คลังเก็บป้ายกำกับ: OPTIMUS

บริษัท ออพติมุส (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ DZS เปิดตัวในไทย ผ่านเทคโนโลยี Fiber broadband เชื่อมต่อภายในและภายนอกอาคาร ด้วยเทคโนโลยี GPON และ XGS PON

หลายธุรกิจในปัจจุบันนี้เริ่มพูดถึงและเริ่มทำ Digital Transformation ซึ่งพื้นฐานสำคัญคือการมี Network infrastructure ที่เชื่อถือได้ ไม่ว่าจะเป็นโรงงานที่ต้องการระบบ ERP, MES หรือ SCADA โรงแรมที่ต้องการ Bandwidth เพื่อรองรับ Video streaming หรือ IoT ที่โรงแรมจะใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับแขกที่เข้าพัก โรงพยาบาลก็ปรับตัว นำเทคโนโลยีทางการแพทย์มาใช้ดูแลรักษาผู้ป่วย เช่น Tele Medicine รวมไปถึง Robotic และ IoT และ AI ในอนาคตอันใกล้ สำหรับโรงเรียนและสถานศึกษาก็เริ่มจริงจังกับการเรียนการสอนทางไกล ทั้งหมดนี้ Network infrastructure ที่สามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง คือส่ิงสำคัญที่ขาดไม่ได้

เทคโนโลยี GPON เป็นเทคโนโลยีที่มีใช้งานมาอย่างยาวนาน ด้วยความที่ GPON เป็นวิธีการเชื่อมต่ออุปกรณ์ไฟเบอร์ออพติคเข้าหากัน (Optical Network) แบบ Passive คือไม่ใช้ไฟฟ้า ทำให้อุปกรณ์ GPON สามารถทำงานได้โดยไม่ได้ถูกกระทบจากปัญหาทางไฟฟ้า เช่น ไฟกระชาก ไฟตก และ GPON ยังทำงานได้แม้ไฟดับ GPON จึงเหมาะมากกับโครงข่ายของ โอเปอเรเตอร์หรือผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต ที่จะต้องรองรับลูกค้าหลายแสนราย โดยไม่ต้องรับภาระของการดูแลระบบโครงข่าย Passive ที่มีอัตราความเสียหายต่ำมาก เพราะเป็นโครงข่าย Fiber optic ที่ไม่ได้ใช้ไฟฟ้า

ปัจจุบัน ส่วนประกอบของไฟเบอร์ออพติคมีราคาถูกลง (สาย, หัวต่อ, เครื่องมือ) การติดตั้งโครงข่ายสายไฟเบอร์ไม่ใช่งานซับซ้อนอีกต่อไปแล้ว ดังจะเห็นว่า Fiber to the Home (FTTH) เป็นบริการที่สามารถสมัครใช้งานได้และติดตั้งได้เร็ว หลายองค์กรเริ่มเปลี่ยนจากโครงข่ายทองแดงมาเป็นโครงข่ายไฟเบอร์โดยไม่มีความลังเลเรื่องงบประมาณ และ GPON ก็เข้ามาเป็นผู้เล่นหลัก ในการสร้างโครงข่ายไฟเบอร์ที่ราคาประหยัด เร็ว และทนทานต่อสภาพภูมิอากาศ รวมถึงทนต่อความแปรปรวนของไฟฟ้า

สายไฟเบอร์มักถูกติดตั้งกลางแจ้ง สวิตช์ที่เป็นอุปกรณ์ปลายสายไฟเบอร์จึงมักจำเป็นต้องถูกติดตั้งกลางแจ้งด้วย และในสภาพนั้น สวิตช์ก็มักจะเสียหายจากความชื้น ทำงานผิดพลาดเพราะความร้อนเกินหรือฝุ่นเกาะแผงวงจร หรือความเสียหายทางไฟฟ้า ซึ่งการถอดเปลี่ยนสวิตช์ก็มักไม่ง่าย เพราะสวิตช์อาจถูกติดตั้งในที่สูงหรือใต้ถุนอาคาร แต่ GPON ใช้ Passive splitter ที่ไม่ใช้ไฟฟ้าและไม่ต้องการการดูแลรักษา GPON splitter สามารถทำงานได้อย่างสบาย ในสภาพแวดล้อมที่ก่อปัญหากับสวิตช์

GPON splitter เป็นอุปกรณ์ Passive ที่จะไม่แฮงก์ ไม่ต้องรีบูต ไม่ต้องอัพเกรดเฟิร์มแวร์ และไม่มีค่า MA รายปีให้ต้องกวนใจ มีน้ำหนักเบากว่าสวิตช์ 3-4 เท่า และที่สำคัญ มีราคาต่ำกว่าสวิตช์อย่างน้อยเท่าตัว

โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นเน็ตเวิร์คที่จะต้องกระจายสายไฟเบอร์ไปยังปลายทางจำนวนมาก เช่น Villa ของโรงแรม, กล้องวงจรปิด, อาคารต่าง ๆ ของโรงงานหรือสำนักงาน, สถานศึกษา, สถานพยาบาล GPON จะช่วยลดค่าใช้จ่ายทั้ง CAPEX และ OPEX ให้กับการติดตั้งโครงข่ายไฟเบอร์ได้ครึ่งต่อครึ่ง

เทคโนโลยี GPON เหมาะกับใคร

เทคโนโลยี GPON เหมาะอย่างยิ่งกับ Network Design ที่มีความต้องการกระจาย Fiber ในหลายจุด เช่นโรงแรมที่เป็น Villa เป็นหลัง ๆ ตามแนวยาวของชายหาด หรือตามแนวไหล่เขาแบบ Mountain view ซึ่งจะต้องมีการต่อสายไฟเบอร์จาก IT Data center ไปยัง Villa ทุกหลัง 

ความเร็วของเน็ตเวิร์คมีการอัพเกรดเรื่อยมา จาก 10 เป็น 100 เป็น 1Gbps และปัจจุบันนี้ก็ไปถึง 10Gbps และเร็วกว่านั้น จะสังเกตได้ว่า ทุกครั้งที่มีการอัพเกรดความเร็วของเน็ตเวิร์ค เราจะต้องรื้อสายทองแดงเก่าและเดินสายทองแดงใหม่ให้รองรับความเร็วที่เพิ่มขึ้นเสมอ จาก CAT3, 5, 6 และในอนาคตคงจะมีสายทองแดงให้ต้องเสียงบประมาณทำใหม่อยู่เรื่อย ๆ แต่การเดินสายไฟเบอร์ครั้งเดียว จะสามารถใช้ได้กับทุกความเร็วตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต โดยที่ไม่ต้องรื้อสายมาเดินใหม่เลย GPON จึงเป็นคำตอบที่เหมาะสมที่สุด ในวันนี้หากจะต้องมีการปรับขยายระบบออกไป

