คลังเก็บป้ายกำกับ: VERITAS_NETBACKUP

Veritas NetBackup 10 : Delivering a more cost-effective, secure and sustainable cloud

เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่องค์กรต่างพากันก้าวเข้าสู่โลกแห่ง Multi-cloud ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถเลือกสรรบริการที่ดีที่สุดให้ตัวเองได้ นอกจากนี้ยังไม่จำเป็นต้องผูกขาดตัวเองเข้ากับผู้ให้บริการเจ้าใดเจ้าหนึ่ง แต่รู้หรือไม่ว่าท่านกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงเนื่องจากข้อมูลได้ถูกใช้งานอย่างกระจัดกระจายตามไปด้วย ดังนั้นหนึ่งในเรื่องที่ต้องทำก็คือการดูแลความปลอดภัยข้อมูลของท่านด้วยระบบที่ถูกออกแบบมาให้สามารถรองรับการใช้งานในหลากหลายรูปแบบ

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Veritas ผู้นำในโซลูชันการปกป้องข้อมูลได้ประกาศเปิดตัว Veritas NetBackup 10 ซึ่งชูโรงด้วยคอนเซปต์หลักสองเรื่องคือ Cloud Scale Technology และ Autonomous Data Management โดยวันนี้เองทีมงาน TechTalkThai จะพาทุกท่านไปค้นหาความหมายในแนวคิดและฟีเจอร์ใหม่ของ Veritas NetBackup 10 กันครับ

Cloud Scale Technology คืออะไร

Credit : Veritas

Cloud Scale Technology เป็นการผลิกโฉมการทำงานของ NetBackup ให้ตอบโจทย์ Workload อย่างทันสมัย โดยมีคุณสมบัติเรื่องของการขยายตัว ความทนทาน และอื่นๆ คล้ายกับว่าท่านมีระบบคลาวด์ขนาดใหญ่ที่ล่มได้ยากมาก นอกจากนี้ยังรวมไปถึงความสามารถที่ทำให้ผู้ดูแลสามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติด้วย

อย่างไรก็ดีแนวคิดที่ยิ่งใหญ่ได้ก่อตัวขึ้นมาจากหลายเทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็น Containerize, Kubernetes, AI/ML, Playbook, Hyper-Automation, Elastic และ Subscription ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกออกแบบมาให้ทำงานได้บนคลาวด์อย่างแท้จริงที่เรียกว่า Cloud-Native

Autonomous Data Management

Credit : Veritas

อีกหนึ่งคอนเซปต์ที่ NetBackup 10 ให้ความสำคัญมากก็คือเรื่องความสามารถในการบริหารจัดการข้อมูลขององค์กรได้อย่างอัตโนมัติ สาเหตุเพราะแม้ปัจจุบันโซลูชันตามท้องตลาดมักอ้างว่าตนมี API ให้ลูกค้านำไปทำงานอย่างอัตโนมัติ แต่ปัญหาก็คือท่านต้องมีการติดตามอัปเดตสอดส่องการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอเมื่อเวอร์ชันใหม่มาถึง ด้วยเหตุนี้เอง Veritas จึงได้อาศัยความสามารถของ AI/ML ที่นำไปสู่แนวทาง Hyperautomation ลดการพึ่งพาคนให้น้อยลงที่มักเกิดความผิดพลาดได้ง่ายกว่าการตัดสินใจจากระบบ และทั้งหมดนี้จึงทำให้องค์กรสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น อยู่บนระบบที่แน่นอน รวดเร็ว และมั่นใจได้

6 ฟีเจอร์ใหม่ของ Veritas NetBackup 10

1.) Kubernetes

การสำรองข้อมูลของ Kubernetes ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ซะทีเดียว เพราะอันที่จริงแล้วตั้งแต่ NetBackup 9.1 ท่านก็สามารถสำรองข้อมูลกับ Kubernetes ได้แล้ว เพียงแต่ว่าในเวอร์ชันใหม่นี้จะรองรับ Kubernetes ได้หลายค่ายมากกว่าเดิมไม่ว่าจะเป็น OpenShift, Azure Kubernetes Service, Amazon Kubernetes Service และอื่นๆ กล่าวคือเป็นการทลายข้อจำกัด ไม่ว่าท่านจะรันระบบ Kubernetes อยู่ที่ใดก็สามารถสำรองข้อมูลได้อย่างมั่นใจ อีกทั้งสามารถกู้คืนข้าม Distribution ได้อีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาในด้านการใช้งานอื่นๆเช่น สามารถสำรองข้อมูล Kubernetes ไปยัง Storage ใดๆได้โดยตรงในหน้า WebUI ของ NetBackup 10 หรือการสำรองข้อมูลที่รองรับฟังก์ชัน Deduplication ได้ด้วย

2.) Subscription License

ในอดีตนั้นองค์กรจำเป็นต้องวางแผนค่าใช้จ่ายเผื่ออนาคต 3-5 ปี ทำให้ต้องมีการคาดคะเนการใช้งานเพื่อลงทุนล่วงหน้า แน่นอนว่าเป็นโจทย์ยากสำหรับธุรกิจ ยิ่งในสภาวะการแข่งขันบนโลกดิจิทัลอย่างปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้เองการปรับตัวสู่โมเดลค่าใช้จ่ายแบบ Subscription ของ Veritas NetBackup 10 จะทำให้องค์กรมีความยืดหยุ่นและคล่องตัวมากกว่าเดิม ไม่ว่าท่านจะรัน NetBackup อยู่ที่ใดก็ตามทั้ง On-premise หรือคลาวด์

3.) Cyber-Resiliency

Credit : Veritas

ระบบสำรองข้อมูลมักเป็นที่พึ่งสุดท้ายกรณีที่ระบบขององค์กรเกิดความผิดพลาดไม่ว่าด้วยสาเหตุใดก็ตาม แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากท่านไม่สามารถไว้วางใจข้อมูลที่จะกู้คืนกลับมา ซึ่งใน NetBackup 10 ทาง Veritas ได้ยกระดับการตรวจสอบข้อมูลไว้อย่างรัดกุมกว่าที่เคยด้วย 2 ฟีเจอร์สำคัญคือ

  • ใช้ AI ตรวจจับค้นหาสิ่งผิดปกติในชุดข้อมูลของท่านระหว่างการสำรองข้อมูล หากต้องสงสัยจะสแกนค้นหามัลแวร์และจัดการความอันตรายเหล่านั้น ด้วยเหตุนี้เองการกู้คืนไฟล์ของท่านจึงมั่นใจได้ว่าจะไร้มลทินจากมัลแวร์ที่อาจแฝงตัวเข้ามา
  • ขยายขีดความสามารถให้เกิด Immutable Data ที่อยู่บนคลาวด์และ SaaS ให้ปลอดภัยต่อการโจมตีจากแรนซัมแวร์

4.) Netbackup IT Analytics

Credit : Veritas

Netbackup IT Analytics เป็นหนึ่งในโซลูชันของ Veritas ที่เคยเปิดตัวมาเมื่อหลายปีก่อนจากการควบรวมกิจการ ไอเดียของโซลูชันนี้ก็คือความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล Storage, Cloud หรือ Backup ต่างๆ โดยความโดดเด่นคือรองรับผลิตภัณฑ์ได้หลายค่าย และสามารถออก Report ได้หลายรูปแบบ ทำให้องค์กรสามารถมองเห็นภาพรวมของการใช้งานในองค์กรของท่าน อีกทั้งหนึ่งในความท้าทายขององค์กรที่ก้าวเข้าสู่รูปแบบ Multi-cloud ก็คือค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นมักสูงกว่าความต้องการใช้จริง เนื่องจากแต่ละแผนกมีระบบการทำงานของตัวเอง ซึ่ง Netbackup IT Analytics สามารถช่วยให้ท่านเห็นภาพและเข้าใจข้อมูลต่างๆที่เกิดขึ้น เพื่อนำไปปรับปรุงการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยตัว Netbackup IT Analytics Foundation เองได้ถูกผนวกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรมบริหารจัดการของ NetBackup 10 ทำให้ผู้ดูแลระบบสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น ภายใต้ License ของ NetBackup 10

