คลังเก็บป้ายกำกับ: SILVER_PEAK

เชิญร่วมงานสัมมนา “ทำไม Aruba EdgeConnect SD-WAN ถึงเหมาะสมกับอุตสาหกรรมการผลิต”

HPE Aruba ร่วมกับ Westcon ขอเชิญผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานด้าน IT เข้าร่วมงานสัมมนาออนไลน์ “ทำไม Aruba EdgeConnect SD-WAN ถึงเหมาะสมกับอุตสาหกรรมการผลิต” พร้อมสาธิตการใช้งานจริง ในวันพุธที่ 20 ตุลาคม 2021 เวลา 14:00 – 15:30 น. ธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิตที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมฟังบรรยายได้ฟรี

รายละเอียดงานสัมมนา

หัวข้อ: ทำไม Aruba EdgeConnect SD-WAN ถึงเหมาะสมกับอุตสาหกรรมการผลิต
วัน: วันพุธที่ 20 ตุลาคม 2021
เวลา: 14:00 – 15:30 น.
ช่องทางการบรรยาย: Online Event
ลิงก์ลงทะเบียน: https://westconapac.webex.com/westconapac/j.php?RGID=r3a10cdf66f2f4673a66c13e5928dce88

ทุกวันนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต (Manufacturer) หลายรายต้องเผชิญกับความท้าทายในการเชื่อมต่อระหว่างสาขาหรือโรงงานตามสถานที่ต่างๆ ที่อยู่หลากหลายประเทศหรือหลากหลายภูมิภาค และในขณะเดียวกันนั้นก็ต้องคำนึงถึงความมั่นคงปลอดภัย และประสิทธิภาพในการส่งข้อมูลระหว่างเครือข่าย WAN รวมถึงการรับประกันการเชื่อมต่อตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ธุรกิจและข้อมูลการผลิตสามารถส่งได้ตรงเวลา รองรับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

Aruba EdgeConnect สามารถมอบการเชื่อมต่อ WAN ที่ทรงประสิทธิภาพและยังสามารถช่วยเพิ่มให้การใช้งานแอปพลิเคชันมีศักยภาพสูงขึ้นได้อีกด้วย รวมถึงมีการบริหารการจัดการจากส่วนกลาง และสามารถทำการตรวจสอบดูการเพิ่มประสิทธิภาพของการส่งข้อมูล ซึ่งช่วยให้ธุรกิจรองรับการเปลี่ยนแปลงแบบดิจิทัลได้อยู่เสมอ

กำหนดการบรรยาย

  • ทำความเข้าใจโครงสร้างและประสิทธิภาพของ Aruba EdgeConnect
  • มอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าผู้ให้บริการ SD-WAN ไปกับ Aruba EdgeConnect
  • สาธิตการใช้งาน Aruba SD-WAN
    • เตรียม Network ให้พร้อมรับกับทุกแอปพลิเคชันด้วย FEC และ Adaptive FEC
    • รองรับปัญหาเรื่อง Latency ที่สูงด้วย Aruba Boost
    • เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานของแอปพลิเคชันด้วย Application Load Balance
    • บริหารจัดการสาขาได้อย่างรวดเร็วด้วย ZTP, ZTC, BIOs
    • ป้องกันระบบ WAN ด้วยการทำงานร่วมกับ Zscaler SASE

from:https://www.techtalkthai.com/why-aruba-edgeconnect-sd-wan-is-the-right-fit-for-manufacturers/

[Guest Post] HPE (Aruba และ Silver Peak) ได้ถูกเลือกให้เป็น Leader ในรายงาน 2021 Gartner® Magic Quadrant™ for WAN Edge Infrastructure

Aruba บริษัทในเครือ Hewlett Packard Enterprise (NYSE: HPE) ได้ออกมาประกาศถึงการได้รับเลือกจาก Gartner ให้เป็น Leader นรายงาน 2021 Gartner Magic Quadrant for WAN Edge Infrastructure ซึ่งถือเป็นปีที่สี่แล้วที่ HPE (Aruba และ Silver Peak) ได้ถูกเลือกให้ดำรงตำแหน่งอยู่ในกลุ่ม Leader Quadrant โดย Gartner

รายงาน Gartner Magic Quadrant for WAN Edge Infrastructure report สามารถโหลดได้แล้ว ที่นี่

ในรายงาน Magic Quadrant for WAN Edge Infrastructure ฉบับนี้ Gartner ได้ทำการประเมินผู้ผลิต 15 รายในเงื่อนไขหลักสองประการ ได้แก่ ความสมบูรณ์ของวิสัยทัศน์ และความสามารถในการดำเนินการ โดยในรายงานฉบับนี้ยังได้มีการสรุปรายละเอียดและผลการประเมินจุดแข็งและข้อควรระวังสำหรับผู้ผลิตแต่ละรายเอาไว้อย่างครบถ้วน

According to Gartner, “This market continues to migrate from traditional branch routers (often called ‘customer edge routers’ in a Multiprotocol Label Switching implementation) used to connect branch locations to the data center to SD-WAN with a more-decentralized architecture and cloud workloads. SD-WAN is widely replacing edge routers and adding application aware path selection across multiple links, centralized orchestration and native security, as well as other application performance optimization functions (such as WAN optimization).”

Gartner ระบุว่า “ตลาดนี้ยังคงทำให้เกิดการย้ายระบบจากอุปกรณ์เราเตอร์แบบดั้งเดิมในสาขา (ซึ่งมักถูกเรียกว่า ‘Customer Edge Router’ ในการติดตั้งระบบแบบ Multiprotocol Label Switching) ซึ่งมักถูกใช้เพื่อเชื่อมต่อเครือข่ายจากสาขามายังศูนย์ข้อมูล มาสู่การใช้งาน SD-WAN ที่มีสถาปัตยกรรมแบบกระจายตัวมากยิ่งขึ้นและรองรับการใช้งาน Cloud มากยิ่งขึ้น SD-WAN นี้ได้ถูกนำมาใช้ทดแทนอุปกรณ์ Edge Router เป็นวงกว้างและยังช่วยเพิ่มความสามารถในการเลือกเส้นทางการเชื่อมต่อเครือข่ายสำหรับแต่ละ Application ได้อย่างเหมาะสม, บริหารจัดการแบบอัตโนมัติได้แบบรวมศูนย์ อีกทั้งยังมีการรักษาความมั่นคงปลอดภัยภายในระบบ และยังมีความสามารถอื่นๆ สำหรับช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันอย่างหลากหลาย (อย่างเช่นการทำ WAN Optimization)”

“ผลิตภัณฑ์ในตระกูล SD-WAN ของ Aruba ช่วยให้องค์กรทุกขนาดในทุกอุตสาหกรรมสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าองค์กรเหล่านั้นจะทำ Digital Transformation ในระดับใดก็ตาม” คุณ David Hughes ผู้ดำรงตำแหน่ง Chief Product and Technology Officer แห่ง Aruba บริษัทในเครือ Hewlett Packard Enterprise  กล่าว “เราเชื่อว่าการได้รับเลือกให้เป็น Leader ต่อเนื่องกันมาถึง 4 ปีนี้จะช่วยตอกย้ำความแข็งแกร่งของแนวทาง Edge-to-Cloud ของเราว่าสามารถสนับสนุนองค์กรธุรกิจที่ต้องการปรับตัวเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันท่ามกลางสภาวะการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของภาคธุรกิจได้”

 

ข้อจำกัดความรับผิดชอบของ Gartner

HPE เข้าซื้อกิจการของ Silver Peak ในปี 2020 โดย Silver Peak ได้ถูกรับเลือกให้เป็น Leader ในรายงานฉบับปี 2018, 2019 และ 2020

Gartner และ Magic Quadrant เป็นเครื่องหมายการค้าของ Gartner, Inc. และ/หรือบริษัทในเครือภายในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกและถูกใช้ในที่นี้โดยได้รับคำอนุญาต สงวนลิขสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย

Gartner does not endorse any vendor, product or service depicted in its research publications, and does not advise technology users to select only those vendors with the highest ratings or other designation. Gartner research publications consist of the opinions of Gartner’s research organization and should not be construed as statements of fact. Gartner disclaims all warranties, expressed or implied, with respect to this research, including any warranties of merchantability or fitness for a particular purpose.

