คลังเก็บป้ายกำกับ: POLITICS

สัมภาษณ์ทีม INOX ผู้พัฒนาเว็บไซต์รายงานผลการเลือกตั้ง 66 ของ Thai PBS

ในช่วงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 มีเว็บไซต์หลายแห่งทำหน้าที่รายงานผลการนับคะแนนเลือกตั้ง และได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก

เว็บไซต์แห่งหนึ่งที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากคือ เว็บไซต์รายงานผลการเลือกตั้ง 66 ของ Thai PBS (election66.thaipbs.or.th) ทั้งเรื่องการออกแบบที่ใช้งานง่าย และสามารถรองรับปริมาณโหลดจำนวนมหาศาลในช่วงวันเลือกตั้ง เพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้ทางเทคนิคเบื้องหลังเว็บไซต์แห่งนี้ Blognone จึงขอสัมภาษณ์ทีมจากบริษัท INOX ผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนาเว็บไซต์นี้ร่วมกับ Thai PBS

No Description

แนะนำตัวทีมงานที่เกี่ยวข้องกับโปรเจคนี้

ทีมจะดูมีหลายคนมากๆ แวะเวียนมาร่วมมือในส่วนที่ตัวเองเป็น specialist ครับ

  • Team lead: มด (@moogreentea)
  • Tech lead: แชมป์ (@champjss)
  • Project manager: วี (@vixtrz)
  • UX/UI Designer: เกน
  • Developer: มาร์ค, แอม, เจ, นก
  • DevOps / Consult: โนเน, นนท์, จั้ม, พัด
  • นิสิตฝึกงานประจำปีนี้ (ปังปอนด์, กอล์ฟ, กานน, แชมป์, ต้น, แม็ก) ที่ร่วมพัฒนา backend ดึงผล และฟีเจอร์จับขั้วรัฐบาลด้วยครับ

No Description

ที่มาที่ไปของโครงการเว็บรายงานผลการเลือกตั้ง

เมื่อปี 2565 เราเคยร่วมงานกับ Thai PBS ทำเว็บไซต์รายงานผลเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพ 65 ซึ่งได้ผลตอบรับค่อนข้างดี พอมาถึงการเลือกตั้งใหญ่ปี 66 เราเลยได้รับความไว้วางใจให้มาร่วมงานกันอีกครั้งครับ

ในช่วงแรก ทีมงานตีโจทย์การออกแบบเว็บรายงานผลการเลือกตั้งอย่างไร

เราพยายามจะถอดความสำเร็จจากงานเลือกตั้งผู้ว่าฯ แต่ก็พบว่าบริบททางการเมืองต่างกันมาก เอาแนวทางเดิมมาใช้ตรงๆ ไม่ได้ ดังนั้นทางเราและ Thai PBS จึงเริ่มจากทำเซอร์เวย์กันในวงเล็กๆ (ระบุกลุ่มเป้าหมาย) เพื่อสรุปเอาคำถามสำคัญที่กลุ่มเป้าหมายของเราอยากรู้

ผลการสำรวจความเห็นได้ข้อสรุปมา 3 ข้อ สิ่งที่คนอยากรู้คือ 1) เขตที่บ้านเรา ใครได้เป็น ส.ส. 2) พรรคไหนได้ ส.ส. จำนวนเท่าไร 3) แล้วใครจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี

จากนั้นเราเอาประเด็นหลักนี้มาพัฒนาต่อให้สุดทาง ประเด็นแรกเรื่อง “เขตที่บ้านเรา ใครได้เป็น ส.ส.” นั้นเราดูจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา ว่าผู้ใช้น่าจะต้องเข้ามาดูผลหลายๆ ครั้ง เพื่อดูคะแนนล่าสุด ดังนั้นถ้าออกแบบให้ผู้ใช้สามารถปักหมุดเขตที่บ้านไว้ได้เลย จะได้ไม่ต้องไปไล่กดแผนที่ซ้ำๆ ทำให้การใช้งานง่ายขึ้น

No Description

แต่ในประเด็นว่า “ใครจะได้เป็นนายก”​ เป็นส่วนที่ท้าทายที่สุด เพราะจากการเลือกตั้งฯ 62 แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่ว่าพรรคที่ 1 จะได้เป็นรัฐบาลเสมอไป ดังนั้นการออกแบบที่ดึงภาพพรรคอันดับ 1 หรือพรรคอันดับ 1-3 ขึ้นมาเด่นที่สุด อาจจะไม่ใช่แนวทางที่เหมาะกับบริบททางการเมืองปัจจุบัน เราเลยเลือกนำเสนอในรูปของ “สูตรจับขั้วรัฐบาล” พร้อมบวกเลขที่นั่งของแต่ละสูตรมาให้เสร็จเลย เพื่อให้ผู้ชมเข้าใจว่า พรรคที่ 1 ไม่ได้แปลว่าจะได้เป็นรัฐบาล แต่ขึ้นอยู่กับสูตรการจับมือแบบไหน เป็นไปได้แค่ไหน