5.) SaaS Data Protection

Credit : Veritas

ผู้ใช้งาน SaaS ส่วนใหญ่มักเห็นภาพเพียงการใช้งานเท่านั้น เพราะการทำงานด้านล่างถูกจัดการด้วยผู้ให้บริการคลาวด์ทั้งหมด เช่น Gmail, Microsoft 365 และอื่นๆ อย่างไรก็ดีในมุมขององค์กรการปกป้องข้อมูลทุกแห่งหนเป็นเรื่องจำเป็น ด้วยเหตุนี้เอง NetBackup 10 จึงได้เพิ่มความสามารถการปกป้องข้อมูลของท่านให้สามารถนำออกมาเก็บด้านนอกได้ตามหลักการ 3-2-1 แถมยังมีทางเลือกการกู้คืนที่ยืดหยุ่นเช่น เลือกปลายทางไปที่อื่นนอกเหนือจากต้นทางที่นำข้อมูลออกมา เลือกเป็นกลุ่มของออบเจ็ค ไฟล์ หรือแม้กระทั่งแชทของโปรแกรม Microsoft Teams ก็ทำได้เช่นกัน

6.) Cloud Scale Technology

อย่างที่กล่าวไปว่า Cloud Scale Technology เป็นแนวคิดของสถาปัตยกรรม โดยแนวทางนี้ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสำคัญในด้านการทำงานเช่น

  • NetBackup 10 สามารถทำงานบน AWS และ Azure แบบ Agentless โดยผู้ให้บริการคลาวด์มักจะมี Storage Tier สำหรับจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน เช่น Storage สำหรับเก็บข้อมูลนานแต่เข้าถึงไม่บ่อยจะมีราคาถูกว่ามากโดยเหมาะกับการสำรองข้อมูล ทั้งนี้ NetBackup 10 มีความสามารถที่จะทำ Policy ให้ใช้ประโยชน์จากบริการเหล่านี้ได้ ทำให้องค์กรสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้จากการบริหารจัดการที่ดี
  • นอกจากจะทำงานได้แบบ Cloud native แล้ว NetBackup ยังมีกลไกการบีบอัดข้อมูลซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถลดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า 95% 
  • NetBackup 10 รองรับการทำงานในรูปแบบของ Containerized ซึ่งสามารถปรับตัวเพิ่มลดได้ตามความต้องการ หากมีการทำงานหนักก็ค่อยๆเพิ่มทรัพยากรขึ้นมา เมื่อทำงานจบแล้วก็หายไป กลไกนี้ทำให้ผู้ใช้งานประหยัดค่าใช้จ่ายได้สูงสุด แทนที่จะต้องจองทรัพยากรทิ้งไว้เหมือนที่แล้วมา 

บทส่งท้าย

จากข้อมูลทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่า Veritas ได้ยกเครื่องใหม่ให้แก่ NetBackup 10 อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงานในลักษณะของ Cloud Native หรือเพิ่มการทำงานในรูปแบบของ Containerized ที่สำคัญจะเห็นได้ว่า NetBackup 10 สามารถตอบโจทย์ข้อมูลของท่านได้ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็น On-premise, Cloud, SaaS หรือ Kubernetes ก็ตาม ที่สำคัญยังเปิดกว้างทำงานได้กับหลากหลายผลิตภัณฑ์อีกด้วย รวมถึงยกระดับเรื่อง Security เพื่อการันตีว่าข้อมูลที่ถูกสำรองไว้จะปลอดภัยจากภัยคุกคาม และโมเดลค่าใช้จ่ายที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ตลอดจนสร้างการทำงานให้เป็นไปได้อย่างอัตโนมัติ

สามารถติดต่อเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมหรือนำเสนอโซลูชันได้ตามด้านล่าง

Email : sales@veritasthailand.com

Line id : @veritasthailand

from:https://www.techtalkthai.com/veritas-netbackup-10-delivering-a-more-cost-effective-secure-and-sustainable-cloud/

เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการจัดเก็บข้อมูลให้องค์กรด้วย Veritas NetBackup on AWS

การสำรองข้อมูลขององค์กรถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยต่างๆ เช่น เก็บข้อมูลเพื่อทำ Backup ตอบสนองกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในการตรวจสอบซึ่งต้องคงสภาพข้อมูลไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เป็นต้น แต่รู้หรือไม่ว่าความต้องการเหล่านี้ได้สร้างความซ้ำซ้อนของข้อมูลมากมาย ทำให้เสียพื้นที่จัดเก็บอย่างมหาศาลแถมยังเพิ่มภาระในการบริหารจัดการอีกด้วย

ต้องยอมรับว่านโยบายการผลักดันระบบการทำงานขององค์กรสู่คลาวด์นั้นร้อนแรงขึ้นมาก จากเหตุการณ์โรคระบาด อย่างไรก็ดีในทางปฏิบัติหลายองค์กรพบว่าการย้ายข้อมูลขึ้นคลาวด์นั้นไม่ง่ายเลย อาจเพราะยังกังขาในเรื่องประสิทธิภาพว่าจะดีเท่าเดิมหรือไม่ หรือจำเป็นต้องมีการทดสอบอย่างเข้มข้น รวมถึงหากเกิดปัญหาขึ้นจริงจะแก้ไขอย่างไรให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด

ในบทความนี้เองเราขอพาทุกท่านเรียนรู้การผสมผสานความสามารถระหว่าง 2 บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ เพื่อช่วยปกป้องข้อมูลของทุกท่านอย่างปลอดภัยด้วยค่าใช้จ่ายที่ลดลง โดยฝ่ายแรกเป็นผู้ให้บริการคลาวด์อันดับหนึ่งอย่าง AWS และ Veritas ผู้นำเสนอบริการ Data Protection ขอเชิญติดตามกันได้เลยครับ

AWS มอบทางเลือกอย่างยืดหยุ่นผ่านหลากหลาย Storage Tier

ทางเลือกในการสำรองข้อมูลมีอยู่ไม่กี่ทาง ในเทปคือรูปแบบหลักที่องค์กรใหญ่มักนำมาใช้งาน แต่ปัจจุบันก็ยังคงมีอยู่บ้างแม้จะมีเทคโนโลยีทางเลือกอื่นก็ตาม ในอีกมุมหนึ่งการสำรองข้อมูลที่ดีตาม Best Practice กำหนดให้องค์กรต้องหาแหล่งเก็บข้อมูลนอกไซต์ด้วย โดยหากท่านเก็บเป็นดิสก์ก็จำเป็นต้องไปเช่าสถานที่อื่น หรือกรณีของเทปยิ่งต้องมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งอีกต่อ แถมต้องขนกลับมาอีกครั้งเมื่อต้องการใช้งาน

ด้วยเหตุนี้เองคลาวด์จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง สามารถทำเป็น DR Site หรือนำข้อมูลไปเก็บไว้เฉยๆ ตอบโจทย์เรื่องข้อกำหนดในด้าน off-site backup อย่างไรก็ดีในอดีตค่าบริการของพื้นที่บนคลาวด์ค่อนข้างสูงหลายท่านจึงถอดใจ แต่ในปัจจุบันสเกลของการให้บริการคลาวด์มีขนาดใหญ่ขึ้นประกอบกับเทคโนโลยีในเรื่องดิสก์ที่ก้าวกระโดด ด้วยเหตุนี้เองผู้ให้บริการคลาวด์อย่าง AWS จึงสามารถให้ทางเลือกได้หลายหลากเหมาะสมตามวัตถุประสงค์ในการเก็บข้อมูล

