คลังเก็บป้ายกำกับ: PROJECT_MANAGEMENT

[Guest Post] ISA ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (KMUTT) จัดฝึกอบรม และพัฒนาบุคลากรในสายงาน IT และผู้บริหารโครงการ

บริษัทอินเตอร์เนชชั่นแนล เซอร์วิสเซส  แอนด์ อลิแอนซ์ จำกัด หรือ International Services & Alliance Co., Ltd. (ISA) ร่วมกับศูนย์การศึกษาต่อเนื่อง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (CEC-KMUTT) ฝึกอบรม และจัดทำแผนการฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากร ให้กับหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ เอกชน และบุคคลทั่วไป เพื่อเสริมสร้างความรู้ ศักยภาพ และพัฒนาทักษะการบริหารจัดการด้านไอที (IT Services Management) และการบริหารโครงการ (Project Management) ทั้งในรูปแบบการบรรยาย (Classroom Training) และการอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) โดยมุ่งเน้นให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถนำความรู้ ทักษะ ตามกรอบมาตรฐานสากล ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในองค์กรได้จริง  

 

เพื่อตอบสนองความต้องการของหน่วยงาน และผู้เข้ารับการอบรม ศูนย์การศึกษาฯ และบริษัท ISA ได้ร่วมกันพัฒนาศักยภาพการจัดการอบรมในหลากหลายรูปแบบ ครอบคลุม และสอดคล้องกับความต้องการเฉพาะของหน่วยงาน สามารถพัฒนาหรือปรับปรุงหลักสูตรเพิ่มเติมตามความต้องการ นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกสถานที่จัดอบรมตามความเหมาะสม ทั้งภายในศูนย์การศึกษาฯ และ สถานที่การจัดอบรมภายนอก รวมถึงการ อบรมรูปแบบ Online หรือ Virtual Classroom ที่มีความยืดหยุ่น ลดเวลาการเดินทาง และ ลดความเสี่ยงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ในปัจจุบัน

ระหว่างไตรมาส 2 – 3 นี้ การอบรมจะเน้นรูปแบบ Online ทั้งหลักสูตร IT Service Management (ITIL®), Project Lifecycle Management, Project Management for Procurement และ Project Management for Management และจะกลับมาดำเนินการฝึกอบรมแบบ Classroom อีกครั้งเมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทั้งนี้จะประชาสัมพันธ์ และเปิดรับสมัครทางช่องทางต่าง ๆ ต่อไป

นอกจากนี้ ศูนย์การศึกษาฯ และ บริษัท ISA มีแผนการจัดสัมมนา Online โดยไม่มีค่าใช้จ่าย (Free webinar) แก่ผู้สนใจ และจะประชาสัมพันธ์หัวข้อและรายละเอียดให้ทราบในเร็ว ๆ นี้

 

ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ

โทร. 6681 835 0317, 6681 834 2151, 662 691 3362

www.isalliances.net

https://www.facebook.com/ISAcademyTH/

 

เกี่ยวกับ ISA

บริษัทอินเตอร์เนชชั่นแนล เซอร์วิสเซส  แอนด์ อลิแอนซ์ จำกัด ก่อตั้งเมื่อปี 2547 ให้บริการที่ปรึกษาด้านการจัดการ ดำเนินงานโดยทีมงานคุณภาพ มีประสบการณ์สูง เน้นการนำทฤษฎีมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ ก่อเกิดประโยชน์สูงสุดต่อลูกค้า อีกทั้งยังเป็นผู้ฝึกอบรม ที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ ให้ดำเนินการฝึกอบรมหลักสูตรมาตรฐานด้าน IT Service  Management, Project Management, Professional Skills นอกจากนี้บริษัทฯ มีหลักสูตรอื่น ๆ ที่พัฒนาหรือปรับปรุงเพิ่มเติม โดยออกแบบเนื้อหาให้ครอบคลุม และสอดคล้องกับความต้องการเฉพาะของหน่วยงาน

from:https://www.techtalkthai.com/guest-post-isa-and-cec-kmutt-training/

5 โครงการ Open Source Kanban Board สำหรับใช้งานแทน Trello ได้ฟรีๆ

ทาง Opensource.com ได้ออกมานำเสนอ 5 โครงการ Open Source ที่เป็นทางเลือกสำหรับใช้งานแทน Trello ทางทีมงาน TechTalkThai เห็นว่าน่าสนใจดีจึงขอสรุปเอาไว้ให้ได้นำไปใช้กันสั้นๆ ดังนี้ครับ

 

Taiga.io

โครงการ Open Source ที่มีความสามารถในการทำ Kanban Board ซึ่งรองรับการเพิ่ม Custom Field ได้เอง อีกทั้งยังมีระบบรายงานให้ใช้ได้ง่าย โดยโครงการ Taiga นี้ถูกพัฒนาโดย Python, Django, AngularJS และเปิด Open Source แบบ GNU Affero GPL https://taiga.io/

Credit: Taiga

 

