คลังเก็บป้ายกำกับ: HITACHI

[Showcase] Data Protection ระดับ Enterprise-Class เพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ จาก Stream I.T. Consulting และ Hitachi Vantara

Stream I.T. Consulting ผู้ให้บริการโซลูชันทางด้าน IT ขนาดใหญ่ และ Platinum Partner ของ Hitachi Vantara ได้ร่วมจัด Showcase นำเสนอเทคโนโลยีการทำ Data Protection เพื่อให้องค์กรขับเคลื่อนไปอย่างไม่มีสะดุด ไร้รอยต่อในทุกสถานการณ์คับขัน ด้วยหนึ่งในคุณสมบัติของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลตระกูล Virtual Storage Platform (VSP) จาก Hitachi Vantara

ยุคสมัยที่การทำ Data Recovery ต้องคอยกังวลเรื่องการประเมิน ข้อมูลใหม่หรือข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงจะสูญหายไปมากเพียงใดเนื่องจากยังไม่ได้สำรองข้อมูล (Recovery Point Objective (RPO)) และ ระยะเวลาที่ใช้ในการดำเนินการทำงานต่อ (Recovery Time Objective (RTO)) นั้นได้หมดไป เพราะเทคโนโลยีจาก Hitachi Vantara สามารถทำให้ RPO และ RTO เป็นศูนย์ได้ด้วยคุณสมบัติ Global-Active Device (GAD) ที่มากับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลตระกูล G F E และ 5000 Series ซึ่งอยู่ภายใต้ Product-Line Family ที่เรียกว่า Virtual Storage Platform (VSP) จาก Hitachi Vantara

Global-Active Device (GAD) คืออะไร 

Global-Active Device (GAD) เป็นอีกหนึ่งความสามารถของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลตระกูล VSP ที่สามารถสร้างเครื่องจัดเก็บข้อมูลเสมือน (Virtualize Storage Machine) ขึ้นมา โดยที่เครื่องจัดเก็บข้อมูลเสมือนจะทำการจำลองอาร์เรย์ (Array) สำหรับจัดเก็บข้อมูลของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล VSP สองชุดแยกออกจากกัน และทำให้ปรากฏเป็นอาร์เรย์หน่วยเก็บข้อมูลเดียวสำหรับเซิร์ฟเวอร์โฮสต์เดี่ยว (Host Server) หรือคลัสเตอร์ของเซิร์ฟเวอร์โฮสต์ (Cluster of Host Servers) 

นอกจากนี้ GAD ยังมีความสามารถทำให้ระบบจัดเก็บข้อมูลหลัก (Primary Storage) และระบบจัดเก็บข้อมูลรอง (Secondary Storage) ใช้ข้อมูลจริงของระบบจัดเก็บข้อมูลหลักได้ และไดรฟ์ข้อมูลหลักและรองของอุปกรณ์ที่ใช้งานคุณสมบัติ Global-Active จะได้รับหมายเลข LDEV เสมือนเดียวกันในเครื่องจัดเก็บข้อมูลเสมือน สิ่งนี้ทำให้โฮสต์สามารถดู Volume คู่เป็น Volume เดียวบนระบบจัดเก็บข้อมูลเดียว และทั้งสอง Volume นั้นจะได้รับข้อมูลเดียวกันจาก Host

เมื่อการเขียนข้อมูลเสร็จสิ้นใน Volume ใดก็ตาม ข้อมูลจะถูกจำลอง (Replicate) ไปยัง Volume อีกคู่หนึ่งอย่างต่อเนื่องก่อนที่การเขียนจะเสร็จสิ้น ซึ่งช่วยให้ไดรฟ์ข้อมูล Sync กันตลอดเวลา และทำให้มั่นใจได้ว่า RPO และ RTO เป็นศูนย์ในกรณีที่ระบบจัดเก็บข้อมูลหรือไซต์ล้มเหลว

เครื่องจัดเก็บข้อมูลเสมือนสามารถขยายไปยังระบบจัดเก็บข้อมูลที่แยกจากกันด้วยระยะทางไกลสูงสุดถึง 500 กิโลเมตร และด้วยคุณสมบัติของ GAD  ทำให้เหมาะกับการทำงานที่ต้องการความ Non-disruptive, High Availability (HA), Disaster Recovery (DR) หรือการบริการย้ายศูนย์ข้อมูลอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้การเคลื่อนย้ายของหน่วยเก็บข้อมูลเครื่องภายใต้สภาพแวดล้อมการจัดเก็บข้อมูลสำหรับการทำ Load-Balance หรือการบำรุงรักษาทั่วไปก็เป็นเรื่องที่ง่ายและไม่กระทบต่อตัวอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล

ข้อดีจากการมี Global-Active Device (GAD) 

Global-Active Device (GAD) ของ Hitachi Vantara เป็นผู้นำด้านการใช้งานในรูปแบบการทำงาน Active-Active ที่มาพร้อมกับ ความเรียบง่ายในการใช้งาน (Simplicity) ความสามารถในการขยาย (Scalability) และ ผลตอบแทนการลงทุน (Return on Investment (ROI)) ที่คุ้มค่าตอบโจทย์ทุกธุรกิจในยุคปัจจุบัน

  1. ความเรียบง่าย (Simplicity)  เนื่องจาก GAD เป็นหนึ่งในความสามารถการจำลองเสมือนของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่อยู่ภายใต้ระบบบริหารจัดการ Storage Virtualization Operating System RF (SVOS RF) ของ Hitachi จึงไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เพิ่มเติมหรือซอฟต์แวร์เพิ่มเติมสำหรับเซิร์ฟเวอร์โฮสต์ (Host Server) หรือเครื่องเสมือน (Virtual Machine) 
  2. ความสามารถในการขยาย (Scalability) Hitachi GAD ให้การประมวลผลข้อมูลแบบ Active-Active อย่างแท้จริงทั่วทั้งอาร์เรย์จัดเก็บข้อมูล ซึ่งขยายขอบเขตเกินกว่าการใช้งานในผลิตภัณฑ์ยี่ห้ออื่นๆ ที่มีเพียงอาร์เรย์จัดเก็บข้อมูลเดียวเท่านั้นที่ทำงานอยู่ ในขณะที่อีกอาร์เรย์หนึ่งใช้สำหรับสแตนด์บาย (Standby) และ Controller ในอาร์เรย์จัดเก็บข้อมูลบนอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลตระกูล VSP แต่ละอันยังมีคุณสมบัติ Active-Active ซึ่งทำให้เราขยายประสิทธิภาพได้ดีกว่า Controller ของผู้จำหน่ายรายอื่นที่เป็น Active/Passive หรือ ALUA (Asymmetric Logical Unit Access) 
  3. ผลตอบแทนการลงทุน (Return on Investment (ROI)) ด้วยคุณสมบัติของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลตระกูล VSP  ที่มีความสามารถในการจำลองพื้นที่จัดเก็บข้อมูลภายนอกเสมือนและสร้างเครื่องจัดเก็บข้อมูลเสมือน จากการนำอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลตระกูล VSP ไปครอบอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเดิมที่คุณมีอยู่ คุณจะสามารถจำลองพื้นที่จัดเก็บข้อมูลหลังอาร์เรย์ VSP และสร้างเครื่องจัดเก็บข้อมูลเสมือนได้ ทั้งนี้อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล VSP ในกรณีนี้ไม่ต้องการพื้นที่ความจุแต่อย่างใด เนื่องจากพื้นที่ความจุทั้งหมดสามารถมาจากอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลของบุคคลที่สามหรือของเดิมที่มีอยู่ (Third Party Storage System) อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล VSP ทั้งหมด ตั้งแต่ระดับกลางไป (Mid-Range) จนถึงระดับไฮเอนด์ (High-End Enterprise) มาพร้อมคุณสมบัติ GAD ดังนั้นคุณไม่จำเป็นเสียค่าใช้จ่ายกับการต้องมีโซลูชันหรือเครื่องมือบริหารจัดการเพิ่มเติม และไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์หรือซอฟต์แวร์โฮสต์เพิ่มเติมเพื่อรองรับ GAD

Scenario ที่น่าสนใจกับการใช้งาน GAD บนอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลของ Hitachi Vantara

1. Fault-tolerant storage infrastructure

 กรณีเกิด Site ล้มเหลวทำให้ Server ไม่สามารถเข้าถึง Volume ที่อยู่ใน GAD Pair การอ่านและเขียน I/O ยังคงสามารถดำเนินการต่อไปใน Pair Volume ที่อยู่ในระบบจัดเก็บข้อมูลอื่นอีก Site นึง ทำให้เกิด I/O ของ Server อย่างต่อเนื่องกับ Volume ข้อมูล

2. Failover clustering without storage impact

 กรณีที่ Server Cluster มีการใช้ GAD อยู่ การ Failover และ Failback จะเป็นหน้าที่ของ Software Cluster โดยที่ อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่อยู่ใน GAD Pair ไม่ต้องทำการระงับการใช้งานหรือต้อง Sync การทำงานกันใหม่

3. Server load balancing without storage impact

เมื่อมีการโหลด I/O บนเครื่องจัดเก็บข้อมูลเสมือนที่ไซต์หลักเยอะมากๆ การใช้งาน GAD จะช่วยให้สามารถโยกย้ายเครื่องเสมือน (Virtual Machine (VM)) ไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่จับคู่โดยไม่ต้องดำเนินการใด ๆ บนระบบจัดเก็บข้อมูล ดังที่แสดงในตัวอย่างรูปด้านขวา เครื่องเสมือน VM3 จากเซิร์ฟเวอร์ไซต์หลักจะถูกย้ายไปยังเซิร์ฟเวอร์ไซต์รอง เนื่องจาก Volume ข้อมูลหลักและรองของ GAD มีข้อมูลเดียวกัน จึงไม่จำเป็นต้องย้ายข้อมูลใดๆ ระหว่างอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล

สำหรับผู้ที่สนใจดูตัวอย่างการทำ GAD ของจริง จากอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลของ Hitachi Vantara สามารถเข้ามาชมได้ที่

บริษัท สตรีม ไอที คอนซัลติ้ง จำกัด 11 อาคาร คิวเฮาส์สาทร ชั้น 7 ถนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ กรุงเทพฯ 10120

(พิเศษสุดสำหรับผู้ติดต่อเข้ามา 5 รายแรก รับการปรึกษาและประเมินการใช้งานระบบของท่านจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญของ Stream I.T. และ Hitachi Vantara มูลค่า 50,000 บาท ฟรีทันที)

สอบถามข้อมูลติดต่อ

from:https://www.techtalkthai.com/showcase-enterprise-class-data-protection-by-stream-it-consulting-and-hitachi-vantara/

Webinar : เสริมทัพให้ Data Platform ด้วย Hitachi Content Platform

Hitachi Content Platform Solution ที่จะมายกระดับความปลอดภัยของข้อมูลในองค์กรและยังช่วยให้บริหารจัดการข้อมูลขององค์กรในรูปแบบการทำงานแบบ Remote Office ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ห้ามพลาดข้อมูลดีๆ ที่ทีมงานจะนำมาเล่าให้ฟัง
– Cyber Security safe the world : เตรียมพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงอย่างมั่นคงและปลอดภัย โดย Trac Thai
– บริหารจัดการข้อมูลอย่างปลอดภัย ง่าย และชาญฉลาด ด้วย Hitachi Content Platform
– กรณีศึกษาที่น่าสนใจและเหมาะแก่การนำมาใช้งานจริง จาก Hitachi Vantara

กำหนดการ
วัน : อังคารที่ 14 ธันวาคม 2021
เวลา : 14.00 – 15.30 น.
การบรรยาย : ภาษาไทย
ระบบการสัมมนา : Zoom
ผู้บรรรยาย :
คุณศรายุทธ โกสิยารักษ์ Security Director/Board of director The Recovery Advisor Company Limited [TRAC]
คุณนรวีร์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา – Solution Consultants – Hitachi Vantara

หากท่านสนใจสามารถลงทะเบียนได้ที่ลิงก์ด้านล่าง
https://us02web.zoom.us/webinar/register/WN_P86uRgMeRlu7BmjYXdsAiw
หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-001-9973 อีเมล์ event2@etpnews.com

 

from:https://www.enterpriseitpro.net/hitachi-content-platform-solution/

[Guest Post] ลดขั้นตอนการทำงานด้วย Workload Automation จากบริษัท Hitachi Asia

ทำความรู้จักกับ JP1 Workload Automation

JP1/Automatic Job Management System 3  หรือ JP1/AJS3 เป็นซอฟต์แวร์กลุ่ม workload automation ที่จะเข้ามาช่วยในการจัดการตารางการทำงานด้วยเงื่อนไขของเวลา และกิจกรรมอื่นๆ จากส่วนกลาง ช่วยให้ระบบทำงานอัตโนมัติ และสามารถพัฒนาระบบให้สอดคล้องการเปลี่ยนแปลงขององค์กรได้ รองรับการใช้งานข้ามแพลตฟอร์ม ข้ามแอปพลิเคชั่น และรองรับการใช้งานกับ Cloud Service และ Web Service ได้อีกด้วย

เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานด้วย JP1/AJS3 ง่ายๆ เพียง 3 ขั้นตอน

ขั้นตอนที่ 1 : กำหนดโครงร่างขั้นตอนการทำงาน โดยใช้แผนภาพ หรือ Flowchart พร้อมจัดลำดับการดำเนินงาน ซึ่งทำให้เข้าใจลำดับการทำงานได้มากขึ้น

ขั้นตอนที่ 2 : นำโครงร่างไปใช้งาน โดยทำให้ระบบทำงานอัตโนมัติตามเงื่อนไขที่กำหนด

ขั้นตอนที่ 3 : ตรวจสอบสถานะการดำเนินงาน เพื่อใช้ในการยืนยันผลลัพธ์การทำงาน ในขั้นตอนนี้ระบบได้จัดเตรียมการแสดงผลในหลายมุมมองเพื่อรอบรับการทำงานที่แตกต่างกัน อีกทั้งยังช่วยให้หาความผิดปกติได้ง่ายขึ้น

ยกระดับการใช้งานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

การปฏิบัติงานอัตโนมัติในสภาพแวดล้อมแบบไฮบริด – JP1 รองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมของระบบคลาวด์ ซึ่งระบบจะอนุญาตให้คุณเชื่อมต่อกับระบบอื่น หรือดำเนินการในลักษณะเดียวกันกับระบบงานอื่นๆ ได้

การปฏิบัติงานอัตโนมัติร่วมกับระบบ SAP ERP – ความง่ายในการกำหนดงานของระบบ SAP หรือ ERP เป็นอีกหนึ่งความสามารถของ JP1 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถดำเนินการ แก้ไขและตรวจสอบผลการดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

รู้หรือไม่?

ทำความรู้จักกับ JP1 Secure Data Transfer

JP1 Data Highway หรือ JP1/DH เป็นซอฟต์แวร์ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับการรับ-ส่งไฟล์ โดยคุณสามารถรับส่งไฟล์ขนาดใหญ่ได้ในเวลาเดียวกัน โดยไม่จำเป็นต้องแบ่งไฟล์ พร้อมฟังก์ชั่นการตรวจสอบการเข้าใช้งาน และการขออนุญาตก่อนส่งไฟล์ออกจากระบบ รองรับการรับส่งไฟล์ขนาดใหญ่ไปยังช่องทางอินเทอร์เน็ต  เหมาะกับองค์กรที่ต้องรับส่งข้อมูลที่เป็นความลับไปยังบุคคลหรือองค์กรภายนอก ตัวอย่างเช่น ไฟล์ CAD/CAM, VDO, สัญญา, Backup ไฟล์ หรือข้อมูลที่เป็นความลับอื่นๆ

เพิ่มความรวดเร็วในการรับส่งไฟล์ขนาดใหญ่ได้อย่างไร

Division Multiplexing หรือ การแบ่งไฟล์ให้มีขนาดเล็ก และรวมไฟล์ที่เครื่องปลายทางอัตโนมัติ เป็นวิธีที่ JP1/DH ใช้ในการรับส่งไฟล์ขนาดใหญ่ ซึ่งมีความรวดเร็ว อีกทั้งยังไม่ลดาพของไฟล์อีกด้วย กรณีที่พบว่าไฟล์ปลายทางมีปัญหาก็สามารถจัดส่งเฉพาะส่วนได้ เพื่อช่วยลดเวลา และค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้น ด้วยวิธีการนี้คุณสามารถเลือกส่งไฟล์ทั้งโฟลเดอร์ หรือเฉพาะไฟล์ได้ ระหว่างการส่งไฟล์คุณสามารถหยุดทำงานชั่วคราว หรือสั่งให้ดำเนินการต่อได้ ทำให้การใช้งานมีความคล่องตัว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เครื่องเซิร์ฟเวอร์สำหรับจัดการไฟล์

ทำไมถึงส่งไฟล์ได้รวดเร็ว และใช้ต้นทุนต่ำ

เนื่องจาก JP1/DH เป็น Web Application และใช้งานผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต ทำให้ไม่จำเป็นต้องลงทุนเรื่องระบบเครือข่าย ซอฟต์แวร์ หรือฮาร์ดแวร์พิเศษแต่อย่างใด มากกว่านั้นไฟล์ข้อมูลทั้งหมดจะทำงานผ่าน HTTPS ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงค่าใดๆในอุปกรณ์เน็ตเวิร์ค อีกทั้งการติดตั้ง JP1/DH ทำค่อนข้างง่าย

มั่นใจได้เลยว่าการไฟล์ที่ส่งมีความปลอดภัย

ด้วยการเข้ารหัสไฟล์ผ่าน HTTPS จะช่วยให้ไฟล์มีความปลอดภัย อีกทั้งการตั้งค่าของระบบยังสามารถกำหนดผู้รับปลายทางเฉพาะที่ลงทะเบียนในระบบเท่านั้น หรือความสามารถในเรื่องเงื่อนไขในการส่งไฟล์ออกไปภายนอกจะต้องได้รับการอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาเสียก่อนถึงจะส่งได้ ด้วยความสามารถนี้จะช่วยป้องกันปัญหาการส่งที่ผิดพลาด หรือการใช้งานผิดวัตถุประสงค์ได้ นอกเหนือจากนี้ระบบยังมีการจัดเก็บข้อมูลการรับส่งข้อมูล เพื่อใช้เป็นข้อมูลช่วยในการตรวจสอบในภายหลังได้อีกด้วย

ป้องกันการเข้าถึงระบบจากภายนอกได้

ด้วยการกำหนด IP Address หรือ Electronic Certificate ที่สร้างจากระบบ คุณสามารถป้องกันการเข้าถึงจากบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือการเข้าถึงระบบจากภายนอกองค์กรได้

หน้าจอ Reception Authentication

รับส่งไฟล์อัตโนมัติ

ด้วยการใช้ command สำหรับส่งหรือรับข้อมูล คุณสามารถสั่งให้ระบบทำงานอัตโนมัติด้วยการกำหนดเวลาในการทำงาน หรือเชื่อมโยงกับธุรกิจของคุณ  ซี่งในที่นี้สามารถเชื่อมโดย command สำหรบรับส่งไฟล์ผ่านเครื่องมืออื่นๆ ได้ ตัวอย่างเช่น Windows Task Scheduler หรือ JP1/Automatic Job Management System 3

สำหรับลูกค้าองค์กรที่สนใจบริการ Hitachi JP1 Solutions สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-0894431 / thachpan@metrosystems.co.th