 

เกี่ยวกับ Aruba บริษัทในเครือ Hewlett Packard Enterprise

Aruba บริษัทในเครือ Hewlett Packard Enterprise เป็นผู้นำระดับโลกทางด้านโซลูชันระบบเครือข่ายแบบ Edge-to-Cloud ที่มีความมั่นคงปลอดภัยและความชาญฉลาดซึ่งใช้ AI เพื่อบริหารจัดการระบบเครือข่ายแบบอัตโนมัติและใช้ข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ทรงพลัง ด้วย Aruba ESP (Edge Services Platform) และทางเลือกในแบบ as-a-service ทำให้ Aruba สามารถใช้แนวทางแบบ Cloud-Native เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถตอบโจทย์ความต้องการในการเชื่อมต่อเครือข่าย, การรักษาความมั่นคงปลอดภัย และประเด็นทางการเงินสำหรับระบบเครือข่ายภายในพื้นที่ทำงาน, สาขา, ศูนย์ข้อมูล และการทำงานจากระยะไกลได้อย่างครบถ้วน ครอบคลุมทั้งระบบเครือข่ายแบบมีสาย, ไร้สาย และ Wide Area Network (WAN)

ถ้าหากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม Aruba ได้ที่ www.arubanetworks.com โดยสำหรับข่าวสารในแบบทันท่วงที กรุณาติดตาม Aruba ที่ Twitter และ Facebook และสำหรับการพูดคุยเชิงเทคนิคเกี่ยวกับการเชื่อมต่อเครือข่ายจากทุกที่ทุกเวลาและผลิตภัณฑ์จของ Aruba กรุณาเยี่ยมชม Airheads Community ที่ community.arubanetworks.com

from:https://www.techtalkthai.com/guest-post-hpe-aruba-silver-peak-gartner-magic-quadrant-wan-edge/

Gartner ออกรายงาน Magic Quadrant ด้าน WAN Edge Infrastructure ปี 2021 Fortinet และ VMware นำโด่ง

Gartner บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาชื่อดังจากสหรัฐฯ ออกรายงาน Magic Quadrant ด้าน WAN Edge Infrastructure ฉบับล่าสุดปี 2021 ผลปรากฏว่ามี Vendor ครองตำแหน่ง Leader มากถึง 6 ราย โดย Fortinet และ VMware นำมาเป็นที่หนึ่ง ตามด้วย Versa Networks, Palo Alto Networks, Cisco และ HPE (Aruba & Silver Peak)

Gartner ได้ให้นิยาม WAN Edge Infrastructure ว่าเป็นผลิตภัณฑ์หรือฟังก์ชันที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อเครือข่ายผ่าน WAN ซึ่งครอบคลุมองค์กรที่กระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ทั้งสำนักงานใหญ่ สาขา ศูนย์บริการ และพนักงานที่ทำงานแบบรีโมต ให้สามารถเข้าถึงทรัพยากรทั้งที่อยู่ใน Private Data Center, IaaS และ SaaS ได้ ซึ่ง Routers และอุปกรณ์​ SD-WAN (ทั้ง Physical และ Virtual) ต่างเป็นผลิตภัณฑ์ที่พบได้มากที่สุดในตลาดนี้

Gartner คาดการณ์ว่า ภายในปี 2024 มากกว่า 70% ของลูกค้า SD-WAN จะมีการวางสถาปัตยกรรม SASE เพิ่มจากปัจจุบันที่มีเพียง 40% ในขณะที่ 40% ขององค์กรที่มี SD-WAN จะใช้ฟังก์ชัน AI ในการช่วยจัดการ Day 2 Operations อย่างอัตโนมัติภายในปี 2025

สำหรับผลการจัดอันดับ Magic Quadrant ทางด้าน WAN Edge Infrastructure ในปีนี้ พบว่า Vendor ที่ครองตำแหน่ง Leader ยังคงเป็น 6 รายเดิมจากปีที่แล้ว ได้แก่ Fortinet, VMware, Versa Networks, Palo Alto Networks, Cisco และ HPE (Aruba & Silver Peak) แต่มีการปรับเปลี่ยนอันดับกันเล็กน้อย โดย Fortinet ขึ้นมาครองอันดับ 1 ด้าน Ability of Execute แทน VMware ซึ่งปีนี้ยังคงครองอันดับ 1 ด้าน Completeness of Vision

ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดรายงาน Gartner ฉบับเต็มได้ผ่านช่องทางของ Fortinet: https://www.fortinet.com/solutions/gartner-wan-edge

from:https://www.techtalkthai.com/gartner-magic-quadrant-wan-edge-infrastructure-2021/

ขอเชิญท่านเข้าร่วมงาน webinar ในหัวข้อ “Aruba Edge Connect SD-WAN edge platform” [22 มิ.ย. 2564]

HPE Aruba ร่วมกับ Silver Peak ขอเชิญท่านเข้าร่วมงาน webinar ภายใต้หัวข้อ Aruba Edge Connect SD-WAN edge platform ผนึกกำลังสร้าง SD-WAN Platform ที่ทรงประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อความพร้อมรับมือ ในยุค Digital Transformation และเคล็ดลับความสำเร็จสำหรับระบบเครือข่ายที่ทรงประสิทธิภาพ สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วม Webinar ได้ฟรี!! คลิก!! https://arubanetworks.zoom.us/webinar/register/WN_f3GIsxLDQTSqPegne0edHg

รายละเอียดการบรรยาย

หัวข้อ: Aruba Edge Connect SD-WAN edge platform

วันเวลา: วันอังคารที่  22 มิถุยายน 2564 เวลา 10.00 – 11.30 น.

ผู้บรรยาย: HPE Aruba และ Silver Peak

ช่องทางการบรรยาย: Online Web Conference

จำนวนผู้เข้าร่วมสูงสุด: 1,000 คน

ภาษา: ไทย

การเชื่อมต่อธุรกิจยุคใหม่ Aruba EdgeConnect สำหรับระบบเครือข่าย SD-WAN ในยุค Digital Transformation ที่ตอบโจทย์การเดินทางแบบ Edge-to-Cloud ที่คุณจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ

  • Digital Transformation and Your Edge : รู้จักและพร้อมรับมือกับการปรับปรุงระบบเครือข่าย WAN เพื่อรองรับการทำ Digital Transformation
  • Edge-to-Cloud Journey and Key Success : ความท้าทายที่คนทำระบบเครือข่ายต้องพิชิตและเคล็ดลับ
  • Aruba EdgeConnect Portfolio : แนะนำ Aruba EdgeConnect, platform ที่จะเป็นผู้ช่วยให้การเชื่อมต่อสาขาของคุณเป็นเรื่องง่าย

ร่วม Webinar ภายใต้หัวข้อ Aruba Edge Connect SD-WAN edge platform  กับเราผู้เชี่ยวชาญจาก Aruba Thailand และ Silver Peak พร้อมจะตอบทุกคำถามและข้อสงสัย โดยท่านสามารถคลิกเพื่อลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ด้านล่าง

from:https://www.techtalkthai.com/webinar-aruba-edge-connect-sd-wan-edge-platform-22-june-2021/

องค์กรยุคใหม่ที่เน้นใช้ระบบคลาวด์ต้องแบ่งทราฟฟิกออกสู่อินเทอร์เน็ตอย่างชาญฉลาด

เครือข่ายแบบเดิมไม่ตอบโจทย์สำหรับการใช้งานคลาวด์

ก่อนที่เทคโนโลยีคลาวด์จะถือกำเนิดขึ้น ฝ่ายไอทียังเป็นแค่แผนกหนึ่งในองค์กรที่ผู้ใช้อาจแวะเวียนไปเพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับโทรศัพท์ หรือนำคอมพิวเตอร์ไปซ่อมเท่านั้น แต่ในปัจจุบัน ฝ่ายไอทีได้เข้ามามีบทบาทเชิงกลยุทธ์ในองค์กรมากกว่านั้นมาก ทั้งยังเป็นกลไกขับเคลื่อนที่สำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจ จากการที่องค์กรหลายแห่งปรับตัวเข้าสู่การปฏิรูปองค์กรสู่ดิจิทัล ทำให้เกิดการใช้งานแอปพลิเคชัน SaaS อย่างรวดเร็ว และการย้ายปริมาณงานขององค์กรไปยัง IaaS การพิจารณาการลงทุนด้านไอทีจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดสำหรับธุรกิจ อันเป็นหนทางหนึ่งที่จะรักษาความได้เปรียบด้านการแข่งขันเอาไว้ได้ การบรรลุถึงประสิทธิภาพสูงสุดของแอปพลิเคชันที่โฮสต์บน SaaS และ IaaS นั้น ไม่ได้เป็นแค่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นคุณสมบัติที่จำเป็นในปัจจุบัน Latency ที่เพิ่มขึ้นซึ่งพบในระหว่างการเข้าสู่แอปพลิเคชัน SaaS หรือปริมาณงานใน IaaS ย่อมส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ปลายทางและประสิทธิภาพทางธุรกิจ เมื่อผู้ใช้รู้สึกไม่พอใจย่อมหมายถึง การเสียลูกค้า ผู้ที่อาจเป็นลูกค้า และพนักงานได้ ทั้งหมดนี้สำคัญมากหากมองในแง่จุดยืนทางธุรกิจ