Kanboard

เป็น Kanban Board แบบ Minimal ที่มีทั้งความสามารถในการ Search, Filter, สร้าง Subtask, Attachment, Comment และอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงยังระบบ Analytics และ Report ให้ใช้งาน มีขนาดเล็ก สามารถติดตั้งได้บน Raspberry Pi โดยโครงการนี้ถูกพัฒนาโดยภาษา PHP และเปิด Open Source ภายใต้ MIT License http://kanboard.net/

Credit: Kanboard

 

Wekan

อดีตโครงการ Libreboard มีจุดเด่นที่หน้าตาสวยงาม, ติดตั้งได้ง่ายทั้งแบบ Container Image และ VirtualBox Image หรือติดตั้งจาก Source เองก็ได้ พัฒนาโดยใช้ JavaScript บน Meteor Framework https://wekan.github.io/

Credit: Wekan

 

Restyaboard

เป็นโครงการที่ทำมาแข่งกับ Trello โดยเฉพาะ มีระบบ Import ข้อมูลจาก Trello ให้ย้ายมาใช้ได้ง่าย, เพิ่มระบบ Template ให้สร้างโครงการแบบต่างๆ ได้อย่างสะดวก และยังมี API ให้เรียกใช้งานเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ ได้ โครงการนี้พัฒนาโดยใช้ PHP และใช้ Open Software License http://restya.com/board/index.html

Credit: Restyaboard

 

TaskBoard

นอกจากความสามารถพื้นฐานของการจัดการงานบน Board ที่โครงการอื่นๆ ทำได้แล้ว TaskBoard ได้เพิ่มวิธีการจัดการเนื้อหาโดยใช้ Inline MarkDown เพื่อให้การจัดเนื้อหาอ่านได้ง่ายและรวดเร็ว โครงการนี้พัฒนาโดยใช้ PHP และใช้ MIT License http://taskboard.matthewross.me/

Credit: Taskboard

 

ที่มา: https://opensource.com/alternatives/trello

from:https://www.techtalkthai.com/5-open-source-kanban-board-projects-to-replace-trello/

Sponsored Webinar: Project Management by Google G Suite บริหารจัดการทุกโครงการได้ทันที ด้วย Google G Suite สำหรับองค์กร โดย Tangerine

TechTalkThai ร่วมกับ Tangerine ขอเรียนเชิญเหล่าองค์กรที่ใช้งาน Google G Suite และองค์กรที่กำลังสนใจ Google G Suite ทุกท่าน เข้าร่วมฟัง TechTalk Webinar ในหัวข้อเรื่อง “Project Management by Google G Suite บริหารจัดการทุกโครงการได้ทันที ด้วย Google G Suite สำหรับองค์กร โดย Tangerine” เพื่อเรียนรู้การประยุกต์ใช้ Google G Suite ในการทำ Project Management สำหรับองค์กร ในวันพุธที่ 28 มิถุนายน 2017 เวลา 14.00 โดยมีกำหนดการและวิธีการลงทะเบียนดังนี้

 

รายละเอียดการบรรยาย

หัวข้อ: Project Management by Google G Suite บริหารจัดการทุกโครงการได้ทันที ด้วย Google G Suite สำหรับองค์กร โดย Tangerine
ผู้บรรยาย: คุณ Pakorn Ngammanussiri, Google Solutions Specialist, Tangerine Company Limited
วันเวลา: วันพุธที่ 28 มิถุนายน 2017 เวลา 14.00 – 15.30
ช่องทางการบรรยาย: Cisco WebEx Meeting
จำนวนผู้เข้าร่วมสูงสุด: 200 คน
ภาษา: ไทย

 

การบรรยายนี้เหมาะกับใคร?

เนื่องจากเนื้อหาจะเกี่ยวข้องกับการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยี Google G Suite เพื่อการบริหารจัดการโครงการเป็นหลัก จึงเหมาะกับเหล่าองค์กรที่กำลังสนใจหรือกำลังใช้งาน Google G Suite อยู่แล้ว เพื่อจะได้เห็นภาพว่าในอนาคตจะสามารถปรับแต่ง Google G Suite ให้สามารถบริหารจัดการโครงการต่างๆ ภายในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยหากมีข้อสงสัยเชิงเทคนิคหรือต้องการคำปรึกษาใดๆ ก็สามารถสอบถามกับทางวิทยากรได้โดยตรงทันที

 

1 ชั่วโมงเต็มกับ TechTalk Webinar ผ่าน Cisco WebEx Meeting

หลายท่านอาจประสบปัญหาเรื่องเวลา หรือการเดินทางมายังงานสัมมนาที่ต่างๆ ทำให้พลาดโอกาสในการอัพเดทเทรนด์และเทคโนโลยีอันเป็นที่น่าสนใจในปัจจุบัน TechTalkThai จึงได้ริเริ่มโปรเจ็คท์ TechTalk Webinar สำหรับกระจายความรู้ และอัพเดทข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ผ่านทางระบบ Web Conferencing (Cisco WebEx) เพื่อให้ทุกท่านสามารถรับชมและฟังการบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญและ Vendor ต่างๆ จากที่ไหนก็ได้ ที่สำคัญคือ ทุกท่านสามารถเข้าร่วม TechTalk Webinar ได้ฟรี โดยไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

 

