คลังเก็บป้ายกำกับ: VIEW

Wiko ขนทัพสมาร์ทโฟนและโปรโมชั่นพิเศษ ในงาน Thailand Mobile Expo 2018

Wiko (วีโก) สมาร์ทโฟนจากฝรั่งเศส ตอกย้ำคอนเซ็ปต์สมาร์ทช้อยส์ ขนทัพสมาร์ทโฟนรวมทุกเทคโนโลยี สเปคจัดเต็ม ในราคาคุ้มค่าพร้อมโปรโมชั่นและรับฟรีทันทีของสมนาคุณมากมาย

ภายในงาน พบกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด Wiko View2 Pro กับหน้าจอขนาดใหญ่ 6 นิ้ว อัตราส่วน 19:9 Full view ชัดเจนเต็มจอ กล้องหลังคู่ 16+8 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์มุมกว้าง 120 องศา และกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล เสริมด้วย Face Unlock สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกรวดเร็วในพริบตา Video stabilization ระบบป้องกันการสั่นไหวเมื่อถ่ายวิดีโอ ดีไซน์พรีเมียม 2 สีคือ ดำแอนทราไซท์(Anthracite) และ ทอง(Gold) ในราคาเพียง 7,990 บาท โดยสีดำแอนทราไซท์มีจำหน่ายในงานฯ ส่วนสีทองเปิดให้จอง ชำระค่ามัดจำ 1,000 บาท สามารถรับสินค้าได้ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน เป็นต้นไป

สำหรับใครที่เน้นความคุ้มค่า ต้องไม่พลาดกับ Wiko View Max หน้าจอขนาด 5.99 นิ้ว สนุกได้ทั้งวันกับแบตเตอรี่ที่มีความจุถึง 4,000 มิลลิแอมป์ ทุกภาพถ่ายคมชัดด้วยกล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล ให้ภาพที่คมชัดแม้แสงน้อย ใช้งานหลายโปรแกรมในเวลาเดียวกันได้ไม่สะดุด ในดีไซน์เรียบหรู 3 สี ดำแอนทราไซท์(Anthracite), ทอง(Gold), แดงเชอร์รี่เรด(Cherry Red) ในราคาคุ้มค่า 3,890 บาท

พร้อมพบกับสมาร์ทโฟนรุ่นต่าง ๆ ของวีโก อาทิ รุ่นพี่สเปคดี ราคาคุ้มค่า อย่าง View Prime, View XL, View และรุ่นน้องสเปคครบ ราคาสุดคุ้ม อย่าง Tommy3, Lenny4 Plus, Jerry3, Sunny2 Plus ที่บูธวีโก ในงาน “Thailand Mobile Expo 2018” ระหว่างวันที่ 24 – 27 พฤษภาคมนี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/WikoThailand

from:http://www.flashfly.net/wp/219121

TicToc เครือข่าย Bloomberg บน Twitter มียอดผู้ชม 750,000 รายต่อวัน

Photographer: Jason Alden
+44 (0) 7810631642
mail@jasonalden.com
http://www.jasonalden.com

เป็นสัญญาณความสำเร็จที่หอมหวานสำหรับ Bloomberg ที่ทำเครือข่ายข่าวแบบ exclusive ให้ Twitter ตลอด 24 ชั่วโมง โดยหลังจากเปิดตัวเพียง 1 เดือน วันนี้ TicToc โกยยอดชมได้ทะลุ 750,000 รายต่อวัน

TicToc เป็นช่องเผยแพร่ข่าวซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ของตัวเองรายงานข่าวจากทั่วโลก จุดเด่นคือการผสมผสานทั้งข่าวที่เป็นวิดีโอ ภาพนิ่ง และโพลจากผู้ใช้ Twitter

ล่าสุด Bloomberg ระบุว่าวันนี้ TicToc มียอดผู้ชมเฉลี่ย 750,000 รายต่อวัน และมีผู้ชมรายวันเกิน 1 ล้านครั้ง คาดว่าตัวเลขนี้จะทยานจะสู่ 2 ล้านคนต่อวันภายในไม่กี่เดือนนับจากนี้

สถิตินี้ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะ TicToc เพิ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา แต่ TicToc ทำให้เกิดการสนทนาบน Twitter ถึง 50 ล้านครั้ง (tweet impression) จุดนี้ต้นสังกัด TicToc คุยฟุ้งว่าผู้ติดตามบัญชี Twitter ของ TicToc ในขณะนี้เพิ่มขึ้นเป็น 119,000 รายแล้ว

เรื่องนี้ Scott Havens หัวหน้าฝ่ายดิจิทัลของ Bloomberg Media ให้ความเห็นว่าเพราะในขณะที่ Twitter เป็นแพลตฟอร์มที่หลากหลาย มีความเห็นและผู้เผยแพร่ข่าวสารมากมายบน Twitter แต่ผู้ใช้รู้ว่า ความสามารถในการสื่อสารกับทุกคนของ Bloomberg จะดีขึ้นมากหากผู้ใช้ติดตามเรา ตัวเลขการติดตามจึงเพิ่มสูงขึ้น และเป้าหมายหลักของ Bloomberg คือการผลักดันตัวเลขดังกล่าวให้สูงขึ้นไปอีก

ที่มา: Digiday

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2018/01/tictoc-bloomberg-twitter-view/

เจาะ 10 มือถือเด่น Thailand Mobile Expo อย่าเพิ่งคิดซื้อ ถ้ายังไม่รู้จักรุ่นเหล่านี้!

เปิดฉากแล้วครับ สำหรับงาน Thailand Mobile Expo ที่สุดของงานมหกรรมงานโชว์และการจำหน่ายมือถือของประเทศไทย โดยงานเริ่มจัดกันตั้งแต่วันที่ 28 กันยายนที่จะถึงนี้ ไปจนถึงวันที่ 1 ตุลาคมเดือนหน้า ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

และในครั้งนี้ นับเป็น Mobile Expo ที่มีสมาร์ทโฟนหลากหลายรุ่น และหลากหลายแบรนด์มือถือใหม่ๆ เข้าร่วมภายในงานมากเป็นประวัติการณ์เลยครับ เพราะมีทั้งแบรนด์ใหม่ แบรนด์ใหญ่ แบรนด์เล็ก แบรนด์น้อย ซึ่งต่างก็โชว์ของเด็ดที่ตัวเองมั่นใจ

แต่ทาง Appdisqus จัดคัดมาให้สิบรุ่นเด็ด! ที่นำมาเจาะจุดแข็งและจุดอ่อนกันในบทความนี้ ซึ่งทั้งสิบเป็นรุ่นที่เราจะขอยกให้เป็นไฮไลค์ภายในงาน Mobile Expo ครั้งนี้เลยละครับ และจะขอแนะนำว่าถ้ายังไม่พิจารณาสมาร์ทโฟนรุ่นเหล่านี้ซะก่อนตัดสินใจซื้อรุ่นใดไป ถือว่าพลาดเลยละ

