คลังเก็บป้ายกำกับ: HADOOP

รวมคอร์สเรียนออนไลน์เดือน เม.ย. – ก.ค. จากสถาบัน IMC

IMC Institute เปิดคอร์สเรียนออนไลน์ 5 คอร์สสำหรับผู้ปฏิบัติงานด้าน IT และนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ได้แก่ Big Data Analytics as a Service for Developers, Basic Software Testing, AI for Everyone, Hadoop Administration and Operations และ Big Data Architecture and Analytics Platform ในช่วงเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม 2020 นี้ ผู้ที่สนใจสามารถสมัครเรียนได้ทันที

Big Data Analytics as a Service for Developers (20 – 22 เม.ย.)

หลักสูตรนี้เป็นการสอนหลักการและปฎิบัติการการทำ Big Data Analytics  โดยใช้ Public Cloud อย่าง  Google Cloud Platform ผู้เรียนสามารถกลับไปทำงานในหน่วยงานและสามารถปฎิบัติได้จริง โดยองค์กรสามารถเริ่มทำ Big Data Project โดยไม่มีค่าใช้จ่ายมากนัก ไม่จำเป็นต้องลงทุนติดตั้ง IT Infrastructure หรือติดตั้ง Hadoop Cluster  ผู้เรียนจะได้เรียนรู้หลักการของ Big Data as a Service และเครื่องมือต่างๆเช่น Cloud Storage, Hadoop as a Service อย่าง DataProc, การใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่อย่าง Hive, Spark, Google BigQuery, Cloud Pub/Sub และ Cloud Dataflow

  • ลงทะเบียน >> ที่นี่
  • ระยะเวลาการอบรม:  3  วัน
  • วันและเวลา: วันที่ 20 – 22 เม.. 2563 เวลา 09:00 – 16:00 .
  • ราคาโปรโมชั่น: 2,990 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
  • รับจำกัดที่ 30 ท่านต่อคลาส และขอสงวนสิทธิ์สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนก่อนเท่านั้น
  • คลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่ม

Basic Software Testing (12 – 13 พ.ค.)

การพัฒนาซอฟต์แวร์หรือระบบงาน ไม่ว่าจะมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ภายในองค์กรหรือเพื่อส่งมอบให้แก่ลูกค้าก็ตามจำเป็นที่จะต้องได้รับการทดสอบและควบคุมคุณภาพ โดยจะต้องมีการกำหนดวิธีการและขั้นตอนในการทดสอบอย่างเหมาะสม รวมถึงต้องมีการวิเคราะห์ผลที่ได้จากการทดสอบอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้งานส่งมอบนั้นมีคุณภาพสูงสุด

อย่างไรก็ตามหลายองค์กรกลับกำหนดให้กระบวนการทดสอบนี้เป็นวาระสุดท้ายของแผนงาน ทำให้กว่าที่จะตรวจพบจุดบกพร่องหรือข้อผิดพลาด ก็ต้องใช้เวลาในการแก้ไขมากอย่างไม่น่าเชื่อ  จนทำให้การส่งมอบงานล่าช้าเกินกว่ากำหนดไป

ทั้งนี้หากอ้างอิงตาม CMMI Framework แล้ว จำเป็นจะต้องมีการนำกระบวนการทดสอบเข้าไปเกี่ยวข้องในทุกขั้นตอนของการพัฒนา ซึ่งเรียกว่า Verification และ Validation Process Area เพื่อช่วยให้สามารถมั่นใจได้ว่างานส่งมอบนั้นและเสร็จสมบูรณ์ทันกำหนดและมีคุณภาพตามความต้องการของลูกค้า

หลักสูตรนี้จะช่วยวางพื้นฐานให้คุณเข้าใจถึงแนวคิดและความสำคัญของการทดสอบระบบงานทั่วไป  รวมถึงขั้นตอนต่าง ๆ  ทั้งการศึกษาและกำหนดความต้องการในการทดสอบ  การจัดทำกรณีทดสอบ  การเตรียมข้อมูลและอุปกรณ์ระบบต่าง ๆ  รวมถึงแนวทางในการทำการทดสอบ  และการจัดเก็บข้อมูลเพื่อทำรายงาน   โดยจะเป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ตรงที่ได้จากการทำงาน  ทั้งในเชิงทฤษฎีและเชิงปฏิบัติเพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงต่อไป

  • ลงทะเบียน >> ที่นี่
  • ระยะเวลาการอบรม: 2 วัน
  • วันและเวลา: วันที่ 12 – 13 พ.ค. 2563  เวลา 09:00 – 16:00 .
  • ราคาโปรโมชั่น: 2,990 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
  • รับจำกัดที่ 30 ท่านต่อคลาส และขอสงวนสิทธิ์สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนก่อนเท่านั้น
  • คลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม

AI for Everyone (19 – 20 พ.ค.)