อุปกรณ์ที่จำเป็นในการใช้งาน GPON ประกอบไปด้วย

Product Line ของ DZS ที่สำคัญประกอบไปด้วย

DZS Velocity: โซลูชั่น Multi-Gigabit Broadband สำหรับตลาด Broadband Connectivity

DZS Helix: กลุ่มผลิตภัณฑ์ ONT เหมาะกับตลาด ISP ที่ใช้งาน GPON หรือ XGS PON ในบ้านหรือธุรกิจ

DZS Chronos: กลุ่มผลิตภัณฑ์ Multi-Gigibit คุณภาพสูงสำหรับการใช้งานรองรับกลุ่ม 4G/5G ที่เป็น Mobile Operator รองรับความเร็วสูงสุด 100G

DZS FiberLAN: กลุ่มผลิตภัณฑ์ Fiber ทดแทนสาย LAN ทองแดง ใช้ในอาคาร โรงแรม โรงงานอุตสาหกรรม คลังสินค้า รองรับการทำงาน  Voice , Data และ Streaming

DZS Cloud: ระบบการบริหาร Total Broadband Solution แสดงผลรายงาน การวิเคราะห์ข้อมูลในระบบ เพื่อการบริหารหรือตัดสินใจในโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ภาพบรรยากาศในงานเปิดตัว DZS เข้ามาจัดจำหน่ายในเมืองไทยอย่างเป็นทางการ

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือสนใจผลิตภัณฑ์  เพียงกรอกข้อมูลดังแบบฟอร์มนี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของเราติดต่อกลับโดยเร็วที่สุด https://optimus.co.th/smart-hotel-of-the-future

เกี่ยวกับ DZS

DZS (NASDAQ: DZSI) ผู้นำตลาด Fiber broadband ทั้งในและนอกอาคาร ด้วยเทคโนโลยี GPON และ XGS PON ทั้งนี้ DZS เป็นการ merge รวมกันในปี 2016 ระหว่างบริษัท Dasan (DNS) ยักษ์ใหญ่ด้าน GPON จากประเทศเกาหลี และ Zhone จากประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งก่อตั้งในปี 1999 โดยทั้งสองบริษัทต่างเป็นยักษ์ใหญ่ที่อยู่ในอุตสาหกรรมและอยู่ในอุตสาหกรรม GPON หรือ Fiber Broadband มาเป็นระยะเวลานาน ผ่านDZS ในซีรีย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น DZS Chronos, DZS Velocity, DZS Helix ที่เน้นการเชื่อมต่อแบบบอร์ดแบนด์ รวมถึง DZS FiberLAN ที่เน้นการเชื่อมต่อสำหรับตลาด Enterprise ทั้งภายในและภายนอกอาคาร และ XCelerate by DZS ที่เป็น Multi-Gigabit บอรด์แบนด์ ซึ่งทั้งหมดล้วนออกแบบมาบนมาตรฐานระดับโลก และอยู่ในราคาที่จับต้องได้ รองรับการทำงานในกลุ่มงานโทรคมนาคม และ เอ็นเตอร์ไพรซ์ทั่วไป

เกี่ยวกับ Optimus (Thailand)

Optimus (Thailand) ก่อตั้งขึ้นในปี 2000 เราเป็นบริษัทผู้นำเข้าอุปกรณ์ Network และ ผลิตภัณฑ์ Security แบรนด์ยักษ์ใหญ่ ที่มีนวัตกรรมต่างๆ จากทุกมุมโลก รวมไปถึงการเป็นผู้ให้บริการด้านออกแบบพัฒนาโซลูชั่น ต่างๆ (Solution Designer) โดยจัดจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายของทางบริษัทซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศในไทยและประเทศในกลุ่ม SEA ไปยังองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มโทรคมนาคม หน่วยงานรัฐ เอกชนกลุ่มผู้ใช้งานต่างๆ

ออพติมุส มุ่งมั่นที่จะเคียงข้าง และให้คำปรึกษา รวมถึงให้คำแนะนำการวางระบบเน็ตเวิร์ค ซิเคียวริตี้ รวมถึงโซลูชั่นที่เหมาะสม เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยให้ความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายของออพติมุสที่มีความรู้ความเข้าใจในแต่ละธุรกิจ และการใช้งาน โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด คุ้มค่ากับการลงทุน ตรงตามความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคผู้ใช้งาน

ติดตามเราได้ที่

Website : https://www.optimus.co.th/

Facebook : optimusthailand แปะลิ้งต์ https://www.facebook.com/optimusthailand

Phone : 0-2247-9898

Email : marketing@optimus.co.th

Line : @optimusthailand https://line.me/R/ti/p/%40optimusthailand

from:https://www.techtalkthai.com/optimus-x-dzs-announces-fiber-broadband-for-indoor-and-outdoor-with-gpon-and-xgsgpon/

[Guest Post] Optimus เปิดตัว ARISTA CloudVision-WiFi ตัวช่วยไอทีที่สามารถแก้ไขการใช้งาน WiFi พร้อม AI อัจฉริยะป้องกันก่อนเกิดปัญหา

25 พฤศจิกายน 2563 – Optimus (Thailand) ได้เปิดตัว ARISTA Cognitive-WiFi ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ CloudVision ที่จะตอบโจทย์การจัดการเครือข่าย การแก้ไขและวิเคราะห์ปัญหา ให้ง่ายขึ้นผ่าน Dashboard ในที่เดียว โดยงานนี้ได้ทีมงานจาก ARISTA ประเทศไทย ได้มาให้ความรู้ถึง Key Feature เด่นที่เป็นจิตวิญญาณของ ARISTA ไม่ว่าจะเป็นการใช้ AI มาช่วยวิเคราะห์ปัญหา การใช้ 3rd Radio มาเพิ่มประสิทธิภาพการสแกนตรวจจับ ค้นหาข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นเพื่อนำไปหาวิธีป้องกันได้อย่างตรงจุด โดยการใช้ Cloud ในการจัดการ ซึ่งจะทำให้ปัญหาต่างๆ ถูกคลี่คลายง่ายๆได้จากทุกที่บนโลก

คุณ มิก สัจไพบูลย์กิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทออพติมุส

สำหรับ ARISTA Cognitive-WiFi นั้นนอกจากจุดเด่นด้านการจัดการ Network แล้ว ยังสามารถ Troubleshoot Connectivity ต่างๆ โดยการจำลอง 3rd Radio มาเป็น Client ในการทดสอบแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะทำให้ไม่รบกวนการทำงานในโหมด Access Point และไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่ไซต์งานหรือแม้แต่ต้องเตรียมเครื่องมือหรือซอร์ฟแวร์ใดๆเพิ่มเติมเลย