จากภาพประกอบข้างต้น จะเห็นได้ว่าตอนนี้ AWS มีการนำเสนอ S3 Storage อย่างหลากหลาย ตามความจำเป็นในการเข้าถึงข้อมูล หากข้อมูลสำรองขององค์กรที่อยู่นอกไซต์เป็นข้อมูลที่ถูกเรียกใช้งานบ่อยก็สามารถเลือกใช้ AWS S3 Standard ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทันที แต่หากข้อมูลเป็นแบบไม่ได้ถูกเรียกใช้บ่อยๆหรือเข้าถึงได้ทันที รวมถึงข้อมูลบางอย่างถูกเก็บไว้แค่ให้ครบกำหนดแต่ยาวนานหลายปี ดังนั้นท่านอาจจะเลือกเป็น S3 Glacier หรือ S3 Glacier Deep Archive ซึ่งมีราคาถูกกว่าได้ ด้วยโครงสร้างของ S# Standard และ Glacier ที่มี Object Cross หลาย Availability Zone ทำให้ความคงทนของข้อมูล (Durability) สูงถึง 99.999999999% (11 9’s) ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าโอกาสของข้อมูลที่เก็บไว้ใน S3 จะสูญหายเกิดขึ้นได้ยากมากๆเทียบกับการที่เก็บข้อมูลเดียวกัน 2 ชุดเก็บไว้ในดาต้าเซ็นเตอร์เดียวกัน ซึ่งโดยปกติจะมีความคงทนของข้อมูลเพียง 99.99% (4 9’s) เท่านั้น

อีกกรณีหนึ่งหากท่านต้องการมองหาระบบ DR Site ที่เริ่มต้นได้รวดเร็ว AWS ก็เป็นอีกทางเลือกที่ท่านจะสามารถ Deploy ระบบขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว และในเมื่อมีข้อมูลเก็บไว้บนคลาวด์อยู่แล้ว การทำเช่นนี้จะยิ่งสะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ AWS ยังสามารถตอบโจทย์เรื่อง Off-site Backup ให้แก่องค์กรที่มี On-premise เป็นของตัวเองแล้ว แม้กระทั่งผู้ใช้งาน AWS แบบ 100% ก็สามารถย้ายข้อมูลข้ามไปเก็บใน Availability Zone หรือ Region อื่นได้เพื่อตอบโจทย์ Off-site Backup

ลดปริมาณข้อมูลอีกขั้นด้วย Veritas NetBackup

Veritas NetBackup นั้นมีความสามารถด้าน Data Deduplication ที่จะช่วยกำจัดข้อมูลที่ซ้ำซ้อน เช่น ข้อมูล DR, Backup และ Audit ทำให้ปริมาณของข้อมูลในองค์กรสามารถลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยท่านสามารถเลือกการ Deploy ได้ 2 รูปแบบคือ Media Server Deduplication และ Client Deduplication ซึ่งต่างกันที่จุดทำการ Deduplication เกิดขึ้นที่เซิร์ฟเวอร์หรือบนเครื่อง Client จากภาพประกอบในกรณีของ On-premise ตัว NetBackup Media Server จะส่งข้อมูลที่ถูก Dedup ส่งไปเก็บบน AWS S3

สำหรับการทำงานของ Veritas NetBackup บน AWS ท่านสามารถดาวน์โหลดซอฟต์แวร์จาก AWS Marketplace ได้ง่ายๆ โดยตัว NetBackup สามารถรองรับการทำงานกับ S3 ใน tier ต่างๆได้ ตั้ง Policy เพื่อกำหนดแนวทางการสำรองข้อมูลให้เกิดขึ้นได้อย่างอัตโนมัติ เริ่มต้นได้ง่ายๆเพียงไม่กี่คลิกเท่านั้น ก็สามารถคอนฟิกค่าต่างๆได้เสร็จสรรพภายในตัวเอง

อีกหนึ่งปัญหาที่แอดมินให้ความสนใจเสมอเมื่อต้องย้ายข้อมูลสู่คลาวด์ก็คือหากเกิดปัญหาขึ้นจะแก้ไขอย่างไรใช้เวลานานแค่ไหน โดย Veritas เองคำนึงถึงเรื่องนี้มาอย่างดี ด้วยการเก็บข้อมูลแบบ incremental จะช่วยให้แอดมินสามารถย้อนกลับมาแก้ปัญหาให้จบก่อนแล้วค่อยเริ่มรันระบบครั้งใหม่

อย่างไรก็ดีหากองค์กรใดต้องการทำงานบน AWS แบบหนักหน่วงเช่น การรันธุรกิจเต็มตัวในหลาย Region บอกได้เลยว่า Veritas ก็มีทางออกให้ท่านด้วยโซลูชัน InfoScale เครื่องมือเดียวที่ผสานการทำงานในสถานที่ต่างๆให้เป็นผืนเดียวกัน

เหตุใดท่านจึงควรหันมามองโซลูชันการเก็บรักษาข้อมูลบนระบบคลาวด์

จากข้อมูลข้างต้นท่านคงทราบดีแล้วเหตุใดการผนึกกำลังของ Veritas NetBackup และ AWS จึงเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมให้แก่องค์กร แต่หากจะให้เห็นภาพชัดเจนกว่านั้นขอหยิบยกสถานการณ์เทียบกับเทคโนโลยีเทปที่หลายองค์กรยังไม่ก้าวออกมา

สมมติให้ต้นทุนเทปประเภท LTO-8 มีค่าเฉลี่ยต่อ TB อยู่ที่ 3.33 เหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่ Glacier Deep Archive อยู่ที่ 0.99 เหรียญสหรัฐฯต่อเดือน หากองค์กรของท่านต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลขนาด 100 TB บนเทปจะมีต้นทุนอยู่ที่ 333 เหรียญสหรัฐฯ แต่เมื่อ Veritas NetBackup เข้ามาซึ่งมีอัตราการ Deplication ประมาณ 90% ทำให้ข้อมูลที่ถูกเก็บลงบน S3 Deep Archive ลดลงเหลือเพียง 10 TB ค่าใช้จ่ายของท่านก็จะมีราคาเหลือเพียง 9.90 เหรียญสหรัฐฯต่อเดือนเท่านั้น (กรณีนี้ไม่นับบริการอื่นๆเช่น คนขนส่ง หรืออัตราถ่ายโอนข้อมูลบน AWS) ทั้งหมดนี้เชื่อว่าก็พอจะเป็นแนวทางการคำนวณค่าใช้จ่ายให้แก่ท่านได้ (อย่าลืมนับรวมความวุ่นวายในการนำข้อมูลกลับแบบ Manual ในระบบเทปด้วยนะครับ)

อย่างไรก็ดีหากท่านต้องทราบรายละเอียดเชิงลึกมากกว่านี้สำหรับธุรกิจของท่าน ทางยิบอินซอยมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะส่งผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์เข้าไปพูดคุยและนำเสนอภาพที่ชัดเจนและเหมาะสมให้แก่องค์กร

ท่านใดสนใจบริการ Veritas NetBackup on AWS ติดต่อผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทยิบ อิน ซอย เพื่อเข้าไปพูดคุยวางแผนการใช้งานบริการได้ทันที

สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชัน Veritas NetBackup on AWS สามารถติดต่อทีมงาน Yip In Tsoi ได้ทันทีที่โทร 02-353-8600 ต่อ 3210 หรืออีเมล์ yitmkt@yipintsoi.com

#yipintsoi #Veritas #AWS #VeritasNetBackupOnAWS

from:https://www.techtalkthai.com/increase-performance-and-decrease-your-cost-with-vertias-netbackup-on-aws/

เสริมแกร่งโหมดป้องกันภัยข้อมูลให้ทุกบริการด้านซอฟต์แวร์ ด้วย Veritas NetBackup SaaS Protection ตอบโจทย์ทุกคอมไพลแอนซ์ในการปกป้องสำรองและกู้คืนข้อมูลจากการใช้งาน Software as a Service

ปัจจุบัน บริการใช้งานด้านซอฟต์แวร์แบบ Software as a Service (SaaS) เป็นที่ยอมรับมากขึ้นไม่ว่าจะโดยรูปแบบใช้งานแบบ On-prem ในองค์กรหรือบนคลาวด์ ตัวอย่างเช่น บริการออฟฟิศ 365 ไมโครซอฟท์ แชร์พอยต์ เป็นต้น ข้อดีก็คือ องค์กรไม่ต้องแบกภาระซ่อมบำรุงซอฟต์แวร์โดยถือเป็นหน้าที่ของผู้ให้บริการ การจ่ายค่าบริการแบบสมัครใช้งาน (Subscription) ที่ยืดหยุ่นต่อองค์กรในการปรับปรุงงบประมาณให้เหมาะกับลักษณะงานและจำนวนผู้ใช้ รวมถึงการเชื่อมโยงการทำงานจากทุกส่วนงานภายใต้มาตรฐานซอฟต์แวร์แบบเดียวกันในทุกที่ทั่วโลก (Remote Working) 