แต่ก่อนนั้น องค์กรจะต้องลงนามในสัญญา SLA (ข้อตกลงระดับการบริการ) กับผู้ให้บริการ และมักจะสมัครใช้บริการรับส่งข้อมูล MPLS ส่วนบุคคล เพื่อลดปัญหา Latency การวางระบบเชื่อมต่อเครือข่ายแบบ Leased Line ส่วนบุคคล อย่าง MPLS จึงเป็นข้อเสนอที่มีค่าใช้จ่ายสูง แต่ถึงแม้จะมีค่าใช้จ่ายสูง องค์กรหลายแห่งยังคงลงทุนกับ MPLS เพราะมีประสิทธิภาพการทำงานและ Latency ของเครือข่ายที่เสถียรและคาดเดาได้ องค์กรสามารถกำหนดค่านโยบาย QoS ที่จำเพาะตามความต้องการทางธุรกิจและการใช้งานแอปพลิเคชันขององค์กร และการเชื่อมต่อจะส่งต่อแพคเก็ตได้อย่างเหมาะสม เนื่องจาก SLA มีการรับประกันคุณภาพการให้บริการ จึงมีการเชื่อมต่อที่ดีกว่า ซึ่งช่วยให้มั่นใจถึงคุณภาพการใช้งานที่ผู้ใช้จะได้รับจากการใช้แอปพลิเคชัน

แอปพลิเคชัน SaaS และปริมาณงานใน IaaS ต่างจากแอปพลิเคชันที่โฮสต์ใน Data Center แบบเดิม ตรงที่สร้างการเปลี่ยนแปลงรูปแบบทราฟฟิกของเครือข่าย และมอบคุณภาพการใช้งานได้ถึงขีดสุด ด้วยเหตุนี้ แผนกไอทีจึงต้องปรับเปลี่ยนเครือข่าย แต่เดิมนั้น ผู้ใช้งานจากระยะไกลในสำนักงานสาขาจะต้องเชื่อมข้อมูลกับแอปพลิเคชันใน Data Center โดยใช้การเชื่อมต่อผ่าน MPLS แต่โลกเปลี่ยนไปแล้ว แอปพลิเคชันคลาวด์ อาทิ Salesforce, Box และ Zoom และโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์สาธารณะ เช่น AWS, Azure และ GCP ทำให้องค์กรต่างๆ หันมาคิดทบทวนเครือข่ายของตัวเอง เนื่องจากปัจจุบันปริมาณงานส่วนใหญ่ทำงานอยู่ในคลาวด์ จึงก่อให้เกิดความท้าทายใหม่ๆ ขึ้น ตัวอย่างเช่น การใช้การเชื่อมต่อแบบ MPLS เพื่อส่งต่อทราฟฟิกจากสำนักงานสาขาที่กำหนดเป้าหมายด้วยคลาวด์ไปยัง Data Center แบบ On-premises ไม่ใช่วิธีการที่เหมาะสมอีกต่อไป เพราะส่งผลให้เกิดความแออัดของการจราจรบนเครือข่ายและเพิ่ม Latency ที่ทำให้เปลืองแบนด์วิธ MPLS ที่มีค่าใช้จ่ายสูงอยู่แล้วโดยไม่จำเป็น Latency ยังเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของประสบการณ์การใช้งานที่มีคุณภาพสูงของผู้ใช้ด้วย ยิ่งมี Latency เกิดขึ้นในเส้นทางของเครือข่ายระหว่างผู้ใช้และแอปพลิเคชันมากเท่าใด ประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ก็จะลดลงมากเท่านั้น เพื่อแก้ไขความท้าทายเรื่อง Latency องค์กรจึงหันมาใช้ SD-WAN ที่ช่วยสำนักงานสาขาออกอินเทอร์เน็ตโดยตรงได้อย่างปลอดภัย เพื่อส่งทราฟฟิกที่มีจุดหมายปลายทางที่ระบบคลาวด์ขึ้นสู่คลาวด์ผ่านอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ได้โดยตรงและอัตโนมัติ ถ้าสามารถทำแบบนี้ได้ ทำไมจึงไม่ส่งทราฟฟิกที่มีจุดหมายปลายทางที่ระบบคลาวด์ผ่านอินเทอร์เน็ตโดยตรงทั้งหมดล่ะ?

การแบ่งทราฟฟิกออกสู่อินเทอร์เน็ตอย่างชาญฉลาด

ประโยชน์ที่สำคัญอย่างมากข้อหนึ่งของ SD-WAN นั่นก็คือ ช่วยให้องค์กรใช้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ได้อย่างปลอดภัยและน่าเชื่อถือ เพื่อเชื่อมต่อผู้ใช้ในสำนักงานสาขาไปยังแอปพลิเคชันและบริการคลาวด์ต่างๆ ได้ แก้ไขธรรมชาติของอินเทอร์เน็ตที่ยากจะคาดเดา แพลตฟอร์ม Unity EdgeConnect™ SD-WAN edge ของ Silver Peak จึงมีคุณสมบัติการปรับเส้นทางที่ล้ำหน้า ความสามารถนี้ช่วยแก้ปัญหาแพคเก็ตสูญหายและไม่เรียงลำดับด้วยการปรับโครงสร้างหรือเรียงลำดับใหม่ทางฝั่งผู้รับ จัดการผลกระทบเรื่องแพคเก็ตสูญหายที่มักเกิดขึ้นบนการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต แต่ Silver Peak ยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ เมื่อไม่นานมานี้ เราได้เพิ่มคุณสมบัติใหม่ลงในแพลตฟอร์ม EdgeConnect ที่เรียกว่า “การแบ่งทราฟฟิกออกสู่อินเทอร์เน็ตอย่างชาญฉลาด (Intelligent Internet Breakout)” ที่เพิ่มประสิทธิภาพให้ทราฟฟิกของแอปพลิเคชัน SaaS

ด้วยความสามารถในการแบ่งทราฟฟิกออกสู่อินเทอร์เน็ตอย่างชาญฉลาด EdgeConnect จะระบุและจำแนกแอปพลิเคชันโดยอัตโนมัติ แล้วเลือกการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับเชื่อมต่อผู้ใช้ไปยังแอปพลิเคชัน SaaS โดยอิงจากประสิทธิภาพการเชื่อมต่อ เมื่อมีบริการอินเทอร์เน็ตตั้งแต่สองรายการขึ้นไปให้ใช้งาน คุณสมบัติอันเป็นจุดเด่นนี้ช่วยเพิ่มความอัจฉริยะในการเลือกเส้นทางให้กับลูกค้า ด้วยการออกอินเทอร์เน็ตที่สำนักงานสาขาโดยตรง เพื่อให้ประสิทธิภาพการทำงานของแอปพลิเคชัน SaaS ออกมาดีที่สุด