ประเด็นนี้อาจสุ่มเสี่ยงกับความเป็นกลางด้วย เราเลยต้องทำงานในส่วนนี้กับทาง Thai PBS (ซึ่งเป็นสื่อสาธารณะและต้องวางตัวเป็นกลาง) อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การนำเสนอออกมาเป็นกลางที่สุด โดยเราเลือกนำเสนอสูตรตั้งต้น 5 สูตรตามการสรุปจากทีมข่าวการเมือง เป็นค่าตั้งต้นให้เห็นภาพความเป็นไปได้ แต่ก็ยังเปิดโอกาสให้ผู้ชมสามารถจัดสูตรรัฐบาลเองได้และแชร์ได้ด้วยตามคะแนนแบบเรียลไทม์ในตอนนั้น

No Description

ประเด็นด้านการออกแบบ Design/UX มีสิ่งที่ต้องคำนึงอย่างไรบ้าง

เนื่องจากทาง Thai PBS มีกลุ่มผู้ชมหลากหลาย โดยเฉพาะฐานผู้ชมกลุ่มผู้สูงวัย มีเยอะพอสมควร ในกระบวนการคิดจึงต้องเลือก persona ของผู้ชมให้หลากหลาย เพื่อออกแบบและทดสอบให้ครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม New Voter, Active Voter, กลุ่มผู้ใหญ่วัยเกษียณ เป็นต้น เพื่อให้เราสามารถเอาสิ่งที่พัฒนาไปทดสอบกับ user จริงๆ จนมั่นใจว่า UX/UI ที่ออกแบบมานั้น ไม่ซับซ้อนเกินไปสำหรับกลุ่มเป้าหมาย (ต้องขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ทีมงานทุกคนที่ได้มาร่วมทดสอบกันด้วยครับ)

จะเห็นว่ามีหลายๆ จุดที่พยายามทำให้ดูง่าย ลดความซับซ้อน เช่น หลีกเลี่ยงการใช้ฟอนต์เล็ก หรือตัดความสามารถในการซูมแผนที่ออกไปเลยเพื่อกันงง แล้วดันให้ไปใช้ฟิลเตอร์แยกเฉพาะภูมิภาคช่วยให้เห็นแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้นได้ หรือให้พิมพ์ชื่อจังหวัดเพื่อค้นหาแทน

No Description

No Description

เทคโนโลยีที่เลือกใช้งาน (Front End) และเหตุผลที่เลือกใช้

ในงานนี้เราเลือกใช้ NextJS เพื่อให้ได้ใช้ React และสามารถ custom HTML response เพื่อให้มีภาพสำหรับแชร์และ Title แตกต่างกันในแต่ละหน้าเมื่อมีการแชร์ได้

ในงานนี้เรา build โปรเจกต์เป็น Docker image เพื่อเอาไปใช้บน Kubernetes เองเลยครับ

เทคโนโลยีที่ใช้งาน (Backend/Server) และเหตุผลที่เลือกใช้

  • ในส่วนข้อมูลผลการเลือกตั้งที่ผู้ชมเข้าถึง เป็นไฟล์สรุปผลที่เก็บบน Amazon S3 และอยู่ผ่าน Amazon CloudFront อีกทีหนึ่ง ทำให้มั่นใจได้มากว่าสามารถรับโหลดได้ และสามารถปล่อยให้เว็บอยู่ต่อไปหลังเลือกตั้งได้ตลอด โดยไม่ต้องดูแลระบบ/มีค่าใช้จ่ายมากนัก
  • ในส่วนระบบการประมวลผลข้อมูลหลังบ้าน รันอยู่บน AWS EKS และต่อกับฐานข้อมูล MongoDB Atlas เพราะเปิดฐานข้อมูลใช้แค่ไม่กี่วันได้อย่างสะดวก รวมถึงได้ใช้ความสามารถ ChangeStream เพื่อใช้ trigger ให้ข้อมูลใน data pipeline ที่เกี่ยวข้องอัปเดตได้อย่างรวดเร็ว

ประเด็นเรื่องการสเกลเครื่องให้รับมือปริมาณผู้ชมได้

  • ปกติ Thai PBS ใช้ EKS กับระบบเว็บอยู่แล้ว ซึ่งงานนี้เราใช้ EKS เช่นกัน
  • ตัว workload (NodeGroup) เราใช้เป็น Spot instance ทั้งหมด ราคาถูกกว่า On-demand instance อยู่ประมาณ 40-50%
  • Spot instance มีเรื่องต้องระวังคืออาจโดน AWS เรียก node คืนได้เสมอ แต่เราประเมินแล้วว่า AWS ยังมี capacity พอให้ scale up ด้วย Spot instance ได้ หรือถ้าเต็มจริงๆ เราก็สามารถ scale up ด้วยเครื่องแบบ On-demand ได้ทันทีเหมือนกันเพราะเตรียมไว้หมดแล้ว
  • Workload ข้างในออกแบบให้ stateless 100% (สามารถเกิดแก่เจ็บตายได้โดยระบบรวมไม่สะดุด) เพื่อรองรับการเพิ่มลด Worker ได้ตามต้องการ