อย่างไรก็ตาม แม้การใช้งานในรูปแบบ SaaS จะมีข้อดีหลายประการ แต่หลายองค์กรยังคงตั้งคำถามเกี่ยวกับ ความปลอดภัยของข้อมูลต่อผู้ให้บริการในประเด็นต่าง ๆ อาทิ แนวทางปกป้องข้อมูลสำคัญทางธุรกิจจากแรนซั่มแวร์ การกู้คืนข้อมูลที่ถูกลบออกไปโดยความผิดพลาดของผู้ใช้หรือใครก็ตาม การจัดความปลอดภัยได้ตรงตามมาตรการทางกฎหมายต่าง ๆ ความสามารถในการตรวจติดตามข้อมูลขององค์กรว่าถูกประมวลผลที่คลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์ในภูมิภาคใดของผู้ให้บริการ เป็นต้น 

เผยจุดเสี่ยงการใช้งาน SaaS

บริษัทวิจัยอย่าง ESG ได้เปิดเผยความเสี่ยงข้อมูลสูญหายจากบริการด้านซอฟต์แวร์ หรือ SaaS ว่าเกิดจากการความผิดพลาดในการลบข้อมูลมากถึง 45% ซึ่งจำเป็นที่องค์กรต้องมีระบบสำรองและกู้คืนข้อมูลที่ดีพอ ขณะที่สัญญาบริการ SaaS จะอยู่บน เงื่อนไขความรับผิดชอบร่วมกัน (Sharing Responsibility Model) โดยผู้ให้บริการรับผิดชอบเฉพาะส่วนของซอฟต์แวร์แพลตฟอร์ม ขณะที่การสำรองและกู้คืนข้อมูลเป็นหน้าที่ของลูกค้าที่ต้องจัดหาระบบมาเอง ซึ่งแม้ตัวซอฟต์แวร์เองจะมีฟังก์ชันทำซ้ำข้อมูลแบบซิงโครไนซ์ (Synchronized Replicate Data) แต่ไม่ได้ครอบคลุมแรนซั่มแวร์ การลบข้อมูล หรือการเข้ารหัสข้อมูล กระทั่งฟังก์ชันถังรีไซเคิล (Recycle Bin) ก็มีระยะจำกัดในการเก็บข้อมูลเอาไว้ โดยทั้งสองฟังก์ชันดังกล่าวไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นวิธีในการสำรองและกู้คืนข้อมูลขององค์กรแต่อย่างใด

Office 365 เป็นตัวอย่างหนึ่งของบริการ SaaS ที่ผู้ให้บริการคือไมโครซอฟท์จะให้การสนับสนุนเฉพาะการทำงานของซอฟต์แวร์เท่านั้น แต่ไม่รับดูแลและกู้คืนความเสียหายใด ๆ ของข้อมูลที่เกิดจากแรนซั่มแวร์ มัลแวร์ หรือโดยความผิดพลาดของผู้ใช้งาน รวมทั้งยังจำกัดเวลาการเก็บข้อมูลที่ถูกลบในถังรีไซเคิล เช่น ไม่เก็บอีเมล์ที่ถูกลบเกิน 30 วัน รวมถึงหากต้องการกู้คืนต้องใช้เวลานานและยากในการกู้คืนข้อมูลกลับมาได้ครบถ้วน 

บอกลาความยุ่งยากด้วย Veritas NetBackup SaaS Protection

สำหรับองค์กรใดที่กำลังมองหาเครื่องมือในการสำรองและกู้คืนข้อมูลบนบริการ SaaS ทั้งแบบ On-prem และคลาวด์ Veritas NetBackup SaaS Protection นับเป็นอาวุธที่ตอบโจทย์องค์กรเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลภายใต้บริการ SaaS ที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพได้ตั้งแต่ ระบบอีเมล์ ไมโครซอฟท์ แชร์พอยต์ ไมโครซอฟท์ ทีม ออฟฟิศ 365 วันไดรฟ์ กูเกิลไดรฟ์ บ็อกซ์ไดรฟ์ สเลค ออฟฟิศ 365 เป็นต้น โดย

  • เพิ่มขีดความสามารถในการปรับ-ขยายระบบได้สะดวกรวดเร็วเพื่อรองรับการสำรองและกู้คืนข้อมูลขนาดใหญ่ได้มากกว่า 3,000 ยูสเซอร์ โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกดูแลเป็นอย่างดีบนระบบของเวอร์ริทัส สามารถกำหนดระยะเวลาหรือขอบข่ายในการแบ็คอัพข้อมูลแบบออนดีมานด์ เช่น ต้องการแบ็คอัพทุกกี่ชั่วโมง หรือแบ็คอัพเฉพาะข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลง การกู้คืนข้อมูลสามารถทำได้โดยละเอียด (Granular Recovery) คือ กู้คืนทั้งหมดหรือเฉพาะไฟล์ข้อมูลบางส่วน เมื่อข้อมูลถูกกู้คืนได้แล้ว จะยังคงเก็บไว้ที่เดิมหรือย้ายไปเก็บที่ใหม่ก็สามารถเลือกได้ทั้งในแบบ On-prem หรือบนคลาวด์
  • ครอบคลุมความปลอดภัยของข้อมูลในระดับเอ็นเตอร์ไพรส์แบบครบวงจรตั้งแต่ต้นจนจบ (Enterprise-grade Security) ซึ่งรวมถึงการเชื่อมโยงการทำงานกับ Azure AD ในการเข้าถึงระบบคลาวด์ผ่านการยืนยันตัวบุคคลครั้งเดียว (Single Sign-On) การจัดระบบบริการเข้ารหัสข้อมูลร่วมกับการใช้งานกุญแจถอดรหัสข้อมูลส่วนตัว (Private Key) เพื่อลดความกังวลเรื่องการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญทางธุรกิจ
  • เปิดทางให้ผู้ใช้งานระดับเอนด์ยูสเซอร์สามารถสร้างระบบสำรองและกู้คืนข้อมูลได้ด้วยตัวเอง 
  • สามารถเลือกหรือปรับเปลี่ยนการสำรองหรือกู้คืนข้อมูลสำคัญบนเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์ของเวอร์ริทัส ณ ที่ใดก็ได้ ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกใช้งานกว่า 50 แห่งในทุกภูมิภาคทั่วโลก
  • เพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาข้อมูลสำคัญขององค์กร หรือข้อมูลที่สูญหายได้อย่างรวดเร็วด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า e-Discovery
  • จบปัญหาการสำรองและกู้คืนข้อมูลบนออฟฟิศ 365 โดยผู้ใช้งานสามารถกำหนดนโยบายการเก็บรักษาข้อมูลและนโยบายเพื่อควบคุมการลบข้อมูล สามารถสร้างชุดข้อมูลสำรองเก็บไว้บนไมโครซอฟท์ อาซัวร์ หรือบนระบบออฟไลน์เพื่อป้องกันแรนซั่มแวร์ รวมถึงการกู้คืนข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ การค้นหาข้อมูลที่เร็วและลึกถึงระดับเนื้อความในไฟล์และไฟล์แนบ โดยข้อมูลทั้งหมดจะมีการแยกพื้นที่จัดเก็บเฉพาะลูกค้าแต่ละราย จะไม่มีการนำข้อมูลของลูกค้าหลายรายมาเก็บปะปนกันแม้เป็นการใช้งานแอปพลิเคชันเดียวกันก็ตาม

เมื่อแนวโน้มการใช้งานซอฟต์แวร์ในรูปแบบ As a Service กลายเป็นแพลตฟอร์มที่เติบโตคู่ขนานไปกับเทคโนโลยีคลาวด์ การมีโซลูชันเป็นการเฉพาะอย่าง Veritas NetBackup SaaS Protection ย่อมการันตีความปลอดภัยของข้อมูลสำคัญทางธุรกิจที่แม้สูญหายไปก็สามารถกู้คืนกลับมาได้อย่างแน่นอน 