ในส่วนของระบบปฏิบัติการ ARISTA CloudVision นั้นเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของเครือ ARISTA โดยจะมาทำหน้าที่เป็นหัวใจหลักในการจัดการระบบทุกอย่างของ Data Center, Campus Switches และ WiFi บน Dashboard CloudVision เพียงที่เดียว ซึ่งจะลดปัญหาความซับซ้อน จากการจัดการอุปกรณ์หลายประเภท หลายผู้ดูแล และหลายสถานที่

คุณ รัฐสิริ ไข่แก้ว Country Manager จาก Arista Networks Thailand

สำหรับตัว ARISTA CloudVision-WiFi มีจุดเด่นคือ

  1. Scalability ไม่เพียงแต่การรองรับ Access Point จำนวนมหาศาลได้เท่านั้น ARISTA ยังสามารถ เชื่อมต่อและรองรับ Branch ต่างๆที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยไม่ต้องกังวลค่าใช้จ่ายในการดูแล Wireless Controller ในอนาคตอีกด้วย 
  2. Zero-touch Installation จะง่ายแค่ไหนหากคุณเพียงแค่เปิดกล่องมา เสียบสาย LAN ออกอินเทอร์เน็ตได้ก็สามารถใช้งาน AP ได้ทันที เนื่องจาก ARISTA มีระบบการลงทะเบียนอัตโนมัติ สำหรับลูกค้าเก่า การเพิ่ม AP ในองค์กรจึงกลายเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น
  3. Client journey เพิ่มความใส่ใจดูแล Client ตั้งแต่ขั้นตอน Association, Connection ไปจนถึงขณะใช้งาน Application กับ Feature ต่างๆที่จะช่วย Monitor สุขภาพของการใช้งาน WiFi พร้อมให้คำแนะนำในการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด
  4. Root Cause Analysis (RCA) AI ที่จะช่วยวิเคราะห์และแจ้งวิธีการแก้ไขปัญหาบนหน้า Dashboard โดยที่ท่านไม่จำเป็นต้อง On-Site หรือค้นหาข้อมูลจาก Log ซึ่งนับวันมีแต่จะโตขึ้นผ่านการใช้งาน WIFI ในระบบที่มากขึ้น ข้อมูลที่วิ่งไปมาก็ยิ่งมากขึ้นทวีคูณที่จะกินเวลามหาศาลในการสืบหาว่าอะไรคือต้นเหตุของปัญหานั้นๆ

จากจุดที่ผู้คนส่วนใหญ่มักมีความกังวลในการใช้ Cloud เพราะมักยึดติดกับการใช้ Hardware Controller เช่น อยากได้ High Availability แต่ต้องซื้อ Controller 2 ตัวหรือมากกว่านั้น และต้องเข้าไปจัดการ Config ให้เข้ากันได้ภายในระบบ ก็สามารถทำได้ง่ายมากขึ้นด้วย HA ที่ได้มาตรฐานจาก ARISTA CloudVision-WiFi เราจะมีการใช้ High Availability บน Cloud Provider (AWS, Google Cloud Platform) ให้ทันที ที่ระบบขึ้น

ซึ่งระบบมีความปลอดภัยที่สูงในระดับโลกพร้อมกับทีมงานผู้เชี่ยวชาญจาก Provider และทีมงานวิศวกรจาก ARISTA ที่อยู่ใน data center ที่จะช่วย monitor ลดความเสี่ยงในกรณีที่เกิดปัญหาจากทำงานร่วมกับจากหลาย Provider อีกด้วย

สำหรับตัว Location-based Administration ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราอยากได้ AP หลายเวอร์ชั่น เราอาจจะต้องมีตัว Controller อยู่ที่สำนักงานใหญ่ แล้วไปซื้อ Controller ตัวเล็กไปวางตามสาขาต่าง ๆ แต่ในมุมของ ARISTA CloudVision-WiFi เราจะอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่ เราแค่ลาก AP เข้ามาใส่ใน Folder ตามสถานที่ที่เรากำหนด เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ

ในเรื่องของ Single pane of Management สามารถจัดการส่วนต่าง ๆ ได้เลยที่หน้า Dashboard CloudVision ในที่เดียว สำหรับ AI และ Machine learning นั้น ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ข้อมูลทุกอย่างจะถูกส่งเข้ามาที่ตัว ARISTA CloudVision-WiFi จากนั้นมันจะทำการวิเคราะห์และแสดงผลออกมาให้ทันที

สุดท้ายในเรื่องของความปลอดภัยบนระบบ Wi-Fi ทาง ARISTA มีสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีความปลอดภัยบน WiFi ได้แก่ Wireless Intrusion Prevention System (WIPS) ซึ่งทำให้เรามีความปลอดภัยที่สุดในตลาด เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นในตลาด

เกี่ยวกับ ARISTA

ARISTA ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2004 โดยทางบริษัทให้ความสำคัญกับ Cloud Networking ในธุรกิจมาโดยตลอด และเพื่อให้เกิดการเติบโตทางธุรกิจที่มากขึ้น จึงได้เริ่มต้นขยายตลาดเพิ่มเติมผ่านการเข้าซื้อกิจการในบริษัทเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีความสอดคล้องกับนโยบายของทางบริษัท สำหรับ ARISTA เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเครือข่ายคลาวด์องค์ความรู้สำหรับศูนย์ข้อมูลที่สำคัญ และแพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ ARISTA ยังมอบความคล่องตัวในการวิเคราะห์ข้อมูลอัตโนมัติและความปลอดภัยผ่าน CloudVision® และ Arista EOS® ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการเครือข่ายขั้นสูง มาตรฐานในระดับโลก

หัวใจหลักของแพลตฟอร์ม ARISTA คือ Extensible Operating System (EOS ™) ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการเครือข่ายใหม่ล่าสุดที่มีความสอดคล้องกับแพลตฟอร์มและฮาร์ดแวร์ที่ทันสมัย ซึ่งช่วยในการอัพเกรดการให้บริการและความสามารถในการขยายแอปพลิเคชัน นอกจากนี้ Arista ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำสูงสุดในหมวด The Forrester Wave ™: Open, Programmable Switches For A Businesswide SDN, Q3 2020 อีกด้วย

เกี่ยวกับ Optimus (Thailand)

Optimus (Thailand) ก่อตั้งขึ้นในปี 2000 เราเป็นบริษัทผู้นำเข้าอุปกรณ์ Network และ ผลิตภัณฑ์ Security แบรนด์ยักษ์ใหญ่ ที่มีนวัตกรรมต่างๆ จากทุกมุมโลก  รวมไปถึงการเป็นผู้ให้บริการด้านออกแบบพัฒนาโซลูชั่น ต่างๆ (Solution Designer) โดยจัดจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายของทางบริษัทซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศในไทยและประเทศในกลุ่ม SEA  ไปยังองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มโทรคมนาคม หน่วยงานรัฐ เอกชนกลุ่มผู้ใช้งานต่างๆ 