จริงๆ ตัว NextJS เองไม่ได้รับโหลดได้สูงมากนัก แต่เนื่องจากมี caching ทำให้เหลือโหลดเข้ามาถึงระบบจริงๆ ไม่เยอะ ถึงจะเตรียม autoscale ไว้แต่ก็ใช้จริงประมาณ 4-5 pod เท่านั้น ที่เหลือก็สามารถรับโหลดได้ตามขีดความสามารถของ CDN เลย

ส่วนการรับมือ spike load ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่างานส่วนใดควรทำที่ฝั่งไคลเอนต์หรือเซิร์ฟเวอร์, วางแผนทำ caching ถูกต้องเหมาะสม และทางทีม DevOps ยังช่วยทดสอบยิงแอป เพื่อใช้ประเมินสถานการณ์ไปด้วยอีกทางหนึ่ง อีกส่วนที่สำคัญคือระบบอื่นๆ ข้างเคียง เช่น เว็บไซต์หลัก (ซึ่งอาจเป็นทางเข้าของผู้ใช้บางกลุ่ม) ก็ต้องเตรียมพร้อมรับมือไปด้วยกัน

No Description

เว็บรายงานผลของ TPBS ทำงานเร็วเป็นอันดับต้นๆ เมื่อเทียบกับเว็บอื่น คิดว่าเพราะอะไรที่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เว็บเราเร็ว ทั้งด้าน front end และ backend เช่นอย่าง front end เข้าใจว่าหลายๆ เจ้าก็เลือกใช้ NextJS เหมือนกัน ทำไมของเราเร็วกว่าคนอื่น

ทีมมองว่าเกิดจาก 2 ปัจจัยหลัก

  • ปัจจัยแรกคือด้วยการออกแบบ flow การใช้งานเว็บ สามารถ optimize การโหลดข้อมูลให้ทำเท่าที่จำเป็นได้ เช่น เมื่อเข้ามาครั้งแรกให้โหลดเฉพาะผลที่นั่งภาพรวมเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องโหลดผลเลือกตั้งมาทั้งหมด
  • อีกปัจจัยหนึ่งคือการใช้ caching ช่วยอย่างเหมาะสม สำหรับงานนี้ เนื่องจากผลเลือกตั้งจะอัปเดตถี่มากๆ เราเลยเลือกใช้ SSR ในการเรนเดอร์ HTML เบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้เรนเดอร์ผลคะแนนลงไป (และปล่อยให้ไปทำงานต่อที่ฝั่งไคลเอนต์แทน) ช่วยให้ทำ caching ส่วนหน้าเว็บและ assets ที่เกี่ยวข้องได้นาน

ระยะเวลาในการพัฒนาเว็บไซต์ทั้งหมด

งานนี้ใช้เวลาในการออกแบบระบบและพัฒนาประมาณ 1 เดือนครึ่ง ฟีเจอร์ทั่วไปใช้งานได้สมบูรณ์ในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนเลือกตั้ง แต่ยังมีการปรับจูน ปรับแต่ง แก้ไขจนถึงวันเลือกตั้งจริง และแม้แต่ตอนเริ่มประกาศผลไปแล้ว ก็ยังมีการแก้ไขปรับปรุง โดยทาง Thai PBS กับเราประสานกันเพื่อแก้ไข ตาม feedback ของผู้ชม

ปัญหาอื่นๆ ที่พบในระหว่างทาง (ถ้ามี)

ช่วงประมาณ 2 ทุ่มกว่า มีอยู่จังหวะหนึ่งที่ข้อมูลคะแนนจากต้นทาง ส่งมาเป็น 0 เกือบทุกเขต และเนื่องจากเราดึงข้อมูลและสรุปเร็วมาก ทำให้ผู้ชมเห็นคะแนนลดวูบไป (ดู[เหตุการณ์จริงจาก รมต. DE]((LIVE) คืนเลือกตั้ง – YouTube) ได้) แต่เนื่องจากเราแยกเก็บ data source คะแนนจากสื่อไว้อีกชุดหนึ่ง จึงสามารถสลับโหมดมาใช้คะแนนจากสื่อชั่วคราวได้ (แต่ก็ทดไว้ในใจว่าคราวหน้า คงต้องทำ Snapshot ไว้ย้อนเวลาได้ด้วยเพื่อป้องกันกรณีนี้)

อยากฝากบอกอะไรถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เข้ามาใช้งานเว็บของเรา

ผลการเลือกตั้ง เป็นแค่จุดเริ่มต้นครับ อย่างที่เราพยายามเสนอใน UI ยังต้องติดตาม รวมถึงส่งเสียงสะท้อนจากภาคประชาชนกันต่อไป

from:https://www.blognone.com/node/134068

Google เปิดเพจแสดงเทรนด์การค้นหาที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง อัปเดตต่อเนื่อง ฝังชาร์ตข้อมูลในโซเชียลมีเดียได้

