คลังเก็บป้ายกำกับ: RECORD

บทเรียนต้องจด ในวันที่ Bitcoin พุ่งกระฉูดไม่หยุด!!

วันนี้ 9 พฤศจิกายน 1 Bitcoin ราคา 242,400 บาท ราคานี้เพิ่มขึ้นไม่หยุดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา จนล่าสุดคือพุธที่ 8 ที่สกุลเงินดิจิทัลทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 8,000 เหรียญ นักการตลาดออนไลน์ที่ดีไม่เพียงควรรู้ส่วนหนึ่งของเบื้องหลังเหตุการณ์นี้คืออะไร แต่อาจหยิบบทเรียนจากปรากฏการณ์ Bitcoin มาปรับใช้กับการทำงานได้ด้วย

เรื่องนี้ต้องเล่าย้อนถึงปัญหาที่เกิดจากการที่คนทั่วโลกหันมานิยมใช้งาน Bitcoin มากขึ้น ปริมาณธุรกรรมจึงสูงมากจนระบบ Bitcoin ดั้งเดิมที่รองรับขนาดกล่องข้อมูลที่ 1MB เท่านั้นทำงานได้ช้า ทำให้มีปริมาณธุรกรรมที่กองรอการตรวจสอบอยู่จำนวนมาก การส่ง Bitcoin บางกรณีจึงต้องรอนานมากกว่าที่ควรจะเป็น (15-30 นาที) หรือในบางครั้งการส่งธุรกรรมที่กำหนดค่าธรรมเนียมต่ำก็ไม่สำเร็จ

ปัญหานี้ทำให้โลก Blockchain ตัดสินใจเปลี่ยนกฎกลางใหม่ โดยที่ผ่านมา การแก้ไขค่าหรือชุดคำสั่งเดิมจะเป็นการกระทำที่ถูกเรียกว่า “การ Fork” การ Fork ระบบ Bitcoin เมื่อกลางปีที่ผ่านมาเป็นขั้นแรกของการ fork ระบบ Bitcoin ดั้งเดิม ด้วยการเข้าไปแก้ชุดซอร์สโค้ดของระบบเก่าที่มีอยู่แล้ว ให้เกิดระบบใหม่แยกออกมา ก่อนจะตั้งชื่อสกุลเงินใหม่ เช่น Bitcoin Cash

การ Fork ขั้นที่ 2 มีกำหนดเกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 16 พฤศจิกายนนี้ มีการเรียกแผนอัปเกรดว่า “Segwit2x” แต่แผนนี้ถูกระงับ “ไม่มีกำหนด” การระงับนี้เองที่ทำให้เงิน Bitcoin ได้รับความมั่นใจมากขึ้น จนมีการซื้อขายเพิ่มขึ้นทันที 3% ในช่วง 20 นาทีหลังการประกาศระงับ Segwit2x

เหตุที่ทำให้การอัปเกรด Segwit2x ถูกระงับคือความกังวลว่า Segwit2x อาจ “แบ่งแยกชุมชนผู้ใช้บิตคอยน์” เนื่องจากการอัปเกรดซอฟต์แวร์นี้มุ่งแก้ไขข้อจำกัดของเครือข่าย Bitcoin ด้วยการเพิ่มขนาดกล่องข้อมูล ให้ใหญ่กว่าระบบดั้งเดิมที่ไม่สามารถรับมือกับการเติบโตที่รวดเร็วในปัจจุบัน จนทำให้ไม่สามารถประมวลผลธุรกรรมได้เร็วพอ

วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน กลุ่มนักพัฒนาและนักลงทุนจึงตัดสินใจระงับการอัปเกรดซอฟต์แวร์ แม้จะวางแผนมานานและได้รับการสนับสนุนเต็มที่เมื่อมีการประกาศช่วงพฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนที่นักพัฒนาซอฟต์แวร์หลายรายจะถอนการสนับสนุนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