#HitachiJP1 #HitachiAsia #Hitachi # #Metrosystems #Mettrooncloud

from:https://www.techtalkthai.com/reduce-your-working-process-with-jp1-ajs3-by-hitachi-asia/

ขอเชิญเข้าร่วมงานสัมมนาออนไลน์ “Hitachi JP1 Webinar: Optimizing Cloud Services with Hitachi Workload Automation” [3 พ.ย. 2564]

ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อให้องค์กรของคุณสามารถปรับตัว และแข่งขันทางธุรกิจได้

องค์กรของคุณจำเป็นต้องพิจารณาถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยวางรากฐาน กำหนดเป้าหมายการทำธุรกิจ ตลอดถึงการลดขั้นตอนการทำงานซ้ำซ้อน เพื่องานที่ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเทคโนโลยีที่ควรนำมาใช้ ได้แก่ Cloud computing, ปัญญาประดิษฐ์, เครื่องมือดิจิทัลอื่นๆ หรือการปรับปรุงกระบวนการทำงาน

ในงานสัมมนาครั้งนี้เราได้นำซอฟต์แวร์กลุ่ม Workload Automation จากบริษัท Hitachi Asia ซึ่งสามารถช่วยลดขั้นตอนการทำงานได้ ระบบสามารถจัดการงานจากส่วนกลาง โดยสั่งให้งานแต่ละส่วนทำงานอัตโนมัติอ้างอิงตามเวลา หรือตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ได้ อีกทั้งยังรอบรับการทำงานข้ามแพลตฟอร์ม รวมถึงการทำงานบนคลาวน์ และรองรับการใช้งานร่วมกับแอพลิเคชั่นหลักขององค์กรได้ ตัวอย่างเช่น ระบบ ERP, CRM, DBMS, WMS หรือระบบอื่นๆ พร้อมฟังก์ชั่นเสริมสำหรับรับ-ส่งไฟล์ข้ามไซน์แบบที่สามารถขออนุญาตก่อนจัดส่ง สามารถตรวจเช็คสถานะการรับ-ส่งไฟล์ได้ และใช้ช่องทางที่ปลอดภัยเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูล

ลงทะเบียนเพื่อรับฟังแบบเต็มๆ กับ “Hitachi JP1 Webinar: Optimizing Cloud Services with Hitachi Workload Automation”  ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2564 เวลา 10.00 – 11.30 น. ผ่าน Microsoft Teams  ได้ที่ https://forms.office.com/r/2rp6ZuyLp3

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  02-089-4431 / thachpan@metrosystems.co.th

from:https://www.techtalkthai.com/msc-hitachi-jp1-webinar-optimizing-cloud-services-with-hitachi-workload-automation-3-nov-2564/

ยักษ์ใหญ่ Hitachi เตรียมลงทุนธุรกิจสุขภาพกว่า 8 หมื่นล้านบาทภายในปี 2023

Hitachi บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่นเตรียมลงทุนในธุรกิจ health care หรือธุรกิจด้านสุขภาพ ทั้งในด้านการวิจัยและพัฒนาด้านการแพทย์รวมถึงหาโอกาสควบรวมกิจการในแวดวงธุรกิจนี้ภายใน 3 ปีนับจากนี้จนสิ้นสุดปีงบประมาณ 2023 ด้วยเงินลงทุนราว 3 แสนล้านเยน หรือ 2.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 8.47 หมื่นล้านบาท

Hitachi

Hitachi จะมุ่งลงทุนไปที่การลงทุนในด้านการจัดการทรัพยากร เทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการประเมินความเสี่ยงของการติดเชื้อ ด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูสภาวะเสื่อม (Regenerative Medicine) ท่าทีดังกล่าวของ Hitachi สะท้อนให้เห็นถึงความพยามมุ่งหาโอกาสหลังโควิดระบาดอย่างหนักหน่วง ทั้งนี้ในจำนวนงบที่ว่ามาราว 3 แสนล้านเยนนี้ ครึ่งหนึ่งจะใช้พัฒนาธุรกิจในส่วนของการควบรวมกิจการ (M&A)

นอกจากนี้ Hitachi ก็เพิ่งจะลงทุนกับสตาร์ทอัพที่เชี่ยวชาญด้านชีวการแพทย์ด้วย บริษัทยังเร่งพัฒนาเทคโนโลยีในการวิจัยและพัฒนาราว 1 แสนล้านเยน ทั้งนี้ด้านบริษัทเองก็หวังว่าจะเพิ่มยอดขายด้านการแพทย์และสินค้าด้านสุขภาพราว 3.6 แสนล้านเยนในปีงบประมาณ 2024 เพิ่มขึ้นจากยอดขายที่ประมาณการไว้ในปีงบประมาณ 2021 ราว 70%

ก่อนหน้านี้ Hitachi ก็เพิ่งจะขยายธุรกิจที่เกี่ยวกับการวินิจฉัยด้วยภาพ (Diagnostic Imaging) ให้กับ Fuji Film Holdings ไม่ว่าจะเป็นเครื่อง CT สแกน หรือเครื่อง MRI ให้ทาง Fuji เป็นเจ้าของ Hitachi High-Tech Corp 100% ในช่วงปลายปี 2019 ที่ผ่านมาด้วยมูลค่า 1.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5.33 หมื่นล้านบาท นี่ถือเป็นส่วนหนึ่งของการปรับตตัวของธุรกิจ Hitachi ที่เปลี่ยนจากฮาร์ดแวร์หันมาทำด้านซอฟต์แวร์มากขึ้น

CT Scan Hitachi
CT Scan ภาพจาก Hitachi Healthcare

Hitachi กำลังหาทางเพิ่มยอดขายจากธุรกิจที่เป็นเครื่องมือทางการแพทย์สำหรับวินิจัยฉัยภายนอกร่างกาย (in vitro diagnosis) เช่น ใช้เครื่องมือทางการแพทย์เพื่อทดสอบกับสิ่งที่ส่งตรวจไม่ว่าจะเป็นปัสสาวะ เลือด หรือเนื้อเยื่อด้วยมูลค่าราว 2 แสนล้านเยนหรือประมาณ 5.7 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ Hitachi กำลังพัฒนาการวินิจฉัยโรคด้วยเทคนิคด้านอณูพันธุศาสตร์ (molecular diagnostics) เช่น การตรวจหาโรคมะเร็งโดยการวิเคราะห์จากยีนในกระแสเลือด แค่นั้นยังไม่พอ Hitachi ยังตั้งเป้าจะพัฒนา AI เพื่อให้ช่วยมอนิเตอร์และทำให้สเต็มเซลล์เติบโต

นอกจากอุปกรณ์ทางการแพทย์ไปจนถึง AI แล้ว Hitachi ยังเตรียมร่วมมือกับบริษัทต่างๆ มากขึ้นเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีในการรักษามะเร็ง ขยายธุรกิจการผลิตยาและคาดว่าน่าจะช่วยเพิ่มยอดขายได้มากถึง 1 แสนล้านเยน ยิ่งไปกว่านั้น Hitachi ยังต้องการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางข้อมูล โดยคาดหวังว่าจะสามารถกระจายข้อมูลระหว่างโรงพยาบาลได้โดยจะทำเป็นแหล่งบันทึกข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ด้านการแพทย์ด้วย

ทั้งนี้ Grand View Research บริษัทวิจัยด้านข้อมูลของสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าตลาดธุรกิจการแพทย์นี้จะขยายตัวได้ราว 6.2% และอาจมีมูลค่ามากถึง 7.98 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 25 ล้านล้านบาทภายในปี 2028 ไม่ได้มีแต่บริษัทยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Hitachi รายเดียวเท่านั้นที่เข้ามาอยู่ในตลาดธุรกิจการแพทย์นานแล้ว แต่ยังมี Toshiba ด้วยที่กำลังเริ่มทดลองใช้เทคโนโลยีที่สามารถวินิจฉัยโรคมะเร็งได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์จากเลือดเพียงหยดเดียวเท่านั้น เรื่องเทคโนโลยีด้านการแพทย์ก้าวหน้าขนาดนี้ก็ยิ่งส่งผลดีต่อผู้บริโภคที่ไม่รู้ว่าอนาคตจะได้เป็นคนป่วยโรคใดหรือไม่ ยิ่งตรวจวินิจฉัยพบโรคเร็วก็ยิ่งทำให้ง่ายต่อการรักษาให้หายและฟื้นฟูร่างกายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ที่มา – Nikkei Asia, Reuters, Fuji Film

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ยักษ์ใหญ่ Hitachi เตรียมลงทุนธุรกิจสุขภาพกว่า 8 หมื่นล้านบาทภายในปี 2023 first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/hitachi-will-invest-in-medical-business-about-2-billion-usd/

ทำงานจากที่บ้านอย่างไรให้ปลอดภัย ภายใต้การจัดการผ่าน Hitachi JP1/ITDM

ปัจจุบันองค์กรส่วนใหญ่เริ่มคุ้นชินกับการทำงานจากที่บ้าน หรือ Work from Home กันมากขึ้น เพื่อสนับสนุนนโยบายของภาครัฐ เรื่อง Social Distancing และเพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของโรค สิ่งที่เป็นความท้าทายในลำดับถัดมาจะเป็นเรื่องการจัดการอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่อยู่ภายนอกบริษัท ซึ่งแผนกไอทีต้องพิจารณาเครื่องมือช่วยในการควบคุมการใช้งานให้มีความถูกต้อง พร้อมแนวทางแก้ไขปัญหาเมื่อพบความผิดพลาดในการใช้งานทั้งภายใน และภายนอกบริษัท

Hitachi JP1 เป็นโซลูชันที่เข้ามาช่วยในการจัดการการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพ  รองรับการเชื่อมต่อทั้งการใช้งานในบริษัท (Office Network) และการใช้งานจากที่บ้าน (Work from Home) พร้อมฟังก์ชันเพิ่มเติมในการจัดการ Labor Management ด้วยความสามารถของผลิตภัณฑ์ จะช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถจัดการการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างมีแบบแผน และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมฟังก์ชั่นการติดตาม และวิเคราะห์การใช้งานของพนักงาน โดยไม่จำกัดแค่การใช้งานในออฟฟิศเท่านั้น 

การจัดการการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ในทุกแง่มุมด้วย Hitachi JP1/ITDM2

Hitachi JP1/ITDM2 เป็นระบบช่วยบริหารจัดการ IT Asset และ Security ของอุปกรณ์ Endpoint จากส่วนกลาง โดยเข้าใช้งานผ่าน Web Browser ระบบถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย และควบคุมการใช้งานอุปกรณ์ให้เป็นไปตาม IT Policy หรือ Compliance ที่ต้องการโดยอัตโนมัติพร้อมความสามารถที่หลากหลาย

ด้วยประสบการณ์ด้านการพัฒนาระบบ IT ให้รองรับความต้องการของธุรกิจองค์กรมาอย่างต่อเนื่องกว่า 25 ปี ทำให้ผลิตภัณฑ์ Hitachi JP1/ITDM2 มีความสามารถครอบคลุม ไม่ใช่แค่ระบบ IT Asset Management เท่านั้นแต่ยังเสริมความสามารถในการทำ Security Management เข้าไปด้วย อีกทั้งระบบยังรองรับระบบปฎิบัติการที่หลากหลาย และมีการพัฒนาให้ตอบสนองต่อความต้องการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันอีกด้วย

ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทำให้การทำงานจากที่บ้านมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น จากความต้องการข้างต้น ส่งผลให้ Hitachi JP1/ITDM2 กลายมาเป็นส่วนสำคัญของแผนก IT ในการจัดการอุปกรณ์ IT ขององค์กร อีกทั้งยังรองรับการแก้ไขปัญหาทั้งการใช้งานในออฟฟิศ และการใช้งานจากที่บ้านผ่าน VPN อีกด้วย

ปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจทั่วโลกวางใจใช้งาน Hitachi JP1 มาอย่างต่อเนื่องยาวนานก็คือ วิสัยทัศน์ และแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองต่อการใช้งานขององค์กรในหลากหลายมิติ ตัวอย่างเช่น

  • ประสบการณ์การพัฒนาผลิตภัณฑ์กว่า 25 ปี ทำให้ระบบรองรับการใช้งานทั้งเทคโนโลยีในอดีต จนถึงปัจจุบัน โดยเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างทีมพัฒนาและทีมทดสอบ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์สามารถทำงานร่วมกับโซลูชันอื่นๆ และสามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง
  • การให้บริการหลังการขายที่นานถึง 10 ปี ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าเมื่อลงทุนใช้งานผลิตภัณฑ์ Hitachi JP1 แล้ว ระบบจะยังคงทำงานต่อเนื่องได้อีกยาวนาน ทำให้การลงทุนคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
  • การรองรับการใช้งานร่วมกับระบบเดิม หรือ Backward Compatibility ระบบสามารถใช้งานร่วมกันได้มากถึง 4 เวอร์ชั่นหลัก ซึ่งรวมเวอร์ชั่นปัจจุบันเข้าไปด้วย ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดระบบ โดยไม่จำเป็นต้องหยุดระบบเพื่ออัปเกรด หรืออัปเกรดระบบบ่อยๆ อีกทั้งยังช่วยลด Downtime ที่อาจเกิดขึ้นกับระบบได้อีกด้วย
  • มีทีมงานคนไทยช่วยในการดูแลระบบ ซึ่งเป็นทีมงานของ Hitachi โดยตรง ทำให้มั่นใจได้ว่าการแก้ไขปัญหาจะทำได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของภาษาในการสื่อสาร

ผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Hitachi JP1/ITDM2 สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

https://www.hitachi.com/products/it/software/prod/jp1/product/jp1/list/itdm2/index.html

7 ความสามารถหลักด้านการทำ IT Asset Management ของ Hitachi JP1/ITDM2

ในแง่ของการทำ IT Asset Management นั้น Hitachi JP1/ITDM2 มีความสามารถในการรวบรวมข้อมูลบนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อื่นๆ มาไว้ที่ส่วนกลางเพื่อให้ง่ายต่อการจัดการ, สามารถควบคุมการทำงานของอุปกรณ์จากส่วนกลาง, สามารถตรวจสอบข้อมูลลิขสิทธิ์ของ Software ที่มีการใช้งานได้ ครอบคลุมไปถึงการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาให้กับผู้ใช้งานด้วย โดยมีรายละเอียดดังนี้

  1. การรวบรวมข้อมูล Hardware และ Software ของอุปกรณ์แต่ละตัว เพื่อแสดงผลในระบบ IT Asset Management และการอัปเดตข้อมูลอุปกรณ์โดยอัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง
  2. การสร้างฐานข้อมูลผู้ใช้งานระบบ และเชื่อมโยงข้อมูลของผู้ใช้งานเข้ากับอุปกรณ์แต่ละตัว
  3. การรวบรวมข้อมูลอุปกรณ์ที่ไม่ได้เชื่อมต่อระบบเครือข่าย เพื่อให้ทราบถึงการมีอยู่ของอุปกรณ์เหล่านั้น พร้อมเครื่องมือช่วยในการบริหารจัดการ
  4. การบริหารจัดการลิขสิทธิ์ของ Software ที่มีการใช้งานในแต่ละเครื่อง พร้อมรายละเอียดของ Software นั้นๆ เพื่อให้การจัดซื้อลิขสิทธิ์การใช้งาน Software มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  5. ความสามารถเพิ่มเติมในการบริหารจัดการข้อมูลอุปกรณ์ได้อย่างอิสระ เช่น ข้อมูลสัญญาเช่าอุปกรณ์, ข้อมูลของ Contractor ที่ขายสินค้า หรือให้บริการ และข้อมูลอื่นๆ ตามต้องการ
  6. การบังคับการติดตั้ง Software ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละตัวจากศูนย์กลาง
  7. การควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกล เพื่อให้ผู้ดูแลระบบสามารถดูแล และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานได้อย่างสะดวก รวดเร็ว

ด้วยความสามารถที่กล่าวมานี้ จะช่วยให้องค์กรสามารถจัดการข้อมูล IT Asset ได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ โดยไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของสถานที่ และใช้มาตรฐานเดียวกันทั้งองค์กร ส่งผลให้การทำงานในรูปแบบ Hybrid Work ทำงานได้จริง

8 ความสามารถหลักด้านการทำ Security Management ของ Hitachi JP1/ITDM2

ปัจจุบันภัยคุกคามมีความหลากหลายเป็นอย่างมาก การปกป้องอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้ปลอดภัยอยู่เสมอเป็นความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับแผนก IT ในการดูแลการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ในบริษัท และการทำงานจากที่บ้าน ด้วยความสามารถด้าน Security Management ของ Hitachi JP1/ITDM2 ทำให้ผลิตภัณฑ์ JP1 กลายเป็นสิ่งที่องค์กรจำเป็นจะต้องมี เพื่อตอบสนองต่อนโยบายขององค์กร, ตอบรับกับ พรบ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ และพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ไปจนถึงการตอบรับต่อการทำ Compliance ตามมาตรฐานต่างๆ ในแต่ละอุตสาหกรรมอีกด้วย

Hitachi JP1/ITDM2 สามารถตอบโจทย์ด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของอุปกรณ์ Endpoint ให้แก่ธุรกิจองค์กรได้ดังนี้

  1. การรวบรวมข้อมูล Log การใช้งานของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แต่ละตัว เพื่อนำมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลจากส่วนกลาง
  2. การควบคุมการเชื่อมต่ออุปกรณ์ USB เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องข้อมูลรั่วไหล และการโจมตีผ่านการใช้งานอุปกรณ์
  3. การตรวจสอบ และควบคุมการใช้งาน Antivirus Software บนเครื่องคอมพิวเตอร์
  4. การบริหารจัดการการติดตั้ง Windows Update ของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ระบบสามารถควบคุมจากส่วนกลางได้
  5. การทำ Network Access Control เพื่อควบคุมการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายจากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบเครือข่าย
  6. การตรวจสอบการตั้งค่าความปลอดภัยของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ซึ่งระบบสามารถทำในระดับ Operating System
  7. การควบคุม และจำกัดการใช้งาน Application บนเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละตัว
  8. การตรวจสอบการติดตั้ง Application ต้องห้าม พร้อมการควบคุม

จากสิ่งที่กล่าวข้างต้น จะเห็นได้ว่า Hitachi JP1/ITDM2 สามารถช่วยควบคุมการใช้งานอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นของผู้บริหาร หรือพนักงานโดยใช้มาตรฐานเดียวกันได้ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย และการรั่วไฟลข้อมูลที่อาจเกิดขึ้นได้ พร้อมเครื่องมือช่วยในการตรวจสอบ

การติดตามข้อมูลการทำงานของพนักงานผ่าน Hitachi JP1/ITDM2 ด้วย Add-on เพิ่มเติม

อีกหนึ่งความสามารถเพิ่มเติมของ Hitachi JP1/ITDM2 ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากท่ามกลางการทำงานแบบ Work from Home นี้ก็คือ Add-on สำหรับการติดตามการทำงานของพนักงาน หรือที่เรียกว่า Working Hour Visualization Solution นั่นเอง

ความสามารถนี้จะเข้ามาช่วยในการรวบรวมข้อมูล Operation Log บนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานปัจจุบัน เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาจัดการ และส่งต่อไปยังระบบ Business Intelligence จากสิ่งที่ได้จะช่วยให้ผู้บริหารของแต่ละแผนกสามารถเห็นถึงพฤติกรรมการทำงานของพนักงานแต่ละคนในแต่ละวันได้ ว่ามีการใช้งาน Application ใดในช่วงเวลาที่กำหนด พร้อมเวลาที่ใช้ อีกทั้งยังสามารถนำข้อมูลที่ได้มาใช้ในการเปรียบเทียบข้อมูลของพนักงานได้

แนวทางนี้ถือว่าเป็นแนวทางที่ช่วยให้ธุรกิจองค์กรสามารถติดตามการทำงานของพนักงานได้ และทำให้ผู้บริหารตรวจเช็คการเข้าถึง Application ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงาน และติดตามกิจกรรมการทำงานได้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งไม่ใช่แค่การตรวจสอบเวลาการเปิดหรือปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ในแต่ละวันเท่านั้น

ผู้ที่สนใจโซลูชัน Hitachi JP1 สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่อีเมล์ hasth.dsp.uq@hitachi.com

from:https://www.techtalkthai.com/secure-wfh-with-hitachi-jp1-itdm/

บริหารจัดการโรงงานด้วย Kaizen ในแบบ Digital ด้วย Lumada Manufacturing Insights (MfI) จาก Hitachi Asia (Thailand) Co., Ltd.