ออพติมุส มุ่งมั่นที่จะเคียงข้าง และให้คำปรึกษา รวมถึงให้คำแนะนำการวางระบบเน็ตเวิร์ค ซิเคียวริตี้ รวมถึงโซลูชั่นที่เหมาะสม เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยให้ความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายของออพติมุสที่มีความรู้ความเข้าใจในแต่ละธุรกิจ และการใช้งาน โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด คุ้มค่ากับการลงทุน ตรงตามความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคผู้ใช้งาน

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือสนใจผลิตภัณฑ์  เพียงกรอกข้อมูลดังแบบฟอร์มนี้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของเราติดต่อกลับโดยเร็วที่สุด

https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScLCPaSroL12_sqnmY_Yjz6GvOzTrPYsFgeBV-5TLzdD0BpTA/viewform?usp=sf_link

ติดตามเราได้ที่

Website : https://www.optimus.co.th/

Facebook : optimusthailand

Phone : 0-2247-9898

Email : marketing@optimus.co.th

Line : @optimusthailand

from:https://www.techtalkthai.com/optimus-launches-arista-cloudvision-wifi-for-proactive-problems-by-ai/

ขอขอบคุณลูกค้าที่มาร่วมงานสัมมนา WiFi + Security เรื่องจริง ที่หลายคนไม่บอกกัน

บริษัทออพติมุส (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินธุรกิจ นำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์ Network และ Solution IT ร่วมกับ บริษัท WatchGuard Technologies ผู้ออกแบบและจัดจำหน่าย Cyber Security ทั้ง Network Security, Wireless Security และ Password Security (MFA) ได้ร่วมจัดงานสัมมนาในหัวข้อ “WiFi + Security เรื่องจริง ที่หลายคนไม่บอกกัน …” เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2561 ณ โรงแรมแกรนเมอร์เคียวฟอร์จูน

 

รู้หรือไม่ ?? WatchGuard มี Access Point ที่ Secure จำหน่ายด้วยนะ

หลายๆองค์กรก็คงคำนึงถึงความปลอดภัยของข้อมูล จากที่รู้ๆกันว่า WatchGuard มีชื่อเลื่องลือในกลุ่ม Cyber Security ซึ่งหลายคนอาจจะนึกถึงแค่ Firebox (Security UTM) แต่คุณรู้หรือไม่ว่า นอกจาก Firebox (Security UTM) แล้ว ยังมี Wireless Security ที่ไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพอย่างเดียว แต่ยังมีความปลอดภัยด้วยเช่นกัน อุปกรณ์กระจายสัญญาณ WatchGuard (AP) สามารถครอบคลุมพื้นที่การใช้งาน เช่น โรงงาน โรงแรม โรงเรียน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และฟีเจอร์สุดเจ๋งที่คุณต้องลอง

WatchGuard ไม่เพียงแต่นำเสนอการเชื่อมต่อ WiFi แต่เรามีการรักษาความปลอดภัยที่ได้รับรองมาตรฐานสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
เมื่อคุณติดตั้ง WatchGuard Access Point โดยใช้ WatchGuard WiFi Cloud Subscription คุณจะได้เครื่องมือที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ เพื่อยกระดับธุรกิจของคุณไปอีกขั้น

 

HightLight ในงาน

Section #1 “Not all Wi-Fi is Created Equal” บรรยาย โดย Jim Steinbacher – Technical Evangelist -wireless WatchGuard Technologies, Inc.

Section แรกคุณจิมได้พูดเกี่ยวกับ ปัจจุบันนี้ภัยคุกคามทางโลกอินเตอร์เน็ตมีหลายประเภท ซึ่งภัยคุกคามทางอากาศเป็นหนึ่งในภัยคุกคามที่ น่ากลัวชนิดหนึ่ง เพราะไม่จำเป็นต้องมีการติดต่อหรือสัมผัสโดยตรงของตัวอุปกรณ์ก็สามารถเจาะข้อมูลของเหยื่อได้ ซึ่งวิธีโจมตีโดยการตัดสัญญาณ WiFi ที่เหยื่อได้เชื่อมต่อไว้ และสร้าง SSID ปลอมขึ้นมา ทำให้เหยื่อต้องเชื่อมต่อใหม่อีกครั้ง นั่นหมายความว่าแฮกเกอร์จะหลอกให้อุปกรณ์ของเหยื่อเชื่อมต่อกับฮอตสปอตของเขาแทน ทำให้เขาขโมยข้อมูลได้นั่นเอง นอกจากนั้นคุณจิมได้มาแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ Network ตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า Pine Apple ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สามารถแฮ็กข้อมูลได้ง่าย ๆ เมื่ออุปกรณ์ตัวนี้อยู่ใกล้เหยื่อ พูดง่าย ๆ คือข้อมูลของเหยื่อจะถูกดูดไปทันทีโดยไม่รอช้า ซึ่งเจ้าตัว Pine Apple มีลักษณะที่ตัวเล็กนิดเดียว พกพาง่าย ถ้าแอบซ่อนไว้ไม่มีใครสงสัยอย่างแน่นอน คลิกดูวิดิโอฉบับเต็มที่อาจทำให้คุณเข้าใจ ถึงภัยโลกอินเตอร์เน็ตมากขึ้น…

Section 1 “Not all Wi-Fi is Created Equal

 

Section #2 Live WIPs Demo บรรยายโดยคุณ เจตสิก อนันตคุณูปกร Principal Consultant Southeast Asia |WatchGuard Technologies, Inc

การโจมตีเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาหากคุณไม่ระวัง : ยกตัวอย่าง ขณะที่คุณเชื่อมต่อ WiFi เพื่อใช้งาน Internet ทันใดนั้น การเชื่อมต่อหลุด ทำให้คุณต้องเชื่อมต่อใหม่อีกครั้งเพื่อใช้งานต่อ นาทีนั้น คุณอาจจะเกาะ SSID ปลอมก็อาจเป็นได้ คุณเชื่อไหมว่า ถ้าคุณเกาะ SSID ปลอมที่ถูกสร้างขึ้นโดยแฮกเกอร์ ข้อมูลทั้งหมดของคุณจะตกอยู่ในมือของเหล่าแฮกเกอร์ได้อย่างง่ายดาย อย่าตกเป็นเหยื่อให้กับภัยคุกคามเหล่านี้ วันนี้ WatchGuard ได้ออกแบบและสร้าง Access Point ซึ่งมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า WIPs แน่นอนว่าจะช่วยเตือนระวังป้องกัยภัยเหตุการณ์ที่น่ากลัวให้กับคุณและหน่วยงานของคุณให้ปลอดภัยจากโจรไซเบอร์ คลิกดูวิดิโอวิธีการแฮ็กและความน่ากลัวทั้งหมดก่อนที่คุณจะตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว

Section 2 Live WIPs Demo

 

Section #3 Password รหัสผ่านกับสิ่งที่คนมองข้าม บรรยายโดย คุณอุทัยพัฒน์ รัตนภูผา- Country manager |WatchGuard Technologies, Inc.

