารถใช้ข้อมูลมาวิเคราะห์ได้อยู่ดี แต่เมื่อนักวิเคราะห์กับผู้ใช้งานเป็นคนเดียวกัน ก็จะได้ผลลัพธ์ในทางที่ดีกว่า ดังนั้นสิ่งสำคัญจึงอยู่ที่การตั้งเป้าหมาย เพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และการสร้างวัฒนธรรมการใช้ข้อมูลที่ใคร ๆ ก็ใช้ได้ง่าย

ระบบ Dr.Sum ที่เราได้พัฒนาขึ้น จะช่วยเชื่อมโยงคนกับข้อมูลเข้าด้วยกัน และจะทำลายอุปสรรค 3 อย่างในข้างต้น ถือเป็นระบบ Total BI Solution อันดับหนึ่งในส่วนแบ่งตลาดของญี่ปุ่น โดยระบบ Dr.Sum มี User interface ที่ปรับเข้ากับสภาพงาน สามารถสัมผัสได้โดยตรง และมีฟังก์ชันต่าง ๆ เพื่อเป็นศูนย์กลางการควบคุมข้อมูลอันหลากหลายที่เกิดขึ้นจากการทำงาน เป็นการใช้ฐานข้อมูลสำหรับวิเคราะห์ข้อมูลอันเป็นเทคโนโลยีหลักของระบบ ขณะเดียวกันไม่ว่าใครก็สามารถใช้งานได้ ช่วยทำให้เกิดการประยุกต์ใช้ข้อมูลขององค์กร ช่วยสนับสนุนการใช้ข้อมูลทั่วทั้งบริษัท ตั้งแต่ Input ไปยัง Output ตั้งแต่ระดับผู้ใช้ทั่วไป นักวิเคราะห์ ไปจนถึงระดับบริหารจัดการ เป็นต้น

การสร้างสิ่งแวดล้อมให้ใช้ข้อมูลได้ง่าย เป็นหน้าที่ของ Dr.Sum ขณะนี้มีผู้ใช้งานจำนวนมากกำลังพยายามทำ Digital Transformation และมุ่งสร้างวัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลจาก Dr.Sum

ต่อจากนี้ เราขอแนะนำฟังก์ชันที่ทำหน้าที่สนับสนุนงานต่างๆ ในการรวบรวมข้อมูลในที่ทำงาน ซึ่งฟังก์ชันนี้ถือเป็นจุดเด่นของระบบ Dr.Sum เลยก็ว่าได้  

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://drsum.asia/th/

from:https://www.techtalkthai.com/dr-sum-total-bi-kubota-diagnostic-business-digital-transformation/

มาทำความรู้จัก Inteltion ที่ปรึกษาด้าน Big Data & Data Analytics แบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทย ผู้อยู่เบื้องหลังระบบ Data ของหลายองค์กรชั้นนำ

ข้อมูลเปรียบเสมือนเป็นแหล่งน้ำมันดิบซึ่งรอการถูกกลั่นสกัดเพื่อนำไปสร้างมูลค่าอย่างมหาศาล คำกล่าวนี้เป็นจริงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อธุรกิจก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล บทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับ Inteltion บริษัทที่ปรึกษาด้าน Big Data & Data Analytics แบบครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทย

ก่อตั้งปี 2004 ด้วยพันธกิจการเป็นบริษัทที่ปรึกษาของคนไทยโดยคนไทย ที่มีคุณภาพเทียบบริษัทที่ปรึกษาข้ามชาติ

จุดกำเนิดของ Inteltion เริ่มขึ้นเมื่อราว 20 ปีก่อน แม้ Big Data จะยังไม่แพร่หลาย แต่ 1 ใน 3 ผู้ให้บริการโทรคมนาคมชั้นนำของไทย ที่มีลูกค้ามากกว่า 10 ล้านราย ก็มีการเก็บข้อมูลมากกว่า 100 ล้านรายการในแต่ละวัน ในช่วงเวลานั้นการประมวลผลข้อมูลระดับนี้จำเป็นต้องใช้เวลานานถึงสัปดาห์ ส่งผลให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายนั้นต้องว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาข้ามชาติมาปรับปรุงระบบ ซึ่งก็ได้รับเสนอแพลตฟอร์ม Appliance Data Warehouse อันดับหนึ่งของโลกมา หลังจากปรับแต่งให้เข้ากับระบบของผู้ให้บริการแล้ว สามารถลดเวลาประมวลลงเหลือเพียง 8 ชั่วโมงในการ Run Batch ช่วงกลางคืน

จากเหตุการณ์ครั้งนั้น คุณกิตติพงษ์ ตั่งธนาพร กรรมการผู้จัดการของ Inteltion ซึ่งเคยเป็น Technical Lead ของบริษัทที่ปรึกษาข้ามชาติแห่งนั้น มองเห็นโอกาสทางด้าน Data ในไทย ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีบริษัทในไทยที่เชี่ยวชาญด้านนี้อยู่เลย ส่วน Software House และ System Integrator ที่ให้บริการด้าน Data ก็มีน้อยมากและยังขาดประสบการณ์ ในขณะที่บริษัทที่ปรึกษาข้ามชาติที่มีชื่อเสียง ก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงมากๆ คุณกิตติพงษ์จึงตัดสินใจก่อตั้ง Inteltion ในปี 2004 โดยมีปณิธานว่า ต้องสร้างบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการ Data แบบครบวงจรแห่งแรกในไทย ที่สามารถให้คำปรึกษาคุณภาพระดับเดียวกับบริษัทข้ามชาติได้ และพนักงานของบริษัทไม่จำเป็นต้องทำงานหนักตลอดเวลาเหมือนที่ทำอยู่กับบริษัทข้ามชาติ