1. Gionee m7 power

แบรนด์ใหญ่จากจีน ที่เข้ามาเป็นน้องใหม่ในไทย เริ่มจะทำตลาดกันไปบ้างแล้วในบ้านเรา แต่ไฮไลค์ของงานนี้ คือการที่ Gionee จะนำสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดของพวกเขา มาเปิดตัวให้ชาวไทยได้เห็นเครื่องตัวจริงกันเป็นประเทศแรกๆ ของโลก นั้นคือ Gionee M7 Power

M7 Power จะมากับจอแสดงผลแบบไร้ขอบขนาดหน้าจอ 6 นิ้ว บนความละเอียด FHD+ 2160 x 1080 พิกเซล  ใช้หน่วยประมวล MediaTek ตัวแรง นั้นคือ Helio P30 และมีแรมมาให้มากถึง 6GB หน่วยความจำ 64GB อาจจะมาพร้อมกับรุ่นที่สเปคเล็กกว่า เช่นแรมขนาด 4GB และ หน่วยความจำ 32GB

ซึ่งคาดว่าจะมีจุดขายที่น่าสนใจเป็นเรื่องของราคาจำหน่าย และอาจจะมีข้อมูลอีกมากมายจากภายในงานเปิดตัววันที่ 28 ในงาน Mobile Expo ครับ

จุดเด่น

  • หน้าใหม่ น่าสนใจ
  • หน้าจอไร้ขอบ

จุดอ่อน

  • ยังไม่เห็นโปรโมชั่นและราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ

รายละเอียด


2. Huawei nova 2i

เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการแบบสดๆ ร้อนๆ ความน่าสนใจของเจ้า nova 2i คือการเป็นสมาร์ทโฟนกล้องสี่ตัวเครื่องแรกของประเทศไทย และมีการประกาศราคาจำหน่ายที่ค่อนข้างถูกใจแฟนๆ มากทีเดียว

ด้วยสเปคเครื่องที่ไม่เป็นสองรองใคร บนหน้าจอแบบเต็มพื้่นที่ด้านหน้า สัดส่วน 18:9 และกล้องคู่หน้าหลังรวมสี่ตัว ในราคาจำหน่าย 10,900 บาท ก็ว่าเร้าใจสุดๆ อยู่แล้ว แต่งานนี้ Huawei เหมือนกลัวจะไม่หนำใจกัน เตรียมของแถมสำหรับผู้ที่สั่งจอง เป็นอุปกรณ์เสริม สายข้อมือ Color Band A2 และตาชั่ง Body Fat Scale ไปด้วย รวมมูลค่าของแถม 5,980 บาท หรือว่าเดินครึ่งของราคาสมาร์โฟนไปซะอีก

เสียเพียงอย่างเดียว ไม่มีของมาขายนะจ๊ะ มีแต่ของมาให้จองเท่านั้น ลงชื่อจองกันไว้ก่อน อีกเดือนนึงค่อยมารับของ – – นานไปมั้ย ถามใจตัวเองดูครับ

จุดเด่น

  • หน้าจอไร้ขอบ 18:9 บนความละเอียด FHD+
  • กล้องคู่หน้าหลัง รวมสี่ตัว เครื่องแรกของประเทศไทย
  • ราคาจำหน่ายถูกมาก 10,900 จองก่อนรับของแถมรวมมูลค่า 5,980 บาท

จุดอ่อน

  • มีแต่ตัวโชว์ ไม่มีตัวขายในงาน
  • อยากได้ต้องอดทน รอไปอีกหนึ่งเดือนพอดิบพอดีของค่อยเข้ามือ

รายละเอียด


3. Vivo v7+

เรียกว่าเหยียบตีนกันกับตัวข้างบนเลยครับ สเปคใกล้กันมาก เปิดตัวใกล้กัน ราคาใกล้กัน แต่มีความแตกต่างเล็กน้อยตรงไม่ได้ใช้กล้องคู่สักด้าน กล้องหน้าก็เดี่ยว กล้องหลังก็เดี่ยว แต่ซัดความละเอียดให้มาสูงลิ่ว กล้องหน้า 24 ล้านพิกเซล กล้องหลัง16 ล้านพิกเซล PDAF และระบบ Ultra HD ที่ขยายความละเอียดของภาพที่ถ่ายได้สูงสุด 64 ล้านพิกเซลด้วยซอฟท์แวร์

หน้าจอใหญ่กว่า nova 2i เล็กน้อย เพราะเป็นหน้าจอขนาด 5.99 นิ้ว แต่ความละเอียดหน้าจอกลับเป็นแค่ HD+ 1440×720 พิกเซล โดยรวมแล้วนอกจากเรื่องของความละเอียดหน้าจอกับราคาและของแถมซึ่งดูจะเสียบเปรียบ Huawei nova 2i แต่เจ้า Vivo V7+ ก็ดูมีภาษีดีกว่าในเรื่องของขนาดจอ งานออกแบบวัสดุตัวเครื่องที่ดูมีราคากว่า และความละเอียดกล้องหน้าสูงลิ่วแม้จะไม่ใช่กล้องคู่ และที่สำคัญคือมีของพร้อมจำหน่ายในงานเลยครับ ซื้อก่อนใช้ก่อน พร้อมมีของแถมติดไม้ติดมือกลับบ้านไม่น้อยหน้าใคร

จุดเด่น

  • เป็นเครื่องหน้าจอขนาด 5.99 นิ้ว แบบไร้ขอบ สัดส่วน 18:9 ที่มีสเปคน่าสนใจ
  • มีของพร้อมขายภายในงานเลย
  • จัดเซ็ตของแถมมาให้ไม่น้อยหน้าแบรนด์ใด

จุดอ่อน

  • ตัดสินใจยาก เพราะมีคู่แข่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน


รายละเอียด


4. Wiko View และ View XL

สองคู่หูสะเทือนวงการตลาดล่าง เจ้าคู่นี้ถือว่าเข้ามายกระดับวงการสมาร์ทโฟนราคาต่ำให้ผลัดเปลี่ยนยุคสมัยกันเลย เพราะเจ้า Wiko View และ Wiko View XL เป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอขนาดเกือบๆ หกนิ้ว ที่มาในรูปทรง 18:9 แบบเกือบจะไร้ขอบตามสมัยนิยม ซึ่งในขณะที่เจ้าอื่นขายกันหลักหมื่น แต่เจ้า Wiko View และ Wiko View XL ดันขายอยู่ที่ 4,990บาท และ 5,990 บาทซะอย่างงั้น

เรียกว่าแค่ราคาและหน้าจอที่ได้มา ก็ไม่ต้องพูดถึงความคุ้มค่าแล้วละครับ แต่ทั้งคู่ก็ยังมาพร้อมกับสเปคเครื่องที่ดีพอตัว โดยจะมีสเปคที่ใกล้เคึียงกันแต่ต่างกันแค่เรื่องของขนาดหน้าจอ โดย View XL จะอยู่ที่ 5.99 นิ้ว มีหน่วยความจำ 32GB ส่วนตัว Wiko View จะมีหน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว หน่วยความจำภายใน 16GB โดยมีขนาดแบตที่ต่างกันเพียงนิดเดียวครับ 3,000 mAh และ 2,900 mAh ตามลำดับ