ลงทะเบียนเข้าร่วม TechTalk Webinar ได้ฟรี

ผู้ที่สนใจสามารถกรอกแบบฟอร์มเพื่อเข้าร่วม TechTalk Webinar ในหัวข้อนี้ได้ฟรีๆ ทันที โดยทีมงาน TechTalkThai ขอสงวนสิทธิ์ในการสุ่มเลือกผู้เข้าร่วม TechTalk Webinar จำนวน 200 ท่านในวันพุธที่ 28 มิถุนายน 2017 นะครับ

from:https://www.techtalkthai.com/sponsored-webinar-project-management-with-google-g-suite-by-tangerine/

Sponsored Webinar: แนะนำ Google Apps Script เปลี่ยน Google G Suite ของคุณให้ทำงานแบบอัตโนมัติ โดย Tangerine

TechTalkThai ร่วมกับ Tangerine ขอเรียนเชิญเหล่าองค์กรที่ใช้งาน Google G Suite และองค์กรที่กำลังสนใจ Google G Suite ทุกท่าน เข้าร่วมฟัง TechTalk Webinar ในหัวข้อเรื่อง “แนะนำ Google Apps Script เปลี่ยน Google G Suite ของคุณให้ทำงานแบบอัตโนมัติ โดย Tangerine” เพื่อรู้จักกับเทคโนโลยีของ Google Apps Script ที่จะช่วยเปลี่ยนให้ Google G Suite กลายเป็น Business Application ได้ตามที่คุณต้องการ ในวันพุธที่ 28 มิถุนายน 2017 เวลา 14.00 โดยมีกำหนดการและวิธีการลงทะเบียนดังนี้

 

รายละเอียดการบรรยาย

หัวข้อ: แนะนำ Google Apps Script เปลี่ยน Google G Suite ของคุณให้ทำงานแบบอัตโนมัติ โดย Tangerine
ผู้บรรยาย: คุณ Pakorn Ngammanussiri, Google Solutions Specialist, Tangerine Company Limited
วันเวลา: วันพุธที่ 28 มิถุนายน 2017 เวลา 14.00 – 15.30
ช่องทางการบรรยาย: Cisco WebEx Meeting
จำนวนผู้เข้าร่วมสูงสุด: 200 คน
ภาษา: ไทย

 

การบรรยายนี้เหมาะกับใคร?

เนื่องจากเนื้อหาจะเกี่ยวข้องกับการใช้งานเทคโนโลยี Google Apps Script ต่อยอดจากระบบ Google G Suite เป็นหลัก จึงเหมาะกับเหล่าองค์กรที่กำลังสนใจหรือใช้งาน Google G Suite อยู่แล้ว เพื่อจะได้เห็นภาพว่าในอนาคตจะสามารถปรับแต่ง Google G Suite ให้ตอบโจทย์ต่อ Workflow ภายในองค์กรให้มีความเป็นอัตโนมัติมากขึ้นได้อย่างไรบ้าง โดยหากมีข้อสงสัยเชิงเทคนิคหรือต้องการคำปรึกษาใดๆ ก็สามารถสอบถามกับทางวิทยากรได้โดยตรงทันที

 

1 ชั่วโมงเต็มกับ TechTalk Webinar ผ่าน Cisco WebEx Meeting

หลายท่านอาจประสบปัญหาเรื่องเวลา หรือการเดินทางมายังงานสัมมนาที่ต่างๆ ทำให้พลาดโอกาสในการอัพเดทเทรนด์และเทคโนโลยีอันเป็นที่น่าสนใจในปัจจุบัน TechTalkThai จึงได้ริเริ่มโปรเจ็คท์ TechTalk Webinar สำหรับกระจายความรู้ และอัพเดทข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ผ่านทางระบบ Web Conferencing (Cisco WebEx) เพื่อให้ทุกท่านสามารถรับชมและฟังการบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญและ Vendor ต่างๆ จากที่ไหนก็ได้ ที่สำคัญคือ ทุกท่านสามารถเข้าร่วม TechTalk Webinar ได้ฟรี โดยไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

 

ลงทะเบียนเข้าร่วม TechTalk Webinar ได้ฟรี

ผู้ที่สนใจสามารถกรอกแบบฟอร์มเพื่อเข้าร่วม TechTalk Webinar ในหัวข้อนี้ได้ฟรีๆ ทันที โดยทีมงาน TechTalkThai ขอสงวนสิทธิ์ในการสุ่มเลือกผู้เข้าร่วม TechTalk Webinar จำนวน 200 ท่านในวันพุธที่ 28 มิถุนายน 2017 นะครับ

from:https://www.techtalkthai.com/sponsored-webinar-introduce-google-apps-script-for-google-g-suite-by-tangerine/

รวมคอร์สอบรมสำหรับคน IT ประจำเดือนมิถุนายนโดย IMC Institute พร้อมหลักสูตรแนะนำสำหรับอาจารย์ในระดับอุดมศึกษา