“วิธีวัดความสำเร็จของ Inteltionไม่ใช่ฐานะการเงินหรือกำไรของบริษัท แต่คือคุณภาพของงานที่ทำ โดยการดูว่าลูกค้าจะกลับมาใช้บริการเราเป็นครั้งที่ 2,3,4,..หรือไม่ จนถึงตอนนี้ 100% ของลูกค้าทุกคนยังคงใช้บริการของเรามาอย่างต่อเนื่องจวบจนปัจจุบันนี้” — คุณกิตติพงษ์ กล่าว

บริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการ Data ระดับ Enterprise แบบครบวงจร

ปัจจุบันนี้ Inteltion เป็นบริษัทที่ปรึกษาที่มีพนักงานมากกว่า 120 คนเฉพาะทางด้าน Data ให้บริการกลุ่มธุรกิจองค์กรขนาดใหญ่ทั้งโทรคมนาคม สถาบันการเงิน ประกัน พลังงาน ค้าปลีก ขนส่ง ยานยนต์ และอื่นๆ ครอบคลุมทั้งด้าน Big Data, Data Warehouse & Data Lake, Business Intelligence และ Data Science

Inteltion ให้บริการงานด้าน Data ตั้งแต่การดึงข้อมูลมาจากระบบต่างๆ ทั้ง Transactional Data, Social Media, Cloud, IoT, File System รวมไปถึงข้อมูลจำพวก Unstructured Data เพื่อออกแบบระบบการบริหารจัดการข้อมูล (Design Data Architecture) และการจัดเก็บบน Data Platform ไม่ว่าจะบน Cloud หรือ On-premises การนำข้อมูลมาแสดงผลเป็น Visualization, Dashboard หรือ Reporting นอกจากนี้ ยังสามารถนำข้อมูลไปต่อยอดเพื่อทำ Data Science พร้อมผสานเทคโนโลยี AI/ML เพื่อทำ Prediction หรือ Forecasting ได้อีกด้วย เรียกว่าให้บริการด้าน Data แบบ End-to-end จบในที่เดียว

ตัวอย่างผลงานที่ผ่านมามีตั้งแต่

  • การย้ายระบบ Data Warehouse ขึ้น Azure Cloud ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของธนาคาร
  • การพัฒนาระบบ Hadoop ขนาดมากกว่า 200 Nodes ของบริษัทโทรคมนาคม
  • การนำข้อมูลการใช้จ่ายของลูกค้าค้าปลีก เพื่อมาทำ Forecasting Model เพื่อดูความน่าจะเป็นของการซื้อประกัน ทำให้ทีม Call Center มีประสิทธิภาพดีถึง 80.11%

ด้วยความสามารถในการจัดการกับ Data ระดับ Petabyte และการเป็น Partner กับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกหลายรายเช่น Azure, AWS, GCP, IBM, Informatica, Tableau และอื่นๆ รวมไปถึงมีองค์กรขนาดใหญ่ 3 อันดับแรกของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม สถาบันการเงิน และธุรกิจประกันเป็นลูกค้า ทำให้ Inteltion กลายเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้าน Data ที่มีลูกค้าให้ความไว้วางใจมากที่สุด

“เราให้ความสำคัญกับการวางแผนกลยุทธ์ โดยมุ่งเน้นผลลัพธ์ไปที่การสร้างยอดขายและสร้างการเติบโตให้กับองค์กร โดยมีโซลูชันที่สามารถเข้าถึงพฤติกรรมกลุ่มผู้บริโภคได้ตรงเป้าหมาย การสื่อสารแบบเรียลไทม์ การสร้างประสบการณ์การรับรู้ที่น่าจดจำและมีเครื่องมือในการวัดผลลัพธ์จากการทำตลาด” — คุณกิตติพงษ์ กล่าว

ต่อยอดการนำ Data ไปใช้งานสู่ Data-driven Marketing

การต่อยอดการนำ Data ทั้ง Online และ Offline ไปใช้งานสู่ Data-driven Marketing ซี่งเป็นโซลูชันทางการตลาดที่ใช้หลักการตลาดรวมกับการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยในการทำงาน เพื่อทำให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น Inteltion มีโซลูชันทางการตลาดที่น่าสนใจหลายหลาย อาทิ

  • การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค (Analytics) เพื่อให้นักการตลาดสามารถรวบรวมข้อมูล (Collect Data) ก่อนตัดสินใจ
  • มีระบบ AI/ML ช่วยประเมินความตั้งใจและพฤติกรรมของลูกค้า และการแสดงรายงานผลการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์
  • การแบ่งกลุ่มผู้บริโภคตามลักษณะเฉพาะ (Segmentation)
  • ระบบการเก็บรวบรวมข้อมูลของลูกค้า (Customer Data Platform)
  • การนำข้อมูลลูกค้าไปวิเคราะห์แบบ 360 องศา
  • แหล่งรวบรวมข้อมูลจากหลากหลาย Data Source จัดระเบียบ แยกหมวดหมู่ และทำให้ทุกคนที่ต้องการเข้าถึงสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย
  • การตลาดเฉพาะบุคคล (Personalized Marketing) การที่เรานำเสนอสินค้า บริการ คอนเทนต์ และเลือกช่องทางการสื่อสารให้ตรงกับใจของผู้บริโภคแต่ละบุคคล ผ่านการสื่อสารทุกช่องทาง เช่น Social media, LINE, Email, Push Notification, SMS เป็นต้น