ทั้งสองเครื่องมีเครื่องจริงพร้อมจำหน่ายภายในงานกันเลยด้วยครับ แต่ทาง Wiko แจ้งมาว่ามีจำนวนจำกัด และมีจำกัดสีเครื่องที่นำเข้ามาขายกันในช่วงแรกนี้ด้วยครับ ฉะนั้นใครที่อยากได้ ต้องรีบกันหน่อยครับ

จุดเด่น

  • ถูกมาก เมื่อเทียบกับสเปค
  • หน้าจอไร้ขอบ 18:9 ในราคาแค่ไม่กี่พัน
  • มีของจำหน่ายเลยภายในงาน

จุดอ่อน

  • มีมาขายจำนวนจำกัด และจำกัดสีเครื่อง ต้องเร็ว ต้องแย่งกันหน่อย
  • ชื่อชั้นแบรนด์ยังไม่แข็งแกร่ง


รายละเอียด


5. Wiko View Prime

อีกหนึ่งตัวจากแบรนด Wiko เช่นกัน แต่ขยับราคาขึ้นมาอีกหนึ่งสเต็ป และขอเพิ่มความเทพด้วยการมาพร้อมกับกล้องหน้าคู่ซะด้วยครับ หน้าจอแบบสัดส่วน 18:9 ขนาด 5.7 นิ้ว ตามสมัยนิยมเช่นเดียวกัน ใช้หน่วยประมวลผล Snapdragon 430 Quad-Core 1.4 GHz แรมขนาด 4GB หน่วยความจำภายใน 64GB เรียกว่าด้านสเปคก่ำกึ่งมากว่าจะเป็นรุ่นตลาดไหนกันแน่?

จอเทพ แรมเยอะหน่วยความจำเยอะ กล้องคู่ แต่ใช้ตัวประมวลผลรุ่นเล็ก แต่ก็เป็นเล็กตัวใหม่ Snapdragon 430 ฉะนั้นไปตัดสินใจกันเอง เพราะเจ้าตัวนี้เด่นในเรื่องของราคาเช่นกัน กึ่งเทพ กึ่งเป็ดแบบนี้ ขายกันที่ 7,990 เท่านั้นครับ (โอเค คุ้มโคตร)

แต่ช้าก่อน นี้เป็นเครื่องอีกหนึ่งรุ่นที่คุณจะไม่มีวันได้เป็นเจ้าของกันทันที ถายในงาน Thialand Mobile Expo ครั้งนี้ครับ เพราะมีเพียงแค่การเปิดสั่งจองเท่านั้น จะรับของจริงๆ กันก็อีกประมาณหนึ่งเดือนหลังจบงานพร้อมรับของแถมสำหรับผู่ที่สั่งจอง โดยมีรายละเอียดการสั่งจองตามลิงก์ที่ผมจะแนบไว้ด้านล่างใต้รูปเครื่องครับ

จุดเด่น

  • ร่างทรงครึ่งเทพ จอใหญ่ ไร้ขอบ 18:9 แรม 4GB รอม 64GB แต่ใช้ Snapdragon 430
  • กล้องหน้าคู่ในราคา 7,990 บาท จะเอาอะไรอีก (เอาของแถมไง ให้เยอะด้วย)

จุดอ่อน

  • ของยังไม่มีขาย ลงชื่อจองไว้ก่อน
  • ชื่อชั้นแบรนด์ยังไม่แข็งแกร่ง

รายละเอียด


6. Moto G5s plus

สุดยอดสมาร์ทโฟนแห่งความ “สะ มะ ดุล” ^^

อะไรจะลงไปตัวไปหมดขนาดนี้ หน้าจอ 5.5 นิ้ว FullHD แรม 4GB รอม 32GB สองซิมแบบ Dual Standby ตัวเครื่องโลหะ มีที่สแกนนิ้ว กล้องหลังคู่ ระบบ Android 7.1.1 ใหม่ล่าสุดแบบ Pure Android หนึ่งเดียวในบทความนี้ที่มีการันตี 100% ว่าจะได้รับการอัพเดทระบบไปอย่างน้อยหนึ่งเจนเนอเรชั่น แบตเตอรี่ 3,000 mAh ที่ใช้จริงได้โคตรอึด แถมมีระบบชาร์จไว TurboPower

ราคาก็กำหนดต่ำหมื่นพอดีเป๊ะ เรียกว่ากำหนดมาได้แบบไร้จุดอ่อน ทั้งการใช้งานในปัจจุบัน, อนาคต และโปรโมชั่น เพราะรู้กันหรือยังครับ ว่าราคาของ Moto G5s Plus ประกาศมาที่ 9,990บาทว่าก็ถูกแล้ว แต่มีโปรโมชั่นร่วมกันกับทาง TrueMove H สำหรับผู้ที่ซื้อเครื่องพร้อมจดทะเบียนซิมรายเดือน 599 บาทขึ้นไป สามารถซื้อเครื่องได้ในราคาแค่ 4,990 บาทเท่านั้นครับ

จุดเด่น

  • Pure Android
  • การันตีอนาคตได้รับการอัพเดทระบบอย่างแน่นอน 100%
  • สเปคเครื่องสมดุลมาก ลงตัวพอดีัใช้
  • กล้องคู่เครื่องแรกจากแบรนด์ Moto แถมเป็นกล้องคู่ที่มีความละเอียด 13 ล้าน + 13 ล้าน เท่ากันทั้งสองเลนส์
  • โปรโมชั่นร่วมกับเครือข่าย True ลดราคาโหดมาก

จุดอ่อน

  • กลางๆ ไปหมด ปลอดภัยเกินไป (ข้อเสียใช่มั้ยเนี่ย – -)
  • – “- นึกไม่ออก

รายละเอียด


7. Samsung Galaxy Note 8

เครื่อง Hi-End เพียงหนึ่งเดียวที่มีกระแสแรงพอต้านทานเครื่องราคาตลาดล่าง ที่เข้ามาจำหน่ายในงาน Mobile Expo

Samsung Galaxy Note 8 เป็นเครื่องเดียวในเครื่องสิบรุ่น ที่มีราคาจำหน่ายสูงกว่าสองหมื่นบาท (เพราะมันสามหมื่นกว่าบาท ^^) จริงๆ ในงาน Mobile Expo ครั้งนี้ มีเครื่องเรือธงหลายรุ่นที่น่าสนใจ มาเปิดจำหน่ายและทำโปรโมชั่นภายในงานเป็นสิบรุ่นครับ แต่มีเพียงรุ่นเดียวที่ Appdisqus จับเอาเข้ามาอยู่ในสิบมือถือเด่นเพราะ มันมีกระแสความนิยมที่ค่อนข้างดี, มันเพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน . และมันมีความสามารถในการใช้งานที่น่าจับตามอง

