VMware ได้ออกมาเผยถึงแผนการเข้าซื้อ True Visibility Suite Business Unit จาก Blue Medora เพื่อนำทีมงานและเทคโนโลยีมาสเริมให้กับ VMware vRealize Operations สำหรับเติมเต็มภาพของการทำ Self-Driving Operations ในการดูแลรักษาระบบ Data Center และ Cloud
Credit: Blue Medora
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ VMware เผยถึงแผนการเข้าซื้อกิจการของ Datrium เพื่อเสริมบริการ DRaaS แล้ว ในครั้งนี้ VMware ก็ได้เตรียมเสริมทัพให้กับ VMware vRealize Operations ด้วยการเข้าซื้อ Business Unit หนึ่งของ Blue Medora เพื่อนำทีมพัฒนาและเทคโนโลยี True Visibility Suite มาเสริมในผลิตภัณฑ์ของตนเอง โดยความสามารถที่โดดเด่นของเทคโนโลยี True Visibility Suite มีดังนี้
สามารถตรวจสอบและวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในระบบ Data Center และ Hybrid Cloud ได้ โดยมีหน้า Dashboard สำหรับสรุปข้อมูลทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ในงาน VMworld 2015 VMware ได้ประกาศเปิดตัว VMware EVO SDDC ซึ่งเป็นการต่อยอดจาก VMware EVO RAIL ในอดีต โดยเพิ่มขยายขอบเขตของระบบให้เป็นการสร้าง Software Defined Data Center ได้เลย ไม่ใช่เพียงแค่ระบบ Hyper-Converged Infrastructure เท่านั้น และภายใน VMware EVO SDDC แต่ละระบบจะมีองค์ประกอบดังนี้
Hypervisor: VMware vSphere Enterprise Plus
Software Defined Storage: VMware Virtual SAN รองรับสูงสุด 64 Server และ 7 ล้าน IOPS ในปัจจุบัน
Software Defined Networking: VMware NSX บริหารจัดการทั้งระบบเครือข่ายและความปลอดภัย
ถึงแม้ปัจจุบันนี้จะมีเทคโนโลยีต่างๆ ที่ช่วยให้ระบบ Data Center สามารถบริหารจัดการได้ง่ายขึ้นและคุ้มค่ามากขึ้นอย่าง Virtualization และ Cloud ก็ตาม สิ่งที่เป็นผลต่อเนื่องมาก็คือการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ Data Center หลายๆ แห่งจนมีขนาดใหญ่มากขึ้น, มีระบบงานใหญ่มากขึ้น, มีความเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมากขึ้น และมีภาระหน้าที่ให้ผู้ดูแลระบบต้องทำมากขึ้น จนเกิดเป็นความซับซ้อนในระดับที่แก้ไขปัญหาได้ยากยิ่งกว่าก่อนในที่สุด VMware จึงมีข้อแนะนำในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้ Operation ต่างๆ ใน Data Center ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นนี้สามารถถูกบริหารจัดการ และวางแผนการลงทุนในอนาคตได้ดีขึ้นดังนี้
1. มีระบบที่สามารถตรวจสอบและบริหารจัดการทั้ง Data Center ได้จากศูนย์กลาง
ระบบบริหารจัดการแบบเดิมๆ มักจะแยกการตรวจสอบและบริหารจัดการออกเป็นส่วนๆ ทำให้ผู้ดูแลระบบไม่สามารถมองเห็นภาพรวม และติดตามปัญหาต่างๆ อย่างรวดเร็วได้ การบริหารจัดการ Data Center ที่ดีไปจนถึงการบริหารจัดการระบบ Hybrid Cloud จึงควรจะมีระบบที่รวบรวมข้อมูลทั้งหมดทาง IT ไม่ว่าจะเป็น KPI, Metric, Event และ Log และนำมา Correlate กันเพื่อให้ผู้ดูแลระบบเข้าใจการทำงานร่วมกันของแต่ละส่วนในระบบได้ง่ายดายยิ่งขึ้น
ยิ่งระบบ Data Center มีขนาดใหญ่ขึ้น การจัดการให้ทุกองค์ประกอบของ Data Center และการทำงานของผู้ดูแลระบบทุกคนถูกต้องตามนโยบายและมาตรฐานที่ต้องการจึงกลายเป็นเรื่องยาก การมีระบบเพื่อคอยบังคับใช้นโยบายเหล่านี้โดยอัตโนมัติ พร้อมมีการแนะนำการปรับปรุงระบบให้ตรงตามมาตรฐานต่างๆ ได้จึงเป็นตัวช่วยที่จะทำให้ผู้ดูแลระบบไม่ต้องเสียเวลาตรวจสอบหรือวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ มากนัก ในขณะที่ผู้ดูแลระบบก็ยังมีความยืดหยุ่นในการทำงาน และสิทธิ์ในการจัดการระบบต่างๆ อยู่