นอกจากนี้ Inteltion ยังมีโซลูชันอื่นๆ อาทิ AI Chatbot & Voicebot ที่ใช้งานในระดับ Enterprise ผ่าน LINE, Facebook, Website และแอปพลิเคชันต่างๆ ซึ่งมีทั้งลูกค้าทั้งกลุ่มธนาคารและค้าปลีก รวมถึง Robotic Process Automation (RPA) โดยจับมือกับ UiPath, Automation Anywhere และอื่นๆ เพื่อลดภาระงานประจำวันที่ต้องทำซ้ำๆ โดยมีกลุ่มลูกค้าคือธุรกิจประกันเป็นหลัก

BTS ร่วมกับ Inteltion จัดตั้งบริษัทร่วมทุน Bangkok Payment Solutions ดูแลระบบข้อมูลของบัตร Rabbit Card และ Transportation Projects ต่างๆ

เนื่องด้วย Inteltion ทำงานในโปรเจ็กต์ Rabbit Card ตั้งแต่เริ่มต้น ทำให้ในปี 2014 Inteltion จับมือกับ BTS และ VIX (ผู้ให้บริการระบบจัดเก็บค่าโดยสารและระบบวิเคราะห์ข้อมูลด้านการขนส่งระดับโลกจากออสเตรเลีย) ก่อตั้งบริษัทร่วมทุน Bangkok Payment Solutions (BPS) เพื่อดูแลระบบ Rabbit Card รวมไปถึงสนับสนุนระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังให้คำปรึกษาและโซลูชันด้าน IT สำหรับธุรกิจด้านการขนส่งอีกด้วย เช่น Central Clearing House, AFC & e-Ticket, Card & Payment และ Payment Terminals

“Inteltion อยู่ในสายงานด้าน Data มานาน เราได้รวบรวมกระบวนการทำงาน ระเบียบวิธี และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด จาก Global Partners มาผสานรวมกันสร้างเป็นรากฐานของตนเอง เมื่อรวมกับประสบการณ์การทำงานด้าน Data ในหลากหลายอุตสาหกรรม ทำให้ทุกโปรเจ็กต์ใน 20 ปีที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จมาโดยตลอด” — คุณกิตติพงษ์ กล่าวปิดท้าย

จนถึงตอนนี้ Inteltion ให้บริการกลุ่มธุรกิจองค์กรขนาดใหญ่ทั้งโทรคมนาคม สถาบันการเงิน ประกัน ยานยนต์ พลังงาน ค้าปลีก ขนส่ง และอื่นๆ ครอบคลุมทั้งด้าน Big Data, Data Warehouse, Business Intelligence และ Data Science ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการต่างๆ ได้ที่ http://www.inteltion.com/

ทรัพยากรบุคคล – เบื้องหลังความสำเร็จของ Inteltion

Inteltion ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคลมาโดยตลอด การมีความรู้ ทักษะ และความสามารถ นอกจากจะช่วยให้ส่งมอบโปรเจ็กต์แก่ลูกค้าได้อย่างมีคุณภาพแล้ว ยังเป็นสิ่งติดตัวที่ช่วยให้ก้าวหน้าในสายอาชีพอีกด้วย Inteltion มี Senior Lead ที่สามารถให้คำแนะนำและวางแผนการเติบโตทางสายงาน รวมไปถึงการพัฒนา ปรับปรุง ฝึกฝนทักษะให้กว้างและลึกยิ่งขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่า พนักงานของบริษัทจะได้เรียนรู้สิ่งที่ตนเองชื่นชอบ ถนัด และดำเนินไปได้ถูกทาง

Inteltion ยังให้ความสำคัญกับความคิด ความสามารถ และทัศนคติของพนักงานทุกคน ซึ่งการทำงานในรูปแบบ Project-based นั้น พนักงานจะได้สับเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามโปรเจกต์ต่างๆ ทำให้พนักงานหนึ่งคนมีโอกาสได้ทำงานและเจอเพื่อนร่วมงานที่หลากหลายแตกต่างกันออกไป และในบางช่วงก็อาจจะมีโอกาสได้เดินทางไปต่างประเทศเพื่อทำงานร่วมกับ Vendors และ Partners ต่างชาติอีกด้วย เหล่านี้ช่วยทักษะทั้งด้านเทคนิค การสื่อสาร และการทำงานเป็นทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ Inteltion ยังมีการจัดสรรงบประมาณและแผนการฝึกอบรมที่ออกแบบตามทักษะและสายงานที่กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด เพื่อให้เหล่าพนักงานได้พัฒนาตัวเอง รวมไปถึงมี Flexible Benefits ในแต่ละปี ซึ่งเป็นการให้เงินอุดหนุนกับพนักงานแต่ละคนเพื่อใช้จ่ายในสิ่งต่างๆ ที่ตอบโจทย์ความสนใจหรือความชอบส่วนตัว อีกทั้งยังมีการจัดสังสรรค์และเปิดโอกาสให้พนักงานได้แชร์ไอเดียใหม่ๆในทุกไตรมาส และมี Company Trip สำหรับพาพนักงานไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกัน

ผู้ที่สนใจสายงานด้าน Data พร้อมร่วมทีมกับบริษัทระดับท็อปของไทย สามารถส่ง Resume ได้ที่ http://www.inteltion.com/work-with-us

from:https://www.techtalkthai.com/inteltion-the-leader-of-big-data-and-data-analytics-company-in-thailand/