Samsung Galaxy Note 8 นับเป็นสมาร์ทโฟนที่ Appdisqus ยกให้เป็นสุดยอดอุปกรณ์อรรถประโยชน์สูงที่สุดแห่งยุคครับ มันครบเครื่องและมีประสิทธิภาพสูงรอบด้าน เต็มไปด้วยนวัตกรรมใหม่ ทั้งหน้าจอ การประมวลผล กล้องถ่ายภาพ และปากกาที่หาคู่แข่งไม่ได้แล้วในตลาดมือถือตอนนี้ ยังไม่พูดถึงบริการต่างๆ ของทาง Samsung ที่พัฒนาเพื่อให้สมาร์ทโฟนระดับสูงของเขาสามารถใช้งานได้แต่เพียงผู้เดียวเช่น Samsung Pay, Galaxy Gift และบริการยิบย่อยอีกมากมาย พร้อมทั้งอุปกรณ์เสริมเยอะมากที่ออกมารองรับ

จุดเด่น

  • ประสิทธิภาพสูง อรรถประโยชน์มากมายแบบที่หาคนเทียบยาก
  • การใช้งานรอบตัวมัลติฟังก์ชั่นที่สุด
  • มีบริการและอุปกรณ์เสริมมากมายของ Samsung มารองรับ

จุดอ่อน

  • ราคาสูง
  • ของแถมไม่สะใจ

รายละเอียด


8. Samsung Galaxy J7+

อีกหนึ่งรุ่นจากทาง Samsung และเป็นอีกหนึ่งรุ่นของแบรนด์ใหญ่แบรนด์นี้ที่มาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพแบบกล้องคู่ที่ด้านหลังครับ

จุดเด่นของเจ้าตัวนี้ที่ทำให้คนสนใจก็วิเคราะห์ไม่ยาก คือมันเป็นตัวเลือกราคาไม่แพงบนแบรนด์ใหญ่ชื่อคุ้นหู ที่ีมาในกล้องคู่ซึ่งมีราคาถูกกว่า Galaxy Note 8 มากนั้นเอง อยากได้ Samsung แต่สู้ราคาเครื่องท๊อปๆ ไม่ไหว ก็เอา J7+ ไปก็ได้อะไรใหม่ๆ เหมือนกัน ที่สำคัญภายในงาน Mobile Expo ครั้งนี้  มีช่วงนาทีทองล่อใจ ซื้อ Galaxy J7+ หรือ J7 Pro ในเวลาที่ใช่ ก็ลุ้นรับทีวี 32 นิ้วกลับบ้านไปด้วยเลยอีกเครื่องครับ

Galaxy J7+ เป็นเครื่องสเปคระดับกลางๆ ราคากลางๆ แต่กล้องถ่ายภาพระดับท็อปครับ คุณภาพไม่เป็นสองรองใคร มีระบบ Live Focus การจับวัตถุและระยะชัดลึกได้คมและฉลาด ถือเป็นเครื่องสมาร์ทโฟนที่มีกล้องคู่ที่ยอดเยี่ยมครับ แถมมีแรงส่งจากแบรนด์ใหญ่อย่าง Samsung ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าจะขายดีในงาน Mobile Expo ครั้งนี้อีกหนึ่งรุ่นอย่างแน่นอน

จุดเด่น

  • กล้องคู่ที่ยอดเยี่ยม
  • ชื่อชั้นแบรนด์ได้เปรียบเครื่องระดับกลางตัวอื่นๆ
  • Galaxy J เป็นซีรี่ย์ที่ขายดีอยู่เสมอของ Samsung
  • มีทีวี 32 นิ้วให้ลุ้นเป็นการกระตุ้นยอดขาย
  • ของแถมจาก Samsung จัดเต็ม และเด่นเสมอ ในงาน Mobile Expo

จุดอ่อน

  • อยู่ในโซนราคาที่แข่งขันกันดุเดือดมาก
  • ต้องเจอตัวเลือกจากคู่แข่งที่มาในจอยุคใหม่ สัดส่วน 18:9


รายละเอียด


9. Oppo R9s Pro

แทบจะเป็นเครื่องจอหกนิ้วเพียงหนึ่งเดียวที่ยังมาในสัดส่วนเครื่องที่คุ้นตาในงาน Mobile Expo ครั้งนี้ครับ และยังคงเจาะกลุ่มตลาดเดิม คือกลุ่มที่ต้องการสมาร์ทโฟนเพื่อการเซลฟี่ในระดับเทพ เพราะว่า OPPO R9s Pro เป็นสมาร์ทโฟนกล้องหน้าคู่จากแบรนด์เจ้าแม่แห่งการเซลฟี่ของ OPPO นั้นเองครับ

OPPO R9s Pro เป็นเครื่องสมาร์ทโฟนหน้าจอขนาด 6 นิ้ว ที่โชว์จุดเด่นในมาในสามเรื่องสำคัญ คือ จอใหญ่, แบตเยอะ 4,000 mAh พร้อมระบบชาร์จไวขั้นเทพ VOOC  Flash Charge และกล้องหน้าคู่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล + 8 ล้านพิกเซล และเพิ่มมีการเปืดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้ โดยถือว่างาน Mobile Expo เป็นการขายในงานใหญ่อย่างเต็มตัวของเครื่องรุ่นนี้เลยครับ

OPPO R9s Pro ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 13,990 บาท สเปคโดยรวมถึือว่าอยู่ในระดับสูงของ Mid-End ครับ เพราะใช้หน่วยประมวลผลใหม่ของ Qualcomm นั้นคือ Snapdragon 653 แรม 4GB และหน่วยความจำภายใน 64GB

การที่มันมีหน้าจอที่ใหญ๋ และแบตเยอะ พร้อมกล้องหน้าที่ดีมากๆ ตามสไตล์ OPPO เชื่อว่าภายใต้ซีรี่ย์ขายดี OPPO R9s Pro ก็ยังมีความน่าสนใจในจุดขายของตัวมันเองอยู่มากครับ

จุดเด่น

  • หน้าจอขนาดใหญ่ ที่มีแบตเตอรี่เยอะและระบบการชาร์จไวเป็นจุดขายสำคัญ
  • เครื่องกล้องหน้าคู่ จากแบรนด์เจ้าแม่แห่งการเซลฟี่
  • สเปคเครื่องน่าสนใจ อยู๋ในระดับ กลาง ค่อนไป สูง

จุดอ่อน

  • หน้าจอขนาดหกนิ้วยุดใหม่ ทรงยาว 18:9 อาจจะทำให้คนสนใจได้มากกว่า


รายละเอียด


10. Nokia 3310 (3G)

คลาสสิค! อีกความหมายก็หมายถึงมือถือเก่าคร่ำครึที่แม้แต่จะใช้งาน 3G ยังต้องรอเวอร์ชั่นพิเศษ แต่ความคลาสสิคนั้นประเมินค่าไม่ได้ครับ

หนึ่งในมือถือที่เคยโด่งดังมากที่สุดในโลก Nokia 3310 ตำนานล่ำลือความแข็งแกร่งจนไม่แน่ใจว่า พูดกันถึงมือถือหรือยุทโธปกรณ์ทางการทหาร บ้างว่าแกร่งกว่าเพชร บ้างว่าเป็นหนึ่งในมณีอินฟินิตี้ สโตน แต่ยังไงในความเป็นจริงมันก็คือฟีเจอร์โฟนตัวหนึ่งที่ทำอะไรไม่ได้มากนัก แต่จะมีฟีเจอร์โฟนสักกี่รุ่นในปัจจุบัน ที่มีงานเปิดตัวเป็นของตัวเองอย่าง Nokia 3310 ละครับ