Google ได้จัดทำเพจแสดงเทรนด์การค้นหาเกี่ยวกับการเลือกตั้งประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลคำค้นหา หัวข้อยอดนิยมและการค้นหาเกี่ยวกับพรรคการเมืองที่ลงเลือกตั้งรวมถึงหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง เช่น เศรษฐกิจ การว่างงาน และค่าแรง

ผู้ใช้ทั่วไปสามารถฝังชาร์ตและแชร์ข้อมูลจากหน้าเพจใหม่ของ Google ลงในหน้าบทความโซเชียลมีเดียของตนเองได้และชาร์จบนหน้าเพจจะได้รับการอัปเดตเรื่อย ๆ แม้จะเผยแพร่บทความไปแล้วก็ตาม

ทั้งนี้ ข้อมูลในเพจที่ Google จัดทำขึ้นไม่ใช่ผลการสำรวจและไม่ได้แสดงถึงเจตนาในการลงคะแนนเสียงแต่อย่างใด

ที่มา – ข่าวประชาสัมพันธ์

No Description

from:https://www.blognone.com/node/133587

พรรครีพับลิกันปล่อยโฆษณาโจมตีไบเดน สร้างด้วยภาพจาก AI หลังไบเดนประกาศลงสมัคร ปธน. อีกรอบในปีหน้า

คณะกรรมการพรรครีพับลิกันหรือ RNC (Republican National Committee) ปล่อยวิดีโอโฆษณา Beat Biden เพื่อโจมตีประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่ประกอบด้วยรูปภาพที่สร้างจาก AI หลังจากที่เจ้าตัวประกาศว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่งในปี 2024

โฆษณา Beat Biden ประกอบด้วยภาพและข้อความที่ตั้งคำถามถึงสถานการณ์ต่าง ๆ หากไบเดนได้เป็นประธานาธิบดีอีกรอบหนึ่งโดยให้ภาพสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างภาพไต้หวันที่ถูกระเบิดหลังจากจีนบุกรวมทั้งภาพกองทหารในสหรัฐอเมริกา

ด้านบนวิดีโอมีข้อความ Disclaimer เขียนว่าเป็นโฆษณาที่สร้างจาก AI สำหรับสร้างภาพ มีแคปชันใต้วิดีโอใน YouTube ว่า ภาพที่สร้างจาก AI ที่สื่อถึงอนาคตที่อาจเป็นไปได้ของสหรัฐอเมริกาหากไบเดนชนะการเลือกตั้งอีกรอบในปี 2024

ยังไม่แน่ชัดว่าวิดีโอดังกล่าวใช้ AI ใดในการทำขึ้นแต่ AI อย่าง Midjourney และ DALL-E ได้จำกัดการสร้างรูปภาพทางการเมืองอย่าง Midjourney ก็ได้จำกัดการสร้างภาพที่ใช้คำว่า “arrested” (จับกุม) อย่างไรก็ตาม รูปในวิดีโอส่วนใหญ่เป็นรูปทั่ว ๆ ไป จึงอาจจะสร้างขึ้นได้โดยไม่ได้ถูกปิดกั้นจากฟิลเตอร์ของ AI

ผู้เชี่ยวชาญต่างเตือนว่า การสร้างข่าวปลอมทางการเมืองด้วย AI อาจทำให้เกิดการเผยแพร่ข้อมูลเท็จที่อาจแพร่กระจายเป็นวงกว้างในโลกออนไลน์ อย่างไรก็ตาม สั้นแบ่งระหว่างความเป็นข้อมูลเท็จและการเป็นแคมเปญเลือกตั้งทั่ว ๆ ไปก็ยังไม่ชัดเจน

ที่มา – The Verge

No Description

from:https://www.blognone.com/node/133567

วิจัยเผย 1 ใน 4 ของชาวอเมริกันมองจีนเป็นศัตรู เกือบครึ่งไม่มั่นใจเลยว่า สี จิ้นผิง จะทำสิ่งที่ถูกต้อง

เรื่องความขัดแย้งของจีนและสหรัฐอเมริกาไม่ใช่แค่เรื่องที่เกิดระหว่างรัฐบาลอีกต่อไปแต่กระจายสู่ประชาชนทั่วไปด้วย เมื่อ Pew Research Center องค์กรวิจัยของสหรัฐอเมริกาเผยผลสำรวจพบว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่มองจีนในแง่ลบ

ชาวอเมริกัน 1 ใน 4 มองว่าจีนเป็นศัตรูของสหรัฐอเมริกา ตัวเลขเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2021 และเพิ่มขึ้น 3% ก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครนจนนำไปสู่การเกิดสงคราม นอกจากนี้ ชาวอเมริกันราวครึ่งหนึ่งยังมองว่าจีนเป็นคู่แข่งขณะที่มีเพียง 6% เท่านั้นที่มองว่าจีนเป็นพาร์ทเนอร์