Gartner ชี้ การทำ Composable Data and Analytics เป็นกุญแจสำคัญในการทำ Digital Transformation

ในงาน Data & Analytics Summit Americas 2021 ที่ผ่านมา Gartner ได้เผยว่าการทำ Composable Data and Analytics นั้นเป็นกุญแจสำคัญในการทำ Digital Transformation ในองค์กร

Composable Data and Analytics กำลังเป็นสิ่งใหม่เข้ามาขับเคลื่อนการตัดสินใจทางธุรกิจขององค์กรในปัจจุบัน จากเมื่อก่อนที่องค์กรส่วนใหญ่เน้นเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ไว้ที่ศูนย์กลาง ก็เริ่มมีการแบ่งข้อมูลเป็นส่วนย่อยๆมากขึ้น โดยวิเคราะห์ผ่านเครื่องมือที่เป็นรูปแบบ Low-code หรือ No-code Analytics ที่สามารถปรับแต่งได้หลากหลายและมีความคล่องตัวในการใช้งานมากกว่าเดิม อย่างไรก็ตามในการใช้งานจริงแล้ว Composable Data นั้นจะประกอบด้วยเครื่องมือหลายตัวที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกันเป็นระบบ ไม่ใช่การวิเคราะห์ผ่านเครื่องมือตัวใดตัวหนึ่งเท่านั้น โดยจากผลสำรวจพบว่า องค์กรกว่า 41% มีการใช้งานเครื่องมือ Data Analytics และ Business Intelligence มากกว่า 1 ตัว

นอกจากนี้การใช้งานระบบ AI สำหรับการทำ Analytics ยังคงมีความสำคัญเช่นกัน เนื่องจากจะช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการตัดสินใจและความได้เปรียบทางธุรกิจมากขึ้น โดย Gartner ได้ยกตัวอย่างการใช้งาน AI เพื่อทำ Data Analytics ที่ Edge Location ในโรงงาน เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการประเมินระยะเวลาในการซ่อมบำรุงเครื่องจักรหรือปรับแต่งค่าต่างๆในระบบการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งการวิเคราะห์ที่ปลายทางนี้จะช่วยให้องค์กรสามารถตัดสินใจได้รวดเร็วกว่าการวิเคราะห์จากระบบส่วนกลาง

นอกจากการทำ Composable Data and Analytics และการใช้งาน AI ในระบบ Analytics แล้ว Gartner ยังแนะนำอีกว่าองค์กรควรจัดลำดับการทำ Data Analytics ให้กลายเป็น Core Business Function เพื่อช่วยเร่ง Digital Transformation ภายในองค์กร จะทำให้สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายในองค์กรให้เหมาะสมและช่วยปรับปรุงขั้นตอนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตนเองได้อีกด้วย

ที่มา: https://venturebeat.com/2021/05/07/gartner-says-composable-data-and-analytics-key-to-digital-transformation

from:https://www.techtalkthai.com/gartner-composable-data-and-analytics-is-key-to-digital-transformation/

FMS Customer Day 2019 – FMS เผย Roadmap นำเทคโนโลยีช่วยธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 ทางบริษัท ฟอร์เวิร์ด แมเนจเม้นท์ เซอร์วิส จำกัด ได้จัดงาน FMS Customer Day 2019: Super Charging Enterprise with Big Data ซึ่งภายในงานได้มีเซสชั่นพูดคุยให้ความรู้และเล่าถึงวิสัยทัศน์ของ FMS ในปี 2020 ที่มุ่งเน้นในการนำเทคโนโลยีด้านข้อมูลมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการของธุรกิจ ภายในงานมีประเด็นใดที่น่าสนใจ สามารถติดตามได้ในบทความนี้ 

เกี่ยวกับ FMS

บริษัท ฟอร์เวิร์ด แมเนจเม้นท์ เซอร์วิส (FMS) ก่อตั้งเมื่อปี 1993 โดยเริ่มจากการเป็นที่ปรึกษาด้านการวางระบบบัญชี และธุรกิจ ซึ่งปีนี้ FMS ก้าวเข้าสู่ปีที่ 27 ด้วยประสบการณ์ทำงานที่ครอบคลุม งานด้านการเงิน การบัญชี Manufacturing และ CRM ตลอดเวลา 27 ปีที่ผ่านมา FMS ได้มีโอกาสทำงานวางระบบ ERP ที่ครอบคลุมทุก Segment ของธุรกิจ ได้แก่ Manufacturing, Trading, Construction & Real Estate และ Services Industry 

FMS ดูแลลูกค้ามากกว่า 80 บริษัท และมีประสบการณ์ในการ Implementation ระบบ ERP มากกว่า 300 บริษัททั้งในประเทศไทย และภูมิภาคเอเชีย (สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม www.fmsconsult.com)

ด้วยความไว้วางใจที่ลูกค้ามอบให้ FMS อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปีนี้ FMS ได้รับรางวัล “Top Excellence Partner” ในงาน Sage Partner Summit Asia ประจำปี 2019

FMS Customer Day 2019: Super Charging Enterprise with Big Data

ภายในงานสัมมนานี้ มีหัวข้อแบ่งออกเป็น 4 ช่วง ได้แก่

  1. ERP Trend for 2020 & FMS Roadmap 
  2. Unlocking Value from Big Data: Theory and Practice โดย ดร. ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์
  3. Sage Business Intelligence 
  4. Warehouse Management System & Barcode System 
FMS Roadmap & ERP Trend 2020 