HMD Global ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การจัดจำหน่ายมือถือภายใต้แบรนด์ Nokia แต่เพียงผู้เดียในโหลด กำลังจะจัดงานเปิดตัวแถลงข่าว การมาของ Nokia 3310 ในเวอร์ชั่นรองรับ 3G ในงาน Mobile Expo วันที่ 28 กันยายนนี้อครับ และถามว่าพวกเราสนใจมันมั้ย? ก็บอกเลย ว่า “โคตรตื่นเต้น” ^^ ก็ของมันเคยรู้จัก เคยรัก เคยชอบ จะไม่ให้อยากพบหน้าพบตากันอีกครั้งได้อย่างไร และเชื่อว่าไม่ใช่แค่เราที่อยากได้เป็นเจ้าของครับ เพราะงานนี้ Nokia 3310 น่าจะขายดีแบบสมาร์ทโฟนหลายรุ่นต้องอายกันได้เลยละครับ ^^

จุดเด่น

  • นี่มันคือฟีเจอร์โฟน Nokia 3310

จุดอ่อน

  • นี่มันคือฟีเจอร์โฟน Nokia 3310

รายละเอียด


 

เหล่านี้คือมือถือทั้งสิบรุ่น ที่เรา Appdisqus แนะนำให้ผู้ที่ไปเดินงาน Thialand Mobile Expo ได้แวะไปลอง ไปชม ไปสัมผัสเครื่องจริงกัน ก่อนตัดสินใจว่าจะถอยมือถือเครื่องใหม่เป็นรุ่นอะไรกลับมาบ้านครับ และถ้าไม่ชอบไม่สน สุดท้ายอยากจะใช้รุ่นอื่นๆ นอกเหนือไปจากนี้ ถ้าถูกใจยังไงก็คือดีครับ ^^

ขอให้เพื่อนๆ ได้เครื่องสมาร์ทโฟนที่ไร้ปัญหา ได้ร้านค้าดี มีของแถมเต็มมือ และถ้าเจอทีมงาน Appdisqus ภายในงาน แวะทักทายกันได้นะครับ แล้วพบกันในวันที่ 28 กันยา ถึง 1 ตุลาคมที่ศูนย์สิริกิติ์ครับ

 

from:https://www.appdisqus.com/2017/09/28/10-featured-mobile-in-thailand-mobile-expo-2017.html

Wiko เปิดตัวสามสมาร์ทโฟนใหม่! ในซีรี่ย์ Wiko View เน้นจอใหญ่ 18:9 กล้องหน้าคู่ ในราคาไม่เกินแปดพัน (พรีวิว)

วันนี้ Wiko สมาร์ทโฟนจากแบรนด์ฝรั่งเศส จัดงานแถลงข่าวและเปิดตัวสามสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Wiko View Prime, Wiko View XL และ Wiko View ซึ่งเป็นสามสมาร์ทโฟนระบบ Android จอใหญ่ 5.7 นิ้ว, 5.99 นิ้ว และ 5.7 นิ้วตามลำดับครับ


ทั้งสามรุ่นทาง Wiko ตั้งเป้าที่จะใช้เข้ามาสู้ศึกแย่งชิงตลาดในช่วงปี 2560 โดยใช้จุดเด่นในด้านหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ สัดส่วน 18:9 และกำหนดราคาจำหน่ายออกมาในราคาไม่เกินแปดพันบาท ซึ่งเป็นช่วงราคาที่เป็นตลาดสำคัญของเมืองไทยในช่วงนี้ โดยมีเป้าหมายยอดจำหน่ายอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านเครื่อง หรือประมาณ 5% ของส่วนแบ่งตลาดโดยรวม
Wiko ถือว่าเป็นแบรนด์ที่โตเร็วในไทยมากนะครับ เทียบปีต่อปี Wiko จะทำยอดจำหน่ายที่โตแบบหลายร้อยเปอร์เซ็นเลยทีเดียว
และเมื่อเดือนมิถุนายนของปีนี้ ทาง Wiko ก็จำหน่ายเครื่องได้มากกว่ายอดจำหน่ายทั้งปี 2016 ไปแล้วครับ

เรามาดูความน่าสนใจของทั้งสามรุ่นใหม่กันครับ ว่ามันจะมีจุดเด่นที่มาดึงความสนใจจากผู้บริโภคได้แค่ไหน?

Wiko View Prime
ตัวนี้ถือว่าเป็นรุ่นราคาสูงของแบรนด์ Wiko ในช่วงนี้ครับ แต่ก็ยังอยู่ในช่วงราคาประหยัด มาพร้อมกล้องหน้าคู่ 20 ล้านพิกเซล + 8 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นความละเอียดที่สูงมาก สามารถถ่ายภาพเซลฟี่ได้แบบกลุ่ม แบบหน้าชัดหลังเบลอ กล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซลที่มีฟังก์ชั่นถ่ายภาพจัดเต็มมาตามสไตล์ Wiko รวมถึง Super Pixel ที่อัพความละเอียดขึ้นไปได้ถึง 64 ล้านพิกเซล ด้านกล้องถ่ายภาพถือว่าทำออกมาได้น่าสนใจเกินราคาครับ
ตัวเครื่องรองรับสองซิมการ์ดแบบ Dual Active ครับ รองรับการใส่ Micro Sdcard มีที่สแกนลายนิ้วมือด้านหลัง
หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 5.7 นิ้ว สัดส่วน 18:9 ความละเอียด 1440×720 พิกเซล 282 PPI หน้าจอใหญ่เต็มตา สัดส่วนเหมาะสม ความคมชัดระดับปานกลาง ใช้แบตเตอรี่ขนาด 3,000 mAh
ซึ่งหน้าจอของมันโอเคมากครับ สัดส่วนแบบ 18:9 ขอบเครื่องเล็กมาก




ใช้หน่วยประมวลผล Snapdragon 430 Quad-Core 1.4 GHz แรมขนาด 4GB หน่วยความจำภายใน 64GB เรียกว่าด้านสเปคก่ำกึ่งมากครับ แรมเยอะหน่วยความจำเยอะ แต่ตัวประมวลผลซึ่งเป็นรุ่นเล็กตัวใหม่ Snapdragon 430 ต้องรอทดสอบว่า เมื่อทำงานอยู่บนเครื่อง Wiko View Prime แล้ว จะมีประสิทธิภาพแค่ไหน เพราะในการใช้งานทั่วไปผมเชื่อว่าเพียงพอครับ ดูหนับอ่านหนังสือนี่คือเหมาะมา แต่อาจจะมีอาการให้เห็นบ้างถ้าเป็นการเล่นเกมกราฟฟิกสูงๆ ต้องได้เครื่องมาทดสอบรีวิวดูครับ


โดยรวมแล้วถือว่าน่าสนใจครับ เพราะว่าเจ้า Wiko View Prime ประกาศขายในไทยแค่ 7,490 บาทเท่านั้นครับ ได้เครื่องกล้องหน้าคู่ จอใหญ่ ขอบจอเล็ก มาในสัดส่วนที่น่าใช้ 18:9 และสีสันของเครื่อง Wiko ทำออกมาได้สะใจมากครับ ^^
โดยสีที่เข้ามาจำหน่ายของ Wiko View Prime คือ Black, Gold และสีเด็ด Cherry Red รวมถึงมีการกระซิบมาว่า เราอาจจะได้เห็นสีเซอร์ไพรส์ ในงาน Thailand Mobile Expo ปลายเดือนนี้ด้วยครับ