สนใจข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมติดต่อ Yip In Tsoi

บริษัท ยิบอินซอย จำกัด
เบอร์โทรศัพท์ : 02 353 8600 ต่อ 3210
e-mail: yitmkt@yipintsoi.com

from:https://www.techtalkthai.com/yip-in-tsoi-veritas-netbackup-saas-protection/

[Video] รับมือ Ransomware ยังไง ? และจะกู้ข้อมูลยังไงให้เร็วที่สุด! | เป็นเรื่อง! IT Ep. 4 โดย Yip In Tsoi และ Veritas

Highlight จากงาน Webinar Flex Appliance ซึ่งภายในงานมีหลายประเด็นเกี่ยวกับการป้องกันข้อมูลสำคัญขององค์กร

  • หลายองค์กรยังต้องใช้เวลาในการกู้คืนข้อมูลสำคัญนานเกินกว่า 5 วัน! แล้วธุรกิจกลุ่มนี้จะเดินหน้าต่อไปอย่างไรท่ามกลางยุค Ransomware
  • รู้จักกับหลักการ 4C ที่องค์กรต้องรู้จักในการทำ Risk Management เพื่อปิด Transformation Gap ที่จะเกิดขึ้นในการทำ Digital Transformation
  • พบกับ Veritas NetBackup Flex Appliance โซลูชันสำเร็จรูปที่จะช่วยองค์กรรับมือกับ Ransomware ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และกู้คืนข้อมูลได้อย่างรวดเร็วเพื่อลดความเสียหายให้กับธุรกิจได้อย่างมหาศาล

เราจะป้องกันยังไง หรือมีวิธีที่ดึงข้อมูลกลับมาให้เร็วที่สุดแบบไหน มาฟังกันเลย

สนใจข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมติดต่อ

เบอร์โทรศัพท์ : 02 353 8600 ต่อ 3210
E-mail : yitmkt@yipintsoi.com

#YipInTsoi #Veritas #FlexAppliance

from:https://www.techtalkthai.com/video-ransomware-protection-with-yip-in-tsoi-and-veritas/

[Guest Post] ไม่อยากปวดหัวกับ Ransomware ต้องมี!! | Veritas Flex5150 Appliance

ปัญหา #Ransomware เป็นเรื่องใหญ่ระดับโลกที่ทุกองค์กร กำลังได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก ยิบอินซอย และ Veritas ได้เล็งเห็นปัญหาดังกล่าว จัดโปรโมชั่นพิเศษสุดๆ กับโซลูชั่นสำรองข้อมูล สำหรับลูกค้าองค์กรทุกท่านในการเริ่มต้นใช้งาน NetBackup ได้อย่างง่ายๆ ครบถ้วนทั้ง hardware และ software ในราคาที่จับต้องได้


ช่วงเวลาโปรโมชั่น
วันนี้ – 31 มีนาคม 2565

สนใจข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมติดต่อ

เบอร์โทรศัพท์ : 02 353 8600 ต่อ 3210
E-mail : yitmkt@yipintsoi.com

#YipInTsoi
#ยิบอินซอย
#veritas #backup #replication
#Flex5150 #edge #cloud

from:https://www.techtalkthai.com/fight-ransomware-with-veritas-flex5150-appliance-promotion-by-yip-in-tsoi/

[Video] รู้จักกับ Veritas NetBackup 9 โดย Yip In Tsoi

Veritas NetBackup 9 โซลูชันสำรองและกู้คืนข้อมูล ที่สามารถต่อกรกับ Ransomware ได้อย่างยืดหยุ่น ตอบโจทย์ Disaster Recovery และรองรับการ Deploy บน Workload ใหม่ ๆ ที่จะมีขึ้นในอนาคต และยังเป็น King of Virtualization Data protection Solution โดย Veritas NetBackup 9 มีความสามารถหลัก คือ การบริหารจัดการที่ง่ายยิ่งขึ้น เพราะได้ออกแบบ Interface ให้สามารถใช้งานได้ง่าย รวมทั้งสามารถบริหารสิทธิ์ในการเข้าถึงของบุคลากร พร้อม API ที่ลูกค้าสามารถ Develop เพื่อใช้งานเพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสม นอกจากนี้ ยังรองรับการติดตั้ง NetBackup Flex Scale ที่เป็น Scale-Out Architecture และการสำรองข้อมูลสำหรับ OpenStack และ Container ได้

ร่วมสนุกตอบคำถามลุ้นรับรางวัลได้ที่ https://go.techtalkthai.com/2021/04/veritas-and-yip-in-tsoi-quiz/

สนใจข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมติดต่อ บริษัท ยิบอินซอย จำกัด

เบอร์โทรศัพท์ : 02 353 8600 ต่อ 3210
e-mail : yitmkt@yipintsoi.com

#YIPINTSOI​
#VERITAS

from:https://www.techtalkthai.com/video-veritas-netbackup-9-introduction-by-yip-in-tsoi/

Veritas เปิดตัว NetBackup 9 เพิ่มขยายระบบแบบ Scale-Out ได้ด้วย Flex Scale

Veritas ได้ออกมาประกาศเปิดตัว Veritas NetBackup 9 แล้วอย่างเป็นทางการเมื่อปลายเดือนมกราคม 2021 ที่ผ่านมา โดยชูจุดเด่นที่สถาปัตยกรรมการเพิ่มขยายระบบได้แบบ Scale-Out พร้อมความสามารถอื่นๆ ที่น่าสนใจดังนี้

Credit: Veritas
  • รองรับการติดตั้ง 3 แบบ ได้แก่ NetBackup ตามปกติ, NetBackup Flex สำหรับติดตั้งบน Container แบบ Multitenant และ NetBackup Flex Scale โซลูชันแบบ Hyperconverged สำหรับติดตั้งได้แบบ Software-Defined Scale-Out
  • เพิ่มระบบ Policy-Driven Automation สำหรับการทำ Deployment, Provisioning, Scaling, Load-Balancing, Cloud Integration และการกู้คืนข้อมูลหรือระบบ
  • รองรับการทำ Auto Discovery สำหรับ Workload หลากหลายรูปแบบเพื่อช่วยให้การ Backup ครอบคลุมระบบงานต่างๆ มากยิ่งขึ้น
  • เสริมระบบ API ให้ยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อให้ทำการเชื่อมผสานกับระบบอื่นๆ และสร้าง Workflow ที่ต้องการได้
  • รองรับการสำรองข้อมูลสำหรับ OpenStack ได้
  • เพิ่มการทำ Dynamic NAS (DNAS) Data Protection ทำให้สำรองและกู้คืนข้อมูลบน NAS ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Veritas NetBackup 9 สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.veritas.com/protection/netbackup/whats-new

ที่มา: https://www.veritas.com/news-releases/2021-01-26-veritas-adds-scale-out-functionality-to-deliver-industrys-most-extensive-customer-choice-on-a-unified-platform

from:https://www.techtalkthai.com/veritas-netbackup-9-is-released/

สรุปงานสัมมนา Veritas เตรียมองค์กรให้พร้อมรับมือจากภัยคุกคามและการโจมตีจาก Ransomware

ปัจจุบันหากถามว่าภัยคุกคามทางไซเบอร์ใดน่ากลัวที่สุดสำหรับองค์กร Ransomware คงเป็นชื่อแรกๆ ที่ปรากฎขึ้นมาแน่นอน แม้ว่า Ransomware เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว แต่ยังมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยเหตุนี้ทาง Veritas ผู้นำโซลูชันด้าน Data Protection จึงได้จัดงานสัมมนาเพื่อให้ความรู้ว่าองค์กรควรปฏิบัติตัวอย่างไรถึงจะยังดำเนินธุรกิจต่อไปได้ แม้จะถูก Ransomware โจมตีก็ตาม โดยคอนเซปต์ของงานครั้งนี้คือ “Ransomware Resilience in a Multicloud Era”

สถานการณ์ภัยคุกคาม Ransomware ในประเทศไทย ภารกิจใหม่ของไซเบอร์คอป และบทเรียนจากองค์กรที่เป็นเหยื่อจากการโจมตี