FMS Roadmap & ERP Trend 2020 ด้วยพันธกิจ “Building Better Solution” ที่ทาง FMSมอบให้กับลูกค้าตลอด 27 ปี FMS Roadmap จึงถูกตั้งเพื่อสอดรับกับ ERP Trend สำหรับปี 2020 นี้ เพื่อช่วยให้ลูกค้า FMS เติบโตอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืน โดยมีสามหัวข้อหลักดังนี้

1. Industry 4.0 Manufacturing & Distribution Solution

Industry 4.0 หรือการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 เป็นแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับ กระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการบริหารจัดการ โดยการทําให้เครื่องจักร หรือระบบอัตโนมัติเชื่อมโยงเป็นส่วนหนึ่งกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ที่สามารถแชร์ข้อมูล และใช้ทรัพยากรบางส่วนร่วมกันได้ โดยโรงงานในยุค Industry 4.0 จะประสานการผลิตกับเทคโนโลยีในรูปแบบ Internet of Things (IoT) เพื่อให้สามารถสื่อสาร และแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว Real-Time มีการเก็บข้อมูลในรูปแบบ Cloud Computing และลดความผิดพลาดในการทํางาน

FMS มุ่งเน้นที่จะพัฒนาระบบ ERP และ Business Solution เพื่อเสริมการทำงานของลูกค้าทั้งที่อยู่ในกลุ่ม Manufacturing, Distribution และ Service ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น Warehouse System, Barcode System, Purchasing Work Flow และ Document Distribution

2. Digital Transformation & Big Data

Digital Transformation คือกระบวนการที่นำเอาทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Technology) มาปรับใช้กับทุกส่วนของธุรกิจโดย Digital Transformation ประกอบด้วย “Strategy” กลยุทธ์ของธุรกิจ ที่ต้องเปิดรับเทคโนโลยีมีความคล่องตัวเพื่อเปลี่ยนแปลงให้ทันยุคยิ่งขึ้น และการนำ “Big Data” ข้อมูลในระบบ ERP นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์

Big Data

Big Data กระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อค้นหารูปแบบความสัมพันธ์ของข้อมูล หาเทรนด์ทางการตลาด หาความต้องการของลูกค้า และข้อมูลอื่นๆที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ ซึ่งผลการวิเคราะห์ข้อมูลสามารถนำไปทำแผนการทำงาน ปรับปรุงการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพ หรือนำไปสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหา ผ่านผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ ตัวอย่างของ Big Data นั้นได้แก่ระบบ Recommendation ที่ช่วยทำนายความต้องการของลูกค้า และระบบ Predictive Maintenance ที่จะคอยตรวจสอบสถานะของเครื่องจักรแล้วทำนายว่าจะต้องซ่อมบำรุงเครื่องจักรในช่วงเวลาใดที่จะทำให้การทำงานไม่หยุดชะงัก และสูญเสียรายได้เปล่า 

Sage Business Intelligence

Sage Intelligence เป็นเครื่องมือ ที่ช่วยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร จากข้อมูลทางธุรกิจ สามารถดูข้อมูลได้จาก Cloud Technology ที่เชื่อมต่อกับระบบ ERP ของ Sage แบบ Real Time เพื่อนำมาประมวลผลในรูปแบบของ Ready to Use Dashboard และ Report

3. FMS “C.A.R.E” Support

ในการให้บริการของ FMS เรามีหลักการ C.A.R.E ในการดูแลลูกค้าของ FMS ดังนี้

  • Customer First ทีมงาน FMS ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นสิ่งแรกเสมอ
  • Attentive ความใส่ใจในความต้องการของลูกค้า
  • Readiness ทีมงาน FMS มีความพร้อม รองรับการเติบโตของลูกค้า
  • Educated อีกหนึ่งบทบาทสำคัญของ FMS คือการแบ่งปันความรู้ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้กับลูกค้า

ติดต่อ FMS

สำหรับบริษัทใดที่กำลังมองหาระบบ ERP อาทิเช่น SAP Business One หรือ Sage หรือพัฒนาระบบองค์กร สามารถติดต่อที่ บริษัท ฟอร์เวิร์ด แมเนจเม้นท์ เซอร์วิส (FMS) , www.fmsconsult.com หรือโทร 02 274 4070 ติดต่อคุณวุฒิพร (เล็ก)

 

from:https://www.techtalkthai.com/fms-customer-day-2019-2/

FMS Customer Day 2019 – FMS เผย Roadmap นำเทคโนโลยีช่วยธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 ทางบริษัท ฟอร์เวิร์ด แมเนจเม้นท์ เซอร์วิส จำกัด ได้จัดงาน FMS Customer Day 2019: Super Charging Enterprise with Big Data ซึ่งภายในงานได้มีเซสชั่นพูดคุยให้ความรู้และเล่าถึงวิสัยทัศน์ของ FMS ในปี 2020 ที่มุ่งเน้นในการนำเทคโนโลยีด้านข้อมูลมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการของธุรกิจ ภายในงานมีประเด็นใดที่น่าสนใจ สามารถติดตามได้ในบทความนี้ 

เกี่ยวกับ FMS

บริษัท ฟอร์เวิร์ด แมเนจเม้นท์ เซอร์วิส (FMS) ก่อตั้งเมื่อปี 1993 โดยเริ่มจากการเป็นที่ปรึกษาด้านการวางระบบบัญชี และธุรกิจ ซึ่งปีนี้ FMS ก้าวเข้าสู่ปีที่ 27 ด้วยประสบการณ์ทำงานที่ครอบคลุม งานด้านการเงิน การบัญชี Manufacturing และ CRM ตลอดเวลา 27 ปีที่ผ่านมา FMS ได้มีโอกาสทำงานวางระบบ ERP ที่ครอบคลุมทุก Segment ของธุรกิจ ได้แก่ Manufacturing, Trading, Construction & Real Estate และ Services Industry 