Pew Research Center ได้ทำผลสำรวจผ่านทางออนไลน์ครอบคลุมประชากรวัยผู้ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาจำนวน 3,576 รายในเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่มีน้ำหนักในการเป็นภาพแทนความคิดของชาวอเมริกัน

ผู้ที่เลือกพรรคริพับลิกันและผู้ที่มีแนวโน้มไปทางรีพับลิกันที่มองว่าจีนเป็นศัตรูมีจำนวนเกือบ 2 เท่าของผู้ที่เลือกพรรคเดโมแครตและผู้ที่มีแนวโน้มไปทางเดโมแครต ทั้งนี้ สัดส่วนของผู้ฝักใฝ่ทางพรรคเดโมแครตที่มองจีนเป็นศัตรูก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจาก 12% ในเดือนมีนาคมปีที่แล้วมาอยู่ที่ 27% ในช่วงเดียวกันของปีนี้

ผลสำรวจยังเผยอีกว่าชาวอเมริกัน 83% มีมุมมองที่ไม่ดีต่อจีนขณะที่มีเพียง 14% เท่านั้นที่ยังมองจีนในแง่ดี โดยชาวอเมริกันที่ยังอายุน้อยมีแนวโน้มที่จะมองจีนในแง่บวกและเห็นโอกาสในการร่วมมือกับจีนมากกว่าและให้ความสำคัญกับการร่วมมือแบบพหุภาคี (Multilateralism)

เมื่อผลสำรวจถามถึงเรื่องความเป็นไปได้ในการร่วมมือกันระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ส่วนใหญ่มองว่าทั้ง 2 ประเทศไม่น่าจะร่วมมือกันได้ในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การจัดการกับการแพร่ระบาดของโรคติดต่อ และการจัดการกับปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ขณะที่ชาวอเมริกันมองว่ามีความเป็นไปได้สูงกว่าที่จะร่วมมือกันในเรื่องนโยบายเศรษฐกิจและการค้าและโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษา โดยคนอย่างน้อย 50% มองว่าสามารถร่วมมือกันในเรื่องใดเรื่องหนึ่งจาก 2 เรื่องนี้ 

อย่างไรก็ตาม จีนและสหรัฐอเมริกาเป็นคู่แข่งสำคัญด้านเชื้อเพลิงและพลังงานทั้งพลังงานสะอาด แบตเตอรี่ ยานพาหนะไฟฟ้าซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อความร่วมมือด้านนโยบายเศรษฐกิจและการค้า รวมทั้งในเรื่องมุมมองทางเศรษฐกิจ ชาวอเมริกัน 38% มองว่ามหาอำนาจด้านเศรษฐกิจชั้นนำของโลกในปีนี้ ขณะที่ 48% มองว่าเป็นสหรัฐอเมริกา

นอกจากนี้ ชาวอเมริกันจำนวนน้อยมากมั่นใจว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนจะทำสิ่งที่ถูกต้องโดยเกือบครึ่งไม่มีความมั่นใจเลย (‘no confidence at all’) 

ที่มา – Pew Research Center, Quartz 

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post วิจัยเผย 1 ใน 4 ของชาวอเมริกันมองจีนเป็นศัตรู เกือบครึ่งไม่มั่นใจเลยว่า สี จิ้นผิง จะทำสิ่งที่ถูกต้อง first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/1-in-4-of-americans-see-china-as-enemy/

ทำไมต้อง AI? คุยกับพรรคก้าวไกลถึงนโยบาย AI ปราบโกง – 15 เมษายน 20.00 น.

Blognone สัมภาษณ์ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (@teng_mfp) รองเลขาธิการ ฝ่ายพัฒนาระบบข้อมูลและดิจิทัล พรรคก้าวไกล ลงลึกถึงรายละเอียดทางเทคนิคของนโยบาย AI ปราบโกง ทำได้จริงแค่ไหน

วันนี้ 15 เมษายน 2563 เวลา 20.00 น. ทาง Twitter Spaces

No Description

from:https://www.blognone.com/node/133439

พรรคเพื่อไทยชี้แจง ไม่ได้สร้างเงินสกุลใหม่ ใช้บล็อกเชนที่ปลอดภัยสูงสุด สูงกว่าระบบปัจจุบัน

พรรคเพื่อไทยออกมาชี้แจงนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค โพสต์ข้อความผ่าน Facebook ของพรรค 10 ข้อ ระบุว่านโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลไม่ได้สร้างเงินสกุลใหม่ แต่เปรียบเทียบว่าเป็น “คูปอง” ที่มีเงื่อนไขการใช้งานโดยระบบบล็อกเชน

ในโพสต์ยังระบุว่าใช้ “ระบบบล็อกเชนที่มีความปลอดภัยสูงสุด” สูงกว่าระบบที่ใช้ในปัจจุบัน แต่ไม่ได้อธิบายเพิ่มเติมว่าเป็นระบบอย่างไร