หนึ่งในธุรกิจที่ต้องเร่งปรับตัวกันมากที่สุดในปี 2020 ที่ผ่านมานี้ก็คือธุรกิจโรงงานและการผลิต ซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤตโรคระบาดโดยตรงต่อทั้งสายการผลิต, Supply Chain ไปจนถึงพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาล การนำเทคโนโลยี Digital เข้ามาใช้ในการผลิตจึงกลายเป็นประเด็นสำคัญ และในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ Hitachi Lumada Manufacturing Insights (MfI) ที่จะช่วยให้การผลิตนั้นสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพได้อย่างต่อเนื่องตามหลักการของ Kaizen

ปัญหาของการบริหารจัดการโรงงานที่ยังไม่มีการใช้งานเทคโนโลยี Digital

ธุรกิจโรงงานและการผลิตทั่วโลกนั้นมักมีแนวโน้มหนึ่งที่คล้ายคลึงกัน คือการที่ธุรกิจโรงงานและการผลิตขนาดใหญ่หลายแห่งนั้นยังคงไม่ก้าวสู่การนำเทคโนโลยี Digital มาปรับใช้ในการผลิต เพราะคุ้นชินกับการทำงานแบบเดิม อีกทั้งธุรกิจเองนั้นก็มีขนาดใหญ่ และขาดผู้เชี่ยวชาญที่จะมาช่วยปรับปรุงในส่วนนี้จนยากที่จะปรับนำเทคโนโลยี Digital มาใช้งาน

อย่างไรก็ดี ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าความท้าทายของธุรกิจโรงงานและการผลิตเองนั้นมีความเด่นชัดมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางกระแสการทำ Digital Transformation และ Industry 4.0 ในทุกวันนี้ รวมถึงการมาของภัยโรคระบาดในปี 2020 นี้ที่ได้กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ทุกธุรกิจต้องเร่งปรับตัวให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าและการทำงานที่ต้องคำนึงถึงนโยบายการทำ Social Distancing

ปัจจัยเหล่านี้เองได้สร้างความท้าทาย 3 ประการต่อธุรกิจโรงงานและการผลิต ได้แก่

  1. การที่ความต้องการของลูกค้ามีหลากหลายและเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ธุรกิจโรงงานและการผลิตต้องปรับสายการผลิตให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ให้ได้
  2. การแข่งขันในระดับโลกที่สร้างความกดดันอย่างมหาศาล ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าที่ผลิตในประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย ทำให้ประเด็นด้านคุณภาพและราคานั้นส่งผลเป็นอย่างมากต่อการตัดสินใจของลูกค้า
  3. การเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ที่กำลังค่อยๆ เกษียณไปทีละราย ในขณะที่คนรุ่นใหม่เองก็ก้าวเข้ามาสู่ธุรกิจโรงงานและการผลิตน้อยลงเรื่อยๆ

ความท้าทายเหล่านี้ได้ส่งผลให้การผลิตในโรงงานนั้นมีความซับซ้อนและยุ่งเหยิงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งการที่เอกสารหรือกระบวนการต่างๆ ซึ่งยังคงเป็นแบบกระดาษนั้นทำให้เกิดความผิดพลาดในการทำงานสูง และทำให้กระบวนการทำงานนั้นมีความเชื่องช้า, การที่ไม่มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการแก้ไขปัญหาหรือวางแผนปรับปรุงสายการผลิตอย่างชัดเจน ไปจนถึงการขาดผู้เชี่ยวชาญที่ค่อยๆ เกษียณอายุไป ทำให้สายการผลิตนั้นขาดความมั่นคง

ด้วยเหตุเหล่านี้ การตัดสินใจนำเทคโนโลยี Digital เข้ามาช่วยในการผลิตเพื่อให้ทุกกระบวนการขั้นตอนนั้นมีข้อมูลอย่างครบถ้วน ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงได้กลายเป็น Priority หลักของหลายธุรกิจโรงงานทั่วโลก และถือโอกาสในช่วงที่สายการผลิตต้องหยุดชะงักจากวิกฤตโรคระบาดนี้ในการปรับนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยในการผลิตกันมากขึ้นนั่นเอง

เพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของการผลิต ด้วย Lumada Manufacturing Insights (MfI)

Lumada Manufacturing Insights หรือ MfI นี้ เป็นโซลูชัน Digital สำหรับช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของการผลิตโดยเฉพาะ เพื่อเปลี่ยนให้การผลิตนั้นกลายเป็นแบบ Digital ซึ่งมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจและช่วยปรับปรุงแก้ไขปัญหาเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างต่อเนื่องตามหลัก Kaizen ในสายการผลิต โดยมีกระบวนการ 3 ขั้นตอนหลักๆ ดังนี้

  1. Collect Data รวบรวมข้อมูลที่เกิดขึ้นในสายการผลิตโดยอัตโนมัติจากเครื่องจักรและระบบควบคุมต่างๆ ผ่านทาง PLC และ IoT Gateway โดยครอบคลุมข้อมูล 4M ได้แก่ huMan, Machine, Material และ Method
  2. Visualize นำข้อมูลสถานะการผลิตที่กำลังเกิดขึ้นมาแสดงผลแบบ Real-Time เพื่อให้สามารถตรวจสอบ ติดตาม และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที รวมถึงมีข้อมูลย้อนหลังเพื่อนำไปใช้ในการปรับปรุงสายการผลิตได้อย่างแม่นยำตรงจุด
  3. Kaizen in the Shop Floor ทำการวัดคุณภาพและปรับปรุงแก้ไขประเด็นปัญหาต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมวัดผลหลังจากการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ติดตามผลลัพธ์ได้อยู่ตลอด

ทั้ง 3 กระบวนการที่เกิดขึ้นนี้ถูกนำมาออกแบบเป็นระบบย่อยภายใน MfI เพื่อให้ผู้ที่ทำงานในสายการผลิตตั้งแต่ระดับของผู้บริหารไปจนถึงปฏิบัติการนั้นสามารถทำงานด้วยข้อมูลแบบ Data-Driven ได้อย่างครบถ้วน ด้วยความสามารถในการบริหารจัดการ 4 ส่วน ได้แก่

  1. Factory KPI สำหรับให้ Factory Manager ทำการติดตามสถานะการผลิตและติดตามค่า KPI ของการทำงานในแง่มุมต่างๆ เช่น การผลิตสินค้าได้ทันเวลา ไปจนถึงการที่สายการผลิตสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดชะงัก
  2. Equipment สำหรับผู้ดูแลเครื่องจักรใช้ในการติดตามสถานะการทำงานของเครื่องจักรแต่ละเครื่อง และสัญญาณผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการทำงาน เพื่อให้สามารถวางแผนปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนหรือตรวจสอบแนวโน้มการเกิดปัญหาได้ ก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้นและสร้างความเสียหายให้กับสายการผลิต
  3. Process สำหรับ Production Manager ใช้ในการติดตามการผลิตและตรวจสอบปัจจัยที่เป็นต้นเหตุให้เกิดคอขวดในการผลิต รวมถึงติดตามสถานะจากข้อมูล 4M เพื่อให้สามารถระบุถึงสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นในสายการผลิตได้อย่างแม่นยำ
  4. Quality สำหรับ Quality Assurance Manager ใช้ในการติดตามสถิติการเกิดของเสียในสายการผลิต และตรวจสอบหาสาเหตุเพื่อแก้ไขสายการผลิตให้มีคุณภาพในการผลิตมากขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

จะเห็นได้ว่า MfI นี้จะช่วยให้ธุรกิจโรงงานและการผลิตสามารถตรวจสอบสถานะของการผลิต, เครื่องจักร และพนักงานได้อยู่เสมอ รวมถึงถ้าหากมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นในการผลิต MfI ก็จะสามารถนำเสนอข้อมูลสำหรับการแก้ไขปัญหาและวางแผนป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำ ทั้งหมดนี้สามารถนำมาสะท้อนเป็น KPI ของสายการผลิตเพื่อวัดผลการทำงานได้อย่างครอบคลุม นำไปสู่การควบคุมคุณภาพ, การลดค่าใช้จ่าย และสร้างความมั่นใจในการส่งมอบสินค้าจากสายการผลิตให้แก่ธุรกิจโรงงานได้

จุดเด่นที่ทำให้ MfI ได้รับความนิยมในธุรกิจโรงงานและการผลิตนั้น ก็คือความง่ายดายในการติดตั้งใช้งานที่สามารถผสานระบบให้ทำงานร่วมกับเครื่องจักรรูปแบบต่างๆ, ระบบ ERP/MES ที่มีอยู่, ระบบ RFID/Barcode/QR Code และกระบวนการในการผลิตที่หลากหลายได้ และการเลือกเริ่มต้นใช้งานเฉพาะบางส่วนและค่อยๆ เพิ่มขยายในอนาคตได้ ในขณะที่ CFO ของโรงงานเองนั้นก็จะให้ความสำคัญกับการที่ MfI คิดค่าใช้จ่ายในแบบ Subscription-based ทำให้ไม่ต้องเกิดการลงทุนเป็นงบประมาณก้อนใหญ่ไปแต่แรก และเห็นค่าใช้จ่ายรายเดือนที่ชัดเจน