FMS ดูแลลูกค้ามากกว่า 80 บริษัท และมีประสบการณ์ในการ Implementation ระบบ ERP มากกว่า 300 บริษัททั้งในประเทศไทย และภูมิภาคเอเชีย (สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม www.fmsconsult.com)

ด้วยความไว้วางใจที่ลูกค้ามอบให้ FMS อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปีนี้ FMS ได้รับรางวัล “Top Excellence Partner” ในงาน Sage Partner Summit Asia ประจำปี 2019

FMS Customer Day 2019: Super Charging Enterprise with Big Data

ภายในงานสัมมนานี้ มีหัวข้อแบ่งออกเป็น 4 ช่วง ได้แก่

  1. ERP Trend for 2020 & FMS Roadmap 
  2. Unlocking Value from Big Data: Theory and Practice โดย ดร. ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์
  3. Sage Business Intelligence 
  4. Warehouse Management System & Barcode System 
FMS Roadmap & ERP Trend 2020 

FMS Roadmap & ERP Trend 2020 ด้วยพันธกิจ “Building Better Solution” ที่ทาง FMSมอบให้กับลูกค้าตลอด 27 ปี FMS Roadmap จึงถูกตั้งเพื่อสอดรับกับ ERP Trend สำหรับปี 2020 นี้ เพื่อช่วยให้ลูกค้า FMS เติบโตอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืน โดยมีสามหัวข้อหลักดังนี้

1. Industry 4.0 Manufacturing & Distribution Solution

Industry 4.0 หรือการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 เป็นแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับ กระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการบริหารจัดการ โดยการทําให้เครื่องจักร หรือระบบอัตโนมัติเชื่อมโยงเป็นส่วนหนึ่งกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ที่สามารถแชร์ข้อมูล และใช้ทรัพยากรบางส่วนร่วมกันได้ โดยโรงงานในยุค Industry 4.0 จะประสานการผลิตกับเทคโนโลยีในรูปแบบ Internet of Things (IoT) เพื่อให้สามารถสื่อสาร และแลกเปลี่ยนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว Real-Time มีการเก็บข้อมูลในรูปแบบ Cloud Computing และลดความผิดพลาดในการทํางาน

FMS มุ่งเน้นที่จะพัฒนาระบบ ERP และ Business Solution เพื่อเสริมการทำงานของลูกค้าทั้งที่อยู่ในกลุ่ม Manufacturing, Distribution และ Service ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น Warehouse System, Barcode System, Purchasing Work Flow และ Document Distribution

2. Digital Transformation & Big Data

Digital Transformation คือกระบวนการที่นำเอาทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Technology) มาปรับใช้กับทุกส่วนของธุรกิจโดย Digital Transformation ประกอบด้วย “Strategy” กลยุทธ์ของธุรกิจ ที่ต้องเปิดรับเทคโนโลยีมีความคล่องตัวเพื่อเปลี่ยนแปลงให้ทันยุคยิ่งขึ้น และการนำ “Big Data” ข้อมูลในระบบ ERP นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์

Big Data

Big Data กระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อค้นหารูปแบบความสัมพันธ์ของข้อมูล หาเทรนด์ทางการตลาด หาความต้องการของลูกค้า และข้อมูลอื่นๆที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ ซึ่งผลการวิเคราะห์ข้อมูลสามารถนำไปทำแผนการทำงาน ปรับปรุงการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพ หรือนำไปสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหา ผ่านผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ ตัวอย่างของ Big Data นั้นได้แก่ระบบ Recommendation ที่ช่วยทำนายความต้องการของลูกค้า และระบบ Predictive Maintenance ที่จะคอยตรวจสอบสถานะของเครื่องจักรแล้วทำนายว่าจะต้องซ่อมบำรุงเครื่องจักรในช่วงเวลาใดที่จะทำให้การทำงานไม่หยุดชะงัก และสูญเสียรายได้เปล่า 

Sage Business Intelligence

Sage Intelligence เป็นเครื่องมือ ที่ช่วยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร จากข้อมูลทางธุรกิจ สามารถดูข้อมูลได้จาก Cloud Technology ที่เชื่อมต่อกับระบบ ERP ของ Sage แบบ Real Time เพื่อนำมาประมวลผลในรูปแบบของ Ready to Use Dashboard และ Report

3. FMS “C.A.R.E” Support

ในการให้บริการของ FMS เรามีหลักการ C.A.R.E ในการดูแลลูกค้าของ FMS ดังนี้

  • Customer First ทีมงาน FMS ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นสิ่งแรกเสมอ
  • Attentive ความใส่ใจในความต้องการของลูกค้า
  • Readiness ทีมงาน FMS มีความพร้อม รองรับการเติบโตของลูกค้า
  • Educated อีกหนึ่งบทบาทสำคัญของ FMS คือการแบ่งปันความรู้ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้กับลูกค้า

