คลังเก็บป้ายกำกับ: APPLE_IOS_DEVICE

Cisco Meraki เพิ่มความสามารถ บริหารจัดการ Apple iOS Device จากศูนย์กลางร่วมกับ Apple School Manager ได้

เมื่อ Apple iPad ได้เริ่มกลายเป็นอุปกรณ์หลักสำหรับใช้ในการเรียนการสอนภายในโรงเรียนหลายแห่ง Cisco Meraki ก็ได้จับมือกับ Apple พัฒนาระบบบริหารจัดการอุปกรณ์ Apple iOS Device ได้จากศูนย์กลาง ด้วยการ Integrate โซลูชันร่วมกันระหว่าง Cisco Meraki Systems Manager และ Apple School Manager

 

Credit: Cisco Meraki

 

ความร่วมมือกันครั้งนี้จะทำให้ผู้ดูแลระบบเครือข่ายสำหรับโรงเรียนสามารถผูกการบริหารจัดการอุปกรณ์ Apple iOS Device เข้ากับระบบของ Cisco Meraki Systems Manager ได้ ทำให้อุปกรณ์ทั้งหมดที่มีการใช้งานนั้นถูกบริหารจัดการภายนใต้ Device Enrollment Program (DEP) เดียว, สามารถบริหารจัดการลิขสิทธิ์ของ Software ต่างๆ ได้จากศูนย์กลาง, ติดตั้งหรือถอนการติดตั้ง App ได้, แก้ไข Configuration ได้ และควบคุมการเข้าถึงเกมหรือเว็บอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนได้

ผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับการใช้งาน Cisco Meraki ร่วมกับ Apple School Manager สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://documentation.meraki.com/SM/Profiles_and_Settings/Configuring_Apple_School_Manager_for_Shared_iPad_or_1-to-1_iPad

 

เกี่ยวกับ Throughwave Thailand

Throughwave Thailand เป็นตัวแทนจำหน่าย (Distributor) สำหรับผลิตภัณฑ์ Enterprise IT ครบวงจรทั้ง Server, Storage, Network และ Security พร้อมโซลูชัน VMware และ Microsoft ที่มีลูกค้าเป็นองค์กรชั้นนำระดับหลายหมื่นผู้ใช้งานมากมาย โดยทีมงาน Throughwave Thailand ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าจากทีมงาน Engineer มากประสบการณ์ ที่คอยสนับสนุนการใช้งานของลูกค้าตลอด 24×7 ร่วมกับ Partner ต่างๆ ทั่วประเทศไทยนั่นเอง https://www.throughwave.co.th

 

ที่มา: https://meraki.cisco.com/blog/2018/05/simplifying-apple-device-management-with-systems-manager/

from:https://www.techtalkthai.com/cisco-meraki-can-manage-apple-ios-device-via-apple-school-manager/

Apple จับมือ GE ผลักดันตลาด Industrial IoT ด้วย iOS พร้อมนำ Mac สู่ตลาดองค์กร

Apple และ General Electric (GE) ได้ออกมาประกาศถึงความร่วมมือระหว่างกันในการผลักดันตลาด Industrial Internet of Things (IIoT) และตลาดองค์กรด้วยเทคโนโลยีจากทั้งสองบริษัทร่วมกัน

Credit: ShutterStock.com

 

ความร่วมมือแรกนี้คือการที่ GE ได้ทำการพัฒนา Predix SDK for iOS เพื่อให้เหล่านักพัฒนาสาย iOS Developer สามารถทำการพัฒนา Mobile Application เพื่อนำข้อมูลจากระบบ GE Predix IoT Platform บริการ Cloud สำหรับติดตาม, ควบคุม และรวบรวมข้อมูลจาก Sensor ในอุปกรณ์ IoT มาแสดงผลและวิเคราะห์ได้บนอุปกรณ์ iOS Device ทั้งหมด รวมถึงนำความสามารถของอุปกรณ์ iOS Device เช่นการถ่ายภาพจากรังสีความร้อนและส่งขึ้นไปยัง GE Predix IoT Platform ได้