พร้อมให้บริการในประเทศไทย ด้วย Lumada Center ที่เปิดให้ธุรกิจโรงงานและการผลิตเข้าไปสัมผัสเทคโนโลยีจริงได้ด้วยตนเอง

Hitachi Asia  (Thailand) Co., Ltd. นั้นตั้งใจขยายตลาด MfI ในประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่มีโรงงานอุตสาหกรรมสำคัญอยู่มากมายอย่างเต็มที่ จึงได้มีการเปิด Lumada Center ด้วยกันถึง 2 แห่งในกรุงเทพมหานครและชลบุรี เพื่อให้ธุรกิจโรงงานและการผลิตนั้นสามารถเข้ามาสัมผัสกับเทคโนโลยี Digital สำหรับการผลิตโดยเฉพาะได้ด้วยตนเอง เพื่อให้ผู้บริหารและผู้จัดการของโรงงานนั้นเข้าใจในเทคโนโลยีมากขึ้น และมองเห็นถึงความเป็นไปได้ที่จะนำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปปรับใช้ในโรงงานของตนเองได้แจ่มชัดมากยิ่งขึ้น

สนใจติดต่อ Hitachi Asia (Thailand) Co., Ltd. ได้ทันที

ผู้ที่สนใจโซลูชัน MfI สามารถติดต่อทีมงาน Hitachi Asia  (Thailand) Co., Ltd. ในประเทศไทยได้ทันทีที่อีเมล์ hasth.dx-sales.yq@hitachi.com หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ https://www.hitachi.co.th/

from:https://www.techtalkthai.com/digitalize-your-factory-as-kaizen-with-lumada-manyafacturing-insights-by-hitachi-asia/

[Guest Post] ฮิตาชิ เอเชีย จับมือ เด็นโซ่ อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชีย เป็นพันธมิตรเพื่อผลักดัน อุตสาหกรรมการผลิตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก้าวไปสู่ยุคดิจิทัล

ฮิตาชิ เอเชีย จับมือ เด็นโซ่ อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชีย เป็นพันธมิตรเพื่อผลักดัน อุตสาหกรรมการผลิตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก้าวไปสู่ยุคดิจิทัล พร้อมสนับสนุนประเทศไทย 4.0 ผ่านแพลตฟอร์มลูมาด้า (Lumada) และระบบการผลิตแบบลีนออโตเมชัน (Lean Automation) 

 

บริษัท ฮิตาชิ เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด  (“ฮิตาชิ”) ประกาศจุดเริ่มต้นในความร่วมมือกับบริษัท เด็นโซ่ อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชีย จำกัด (“เด็นโซ่”) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เป็นระบบดิจิทัลมากขึ้น ผ่านแพลตฟอร์มลูมาด้า (Lumada)[1] ของฮิตาชิ และระบบการผลิตแบบลีนออโตเมชัน (Lean Automation)[2] ของเด็นโซ่ ซึ่งจะจัดแสดงที่บูธของฮิตาชิ ในงาน Metalex 2020[3] วันที่ 18 – 21 พฤศจิกายน 2563 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บูธหมายเลข AC27

ในความร่วมมือครั้งนี้ ทั้งสองบริษัทจะนำเสนอวิธีการรูปแบบใหม่ที่ผสานประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มลูมาด้าจากฮิตาชิ เข้ากับเทคโนโลยีการรวบรวมข้อมูล (ORiN Technology)[4] ของเด็นโซ่ เพื่อนำไปปรับปรุงประสิทธิภาพทั้งการผลิตทั่วไปและการผลิตแบบลีนออโตเมชั่น โดยแพลตฟอร์มลูมาด้าของฮิตาชิจะนำเสนอโซลูชันดิจิทัลสำหรับการจัดการโรงงาน ในขณะที่โซลูชันการรวบรวมข้อมูลของเด็นโซ่ผ่านเทคโนโลยี ORiN มีหน้าที่เก็บข้อมูลจากอุปกรณ์อัตโนมัติต่างๆ ในโรงงานได้อย่างสะดวกและง่ายดาย ความร่วมมือในครั้งนี้ ฮิตาชิและเด็นโซ่ มีเป้าหมายเดียวกันที่จะเสริมกำลังให้กับภาคการผลิต ซึ่งวิธีการรูปแบบใหม่นี้สามารถนำไปใช้กับธุรกิจต่างๆ ตั้งแต่องค์กรขนาดย่อมและขนาดกลาง ไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่ในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ทั้งนี้ ฮิตาชิได้เปิดศูนย์ลูมาด้าประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้[5] เมื่อ พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา เพื่อนำเสนอนวัตกรรมดิจิทัลต่างๆ เช่น โซลูชันไอโอที (IoT) ที่สามารถใช้ออกแบบและปรับเปลี่ยนโซลูชันให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจที่มีความหลากหลาย และในปีเดียวกันนั้น บริษัท เด็นโซ่ อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชีย ได้เปิดตัวโครงการ ลีนออโตเมชัน ซิสเต็ม อินทิเกรเตอร์ (Lean Automation System Integrators: LASI)[6] เพื่อให้การฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีการผลิตอัตโนมัติแก่บริษัทในประเทศไทยที่ได้ทำการติดตั้งและใช้งานระบบดังกล่าว โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น กระทรวงอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น

ทั้งสองบริษัทมีเป้าหมายที่จะมีส่วนร่วมและเป็นแรงผลักดันนโยบายประเทศไทย 4.0 ผ่านโครงการริเริ่มดังกล่าว และความร่วมมือครั้งใหม่นี้จะมุ่งเป้าไปที่การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การเก็บรวบรวมข้อมูลของเด็นโซ่และโซลูชันสำหรับระบบลีนออโตเมชันอย่างเทคโนโลยี KAIZEN[7] จะเข้ามาช่วยเสริมรากฐานอันแข็งแกร่งของฮิตาชิในด้านโซลูชันดิจิทัล นอกจากนี้ ความเชี่ยวชาญจากทั้งของสองบริษัทยังช่วยสร้างโอกาสในการพัฒนาโซลูชันที่ดีขึ้นเพื่อส่งเสริมภาคการผลิตให้ก้าวหน้าสู่ระบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

การผนึกกำลังระหว่างโซลูชัน Lumada Manufacturing Insights ของฮิตาชิ และ IoT Data Server ของเด็นโซ่[8] จะช่วยสร้างสรรค์โซลูชันรูปแบบใหม่ๆ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลให้แก่โรงงานต่างๆ นำไปสู่การจัดเก็บ วิเคราะห์ และแสดงภาพแบบดิจิทัลของข้อมูล 4M ในกระบวนการผลิตได้แก่ มนุษย์ (huMan) เครื่องจักร (Machine) วัสดุ (Material) และวิธีการ (Method) อนึ่ง ในอุตสาหกรรมภาคธุรกิจสามารถใช้การวิเคราะห์ดังกล่าวเพื่อรวบรวมชุดข้อมูลแบบบูรณาการจากแหล่งต่างๆ ที่พร้อมใช้งานอย่างสะดวกรวดเร็ว รวมไปถึงอุตสาหกรรมโรงงานต่างๆ ยังสามารถนำแนวคิด Digital Kaizen ไปประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนากระบวนการผลิตด้านดิจิทัลอย่างต่อเนื่องได้อีกด้วย

นายอากิฮิโระ โอฮาชิ กรรมการบริหาร บริษัท ฮิตาชิ เอเชีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “พวกเรารู้สึกตื่นเต้นและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับเด็นโซ่ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลให้กับอุตสาหกรรมการผลิต โดยเป้าหมายของเราคือการได้ร่วมสนับสนุนนโยบายประเทศไทย 4.0 และความร่วมมือในครั้งนี้จะช่วยสร้างโอกาสอีกมากมาย ด้วยเทคโนโลยีและความสามารถของทั้งสองบริษัท”

ฮิตาชิ เอเชีย (ประเทศไทย) จะขยายความร่วมมือกับเด็นโซ่ อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชีย เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลในภาคการผลิต

 

เกี่ยวกับ บริษัท ฮิตาชิ เอเซีย (ประเทศไทย) จำกัด 

บริษัท ฮิตาชิ เอเซีย (ประเทศไทย) จำกัด (HAS-TH) ก่อตั้งขึ้นในปี 2535 และมีความเชี่ยวชาญในการให้บริการด้านโซลูชันเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในประเทศไทย ลาว และกัมพูชา HAS-TH ดูแลด้านการตลาดของผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับภาคอุตสาหกรรมที่หลากหลาย นับตั้งแต่ระบบพลังงานสาธารณูปโภค เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ไปจนถึงบริการจัดหาสินค้าและบริการระหว่างประเทศ บริษัทได้ให้บริการสนับสนุนแก่พนักงานมากกว่า 13,000 คน ในบริษัทเครือข่าย 37 แห่งในประเทศไทย และมุ่งมั่นที่จะทำประโยชน์ให้แก่ชุมชนและรับผิดชอบต่อสังคม

 

เกี่ยวกับ บริษัท ฮิตาชิ เอเซีย จำกัด

บริษัท ฮิตาชิ เอเซีย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บริษัท ฮิตาชิ จำกัด มีสำนักงานใหญ่อยู่ในสิงคโปร์ บริษัทมีสำนักงานกระจายอยู่ในประเทศกลุ่มอาเซียน 7 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม และดำเนินกลุ่มธุรกิจนวัตกรรมเพื่อสังคมที่ช่วยตอบโจทย์ความท้าทายด้านสังคมต่างๆ  ฮิตาชิ เอเชีย และบริษัทในเครือนำเสนอระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พลังงาน โครงสร้างพื้นฐานทางสังคมและอุตสาหกรรม ระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ เครื่องจักรในการก่อสร้าง รวมทั้งอุปกรณ์และชิ้นส่วนสมรรถนะสูง ระบบยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและอื่นๆ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฮิตาชิ เอเชีย สามารถเข้าชมได้ที่เว็บไซต์ https://www.hitachi.com.sg