บ่อยครั้งที่ลูกค้ามีลิงก์ WAN สองถึงสามลิงก์ในสำนักงานสาขาที่อยู่ห่างไกลเพื่อเพิ่มความพร้อมใช้งานและประสิทธิภาพให้กับเครือข่ายและแอปพลิเคชัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้กับลิงก์อินเทอร์เน็ตของเครือข่าย WAN EdgeConnect จะคอยตรวจสอบประสิทธิภาพของลิงก์แบบเรียลไทม์ด้วยการวัดค่า Packet Loss, Latency, Jitter และ MOS (Mean Opinion Score) อย่างต่อเนื่อง EdgeConnect ใช้การเรียนรู้จากสถิติเพื่อกำหนดลิงก์ที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในการแบ่งทราฟฟิกออกสู่อินเทอร์เน็ต แล้วจึงคงประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันในระดับสูงสุดเอาไว้ วิธีนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแบ่งทราฟฟิกออกสู่อินเทอร์เน็ตเพื่อมอบประสิทธิภาพของ SaaS และแอปพลิเคชันคลาวด์ในระดับสูงสุด (ดูภาพที่ 1) การกำหนดค่านโยบายเหล่านี้เป็นไปโดยอัตโนมัติสำหรับอินเทอร์เฟซการจัดการ Unity Orchestrator™ ของ Silver Peak และไม่ต้องกำหนดค่าแบบแมนวลแต่อย่างใด Unity Orchestrator ยังช่วยกำหนดค่านโยบายอัตโนมัติในการค้นหาเส้นทางที่ดีที่สุดสำหรับทราฟฟิกนั้นๆ ไม่ว่าจะในโครงสร้าง SD-WAN เครือข่าย MPLS หรือบริการ WAN ก็ตาม ในกรณีที่ลิงก์อินเทอร์เน็ตหลักทั้งคู่ทำงานด้อยลงหรือไม่สามารถใช้งานได้ซึ่งพบได้ไม่บ่อยนัก (ดูภาพที่ 2)

ภาพที่ 1: เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้กับลิงก์อินเทอร์เน็ต WAN (ISP 1 and ISP 2) EdgeConnect จะคอยตรวจสอบประสิทธิภาพของลิงก์ทั้งสอง ด้วยการวัดค่า Packet Loss, Jitter, Latency และ MOS (Mean Opinion Score) อย่างต่อเนื่อง EdgeConnect เลือก ISP 1 เพื่อส่งทราฟฟิกไปยังแอปพลิเคชัน SaaS โดยใช้การเรียนรู้จากสถิติ
ภาพที่ 2: หากการเชื่อมต่อทั้ง ISP 1 และ ISP 2 ไม่สามารถใช้งานได้ EdgeConnect จะเลือกบริการส่งข้อมูลสำรองตามที่กำหนดค่าไว้โดยอัตโนมัติ เพื่อส่งต่อทราฟฟิกไปยัง Data Center

ประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ปลายทางมีคุณภาพสูงสุด

การเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดในการส่งแพคเก็ตช่วยลด Latency ที่เพิ่มขึ้นซึ่งเกิดขึ้นกับแอปพลิเคชัน SaaS และปริมาณงานใน IaaS ได้ ทั้งยังมอบประสบการณ์การใช้งานที่มีคุณภาพสูงสุดให้กับผู้ใช้ และสร้างความพึงพอใจให้ทั้งลูกค้า ผู้ที่อาจเป็นลูกค้า และพนักงานได้ นอกจากนี้ การแบ่งทราฟฟิกออกสู่อินเทอร์เน็ตอย่างชาญฉลาดยังใช้ในการแก้ไขปัญหาการทำงานที่มีประสิทธิภาพต่ำหรือการหยุดทำงานชั่วขณะที่เกิดขึ้นกับการเชื่อมต่อทุกรูปแบบได้โดยอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น หากสำนักงานสาขาใช้การเชื่อมต่อแบบ MPLS หนึ่งจุด และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอีกหนึ่งจุด ก่อนที่จะส่งข้อมูลผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต อุปกรณ์ EdgeConnect จะตรวจสอบคุณภาพการเชื่อมต่อก่อน หากในบางกรณี ตรวจพบว่าการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมีค่า Loss, Latency, Jitter หรือ MOS เกินกว่าค่าที่กำหนดไว้ อุปกรณ์ EdgeConnect จะเลือกการเชื่อมต่อแบบ MPLS โดยอัตโนมัติเพื่อส่งแพคเก็ต วิธีนี้ช่วยให้มั่นใจได้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แอปพลิเคชันขององค์กรยังสามารถทำงานด้วยประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะโฮสต์ใน Data Center โฮสต์ใน IaaS, UCaaS หรือ SaaS ก็ตาม คุณสมบัติใหม่ในการแบ่งทราฟฟิกออกสู่อินเทอร์เน็ตอย่างชาญฉลาดของ Silver Peak นี้จึงช่วยเพิ่มผลิตภาพให้ธุรกิจ พร้อมทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจไปพร้อมกัน

บทความนี้ถูกเขียนโดย Karan Singh Dagar ผู้จัดการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ Silver Peak 

ที่มา: https://blog.silver-peak.com/modern-cloud-first-enterprises-require-intelligent-internet-breakout

from:https://www.techtalkthai.com/modern-cloud-first-enterprises-require-intelligent-internet-breakout/

Gartner ออกรายงาน Magic Quadrant ทางด้าน WAN Edge Infrastructure ปี 2020

Gartner บริษัทวิจัยและที่ปรึกษาชื่อดังจากสหรัฐฯ ออกรายงาน Magic Quadrant ทางด้าน WAN Edge Infrastructure ประจำปี 2020 ผลปรากฏว่ามี Vendors มากถึง 6 รายที่ครองตำแหน่ง Leader ได้แก่ VMware, Fortinet, Versa Networks, Cisco, Palo Alto Networks และ Silver Peak

Gartner ได้ให้นิยาม WAN Edge Infrastructure ว่าเป็นโซลูชันที่ให้บริการการเชื่อมต่อเครือข่ายจากองค์กรที่กระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ (สำนักงานสาขา) ให้สามารถเข้าถึงทรัพยากรทั้งที่อยู่ใน Private และ Public Data Centers รวมไปถึงระบบ Cloud ได้ ไม่ว่าจะผ่านทาง IaaS หรือ SaaS ตลาดนี้ได้พัฒนาต่อยอดจาก Traditional Branch Router (หรือ Customer Edge Router) ซึ่งประกอบด้วยฟังก์ชัน Routing, Security และ WAN Optimization ไปสู่โซลูชัน Software-defined WAN (SD-WAN) โดยเพิ่มความสามารถด้าน Application Aware Path Selection บนหลายๆ ลิงค์, Centrailize Orchestration, Native Security และฟังก์ชันอื่นๆ เข้าไปเพื่อตอบโจทย์ความต้องการในปัจจุบันมากขึ้น

สำหรับการจัดอันดับบน Magic Quadrant ทางด้าน WAN Edge Infrastructure ล่าสุดในปี 2020 นี้พบว่ามี Vendors รายใหม่ปรากฏเข้ามาในตำแหน่ง Leader ถึง 4 ราย ได้แก่ Fortinet, Versa Networks, Cisco และ Palo Alto Networks (CloudGenix) ในขณะที่ VMware ยังคงรั้งตำแหน่ง Leader อันดับ 1 อย่างเหนียวแน่นทั้งทางด้าน Abiliti of Execute และ Completeness of Vision ส่วน Silver Peak ที่ครองตำแหน่ง Leader อันดับ 2 เมื่อปีที่แล้ว ปีนี้กลับถูก Vendors หลายรายแซงหน้าไป

Gartner คาดการณ์ว่า ภายในปี 2023 ร้อยละ 30 ขององค์กรจะมีการเชื่อมต่อผ่าน Internet WAN เพียงอย่างเดียว เพิ่มขึ้นจากปี 2020 ถึง 2 เท่า เนื่องจากต้องการความยืดหยุ่นและการขยาย Bandwidth ได้ในราคาที่ไม่แพงนัก และภายในปี 2024 ร้อยละ 60% ขององค์กรจะเปลี่ยนมาใช้ SD-WAN เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและสนับสนุนการใช้ Cloud Apps และมากกว่าร้อยละ 60 ของลูกค้า SD-WAN จะมีการวางสถาปัตยกรรม SASE เพื่อยกระดับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยบน Cloud

ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มของ Gartner ได้ผ่านช่องทางของ Fortinet: https://www.fortinet.com/solutions/gartner-wan-edge

from:https://www.techtalkthai.com/gartner-magic-quadrant-sd-wan-2020/

ยกระดับการเชื่อมต่อ Multi-cloud ให้ดียิ่งขึ้นด้วย SD-WAN

ปัจจุบันองค์กรหลายแห่งกำลังปรับใช้กลยุทธ์มัลติคลาวด์เพื่อให้สามารถใช้งานแพลตฟอร์มคลาวด์ได้หลายแพลตฟอร์ม สำหรับรองรับปริมาณงานที่หลากหลายประเภททั้งใน SaaS และในองค์กร ซึ่งแต่ละประเภทงานย่อมต้องการสมรรถนะและระดับบริการที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปนั้น การเชื่อมโยงผู้ใช้งานในสำนักงานสาขาเข้ากับแอปพลิเคชันที่โฮสต์ไว้บนคลาวด์จำเป็นต้องส่งต่อทราฟฟิกไปยัง Data Center ของบริษัทผ่านทางโครงสร้างพื้นฐาน WAN เดิมที่ใช้งานอยู่ ซึ่งประกอบด้วยเราเตอร์ที่ส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย MPLS ส่วนตัวของบริษัท สถาปัตยกรรมที่ใช้เราเตอร์แบบเดิมนี้ด้อยประสิทธิภาพการทำงานและไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของบริษัทสมัยใหม่ในปัจจุบันที่เน้นระบบคลาวด์เป็นหลัก

แล้วแพลตฟอร์ม SD-WAN ทุกแพลตฟอร์มช่วยให้มั่นใจได้หรือไม่ว่า แอปพลิเคชันที่โฮสต์บนคลาวด์จะทำงานได้เต็มที่บนเครือข่ายใดๆ โดยไม่ลดทอนประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ปลายทาง ก่อนที่เราจะเจาะลึกลงไปถึงความต้องการของแพลตฟอร์ม SD-WAN และมัลติคลาวด์ มาดูกันก่อนว่า ตัวขับเคลื่อนทางด้านไอทีแบบมัลติคลาวด์ที่สำคัญๆ มีคุณสมบัติอะไรบ้าง

  • ช่วยให้มั่นใจถึงความต่อเนื่องในการใช้งานและความน่าเชื่อถือของแอปพลิเคชันได้ดียิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าผู้ให้บริการคลาวด์รายหนึ่งจะเกิดปัญหาจนบริการหยุดชะงัก แอปพลิเคชันก็ยังคงสามารถให้บริการผ่านคลาวด์อื่นได้
  • ดำเนินการให้สอดคล้องกับกฎระเบียบและข้อบังคับ ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถรักษาความถูกต้องของข้อมูลบนแอปพลิเคชันภายในภูมิภาคนั้นๆ ตามหลักกฎหมายท้องถิ่นได้
  • สามารถใช้จุดเด่นเฉพาะตัวของคลาวด์แต่ละประเภทให้เกิดประโยชน์ เช่น Google Cloud Platform ที่มีจุดแข็งด้าน Machine Learning หรือ Microsoft Azure ที่ใช้งานกับ Office 365 และ Microsoft Databases ได้อย่างไร้รอยต่อ
  • ลดค่าใช้จ่ายในการลงทุน (CAPEX) สำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที
  • เพิ่มความคล่องตัวในการเริ่มใช้งานและเชื่อมต่อผู้ใช้ในองค์กรเข้ากับแอปพลิเคชันใหม่ๆ

ภาพด้านล่างแสดงถึงผลประโยชน์ที่สำคัญที่สุดในการใช้มัลติคลาวด์โดยเก็บข้อมูลจาก CIO 400 คน (อ้างอิง Propeller Insights)

ฝ่ายไอทีต้องสร้างความมั่นใจว่า ผู้ใช้ปลายทางที่เข้าถึงแอปพลิเคชันคลาวด์จะได้รับประสบการณ์การใช้งานที่มีคุณภาพเยี่ยมและเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ว่าจะเป็นการทำงานจากภายในสำนักงาน สาขา หรือสถานที่อื่นๆ ของบริษัทที่อยู่ห่างไกล

มีอะไรบ้างที่เป็นความต้องการด้านระบบที่สำคัญๆ ของแพลตฟอร์ม SD-WAN ที่ช่วยให้ฝ่ายไอทีดำเนินการติดตั้งใช้งานมัลติคลาวด์ตรงตามวัตถุประสงค์การใช้งาน และยังช่วยให้ผู้ใช้ปลายทางสามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันมัลติคลาวด์ได้โดยตรงอย่างมั่นคงปลอดภัยในทุกๆ ที่

ความต้องการของระบบมัลติคลาวด์สำหรับแพลตฟอร์ม SD-WAN ที่สำคัญมากที่สุด มี 3 ข้อ ดังนี้

  • เชื่อมต่อมัลติคลาวด์ของสาขาแบบอัตโนมัติ เพื่อขยายการใช้งานแอปพลิเคชันไปยังผู้ให้บริการคลาวด์หลายราย โดยสามารถเลือกผู้ให้บริการคลาวด์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแอปพลิเคชันได้อย่างยืดหยุ่น
  • รับประกันประสิทธิภาพการทำงานที่สม่ำเสมอของแอปพลิเคชันทางธุรกิจจากการใช้นโยบายด้านความมั่นคงปลอดภัยและ QoS ที่สามารถกำหนดได้ลึกถึงรายละเอียด โดยอิงตามประเภทผู้ใช้หรือกลุ่มผู้ใช้ซึ่งถูกจัดลำดับสำคัญโดยแอปพลิเคชัน
  • รองรับการเข้าถึงแอปพลิเคชันขององค์กรที่โฮสต์ผ่านผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะชั้นนำทั้งสี่ราย

แพลตฟอร์ม Unity EdgeConnect™ SD-WAN Edge ของ Silver Peak เป็นโซลูชันที่เหมาะสมในการรับมือความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการส่งต่อทราฟฟิกผ่านคลาวด์จากสาขาไปยัง Data Center ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่อแบนด์วิดท์จาก Data Center ไปยังผู้ให้บริการคลาวด์ รวมถึงลดความหน่วงเวลา (Latency) ด้วยการเชื่อมต่อคลาวด์กับสาขาได้โดยตรง Silver Peak ได้ผสานรวมแพลตฟอร์ม EdgeConnect เข้าด้วยกันกับ API ของผู้ให้บริการคลาวด์เพื่อให้การเชื่อมต่อสำหรับการใช้งานมัลติคลาวด์ทำได้ง่ายยิ่งขึ้น

EdgeConnect SD-WAN มีความสามารถที่สำคัญ ดังต่อไปนี้

การโอเวอร์เลย์ตามจุดประสงค์ของธุรกิจ (Business Intent Overlays): ความมั่นคงปลอดภัย การเชื่อมต่อ และการควบคุมแอปพลิเคชันตามความต้องการ (Intent-based) ซึ่งรองรับการใช้งานแพลตฟอร์มมัลติคลาวด์ได้พร้อมกันอย่างง่ายดาย ช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถใช้ประโยชน์จากผู้ให้บริการคลาวด์ที่ดีที่สุดสำหรับแอปพลิเคชันนั้นๆ ได้

การควบคุมนโยบายการเชื่อมต่อและบริการ IaaS และ SaaS แบบรวมศูนย์: GUI ที่ใช้งานง่ายของ Unity Orchestrator™ ช่วยให้การควบคุมการเชื่อมต่อคลาวด์ การเปลี่ยนแปลงและรักษานโยบายของแอปพลิเคชันที่โฮสต์แบบมัลติคลาวด์ทำได้ง่ายยิ่งขึ้น ทำให้มั่นใจได้ว่านโยบายที่บังคับใช้นั้นมีความสอดคล้องกันทั่วทั้งองค์กร

เชื่อมต่อไปคลาวด์สาธารณะอย่างมั่นคงปลอดภัยได้โดยอัตโนมัติ: ช่วยให้เชื่อมต่อเครือข่ายสาขาเข้ากับ Microsoft Azure vWAN ได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมทั้งช่วยให้เข้าถึงเครือข่าย Microsoft ได้ทั่วโลก รวมถึงเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย AWS ทั่วโลกกับสำนักงานสาขาเข้าด้วยกันผ่านทาง Transit Gateway Network Manager (TGNM) ของ AWS