ในทางกลับกัน Apple ก็จะนำเสนอ GE Predix IoT Platform ในฐานะของระบบ Industrial IoT Analytics Platform ที่แนะนำ เพื่อเปิดตลาดร่วมกัน

ความร่วมมือถัดมาคือ GE นั้นจะนำ Apple iOS Device และ Mac มาเป็นอีกตัวเลือกให้พนักงานของ GE ทั่วโลกกว่า 330,000 คนได้นำมาใช้งานภายในองค์กรได้ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นทั้งภายใน GE และสำหรับลูกค้าของ GE ในการใช้งานผลิตภัณฑ์จาก Apple ภายในองค์กร เพื่อให้ภาพของโซลูชัน IoT ทั้งหมดนั้นผสานกันได้อย่างลงตัวระหว่าง GE Predix IoT Platform สำหรับใช้จัดการอุปกรณ์ IoT ในภาคธุรกิจ และ Apple Device ในฐานะของ Interface สำหรับเข้าถึงข้อมูลทางด้าน IoT ในตลาดองค์กร

 

ที่มา: https://www.networkworld.com/article/3234468/internet-of-things/industrial-iot-meets-the-iphone-and-ipad-in-new-geapple-deal.html

from:https://www.techtalkthai.com/apple-and-ge-is-partnering-in-industrial-iot-solutions/

Apple จับมือ Accenture พัฒนา iOS Business Solution ร่วมกัน

Apple และ Accenture ได้ประกาศเป็นพันธมิตรเพื่อร่วมกันสนับสนุนให้เหล่าธุรกิจองค์กรสามารถทำ Business Transformation ได้สำเร็จ ด้วยการนำนวัตกรรมทางธุรกิจบน Apple iOS เข้าไปตอบโจทย์ต่อความต้องการขององค์กร

Credit: Apple

 

ทาง Accenture จะทำการพัฒนาโซลูชันต่างๆ บน Apple iOS ภายในทีม Accenture Digital Studios ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก และเหล่าผู้เชี่ยวชาญจาก Apple นั้นจะเข้าไปร่วมพัฒนาโซลูชันด้วยกันกับทีมงานของ Accenture เพื่อเปิดตัวเครื่องมือและบริการใหม่ๆ ที่จะช่วยเสริมให้เหล่าธุรกิจองค์กรสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ บน Apple iPhone และ Apple iPad ได้แก่

  • บริการสำหรับช่วยให้ Integrate ระบบ Apple iOS Device เข้ากับระบบ Back-end ขององค์กร ร่วมกับ Partner ของ Apple อย่างเช่น SAP และ Cisco
  • บริการด้าน Internet of Things (IoT) โดยมี Template และชุดโค้ดตัวอย่างสำหรับช่วยให้องค์กรสามารถเข้าถึงและวิเคราะห์ข้อมูล IoT ได้จาก Apple iOS Device
  • บริการ Migration เพื่อย้ายจากการใช้งาน Legacy Application มาเป็นการใช้งาน iOS Application แทน

Apple iOS Device นั้นเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานง่าย, มีความมั่นคงปลอดภัย และยังมีพลังประมวลผลสูง ทำให้การนำไปใช้งานภายในองค์กรนั้นถือเป็นเรื่องง่าย ในขณะที่ Accenture เองก็มีความเชี่ยวชาญทางด้านการให้คำปรึกษาเชิงธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน, การเพิ่มรายรับ, ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าให้ดีขึ้น และลดค่าใช้จ่ายภายในองค์กร การจับคู่กันครั้งนี้จึงถือเป็นอีกก้าวที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับ Apple ในตลาดองค์กร

ผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถศึกษาได้ที่ http://www.accenture.com/apple และ http://www.apple.com/business/partners

 

ที่มา: https://newsroom.accenture.com/news/apple-and-accenture-partner-to-create-ios-business-solutions.htm

from:https://www.techtalkthai.com/apple-and-accenture-to-develop-ios-business-solution-together/