เรื่องนี้ Guy Zyskind ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทพัฒนาแพลตฟอร์มให้ข้อมูลการลงทุนเงินคริปโตชื่อ Enigma อธิบายว่าการเลื่อนแผน fork ออกไปอย่างไม่จำกัดช่วงเวลา ทำให้สินทรัพย์เงินคริปโตมีความปลอดภัยมากขึ้น

“การที่ชุมชน Bitcoin สามารถแก้ไขการตัดสินใจและหลีกเลี่ยงการ fork ที่ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดความเชื่อมั่น และแสดงให้เห็นว่าระบบนิเวศของ Bitcoin กำลังทรงพลังและเข้าสู่ช่วงที่ยิ่งใหญ่มากขึ้น”

ความเชื่อมั่นนี้ทำให้ Bitcoin พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งหมดนี้ ทีมพัฒนาระบุในอีเมลว่าเป้าหมายของทีมพัฒนาคือการอัปเกรด Bitcoin ให้ราบรื่น แม้ว่าบริษัทจะเชื่อมั่นถึงความจำเป็นในการเพิ่มขนาดระบบกล่องข้อมูลให้ใหญ่ขึ้น แต่ก็มีบางอย่างที่ทีมเชื่อว่ามีความสำคัญมากกว่า นั่นคือการรักษาชุมชนไว้ด้วยกัน

บทสรุปที่เราได้จากปรากฏการณ์นี้คือความกล้าในการเปลี่ยนแปลง กรณีของ Bitcoin ผู้เชี่ยวชาญทุกคนฟันธงว่าในอนาคต ชุมชน Bitcoin อาจจำเป็นต้องอัปเกรด Segwit2x อยู่แล้ว แต่ไม่ว่าการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงนั้นจะยิ่งใหญ่เป็นประโยชน์ขนาดไหน ก็ควรจะทำเมื่อมีมติเป็นเอกฉันท์

ไม่เพียงพลังในการแก้ไขตัวเองของสังคม Bitcoin ความเหนียวแน่นของระบบยังสะท้อนรัศมีของความน่าเชื่อถือใน Bitcoin ได้อย่างน่าประทับใจ ดังนั้นอย่าลืมว่าการแก้ไขตัวเองเป็นสิ่งจำเป็นเสมอ หากเราต้องการให้ใครสัมผัสพลังในตัว

ที่มา: Reuters, Blockchain Fish

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2017/11/bitcoin-hits-record/

ปีนี้ Prime Day คว่ำ Black Friday ขึ้นแชมป์วันขายดีสุดในประวัติศาสตร์ Amazon

ถือเป็นวันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ Amazon เพราะ Prime Day ซึ่งกินเวลา 30 ชั่วโมงช่วง 10-11 กรกฎาคมที่ผ่านมา น่าเสียดายที่ Amazon ไม่เปิดเผยตัวเลขที่แน่ชัด ระบุเพียงว่ามีการเติบโต 60% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ไม่เพียง Black Friday แต่ Prime Day ในปีนี้สามารถแซง Cyber Monday ขึ้นแชมป์วันที่มียอดขายสูงสุดในประวัติศาสตร์ Amazon ได้สำเร็จ โดย Prime Day นั้นเป็นอีเวนต์ประจำปีที่ Amazon จะลดราคาสินค้าหลายรายการแก่สมาชิก Amazon Prime

เหตุที่ทำให้ยอดจำหน่ายในอีเวนต์ Prime Day ปีนี้มีตัวเลขเพิ่มขึ้นเกินว่า 60% คือเพราะสมาชิกใหม่ที่สมัครเป็น Amazon Prime มากขึ้น จุดนี้ Amazon ย้ำว่ายอดสมัครสมาชิกใหม่ในวัน Prime Day ก็มีจำนวนมากกว่าทุกวันเช่นกัน