เพื่อให้ทุกท่านเข้าใจถึงสถานการณ์เกี่ยวกับภัยคุกคามจาก Ransomware ในประเทศไทย ทาง Veritas จึงได้เชิญองค์กรที่เคยตกเป็นเหยื่อของการโจมตี ซึ่งน่าชื่นชมเป็อย่างยิ่งที่ออกมาเผยเรื่องความผิดพลาดให้เป็นวิทยาทานแก่ผู้รับฟัง โดยทีมงานจากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมมาธิราชได้เปิดเผยว่า แรกเริ่มเดิมทีตนและทีมงานได้ถูกแจ้งเตือนไว้อยู่แล้ว เพียงแต่คิดว่าการที่มี Gateway และ Endpoint Protection จะป้องกันได้ ซึ่งนั่นไม่จริงเลยเพราะสุดท้ายแล้วแฮ็กเกอร์ก็สามารถเจาะเข้ามาได้อยู่ดี และแน่นอนว่าความเสียหายไม่สามารถประเมินได้ ทั้งระบบเอกสารและเครื่องที่ให้บริการกิจการภายในของบุคคลากรหรือนักศึกษา

โดยความชะล่าใจเพียงเล็กน้อยจากการที่อนุญาตให้เซิร์ฟเวอร์ออกอินเทอร์เน็ตได้คือข้อผิดพลาดแรก จากนั้นเมื่อแฮ็กเกอร์เข้ามาได้แล้วมีการพุ่งเป้าไปที่บัญชีระดับแอดมิน ซึ่งเล็ดรอดจากสายตาทีมงานเพราะไม่ได้ใช้งานมากว่า 10 ปีแล้วนี่คือจุดผิดพลาดประการที่สอง จากนั้นเพียงไม่กี่นาทีแฮ็กเกอร์ก็สามารถเข้าจัดการ เครื่องเซิร์ฟเวอร์ทำให้ทีมงานไม่สามารถเข้ามาบริหารจัดการเพื่อแก้ปัญหาได้ และเมื่อถึงตอนที่ต้องกู้สถานการณ์จริงทีมงานก็พบว่า ตนยังไม่ได้มีระบบ Backup ที่แท้จริง ด้วยเหตุนี้เองการกู้คืนระบบทั้งหมดจึงกินเวลานับเดือน

Veritas ไม่ใช่ด่านแรก แต่เราคือปราการด่านสุดท้ายที่จะช่วยให้องค์กรยังดำเนินธุรกิจต่อไปได้ หากเจอ Ransomware เข้าโจมตีจริง” — คุณศักด์ประเสริฐ อภิวัฒนเดช ผู้จัดการประจำประเทศไทยจาก Veritas กล่าวสรุป นอกจากนี้ยังได้กล่าวแนะนำด้วยว่า อันที่จริงแล้วจากเทรนด์ของโลกพบว่า Ransomware มีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นเรื่อย เนื่องจากผลตอบแทนเรื่องตัวเงิน ดังนั้นองค์กรไม่ควรกังวลกับปัจจัยภายนอก จงคิดไว้เสมอว่า Ransomware มาแน่เพียงแต่ว่าเมื่อไหร่ แต่ก่อนที่จะถึงเวลานั้น องค์กรของท่านเตรียมตัวพร้อมแล้วหรือยัง

รู้หรือไม่ ปัจจุบันประเทศไทยมีการจัดตั้งกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือเรียกสั้นๆว่าไซเบอร์คอป โดยภารกิจก็เพื่อประสานงานกับตำรวจท้องที่ และส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยเหลือ ณ ที่รับแจ้ง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนผู้เดือนร้อนจากภัยทางไซเบอร์ สามารถเข้าไปแจ้งความได้ผ่านสถานีตำรวจท้องที่ นอกจากนี้ไซเบอร์คอปยังมุ่งมั่นในการศึกษาเทคโนโลยีใหม่ของฝั่งคนร้าย เพื่อนำมาจัดทำความองค์ความรู้และตีแผ่ให้ประชาชนได้เกิดความตระหนักต่อไป สำหรับท่านใดที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ http://www.hightechcrime.org/ 

ในมุมของการรับมือภัยคุกคามจาก Ransomware ต้องเกิดจากการมีนิสัยการใช้งานที่ดีเสียก่อน ซึ่งไซเบอร์คอปแนะนำให้ประชาชนหรือผู้ดูแลระบบองค์กรปฏิบัติตามดังนี้

  • อัปเดตระบบปฏิบัติการเป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ
  • อย่าคลิกลิงก์แปลกปลอม ไม่ทราบที่มา หรือแม้จากคนรู้จักก็ควรตรวจสอบก่อน
  • ระมัดระวังการใช้งาน Flashdrive เพราะอาจแฝงมัลแวร์มา
  • ลงโปรแกรมและเปิดบริการเท่าที่จำเป็น
  • ติดตั้ง Antivirus หรือ Endpoint Protection พร้อมอัปเดตเวอร์ชันล่าสุดเสมอ
  • จัดทำการ Backup ข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ
  • ใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านระบบ Sandbox เป็นเลเยอร์การป้องกันอีกชั้นหนึ่ง
  • ต้องเข้ารหัสข้อมูลอีเมลด้วยอัลกอริทึมที่ทันสมัย

เหตุใด Ransomware ยังคงประสบความสำเร็จ

Veritas ได้จับมือกับ Wakefield Research เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของ Ransomware และความซับซ้อนของเทคโนโลยี ว่าเหตุใดคนร้ายเบื้องหลัง Ransomware ยังคงปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องได้ประสบความสำเร็จ แม้ว่าองค์กรจะตระหนักดีถึงภัยอันตรายนี้แล้วก็ตาม โดยทีมงานได้เข้าไปสัมภาษณ์ผู้บริหารในสายไอทีจำนวน 2,690 คนจากองค์กรที่มีจำนวนพนักงานมากกว่า 1,000 คน จาก 20 ประเทศในหลายภูมิภาค ซึ่งพบความจริงดังนี้

  • การทำ Digital Transformation ทำให้มีการใช้เทคโนโลยีมากมาย ซึ่งปัญหาที่ตามมาก็คือความซับซ้อนนั่นเอง แต่องค์กรส่วนใหญ่ไม่สามารถขยายมาตรการด้าน Security ได้ทันกับการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามา
  • ไม่มีข้อยกเว้นของการโจมตี เพราะไม่ว่าองค์กรจะเก็บข้อมูลอย่างไร ที่ไหน หากคนร้ายพบช่องโหว่ก็มักจะเข้าจู่โจมอย่างไม่เลือกหน้า
  • องค์กรส่วนใหญ่ไม่ได้เตรียมการวางแผนรับมือกับการกู้ข้อมูลมาก่อนเช่น Best Practice แนะนำการสำรองข้อมูลไว้ที่แผน 3-2-1 (เก็บข้อมูลไว้ 3 ชุดและมี 1 ชุดอยู่นอกไซต์) แต่มีผู้เข้าร่วมสำรวจเพียง 36% เท่านั้นที่บอกว่าตนปฏิบัติตาม 
  • องค์กรส่วนใหญ่ไม่ได้ทดสอบแผนการกู้คืนข้อมูลที่เตรียมเอาไว้ว่าใช้ได้จริงหรือไม่ ดังนั้นเมื่อถูก Ransomware โจมตีจะมีข้อมูลกว่า 20% หรือมากกว่าที่มักจะกู้คืนไม่ได้ แต่ที่น่าตกใจคือมีบางองค์กรไม่สามารถกู้คืนข้อมูลกลับมาได้เลยเพราะเตรียมรับมือไม่ดีพอ

ด้วยเหตุนี้เององค์กรจึงต้องการโซลูชันที่สามารถครอบคลุม ความซับซ้อนจากเทคโนโลยีหลายแพลตฟอร์ม ไม่ว่าข้อมูลของท่านจะอยู่ที่ Edge Core หรือ Cloud ก็ตาม อีกประเด็นคือปัจจุบันมี Compliance เกิดขึ้นมากมาย จึงเป็นอีกปัจจัยที่องค์กรต้องเลือกโซลูชันที่ตอบโจทย์ได้ด้วย และสุดท้ายตัวโซลูชันเองต้องมีความ Secure มากพอ ซึ่ง Veritas ได้ออกแบบโซลูชันให้ตอบโจทย์ความต้องการทั้ง 3 ข้อไว้โดยสมบูรณ์แล้ว