ติดต่อ FMS

สำหรับบริษัทใดที่กำลังมองหาระบบ ERP อาทิเช่น SAP Business One หรือ Sage หรือพัฒนาระบบองค์กร สามารถติดต่อที่ บริษัท ฟอร์เวิร์ด แมเนจเม้นท์ เซอร์วิส (FMS) , www.fmsconsult.com หรือโทร 02 274 4070 ติดต่อคุณวุฒิพร (เล็ก)

from:https://www.techtalkthai.com/fms-customer-day-2019/

ฟรี WHITE PAPER: BIG DATA ในสเกลระดับคลาวด์ โดย HITACHI VANTARA

Hitachi Vantara ผู้นำด้านโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลสำหรับองค์กรธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมต่างๆ แจกฟรี White Paper เรื่อง “Big Data ในสเกลระดับคลาวด์” ฉบับภาษาไทย พร้อมแนะนำการผสานรวมเทคโนโลยี Big Data Analytics เข้าด้วยกับระบบคลาวด์เพื่อดึงขุมพลังการวิเคราะห์ข้อมูลออกมาให้ถึงขีดสุด ตอบโจทย์ความต้องการเชิงธุรกิจในการประมวลผลข้อมูลปริมาณมหาศาล ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อดาวน์โหลดเอกสารไปศึกษาได้ฟรี

Cloud Computing และ Big Data เป็น 2 เทคโนโลยีพลิกโฉมธุรกิจที่มาแรงที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ Cloud Computing ช่วยให้องค์กรขนาดใหญ่สามารถปรับปรุงการปฏิบัติงานด้าน IT และรังสรรค์บริการใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะที่ Big Data ก็ช่วยให้องค์กรสามารถสร้างมูลค่าจากสินทรัพย์ข้อมูลได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ด้วยการผสานรวมข้อมูลแบบ End-to-end ด้วยแพลตฟอร์ม Business Intelligence และ Machine Learning Orchestration ทำให้องค์กรสามารถสร้างการประมวลผล Big Data ได้ในระดับคลาวด์ซึ่งช่วยดึงขุมพลังการวิเคราะห์ข้อมูลออกมาได้ถึงขีดสุด

White Paper เรื่อง “Big Data ในสเกลระดับคลาวด์” ฉบับนี้มีความยาวทั้งสิ้น 7 หน้า ครอบคลุมเนื้อหาดังต่อไปนี้

  • แนะนำเทคโนโลยี Big Data แบบโอเพ่นซอร์สและกลุ่มแพลตฟอร์มต่างๆ ที่ถูกนำมาปรับใช้อย่างแพร่หลาย
  • แนะนำส่วนประกอบของเทคโนโลยีที่สำคัญที่ใช้สกัดมูลค่าของข้อมูลออกมาจากระบบคลาวด์
  • ตัวอย่างสถาปัตยกรรมซึ่งจะแสดงให้เห็นว่า เราสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในการผลักดันให้เกิดผลผลิตทางธุรกิจได้อย่างไร
  • กรณีศึกษาของ NASDAQ ที่ใช้แพลตฟอร์ม Pentaho ของ Hitachi Vantara ในการบริหารจัดการปริมาณข้อมูลขนาดใหญ่และผลักดันให้เกิดการนำเสนอข้อมูลด้านธุรกิจเชิงลึก

from:https://www.techtalkthai.com/free-white-paper-big-data-at-cloud-scale-by-hitachi-vantara/

[Video Webinar] แนะนำ Microsoft Power BI โซลูชันการวิเคราะห์เชิงธุรกิจฉบับเริ่มต้น

สำหรับผู้ที่ไม่ได้เข้าชมการบรรยาย Sponsored Webinar เรื่อง “แนะนำ Microsoft Power BI โซลูชันการวิเคราะห์เชิงธุรกิจฉบับเริ่มต้น” โดยทีมวิศวกรจาก Ingram Micro พร้อมแนวทางการนำไปประยุกต์ใช้งานจริง และสาธิตการสร้าง Power BI Dashboard แบบง่ายๆ ที่เพิ่งจัดไปเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา หรือต้องการรับชมการบรรยายซ้ำอีกครั้ง สามารถเข้าชมวิดีโอบันทึกย้อนหลังได้ที่บทความนี้ครับ

ผู้บรรยาย: คุณชัยพงศ์ อ่อนอำไพ , Product Manager และคุณณัฐวุฒิ มณีชัยสิริโชค Microsoft Technical Service Engineer จาก Ingram Micro

Microsoft Power BI เป็นเทคโนโลยีและเครื่องมือที่ช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจเพื่อทำ Business Intelligence ตามเป้าประสงค์หลักขององค์กรได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางด้าน IT มากนัก ด้วยความง่ายในการจัดทำรายงานทางด้าน Business Intelligence การเชื่อมต่อกับข้อมูลได้หลากหลาย รวมไปถึง Interactive Dashboard ที่เข้าใจได้ง่าย ถูกใจเหล่ผ่าผู้บริหาร ทำให้หลายองค์กรจากหลากหลายอุตสาหกรรมนำ Microsoft Power BI ไปประยุกต์ใช้เพื่อสนับสนุนการทำ Digital Transformation มากขึ้นเรื่อยๆ

ภายใน Webinar นี้ท่านจะได้พบกับ

  • ปูพื้นด้าน Business Intelligence คืออะไร
  • รู้จัก Power BI โซลูชัน Business Intelligence จาก Microsoft
  • จุดเด่นของ Microsoft Power BI
  • ตัวอย่างการนำ Microsoft Power BI ไปประยุกต์ใช้งานจริง
  • Live Demo: สาธิตการสร้าง Power BI Interactive Dashboard เพื่อใช้งานในองค์กรแบบง่ายๆ

from:https://www.techtalkthai.com/video-webinar-microsoft-power-bi-by-ingram-micro/