IMC Institute เป็นศูนย์รวมข้อมูลเชิงวิชาการและพัฒนาศักยภาพความสามารถให้กับบุคลากรในอุตสาหกรรม IT เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในโลกของยุคเศรษฐกิจ ได้ทำการเปิดหลักสูตรอบรมที่ครอบคลุมเนื้อหาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่องค์กรและหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน มีความจำเป็นต้องนำไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน หลักสูตร ที่ IMC Institute เปิดสอน ออกแบบให้กับทั้งผู้บริหาร IT ระดับสูง ไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญใน IT แขนงต่างๆ อาทิ SOA, Java Development, Enterprise Architecture, Software Testing, Cloud Computing, Big Data, BI, IoT เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีหลักสูตรทางด้านพัฒนาทักษะต่างๆ เช่น Sales Technique, Solution Selling, Project Management, Time Management, Creative Thinking, Coaching และ Leaderships อีกด้วย

ในเดือนมิถุนายน IMC Institute เปิดหลักสูตรสำหรับคน IT เช่น Blockchain, Software Testing, TDD, Java EE, PME ,IoT หลายหลักสูตร และหลักสูตรแนะนำสำหรับอาจารย์ที่สอนระดับอุดมศึกษา Train the Trainers Big Data Analytics & Blockchain for Financial Services การอบรมครั้งนี้มุ่งเน้นที่จะสอนอาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาให้เข้าใจการนำเทคโนโลยีดิจิทัลด้าน Big Data Analytics และ Blockchain กับการนำประยุกต์ใช้ในสถาบันการเงิน เพื่อที่จะนำไปใช้สอนนักศึกษาหรือปรับปรุงหลักสูตรต่อไป รับจำนวนไม่เกิน 30 ท่าน  ดูรายละเอียดเพิ่มเติมคลิก

สุดพิเศษงาน Monthly Talk ที่ทางสถาบัน ไอเอ็มซี เปิดเดือนละครั้งโดยได้ความร่วมมือจากอาจารย์ผู้สอนที่เชี่ยวชาญจากหัวข้อและหลักสูตรต่างๆ ที่เปิดกับทางสถาบัน จัดงาน Monthly Talk โดยไม่มีค่าใช่จ่าย

สำหรับเดือนพฤษภาคมนี้  Monthly Talk#3 หัวข้อ “Big Data Showcases” วันที่ 16 พฤษภาคม 2017 เวลา 18.00 – 21.00 น. สถานที่ ตึกสกุลไทย สรวงค์ ทาวเวอร์ ชั้น 8 โดยวิทยากร คุณ เอกอนันต์ ทองแท้  (ที่นั่งมีจำนวนจำกัด) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมคลิก

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักสูตร

from:https://www.techtalkthai.com/imc-institute-courses-jun-2017/

IMC Institute เปิด 24 หลักสูตรด้าน IoT, Blockchain, Big Data, BI, Develop, Mobile App และ Cloud Computing หลายหลักสูตรในเดือน มี.ค. และ เม.ย. พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ !!

IMC Institute เป็นศูนย์รวมข้อมูลเชิงวิชาการและพัฒนาศักยภาพความสามารถให้กับบุคลากรในอุตสาหกรรม IT เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในโลกของยุคเศรษฐกิจ ได้ทำการเปิดหลักสูตรอบรมที่ครอบคลุมเนื้อหาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่องค์กรและหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน มีความจำเป็นต้องนำไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน หลักสูตร ที่ IMC Institute เปิดสอน ออกแบบให้กับทั้งผู้บริหาร IT ระดับสูง ไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญใน IT แขนงต่างๆ อาทิ SOA, Java Development, Enterprise Architecture, Software Testing, Cloud Computing, Big Data, BI, IoT เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีหลักสูตรทางด้านพัฒนาทักษะต่างๆ เช่น Sales Technique, Solution Selling, Project Management, Time Management, Creative Thinking, Coaching และ Leaderships อีกด้วย

ในเดือนมีนาคมและเมษายน IMC Institute เปิด 24 หลักสูตรสำหรับคน IT ด้าน IoT, Blockchain, Big Data, BI, Develop, Mobile App และ Cloud Computing หลายหลักสูตร พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ !! สำหรับหลักสูตร Practical NoSQL Database using Cassandra, Microservices with Scala และ Introduction to Docker หลักสูตรใหม่ในเดือนมีนาคม มาพร้อมโปรโมชันลงทะเบียนอบรม 3 ท่าน ชำระค่าอบรมเพียง 2 ท่านเท่านั้น และ เมษายนพบกับหลักสูตร 2 วันสำหรับผู้บริหาร คือ Big Data และ Blockchain

ผู้ที่สนใจสามารถดูตารางคอร์สอบรมทั้งหมดได้ที่ http://www.imcinstitute.com/man/Recommended_Mar-Apr_2017.html

สุดพิเศษงาน Monthly Talk ที่ทางสถาบัน ไอเอ็มซี เปิดเดือนละครั้งโดยได้ความร่วมมือจากอาจารย์ผู้สอนที่เชี่ยวชาญจากหัวข้อและหลักสูตรต่างๆ ที่เปิดกับทางสถาบัน จัดงาน Monthly Talk โดยไม่มีค่าใช่จ่าย