ป้องกัน ตรวจจับ และกู้คืนข้อมูลด้วยโซลูชันจาก Veritas

Ransomware Resilience หมายถึงการที่องค์กรได้มีการเตรียมตัวรับมือกับการโจมตี ให้ยังสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้แม้จะถูก Ransomware โจมตีจริงก็ตาม อย่างไรก็ดี National Institute of Standards and Technology หรือที่รู้จักในชื่อย่อ NIST ได้เผยโมเดลที่จะช่วยให้องค์กรทำเช่นนั้นได้ ใน 5 หัวข้อตามภาพประกอบด้านล่าง

credit : Veritas

Veritas เองได้นำเสนอโซลูชันที่สามารถตอบโจทย์ได้แล้วถึง 3 หัวข้อนั่นคือ

  • Protect – ไม่ว่าข้อมูลของท่านจะอยู่ที่ใดก็ตาม จะบน Edge Core หรือ Cloud แต่ถือว่าสำคัญเสมอ 
  • Detect – ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อค้นหาภัยคุกคาม หรือสิ่งผิดปกติ
  • Recover – การกู้คืนข้อมูลนั้นต้องทำได้ง่าย รวดเร็ว ตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจ

ในมุมของ Protect เมื่อไม่นานมานี้ Veritas ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Netbackup flex 2.0 Operating Environment และ NetBackup 8.3 ซึ่งมีการรองรับแหล่งข้อมูลได้กว่า 800 ชนิดและ Storage กว่า 1,400 รุ่น รวมถึงคลาวด์จากผู้ให้บริการต่างๆ ถึง 60 เจ้า จึงมั่นใจได้เลยว่าข้อมูลของท่านที่อยู่บน เทป ดิสก์ หรือคลาวด์จะปลอดภัยเสมอ มากกว่านั้น Veritas ยังได้มีการ Certified ในมาตรฐานต่างๆ ผนวกกับความสามารถของ AI ที่จะเข้ามาช่วยให้ผู้ใช้งานนั้นง่ายขึ้นกว่าที่เคย สุดท้ายเรื่องความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ Veritas ยังได้นำเสนอฟังก์ชันของ IDS/IPS, MFA, RBAC และ End-to-End Encryption เอาไว้อีกด้วย

สำหรับด้าน Detect ทาง Veritas นั้นได้นำเสนอโซลูชันที่ชื่อว่า APTARE ซึ่งถูกออกแบบมาให้ช่วยตรวจจับข้อมูลบน Infrastructure ในองค์กร นอกจากนี้เมื่อพูดถึงตัวข้อมูลเอง Veritas ได้นำเสนอโซลูชันที่ชื่อ Data Insight ที่จะบอกได้ว่าหากเกิดความผิดปกติขึ้น เช่น Ransomware มีการแก้ไขนามสกุลของไฟล์ หรือมีการเข้าถึงไฟล์ที่ผิดปกติจากเดิมก็จะสามารถแจ้งเตือนทีมงานได้ทันท่วงที

credit : Veritas

สุดท้ายด้าน Recover บอกได้เลยว่า Veritas เป็นโซลูชันที่เป็นผู้นำหัวข้อนี้มาอย่างยาวนาน ดังนั้นไม่เพียงการกู้คืนข้อมูลของท่านจะเป็นเรื่อง่ายแล้ว เพราะเพียงคลิกเดียวท่านก็สามารถแก้สถานการณ์จากเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับข้อมูลได้อย่างทันใจ แต่ Veritas ยังได้นำเสนอโซลูชันที่เร็วที่สุดในท้องตลาด ดังนั้นจึงสามารถตอบโจทย์ SLA ของธุรกิจได้อย่างแน่นอน และล่าสุดใน Veritas Netbackup เวอร์ชัน 8.3 ยังได้มีฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้การทดสอบความสามารถกู้คืนข้อมูลนั้นไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

และทั้งหมดนี้เองคือสิ่งที่ Veritas ได้ถ่ายทอดให้ได้เห็นภาพว่าเหตุใดปัจจุบัน Ransomware จึงยังจะคงเป็นภัยร้ายต่อองค์กรในอนาคต และ Veritas ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยให้องค์กรสามารถต่อสู้กับอนาคตอันไม่แน่นอนนั้นได้อย่างมั่นใจ แม้ข้อมูลของท่านจะเก็บอยู่ในคลาวด์ใด หรือสภาพแวดล้อมแบบใดก็ตาม ด้วยเหตุนี้ Ransomware Resilience in a Multicloud Era ขององค์กรจึงจะเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง

สามารถติดต่อเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมหรือนำเสนอโซลูชันได้ตามด้านล่าง

Email : sales@veritasthailand.com

Line id : @veritasthailand

from:https://www.techtalkthai.com/summary-veritas-seminar-ransomware-resilience-in-a-multicloud-era/

Veritas Webinar: Veritas NetBackup ผู้นำที่แท้จริงอันดับ 1 ติดต่อกัน 15 ปี* เปิดตัวเวอร์ชั่นใหม่ NetBackup 8.3 – 10 ก.ย. 2020 เวลา 9.00น.

TechTalkThai ขอเรียนเชิญ IT Manager, ผู้ดูแลระบบ IT และผู้ที่สนใจทุกท่าน เข้าร่วมฟัง TechTalk Webinar ในหัวข้อเรื่อง “Veritas NetBackup ผู้นำที่แท้จริงอันดับ 1 ติดต่อกัน 15 ปี* เปิดตัวเวอร์ชั่นใหม่ NetBackup 8.3 โดย Veritas” เพื่อทำความรู้จักกับเทคโนโลยีสำรองข้อมูลชั้นนำรุ่นล่าสุด Veritas NetBackup 8.3 พร้อมชูจุดเด่นด้านกลยุทธ์ใหม่ในการรับมือกับ Ransomware, Cloud Backup และการรองรับ Cloud Storage รวมถึงความสามารถใหม่ๆ อีกมากมาย ในวันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน 2020 เวลา 9.00 – 12.00 น. โดยมีกำหนดการและวิธีการลงทะเบียนดังนี้

รายละเอียดการบรรยาย

หัวข้อ: Veritas NetBackup ผู้นำที่แท้จริงอันดับ 1 ติดต่อกัน 15 ปี* เปิดตัวเวอร์ชั่นใหม่ NetBackup 8.3 โดย Veritas
ผู้บรรยาย: ทีมงาน Veritas ประจำประเทศไทย
วันเวลา: วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน 2020 เวลา 9.00 – 12.00 น.
ช่องทางการบรรยาย: Online Web Conference
จำนวนผู้เข้าร่วมสูงสุด: 100 คน
ภาษา: ไทย

การโจมตีจาก Ransomware กำลังเพิ่มมูลค่าความเสียหายขึ้นอย่างรวดเร็ว

Ransomware เป็นธุรกิจมืดที่มีมูลค่าสูงถึง 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2017 (พ.ศ.2560) และคาดว่าจะเกิน 20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2021 (พ.ศ.2564) คุณจะหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อการฉ้อฉลขององค์กรอาชญากรรมไซเบอร์เหล่านี้ได้อย่างไร ? ท่านเตรียมการพร้อมรับมือหรือยัง?

ในสัมมนานี้เราจะพูดถึงวิธีการทำงานของ Ransomware และบทบาทสำคัญที่โซลูชั่นการปกป้องข้อมูลระดับองค์กรที่มีประสิทธิภาพสูงจะเข้ามามีส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์การป้องกันภัยโดยรวมจาก Ransomware นอกจากนี้ยังมี Feature ใหม่ๆ สำหรับ Cloud solution รวมทั้งการรองรับกับ workload ใหม่ๆ ,New WebUI และอื่นๆ ซึ่งทุกท่านไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด

ทำไมต้องเป็น NetBackup 8.3?