ทุกวันนี้ทุกคนมีการ Security ด้วยรหัสผ่านไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ส่วนตัวหรืออุปกรณ์ขององค์กร บางคนตั้ง Password ที่ใช้ในองค์กร เป็นรหัสเดียวกับแอพส่วนตัว หรืออีกหนึ่งที่เป็นเรื่องไม่น่าเชื่อ บางคนถึงขั้นแบ่งปัน Password ให้กับเพื่อนร่วมงาน ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงระดับหนึ่งเลย เห็นไหมว่าความไม่ปลอดภัยมีรอบตัวเรามากขึ้น แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่อยู่ในวงการ Security มายาวนานคือ Multi Factor Authentication สิ่งนี้แหล่ะที่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ข้อมูลของคุณปลอดภัยจากเหล่าแฮกเกอร์ มาร่วมทำความเข้าใจกับ Multi Factor Authentication กันเถอะ..คลิกดูวิดิโอฉบับเต็ม

Section 3 Password รหัสผ่านกับสิ่งที่คนมองข้าม

 

Section #4 Live AuthPoint Demo บรรยายโดยคุณ เจตสิก อนันตคุณูปกร Principal Consultant Southeast Asia |WatchGuard Technologies, Inc.

Section นี้เราจะพูดถึงเรื่องของตัว Authentication แบบที่เรียกว่า AuthPoint เหมือน TP ที่ได้จากธนาคาร จะดีแค่ไหนถ้าสิ่งนี้ เราสามารถทำได้ในออฟฟิตของตัวเอง ซึ่งนั่นหมายความว่าระบบความปลอดภัยข้อมูลของคุณยังคงแน่นหนา ข้อมูลองค์กรของคุณจะไม่ถูกแฮ็กไปอย่างแน่นอน รวมถึงสาธิตให้เห็นอุปกรณ์ที่ล็อกอินซึ่งเป็นการยืนยันตัวตนว่าใช่คุณหรือไม่ คลิกดูวิดิโอฉบับเต็มที่จะทำให้คุณรู้ในสิ่งที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน

Section 4 Live AuthPoint Demo

 

ภายในงานมีบูธ Show Product WatchGuard ทั้ง Firebox กล่องสีแดงๆที่คุ้นตากัน และ “Access Point WatchGuard” ที่เป็น main หลักในงานนี้

ภาพบรรยากาศในงาน

 

ท้ายงานเรายังมีจับรางวัล Lucky draw ให้ทุกท่านได้ลุ้นรับรางวัล ทั้ง Wireless Charger เสื้อ WatchGuard Unlimited Edition และรางวัลใหญ่ iPad 32 GB ทางบริษัทขอแสดงความยินดีกับผู้โชคดีที่ได้รับรางวัลในวันนี้ด้วยนะครับ

 

ดาวน์โหลดเอกสารงานสัมมนา : https://optimus.th.levelsync.com/client/publiclink.aspx?id=u1YsyGYgc1
Spec Sheet WatchGuard Access Points : https://optimus.th.levelsync.com/client/publiclink.aspx?id=xM8seuLcVi

 

เกี่ยวกับ Optimus

จากจุดเริ่มต้นๆ ในฐานะผู้นำเข้าอุปกรณ์ไอทีและอุปกรณ์โซลูชั่นต่างๆ เมื่อ พ.ศ.2543 ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายของอุปกรณ์ Network, ผลิตภัณฑ์ Security (UTM), Mail Server, Internet Control จากผู้ผลิตชั้นนำในต่างประเทศ รวมไปถึงการเป็นผู้ให้บริการด้านออกแบบพัฒนาระบบเครือข่าย Wireless Network ให้กับองค์กรขนสดใหญ่และขนาดกลางทั้งในภาพรัฐและเอกชน โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายองค์กรธุรกิจ หน่วยงานราชการ โรงแรม โรงพยาบาล โรงงาน ออฟฟิต ตลอดจนสถาบันการศึกษาต่างๆ
ออพติมุส มุ่งมั่นเป็นผู้นำเข้า ผู้ให้การปรึกษา และการวางระบบโซลูชั่นที่เหมาะสม เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรทั้งภาคธุรกิจและภาคเอกชนระดับแนวหน้าของประเทศไทย โดยความร่วมือกับพันธมิตรทางธุรกิจซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศของออพติมุสที่มีความรู้ความเข้าใจในแต่ล่ะธุรกิจ โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในราคาที่สมเหตุสมผล ตรงตามความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค และสร้างความตระหนักให้กับพนักงานในองค์กรถึงความสำเร็จของคู่ค้า คือของสำเร็จของออพติมุส

 

เกี่ยวกับ WatchGuard

WatchGuard คือ ผู้นำในการให้บริการด้านการรักษาความปลอดภัยบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเพื่อรองรับการเติบโตขององค์กรในระดับเอ็นเตอร์ไพรซ์ขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ทั่วโลก ด้วยการเสนออุปกรณ์และบริการที่มีประสิทธิภาพที่ง่ายต่อการบริหารจัดการ และสามารถจัดหาซื้อได้ง่าย สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ “Firebox X” ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการขยายตัวและเติบโตขององค์กรอย่างสมบูรณ์แบบ จึงส่งผลให้ “WatchGuard เป็นผู้นำทางด้านอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ที่มีประสิทธิภาพสูงในราคาย่อมเยาว์

 

ช่องทางในการอัพเดทและแบ่งปันข่าวสารดีๆ ติดตามได้ที่นี่ครับ
Facebook : @optimusthailand
Website : http://www.optimus.co.th/
Youtube : OPTIMUS Chanel

ต้องการสอบถามเพิ่มเติมหรือสนใจผลิตภัณฑ์ ติดต่อแผนก Marketing เรามีพันธมิตรพร้อมให้คำปรึกษา
Tel. 02-2479898
Line : @optimusthailand
E-mail: marketing@optimus.co.th

from:https://www.techtalkthai.com/optimus-watchguard-wifi-event-summary/

Optimus ขอเชิญร่วมงานสัมมนาฟรี “WiFi + Security เรื่องจริง ที่หลายคนไม่บอกกัน …..”

