คลังเก็บป้ายกำกับ: POLITICS

Twitter ผ่อนคลายนโยบายโฆษณาการเมือง หลังจากแบนมาตั้งแต่ปี 2019 หวังหาเงินเพิ่ม

Twitter ประกาศปรับเปลี่ยนและผ่อนคลายนโยบายที่ออกมาตั้งแต่ปี 2019 เรื่องการตรวจสอบอย่างเข้มงวดและจำกัดไม่ให้ลงโฆษณาทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการโปรโมทนักการเมืองหรือวิธีลงคะแนนเลือกตั้ง หรือการรับบริจาคของพรรคการเมือง รวมถึงโฆษณาส่งเสริมประเด็นทางสังคม อย่างเช่น ประเด็นการทำแท้งหรือสภาวะโลกร้อน

อย่างไรก็ตาม ในประกาศทางบัญชี Twitter Safety ยังไม่ได้ลงรายละเอียดแต่อย่างใดว่านโยบายจะผ่อนคลายมากน้อยแค่ไหน แต่ระบุแค่ว่า Twitter จะปรับเปลี่ยนให้เข้ากับมาตรฐานการโฆษณาการเมืองของสื่อโทรทัศน์และสื่ออื่น ๆ และจะมีผลในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

การเปลี่ยนแปลงนโยบายอาจช่วยให้ Twitter มีรายได้เพิ่มเพื่อมาชดเชยกับรายได้ที่สูญเสียไปหลังจากแบรนด์ใหญ่หลายแบรนด์พากันถอนโฆษณาออกจากแพลตฟอร์ม และอาจมีผลต่อการเลือกตั้งสหรัฐอเมริกาในปี 2024 ด้วย

ที่มา: Engadget

from:https://www.blognone.com/node/132101

พรรคเพื่อไทยประกาศนโยบาย NFT เพื่อการเกษตร, Blockchain ของไทย, CBDC แก้คอร์รัปชัน

พรรคเพื่อไทย นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แถลงนโยบายหาเสียงเลือกตั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในปี 2566 โดยมีส่วนที่เกี่ยวกับนโยบายด้านดิจิทัล-เทคโนโลยีดังนี้

  • ใช้ NFT มาช่วยในการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า
  • สร้าง Blockchain ของประเทศไทยเอง เพื่อใช้ซื้อขายสินค้าเกษตร และสินค้าที่เกิดจากนโยบาย softpower ของพรรค
  • ผลักดันการใช้เงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currency หรือ CBDC) เพื่อแก้ปัญหาคอร์รัปชัน
  • ผลักดันนโยบายรัฐบาลดิจิทัลเพื่อความโปร่งใส ตรวจสอบงบประมาณได้

การแถลงนโยบายรอบนี้ยังไม่มีการลงรายละเอียดของแต่ละนโยบายแต่ละข้อมากนัก ยังเป็นการเปิดตัวว่ามีนโยบายอะไรบ้างเท่านั้น

No Description

คลิปฉบับเต็ม (ช่วงแถลงนโยบายเริ่มประมาณนาทีที่ 40)

from:https://www.blognone.com/node/131742

ตกลงยังไง Twitter ปลดแบนบัญชีแกนนำนีโอนาซี แม้เพิ่งแบน Kanye West โพสต์โลโก้นาซี

Elon Musk เพิ่งแบนแร็ปเปอร์ Kanye West ที่โพสต์สัญลักษณ์นาซีไปหมาดๆ แต่ในอีกด้าน Twitter ก็ปลดแบน Andrew Anglin นักเคลื่อนไหวด้านนีโอนาซีชื่อดังชาวอเมริกัน ที่ถูกแบนจากแพลตฟอร์มมานานตั้งแต่ปี 2015

Andrew Anglin มีชื่อเสียงจากการเปิดเว็บ The Daily Stormer ที่เชิดชูแนวคิดคนขาวเป็นใหญ่ (white supremacist) และตั้งชื่อตามหนังสือพิมพ์ในยุคนาซี ซึ่งทำให้เขาโดนแบนจากโซเชียลหลายๆ แพลตฟอร์ม รวมถึงเว็บไซต์ถูกแบนจากโฮสติ้งต่างๆ ด้วย

การปลดแบน Anglin เกิดขึ้นหลัง Elon Musk ตั้งโพลถามผู้ใช้ (ไม่รู้มีบ็อตไหม) ว่าอยากให้ “นิรโทษกรรม” ปลดแบนบัญชีเก่าๆ หรือไม่ ซึ่งเสียงโหวตก็สนับสนุนให้ปลดแบน