  • ช่วยปกป้องข้อมูลสำคัญขององค์กรจาก Ransomware และการโจมตีในรูปแบบต่างๆด้วย Security Feature และโดยเฉพาะเวอร์ชั่น 8.3 ได้เพิ่มความสามารถในการต่อกรกับ Ransomware มากขึ้น ป้องกัน Backup Data ไม่ให้ถูกเขียนทับ และป้องกัน Ransomware ไม่ให้โจมตีข้อมูลสำรอง
  • เพิ่มฟังก์ชั่น CloudCatalyst technology ทำให้ประหยัดเนื้อที่และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานบนคลาวด์
  • บริหารจัดการง่ายด้วย WebUI Interface ใหม่ ซึ่งทำให้จัดการจากที่ไหนก็ได้ ด้วย Single Management Console พร้อมกับ API ที่หลากหลายเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย
  • รองรับกับ Workload ที่มีใช้งานหลากหลายได้มากขึ้น เช่น Microsoft SQL, Oracle Real Application Clusters (RAC) และ Next Gen Workload ทำให้การ Backup, Restore หรือแม้แต่การจัดการที่ง่ายขึ้นกับ Workload เหล่านี้

การเข้าร่วมฟัง Webinar ครั้งนี้จะนำเสนอเป็นภาษาไทยโดยทีมงาน Veritas ที่พร้อมตอบทุกคำถามที่เกี่ยวข้อง

ลงทะเบียนเข้าร่วม TechTalk Webinar ได้ทันที

ผู้ที่สนใจสามารถกรอกแบบฟอร์มเพื่อเข้าร่วม TechTalk Webinar ในหัวข้อนี้ได้ทันทีที่ https://zoom.us/webinar/register/WN_XajCqX_LTB28IGr1l9GIBA โดยทีมงานขอความกรุณากรอกข้อมูลชื่อบริษัทด้วยชื่อเต็มของหน่วยงานหรือองค์กร เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในการจัดการกับข้อมูลการลงทะเบียน

from:https://www.techtalkthai.com/veritas-webinar-whats-new-in-veritas-netbackup-8-3/

ปกป้องธุรกิจจาก Ransomware ภัยคุกคามยุค Digital ที่สร้างความเสียหายมหาศาลด้วย Veritas

Ransomware เป็นหนึ่งในภัยคุกคามในยุคดิจิตอลที่สร้างความเสียหายจำนวนมาก มีอัตราการขยายตัวมากที่สุดในปัจจุบัน จากสถิติพบว่าทุกๆ 11 วินาที จะมีธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจาก Ransomware ทั้งที่บางธุรกิจเหล่านั้นมีการลงทุนระบบป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ไว้อยู่แล้ว ในความเป็นจริงนั้น ไม่มีระบบป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ใดที่จะสามารถป้องกันได้อย่าง 100% ส่วนที่ยังหลุดรอดมาได้แม้เพียงเล็กน้อยก็อาจจะทำความเสียหายใหญ่หลวงให้แก่ธุรกิจได้ การมีระบบที่มารองรับเพิ่มเติมจึงเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อนำมาช่วยบรรเทาความเสียหายจากภัยคุกคามเหล่านั้น ในกรณีที่ธุรกิจต้องประสบปัญหา

ช่วงเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา มีธุรกิจในไทยจำนวนหนึ่งได้รับผลกระทบจาก Ransomware โดยมี Server จำนวนมากใน Data Center ได้รับผลกระทบจนต้องหยุดให้บริการไป ในจำนวนนั้นเราพบว่ามีธุรกิจที่ไว้วางใจใช้ Veritas NetBackup และ NetBackup Appliance จาก G-Able โดยเราสามารถช่วยให้ลูกค้าเหล่านั้นนำระบบกลับมาใช้งานได้ตามปกติและลดความเสียหายของธุรกิจได้อย่างทันท่วงที ซึ่งตัว Veritas NetBackup Appliance เองมีกลไกการปกป้องตัวเองจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับสูงทำให้ข้อมูลที่ถูกจัดเก็บไว้ซึ่งเป็นข้อมูลชุดสุดท้ายที่สามารถใช้งานได้ ได้รับความปลอดภัยการโจมตีจาก Ransomware ไปด้วย ทำให้สามารถนำข้อมูลกลับมาใช้งานได้ตามปกติ

นอกจากนี้ Backup Strategy ก็มีความสำคัญไม่น้อย เช่น เรื่องของการเก็บข้อมูล Backup ไว้อย่างน้อย 2 ชุด แบ่งไว้ 2 สถานที่ ซึ่ง Veritas NetBackup เองก็มีความสามารถที่เรียกว่า Auto Image Replication (AIR) มาช่วยจัดการเรื่องนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือการกำหนดสิทธิเข้าใช้ Backup Server อย่างเหมาะสม Veritas NetBackup ก็สามารถกำหนด Role Base Access (RBAC) ได้เช่นกัน

นอกจากจะเสริมระบบปกป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้แล้ว Veritas NetBackup ยังมีความสามารถอื่นๆอีกมากที่มาช่วยปกป้องข้อมูลจากภัยคุกคามด้านอื่นๆได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน โดย Veritas ยังมีผลิตภัณฑ์ที่ชื่อว่า APTARE IT Analytic ที่มาเสริมการบริหารจัดการระบบแบคอัพและ IT Infrastructure ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถบริหารจัดการระบบ Backup ได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น ในขณะที่ธุรกิจมีการขยายเติบโตขึ้น ระบบ IT Infrastructure ก็เติบโตตาม และมีความซับซ้อนและยุ่งยากเพิ่มขึ้นด้วย การบริหารจัดการระบบ Backup และ IT Infrastructure อื่นๆ จึงควรมีเครื่องมือที่สามารถช่วยให้คุณดูแลระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

APTARE IT Analytics จะสามารถช่วยให้คุณบริหารระบบ Backup ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลดความเสี่ยงต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ทำให้ทราบว่ามีเครื่องไหนที่ไม่เคย Backup บ้าง หรือมีเครื่องไหนที่อยู่ในความเสี่ยง Backup ไม่สำเร็จต่อเนื่องกันหลายครั้ง เพื่อให้คุณสามารถทำการแก้ไขได้ทันท่วงทีก่อนที่ปัญหาใหญ่จะตามมา เพื่อช่วยให้องค์กรลดความเสียหายจากความเสี่ยงได้มากที่สุด

APTARE IT Analytic ยังสามารถช่วยบริหารจัดการอุปกรณ์ IT อื่นๆ ได้แก่ Storage, SAN, Cloud ต่างๆ และ Virtualization ได้เกือบทุกผลิตภัณฑ์ หรือ Vendor ที่มีอยู่ในตลาดขณะนี้ ทั้งยังสามารถตรวจสอบการทำงานแบบ End-to-end ได้ โดยการเชื่อมโยงข้อมูลการทำงานที่มีอยู่ในแต่ละอุปกรณ์เข้าด้วยกันและนำมาวิเคราะห์แสดงผล ด้วยเครื่องมืออัจฉริยะเพียงตัวเดียวคือ APTARE IT Analytic

G-Able คือบริษัทผู้นำด้าน IT แบบครบวงจรชั้นนำของประเทศไทยที่เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องของการจัดเก็บข้อมูลเพราะเราเข้าใจดีว่าทุกข้อมูลของทุกองค์กรล้วนมีความสำคัญต่อการเติบของธุรกิจ เราพร้อมร่วมร่วมต่อยอดธุรกิจ ลดต้นทุนในการบริหารจัดการ และสร้างกำไรมหาศาลแก่องค์กรของคุณ

G-Able บริการให้คำปรึกษาไปจนถึงออกแบบระบบโครงสร้ำงพื้นฐานที่ตอบโจทย์ ความต้องการขององค์กรโดยเฉพาะและครบวงจร (One Stop Service) รวมไปถึงติดตั้งและดูแลเพื่อให้ระบบโครงสร้างพื้นฐานนั้นให้มีความยั่งยืน เราจัดหาโซลูชันสำหรับการสำรองข้อมูลเพื่อตอบโจทย์เวิร์คโหลดที่แตกต่างกันและเตรียมพร้อมสำหรับพื้นฐานการปกป้องข้อมูลเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานการให้บริการ (Service Level Agreement: SLA) หรือเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของระยะเวลาการกู้คืนระบบที่ยอมรับได้ (Recovery Time Objective: RTO) และปริมาณข้อมูลสูญหายในเวลาที่ยอมรับได้ (Recovery Point Objective: RPO)

G-Able พร้อมให้บริการและคำปรึกษาให้กับทุกธุรกิจเพื่อเตรียมความพร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ สนใจติดต่อ mongkol.m@g-able.com

from:https://www.techtalkthai.com/protect-your-business-from-ransomware-by-veritas/