 

[1] สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับลูมาด้า โปรดดูที่เว็บไซต์ https://www.hitachi.co.th/about/hitachi/lumadacenter/index.html

[2] สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับลีนออโตเมชัน โปรดดูที่เว็บไซต์ https://www.denso-wave.com/en/robot/solution/lasi/

[3] โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ Metalex 2020 https://www.metalex.co.th/

[4] สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ORiN Technology โปรดดูที่เว็บไซต์ https://www.orin.jp/en/

[5] โปรดดูข่าวประชาสัมพันธ์วันที่ 17 กันยายน 2561 เรื่อง ฮิตาชิเปิดตัวศูนย์ลูมาด้าประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ https://www.hitachi.com.sg/press/press_2018/20180917.html

[6] โปรดดูข่าวประชาสัมพันธ์วันที่ 11 พฤษภาคม 2561 เรื่อง เด็นโซ่และกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเปิดการจัดแสดง ITC และ LASI https://www.denso.com/th/en/news/newsroom/2018/20180511-01/

[7] สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูเว็บไซต์ของเด็นโซ่ https://www.denso.com/global/en/business/products-and-services/other-industries/industry/

[8] สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูเว็บไซต์ของเด็นโซ่ https://www.denso-wave.com/en/system/iot/product/server.html

from:https://www.techtalkthai.com/hitachi-denso-lumada-lean-automation/

JP1 Webinar: จัดการกับ IT Workloads ภายในองค์กรด้วย Hitachi JP1/Automatic Job Management System 3 [27 ต.ค. 2020 14.00น.]

บริษัท Hitachi Asia (Thailand) Co., Ltd. และบริษัท Material Automation (Thailand) Co., Ltd. ขอเรียนเชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วม Hitachi JP1 Live Webinar ในหัวข้อเรื่อง “จัดการกับ IT Workloads ภายในองค์กรด้วย Hitachi JP1/Automatic Job Management System 3” ตัวช่วยสำหรับการควบคุมและจัดการ Workload Automation & Job Scheduling ได้จากศูนย์กลาง เหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่ระบบมีความหลากหลาย และต้องการปรับการทำงานให้เป็นแบบอัตโนมัติ

รายละเอียดการบรรยาย

หัวข้อ: จัดการกับ IT Workloads ภายในองค์กรด้วย Hitachi JP1/Automatic Job Management System 3
ผู้บรรยาย: คุณพิภพ เต็งศิริวัฒนานนท์ Consulting Manager, Digital Solution Platform จาก Hitachi Asia (Thailand) Co., Ltd.
วันเวลา: วันอังคารที่ 27 ตุลาคม 2563 เวลา 14.00-15.00 น.
ช่องทางการบรรยาย: Online Web Conference
จำนวนผู้เข้าร่วมสูงสุด: 500 คน
ภาษา: ไทย
ลิงค์ลงทะเบียน: https://zoom.us/webinar/register/WN_PGUGAcjKRvyfAxaTZxrNeg

JP1 คืออะไร?

Hitachi JP1 เป็นโซลูชั่นที่จะช่วยปรับปรุงธุรกิจในด้านการดำเนินงานในส่วนไอทีของคุณที่มีความซับซ้อนและหลากหลายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยโซลูชั่น JP1 นั้นออกแบบมาเพื่อลดระยะเวลาในการทำงาน ลดต้นทุนการดำเนินงาน และเพิ่มความปลอดภัยให้กับระบบไอทีของคุณ ยกตัวอย่างเช่น การบริหารจัดการสินทรัพย์ด้านไอที และการบริหารจัดการการรักษาความปลอดภัยภายในองค์กร

JP1/ Automatic Job Management System 3 คืออะไร?

JP1/Automatic Job Management System 3 หรือ JP1/AJS3 เป็นระบบ Workload Automation & Job Scheduling สำหรับควบคุม และจัดการงานระบบ IT ให้ทำงานอัตโนมัติได้จากศูนย์กลาง จากเดิมที่องค์กรมีการทำงานและพัฒนา Script แยกขึ้นมาสำหรับการจัดการในแต่ละระบบ โดย JP1/AJS3 จะเข้ามาช่วยควบคุมการเรียกใช้งาน Script เหล่านี้จากศูนย์กลาง ทำให้ผู้ดูแลระบบ IT สามารถติดตามการใช้งาน Script ได้ง่ายขึ้น โดยสามารถเช็คได้ว่ามี Script อะไรบ้าง ถูกตั้งค่าการใช้งานไว้ที่ใด และผลลัพธ์ของการทำงานเป็นอย่างไรได้จากหน้าจอเดียว สามารถทำงานแบบ Event-based Scheduling ได้ เพื่อควบคุมการทำงานให้เป็นขั้นเป็นตอนมากขึ้น

ลงทะเบียนเข้าร่วม Webinar ได้ทันที

ผู้ที่สนใจสามารถกรอกแบบฟอร์มเพื่อเข้าร่วม Webinar ในหัวข้อนี้ได้ทันทีที่ https://zoom.us/webinar/register/WN_PGUGAcjKRvyfAxaTZxrNeg โดยทีมงานขอความกรุณากรอกข้อมูลชื่อบริษัทด้วยชื่อเต็มของหน่วยงานหรือองค์กร เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในการจัดการกับข้อมูลการลงทะเบียน

สำหรับผู้ที่สนใจและต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อทีมงาน Material Automation (Thailand) Co., Ltd. แผนกการตลาด โทร. 02-261-5100 หรือ E-mail: mat_marketing@mat.co.th

from:https://www.techtalkthai.com/jp1-webinar-hitachi-jp1-automatic-job-management-system-3/

เปลี่ยนการทำงานให้เป็นอัตโนมัติสู่ New Normal สำหรับผู้ใช้งานและผู้ดูแลระบบ IT ด้วยโซลูชัน JP1 จาก Hitachi Asia

แนวโน้มด้านการปรับเปลี่ยนการทำงานให้เป็นแบบอัตโนมัติหรือที่เรียกว่า Automation นี้ได้กลายเป็นเทรนด์สำคัญขององค์กรทั่วโลก เพื่อให้การทำงานทั้งหมดเป็นไปอย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ แม่นยำ และสามารถแข่งขันกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันได้ดียิ่งขึ้น

Hitachi เอง ในฐานะของผู้พัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยตอบโจทย์ทางธุรกิจขององค์กรทั่วโลกมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีด้าน IT Automation เป็นรายแรกๆ ของโลกเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจในประเทศญี่ปุ่นที่มีการแข่งขันด้านการปรับเปลี่ยนกระบวนการต่างๆ อยู่ตลอด และโซลูชัน Hitachi JP1 นี้เองก็คือผลลัพธ์ของการพัฒนาเทคโนโลยี Automation มาอย่างต่อเนื่อง และตอบโจทย์การปรับเปลี่ยนการทำงานของพนักงานทั่วไป ไปจนถึงการทำงานของผู้ดูแลระบบ IT ให้เป็นแบบ Automation

รู้จักกับ Hitachi JP1 โซลูชันที่ Hitachi พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์การจัดการงานทางด้านเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพ จากประสบการณ์ของ Hitachi

Hitachi JP1 เป็นโซลูชันที่ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ด้วยประสบการณ์ของ Hitachi ที่ยาวนานมากกว่า 25 ปี ปัจจุบันนี้ Hitachi JP1 ได้ก้าวเข้าสู่ Version 12 ซึ่งมีความสามารถหลากหลาย รองรับการทำ Automation ได้ในหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นการทำ IT Automation เพื่อช่วยให้ผู้ดูแลระบบ IT ทำงานได้ง่ายขึ้น หรือระบบ Operation Automation ที่จะช่วยให้การออกแบบการทำงานขององค์กรสามารถทำงานแบบอัตโนมัติได้ รวมทั้งยังมีการผสานการใช้ Machine Learning และ AI เข้าไปในการทำงานบางส่วน เพื่อให้การทำงานแบบอัตโนมัติมีความชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น โดยระบบสามารถใช้งานร่วมกับ Windows, Linux, Unix, Cluster, Virtualization, Cloud และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่มีการใช้งานภายในองค์กร

JP1 นี้ถูกแบ่งเป็นผลิตภัณฑ์ย่อยๆ ได้เป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่

  • Intelligence เป็นการรวมผลิตภัณฑ์กลุ่ม Integrated Management, IT Service Management และ IT Operations Automation ซึ่งเน้นการจัดการข้อมูล และการดูแลรักษาระบบต่างๆ
  • Intelligent Monitoring เป็นการรวมผลิตภัณฑ์กลุ่ม Infrastructure Management, Performance Management และ Network Management สำหรับใช้ในการตรวจเช็คการทำงานของระบบ IT ภายในองค์กร
  • Intelligent Automation เป็นการรวมผลิตภัณฑ์กลุ่ม Job Management สำหรับจัดการ และติดตามผลการดำเนินงาน และการให้บริการทางธุรกิจ
  • Intelligent Governance เป็นการรวมผลิตภัณฑ์กลุ่ม IT Asset and Distribution Management เพื่อใช้ในการติดตาม และควบคุมการใช้งานทรัพย์สิน และทรัพยากร IT ภายในองค์กร

สำหรับในตลาดเมืองไทย Hitachi Asia มองว่า มีผลิตภัณฑ์ด้าน Automation และการจัดการระบบ IT จำนวน 3 รายการที่เหมาะกับการใช้งานของคนไทย ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1. ควบคุมการทำงาน และการสั่งงาน Script ให้ทำงานอัตโนมัติ ด้วย JP1/AJS3