เมื่อวานนี้ในเวที 101 Policy Forum: นโยบายเศรษฐกิจในสนามเลือกตั้ง ของ The101.world นายเผ่าภูมิยังตอบคำถามเรื่องนโยบายนี้ ว่าจะช่วยสร้างการเข้าถึงด้านการเงิน (financial inclusive) เพราะประชาชนทุกคนที่มีบัตรประชาชน จะมีบัญชีกระเป๋าเงินดิจิทัลของตัวเอง มี “key ของตัวเอง” ซึ่งต่างจากระบบบัญชีเงินฝากธนาคารในปัจจุบัน ที่ยังมีปัญหาเรื่องการเข้าถึงของคนบางกลุ่ม

ส่วนในแง่ความยากของการใช้งาน นายเผ่าภูมิบอกว่าบล็อกเชนทำให้สิ่งที่เคยยากนั้นง่ายขึ้น ขอแค่โทรศัพท์มือถือของฝั่งผู้รับ ผู้จ่ายใช้บัตรประชาชนอย่างเดียวในการจ่าย

นายเผ่าภูมิย้ำว่านโยบายนี้ไม่ใช่การแจกจ่ายเงิน แต่ขอให้มองว่าเป็นการลงทุนเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของประเทศ และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อคนที่เดือดร้อนจากโควิด

ช่วงที่นายเผ่าภูมิพูดถึงนโยบายกระเป่าเงินดิจิทัล ประมาณนาที 45

No Description

เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และกรรมการ เลขานุการ โฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ชี้แจงเพิ่มเติม 10 ประเด็น “กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท” ดังนี้

1. กระเป๋าเงินดิจิทัลไม่ใช่คริปโตเคอเรนซี่ ไม่ใช่เงินสกุลใหม่ แต่เป็นเหรียญ (คูปอง) หรือสิทธิ์การใช้เงิน ที่ใช้ Blockchain เขียนเงื่อนไขลงไปในนั้น เพื่อนโยบายการคลังที่ตรงจุด สามารถเอามาแลกเป็นเงินบาทได้ทุกเมื่อ
2. เหรียญ (คูปอง) หรือสิทธิ์การใช้เงิน ที่ใช้ในกระเป๋าเงินดิจิทัล ไม่มีความเสี่ยง ไม่มีการเก็งกำไร ไม่มีการถูกทุบ ไม่มีการขาดทุน ไม่มีการสร้างมูลค่า ไม่สามารถแลกเปลี่ยนด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นได้ ไม่มีราคาตก-ราคาขึ้น เพราะทุกเหรียญมีค่าเท่าเงินบาทเสมอ รับประกันโดยรัฐบาล
3. กระเป๋าเงินดิจิทัล ไม่มีผลกระทบใดๆทั้งสิ้นต่อความมั่นคงของระบบการเงิน ไม่เกี่ยวกับทุนสำรองระหว่างประเทศ เพราะไม่ใช่การสร้างสกุลเงินใหม่
4. กระเป๋าเงินดิจิทัล เงิน 10,000 บาท ลงถึงมือประชาชนทุกคน (16 ปี ขึ้นไป) ทุกบาททุกสตางค์ ใช้จ่ายจริง ซื้อของได้จริง ไม่มีการสูญหายของงบประมาณ ตรวจสอบได้ทุกธุรกรรมตลอดเส้นทาง
5. กระเป๋าเงินดิจิทัล ไม่ใช่กรณีเดียวกับ Bitcoin Luna USDT ตามมีผู้กล่าวอ้าง เหล่านั้นออกโดยเอกชนและมุ่งหมายเป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยน กระเป๋าเงินดิจิทัลคือเหรียญ (คูปอง) หรือสิทธิ์การใช้เงิน ที่ใช้ Blockchain เขียนเงื่อนไขลงไป ออกโดยรัฐบาล ไม่ใช่สกุลเงินคู่ขนานกับเงินบาท
6. กระเป๋าเงินดิจิทัลไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทเอกชนตามที่มีผู้กล่าวอ้าง ไม่เกี่ยวกับการซื้อบริษัท ไม่เกี่ยวกับการฟอกเงิน ไม่เกี่ยวกับการลงทุน เป็นข้อกล่าวอ้างที่ไม่ได้อยู่บนฐานของข้อเท็จจริง ทั้งหมดใช้งบประมาณจากภาครัฐและโอนตรงถือมือประชาชนทุกคน (16 ปีขึ้นไป) ง่ายๆและตรงไปตรงมา
7. กระเป๋าเงินดิจิทัลกระตุ้นเศรษฐกิจระดับหมู่บ้าน ระดับชุมชน ในตลาด สร้างธุรกรรมระหว่างรายย่อย ตรงข้ามกับวิธีเดิมที่ต้องซื้อในร้านใหญ่หรือกลุ่มทุน
8. กระเป๋าเงินดิจิทัล ใช้ระบบ Blockchain มีความปลอดภัยสูงสุด สูงกว่าระบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน รู้เส้นทางการเงินทุกธุรกรรม รู้ผู้รับ รู้ผู้จ่าย เป็นระบบที่มีความโปร่งสูงสุด ตรวจสอบได้ทุกธุรกรรม
9. กระเป๋าเงินดิจิทัลไม่ก่อให้เกิดเงินเฟ้อ ปัจจุบันระดับกำลังซื้อของประเทศตกต่ำ เศรษฐกิจตกต่ำกว่าศักยภาพมาก สภาวะดังกล่าวไม่นำสู่เงินเฟ้อที่เกิดจากอุปสงค์ได้ รวมทั้งกระเป๋าเงินดิจิทัล สามารถจัดสรรเงินจากงบประมาณ ไม่มีการขึ้นอัตราภาษีใดๆ
10. พรรคเพื่อไทยสนับสนุน Central Bank Digital Currency (CBDC) และเดินหน้าพัฒนาร่วมกันธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นแพลตฟอร์มเปิดสำหรับทุกคน เพื่อยกระดับระบบการเงินของประเทศเพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล

ส่วนนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ได้ไปร่วมเวทีที่ จ.นครราชสีมา และบอกว่าบล็อกเชนสามารถป้องกันการทุจริตได้ แต่ยังไม่สามารถอธิบายได้ในตอนนี้

from:https://www.blognone.com/node/133371

พรรคเพื่อไทยประกาศแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านวอลเล็ต ใช้บล็อกเชน

พรรคเพื่อไทย ประกาศนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ให้ประชาชนทุกคนที่มีอายุเกิน 16 ปีขึ้นไป เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตามนโยบายที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้

วันนี้ (7 เมษายน) พรรคเพื่อไทยได้แถลงรายละเอียดเพิ่มเติมของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต โดยมี นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี, นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานนโยบายและประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ, นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค, นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรค เป็นผู้ร่วมแถลง

สรุปรายละเอียดที่ถอดความโดยเว็บไซต์มติชน

  • ตั้งใจให้เป็นเงินดิจิทัล ไม่ให้เงินสด เพราะต้องการนำเทคโนโลยีมาจำกัดวิธีการใช้เงินบางประเภทที่ไม่เหมาะสมได้ เช่น การพนัน ยาเสพติด หนี้นอกระบบ
  • สามารถนำเงินดิจิทัลไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันได้ แต่ไม่อนุญาตให้ใช้ซื้อบุหรี่และใช้หนี้นอกระบบ
  • กำหนดระยะเวลาให้ใช้ภายใน 6 เดือน และจำกัดรัศมีการใช้งานตามบัตรประชาชน 4 กิโลเมตร หากพื้นที่ไหนไม่มีร้านค้าสามารถขยายได้ (นายเศรษฐาบอกว่าด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนจะขยายได้เป็น 7.5 กิโลเมตรหรือไกลกว่านั้น) แต่จะไม่อนุญาตให้ใช้นอกพื้นที่ได้เพราะต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน หากอาศัยอยู่คนละที่กับที่อยู่ในทะเบียนบ้าน จำเป็นต้องกลับไปเยี่ยมบ้านเท่านั้น
  • นโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาทเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ในช่วง 6 เดือนจะมีมาตรการทางเศรษฐกิจอื่นๆ รองรับด้วย
  • จากนี้ไป คนไทยจะมี 2 บัญชี คือ บัญชีออมทรัพย์ทั่วไป และ บัญชีดิจิทัลวอลเล็ต โดยใช้บล็อกเชนเขียนเงื่อนไขลงไปบนเงิน ว่าต้องใช้ภายใน 6 เดือน และรัศมี 4 กิโลเมตร ซึ่งแตกต่างจากแอพเป๋าตังเป็นเงินในโลกยุคเก่า
  • หลังครบ 6 เดือนแล้ว สิ่งที่ได้กลับมาในระยะยาวคือโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินยุคใหม่ ที่อิงอยู่บน central bank digital currency (CBDC)
  • จะให้ประชาชนเลือกระหว่างบัตรคนจน กับกระเป๋าเงินดิจิทัล อย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วนที่มาของเงินจะมาจากงบประมาณบัตรคนจน 5 หมื่นล้านบาท, การรีดงบประมาณส่วนเงินในรายจ่ายงบประมาณปี 67 “หลายแสนล้าน”, การเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้นจากการกระตุ้นเศรษฐกิจอีก 2 แสนล้าน
  • คาดว่าจะเริ่มโครงการได้วันที่ 1 มกราคม 2567

ที่มา – มติชน, Voice TV, ไทยรัฐ

from:https://www.blognone.com/node/133342

เศรษฐา ทวีสิน CEO บมจ. แสนสิริ ลาออกจากทุกตำแหน่งของบริษัท ให้ อภิชาติ จูตระกูล ขึ้นแทน