สำหรับเดือนมีนาคมนี้ Monthly Talk#1 หัวข้อ “The presentation Secrets of Steve Jobs – นำเสนอผลงานให้มีสไตล์อย่างสตีฟ จ๊อบส์” วันที่ 22 มีนาคม 2017 เวลา 18.00 – 21.00 น. สถานที่ ตึกสกุลไทย สรวงค์ ทาวเวอร์ ชั้น 8 โดยวิทยากร คุณ วริศ วรรณวิธู (ที่นั่งมีจำนวนจำกัด) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมคลิก

และในเดือนเมษายน Monthly Talk#2 หัวข้อ “IoT Thailand 4.0” โดยวิทยากร อาจารย์อ้วน สิทธิพงษ์ จันทร์สรณ์ รายละเอียดเพิ่มเติมจะอัปเดตอีกครั้งใน Facebook.com/imcinstitute

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักสูตร

from:https://www.techtalkthai.com/imc-institute-courses-mar-apr-2017/

รวมหลักสูตร Emerging Technologies ด้าน IoT, Big Data, BI และ Cloud Computing ประจำเดือน ก.พ. – มี.ค. พร้อมโปรโมชันสุดพิเศษจาก IMC Institute

IMC Institute เป็นศูนย์รวมข้อมูลเชิงวิชาการและพัฒนาศักยภาพความสามารถให้กับบุคลากรในอุตสาหกรรม IT เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในโลกของยุคเศรษฐกิจ ได้ทำการเปิดหลักสูตรอบรมที่ครอบคลุมเนื้อหาเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่องค์กรและหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน มีความจำเป็นต้องนำไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน หลักสูตร ที่ IMC Institute เปิดสอน ออกแบบให้กับทั้งผู้บริหาร IT ระดับสูง ไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญใน IT แขนงต่างๆ อาทิ SOA, Java Development, Enterprise Architecture, Software Testing, Cloud Computing, Big Data, BI, IoT เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีหลักสูตรทางด้านพัฒนาทักษะต่างๆ เช่น Sales Technique, Solution Selling, Project Management, Time Management, Creative Thinking, Coaching และ Leaderships อีกด้วย

สำหรับเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมนี้ IMC Institute เปิดหลักสูตร Emerging Technologies ด้าน IoT, Big Data, BI และ Cloud Computing หลายหลักสูตร พิเศษสำหรับหลักสูตร Sming Framework IoT Device (ESP8266) (C++), Practical NoSQL Database using Cassandra, Microservices with Scala และ Introduction to Docker หลักสูตรใหม่ในเดือนมีนาคมมาพร้อมโปรโมชันลงทะเบียนอบรม 3 ท่าน ชำระค่าอบรมเพียง 2 ท่านเท่านั้น

ผู้ที่สนใจสามารถดูตารางคอร์สอบรมทั้งหมดได้ที่ http://www.imcinstitute.com/man/Recommended-Feb-Mar-2017_1.html

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักสูตร

from:https://www.techtalkthai.com/imc_courses_feb_mar_2017/

Code Mania 11: Acceptance Test Driven Development โดยคุณรูฟ ทวิร พานิชสมบัติ แห่ง Odd-e

เป็นอีก Session ที่น่าสนใจมากที่สุดอันหนึ่งในงาน Code Mania 11 ครั้งนี้ เพราะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนา Software ให้ได้แบบ Zero Defect นั่นเองครับ ซึ่งอันที่จริงแล้วเนื้อหาในส่วนนี้ก็นำมาปรับใช้กับงานอื่นๆ ได้ดีทีเดียว มาลองอ่านสรุปจากทีมงาน TechTalkThai กันได้เลย

Credit: ShutterStock.com
Credit: ShutterStock.com

 

Acceptance Test Driven Development โดยคุณรูฟ ทวิร พานิชสมบัติ แห่ง Odd-e

สองปีที่แล้วมีคนมาคุยกับคุณรูฟว่าสามารถทำ Software ที่มี Zero Defect ได้ ตอนนั้นในใจคุณรูฟก็ปฏิเสธทันที และหลังจากคุยกันต่อไปอีก 3 ชั่วโมงก็ยังไม่ได้ข้อสรุปอะไรเพิ่มเติม จน 2 ปีผ่านไปคุณรูฟก็ทำ Zero Defect Software ได้จริงๆ พร้อมกับทีมงานของคุณรูฟ โดยได้ทำการพัฒนาระบบ Order Management และระบบ Call Center ที่มี Zero Defect ที่ทำงานมาแล้ว 2 ปีโดยไม่มี Defect ได้สำเร็จ และไม่ต้องทำ Performance Tuning บนระบบ Production เลย และยังสามารถ Roll Out ได้ทุกๆ 2 สัปดาห์ ทำให้ธุรกิจของลูกค้าพัฒนาต่อเนื่องได้ทุกวัน

คุณรูฟให้ความเห็นไว้อย่างน่าสนใจว่า ในฐานะของโปรแกรมเมอร์ไม่ควรเป็นแค่คนที่เขียนโปรแกรมได้ แต่ควรเป็นคนที่เขียนโปรแกรมเป็น

 

Defect เกิดขึ้นตอนไหน?