ในขณะที่ Amazon ไม่ยอมเปิดเผยจำนวนสมาชิก Prime รายใหม่ว่าเพิ่มขึ้นในสัดส่วนเท่าใดในวัน Prime Day ปีนี้ ข้อมูลระบุว่าสินค้ายอดฮิตที่ขายดีที่สุดในวันดังกล่าวคือลำโพงฝังผู้ช่วยส่วนตัว Alexa รุ่นใหม่อย่าง Echo Dot โดยสินค้าที่ชาวอเมริกันนิยมซื้อมากที่สุดคือหม้อแรงดัน Instant Pot และชุดทดสอบ DNA ยี่ห้อ 23andMe DNA test เพื่อให้ผู้ทดสอบได้ทราบข้อมูลโภชนาการและรูปแบบออกกำลังกายที่เหมาะกับแต่ละคน

ในภาพรวม Amazon ระบุเพียงว่ามีการคลิกซื้อจำนวนหลายสิบล้านครั้งโดยสมาชิก Prime ในวัน Prime Day ปีนี้ เบื้องต้น สำนัก JP Morgan ออกมาประเมินเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าช่วงเทศกาลจับจ่ายปลายปีที่ผ่านมานั้นทำรายได้สุทธิให้ Amazon มากกว่า 1 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 55% จากวัน Prime Day ปีที่ผ่านมา ทั้งหมดนี้ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า รายได้สุทธิของ Amazon ในปลายปีนี้ก็จะเพิ่มขึ้นอีกอย่างก้าวกระโดด

ที่มา: Reuters

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2017/07/amazon-prime-day-record-breaking/

LeTV Le 1s เปิดขาย Flash sale ในอินเดียยอดถล่มทลาย 95,000 เครื่องใน 20 วินาที

สำหรับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจากจีนอย่าง LeTV ถือว่าเป็นอีกบริษัทหนึ่งที่มาแรงมากๆครับในตลาดสมาร์ทโฟนตอนนี้ โดยจะเห็นได้จากผลตอบรับยอดขายสมาร์ทโฟนที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ รวมทั้งล่าสุดต้องบอกเลยครับว่าขายได้ถล่มทลายมากกับการเปิดขายอุปกรณ์ Le 1s แบบ Flash sale ในอินเดีย

โดยผลสรุปที่ทาง LeTV ได้ประกาศออกมานั้นพบว่า Le 1s สามารถขายได้ถึง 95,000 เครื่องใน 20 วินาทีแรกที่เปิดวางจำหน่ายเท่านั้น นอกจากนี้ยังพบว่าการเปิดขายแบบ Flash sale ครั้งนี้เป็นปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในอินเดียอีกด้วยเพราะมีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมถึง 1.03 ล้านคน ซึ่งรวมทั้งหมดแล้วสามารถขายอุปกรณ์ไปได้ถึง 150,000 เครื่องครับ และแน่นอนว่ายังมีผู้ต้องการอุปกรณ์ตัวนี้รอคอยการเปิด Flash sale ครั้งต่อไปอยู่เป็นจำนวนมาก

สำหรับ LeTV Le 1s นั้นจะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว Full HD 1080p ขับเคลื่อนด้วยชิพเซท 2.2GHz MediaTek Helio X10 และ RAM 3GB นอกจากนี้ยังมีความจุภายในให้มาอีก 32GB และแบตเตอรี่ขนาด 3,000 mAh รวมทั้งกล้องหลังความละเอียด 13MP LED Flash และกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 5 MP ครับ

และด้วยสเปคระดับนี้บวกกับราคาที่ใครๆก็เข้าถึงได้ตามคอนเซปต์ของสมาร์ทโฟนจากจีน งานนี้จึงไม่แปลกเลยครับที่จะได้รับความนิยมจากผู้ใช้ในอินเดียอย่างมาก

ทั้งนี้การเปิด Flash sale ครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ครับ งานนี้คงต้องมารอดูครับว่าจะมีปรากฏการณ์อะไรใหม่ๆเกิดขึ้นอีกหรือไม่

 

 

from:https://www.appdisqus.com/2016/02/10/letv-sold-95000-le-1s-units-in-only-20-seconds.html