ตอนที่เข้ามาคุม Twitter ใหม่ๆ นั้น Elon เคยประกาศว่าจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเนื้อหา ลักษณะเดียวกับ Facebook Oversight Board เพื่อมากลั่นกรองเรื่องการแบน-ไม่แบน แต่ดูเหมือนว่าเขาลืมเรื่องนี้ไปแล้ว และหันมาใช้วิธีทำโพลหาเสียงสนับสนุนแทน

ที่มา – TechCrunch

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/131711

สภาเมืองในญี่ปุ่นปรับมุมกล้องถ่ายทอดการประชุมสภา เน้นถ่ายให้เห็นสมาชิกว่าหลับหรือไม่

ทางการเมือง Ichikawa จังหวัด Chiba ของญี่ปุ่นกำลังตกเป็นข่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนในญี่ปุ่นหลังจากภาพวิดีโอที่ถ่ายทอดสดจากการประชุมสภาเมืองในเดือนกันยายนที่ผ่านมา เผยให้เห็นสมาชิกสภาหลายคนไม่ได้ตั้งใจทำหน้าที่ ซึ่งมีหลายคนที่นั่งงีบหลับ และคนที่นั่งอ่านนิยายในระหว่างการประชุมสภาด้วย

ซึ่งประชาชนญี่ปุ่นโดยเฉพาะชาวเมือง Ichikawa ได้เห็นภาพบรรยากาศจริงเหล่านี้เป็นครั้งแรกหลังจากทางสภาเมืองเองได้ปรับเปลี่ยนมุมกล้องการถ่ายทอดสดในสภาโดยเน้นการถ่ายให้เห็นหน้าสมาชิกสภาแต่ละคนในระหว่างการประชุมให้ถี่ขึ้น เพื่อให้ประชาชนที่ติดตามข่าวได้รับรู้และเห็นด้วยตาตนเองว่าสมาชิกสภาแต่ละคนตั้งใจทำงานกันอย่างไรบ้าง

ทางการเมือง Ichikawa ได้เริ่มการถ่ายทอดสดการประชุมสภาเมืองผ่านทาง YouTube ตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน โดยส่วนใหญ่แล้วภาพที่ถูกถ่ายจะเน้นซูมไปที่สมาชิกสภาผู้ที่กำลังพูด หรือมีปฏิสัมพันธ์อื่นๆ เช่นการตั้งคำถามหรือตอบคำถามของสมาชิกรายอื่น โดยไม่บ่อยครั้งนักที่จะการการถ่ายภาพมุมกว้างดังเช่นในตอนขานชื่อเพื่อลงมติ

แต่ในการประชุมสภาเมืองครั้งล่าสุด ได้มีการปรับเปลี่ยนมุมกล้องการถ่ายทอดสด โดยกล้องได้แพนภาพไปยังสมาชิกสภาคนอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในระหว่างการพูดด้วย ภาพเหล่านี้เผยให้เห็นใบหน้าของสมาชิกสภาแต่ละคนและกิจกรรมที่เขากำลังทำในระหว่างที่ควรจะกำลังตั้งใจนั่งฟังหัวข้อการอภิปรายในสภา ซึ่งเป็นเรื่องน่าตกใจ (สำหรับประชาชนชาวญี่ปุ่น) ที่พวกเขาได้เห็นสมาชิกสภาหลายคนงีบหลับในระหว่างการประชุม หนำซ้ำยังมีคนที่นั่งอ่านนิยายในระหว่างประชุมด้วย

แน่นอนว่าทันทีที่ภาพวิดีโอการประชุมในเดือนกันยายนที่เพิ่งปรับเปลี่ยนมุมกล้องถ่ายสดถูกเผยแพร่ออกไป ประชาชนผู้เสียภาษีก็อดรนทนไม่ได้ มีการโทรศัพท์และส่งจดหมายเข้าไปยังทางการเมือง Ichikawa เพื่อตำหนิความหย่อนยานในการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกสภามากกว่า 100 ครั้ง ยังไม่นับการแสดงความคิดเห็นบนเครือข่ายสังคมออนไลน์หลายช่องทางอีกเป็นจำนวนมากที่ล้วนแล้วไปในทิศทางเดียวกันคือตำหนิความขี้เกียจและการไม่เอาใจใส่ต่อหน้าที่ของสมาชิกสภาที่ปรากฏในวิดีโอ