โดยทั่วไปแล้ว Defect มักจะถูกพบบน Production ซึ่งจะทำให้ชีวิตของโปรแกรมเมอร์แย่ลง เพราะต้องใช้เวลาส่วนตัวในการทำงานสนับสนุนเคสเร่งด่วนต่างๆ และทำให้คนถอดใจที่จะเขียนโปรแกรมไปเรื่อยๆ จนทำให้โปรแกรมเมอร์มีจำนวนลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการลด Defect ลงไปให้ได้ก็จะทำให้ชีวิตของโปรแกรมเมอร์ทุกคนดีขึ้นไปพร้อมๆ กัน เป็นสาเหตุให้การค้นหา Defect ควรหาให้พบกันตั้งแต่ตอนทำ User Acceptance Test จะได้ไม่มีปัญหาบน Production กันอีก

การทำ User Acceptance Test ที่ดีควรจะทำทีละน้อยๆ เพื่อที่จะได้ตรวจหา Defect ได้ครบถ้วนและครอบคลุม ในมุมกลับกันการกำหนด Requirement เองก็จะมีความชัดเจนขึ้นด้วย ด้วยวิธีการนี้ทั้ง Requirement, การ Design, การ Code และการทำ User Acceptance ก็จะมีคุณภาพขึ้นในทุกๆ ขั้นตอน และทำให้โดยรวมแล้ว Software ทั้งหมดมีคุณภาพสูงขึ้น และมี Defect น้อยลงไปด้วยในตัว

การจัดการ Expectation หรือความคาดหวังนี้ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องปรับให้เข้าใจตรงกันทั้งระหว่างลูกค้าและ Programmer เพราะถ้าหาก Expectation ไม่ตรงกัน ก็จะเกิดช่องว่างระหว่าง Expectation และตรงนั้นทั้งหมดก็เรียกว่า Defect ที่ลูกค้าจะไม่ยอมรับในผลงานที่เกิดขึ้น และอาจบอกว่า Programmer ขาด Common Sense ในการตอบรับ Expectation เหล่านั้นได้

จริงๆ แล้ว Defect ส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากความสามารถของ Programmer แต่เกิดจาก Expectation ที่ไม่ตรงกัน ที่เป็นผลพวงมาจากการสื่อสารที่ไม่ดี ทั้งลูกค้าที่สื่อสารออกมาไม่ครบ และ Programmer ที่รับสารเหล่านั้นมาไม่ครบหรือผิดพลาด ดังนั้นการทำโครงการขนาดใหญ่ที่มีฟีเจอร์เยอะ การใช้เวลาคุยงานกันน้อยๆ ก็ยิ่งจะทำให้โครงการมีปัญหามากขึ้นไปอีกเพราะความเข้าใจของทั้งสองฝ่ายจะคลาดเคลื่อนกันมากอย่างแน่นอน ดังนั้นการพูดคุยกันทั้งสองฝ่าย และการ Inform กับลูกค้าโดยตลอดก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะลดความเข้าใจผิดให้น้อยลง

 

User Acceptance Driven Development Test เริ่มต้นอย่างไร?

เวลาคุยกับ User นั้น ต้องตกลงร่วมกันทั้งสองฝ่ายเลยอย่าเดาใจกันหรือจะรู้ใจกัน ถ้าหากลูกค้าอยากได้อะไรให้บอกกันตรงๆ เลยเป็นกฎข้อแรก จากนั้นทำให้ความคาดหวังเล็กลงและมีลำดับความสำคัญที่ชัดเจนโดยให้ลูกค้าเป็นคนเลือกเอง ทั้งหมดนี้จะทำให้สามารถเริ่มต้นทำ Acceptance Driven Development Test ได้

ไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตาม ให้ยกเอา User Acceptance Test ขึ้นมาเป็นขั้นแรกของโครงการก่อนเขียนโค้ดเลย โดยเริ่มถามว่าลูกค้าจะตรวจยังไงว่า Software ใช้ได้หรือไม่ได้ ถ้าลูกค้าตอบไม่ได้แปลว่าลูกค้าไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำว่าลูกค้าอยากได้อะไร ซึ่งถ้าเจอแบบนี้ให้บอกลูกค้าตรงๆ เลยว่าอาจจะมีโอกาสเสียเงินเปล่าๆ ได้ ยังจะให้ทำงานนี้ต่อไปหรือไม่ทำหรือจะไปคิดดีๆ มาก่อน

ในทางตรงกันข้าม หากลูกค้าอธิบายได้ว่าอยากจะได้อะไร ให้ถามต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จนเข้าใจ Input และ Output ที่ลูกค้าคาดหวังในแต่ละการทำงาน และค่อยนำตรงส่วนนี้มาตีเป็นสโคปของการทำงานเป็นขั้นๆ ไป และตัดงานออกมาเป็นระยะเวลาสั้นๆ เช่น 2 สัปดาห์ข้างหน้า จะส่ง Software ที่สามารถใส่ Input แบบนี้ และมี Output แบบนี้ได้มาให้ แนวคิดนี้จะช่วยให้ทำ Software ไปได้ทีละเล็กๆ ดังนั้นความเสี่ยงในแต่ละขั้นจะน้อยลงมาก และต่อให้เกิดความผิดพลาดก็จะไม่เสียหายร้ายแรงเท่าการพัฒนาโครงการ Software ขนาดใหญ่ทีเดียวจนเสร็จ