Apple และ Cisco เผย หมดยุคของ Wi-Fi ย่านความถี่ 2.4GHz ในระดับองค์กรแล้ว

Cisco ได้ออกมาเปิดเผยเอกสาร Enterprise Best Practices for Apple Devices on Cisco Wireless LAN ซึ่งมีเนื้อหาถึงระบบเครือข่ายไร้สายที่เหมาะสมที่สุดในการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์จาก Apple เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2016 ที่ผ่านมานั้น ภายในเอกสารได้มีเนื้อหาที่ระบุว่าทั้ง Cisco และ Apple ต่างก็เห็นตรงกันว่า Wi-Fi บนย่านความถี่ 2.4GHz นั้นไม่เหมาะสมต่อการนำมาใช้งานเพื่อรองรับ Application ภายในองค์กรอีกต่อไป

Credit: ShutterStock.com
Credit: ShutterStock.com

ในเอกสารได้แนะนำให้ใช้เพียงแค่ย่านความถี่ 5GHz เท่านั้นสำหรับการเชื่อมต่อของ Apple Devices เป็น Best Practice ในขณะที่ Apple เองก็ไม่เคยมีคำแนะนำให้ใช้ย่านความถี่ 2.4GHz ในการใช้งานระดับธุรกิจมาก่อนเลยเช่นกัน

ใครอ่านมา 2 ย่อหน้านี้แล้วมีคำถามเต็มหัวไปหมด แนะนำให้อ่านเอกสารฉบับเต็มจาก Cisco ได้ที่ http://www.cisco.com/c/en/us/td/docs/wireless/controller/technotes/8-2/b_Enterprise_Best_Practices_for_Apple_Devices_on_Cisco_Wireless_LAN.pdf เลยครับ อ่านสนุกใช้ได้อยู่ และมีคำแนะนำดีๆ สำหรับการออกแบบ Wi-Fi องค์กรเพื่อรองรับการทำงานร่วมกับ Apple ที่ค่อนข้างน่าสนใจอยู่ด้วยครับ

ที่มา: http://thenextweb.com/apple/2016/02/04/apple-and-cisco-acknowledge-that-2-4ghz-wi-fi-is-too-unreliable-and-crowded/

from:https://www.techtalkthai.com/apple-and-cisco-suggested-not-to-use-2-4ghz-wi-fi-for-apple-device/

Microsoft Translator App รองรับการแปลภาษาแบบ Real-time ไปกลับระหว่าง 2 ภาษาได้แล้ว

microsoft_translator_screen640x640

เป็นข่าวที่น่าสนใจมากสำหรับวงการ Enterprise IT ที่ต่อไปเราจะช่วยให้พนักงานในองค์กรสามารถพูดคุยกับลูกค้าหรือพาร์ทเนอร์ชาวต่างชาติได้ง่ายขึ้นแล้ว เมื่อ Microsoft ออกอัพเดต Translator App ให้บนทั้ง iOS, Apple Watch, Android, Android Wear สำหรับให้ทำการแปลบทสนทนาที่เกิดขึ้นแบบตัวต่อตัวได้อย่าง Real-time

วิธีการใช้งานนั้นก็ไม่ยุ่งยากแต่อย่างใด เพียงแต่ติดตั้ง Microsoft Translator บนทั้ง Smartphone และ Smart Watch ที่มี แล้วทำการเปิดใช้งาน Microsoft Translator บนทั้งคู่ จากนั้นเราก็ทำการส่ง Smartphone ให้คู่สนทนาของเรา จากนั้นคำพูดของผู้ที่ถือ Smartphone อยู่นั้นจะถูกแปลมาเป็นภาษาที่ผู้ใช้ Smart Watch ใช้และส่งมาให้เป็นข้อความ และในทางกลับกันเมื่อผู้ใช้ Smart Watch พูด ข้อความก็จะถูกแปลไปเป็นภาษาที่ผู้ใช้ Smartphone ใช้และส่งมาให้เป็นข้อความเช่นกัน