หลังจากกระแสข่าวร้อนแรงไม่นาน ทางสภาเมือง Ichikawa เองได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยระบุการปรับเปลี่ยนมุมกล้องการถ่ายทอดสดจากการประชุมสภาเมืองนี้เป็นความตั้งใจของทางการเมือง Ichikawa เอง ที่ต้องการ “กอบกู้ศรัทธาจากประชาชน” ต่อการทำหน้าที่ของสมาชิกสภา พร้อมระบุว่ามุมกล้องการถ่ายทอดสดแบบใหม่นี้คือมาตรการที่สร้างขึ้น “เพื่อไม่ให้มีข้อแก้ตัวอีกต่อไป” (นัยว่าทำให้คนที่นั่งหลับหรือมัวทำอย่างอื่นในสภาจะไม่สามารถแก้ตัวได้แล้วว่าที่จริงตัวเองตั้งใจทำงาน เพียงแต่ภาพจากมุมกล้องที่ไม่ชัดเจน เช่นภาพที่ถูกถ่ายจากด้านหลัง อาจทำให้ดูเหมือนนั่งหลับทั้งที่จริงๆ แค่นั่งตั้งใจฟังแล้วผ่อนคลายอิริยาบถเฉยๆ)

Osami Matsuaga ประธานสภาเมือง Ichikawa ได้ให้สัมภาษณ์ว่า

ด้วยมาตรการใหม่นี้, ผมหวังว่าสมาชิกสภาทุกท่านจะประพฤติตนอย่างเหมาะสมและใช้ความมุมานะทำหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเมืองกลับคืนมา

ในขณะที่สมาชิกสภาบางคนก็เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ เพื่อสะท้อนความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่และสร้างความเชื่อมั่นจากภาคประชาชนว่าตัวแทนชาวเมืองจะตั้งใจทำหน้าที่ในสภา

อย่างไรก็ตามมีสมาชิกสภาบางคนที่แถให้ความเห็นว่า ปัญหาที่แท้จริงไม่ใช่เรื่องของตัวพฤติกรรมการงีบหลับเอง แต่ปัญหาสำคัญมันคือเรื่องหัวข้อการอภิปรายและวิธีการประชุมมากกว่าที่ดำเนินไปอย่างชวนง่วง (ประมาณว่าถ้าเรื่องมันน่าสนใจ การประชุมมีชีวิตชีวาก็คงไม่มีใครหลับหรอก)

ในขณะที่สมาชิกสภาบางคนเหวี่ยงแสดงความไม่พอใจกับมาตรการถ่ายทอดสดที่ปรับเปลี่ยนใหม่นี้ โดยบอกว่า

ผมไม่เห็นด้วยกะพวกเค้าหรอกที่จะมาคอยบอกพวกเราว่า ‘อย่านั่งหลับ’, ทำเหมือนพวกเราเป็นเด็กๆ ไปได้

จากข่าวนี้ย่อมทำให้เห็นว่าพลังของสื่อที่เป็นภาพนั้นส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของคนได้มากเพียงใด หากเพียงแต่ผู้ปฏิบัติหน้าที่พึงตระหนักถึงภาระหน้าที่ของตนเอง และระลึกอยู่เสมอว่าการปฏิบัติงานของตนเองนั้นได้รับความสนใจและจับตามองจากประชาชน ก็อาจจะพอคาดหวังได้ว่าการทำหน้าที่นั้นจะเป็นไปอย่างเต็มที่และเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้ (ถ้าคนคนนั้นยังมีสำนักรับผิดชอบอยู่บ้าง)

ที่มา – SoraNews24

from:https://www.blognone.com/node/131478

ตามคาด “เดี่ยว 13” ครองอันดับ 1 รายการทีวีของ Netflix ประเทศไทย ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่ฉาย

Netflix ประเทศไทย เผยสถิติว่ารายการโชว์ stand-up comedy “เดี่ยว 13” ของโน้ต อุดม แต้พาณิช ขึ้นอันดับ 1 ของรายการหมวดทีวีในประเทศไทย นับตั้งแต่สัปดาห์แรกที่ขึ้นฉายบน Netflix (10-16 ตุลาคม 2562)

ซีรีส์ “เดี่ยวไมโครโฟน” ของโน้ต ได้รับความนิยมในประเทศไทยมายาวนาน การได้ฉายผ่านช่องทางสตรีมมิ่งอย่าง Netflix แล้วได้รับความนิยมตามไปด้วย คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก

แต่กรณีของ “เดี่ยว 13” กลายเป็นข่าวใหญ่ของประเทศไทย เพราะเนื้อหารายการมีวิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีด้วย (แต่เพิ่งมาเป็นข่าวตอนฉายสตรีมมิ่ง) ทำให้ “เดี่ยว 13” ได้รับความสนใจในวงกว้างมากยิ่งขึ้นไปอีก จนสามารถทะยานขึ้นเป็นอันดับ 1 ของรายการทีวีในไทยได้สำเร็จ

คู่แข่งของ “เดี่ยว 13” มีทั้งซีรีส์จากต่างประเทศ เช่น ซีรีส์เกาหลี Little Women รวมถึงละครไทยอย่าง Suptar 2550 ดูอันดับทั้งหมดได้ตามภาพ (อ้างอิงอันดับจาก Netflix Top 10)

No Description

No Description

from:https://www.blognone.com/node/131030

กลุ่มแฮ็กเกอร์ฝั่งต่อต้านรัฐบาลอิหร่านแฮกช่องรัฐบาลกลางอากาศ ขึ้นรูปประนามผู้นำอิหร่าน

กลุ่มแฮ็กเกอร์ที่เป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอิหร่านที่ใช้ชื่อว่า Edalat-e Ali (Ali’s Justice) แฮ็กช่องข่าวของรัฐบาลขณะกำลังเผยแพร่วิดีโอ Ali Khamanei ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน

ระหว่างเผยแพร่ภาพ สัญญาณถูกตัดเข้าสู่รูปของ Ali Khamenei พร้อมกับตัวอักษรเขียนว่า “The Blood of Our Youths Is on Your Hands” (เลือดของลูกหลานเราเปื้อนบนมือคุณ) พร้อมกับรูปของ Mahsa Amini ผู้หญิงที่ถูกตำรวจศีลธรรมจับกุมโทษฐานไม่สวมฮิญาบ ก่อนจะเข้ารักษาด้วยอาการโคม่าและเสียชีวิตในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา รวมทั้งรูปของหญิงวัยรุ่นอีก 3 รายที่เสียชีวิตจากการประท้วงเพื่อเรียกร้องสิทธิของผู้หญิงในอิหร่าน

กลุ่มแฮ็กเกอร์ใช้เสียงสโลแกน “women, life, and freedom.” (สตรี-ชีวิต-เสรีภาพ) ประกอบซึ่งเป็นสโลแกนที่ใช้ในการประท้วงเรียกร้องสิทธิผู้หญิงในอิหร่าน

ก่อนหน้านี้ กลุ่มแฮ็กเกอร์ได้แฮ็กเว็บไซต์โทรทัศน์และได้เผยแพร่วิดีโอผู้คนในกรุงเตหะรานตะโกนว่า “death to dictator” (เผด็จการจงตายซะ) ด้วย

ที่มา: Iran International English

No Description

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/130872

TikTok เตรียมแบนไม่ให้นักการเมืองโฆษณาและหารายได้ผ่านแอป

TikTok เตรียมแบนไม่ให้นักการเมืองและพรรคการเมืองให้หรือรับเงินโดยใช้ฟีเจอร์สร้างรายได้บน TikTok ซึ่งรวมถึงการห้ามระดมทุนบนแอป เช่น การหารายได้จากขายสินค้า และห้ามจ่ายเงินเพื่อโฆษณาเนื้อหาของตนเอง หมายความว่านักการเมืองและพรรคการเมืองจะไม่สามารถเข้าถึงกองทุนสำหรับผู้ผลิตเนื้อหา (Creator Fund) ไม่สามารถเข้าถึงเครื่องมือการให้ทิป การให้ของขวัญ และฟีเจอร์โฆษณาได้

คาดว่าการแบนจะมีผลในทุกประเทศทั่วโลกในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า การแบนไม่ให้นักการเมืองให้หรือรับเงินบนแอปเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายของ TikTok เพื่อป้องกันผู้ใช้จากโฆษณาทางการเมืองและการให้ข้อมูลเท็จ และทำให้ผู้ใช้เข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ ได้ โดยไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองโดยไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งนโยบายนี้เกิดมาจากที่สหรัฐฯ จะมีการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้