การขอให้ลูกค้ายกตัวอย่างการใช้งานถือเป็นสิ่งที่จำเป็น และให้จดเก็บเอาไว้เพื่อแปลงเป็น Item ไปใช้ในขั้นตอนการทำ Sprint ซึ่งถ้าหากโครงการใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ก็ต้องมีการทำ Automated Acceptance Test Driven Development โดยทำ Automated Test สำหรับ Acceptance Test นำขึ้นมาก่อนที่จะเริ่มโครงการ ให้เข้าใจว่าถ้า Input เป็นแบบนี้แล้ว Output จะเป็นแบบไหน แล้วจากนั้นจึงค่อยพัฒนา Software ตาม Acceptance Test ที่ลูกค้าต้องการ ดังนั้นตอนส่งมอบในแต่ละ Roll Out ก็จะง่ายขึ้น และการทำงานก็จะมี Scope ชัดเจนขึ้น ในขณะที่การตรวจหา Defect ก็จะยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก เพราะมีระบบ Automated Acceptance Test เอาไว้คอยตรวจสอบโค้ดทั้งหมดตลอดเวลา

ในช่วงที่เก็บ Requirement จากลูกค้า โปรแกรมเมอร์ควรใช้ภาษาที่ดี และมีการจดให้ชัดเจนว่า Requirement เป็นอย่างไรลงไปในตาราง โดยมีการใส่เคสต่างๆ ให้ชัดเจน การทำแบบนี้สโคปการทำงานจะชัด ถ้าตอนตรวจแล้วลูกค้าไม่โอเค ต้องเพิ่มหรือแก้ไข นั่นแปลว่ามี Change เกิดขึ้นในโครงการ ไม่ใช่มี Defect ใน Software ที่เราทำการพัฒนา ในขณะเดียวกันฝั่งโปรแกรมเมอร์เองก็จะสามารถเขียน Script สำหรับทำ Acceptance Test Driven Development ได้ครอบคลุมยิ่งขึ้นไปด้วยในตัว

โดยสรุปคือ เหล่าผู้ที่อยู่ในธุรกิจการพัฒนา Software นี้ควรจะต้องไปปรับปรุง Communication เพื่อสื่อสารกับผู้ใช้งานให้ดีและชัดเจนขึ้น และทำการจัดการกับ Expectation ของลูกค้าให้ดี โดยมีเป้าหมายตามการทำ Acceptance Test ของลูกค้าเป็นขั้นตอนทีละน้อยๆ ไปเรื่อยๆ Software ที่พัฒนาขึ้นมาก็จะมี Zero Defect ได้ง่ายขึ้น และนิสัยของ Programmer ที่ควรจะเปลี่ยนก็คือควรจะเลิกเขียน Software ตามใจ การส่งมอบ Software ที่ไม่มีคุณภาพก็คือการฆ่าผู้จ้างและผู้ใช้งานทางอ้อม อย่าให้ผู้ใช้งานต้องหยุดรอเราแก้บั๊ก ต้องทำทุกอย่างให้ Software ตอบสนองธุรกิจให้ได้เร็วที่สุด จะดีกับทุกคน

 

ถ้าอยากรู้จักหรือติดตามคุณรูฟมากขึ้น เรียนเชิญได้ที่ https://www.facebook.com/roofimon.class เลยนะครับ

from:https://www.techtalkthai.com/code-mania-11-acceptance-test-driven-development/

ความพร้อมเข้าสู่ยุค IT Governance

acinfotec_logo_h50 zolventure_logo

ทุกวันนี้หลายองค์กรชั้นนำในประเทศไทยหรือทั่วโลก กำลังกล่าวถึงคำว่า “Best Practices” หรือมาตรฐานที่ควรนำมาเป็นแนวทางในการเตรียมระบบสารสนเทศขององค์กรให้พร้อมเข้าสู่ยุค IT Governance โดยที่ “Best Practices” หรือบางองค์กรจะเรียกว่า “Good Practice” ที่นิยมนำมาประกอบใช้ร่วมกันนั้น มีหลายแบบมาก เช่น ITIL, ISO/IEC 20000, ISO/IEC 27001, Project Management หรือ CobiT เป็นต้น

Credit: ShutterStock.com
Credit: ShutterStock.com

แต่ที่นิยมจริงๆ และเน้น IT Governance มากๆนั้น ส่วนใหญ่จะใช้ Framework ของ CobiT เป็นแกนหลัก ดังนั้นการเตรียมองค์กรให้พร้อมเข้าสู่ยุค IT Governance ด้วยมาตรฐาน CobiT นั้นจึงต้องมีความเข้าใจจุดเด่นและจุดเชื่อมโยงมาตรฐานหรือ Practices เหล่านี้ให้ชัดเจน จะได้ไม่หลงทางในการ Implement จริงๆ โดยมาตรฐาน “CobiT” นั้นย่อมาจาก “Control Objectives for Information and Related Technology” CobiT นั้นมีจุดประสงค์ในการสร้างความมั่นใจหรือเชื่อมั่นได้ว่าการใช้ทรัพยากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นสอดคล้องกับวัตุประสงค์เชิงธุรกิจขององค์กร (Business Objectives) เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิผลอันจะส่งประโยชน์สูงสุดแก่องค์กร ช่วยให้เกิดความสมดุลย์ระหว่างความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Risk) และผลตอบแทนของการลงทุนในระบบสารสนเทศ (IT ROI)