การเชื่อมต่อสำนักงานสาขาสู่ระบบคลาวด์แบบ Edge: อุปกรณ์ EdgeConnect ที่ใช้ในสำนักงานสาขาช่วยให้การเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะแบบครบวงจรเป็นไปอย่างราบรื่น ด้วยการขยายโครงสร้าง SD-WAN และใช้ Virtual Instance ของ EdgeConnect ในระบบของผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะรายใดรายหนึ่งหรือทั้งสี่ราย ดังที่แสดงในภาพด้านบน วิธีนี้ช่วยให้สามารถคาดการณ์ประสิทธิภาพการทำงานของแอปพลิเคชันและเพิ่มประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ปลายทางให้มีคุณภาพสูงสุด

สำหรับโซลูชันการเชื่อมต่อสำนักงานสาขาสู่ระบบคลาวด์แบบ Edge นี้ ทำให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์ที่มีอยู่ในโครงสร้างมัลติคลาวด์ผ่าน EdgeConnect SD-WAN ได้อย่างแท้จริง องค์กรสามารถย้าย Workload จากผู้ให้บริการคลาวด์รายหนึ่งไปยังอีกรายหนึ่งได้ง่าย เช่น จาก AWS ไปยัง Azure โดยใช้การทำโอเวอร์เลย์ตามจุดประสงค์ของธุรกิจ

เมื่อคุณวางแผนเริ่มใช้มัลติคลาวด์ โปรดอย่าลืมว่า SD-WAN สามารถช่วยคุณเพิ่มปริมาณทรัพยากรของบริการคลาวด์ให้ถึงขีดสุดได้ พร้อมส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่มีคุณภาพสูงสุดให้กับผู้ใช้แอปพลิเคชัน และช่วยให้มั่นใจว่าจะไม่มีการหน่วงความเร็วเกิดขึ้นในระบบมัลติคลาวด์ของคุณ

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเลือกบริการมัลติคลาวด์ที่ยืดหยุ่นสำหรับองค์กรเพื่อใช้การเชื่อมต่อ SD-WAN ให้เป็นประโยชน์ โดยสามารถเข้าชมได้ทางการสัมมนาผ่านเว็บไซต์ของ Silver Peak ในหัวข้อ “Powering the Multi-Cloud enterprise with SD-WAN”

ที่มา: https://blog.silver-peak.com/sd-wan-enables-better-multi-cloud-connectivity-for-enterprises

from:https://www.techtalkthai.com/improve-multi-cloud-connectivity-with-sd-wan/

HPE ประกาศเข้าซื้อกิจการ Silver Peak 27,750 ล้านบาท เสริมทัพ Aruba SD-WAN

HPE ได้ออกมาประกาศถึงการตกลงเข้าซื้อกิจการของ Silver Peak ผู้พัฒนาโซลูชัน SD-WAN ที่มูลค่า 925 ล้านเหรียญหรือราวๆ 27,750 ล้านบาท เพื่อเสริมทัพเทคโนโลยีด้าน SD-WAN ให้กับ Aruba

Credit: ShutterStock.com

การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะสอดคล้องกับบกลยุทธ์ด้าน Edge-to-Cloud ของ HPE ที่ SD-WAN จะมาช่วยเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อ Edge ไปยัง Cloud ได้อย่างยืดหยุ่น ง่ายดาย และมั่นคงปลอดภัย โดยเทคโนโลยี SD-WAN ของ Silver Peak นี้จะถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Aruba Edge Service Platform (ESP) โดยจะถูกนำไปรวมกับโซลูชัน Aruba SD-WAN นั่นเอง

Silver Peak นั้นมีลูกค้าธุรกิจองค์กรที่ใช้งาน SD-WAN อยู่มากกว่า 1,500 แห่งทั่วโลก และช่วยให้การเชื่อมต่อ WAN นั้นกลายเป็นเรื่องที่ง่ายดาย มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และมีค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ต่ำลง อีกทั้งยังสามารถทำงานร่วมกับโซลูชันด้าน Security ได้หลากหลาย โดยใน Gartner Magic Quadrant for WAN Edge Infrastructure ปี 2019 นั้น Silver Peak ก็ถูกจัดอันดับให้เป็น Leader ด้วยเช่นกัน

ก็ถือเป็นก้าวที่น่าติดตามไม่น้อยทีเดียวจาก HPE Aruba ในการขยายฐานด้านระบบเครือข่ายสำหรับองค์กร ด้วยการเข้าซื้อกิจการของผู้นำด้านเทคโนโลยี SD-WAN ที่มีชื่อเสียงมานานอย่าง Silver Peak ในครั้งนี้

ที่มา: https://www.hpe.com/us/en/newsroom/press-release/2020/07/hpe-accelerates-edge-to-cloud-strategy-with-acquisition-of-sd-wan-leader-silver-peak.html

from:https://www.techtalkthai.com/hpe-acquires-silver-peak/

[Guest Post] เราคิดไกลพอหรือยัง กับการคิดให้ไกลกว่าโรคระบาด

แม้ยังเป็นประเด็นถกเถียงกันอยู่ว่า เรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการทำความเข้าใจผลพวงจากการระบาดของโควิด-19 ในระยะกลางและระยะยาว แต่ก็เป็นไปได้ว่าในอนาคตธุรกิจส่วนใหญ่จะต้องพิจารณา ถึงการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญของกลยุทธ์ รูปแบบธุรกิจ และการดำเนินการต่างๆ ของตนเองด้วย ดูเหมือนว่าบรรดานักวิเคราะห์ต่างเห็นพ้องกันมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ จะต้องกลับมาครองตลาด ส่วนแบ่ง และลูกค้าได้อีกครั้ง การจะทำให้สำเร็จได้นั้น จำเป็นต้องอาศัยนวัตกรรมที่เร็วขึ้นและการตลาดที่ดียิ่งขึ้น ทั้งสองปัจจัยนี้จะต้องอาศัยแอปพลิเคชันและบริการที่ขาดไม่ได้ ซึ่งบางอย่างอาจยังไม่เป็นที่รู้จักในขณะที่บทความนี้เขียนขึ้น

ข้อเท็จจริง

หากในขณะนี้คุณยังไม่ได้ดำเนินการพลิกโฉมข่ายงานบริเวณกว้าง (WAN) เท่ากับคุณเผชิญความเสี่ยงเพิ่มขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ กับการด้อยความสามารถในการดำเนินธุรกิจให้ประสบสำเร็จเมื่อเข้าสู่ “วิถีปกติรูปแบบใหม่” หรือ “New Normal”

สถานการณ์

ก่อนที่จะเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 บางคนอาจแย้งว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกมีอัตราการเติบโตลดลงอยู่แล้ว ทว่าขณะนี้ หลายประเทศ อุตสาหกรรม และภาคส่วนต่างๆ มีการปรับตัวให้สอดรับกับความจริงใหม่ ซึ่งบ่งชี้ถึงการกลับมาเริ่มฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเป็นขั้นเป็นตอน รวมถึงการกำหนดทิศทางอย่างเป็นระบบให้กับเศรษฐกิจหลังการระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายยังมีความเห็นตรงกันด้วยว่า เราจะไม่กลับไปสู่สภาวะเดิมเหมือนอย่างแต่ก่อน

หากก่อนการระบาดของโควิด-19 คุณไม่เชื่อในการเร่งปฏิรูปองค์กรสู่ดิจิทัล และตอนนี้การวางแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCP) มีผลต่อความอยู่รอดของบริษัท การเริ่มต้นการดำเนินงานเพื่อปฏิรูปองค์กรสู่ดิจิทัลให้เร็วที่สุดย่อมจะเป็นประโยชน์ในระยะยาวสำหรับคุณ ทั้งนี้ โดยหลักการแล้ว องค์ประกอบทางดิจิทัลในการปฏิรูปธุรกิจควรรวมถึงการนำแอปพลิเคชันและบริการคลาวด์มาใช้งานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างความยั่งยืน ใช้ประโยชน์ ปกป้อง และสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจในที่สุด ซึ่งเห็นได้ชัดว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ในบริบทที่คงไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นสภาพแวดล้อมทางธุรกิจแบบดั้งเดิมที่ค่อนข้างเสถียรแล้ว