ที่มา: Straits Times และ The Guardian

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/130622

Parler แอปโซเชียลฝ่ายขวา กลับเข้า Google Play แล้ว หลังโดนแบนเมื่อปีที่แล้ว

แอปโซเชียลมีเดีย Parler ที่เป็นแอปที่ได้รับความนิยมจากผู้มีแนวคิดฝ่ายขวาได้กลับเข้าสู่ Google Play Store แล้ว หลังจากถูกแบนไปในเดือนมกราคมของปีที่แล้ว

Parler ถูกนำออกจาก Apple Store และ Google Play Store เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มที่ไม่มีนโยบานกลั่นกรองเนื้อหาที่กระตุ้นให้เกิดความรุนแรง และกลายเป็นแพลตฟอร์มที่กลุ่มม็อบสนับสนุนโดนัล ทรัมป์ใช้ในการพูดคุยกันเพื่อรวมตัวบุกรัฐสภาสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม Parler ได้กลับเข้าสู่ Apple Store ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว

Parler ตกลงที่จะแก้ไขแอปพลิเคชันเพื่อจัดการกับเนื้อหาที่ยั่วยุให้เกิดความรุนแรงและสร้างระบบที่รายงานและบล็อกบัญชีผู้ใช้ที่เผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสม

ที่มา: Bloomberg

from:https://www.blognone.com/node/130243

Meta (Facebook) ถูกแฉ ! อาจมีการว่าจ้างล็อบบี้ยิสต์ เพื่อทำแคมเปญโจมตีคู่แข่งอย่าง TikTok

การแข่งขันกันเป็นที่ 1 ระหว่างโซเชียลมีเดียในใจชาวเน็ตทั่วโลกอย่าง Meta กับ TikTok นั้นดูเหมือนจะมีการเล่นสกปรกกันเกิดขึ้นเสียแล้วหลังมีรายงานชิ้นสำคัญ เผยว่าบริษัทแม่ของ Facebook – Instagram อย่าง Meta นั้นอาจมีการว่าจ้างล็อบบี้ยิสต์ด้านการเมืองระดับมืออาชีพให้สร้างแคมเปญเพื่อบ่อนทำลายชื่อเสียง TikTok ซึ่งอาจรวมถึงกรณีข้อกล่าวหาเรื่องความรุนแรงบนโลกอินเทอร์เน็ตและการเป็นภัยคุกคามด้านข้อมูลบนโลกออนไลน์ซึ่งเป็นประเด็นใหญ่ที่กระทบชื่อเสียงของ TikTok โดยตรงตลอดหลายปีที่ผ่านมา

อันที่จริงการที่ Social Media ยอดฮิตอย่าง Meta (Facebook – Instagram) กับ TikTok นั้นจะถูกมองเป็นคู่แข่งตัวฉกาจระหว่างกันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะต่างก็เป็นโซเชียลมีเดียที่มียอดผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกที่มุ่งหวังจะเป็นเบอร์ 1 ด้วยกันทั้งคู่ อย่างไรก็ตามในรายของ TikTok นั้นดูเหมือนจะตกเป็นเป้าในด้านลบมากกว่าพอสมควรตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเด็นข้อกล่าวหาเรื่องความปลอดภัยด้านข้อมูลตั้งแต่ยุคดราม่า Trade War เริ่มประทุขึ้นระหว่าง สหรัฐ – จีนในช่วง 2-3 ปีก่อน ถึงขั้นถูกชาติมหาอำนาจตะวันตกตั้งแง่ว่าเป็น “ภัยคุกคาม” หรือ “Real Threat” ของโลกออนไลน์กันเลยทีเดียว

ประเด็นข้อกล่าวหาทั้งหลายนี้อาจไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความกังวลของชาติตะวันตกหรือชาวเน็ตเองเพียงอย่างเดียว แต่อาจเป็นหนึ่งในผลงานของทีมล็อบบี้ยิสต์ทางการเมืองชื่อว่า “Targeted Victory” ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญงานด้านแคมเปญทางสังคมและการเมืองเป็นพิเศษ

สิ่งสำคัญอยู่ที่รายงานจากสำนักข่าว The Washington Post ได้แฉว่าทีมงานชุดดังกล่าวมีผู้ว่าจ้างเป็น Meta (บริษัทแม่ของ Facebook – Instagram) ที่มอบหมายให้สร้างแคมเปญเพื่อบ่อนทำลายชื่อเสียงของ TikTok มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นข้อกังขาเรื่องความปลอดภัยด้านข้อมูล (Data Privacy – Security) การเป็นสาเหตุความรุนแรงบนโลกออนไลน์ (Cyber Bullying – Violence) อันที่จริงถึงขั้นอาจเป็นส่วนหนึ่งของแรงสนับสนุนให้เกิดความพยายามแบน TikTok ของเหล่านักการเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมากันเลยทีเดียว ทั้ง ๆ ที่ประเด็นความน่ากังวลแบบเดียวกันล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มทั้งหมดของ Meta ไม่ต่างกัน