ปัจจุบันนี้เราใช้ WiFi กันอย่างแพร่หลาย ทั้งในองค์กรและที่บ้าน เพราะนอกจากความสะดวกสบายในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต นาฬิกา โน๊ตบุ๊ค หรือแม้แต่กระทั่ง ทีวี การติดตั้ง WiFi ยังสะดวกและประหยัดกว่าอีกด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่ตามมากับความนิยมใช้ WiFi ก็คือความเสี่ยง

ในขณะที่ WiFi เวนเดอร์ต่างบอกว่า อุปกรณ์ของเขามีระบบเซคเคียวริตี้ คุณจะแน่ใจได้แค่ไหนว่าจะปลอดภัยจริง

มาหาคำตอบได้ในงาน “WiFi + Security เรืองจริง ที่หลายคนไม่บอกกัน …..” ในวันที่ 23 สิงหาคมนี้ ที่ โรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว ฟอร์จูน ถนนรัชดาภิเษก

ลุ้นรับรางวัล Lucky Draw ท้ายงาน

กรุณาลงทะเบียนเข้าร่วมงาน เนื่องจากที่นั่งมีจำกัด

REGISTER NOW

 

Agenda

12:30 – 13:00 Register
13:30 – 13:15 Welcome opening By Uthaipat Ratanaphupha
13:15 – 14:30 “Not all Wi-Fi is created equal” By Jim Steinbacher
14:30 – 15:00 Coffee Break
15:00 – 15:30 Live WIPs demo By Jetasik Anantakunupakorn
15:30 – 16:00 “Weak password away from a breach” By Uthaipat Ratanaphupha
16:00 – 16:30 Live AuthPoint demo By Jetasik Anantakunupakorn
16:30 – 17:00 Q&A with lucky draw

 

หมายเหตุ: งานนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มติมติดต่อ
คุณศศิวรรณ / คุณพิชชฎา
Tel. 02-2479898 หรือ 085-4497373
E-mail: marketing@optimus.co.th

from:https://www.techtalkthai.com/optimus-wi-fi-security-event-invitation/

IMC Institute จัดงานสัมมนา IT Trends 2018: Asia’s Rising Power เปิดลงทะเบียนวันนี้แล้ว

   

IMC Institute ร่วมกับ Optimus จัดงานสัมมนา IT Trends 2018: Asia’s Rising Power เพื่ออัปเดตเทรนด์และแนวโน้มทางด้าน IT ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น Artificial Intelligence, Blockchain, Big Data, Cloud Computing, Internet of Things ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงในวงการต่างๆ เช่น FinTech และ Digital Marketing ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้วันนี้แล้ว

เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นปัจจัยที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจและองค์กรต่างๆ การติดตามตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศในแต่ละปีจึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งทุกสิ้นปีบริษัทวิจัยต่างๆ ทั่วโลกก็ออกรายงานเพื่อระบุถึงแนวโน้มของเทคโนโลยีก่อกำเนิด (Emerging Technology) ที่จะมีผลกระทบและเปลี่ยนแปลงธุรกิจในปีหน้า ซึ่งในตอนนี้ทุกคนต่างกล่าวถึงในเรื่องของ Artificial Intelligence และ Robot ว่าจะเข้ามามีบทบาทที่สำคัญในอนาคตและอาจเข้ามาแทนที่มนุษย์ในงานหลายๆ ด้าน

งานอบรมนี้จึงได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีในประเทศไทยมากล่าวถึงแนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศของโลก และให้เห็นแนวโน้มการใช้เทคโนโลยีในประเทศต่างๆ อาทิ จีน ญี่ปุ่น และอินเดีย งานสัมมนาจึงเป็นการรวมกูรูทางด้านไอที และผู้เชี่ยวชาญในวงการต่างๆ มาบรรยายถึงแนวโน้มที่สำคัญ เช่น Artificial Intelligence, Blockchain, Big Data, Cloud Computing, Internet of Things ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงในวงการต่างๆ เช่น FinTech และ Digital Marketing

รายละเอียดงานสัมมนา

หัวข้อ: IT Trends 2018: Asia’s Rising Power
วัน: 13 – 14 ธันวาคม 2017
เวลา: 9:00 – 17:00 น.
สถานที่: ห้องเลอ คองคอร์ด บอลรูม ชั้น 2 โรงแรมสวิสโซเทล เลอ คองคอร์ด (MRT ห้วยขวาง)
ค่าอบรม: 8,900 7,900 บาท (ราคาดังกล่าวรวมคู่มือประกอบการอบรม อาหารว่างเช้าบ่าย และอาหารกลางวัน)
ลิงค์ลงทะเบียน: http://www.imcinstitute.com/training/course-registration
กำหนดการและรายละเอียดเพิ่มเติม: https://goo.gl/yWXj7W

** ราคาดังกล่าวยังไม่รวม VAT 7%

Special Package: พิเศษ!! เข้าอบรมหลักสูตร IT Trends 2018 พร้อมดูงาน China Hi-Tech Fair (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่) ราคาเพียง 31,000 บาทต่อท่านเท่านั้น (ราคาดังกล่าวรวม: อบรม IT Trends 2018 ในประเทศไทย ตั๋วเครื่องบินไปกลับจีน ค่าที่พัก ค่าเดินทางภายในจีน และค่าอาหารทุกมื้อตลอดการเดินทาง)

** ราคาดังกล่าวยังไม่รวม VAT 7% และยังไม่รวมค่าทำ Visa

ผู้ที่ควรเข้าอบรม

  • ผู้บริหารขององค์กร CEO, CIO, CFO, CTO
  • ผู้จัดการด้านไอที
  • เจ้าหน้าที่ด้านไอที
  • วิศวกรไอที พนักงานไอที นักพัฒนาซอฟต์แวร์
  • ผู้บริหารหน่วยงานและแผนกอื่นๆ ที่สนใจการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
  • ผู้บริหารจาก IT Vendors, Distributors และ System Integrators
  • ผู้สนใจทั่วไป

ผู้ที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดงานสัมมนาได้ที่: https://goo.gl/yWXj7W

from:https://www.techtalkthai.com/imc-optimus-it-trends-2018-asias-rising-power/

[PR] เตือน SME ตามทันเทรนด์ไอที-FinTech ปรับตัวไม่ได้ “ประเทศไทย 4.0” ไม่เกิด

กรุงเทพฯ 17 พฤศจิกายน 2559 – – สถาบันไอเอ็มซีมองเทรนด์ไอทีปี 2017 ปรับยิ่งใหญ่ เทรนด์ของโลกที่ตรงกับเทรนด์ของอุตสาหกรรมไอทีไทยอย่างจังคือ FinTech เทคโนโลยีด้านการเงินที่จะส่งผลกับทุกธุรกิจที่ต้องรับเงินค่าบริการจากลูกค้า ขณะที่เทคโนโลยีชื่อคุ้นหูยังร้อนแรงเช่นเดิม ทั้ง Cloud, Big Data Analytics, Internet of Things, แต่การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีกำลังทำให้ระบบไอทีบางอย่างต้องเปลี่ยนแปลงไปอีกมากอาทิเช่น ระบบ Artificial Inlelligence และ Machine Learning จะทำให้ต่อไประบบซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ส่วนใหญ่ต้องมีระบบ  อัจฉริยะฝังอยู่  ระบบไอทีหลังบ้านก็จะเปลี่ยนไปต้องการระบบเว็บที่มีความสามารถรองรับผู้ใช้จำนวนมากมาย (Webscale IT) หรือการทำ Software Defined Data Center ส่วนติดต่อผู้ใช้ก็จะเจอกับระบบเสมือนจริง Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) หรือระบบ Conversation System รวมถึงการเข้ามาของเทคโนโลยี Blockchain ก็อาจเห็นการประยุกต์ใช้ในเรื่องใหม่ๆในบ้านเราอีกมาก