Wiko View และ Wiko View XL
เจ้าคู่นี้มาในเสปคใกล้กันเลยครับ ต่างกันแค่ขนาดหน้าจอและขนาดหน่วยความจำเท่านั้น หน้าจอของ View XL จะอยู่ที่ 5.99 นิ้ว มีหน่วยความจำ 32GB ส่วนตัว Wiko View จะมีหน้าจอขนาด 5.7 นิ้ว หน่วยความจำ 16GB โดยมีขนาดแบตที่ต่างกันเพียงนิดเดียวครับ 3,000 mAh และ 2,900 mAh ตามลำดับ


หน้าจอสัดส่วน 18:9 ทั้งคู่ ถือว่าเป็นเครื่องหน้าจอใหญ่ที่เครื่องเล็กในราคาถูกมากเลยครับ เพราะเจ้าสองตัวนี้ประกาศอยู่ที่ 5,990 และ 4,990 บาทเท่านั้น ถือว่าเป็นเครื่องราคาตลาดล่าง ที่จอเทพจริงๆ ครับ

Wiko View XL




Wiko View




ทั้งคู่มาในสเปคด้านประมวลผลเดียวกันครับ ใช้ Snapdragon 425 Quad-Core 1.4 GHz แรมขนาด 3GB
เน้นกล้องหน้ามากกว่ากล้องหลังซะอีกครับ กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมฟังก์ชั่นกล้องครบจาก Wiko

รองรับสองซิมการ์ดแบบ Dual Active (เชื่อมต่อ 4G และ 3G ได้พร้อทกันในซิมที่สอง) มีที่สแกนลายนิ้วมือ เปิดจำหน่ายในไทยสี่สีสวยๆ นั้นคือ Black, Gold, Cherry Red และ Deep Bleen

ทั้งสามรุ่นของ Wiko ใน View Series ถือว่าเป็นเครื่องหน้าจอใหญ่ที่อยู่ในขนาดเครื่องที่เล็กมาก ในราคาที่ถูกมากครับ มาพร้อมระบบ Android 7.1 แล้วทั้งหมด
ตัวเครื่อง Wiko ออกแบบสวยเช่นเดิม มีสีสันเป็นจุดเด่น รองรับสองซิมการ์ดแบบ Dual Active และหน้าจอของทั้งสามรุ่นผมยกให้เลยว่า ดูดีเกินราคาครับ

ซึ่งทาง Wiko ก็ยังมีการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ที่จะเข้ามาสร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจนให้กับแบรนด์ โดยการเปิดตัว “คิมเบอร์ลี แอน เทียมศิริ” ซึ่งจะมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ของ Wiko View Series ด้วยครับ
สมาร์ทโฟน Wiko View Series จะเปิิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 กันยายนนี้ และมีนำเข้าไปจำหน่ายในงาน Thailand Mobile Expo แน่นอนครับ

สเปคอย่างละเอียดของทั้งสามรุ่น Wiko View, View XL และ View Prime

 

from:https://www.appdisqus.com/2017/09/21/preview-wiko-viewprime-viewxl-view.html

พลิกตำรา หาวิธีดึงยอดชมเพิ่มบน YouTube

ไม่ต้องพูดมากแล้วว่าวันนี้โลกเรามีวิดีโอออนไลน์กี่พันล้านชิ้น แต่สิ่งที่ต้องให้ความสนใจคือ จะมีวิธีไหนบ้างที่ทำให้วิดีโอของเราถูกเลือกเปิดชมท่ามกลางมหาสมุทรวิดีโอมากมายเหล่านี้ คำตอบนั้นมีอยู่ และทำไม่ยากหากตั้งใจ

เหตุผลที่ทำให้จำนวนวิดีโอออนไลน์เพิ่มขึ้นในวันนี้คือความนิยมใน vlog หรือ video blog ยุคก่อนหน้าช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ใครหลายคนลุกขึ้นมาเขียนบทความในรูป blog เพื่อบอกเล่าความรู้สึกหรือประสบการณ์ของตัวเองให้โลกได้รับรู้ แต่วันนี้ไม่ต้องเขียนแล้ว เพียงมีกล้องดิจิทัล และซอฟต์แวร์ตัดต่อพื้นฐาน พกความมั่นใจในกระเป๋าอีกนิดหน่อย ก็สามารถผลิต blog ในรูปวิดีโอได้ง่ายดาย

ปรากฏการณ์นี้ทำให้โลกเรามี Vloggers, YouTubers และอีกหลายชื่อสำหรับเรียกผู้สร้างวิดีโอหรือ video content creator จำนวนหลายล้านคนทั่วโลก การสำรวจล่าสุดชี้ว่าหากนำข้อมูลดิจิทัลออนไลน์ทั้งโลกมากองรวมกันในวันนี้ ราว 50% ของข้อมูลนี้คือวิดีโอ

infographic ชิ้นนี้เสนอขั้นตอนให้ชาว video content creator เก็บไปคิดแล้วลงมือทำตั้งแต่เรื่องพื้นฐานอย่างการหาตัวเองแล้วเดินตามฝัน หรือการพูดทุกครั้งเพื่อขอให้ผู้ชมสมัครสมาชิกหรือ subscribe ขณะเดียวกันก็ดึงเครื่องมืออย่าง Google trend มาเตือนให้ทุกคนนึกถึง และการโปรโมทอื่นซึ่งนับรวมได้มากกว่า 68 ข้อ

อย่ารอข้า ขอเชิญทุกคนที่สนใจไปเปิดตำราแล้วลงมือทำให้เต็มที่!

ที่มา: PRDaily

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2017/08/more-view-youtube/

อุปกรณ์พกพาฮอต ยึดพื้นที่ชมวิดีโอออนไลน์เกินครึ่งครั้งแรก

social-media-mobile

รายงานจากดัชนี The Ooyala Q2 2016 Global Video Index ระบุว่านี่คือครั้งแรกที่อุปกรณ์ mobile devices สามารถครองพื้นที่การรับชมวิดีโอออนไลน์เกินครึ่ง การประเมินเบื้องต้นพบสถิติเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งทำให้เกิดผลในมุมอื่นตามไปด้วย

การสำรวจปี 2016 พบว่าการชมวิดีโอออนไลน์บนอุปกรณ์พกพานั้นคิดเป็นสัดส่วน 51% ถือว่าเพิ่มขึ้นจาก 15% ที่สำรวจได้ในปี 2015 และ 203% ช่วงปี 2014 โดยผู้ชมกลุ่มนี้หรือที่เรียกว่า “power user” นั้นช่วยให้ธุรกิจโฆษณามีทราฟฟิกหรือปริมาณการชมวิดีโอมากกว่า 37% ในช่วงวันทำงาน (มากกว่าสุดสัปดาห์)