Apple เผยผลประกอบการไตรมาสล่าสุด ทำลายสถิติรายได้รวมและยอดขาย iPhone ได้อีกครั้ง

มาตามคาดครับสำหรับการประกาศผลประกอบการของ Apple ถึงแม้ว่าผลประกอบการในปีนี้ของ Apple จะทำได้ต่ำกว่าการคาดการณ์ของ WSJ แต่บอกเลยครับว่ายอดขายของบริษัทยังคงทำลายสถิติที่สร้างไว้ก่อนหน้านี้ได้ เรียกว่ายังคงเติบโตขึ้นต่อเนื่องครับ

อย่างแรกเลยเราไปดูในส่วนของรายได้รวมกันก่อน โดย Apple นั้นสามารถทำรายได้รวมไปได้ถึง  75,900 ล้านเหรียญ ซึ่งมากกว่าในปีที่แล้วที่ทำไปได้ประมาณ 74,600 ล้านเหรียญ ซึ่งคิดเป็นกำไรประมาณ 18,360 ล้านเหรียญ มากกว่าปีที่แล้วที่ทำไปได้ 18,100 พันล้านเหรียญครับ

นอกจากนี้ในส่วนของยอดขาย iPhone ที่เกิดขึ้นยังสามารถทำลายสถิติได้อีกด้วย โดยในปีนี้ขายได้ทั้งหมด 74.8 ล้านเครื่อง มากกว่าปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกันที่ขายได้ 74.5 ล้านเครื่อง จริงๆแล้วนับเป็นอีกความสำเร็จที่น่าดูชมของ Apple เลยครับ

แต่ทว่าในส่วนของ iPad กลับมียอดขายที่ลดลงโดยขายได้ทั้งหมด 16.1 ล้านเครื่องเท่านั้นในไตรมาสดังกล่าว ซึ่งในปีที่แล้วสามารถทำยอดขายได้ถึง 21.4 ล้านเครื่องครับ นอกจากนี้ในส่วนของ Mac เองก็มีรายงานยอดขายที่ลดลงโดยสามารถทำยอดขายได้เพียด 5.31 ล้านเครื่องเท่านั้น

ทั้งนี้ Apple ยังได้ออกมาคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาสปัจจุบันนี้ทางบริษัทว่าน่าจะมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 50,000 – 53,000 ล้านเหรียญ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดเอาไว้ว่าเราอาจจะได้เห็นยอดขาย iPhone ที่ตกต่ำลงอีกด้วยครับ นอกจากนี้นาย Tim Cook ยังได้ระบุออกมาอีกด้วยว่าไตรมาสนี้น่าจะเป็นไตรมาสที่ยากลำบากที่สุดของ iPhone อีกด้วย ซึ่งน่าจะกลับขึ้นมาดีอีกครั้งในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีครับ

12648130_10208758537824628_1193251400_n

 

 

from:https://www.appdisqus.com/2016/01/27/apple-sells-record-74-8-million-iphones-in-fiscal-q1-falling-under-wall-street-expectations.html

Apple ทำลายสถิติยอดขายแอพช่วงวันหยุดท้ายปีสูงเป็นประวัติการณ์ที่ “สามหมื่นหกพันล้าน”!

วันนี้ Apple ได้ออกมาประกาศสถิติใหม่ของตัวเองที่ทำได้ประจำช่วงเทศกาลวันหยุดยาว (คริสต์มาส – ปีใหม่) จากการจำหน่ายแอพพลิเคชั่นทั้งแบบ IAP (In App Purchase) และแอพพรีเมี่ยมแบบขายขาด โดยเป็นการเก็บสถิติสรุปเวลารวม 2 สัปดาห์ และเพิ่งจะสิ้นสุดการเก็บยอดลงเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2559 ที่ผ่านมา โดย Apple ปิดยอดขายจาก AppStore ตลอด 2 สัปดาห์นี้ที่เม็ดเงิน $1.1 พันล้าน หรือตีเป็นเงินไทยที่ประมาณ 3,600,000,000 (สามหมื่นหกพันล้านบาท) นั่นเอง