ทุกองค์กรพูดถึง AI (ปัญญาประดิษฐ์) ว่าเป็นแนวโน้มเทคโนโลยีที่จะเข้ามาเปลี่ยนโลกและธุรกิจ บ้างก็เป็นกังวลกับอนาคตของธุรกิจและอุตสาหกรรม บางหน่วยงานที่มีศักยภาพก็เริ่มเตรียมตัวทั้งการเตรียมโครงสร้างพื้นฐานและบุคลากร AI เป็นเรื่องของการนำข้อมูลมาใช้ในการวิเคราะห์ คาดการณ์และพยากรณ์ในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่มนุษย์ทำอยู่เป็นประจำ แต่ด้วยความสามารถของคอมพิวเตอร์ประกอบกับการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ก็เลยทำให้ทำได้รวดเร็วและมีความแม่นยำกว่ามนุษย์ ดังนั้นงานยากๆ ที่แต่ก่อนทำไม่ได้จึงสามารถทำได้ดีขึ้นในวันนี้ การประยุกต์ใช้ AI จะประกอบด้วยหลายๆ ด้านทั้งการวิเคราะห์ข้อมูล ด้านการฟัง ด้านการมองเห็น ด้านภาษา หรือด้านระบบผู้เชี่ยวชาญ

หลักสูตรนี้จะเป็นการแนะนำความหมายต่างๆของ AI, Machine Learning, Deep Learning, Data Science การประยุกต์ใช้งาน AI ด้านต่างๆทั้ง Computer Vision, Speech, Natural Language Processing และ Robotics พร้อมทั้งสาธิตการใช้งานจริงๆจากอุปกรณ์และ Applications ต่างๆ เครื่องมือต่างๆ ในการทำ AI และแนวทางการเปลี่ยนแปลงองค์กรให้เข้าสู่ AI Company และการพัฒนา Data Strategy

  • ลงทะเบียน >> ที่นี่
  • ระยะเวลาการอบรม: 2 วัน
  • วันและเวลา: วันที่ 19 – 20 .. 2563  เวลา 09:00 – 16:00 .
  • ราคาโปรโมชั่น: 1,990 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
  • รับจำกัดที่ 30 ท่านต่อคลาส และขอสงวนสิทธิ์สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนก่อนเท่านั้น
  • คลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม

Hadoop Administration and Operations (15 – 17 มิ.ย.)

Hadoop เป็น Big Data Technology ที่หลายๆ องค์กรกำลังเริ่มนำมาใช้งานจริง (Production Environment) ทั้งในส่วน Big Data Management และ Big Data Analytics การออกแบบและจัดการระบบให้สามารถรองรับภาระงานที่หลากหลาย (Scalability) และเกิดความพร้อมใช้งานอยู่เสมอ (Availability) จึงมีความสำคัญมากที่จะสร้างความเชื่อมั่นในการใช้งาน และส่งเสริมวัฒนธรรมการใช้ข้อมูล (Data-driven culture) ต่อไปได้

หลักสูตรนี้มุ่งให้ผู้เรียนเกิดความรู้และทักษะที่เหมาะสมกับการปฏิบัติงานด้านการบริหารจัดการและดูแล Cloudera Hadoop Cluster เนื้อหาหลักสูตรมีความครอบคลุมในเรื่อง Core Hadoop Components, Hadoop Cluster Installation, Managing Hadoop Distributed File System (HDFS) and YARN, Security, Cluster Maintenance และ Basic of Monitoring and Troubleshooting  ผู้สอนใช้วิธีการบรรยายให้เกิดความเข้าใจ พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์ด้วยการยกตัวอย่างที่สะท้อนการใช้งานจริง และมีภาคปฏิบัติ เพื่อเสริมสร้างทักษะให้กับผู้เรียน ด้วยโจทย์การบริหารจัดการระบบที่หลากหลาย

  • ลงทะเบียน >> ที่นี่
  • ระยะเวลาการอบรม: 3 วัน
  • วันและเวลา: วันที่ 15 – 17 มิ..  2563 เวลา 09:00 – 16:00 .
  • ราคาโปรโมชั่น: 2,990 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
  • รับจำกัดที่  30 ท่านคลาส และขอสงวนสิทธิ์สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนก่อนเท่านั้น
  • คลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม

Big Data Architecture and Analytics Platform (30 มิ.ย. – 2 ก.ค.)