TikTok โค่น Facebook ครองแชมป์ดาวน์โหลดปี 2020

เบื้องต้นทางด้านตัวแทนของ Meta ยังไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธข้อกล่าวหานี้โดยตรง แต่มีการให้ความเห็นเอาไว้อย่างน่าสนใจว่า “แพลตฟอร์มชื่อดังมักตกเป็นเป้าโจมตีของสังคมซึ่งเป็นสิ่งที่มักจะมาคู่กันกับความสำเร็จ” ส่วนทางบริษัทที่ปรึกษาอย่าง Targeted Victory ยังไม่มีการให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแคมเปญดังกล่าวนอกจากชี้แจงเอาไว้เพียงว่าพวกเขา “ภาคภูมิใจ” ที่มีโอกาสได้ทำงานให้กับ Meta ตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ถึงแม้หากมองจากการแข่งขันอันดุเดือดเลือดพล่านระหว่างแพลตฟอร์มอย่าง Meta กับ TikTok ความพยามดิสเครดิตกันเช่นนี้ย่อมเป็นสิ่งที่พอจะคาดเดากันได้ แต่อย่างไรก็ตามทางด้านของ TikTok นั้นได้แสดงความเห็นเอาไว้เบื้องต้นว่า “พวกเขามีความกังวลใจเป็นอย่างมาก” เพราะวิธีการเช่นนี้ไม่ใช่เพียงแต่จะเป็นการแย่งชิงความนิยมและฐานผู้ใช้งาน แต่อาจถึงขั้นพรากเอาความสามารถในการแข่งขันของ TikTok ไปจากโลกเสรีได้เลยหากมองว่าแคมเปญเช่นนี้อาจมีส่วนให้พวกเขาจะถูกแบนอยู่เนือง ๆ จากชื่อเสียงที่ไม่ค่อยสู้ดีนักนั่นเอง

 

ที่มา: Engadget

from:https://droidsans.com/meta-is-alleged-consulting-to-undermine-tiktok-reputation/

ผู้อ้างว่าเป็นทีมงาน ดร.เอ้ สุชัชวีร์ ขู่ฟ้องผู้แก้ไขบทความบนวิกิพีเดีย ปัจจุบันถูกลบแล้ว

เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา เรื่องเริ่มต้นจากการที่มีผู้ใช้ PhakkaponP ตั้งข้อสังเกตว่าผู้ใช้ Lazymaw เข้ามาแก้ไขบทความ “สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” ซึ่งเป็นว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. จากพรรคประชาธิปัตย์ในรูปแบบที่เป็นการประชาสัมพันธ์และมีความไม่เป็นกลาง ซึ่งขัดกับแนวทางความเป็นสารานุกรมของวิกิพีเดีย ก่อนที่ผู้ใช้ Lazymaw จะเข้ามาอ้างว่าตนเองเป็นคนที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากคุณสุชัชวีร์ รวมถึงอ้างว่าคุณสุชัชวีร์ได้เป็นผู้ตรวจเนื้อหาต่างๆ ด้วยตนเองว่ามีความถูกต้องเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยการขู่ดำเนินคดีกับผู้ใช้คนอื่นที่มาแก้ไขบทความ

ทั้งนี้ชุมชนวิกิพีเดียมีแนวทางที่ชัดเจนกับการไม่ยอมรับการขู่ดำเนินคดี ส่งผลให้ผู้ใช้ Lazymaw ถูกแบนจากชุมชนวิกิพีเดีย และบทความ “สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” ถูกลบออกไปในคืนวันเดียวกัน ด้วยเหตุผลว่าบทความมีลักษณะไม่เป็นสารานุกรมเนื่องจากมีเนื้อหาเป็นการประชาสัมพันธ์

วิกิพีเดียมีแนวทางไม่สนับสนุนการเขียนบทความอัตชีวประวัติโดยเจ้าตัวหรือบุคคลใกล้ชิด เนื่องจากจะทำให้เนื้อหามีความไม่เป็นกลาง ไม่สอดคล้องกับรูปแบบการเป็นสารานุกรม

ที่มา – @thammarith, ปูมบนวิกิพีเดีย

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/126339