เศรษฐา ทวีสิน
เศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI)

รายงานข่าวจาก บมจ. แสนสิริ แจ้งว่า เศรษฐา ทวีสิน ได้ขอลาออกจากตำแหน่งประธานอำนวยการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ รวมทั้งทุกตำแหน่งในฐานะกรรมการของบริษัท และกรรมการชุดย่อยของบริษัท ได้แก่ ประธานกรรมการบริหาร รองประธานกรรมการลงทุน และกรรมการบรรษัทภิบาล และความยั่งยืน

มีผลนับตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 2566 เป็นต้นไป และบริษัทได้ให้ นายอภิชาติ จูตระกูล ประธานกรรมการเข้าดำรงตำแหน่ง รักษาการประธานอำนวยการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ แทนตำแหน่งที่ลาออก จนกว่าจะมีการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในการประชุมคณะกรรมการบริษัท

อ้างอิง // Set

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post เศรษฐา ทวีสิน CEO บมจ. แสนสิริ ลาออกจากทุกตำแหน่งของบริษัท ให้ อภิชาติ จูตระกูล ขึ้นแทน first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/ceo-sansiri-2023/

พรรคเพื่อไทยประกาศนโยบาย Blockchain Hub แห่งอาเซียน, กระเป๋าเงินดิจิทัลด้วยบล็อคเชน

พรรคเพื่อไทย ประกาศนโยบาย “ประเทศไทยเป็น Blockchain Hub แห่งอาเซียน” เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยระดมทุนจากทั่วโลกโดยไม่ต้องผ่านระบบธนาคารแบบเดิม ส่งเสริมให้ศิลปินไทยขายงานเป็น NFT ไปยังตลาดโลกได้

นโยบายเรื่องบล็อคเชนของพรรคเพื่อไทย เป็น 1 ใน 8 นโยบายใหม่ที่เปิดตัววันนี้ โดยขยายความต่อจากประกาศเมื่อเดือนธันวาคม 2565 ที่จะสร้าง Blockchain ของประเทศไทยเอง เพื่อใช้ซื้อขายสินค้าเกษตร และทำ NFT ซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า

นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยยังมีนโยบายอีกข้อคือ ให้คนไทยทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปได้ “กระเป๋าเงินดิจิทัล” (Digital Wallet) ที่สร้างด้วยบล็อคเชน ใช้เงินดิจิทัล (ที่เป็นเหรียญ) ที่ได้รับจากภาครัฐ (ยังไม่ระบุตัวเลข) เพื่อจับจ่ายกับร้านค้าชุมชนในรัศมี 4 กิโลเมตรรอบที่อยู่อาศัยตามบัตรประชาชน หากใช้ไม่หมดภายใน 6 เดือนจะหมดอายุจนไม่สามารถใช้งานได้

No Description

No Description

No Description

No Description

คลิปเต็ม ช่วงที่พูดถึง Blockchain Hub อยู่ราวชั่วโมงที่ 1:21 และช่วงที่พูดถึงกระเป๋าเงินดิจิทัล อยู่ราวชั่วโมงที่ 1:38

from:https://www.blognone.com/node/133062

เป็นประเด็นการเมือง ChatGPT ปฏิเสธไม่ยอมแต่งกลอนให้ Trump แต่ยอมแต่งให้ Biden

ความนิยมของแชทบ็อต ChatGPT ทำให้คนจำนวนมากทดสอบสั่งงานบ็อตในรูปแบบต่างๆ จนล่าสุดกลายเป็นประเด็นทางการเมือง (สหรัฐ) ขึ้นมา หลังมีคนลองไปสั่ง ChatGPT แต่งกลอนให้ประธานาธิบดีสองคนล่าสุดของสหรัฐคือ Donald Trump และ Joe Biden

ผลปรากฏว่า ChatGPT แต่งกลอนให้ Biden ได้ตามที่สั่ง แถมเป็นกลอนที่มีความหมายในเชิงบวก แต่กลับปฏิเสธไม่แต่งกลอนให้ Trump โดยให้เหตุผลว่าจะไม่ยุ่งกับการเมือง

สื่ออย่าง Forbes พยายามยืนยันผล โดยทดลองสั่งให้ ChatGPT แต่งกลอนให้ Trump และ Biden ก็พบข้อความแบบเดียวกัน

คนดังอย่าง Elon Musk (ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI) ก็มาแจมเรื่องนี้ โดยเขาทวีตข้อความว่าเรื่องนี้น่ากังวลมาก (it is a serious concern) ส่วน Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ก็ยอมรับว่า ChatGPT ยังมีข้อจำกัดในเรื่องนี้ และขอให้ทุกคนใจเย็นๆ อย่าเพิ่งไปโจมตีพนักงานของ OpenAI ที่ไม่เกี่ยวข้องอะไร

ที่มา – Forbes, Semafor

from:https://www.blognone.com/node/132505