การสำรวจยังพบว่า 76% ของกลุ่ม subscription-based power users นั้นเปิดชมวิดีโอออนไลน์ราว 2-3 วันต่อสัปดาห์ก่อนจะเพิ่มขึ้นสูงสุดช่วงวันศุกร์และเสาร์

สำหรับอุปกรณ์ mobile devices พบว่าระบบปฏิบัติการ iOS ครองพื้นที่ 52% ของยอดชมวิดีโอบนสมาร์ทโฟน ขณะที่สมาร์ทโฟน Android คิดเป็น 48% อย่างไรก็ตาม แท็บเล็ต iOS นั้นมียอดชมวิดีโอออนไลน์ลดลงจาก 91% ในไตรมาส 2 ปีที่แล้ว ก่อนจะเหลือเพียง 65% ในปีนี้

การสำรวจของ Ooyala ยังพบว่าวิดีโอความยาว 5 นาทีหรือสั้นกว่านั้นคิดเป็น 55% ของการชมวิดีโอบนสมาร์ทโฟน ขณะที่ medium-form content หรือวิดีโอที่มีความยาว 5-20 นาที จะคิดเป็นสัดส่วน 18-20% เท่านั้น

สำหรับ Long-form video ที่มีความยาว 20 นาทีขึ้นไป พบว่าวิดีโอกลุ่มนี้มีการชมบนอุปกรณ์ set-top box ราว 92% ขณะเดียวกันก็คิดเป็น 46% ของการชมบนแท็บเล็ต

ที่มา: MarketingDive

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2016/10/online-video-views-mobile/

บก.นิตยสาร Grazia เผยแชร์คลิปบนโซเชียลให้ได้ผล ควรมีความยาว 30 – 60 นาที

อาจกล่าวได้ว่า Facebook Live เป็นบริการที่สร้างความตื่นเต้นให้วงการสื่ออย่างแท้จริง เพราะในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีความเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่างเกิดขึ้นผ่านบริการดังกล่าว รวมถึงการที่กองบรรณาธิการนิตยสารแฟชั่นแห่งหนึ่งได้ตัดสินใจถ่ายทอดสดการประชุมกอง บก. ผ่านบริการ Facebook Live นี้ด้วย

ซึ่งการประชุมกอง บก. นั้น โดยปกติแล้ว มักไม่มีใครเปิดเผยผ่านสื่อ เนื่องจากเกรงว่าความลับในการทำนิตยสารฉบับต่อไปจะถูกเปิดเผย ทำให้ตกเป็นรองคู่แข่งได้โดยง่าย อีกทั้งยังมีความเสี่ยงเรื่องชื่อของแหล่งข่าวที่ถูกพูดถึงระหว่างการประชุมกองที่จะรั่วไหลออกไปอีกด้วย

แต่แล้วนิตยสารแฟชั่นยี่ห้อ Grazia ก็เลือกที่จะทำเรื่องท้าทายนี้บนบริการ Facebook Live ซึ่งผลลัพธ์ก็คือสามารถสร้างยอดวิวได้สูงถึง 90,000 ครั้ง

โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทีมงานของ  The Bauer Media  เจ้าของนิตยสาร Grazia ได้ยกกองบรรณาธิการไปบุกออฟฟิศของ Facebook เพื่ออัดคลิปการประชุมกองบก.แบบ Live โดยสามารถบันทึกเป็นวิดีโอได้ทั้งสิ้น 14 คลิป ความยาวตั้งแต่ 10 นาทีไปจนถึงความยาวเป็นชั่วโมง ซึ่งสามารถสร้างยอดรับชมโดยรวมได้กว่า 600,000 ครั้ง

ทั้งนี้ โดยปกติแล้ว ทางบริษัทจะประชุมกันทุกต้นสัปดาห์ที่สำนักงานใหญ่ของบริษัท โดยมีบรรณาธิการจากหมวดต่าง ๆ และพนักงานเข้าร่วมด้วย แต่ในครั้งนี้ ทางกองบรรณาธิการตัดสินใจย้ายมาถ่ายทอดสดที่สำนักงานใหญ่ของ Facebook โดยมีบรรณาธิการและสต๊าฟเข้าร่วมราว 15 – 20 คน ซึ่งในการเผยแพร่บรรยากาศสดของการประชุมกอง บก. ให้สาธารณะได้ร่วมรับชมด้วยครั้งนี้ ทางทีมงานบอกว่าไม่มีสคริปต์ ต่างคนต่างแสดงความสามารถที่แท้จริงของตนเองกันทั้งสิ้น

แม้จะไม่แน่ใจว่า การเล่นแบบนี้บน Facebook Live จะได้รับความสนใจหรือไม่ แต่ผลตอบรับก็ดูท่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี โดยบรรณาธิการของ Grazia อย่าง Natasha Pearlman ยังเผยด้วยว่า ความสำเร็จของแนวคิดดังกล่าวน่าจะมาจากความโปร่งใส ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการได้รับจากคนทำสื่อนั่นเอง

Pearlman ยังเผยด้วยว่า คลิปวิดีโอยาว ๆ จะเป็นผลดีต่อการแชร์บนโลกโซเชียลมากกว่าคลิปสั้น ๆ แถมยังบอกอีกด้วยว่า เวลาตั้งแต่ 30 นาที – 1 ชั่วโมงเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการบันทึกคลิป

ที่มา Digiday

 
Source: thumbsup

The post บก.นิตยสาร Grazia เผยแชร์คลิปบนโซเชียลให้ได้ผล ควรมีความยาว 30 – 60 นาที appeared first on thumbsup.

from:http://thumbsup.in.th/2016/06/grazia-learn-from-facebook-live/

ช่วงเวลาไหนที่ ”ข่าวพีอาร์” ถูกอ่านมากที่สุด?

Pr-banner

นี่คือ Infographic ที่รวมข้อมูลทุกอย่างที่มืออาชีพด้านพีอาร์ต้องใส่ใจก่อนจะส่งจดหมายข่าวประชาสัมพันธ์สักฉบับ ทั้งวิธีการปรับแต่งข่าวประชาสัมพันธ์ การเลือกช่วงวันเวลา รวมถึงการหยิบจับเครื่องมือและเทคนิกเล็กน้อยเพื่อให้ข่าวชิ้นนี้ได้รับความสนใจมากที่สุด

Infographic ที่พีอาร์ควรอ่านชิ้นนี้เป็นผลงานการรวบรวมข้อมูลของ PR.co ซึ่งระบุว่าได้ศึกษาจากกองทัพข่าวประชาสัมพันธ์มากกว่า 5 หมื่นฉบับที่ถูกเผยแพร่บนเว็บไซต์ตั้งแต่เมษายน 2013 โดยข่าวพีอาร์ที่ถือว่าประสบความสำเร็จเหล่านี้ถูกนำมาเปรียบเทียบกับข่าวพีอาร์จำนวนมากมายที่ถูกลืม จนทำให้พบความต่างของปัจจัยรอบด้านที่หลากหลายและละเอียดอ่อน