JP1/Automatic Job Management System 3 หรือ JP1/AJS3 เป็นระบบ Workload Automation & Job Scheduling สำหรับควบคุม และจัดการงานระบบ IT ให้ทำงานอัตโนมัติได้จากศูนย์กลาง จากเดิมที่องค์กรมีการพัฒนา Script ขึ้นมาเพื่อแยกการทำงานออกจากกันของแต่ละระบบ JP1/AJS3 จะเข้ามาช่วยควบคุมการเรียกใช้งาน Script เหล่านี้จากศูนย์กลางได้ ทำให้ผู้ดูแลระบบ IT สามารถติดตามการใช้งาน Script ได้ง่ายขึ้น โดยสามารถเช็คได้ว่า Script อะไร ถูกตั้งค่าการใช้งานไว้ที่ใด และผลลัพธ์ของการทำงานเป็นอย่างไรได้จากหน้าจอเดียว อีกทั้งยังช่วยลดความซับซ้อนในการใช้งานระบบลงได้เป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ JP1/AJS3 ยังรองรับการทำงานได้หลาย Platform และสามารถทำงานแบบ Event-based Scheduling ได้ ทำให้การออกแบบการเรียกใช้งาน Script เพื่อจัดการระบบ IT มีความซับซ้อนมากขึ้น ตอบโจทย์การใช้งานจริงให้มีความยืดหยุ่น เหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่ระบบมีความหลากหลาย และต้องการปรับการทำงานให้เป็นแบบอัตโนมัติ โดยระบบสามารถทำงานจากศูนย์กลางเพื่อควบคุมการทำงานให้เป็นขั้นเป็นตอนมากขึ้น

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.hitachi.com.sg/ict-solutions/solutions/sms/jp1-automation/

2. เปลี่ยนงานทั่วไปให้ทำงานอัตโนมัติ และควบคุมระบบ RPA ขนาดใหญ่ให้ทำงานอัตโนมัติได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย JP1/CPA

JP1/Client Process Automation หรือ JP1/CPA เป็นระบบช่วยในการทำ Automation สำหรับ Business Operation โดยเฉพาะ ซึ่งรองรับการใช้งานบน PC เพียงเครื่องเดียวเพื่อเป็นการเริ่มต้นการ Automate จากงานเล็กๆ ไปจนถึงการทำ Automate บน PC จำนวนมากๆ ที่กระจายอยู่ทั่วองค์กร ทำให้พนักงานมีเครื่องมือช่วยในการทำ Automation สำหรับแต่ละ Business Workflow รวมทั้งยังสามารถจัดการเครื่อง PC ส่วนกลางของแต่ละแผนกให้สามารถทำงานอัตโนมัติ เพื่อตอบสนองการร้องขอการใช้งานในทีมได้อีกด้วย เรียกได้ว่า JP1/CPA นี้คือ ระบบ RPA ที่มีความชาญฉลาดมากนั่นเอง

จุดเด่นอีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจของ JP1/CPA ก็คือ ความสามารถในการทำ Automation เพื่อควบคุมโซลูชัน Robotic Process Automation หรือ RPA ตัวอื่นๆ ได้อีกชั้นหนึ่ง เพื่อเติมเต็มความสามารถของระบบ RPA ที่อาจขาดหายไป ตัวอย่างเช่น การเปิดเครื่อง แล้ว Login เข้าไปยัง PC เครื่องดังกล่าวเพื่อเรียกใช้งาน RPA หรือการเชื่อมโยงข้อมูลของระบบ RPA กรณีที่ระบบเดิมไม่รองรับ ทำให้การออกแบบงานอัตโนมัติมีความความสามารถมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้การจัดการ JP1/CPA จำนวนมากๆ ยังสามารถทำงานร่วมกับ JP1/AJS3 ได้ โดยเปลี่ยนการทำงานแบบอัตโนมัติที่กระจัดกระจายอยู่บนเครื่อง PC ของพนักงาน หรือเครื่อง PC ของแต่ละแผนกทั่วองค์กร ให้สามารถจัดการและติดตามได้จากศูนย์กลางได้ ซึ่งเหมาะกับการใช้งานสำหรับองค์กรขนาดใหญ่

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.hitachi.com/products/it/software/prod/jp1/product/jp1/list/cpa/index.html

3. การจัดการอุปกรณ์ IT ที่ใช้งานภายในองค์กร และใช้งานจากที่บ้านของพนักงาน ด้วย JP1/ITDM2

สำหรับผลิตภัณฑ์ตัวสุดท้าย เพื่อให้ผู้ดูแลระบบ IT สามารถสนับสนุนผู้ใช้งานภายในองค์กรที่อาจจะต้องทำงานทั้งจากภายในบริษัท และทำงานที่บ้านของตนได้จากศูนย์กลาง อีกทั้งยังรองรับการทำงานวิถีใหม่ หรือ New Normal โซลูชัน JP1/IT Desktop Management หรือ ITDM2 ถือเป็นโซลูชันที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการจัดการการใช้งาน และการรักษาปลอดภัยให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งาน โดยมีความสามารถที่น่าสนใจดังนี้

  • เป็นระบบ IT Asset Management ที่มีความสามารถในการทำ Security Compliance
  • สามารถตรวจสอบความเสี่ยงของข้อมูลที่จะรั่วไหลออกนอกบริษัท อีกทั้งยังสามารถยับยั้งความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
  • ติดตามพฤติกรรมต้องสงสัย และการแจ้งเตือนไปยังผู้ดูแลระบบ โดยระบบมีการจัดเก็บ Log เพื่อการตรวจสอบย้อนหลังได้
  • ตรวจสอบควบคุมให้ Anti-virus มีการอัปเดตอยู่ตลอด พร้อมกักกันอุปกรณ์ที่มีความเสี่ยงให้ไม่สามารถเข้าถึงทรัพยากรที่สำคัญได้
  • การจัดการ IT Asset, Software, License พร้อมระบุสัญญาที่เกี่ยวข้องได้จากศูนย์กลาง
  • สามารถบังคับการติดตั้ง Software จากศูนย์กลางโดยอัตโนมัติได้
  • สามารถรวบรวมข้อมูล IT Asset เพื่อใช้ในการสร้าง Report ได้หลายรูปแบบ
  • สามารถทำการ Remote ไปยัง PC แต่ละเครื่องได้จากศูนย์กลางเพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาจากระยะไกล
  • รองรับการใช้งานได้ทั้งบน Windows, Linux และ mac OS 

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.hitachi.com.sg/ict-solutions/solutions/sms/jp1-it-compliance/

ใช้งานได้อย่างมั่นใจ แม้ระบบจะมีการอัปเดตอยู่ตลอด แต่ยังคงรองรับการใช้งานย้อนหลังได้ยาวนาน

จุดหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจทั่วโลกวางใจใช้งาน Hitachi JP1 มาอย่างต่อเนื่องยาวนานก็คือ วิสัยทัศน์ และแนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองต่อการใช้งานขององค์กรในหลายปัจจัย ตัวอย่างเช่น

  • การพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลากว่า 25 ปี ทำให้สามารถรองรับได้ทั้งเทคโนโลยีในอดีต และปัจจุบัน โดยอาศัยการทำงานร่วมกันของทีมพัฒนาและทีมทดสอบ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นสามารถทำงานร่วมกับโซลูชันอื่นๆ ได้ และช่วยให้การทำ Automation ทำงานได้อย่างถูกต้อง
  • ระยะเวลาการสนับสนุนหลังการขายนาน 10 ปี ทำให้มั่นใจได้ว่าเมื่อลงทุนกับโซลูชัน Hitachi JP1 แล้ว ระบบจะสามารถทำงานต่อเนื่องได้เป็นเวลานาน
  • การพัฒนาระบบให้รองรับการทำงานร่วมกับระบบเดิม หรือ Backward Compatibility สามารถใช้งานได้ถึง 3 รุ่น รวมรุ่นปัจจุบันเป็น 4 รุ่น ทำให้กระบวนการการใช้งานจริงไม่จำเป็นต้องอัปเกรดบ่อยๆ หรือต้องหยุดการใช้งานเพื่อการอัปเกรดระบบ อีกทั้งยังช่วยลด Downtime ที่อาจจะเกิดขึ้นได้
  • มีทีมงานสนับสนุนหลังการขายที่เป็น 1st Tier ในประเทศไทย ซึ่งเป็นทีมงานคนไทย ทำให้มั่นใจได้ว่าการแก้ไขปัญหาจะทำได้อย่างรวดเร็ว และไม่ติดขัด

สนใจติดต่อ Hitachi Asia ได้ทันที

ผู้ที่สนใจโซลูชัน Hitachi JP1 สามารถติดต่อทีมงาน Hitachi Asia ในประเทศไทยได้ทันทีที่อีเมล์ jp1.info.px@hitachi.com โทร 02-632-9292 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ http://www.hitachi.com.sg/jp1 เข้าร่วมงาน Japan Recommend IT เพื่อรับชมข้อมูลล่าสุด และติดต่อกับทีมงาน Hitachi Asia

สำหรับผู้ที่ต้องการติดต่อทีมงาน Hitachi Asia เพื่อเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ หรือต้องการนำโซลูชัน และผลิตภัณฑ์ของ Hitachi Asia ไปใช้งาน สามารถเข้าร่วมงาน Japan Recommend IT ซึ่งเป็นงาน Online Exhibition ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 – 31 สิงหาคม 2563 เพื่อรับชมรายละเอียดของผลิตภัณฑ์เป็นภาษาไทย และสามารถติดต่อกับทีมงานของ Hitachi Asia ได้โดยตรงทันที โดยสามารถทำการลงทะเบียนที่ https://event-info.com/jrit/ เพื่อเข้าร่วมงาน Japan Recommend IT 

from:https://www.techtalkthai.com/it-automation-with-jp1-by-hitachi-asia/