โดยตลอด 2 สัปดาห์นี้ หากดึงยอดออกมานับเป็นวันต่อวันแล้ว Apple ยังทำรายสติถิยอดขายวันเดียวสูงสุดของวันคริสต์มาสและวันปีใหม่จากทุกปีที่ผ่านมาอีกด้วย โดยมีผู้ซื้อแอพพลิเคชั่นจาก AppStore และ IAP สูงกว่า $144 ล้านในวันที่ 1 มกราคม 2559 เพียงวันเดียว และหากนับยอดเงินที่ Apple จ่ายให้กับนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นโดยเริ่มตั้งแต่ที่ AppStore เปิดตัวในปี พ.ศ.2551 จนถึงปัจจุบัน Apple จ่ายไปแล้วแตะ $40,000,000,000 เลยทีเดียว ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่นักพัฒนาจะมุ่งเน้นการพัฒนาแอพพลิเคชั่นให้กับแพลตฟอร์ม iOS มากกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ

Phil Schiller แถลงการณ์ว่าในปี 2558 ที่ผ่านมานั้น Apple ปิดยอดขายแอพพลิเคชั่นรวมไปทั้งสิ้น $20,000,000,000 เลยทีเดียว

“The App Store had a holiday season for the record books. We are excited that our customers downloaded and enjoyed so many incredible apps for iPhone, iPad, Mac, Apple Watch and Apple TV, spending over $20 billion on the App Store last year alone,” said Philip Schiller, Apple’s senior vice president of Worldwide Marketing. “We’re grateful to all the developers who have created the most innovative and exciting apps in the world for our customers. We can’t wait for what’s to come in 2016.”

“App Store ทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ช่วงวันหยุดยาว เราตื่นเต้นเหลือเกินที่เห็นลูกค้าของเราดาวน์โหลดและมีความสุขกับแอพพลิเคชั่นเจ๋งๆ มากมายบน iPhone, iPad, Mac, Apple Watch และ Apple TV และมียอดใช้จ่ายรวม $20 พันล้านนับเฉพาะปีที่ผ่านมาอย่างเดียว” Philip Schiller รองผู้บริหารอาวุโสฝ่ายการตลาดโลกของ Apple กล่าว “เราขอบคุณเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักพัฒนาทั้งหลายที่ได้สร้างแอพพลิเคชั่นที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมสร้างสรรค์ใหม่ๆ ของโลก และความน่าตื่นตาตื่นใจให้กับลูกค้าของเรา เราทนรอไม่ไหวแล้วว่าในปี 2559 นั่นจะมาอะไรออกมาให้เราเห็นอีกบ้าง”

appstore-2

Apple เสริมอีกว่า ณ ตอนนี้บริษัทได้สร้างงานนับเฉพาะในประเทศอเมริกาเท่านั้นไปแล้ว 1.9 ล้านงาน โดยมากกว่า 1.4 ล้านงานเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาแอพพลิเคชั่นและงานที่ไม่เกี่ยวกับ IT แต่เกิดขึ้นจากระบบแอพอิโค่ซิสเต็มของ Apple นอกจากนี้การลงทุน จัดซื้อและจัดจ้างของ Apple กับซัพลายเออร์ต่างๆ ในอเมริกาเองนั้นก็สร้างงานอีก 361,000 งาน โดย Apple ได้ว่าจ้างพนักงานในบริษัท Apple นับเฉพาะในอเมริกาทั้งสิ้น 76,000 ราย ซึ่งมากเป็นสองในสามของพนักงาน Apple นับรวมทั่วทั้งโลก

หากดูยอดรวมทั้งหมดจากยอดขายแอพพลิเคชั่นตามลำพังของ Apple ตลอดปี 2558 ที่ผ่านมาแล้ว Apple ทำเงินเข้าบริษัทจากการขายแอพพลิเคชั่นเท่านั้นไปได้ที่มากกว่า $6 พันล้านด้วยกัน และสร้างรายได้ให้กับนักพัฒนาไปทั้งสิ้นกว่า $14,000,000,000 เลยทีเดียว (Apple เก็ย 30%) แบบนี้นักพัฒนาไม่รักยังไงไหว

 

from:https://www.appdisqus.com/2016/01/07/apple-breaks-holiday-apps-sell-record.html