หนึ่งในข้อมูลน่าสนใจคือวันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดีคือเวลาทองของข่าวพีอาร์ ในมุมการถูกเผยแพร่ สถิติระบุว่าวันอังคารและพฤหัสบดีคือวันที่ข่าวพีอาร์ส่วนใหญ่ถูกเลือกไปออกสื่อ (53%) รองลงมาคือวันจันทร์ ซึ่งข่าวพีอาร์ 16% ถูกนำมาเผยแพร่ในวันแรกของสัปดาห์

ในมุมการถูกอ่าน วันพุธถูกยกย่องให้เป็นวันที่มีสถิติการเปิดอ่านข่าวพีอาร์มากที่สุด

อีกเทคนิกการปรับแต่งข่าวพีอาร์ที่ Infographic นี้ให้ความสำคัญคือการระบุชื่อผู้รับ ข้อมูลระบุว่าข่าวหรือแคมเปญที่มีการระบุชื่อผู้รับแบบหว่านแหหลายสิบคน จะมีอัตราการเปิดอ่านน้อยกว่าการระบุชื่อผู้รับจำนวนไม่เกิน 10 คน (2-9 คน) แถมยังเป็นต้นเหตุให้อีเมลข่าวประชาสัมพันธ์ดูไม่ดีในหลายแง่มุม

ผู้สนใจขอเชิญติดตาม Infographic ฉบับเต็มได้จากด้านล่าง

PressReleaseStudyBig2

ที่มา : PRDaily

from:http://thumbsup.in.th/2016/01/times-press-releases-most-view/

สายการบิน Virgin America ชวนชมที่นั่งโดยสารผ่าน Google StreetView

screen_sho_m_copy

บริการ Google StreetView นั้นเป็นบริการที่ทำให้ชาวออนไลน์สามารถชมสถานที่ที่ต้องการได้แบบ 360 องศาเหมือนมองวิวรอบตัว ล่าสุดสายการบิน Virgin America นำเทคโนโลยีนี้มาใช้บนเว็บไซต์ของตัวเอง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถหมุนภาพเพื่อชมวิวบนเครื่องบินโดยสารได้ก่อนจองตั๋ว

การถ่ายภาพที่นั่งโดยสารบนเครื่องบินผ่าน Google StreetView นี้ถูกให้ชื่อว่าเป็นบริการ ‘Virgin Seat View’ ผู้ใช้บริการนี้จะสามารถสำรวจเครื่องบินของ Virgin America ได้รอบตัว 360 องศา ซึ่งทำให้ Virgin โฆษณาได้ว่าผู้โดยสารจะสามารถตรวจสอบได้ก่อนขึ้นเครื่อง ว่าที่นั่งโดยสารเป็นไปตามต้องการหรือไม่

บริการ Virgin Seat View ทำให้ความหลากหลายของบริการ Google StreetView มีความโดดเด่นกว่าเดิม ไม่เพียงสถานที่ทั่วไป แต่สถานที่ท่องเที่ยวอย่างสตูดิโอถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Harry Potter อย่างตรอกไดแอกอน (Diagon Alley) รวมถึงแกรนด์แคนยอน (Grand Canyon) ก็ล้วนเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถชมวิวได้ทั้งสิ้น สำหรับกรณีของ Virgin Seat View สายการบินอเมริกันเชื่อว่าการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้มีสิทธิ์สำรวจที่นั่งโดยสารก่อนเดินทางจริง จะผลักดันให้ผู้โดยสารตัดสินใจจ่ายเงินเพื่ออัปเกรดที่นั่งที่ดีกว่า

เครื่องบินที่ชาวออนไลน์สามารถสำรวจด้วยเทคโนโลยี Google StreetView นั้นถูกใช้ในเส้นทางมากกว่า 22 เส้นทางบิน จุดนี้ผู้ใช้จะได้รับบริการข้อมูลที่นั่งที่แตกต่างหากต้องการจองตั๋วชั้น First Class

แคมเปญนี้เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของเอเจนซี่ในซานฟรานซิสโกอย่าง Eleven ซึ่งจะนำบริการ Virgin Seat View ไปแสดงผ่านป้ายทัชสกรีนอินเทอร์แอคทีฟขนาดยักษ์ในป้ายรถเมล์ เพื่อให้ประชาชนสามารถโบกมือเพื่อเลื่อนดูที่นั่งโดยสารได้อย่างแปลกใหม่

virginamer_elter

แคมเปญนี้จะเริ่มต้นในซานฟรานซิสโก นิวยอร์ก ลอสแองเจลิส ดาลลัส วอชิงตัน ดี.ซี. และชิคาโกในสัปดาห์หน้า

ที่มา : Virgin

from:http://thumbsup.in.th/2015/11/virgin-america-seat-view/

YouTube บอกลาจำนวน View 301+ ด้วยวิธีการนับที่ Real-Time มากขึ้น

301+ เลขนี้คนที่ดู YouTube บ่อยๆ คงจะเคยเห็นกันบ้าง จนเมื่อถึงระยะหนึ่งถึงจะมีการเปลี่ยนจำนวน View ที่เป็นเลขที่สามารถรู้ได้อย่างชัดเจน แต่นับจากนี้จะไม่มี 301+ แล้วอีกต่อไปเมื่อ YouTube ประกาศผ่าน Twitter ว่าตัวเลข View ที่จะแสดงนับต่อจากนี้ จะเป็นตัวเลขที่อัปเดทมากขึ้น

youtube301+

YouTube ได้ทำการทวีตข้อความพร้อมกับแสดงภาพด้านบนที่เป็นการอธิบายเกี่ยวกับตัวเลข 301+ ที่เห็นกันอย่างชินตา โดยการที่เป็นเลข 301+ ค้างเพราะว่าคนที่เข้ามาชมคลิปหลังจากมีการ Publish ไปนั้นมีทั้งคนและ Robot ปะปนกันอยู่ ตัว YouTube เองมีกระบวนการที่ต้องตรวจสอบคนที่เข้ามาชมว่าเป็น Spam หรือไม่ ซึ่งเมื่อเกิน 300 View ตัวเลขก็จะค้างเพื่อทำการตรวจสอบ และเมื่อตรวจสอบเรียบร้อยแล้วไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ก็จะทำการเปลี่ยนเป็นจำนวน View ที่ผ่านการตรวจสอบ ซึ่งเป็นตัวเลข View ที่แท้จริง จึงเป็นคำตอบว่าทำไมถึงค้างที่ 301+

แต่นับจากนี้ วิธีการนับจำนวน View จะเปลี่ยนไป ด้วยขั้นตอนการกรองคนที่เข้ามาชมที่จะสามารถกรอง Robot ออกจากผู้ชมจริงๆ ได้ทันที ดังนั้นตัวเลขที่แสดงบน YouTube เมื่อพ้น 300 Views จะเป็นตัวเลข View ที่แท้จริงและมีการอัปเดทแบบทันท่วงที (Real-Time) โดยนับต่อเนื่องไม่มีการค้างที่ 301 อีกแล้ว

จึงเป็นการบอกลา 301+ ที่แสดงบน YouTube มาอย่างยาวนาน

ที่มา: Twitter YouTube Creators @YTCreators

from:http://thumbsup.in.th/2015/08/youtube-goodbye-301-views-for-real-time/