เทรนด์เหล่านี้ส่งผลกระทบกับทุกคน สถาบันไอเอ็มซีจึงแจ้งเกิดงานสัมมนา IT Trends Strategic Planning 2017: Towards Thailand 4.0 เพื่อให้องค์กรไทยเตรียมตัววางแผนธุรกิจให้สามารถเติบโตอยู่รอดในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล “ประเทศไทย 4.0”

imc_01

 

องค์กรไทยต้องปรับตัว

ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการ สถาบัน IMC ระบุว่าเทรนด์ที่มาแรงอันดับ 1 ในปี 2017 คือการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลหรือ Digital Transformation โดยเทคโนโลยีการเงิน Fintech จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแบบปูพรม เนื่องจากทุกธุรกิจต้องรับการจ่ายเงิน

“สิ่งสำคัญที่สุดที่ธุรกิจไทยควรทำก่อนปี 2017 คือต้องตระหนักรู้ถึงกระแสโลกที่เปลี่ยนไป เนื่องจากองค์กรไทยหนีไม่พ้นผลจากเทคโนโลยีที่มีความอัจฉริยะยิ่งขึ้น ซึ่งถ้าไม่สามารถปรับตัวได้ทัน ก็อาจอยู่ไม่ได้ในที่สุด”

การตระหนักรู้เพื่อเตรียมพร้อมยังสำคัญมากสำหรับการปรับตัวในวันที่รัฐบาลไทยเดินตามนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล “ประเทศไทย 4.0” จุดนี้สถาบันไอเอ็มซีมองว่าองค์กรไทยควรรู้ว่าจะสามารถทำความฝัน Value Creation ซึ่งเป็นโมเดลหลักของนโยบายนี้ได้ก็ต่อเมื่อองค์กรมีความพร้อมด้านเทคโนโลยี นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้องค์กรต้องจับตามองเทรนด์ไอทีอย่างใกล้ชิด

สถานการณ์นี้ทำให้สถาบันไอเอ็มซีจัดงานสัมมนา IT Trends Strategic Planning 2017: Towards Thailand 4.0 ขึ้น เนื้อหาในหลักสูตรเน้นการวิเคราะห์กระแสโลกที่เข้ากับประเทศไทย จุดนี้สถาบันไอเอ็มซีระบุว่าจะอธิบายให้องค์กรเข้าใจว่าเทคโนโลยีทั้ง FinTech, Big Data Analytics, Internet of Things, เทคโนโลยีเสมือนจริง และเทคโนโลยีกระแสโลกเหล่านี้มีความสำคัญอย่างไร และทำไมระบบ Cloud หรือ Big Data Analytics ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องทำไม่ว่าจะปีไหน

“หลักสูตรในงานสัมมนานี้จะทำให้คนเข้าใจว่านับจากนี้ตลาดจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ที่เคยทำนั้นอยู่ไม่ได้ อย่างกรณี FinTech ยกตัวอย่างเช่นธนาคาร ตอนนี้กลุ่มแบงก์รู้ตัวแล้วว่าที่เคยทำมานั้นอยู่ไม่ได้ เมื่ออยู่ไม่ได้ก็ต้องปิดสาขาบางส่วนไป นี่เพียงแค่กลุ่มธนาคารกลุ่มเดียว ยังมีเอสเอ็มอีทั้งประเทศที่จะต้องพร้อมรับกับวิธีการจ่ายเงินที่เปลี่ยนไป ทุกคนต้องถามตัวเองว่าพร้อมไหม เพราะงานบางอย่างมันไม่มีให้ทำแล้วในยุคนี้” ดร. ธนชาติกล่าว “ยิ่งเมื่อรัฐบาลทำโครงการ Thailand 4.0 ทุกอย่างมันล้อกันมา เทคโนโลยีมีความอัจฉริยะ ถ้าเราตามไม่ทัน ศักยภาพการแข่งขันของเราก็จะตกลง การค้าขายก็จะตกลงตามไปด้วย“

ผู้อำนวยการสถาบันไอเอ็มซียังยกตัวอย่างการไม่ปรับตัวจนตามไม่ทันด้วยธุรกิจสื่อบันเทิง เนื่องจากที่ผ่านมา บริการสตรีมมิ่งทีวีทำให้บริษัทเคเบิลทั่วโลกชะลอการเติบโต หรือยุคที่ร้านถ่ายรูปต้องปิดตัวลงเพราะความนิยมในกล้องดิจิทัล

 

“ประเทศไทย 4.0” เป้าหมายใหญ่

ศุภชัย สัจไพบูลย์กิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจก. ออพติมุส (ประเทศไทย) ระบุว่าเทรนด์การใช้ระบบไอทีในองค์กรไทยช่วงปีหน้าจะเป็นการสร้างคุณค่าหรือ Value Creation ไม่ใช่ Value Added หรือการเพิ่มคุณค่า จุดนี้องค์กรธุรกิจที่มีโมเดล “ประเทศไทย 4.0” เป็นเป้าหมาย จะต้องเข้าใจว่าถ้าต้องการก้าวไปได้ จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี เพราะเทคโนโลยีทำให้ฝันเป็นจริง

“ปีหน้าจะเป็นปีของ Value Based Technology แนวโน้มนี้ทำให้ผู้ขายสินค้าไอทีต้องเปลี่ยนวิธีเสนอสินค้า ด้วยการไม่เสนอขายเฉพาะตัวสินค้า แต่เสนอทั้งระบบโซลูชันที่จะทำให้ธุรกิจได้รับประโยชน์ทางธุรกิจได้โดยตรง ตัวอย่างเช่น ผู้ขายระบบไวไฟ จะเสนอระบบที่ทำให้ธุรกิจเห็นโอกาสทำยอดขายที่เพิ่มขึ้น แทนที่จะเสนอแต่ความสามารถของระบบไวไฟในองค์กรอย่างเดียว”

ศุภชัยแสดงความเชื่อมั่นว่าในวันที่รัฐบาลไทยผลักดันโครงการเศรษฐกิจดิจิทัล องค์กรไทยจะดำเนินธุรกิจในปีหน้าได้ไม่ยาก หากผู้ประกอบการสามารถเข้าใจเทรนด์เทคโนโลยีแล้วนำมาใช้ได้อย่างเหมาะสม