ความจริงที่เรารับรู้

ความจำเป็นเชิงกลยุทธ์ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเศรษฐกิจหลังโควิด-19 อาจเป็นการที่ธุรกิจต่างๆ ต้องคิดทบทวนการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าปัจจุบันและผู้ที่อาจเป็นลูกค้าในอนาคตภายใต้บริบทใหม่ทั้งหมด หรือแม้กระทั่งต้องทบทวนวิธีการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าไม่เพียงแต่ในเงื่อนไขต่างๆ แต่ยังรวมถึงวิธีการที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงอีกด้วย จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ปัจจัยดังกล่าวจะผลักดันให้เกิดการประเมินผลการออกแบบและการส่งมอบรูปแบบทางธุรกิจ ซึ่งเครือข่าย WAN จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการนิยามความสำเร็จมากกว่าที่เคยเป็นมา

เทคโนโลยีจะยังคงสร้างนิยามและกำหนดนิยามใหม่ให้กับลักษณะการทำงานและพฤติกรรมในการปฏิสัมพันธ์ในเชิงการทำงานและตัวบุคคลอย่างที่เราได้รับรู้กันมาแล้ว ดังนั้น เทคโนโลยีจึงเป็นเสมือนกลไกขับเคลื่อนรูปแบบธุรกิจ ซึ่งจะทำให้รูปแบบธุรกิจเป็นส่วนสำคัญในการประสานสร้างความสัมพันธ์ในลักษณะต่างๆ เช่น วิธีการที่เราติดต่อ เชื่อมโยงกัน โต้ตอบกัน และดำเนินธุรกิจ

บริษัทที่มองการณ์ไกลมีการวางแผนและกำหนดสถาปัตยกรรมองค์กร
อย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแค่เพื่อตอบสนองความต้องการในปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังเตรียมพร้อมเพื่อรองรับการพัฒนาตามความต้องการในอนาคตด้วย เช่น การเปลี่ยนแปลงการออกแบบและการใช้รูปแบบธุรกิจทั้งชั่วคราวหรือแม้กระทั่งถาวรก็ตาม

กลไกขับเคลื่อนที่ต้องให้ความสำคัญ

เครือข่าย WAN เป็นส่วนผสานที่เชื่อมโยงสถาปัตยกรรมองค์กรเข้าด้วยกัน เครือข่ายดังกล่าวจึงต้องมอบศักยภาพในการเชื่อมโยงผู้ใช้ ตำแหน่งที่ตั้ง และแอปพลิเคชันเข้าด้วยกัน โดยต้องทำได้แบบอัตโนมัติในขอบเขตที่ว่าเครือข่าย WAN ต้องสอดคล้องกับความต้องการหรือความมุ่งหวังของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง นั่นคือจุดที่เครือข่าย SD-WAN เข้ามามีบทบาทและเป็นจุดที่เราให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

สำหรับ Silver Peak เราภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือลูกค้าในอุตสาหกรรมและภาคส่วนต่างๆ มากมายในการรับมือกับความท้าทายทางธุรกิจที่เฉพาะเจาะจง เมื่อต้องเชื่อมโยงผู้ใช้เข้ากับแอปพลิเคชัน บริการ และตำแหน่งที่ตั้งโดยอัตโนมัติอย่างมีประสิทธิภาพและมีความต่อเนื่อง โดยผสมผสานวิธีการรับส่งข้อมูลที่มีอยู่หรือที่จำเป็น ควบคู่กับการใส่ใจในข้อกำหนดด้านความปลอดภัยที่พึงมี

เวลาเปลี่ยน กฎย่อมเปลี่ยน

เรารู้ดีว่าบริษัทส่วนใหญ่ดำเนินธุรกิจกับลูกค้า B2B และ B2C ในตลาดที่มีการแข่งขันและเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่งปัจจุบันลูกค้าเหล่านี้มีพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยอย่างประหยัด อันเนื่องมาจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยังไร้เสถียรภาพอยู่ในขณะนี้ และเรายังรู้ดีว่า ในช่วงเวลานี้ ผู้นำส่วนใหญ่ต่างมองหาความคล่องตัวและประสิทธิภาพในแง่ของการผ่อนปรนเพื่อเข้าสู่วิถีปกติรูปแบบใหม่อย่างค่อยเป็นค่อยไป

แพลตฟอร์ม Unity EdgeConnect™ SD-WAN Edge ที่มีรางวัลการันตีของเราสร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนความต้องการของระบบในการเชื่อมโยงเครือข่าย พร้อมทั้งช่วยให้คุณได้รับผลตอบแทนสูงสุดจากการปฏิรูปองค์กรสู่ดิจิทัลและการดำเนินงานด้านคลาวด์

บทความนี้ต้นฉบับถูกเขียนโดย Kristian Thyregod รองประธานบริษัท Silver Peak

from:https://www.techtalkthai.com/are-we-there-yet-thinking-beyond-the-pandemic-by-silver-peak/

[Guest Post] วิธีให้การสนับสนุนพนักงานในแต่ละสาขาอย่างรวดเร็ว

ขณะที่บรรดาธุรกิจในเอเชียต่างปรับตัวเพื่อรับมือกับพลวัตที่เปลี่ยนแปลงไปของโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) การเปลี่ยนไปทำงานจากระยะไกลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนทำให้พนักงานจำนวนมากต้องออกจากสำนักงานสาขาเพื่อทำงานที่บ้าน พนักงานต้องปรับตัวให้เข้ากับวิธีใหม่ๆ ในการสื่อสารและการทำงานร่วมกันอย่างรวดเร็วเพื่อรักษาประสิทธิภาพทางธุรกิจเอาไว้

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้ฝ่ายไอทีต่างๆ ต้องเผชิญกับความท้าทายรูปแบบใหม่โดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเชื่อมต่อพนักงานที่กระจายตัวกันอยู่ในที่ต่างๆ กับแอปพลิเคชันสำหรับใช้งานทางธุรกิจและบริการที่อยู่ในศูนย์ข้อมูลและคลาวด์ ผู้ใช้บางรายต้องการสิทธิ์เข้าถึงระบบ VoIP เดสก์ท็อปเสมือน และวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ซึ่งต้องอาศัยการเชื่อมต่อเครือข่ายที่รวดเร็วและน่าเชื่อถืออย่างสูง

เมื่อเผชิญกับความจริงในรูปแบบใหม่นี้ ธุรกิจต่างๆ จึงกำลังคิดหาวิธีที่ดีที่สุดที่จะตอบสนองต่อเป้าหมายขององค์กรที่เปลี่ยนแปลงไปนี้อย่างรวดเร็ว ขณะนี้บริษัทซึ่งเคยมีสำนักงานสาขา 50 แห่งต้องต่อสู้กับความคิดที่ว่าผู้ใช้ทุกคนและเครือข่ายภายในบ้านกลายเป็นสำนักงานสาขาแห่งใหม่ที่ต้องให้การสนับสนุน และจำนวนสาขากำลังเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณในชั่วข้ามคืน

การมีสถาปัตยกรรมที่ช่วยให้ผู้ใช้ทั้งแบบไม่ใช้ SD-WAN และใช้ SD-WAN สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันและบริการจากระยะไกลได้จึงเป็นสิ่งสำคัญ ผู้ใช้เหล่านี้มีความต้องการที่เหมือนกันดังนี้:

  • การเข้าถึงแอปพลิเคชันบนเครือข่าย (ศูนย์ข้อมูลและ IaaS) ที่น่าเชื่อถือ
  • การเข้าถึงบริการคลาวด์ (SaaS) ได้โดยตรงและปลอดภัย
  • ผู้ใช้บางคนมีความต้องการที่ไม่เหมือนใคร โดยต้องการแอปพลิเคชันแบบเรียลไทม์ เช่น เสียง วิดีโอ และโครงสร้างพื้นฐานเดสก์ท็อปเสมือน (VDI)
  • ผู้ใช้อื่นๆ ต้องการสมรรถนะเพิ่มเติมสำหรับแอปพลิเคชันที่ให้อัตราการประมวลผลงานสูง เช่น การพัฒนาซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชันข้อมูลขนาดใหญ่ และการฉายภาพทางการแพทย์

เนื่องจากจำเป็นต้องปรับใช้งานได้อย่างรวดเร็ว สถาปัตยกรรมจึงต้องสามารถใช้ประโยชน์จากซอฟต์แวร์และคลาวด์คอมพิวติ้งได้อย่างมหาศาล