Engine การแปลภาษานี้เป็นชุดเดียวกับที่ Skype Translator ใช้ โดยพัฒนาขึ้นมาจากการใช้ Machine Learning ซึ่งปัจจุบันนี้รองรับภาษาจีนแมนดาริน, ภาษาอังกฤษ, ภาษาฝรั่งเศส, ภาษาเยอรมัน, ภาษาอิตาลี, ภาษาโปรตุเกส และภาษาสเปนแล้ว ส่วนภาษาไทยยังไม่รองรับนะครับ ต้องรอดูกันต่อไป แต่อย่างน้อยคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ก็จะสื่อสารได้กว้างขวางขึ้นแล้วครับ และนี่ก็ถือเป็นอีกตัวอย่างการใช้งาน Smart Watch ที่น่าสนใจเช่นกัน

ผู้ใช้ iOS สามารถโหลดซอฟต์แวร์ได้ที่ http://www.aka.ms/iOSConversationFeatureDownload ส่วนผู้ใช้ Android ก็โหลดได้ที่ http://www.aka.ms/AndroidConversationFeatureDownload เลยนะครับ

ที่มา: http://www.networkworld.com/article/3016923/mobile-wireless/microsoft-translator-app-ios-and-android-heres-how-it-works.html#tk.rss_all

from:https://www.techtalkthai.com/microsoft-translator-app-supported-real-time-translation-on-mobile/

IBM เปิดตัว IBM MobileFirst for iOS App ที่ 100 ตอกย้ำความสัมพันธ์กับ Apple ในการรุกตลาดองค์กรด้วยกัน

ibm_mobilefirst_for_ios_banner

ด้วยการจับมือกันเข้าสู่ตลาด Mobile Enterprise ร่วมกันระหว่าง IBM และ Apple ในที่สุดวันนี้ทั้งคู่ก็ก้าวมาถึงการพัฒนา App ร่วมกันมากถึง 100 ระบบเพื่อตอบโจทย์ขององค์กรต่างๆ ใน 14 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 65 กลุ่มความเชี่ยวชาญ เป็นการผสานกันระหว่างประสบการณ์ของ IBM ในการให้พัฒนาระบบประมวลผลข้อมูล, การทำ Big Data Analytics และการให้บริการธุรกิจระดับองค์กรเข้ากับความสามารถของ Apple ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอสุดยอดประสบการณ์แก่ผู้ใช้งานเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ดังตัวอย่างต่อไปนี้

  • AXA เปลี่ยนประสบการณ์ของบริการให้คำปรึกษาในธุรกิจประกันภัยให้น่าประทับใจขึ้นด้วย iOS Device ร่วมกับการประมวลผลข้อมูลจาก IBM
  • Abu Dhabi Islamic Bank ให้คำปรึกษาทางการเงินและการลงทุนโดยอ้างอิงจากข้อมูลของลูกค้าแต่ละราย และการวิเคราะห์ข้อมูลรายบุคคลบน iOS Device
  • Bosch BSH ให้ทีมบริการซ่อมแซมผลิตภัณฑ์สามารถให้บริการลูกค้าแต่ละรายได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยข้อมูลของปัญหาและวิธีการแก้ไขผ่าน iPad
  • SAS สายการบินที่ใหญ่ที่สุดใน Scandinavia สามารถให้บริการผู้โดยสารรายบุคคลได้จากข้อมูลของผู้โดยสารแต่ละรายในอดีตที่ผ่านมาด้วย Passenger+ App

นอกจากนี้ IBM ยังมีแผนที่จะ Integrate ระบบ Watson ให้สามารถทำงานร่วมกับ IBM MobileFirst for iOS เพื่อนำความสามารถในการทำ Cognitive Computing ให้กลายเป็นผู้ช่วยเสมือนที่สามารถให้คำแนะนำต่างๆ แก่เจ้าหน้าที่แต่ละคนจากการเรียนรู้และประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลที่อยู่ในองค์กรได้อีกด้วยในอนาคต

ไม่เพียงเท่านี้ ขณะนี้ IBM ก็กำลังพัฒนา App ต่างๆ ให้รองรับ iPad Pro รวมถึงยังทำการพัฒนา App ให้สามารถใช้งาน Apple Pencil ในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย

ที่มา: http://www-03.ibm.com/press/us/en/pressrelease/48482.wss

from:https://www.techtalkthai.com/ibm-launched-100th-ibm-mobilefirst-for-ios-app/

ผลวิจัยชี้ iOS App และ Android App แอบส่งข้อมูลส่วนตัวของเราออกไปมากกว่าที่เราคิด

นักวิจัยจาก MIT, Harvard และ Carnegie Mellon ได้ทำการทดสอบ Application ชื่อดัง 110 App บน Apple iOS และ Google Android ที่มีให้โหลดใช้งานได้ใน Google Play Store และ Apple App Store ด้วยการทำ Man-in-the-Middle Proxy เพื่อตรวจสอบ Traffic ที่รับและส่งออกไปจาก App เหล่านี้ และพบกับความพยายามในการส่งข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งานออกไปยังผู้ให้บริการ 3rd Party ซึ่งชี้ให้เห็นถึงอันตรายที่อาจเกิดจากการที่ข้อมูลความเป็นส่วนตัวนั้นรั่วไหลออกไปยังปลายทางที่ผู้ใช้งานไม่รู้จักตัวตน โดยที่ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่ามีข้อมูลรั่วไหลออกไป โดยมีตัวเลขสถิติที่น่าสนใจดังนี้

Credit: ShutterStock.com
Credit: ShutterStock.com
  • 73% ของ Android App มีการส่งข้อมูลส่วนตัวเช่น ชื่อและ Email ของผู้ใช้งานออกไปยัง 3rd Party Server ในขณะที่ iOS App มีเพียง 16%
  • 47% ของ iOS App มีการส่งข้อมูลตำแหน่งของผู้ใช้งานออกไปยัง 3rd Party Server ในขณะที่ Android App มี 33%
  • 10% ของ Health & Fitness App มีการส่งข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้งานออกไปยัง 3rd Party
  • 3rd Party ที่มีการรับข้อมูลเรียงจากมากไปน้อยได้แก่ Google.com (36%), Googleapis.com (18%), Apple.com (17%) และ Facebook.com (14%)
  • 93% ของ Android App มีการเชื่อมต่อออกไปยัง Domain ต้องสงสัยในระหว่างที่ทำ Background Process
  • Android App มีการเชื่อมต่อออกไปยัง 3rd Party Domain ถึง 3.1 Domain ต่อ App
  • iOS App มีการเชื่อมต่อออกไปยัง 3rd Party Domain ถึง 2.6 Domain ต่อ App

ในรายงานนี้ยังได้เสนอว่าระบบปฏิบัติการของอุปกรณ์พกพาเหล่านี้ควรจะต้องออกแบบให้ผู้ใช้งานรับรู้ถึงประเด็นการรั่วไหลของข้อมูลเหล่านี้เพิ่มเติม เพื่อให้ผู้ใช้งานตัดสินใจรักษาข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของตัวเองเอาไว้ เพราะถึงแม้ปัจจุบันจะมีระบบ Permission แต่ระบบเหล่านั้นก็ไม่ได้มีการบ่งบอกว่าข้อมูลที่อนุญาตให้เข้าถึงนี้จะถูกส่งออกไปที่ใด

ที่มา: http://jots.pub/a/2015103001/

from:https://www.techtalkthai.com/research-found-ios-app-and-android-app-send-personal-data-to-3rd-parties/

[PR] ThaiCERT เตือนระวังภัย พบโปรแกรม Xcode ปลอม แอบฝังโค้ดอันตรายลงแอป iOS ผู้ใช้ WeChat ได้รับผลกระทบ