“ไม่เพียงอีคอมเมิร์ซ แต่สิ่งที่มาคู่กันคือระบบชำระเงินดิจิทัล ทั้งหมดนี้จำเป็นต้องใช้ดาต้าเซ็นเตอร์ที่สมบูรณ์ พวกนี้ถ้าไม่เตรียมตัวไว้ก่อน ก็จะมีผลกระทบมหาศาล” ศุภชัยกล่าว “ยิ่งถ้าเรามองโมเดล “ประเทศไทย 4.0” เป็นเป้าหมาย การเปลี่ยนผ่านก็คือกระบวนการที่ธุรกิจต้องทำ และการจะทำได้นั้นต้องใช้เทคโนโลยี ตรงนี้หลักสูตรที่ออพติมุสร่วมมือกับสถาบัน IMC จะช่วยย่อยข่าว ให้มีเนื้อหาฟังง่าย ในวันที่ผู้บริหารไอทีไทยบางส่วนยังปรับตัวไม่ทัน”

สำหรับงานสัมมนา IT Trends Strategic Planning 2017: Towards Thailand 4.0 นั้นมีกำหนดจัดขึ้นที่โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค รัชดา วันที่ 14-15 ธันวาคมนี้ โดย “กรณ์ จาติกวณิช” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและประธาน FinTech Club จะร่วมแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับ FinTech ในมุมมองทิศทางการเงินยุคใหม่ว่าจะยกระดับอุตสาหกรรมไทยอย่างไร

สำหรับงานสัมมนา IT Trends Strategic Planning 2017 : Towards Thailand 4.0 นั้น จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีในประเทศไทยมากล่าวถึงแนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศในประเทศไทย ผลกระทบและเปลี่ยนแปลงธุรกิจในปีหน้า อาทิ Blockchain, Big Data, Cloud Computing, Augmented Reality & Virtual Reality, Internet of Things, Mobility Trends ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงในวงการต่าง ๆ เช่น Digital Transformation, FinTech, Digital Marketing โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ คุณกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและประธาน FinTech Club จะร่วมแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับ FinTech ในมุมมองทิศทางการเงินยุคใหม่ว่าจะยกระดับอุตสาหกรรมไทยอย่างไร ร่วมด้วย ดร.รอม หิรัญพฤกษ์ กรรมการในคณะกรรมการธุรกรรมธนาคารแห่งประเทศไทย คุณกิตตินันท์ อนุพันธ์ ประธานบริหาร iLertU, คุณพรทิพย์ กองชุน ประธานฝ่ายปฏิบัติการและผู้ร่วมก่อตั้ง Jitta.com กำหนดจัดขึ้นในวันพุธที่ 14 – พฤหัสบดีที่ 15 ธันวาคม 2559 เวลา 09.00 – 17.00 น. ณ ห้องเจ้าพระยาบอลรูม โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค รัชดา สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ   คุณขวัญหทัย ถาวรพงษ์, คุณสุนิสา กำแหงวรทิศ, คุณธิดารัตน์ ชินะชัชวารัตน์ โทร 02-233-4732, 087-593-7974, 088-192-7975 อีเมล์ contact@imcinstitute.com

from:https://www.techtalkthai.com/sme-needs-to-follow-it-trends-and-fintech-to-create-thailand-4-0/

หลุดภาพ แอลจี G Pro 2

ฟอรัมภาษาเกาหลีแห่งหนึ่งเผยภาพด้านข้างและด้านหลังของมือถือแอลจี G Pro 2 โดยไม่ได้ระบุรายละเอียดอื่นแต่อย่างไร (ดูภาพที่ท้ายข่าว)

จากภาพ จะเห็นได้ว่าตัวเครื่องมีขนาดค่อนข้างใหญ่ และด้านหลังมีปุ่มคล้ายกับรุ่น G2 อยู่

ที่มา: DC Inside ผ่าน Android Central


LG, Android, Leak, Mobile, Optimus

from:http://www.blognone.com/node/52902

หลุดภาพ แอลจี G Pro 2

ฟอรัมภาษาเกาหลีแห่งหนึ่งเผยภาพด้านข้างและด้านหลังของมือถือแอลจี G Pro 2 โดยไม่ได้ระบุรายละเอียดอื่นแต่อย่างไร (ดูภาพที่ท้ายข่าว)

จากภาพ จะเห็นได้ว่าตัวเครื่องมีขนาดค่อนข้างใหญ่ และด้านหลังมีปุ่มคล้ายกับรุ่น G2 อยู่

ที่มา: DC Inside ผ่าน Android Central


LG, Android, Leak, Mobile, Optimus

from:https://www.blognone.com/node/52902

แอลจียืนยัน เปิดตัว G Pro 2 ในเดือนกุมภาพันธ์นี้

ไม่ต้องลือกันอีกต่อไป เพราะแอลจีได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า จะเปิดตัว G Pro 2 ตัวต่อจาก Optimus G Pro ในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ แต่ไม่ได้ระบุสถานที่เปิดตัวอย่างไร

ข่าวลือของ G Pro 2 ก่อนหน้านี้คือ ใช้หน้าจอ 6 นิ้วที่ความละเอียดระดับ Full HD, ซีพียู Snapdragon 800, แรม 3 กิกะไบต์, รองรับ LTE-Advanced และใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4.4 KitKat ซึ่งถือเป็นมือถือตัวแรกของบริษัทที่ใช้ KitKat

อย่าลืมว่าเดือนหน้าจะมีงาน Mobile World Congress ระหว่าง 24-27 ก.พ. ก็คงเดาได้ว่าบริษัทจะเปิดตัวมือถือเรือธงรุ่นใหม่ในงานดังกล่าวครับ

ที่มา: แอลจี (แปลเป็นภาษาอังกฤษ) ผ่าน Android Central

LG, Android, Optimus, Mobile

from:https://www.blognone.com/node/52797

แอลจียืนยัน เปิดตัว G Pro 2 ในเดือนกุมภาพันธ์นี้

ไม่ต้องลือกันอีกต่อไป เพราะแอลจีได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า จะเปิดตัว G Pro 2 ตัวต่อจาก Optimus G Pro ในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ แต่ไม่ได้ระบุสถานที่เปิดตัวอย่างไร

ข่าวลือของ G Pro 2 ก่อนหน้านี้คือ ใช้หน้าจอ 6 นิ้วที่ความละเอียดระดับ Full HD, ซีพียู Snapdragon 800, แรม 3 กิกะไบต์, รองรับ LTE-Advanced และใช้ระบบปฏิบัติการ Android 4.4 KitKat ซึ่งถือเป็นมือถือตัวแรกของบริษัทที่ใช้ KitKat

อย่าลืมว่าเดือนหน้าจะมีงาน Mobile World Congress ระหว่าง 24-27 ก.พ. ก็คงเดาได้ว่าบริษัทจะเปิดตัวมือถือเรือธงรุ่นใหม่ในงานดังกล่าวครับ

ที่มา: แอลจี (แปลเป็นภาษาอังกฤษ) ผ่าน Android Central

LG, Android, Optimus, Mobile

from:http://www.blognone.com/node/52797