Apple เผยผลประกอบการล่าสุดขาย iPhone ไปได้ถึง 48.05 ล้านเครื่องกำไร 3.9 แสนล้านบาท

Apple ประกาศผลประกอบการไตรมาสสุดท้ายสิ้นสุดวันที่ 26 กันยายน 2015 สามารถจำหน่าย iPhone ได้ 48.05 ล้านเครื่องเพิ่มขึ้นถึง 22% มากกว่า 39.27 ล้านเครื่องที่เคยทำไว้ในไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว มีกำไรสุทธิ 1.11 หมื่นล้านดอลลาร์ราว 3.9 แสนล้านบาทจากรายได้ทั้งหมดกว่า 51.5 หมื่นล้านดอลลาร์

iphone-6

ยอดจำหน่ายเครื่อง Mac จำหน่ายได้ 5.71 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 4% จาก 5.5 ล้านเครื่องจากปีที่แล้ว ซึ่งถือว่ายังไปได้ดีกับตลาดคอมพิวเตอร์ PC ที่กำลังชะลอตัวทั่วโลก ส่วนยอดจำหน่าย iPad ลดลง 20% จาก 12.3 ล้านเครื่องเหลือเพียง 9.88 ล้านเครื่อง นอกจากนี้รายได้จากบริการต่างๆของ Apple เพิ่มขึ้น 10% รายได้จากสินค้าอื่นๆ รวมถึง Apple Watch เพิ่มขึ้น 61%

ขณะที่ Tim Cook ซีอีโอคนปัจจุบันของ Apple ได้ออกมาเปิดเผยว่าผลประกอบในปี 2015 ของบริษัทประสบความสำเร็จมากที่สุดด้วยผลิตภัณฑ์ยอดเยี่ยมอย่าง iPhone 6s ,iPhone 6s Plus และ Apple Watch ทำให้มีกำไรเพิ่มขึ้นถึง 28% รวม 4 ไตรมาสอยู่ที่ 2.34 แสนล้านดอลลาร์ ราว 8.3 ล้านล้านบาท ทุบสถิติทำกำไรรายปีมากสุดในประวัติศาสตร์ โดยในช่วงสัปดาห์หน้า Apple จะเริ่มวางจำหน่าย Apple TV ใหม่และ iPad Pro หน้าจอขนาดใหญ่ ซึ่งต้องมาดูกันว่าจะได้รับความนิยมมากขนาดไหน

ที่มา – Apple

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=131053

สรุปยอดขาย iPhone 6s และ 6s Plus เมื่อสุดสัปดาห์หลังเปิดตัว

หลังจากที่ Apple ได้เปิดตัวเจ้า iPhone เครื่องใหม่อย่าง iPhone 6s และ 6s Plus ออกมาแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มมีข้อมูลยอดขายของเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ออกมาให้เราได้เห็นกันแล้วครับ โดยจากข้อมูลที่เราได้มานั้นพบบว่า iPhone 6s และ 6s Plus มียอดขายที่สูงกว่า iPhone 6 และ 6 Plus อยู่พอสมควรเลยจากการเริ่มเปิดวางขายไปใน 12 ประเทศแรกคือ สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, แคนาดา, จีน, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, ฮ่องกง, ญี่ปุ่น, นิวซีแลนด์, เปอร์โตริโก, สิงคโปร์และสหรราชอาณาจักรครับ

Screen-Shot-2015-09-28-at-9

ซึ่งขณะนี้ทาง Apple ก็ได้เริ่มเปิดวางขาย iPhone 6s และ 6s Plus เพิ่มเติมไปอีก 42 ประเทศตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ และจากที่เราเห็นได้ในกราฟด้านบนเลยครับว่าในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ Apple ได้เปิดตัว iPhone 6s และ 6s Plus ออกมามันก็มียอดขายไปถึง 13 ล้านเครื่องเลยทีเดียว