22 กันยายน 2558 — สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ( องค์การมหาชน ) ( สพธอ. ) หรือ ETDA ( เอ็ตด้า ) กระทรวงไอซีที โดย ThaiCERT ( ไทยเซิร์ต ) แจ้งว่านักวิจัยด้านความมั่นคงปลอดภัยจากบริษัท Palo Alto Networks สหรัฐอเมริกา ได้รายงานการค้นพบมัลแวร์ชื่อ XcodeGhost ซึ่งเป็นการนำโปรแกรม Xcode ของ Apple มาแก้ไขใหม่ โดยให้โปรแกรม Xcode แอบเพิ่มโค้ดอันตรายลงในแอปพลิเคชัน iOS ที่นักพัฒนาเผยแพร่ด้วย ซึ่งโค้ดอันตรายดังกล่าวมีทั้งแอบขโมยข้อมูลส่วนตัวหรือหลอกขโมยชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่าน

malware_1

ทั้งนี้ Xcode เป็นโปรแกรมสำหรับใช้พัฒนาแอปพลิเคชันบนระบบปฎิบัติการณ์ iOS ซึ่งโปรแกรมนี้ต้องติดตั้งบนระบบปฏิบัติการ Mac OS X เนื่องจากไฟล์ติดตั้งโปรแกรม Xcode มีขนาดใหญ่ และนักพัฒนาต้องดาวน์โหลดโปรแกรมนี้มาจากเซิร์ฟเวอร์ของ Apple ซึ่งหลาย ๆ ภูมิภาคในประเทศจีนนั้นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไปยังเซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศเป็นไปได้ช้า ทำให้นักพัฒนาบางส่วนเลือกที่จะดาวน์โหลดซอฟต์แวร์จากแหล่งดาวน์โหลดภายในประเทศแทน

จากรายงานของบริษัท Palo Alto Networks ระบุว่ามีผู้อัปโหลดโปรแกรม Xcode เวอร์ชันดัดแปลงขึ้นไปไว้บนเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการฝากไฟล์แห่งหนึ่งในประเทศจีน โดยโปรแกรม Xcode เวอร์ชันดัดแปลงนี้จะลักลอบเพิ่มโค้ดลงในแอปพลิเคชัน iOS ที่ผู้ใช้พัฒนาอยู่ เมื่อมีการคอมไพล์ซอร์สโค้ดโปรแกรม Xcode จะใส่โค้ดสำหรับขโมยข้อมูลส่วนตัวหรือหลอกขโมยชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านลงในแอปพลิเคชันนั้นด้วย ซึ่งกรณีนี้นักพัฒนาจะไม่ทราบถึงความผิดปกติ และเมื่อมีการส่งแอปพลิเคชันขึ้นไปบน App Store ก็มีโอกาสที่จะผ่านกระบวนการตรวจสอบของ Apple และสามารถถูกดาวน์โหลดไปติดตั้งลงในเครื่องของผู้ใช้ได้โดยง่าย ซึ่งในกรณีนี้ ผู้ใช้งานอุปกรณ์ iOS ที่ไม่ได้ Jailbreak ก็สามารถติดมัลแวร์ได้

ทางบริษัท Palo Alto Networks ได้เปิดเผยรายชื่อแอปพลิเคชันที่ได้รับผลกระทบจากการที่นักพัฒนาใช้โปรแกรม Xcode เวอร์ชันดัดแปลง โดยหนึ่งในนั้นมีรายชื่อแอปพลิเคชัน WeChat ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันสนทนาที่มีผู้ใช้งานในประเทศไทยพอสมควร

ผลกระทบ

ผู้ใช้งานอุปกรณ์ iOS ซึ่งทำการติดตั้งแอปพลิเคชันที่ถูกแอบฝังโค้ดอันตราย อาจถูกขโมยข้อมูลส่วนตัวหรือถูกหลอกขโมยชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านได้

ระบบที่ได้รับผลกระทบ

ผู้ใช้งานอุปกรณ์ iOS ที่ติดตั้งแอปพลิเคชันที่ถูกแอบฝังโค้ดอันตราย โดยทาง Palo Alto Networks Fox-it แจ้งว่ามีประมาณมากกว่า 50 แอปพลิเคชัน [1] ตัวอย่างรายชื่อแอปพลิเคชันที่ได้รับผลกระทบ เช่น

  • WeChat เวอร์ชัน 2.5 [3]
  • WinZip
  • CamScanner
  • CamCard
  • Oplayer
  • PDFReader
  • Perfect365