Credit: ShutterStock.com

การเชื่อมต่อผู้ใช้จากระยะไกล

เนื่องจากจำนวนพนักงานที่ต้องทำงานที่บ้านเพิ่มสูงขึ้น ธุรกิจต่างๆ จึงต้องหาวิธีเชื่อมต่อพนักงานกลับไปที่เครือข่ายและแอปพลิเคชันอย่างรวดเร็ว ซึ่งนับเป็นส่วนที่ยากที่สุดของสถาปัตยกรรม

หลายองค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากซอฟต์แวร์ที่ใช้การทำงานของไคลเอนต์เพื่อเชื่อมต่อกับโครงสร้างพื้นฐานด้านการรักษาความปลอดภัยที่มีอยู่เป็นหลักได้ แต่สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความน่าเชื่อถือหรือสมรรถนะเพิ่มเติม อาจสามารถใช้กลไกด้านสมรรถนะและความน่าเชื่อถือเพิ่มเติมได้ ซึ่งอาจเหมาะสำหรับช่างเทคนิคของศูนย์ให้บริการทางโทรศัพท์ ผู้ใช้ที่อัปโหลดและดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ หรือผู้ใช้ VDI ที่สตรีมเดสก์ท็อปจากระยะไกล

รูปแบบของซอฟต์แวร์ที่ใช้การทำงานของไคลเอนต์มีสถาปัตยกรรมทั่วไปสองแบบด้วยกัน แบบแรก คือ การปรับใช้ VPN ที่ใช้ไคลเอนต์และคอนเซนเทรเตอร์ที่กระจายกันอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ผู้ให้บริการคลาวด์ เช่น Amazon Web Services และ Microsoft Azure นำเสนอโซลูชัน VPN ที่ใช้ไคลเอนต์ และผู้ให้บริการเทคโนโลยี เช่น Check Point Software หรือ Palo Alto Networks นำเสนอโซลูชัน VPN สำหรับการเข้าถึงจากระยะไกลที่อาจทำงานร่วมกับโครงสร้างพื้นฐานที่องค์กรมีอยู่แล้ว

ตัวเลือกที่สอง คือ การใช้ประโยชน์จากโหนดการบังคับใช้ผ่านคลาวด์และตัวเชื่อมต่อแอปพลิเคชันผ่านบริการรักษาความปลอดภัยที่ส่งมอบผ่านคลาวด์ เช่น Zscaler ZPA

ในสถานการณ์การเชื่อมต่อจากระยะไกลทั้งสองแบบดังกล่าว จะมีการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของทั้งผู้ใช้และแอปพลิเคชันโดยตรง อย่างไรก็ดี ยังมีผู้ใช้รายย่อยอื่นๆ ที่อาจต้องการสมรรถนะและความน่าเชื่อถือในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งรูปแบบที่ว่ามานี้ไม่อาจตอบสนองได้

สำหรับกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการการเชื่อมต่อคุณภาพสูงและมีเวิร์กโหลดที่ต้องดำเนินการเป็นจำนวนมากหรือต้องการการมองเห็นสถานะและความปลอดภัยเพิ่มเติม จะสามารถใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์ม SD-WAN Edge ที่สำนักงานที่บ้านได้ โดยแพลตฟอร์มนี้จะมีบริการ อาทิ การทลายข้อจำกัดของอินเทอร์เน็ตในพื้นที่, QoS, การปรับเส้นทาง (การสูญเสียแพคเก็ตและการแก้ไขแพคเก็ตที่ผิดลำดับ), การเพิ่มประสิทธิภาพ WAN, การจัดแบ่งเซกเมนต์ และฟีเจอร์อื่นๆ มากมาย ซึ่งสามารถนำไปใช้เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานแอปพลิเคชันที่มีคุณภาพสูงขึ้น

นอกจากนี้ ผู้ดูแลระบบไอทียังสามารถจัดการและมอบนโยบายทั่วทั้งโครงสร้างของ SD-WAN ได้จากส่วนกลางอีกด้วย ผู้ใช้งานจากระยะไกลและผู้ใช้งานที่บ้านจึงได้รับประสบการณ์ที่ไม่แตกต่างจากเดิม หรือมีคุณภาพดียิ่งขึ้นกว่าที่พวกเขาเคยได้รับในสำนักงานสาขา

Credit: ShutterStock.com

การกำหนดค่าฮับคลาวด์ในภูมิภาคและศูนย์ข้อมูล

อาจมีข้อจำกัดด้านสมรรถนะบางอย่างเกิดขึ้นเมื่อบังคับให้ผู้ใช้หันไปใช้ VPN ที่อยู่ห่างไกลและทำงานอย่างหนัก ดังนั้น ด้วยการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน VPN ที่กระจายกันอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งใช้ประโยชน์จากศูนย์ข้อมูลหรือบริการคลาวด์ที่มีอยู่ ธุรกิจจะสามารถเชื่อมต่อผู้ใช้กับเครือข่ายตามพื้นที่ได้มาก

การดำเนินการเชื่อมต่อผู้ใช้กับเครือข่ายในพื้นที่จะมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดถึงมือผู้รับปลายทาง พร้อมกับเชื่อมต่อผู้ใช้กับเครือข่ายที่มีระดับเทียบเท่ากับผู้ให้บริการที่มีคุณภาพสูง นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงที่วงจรจะโอเวอร์โหลดโดยบังคับทุกคนให้เข้าไปยังพื้นที่เดียวกัน

เมื่อผู้ใช้เชื่อมต่อกับฮับในพื้นที่ผ่าน VPN หรือ SD-WAN แล้ว ผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และสมรรถนะของ SD-WAN ได้ และสามารถปรับใช้อุปกรณ์เสมือนหรืออุปกรณ์เชิงกายภาพในการจัดการนโยบายและการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายที่เหลือได้ ขณะที่ผู้ใช้พยายามเข้าถึงทรัพยากรในศูนย์ข้อมูลหรือสำนักงานสาขา บริการ IaaS ที่มีโฮสต์อยู่ในระบบคลาวด์ หรือบริการที่ใช้ SaaS เช่น Office365 ผู้ใช้จะเข้าถึงแหล่งดังกล่าวผ่านโครงสร้างของ SD-WAN ที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือสูง

การเชื่อมต่อก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ขณะที่การมอบนโยบายผ่านการใช้งานเครือข่ายการซ้อนทับตามจุดประสงค์ทางธุรกิจก็ทำได้ไม่ยาก สามารถจัดลำดับและปกป้องแอปพลิเคชันที่สำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพการกำหนดเส้นทางไปยังบริการ SaaS ได้อย่างง่ายดาย และสามารถเพิ่มบริการรักษาความปลอดภัยที่ส่งมอบผ่านคลาวด์ได้โดยง่าย

SD-WAN มอบกลไกง่ายๆ สำหรับการเชื่อมต่อผู้ใช้ในสาขากับเครือข่าย และมอบกลไกง่ายๆ สำหรับการเชื่อมต่อผู้ใช้ทั่วโลกโดยไม่สูญเสียสมรรถนะหรือความน่าเชื่อถือ

Credit: ShutterStock.com

การเข้าถึงที่น่าเชื่อถือสำหรับผู้ใช้

แม้ปัญหาต่างๆ เหล่านี้จะไม่ใช่ปัญหาใหม่ แต่โดยปกติธุรกิจต่างๆ มักมีเวลามากขึ้นในการเตรียมตัวรับมือกับจำนวนผู้ใช้ระยะไกลที่เพิ่มมากขึ้น การมอบแอปพลิเคชัน บริการ และประสบการณ์ที่น่าเชื่อถือแบบเดียวกันให้แก่ผู้ใช้นับพันรายในสำนักงานที่บ้านในช่วงเวลาอันสั้นแสดงให้เห็นถึงความมานะพยายามอย่างใหญ่หลวง

ระบบคลาวด์ที่ผนวกกับ SD-WAN มอบวิธีง่ายๆ ในการสร้าง WAN ที่ให้การเข้าถึงที่น่าเชื่อถือแก่ผู้ใช้ในทุกสถานที่

บทความนี้ต้นฉบับถูกเขียนโดย Adam Fuoss รองประธานฝ่ายการขายเชิงเทคนิคของซิลเวอร์ พีค

from:https://www.techtalkthai.com/how-to-has-faster-support-for-employees-in-each-branch/