หากถามว่ามันใช่ปรากฏการณ์หรือไม่ จริงๆแล้วคงต้องบอกว่ามันค่อนข้างจะเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วครับ ถึงแม้ว่าปีนี้จะเป็นปีของ ‘s’ ก็ตาม แต่ ‘s’ ของปีนี้ก็ต้องยอมรับล่ะครับว่ามันมาพร้อมกับอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก ถูกพัฒนาให้ดีขึ้นในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฟีเจอร์ใหม่อย่าง 3D Touch เอยหรือกล้องหลังกล้องหน้าที่ถูกเพิ่มความละเอียดขึ้นก็ตาม นับเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี นอกจากนี้ในส่วนของภายในยังมีพวก RAM และ Processor ที่ได้รับการอัพเกรดขึ้นอีกจึงช่วทำให้ iPhone 6s และ 6s Plus มีความน่าสนใจมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

อย่างไรก็ตามคาดว่าเราคงจะได้เห็นผลประกอบการของไตรมาสนี้ของ Apple ออกมาในไม่ช้านี้ครับ แต่จากที่ดูๆแล้วน่าจะมีผลประกอบการที่น่าพึงพอใจทีเดียวครับ แต่ก็ต้องมารอดูอยู่ดีว่าจะโตขึ้นมากน้อยขนาดไหนครับ

 

 

ที่มา : allthingsapple

from:http://www.appdisqus.com/2015/10/13/apple-sells-13-million-iphone-6s-and-6s-plus-units-on-launch-weekend.html

“รถยนต์ไฟฟ้า” ตลาดเริ่มร้อน Tesla ยอดขายเพิ่มขึ้น 55%

Tesla-2

Tesla Motors ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐฯประกาศว่าสามารถจำหน่ายรถได้มากกว่า 10,030 คันในช่วงไตรมาส 1 ปี 2015 ที่ผ่านมา คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 55% ต่อปี สะท้อนว่าตลาดแก็ดเจ็ดรุ่นใหญ่อย่างรถยนต์พลังงานไฟฟ้ากำลังตื่นตัวจนอาจกลายเป็นเทรนด์แรงในสังคมโลก

สถิติที่ Tesla Motors ประกาศออกมาอาจสะท้อนว่า Tesla ไม่ใช่ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลก แต่อย่างน้อยความเจิดจรัสของแบรนด์ Tesla ซึ่งเป็นข่าวดังในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาก็ตอกย้ำว่าเรื่องราวของสุดยอดเครื่องยนต์ไฮเทคในรถ Tesla นั้นเป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อย โดย Tesla Motors ระบุว่าสามารถจำหน่ายรถได้มากกว่า 10,030 คัน ทำให้ไตรมาส 1 ปี 2015 เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของ Tesla Motors

ยอดขายนี้ถือว่าสูงกว่ายอดขายที่ Tesla Motors เคยทำได้ในไตรมาส 1 ปีที่แล้วราว 55% ถือเป็นสัญญาณสะท้อนว่า Tesla Motors กำลังมีบทบาทมากขึ้นในสังคมอเมริกัน

หลังจากก่อตั้งในปี 2003 บริษัท Tesla ลงมือผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหรือ electric vehicles (EV) จนมีรุ่นชูโรงคือ Tesla Model X และ Tesla Roadster โดยรถพลังงานไฟฟ้าจาก Tesla เริ่มสามารถจำหน่ายและออกวิ่งบนทางหลวงสหรัฐฯมากขึ้น ผลจากการเริ่มเปิดสายการผลิตเต็มตัวในปี 2008

จุดที่ผู้หวังสร้างธุรกิจของตัวเองควรยึด Tesla เป็นกรณีศึกษา คือความสำเร็จของ Tesla เกิดขึ้นราว 10 ปีหลังจากเริ่มต้นธุรกิจ โดย Tesla เริ่มมีกำไรในปี 2013 ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ร่วมก่อตั้ง Tesla อย่าง Elon Musk เทความสนใจให้กับการพัฒนายานยนต์เพื่อการท่องเที่ยว รวมถึงรถไฟความเร็วสูงและการท่องเที่ยวอวกาศ