Sponsored Webinar: แนะนำ Microsoft Power BI โซลูชันการวิเคราะห์เชิงธุรกิจฉบับเริ่มต้น

Ingram Micro ขอเรียนเชิญเหล่า IT Manager, Business Analyst, System Admin และผู้ที่สนใจเข้าร่วมฟังบรรยายพิเศษในหัวข้อเรื่อง “แนะนำ Microsoft Power BI โซลูชันการวิเคราะห์เชิงธุรกิจฉบับเริ่มต้น” โดยทีมวิศวกรจาก Ingram Micro พร้อมแนวทางการนำไปประยุกต์ใช้งานจริง และสาธิตการสร้าง Power BI Dashboard แบบง่ายๆ ในวันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน 2019 ผ่านช่องทาง Live Webinar ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

รายละเอียดการบรรยาย

หัวข้อ: Simple Business Analytics Solution with Power BI
ผู้บรรยาย: คุณชัยพงศ์ อ่อนอำไพ , Product Manager และคุณณัฐวุฒิ มณีชัยสิริโชค Microsoft Technical Service Engineer จาก Ingram Micro
วันเวลา: วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน 2019 เวลา 14.00 – 15.00 น.
ช่องทางการบรรยาย: Online Web Conference
จำนวนผู้เข้าร่วมสูงสุด: 100 คน
ภาษา: ไทย
ลิงค์ลงทะเบียน: https://zoom.us/webinar/register/WN_lIouBP9tR5i-qSMtLrKFMw

หัวข้อและกำหนดการ

Microsoft Power BI เป็นเทคโนโลยีและเครื่องมือที่ช่วยให้เราสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงธุรกิจเพื่อทำ Business Intelligence ตามเป้าประสงค์หลักขององค์กรได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางด้าน IT มากนัก ด้วยความง่ายในการจัดทำรายงานทางด้าน Business Intelligence การเชื่อมต่อกับข้อมูลได้หลากหลาย รวมไปถึง Interactive Dashboard ที่เข้าใจได้ง่าย ถูกใจเหล่ผ่าผู้บริหาร ทำให้หลายองค์กรจากหลากหลายอุตสาหกรรมนำ Microsoft Power BI ไปประยุกต์ใช้เพื่อสนับสนุนการทำ Digital Transformation มากขึ้นเรื่อยๆ

ภายใน Webinar นี้ท่านจะได้พบกับ

  • ปูพื้นด้าน Business Intelligence คืออะไร
  • รู้จัก Power BI โซลูชัน Business Intelligence จาก Microsoft
  • จุดเด่นของ Microsoft Power BI 
  • ตัวอย่างการนำ Microsoft Power BI ไปประยุกต์ใช้งานจริง
  • Live Demo: สาธิตการสร้าง Power BI Interactive Dashboard เพื่อใช้งานในองค์กรแบบง่ายๆ
  • ถามตอบเกี่ยวกับการนำ Business Intelligence ไปใช้โดยผู้เชี่ยวชาญจาก Ingram Micro

ผู้ที่สนใจสามารถกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วม Sponsored Webinar: แนะนำ Microsoft Power BI โซลูชันการวิเคราะห์เชิงธุรกิจฉบับเริ่มต้น ได้ฟรี โดยทีมงาน TechTalkThai ขอสงวนสิทธิ์ให้ผู้เข้าร่วม TechTalk Webinar 100 ท่านแรกเข้าฟังบรรยายโดยไม่คำนึงถึงอันดับการลงทะเบียนก่อนหลัง

กด Interested หรือ Going เพื่อติดตามอัปเดตและรับการแจ้งเตือนบน Facebook Event: https://www.facebook.com/events/2556952071199317/

from:https://www.techtalkthai.com/sponsored-webinar-microsoft-power-bi-by-ingram-micro/

Salesforce ประกาศซื้อกิจการ Tableau ด้วยมูลค่าเกือบ 5 แสนล้านบาท

Salesforce ประกาศเข้าซื้อกิจการทั้งหมดของ Tableau ซอฟต์แวร์ด้าน Data Visualization ที่เน้นกลุ่มลูกค้าองค์กร คิดเป็นมูลค่าดีลรวม 15,700 ล้านดอลลาร์ โดยผู้ถือหุ้น Tableau เดิม จะได้หุ้นของ Salesforce เป็นการแลกเปลี่ยน

Tableau เป็นบริษัทในตลาดหุ้น ซึ่งมีมูลค่ากิจการล่าสุดเมื่อคืนวันศุกร์ 10,790 ล้านดอลลาร์ ดีลนี้จึงถือว่า Salesforce ให้มูลค่าเพิ่มสูงจากราคาปัจจุบันราว 50%

Marc Benioff ประธานและซีอีโอร่วมของ Salesforce กล่าวว่าดีลนี้ถือเป็นการรวมบริการ CRM อันดับ 1 และแพลตฟอร์ม Analytics อันดับ 1 มาไว้ด้วยกัน ทำให้ได้สิ่งที่ลูกค้าองค์กรต้องการ เพราะทำให้เข้าใจตลาดและความเป็นไปได้ดีมากขึ้น

ทั้งนี้น่าสนใจว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กูเกิลก็เพิ่งประกาศซื้อกิจการ Looker ซอฟต์แวร์ด้าน Analytics เช่นกันด้วยมูลค่า 2,600 ล้านดอลลาร์

ที่มา: Salesforce, TechCrunch ภาพ Tableau

alt="Salesforce x Tableau"

from:https://www.blognone.com/node/110252