CobiT นั้นเริ่มพัฒนาและมีพื้นฐานมาจาก Framework และมาตรฐานชั้นนำต่างๆมากมาย อย่างไรก็ตาม CobiT นั้นก็ยังมีขาดในส่วนของ Guideline เพื่อใช้ในทางปฏิบัติ เนื่องจาก CobiT เป็น Framework ที่เน้นในเรื่องของ การควบคุม (Control) เป็นหลัก CobiT นั้นมุ่งประเด็นในการบอกว่าองค์กรต้องการอะไรบ้าง (What) แต่ไม่มีรายละเอียดในแง่ของวิธีการที่นำไปสู่จุดนั้น (How to)

ดังนั้นหลายๆ องค์กรจึงนำมาตรฐานหรือ Best Practice อื่นๆ มาประกอบกันเพื่อเติมเต็มจุดอ่อนเหล่านั้น อย่างเช่น ITIL ซึ่งเป็น “Best Practices” แบบหนึ่งซึ่งไม่ได้มีการกำหนด Framework ของการควบคุมในแนวกว้างอย่างที่ CobiT เป็น แต่ ITIL นั้นจะมุ่งไปทางการเสนอวิธีการในการปฏิบัติ และจะมีขอบเขตงานเพียงแค่ IT service Management ซึ่งแคบและเล็กกว่า CobiT มาก อีกทั้ง ITIL นั้นจะเน้นรายละเอียดของกระบวนการทำงาน (Process) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะให้ทางฝ่ายไอที และ Service Management เป็นผู้ใช้งาน ดังนั้นการผสมผสานข้อเด่นในกระบวนการของ CobiT และ ITIL อาจจะสามารถตอบโจทย์การพิจารณาการจัดการด้านการบริการของฝ่ายระบบสารสนเทศได้เพราะสามารถเติมเต็มกันได้อย่างลงตัว

อย่างไรก็ตามไม่มีมาตรฐานแบบไหนสามารถแทนที่ซึ่งกันและกันได้ ดังนั้นเพื่อให้ได้ “IT governance” องค์กรจึงควรที่จะผนวกจุดแข็งของ CobiT และมาตรฐานอื่นๆ เข้าด้วยกัน โดยใช้การควบคุมของ CobiT เป็นกรอบความคิดหลัก หลังจากนั้นจึงนำมาตรฐานและ Framework อื่นๆเข้าร่วมเพื่อเพิ่มเติมในรายละเอียดของการนำไปปฏิบัติจริงต่อไป

ท่านสามารถติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.zolventure.com หรือ http://www.acinfotec.com

บทความโดย จริญญา จันทร์ปาน Sales and Solution Delivery Director, ACinfotec Co.,Ltd. และ Zolventure Co.,Ltd. สำหรับผู้ที่สนใจบริการ Security ครบวงจรทั้ง Solution, Consulting, Assessment และ Training สามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.acinfotec.com/ หรือติดต่อทาง Email ที่ jarinya@acinfotec.com ได้ทันที

บทความโดย Incognito Lab and ACinfotec co.,Ltd. https://www.facebook.com/secure.thailand สำหรับผู้ที่สนใจบริการ Security ครบวงจรทั้ง Solution, Consulting, Assessment และ Training สามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.acinfotec.com/ หรือติดต่อทาง Email ที่ jarinya@acinfotec.com ได้ทันที

 

เกี่ยวกับ ACinfotec

acinfotec_logo_h50

ACinfotec เป็นผู้นำในการเป็นที่ปรึกษาด้าน GRC Services ทั้งในส่วน Process และด้านเทคนิค โดยบริษัทมีการให้บริการหลายแบบ ได้แก่

  • IT Standards – ISO 27001, ISO 20000, ISO 22301 CMMI, ISO31000, COBIT5, ISO 29100
  • Assessment services – Penetration test, Vulnerability assessment, Incident Handling, Forensics
  • Training – PECB, IRCA, EC-Council, CISA, CISM, CISSP, COBIT5, ITIL, Project management

 

เกี่ยวกับ Zolventure

zolventure_logo

Zolventure เป็นผู้นำด้านการ Implement และการให้บริการทั้งในส่วน Software tools, Managed service และ Data/Content services ซึ่งบริษัทมีการให้บริการในหลากหลายรูปแบบ ได้แก่

  • Big Data service
  • GRC services – PCI PA-DSS, Risk Management tools, IT Service Management tools, Business Management tools
  • Intelligent gather – Zirious

from:https://www.techtalkthai.com/it-governance-readiness/