อีกจุดที่สื่อต่างประเทศให้ความสนใจกับการประกาศผลดำเนินการของ Tesla ครั้งนี้ คือ Tesla ให้คำมั่นว่าจะรายงานตัวเลขยอดจำหน่ายรถภายในช่วง 3 วันสุดท้ายของแต่ละไตรมาส เพื่อความแม่นยำในการคาดการณ์ยอดจำหน่ายรถมากยิ่งขึ้น

ที่มา : VentureBeat

from:http://thumbsup.in.th/2015/04/tesla-ships-record-10030-cars-in-q1-2015-up-55-year-over-year/

Twitter เตรียมปล่อยฟีเจอร์วิดีโอให้ใช้งานเร็วๆ นี้

Twitter มีแอพที่ไว้ใช้แสดงผลเรื่องคลิปวิดีโอบน Timeline อย่าง Vine อยู่กับตัว แต่นั่นอาจจะยังไม่พอ และเมื่อหลายเดือนก่อนก็ได้ทดลองใช้งานวิดีโอที่แสดงผลบนหน้า Timeline กับแบรนด์ผลิตภัณฑ์แล้ว ซึ่งล่าสุดมีข่าวแว่วๆ ว่าจะปล่อยฟีเจอร์วิดีโอให้ผู้ใช้งานใช้กันอย่างเต็มตัวเร็วๆ นี้

ซึ่งฟีเจอร์นี้ก็จะช่วยให้ถ่ายวิดีโอ, ตัดต่อและโพสต์ผ่าน Twitter ตรงๆ ได้ทันที โดยจะแตกต่างจาก Vine แต่ก็มีความคล้ายคลึงกันพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือและหน้าจอตอนใช้งาน, อัปโหลดไฟล์วิดีโอที่ถ่ายมาแล้วหรือจะถ่ายใหม่ก็ทำได้มันทีผ่านแอพ Twitter นั่นเอง ส่วนเรื่องเวลาของคลิปก็มีการจำกัดไว้ที่ 20 วินาทีต่อคลิป

เป้าหมายของ Twitter คือการให้ผู้ใช้แชร์และสร้างวิดีโอบนแพลตฟอร์มของตัวเอง ก็จะทำให้ผู้ใช้เข้าใช้อย่างสม่ำเสมอมากขึ้น โดยฟีเจอร์วิดีโอนี้อาจจะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีแรกตามคำบอกเล่าของนักลงทุน ยังไงก็ติดตามกันต่อไปว่าฟีเจอร์นี้เวิร์คขนาดไหน  :h_shinchan:

ที่มา re/code

from:http://faceblog.in.th/2015/01/twitter-prepare-launch-video-feature/

ทุบสถิตอีกรอบ!! 3 วันแรก iPhone 6 และ iPhone 6 Plus มียอดจำหน่ายทะลุ 10 ล้านเครื่อง

วันนี้ Apple แถลงตัวเลขยอดจำหน่าย iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ใน 3 วันแรกทะลุ 10 ล้านเครื่องไปเรียบร้อยซึ่งรวมถึงยอดจำหน่าย 4 ล้านเครื่องภายใน 24 ชั่วโมงแรกอีกด้วย โดยตัวเลขนี้ได้ทำลายสถิติของ iPhone 5s และ iPhone 5c ที่ทำไว้ในปีที่แล้วที่จำนวน 9 ล้านเครื่องใน 3 วันแรกที่จำหน่ายเช่นกัน

4DQpjUtzLUwmJZZCzJe0VylixJhOJ76FqX19IejEbfnA

โดยในวันที่ 26 กันยายนนี้ Apple จะวางจำหน่าย iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เพิ่มในอีก 20 ประเทศซึ่งยังไม่มีประเทศไทยและจีนอยู่ในรายชื่อ คงต้องรอในช่วงเดือนตุลาคมที่ Apple จะประกาศทางการอีกครั้ง โดย Apple จะวางจำหน่าย iPhone รุ่นใหม่นี้ให้ครบ 115 ประเทศทั่วโลกภายในปลายปีนี้

ที่มา – businesswire

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=102213