ข้อแนะนำในการป้องกันและแก้ไข

ปัจจุบันโปรแกรม Xcode เวอร์ชันดัดแปลงถูกลบออกจากเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการฝากไฟล์ดังกล่าวแล้ว รวมถึงแอปพลิเคชัน iOS ที่ติดมัลแวร์ก็ถูก Apple นำถอดออกจาก App Store เป็นการชั่วคราวแล้วเช่นกัน

สำหรับนักพัฒนา ควรตรวจสอบว่าดาวน์โหลดโปรแกรม Xcode หรือโปรแกรมอื่น ๆ ที่ใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชัน จากแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ เช่น จากเว็บไซต์ของผู้พัฒนาโดยตรง หากพบว่าโปรแกรมที่ติดตั้งอยู่มาจากแหล่งที่มาที่ไม่แน่ใจ ควรถอนการติดตั้งและดาวน์โหลดมาติดตั้งใหม่

สำหรับผู้ใช้งานอุปกรณ์ iOS ควรตรวจสอบรายชื่อแอปพลิเคชันที่ได้รับผลกระทบ หากยังไม่มีการเผยแพร่อัปเดต ควรลบแอปพลิเคชันดังกล่าวออกจากเครื่องก่อนเพื่อความปลอดภัย

หมายเหตุ: ปัจจุบันผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน WeChat มีการประกาศอัปเดตเวอร์ชันที่มีการแก้ไขปัญหาแล้ว ผู้ใช้งานสามารถอัปเดตเป็นเวอร์ชัน 6.2.6 ได้ทันที ตามประกาศ

wechat-apple

from:https://www.techtalkthai.com/thaicert-etda-xcodeghost-wechat-by-palo-alto-networks/

Apple จับมือ Cisco เสริมความสามารถ iOS Device ให้ตอบโจทย์ตลาดองค์กรมากยิ่งขึ้น

Apple ประกาศเป็นพันธมิตรกับ Cisco เพื่อทำให้การนำ iOS Device ของ Apple ไปใช้งานภายในระบบเครือข่ายขององค์กรเพื่อการทำงานเป็นไปได้อย่างดียิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันก็เสริมความสามารถในการติดต่อสื่อสารด้วยโซลูชั่นจาก Cisco Collaboration เข้าไปบน iPhone และ iPad ด้วยเช่นกัน

cisco_collaboration_ix5000_series

ทั้งนี้คงจะปฏิเสธไม่ได้แล้วว่าการนำ iOS Device จาก Apple เข้าไปใช้งานในองค์กรนั้น ได้เป็นที่แพร่หลายจนเรียกได้ว่า iOS Device กลายเป็นส่วนหนึ่งของ IT Infrastructure สำหรับองค์กรไปแล้ว Apple กับ Cisco จึงร่วมมือกันเพื่อให้การนำ iOS Device มาใช้งานภายในระบบเครือขายขององค์กรนี้มีประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือมากขึ้น เพื่อให้พนักงานในองค์กรสามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วขึ้นนั่นเอง

นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือกันเพื่อให้ระบบ Cisco Collaboration ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Voice หรือ Video นั้น สามารถใช้งานบน iOS Device ได้ดีขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่เหมือนกันระหว่างการสื่อสารผ่าน iOS Device หรือโทรศัพท์ประจำโต๊ะ และทำให้การสื่อสารเพื่อการทำงานนั้นง่ายยิ่งขึ้น

ด้วยการสนับสนุนจาก Apple นี้ จะทำให้ Cisco สามารถนำเสนอประสบการณ์การทำงานรูปแบบใหม่ๆ ผ่าน iOS Device, Cloud และระบบ Collaboration ในองค์กรอย่าง Cisco Spark, Cisco Telepresence และ Cisco WebEx ให้การทำงานร่วมกันเป็นทีม และการนัดประชุมภายในองค์กรเป็นไปได้อย่างดียิ่งขึ้น

ที่มา: http://www.apple.com/pr/library/2015/08/31Apple-and-Cisco-Partner-to-Deliver-Fast-Lane-for-iOS-Enterprise-Users.html 

from:https://www.techtalkthai.com/apple-with-cisco-to-improve-ios-device-for-enterprise-users/