หลักสูตรนี้ประกอบด้วยการบรรยายและปฎิบัติการที่เน้นให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจด้าน Big Data Ecosystem และการเลือกใช้เทคโนโลยี Big Data ที่เหมาะสมกับองค์กร และ Use Cases ที่หลากหลาย ผู้เรียนจะได้รับความรู้เกี่ยวกับ Hadoop’s Architecture และ Capabilities ของ Software ต่างๆ ใน Hadoop Ecosystem ตั้งแต่การนำเข้าข้อมูล (Data Ingestion) การจัดเก็บข้อมูล (Data Storage) และประมวลผลข้อมูล ตลอดจนแนวคิดในการเชื่อมต่อ Visualization เข้ากับ Hadoop เพื่อทำ Report/Dashboard ต่างๆ ต่อไป ผู้สอนจะช่วยให้ท่านสามารถพัฒนาต้นแบบระบบงานจริง ด้วยการทำ Hands-on Lab ต่างๆ โดยสามารถนำไปต่อยอดที่องค์กรเพื่อให้เกิดการใช้งาน Big Data อย่างแท้จริงต่อไปได้

  • ลงทะเบียน >> ที่นี่
  • ระยะเวลาการอบรม:  3  วัน
  • วันและเวลา: วันที่ 30 มิ.. , 1 – 2 .. 2563 เวลา 09:00 – 16:00 .
  • ราคาโปรโมชั่น:2,990 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
  • รับจำกัดที่ 30 ท่านต่อคลาส และขอสงวนสิทธิ์สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนก่อนเท่านั้น
  • คลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม

from:https://www.techtalkthai.com/apr-jul-2020-online-courses-by-imc-institute/

IMC เปิดหลักสูตร Digital Transformation Strategy เชิงปฏิบัติแบบเข้มข้น และ Big Data Certification เริ่มเรียนกันยายนนี้

IMC Institute เปิดรับลงทะเบียน 2 หลักสูตรสำหรับผู้บริหารและผู้ปฏิบัติการ ได้แก่ Digital Transformation Strategy เชิงปฏิบัติแบบเข้มข้น (3 วัน 2 คืนที่พัทยา) และ Big Data Certification (120 ชั่วโมง) โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญจากสาขาต่างๆ ทั้งสองหลักสูตรเริ่มเรียนเดือนกันยายนนี้ ผู้ที่สนใจสามารถสมัครเรียนได้วันนี้แล้ว

หลักสูตร Digital Transformation Strategy Workshop (3 วัน 2 คืน @Modus Hotel Pattaya)

พลวัตแห่งการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งเป็นสิ่งใหม่ เช่น IoT, Big Data, AI, และ Cloud Computing ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้อุตสาหกรรมต่างๆ เรียกปรากฎการณ์นี้ว่า Digital Disruption ส่งผลให้องค์กรเกิดแนวคิดที่จะทำเรื่อง Digital Transformation แต่ปัญหาหลักคือ เมื่อลงทุนไปแล้วกลับพบว่า ไม่ทำให้ธุรกิจดีขึ้น ซ้ำร้ายบางองค์กร พบว่า เทคโนโลยีไอทีที่ลงทุนไปไม่ได้ใช้งานให้คุ้มค่า

ความไม่สำเร็จของ Digital Transformation มาจากผู้บริหารเข้าใจผิดคิดว่า เป็นเรื่องของเทคโนโลยี จึงมอบภารกิจให้แผนกไอที ทั้งที่แท้จริงแล้วเป็นเรื่องเปลี่ยนแปลง (Transformation) ดังนั้น จึงควรให้ความสำคัญต่อกลยุทธ์องค์กรให้เกิดการเปลี่ยนแปลง คำนึงถึงเทคโนโลยีดิจิทัลมากกว่า มุ่งนำเทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ มาติดตั้งในองค์กร

องค์กรต้องเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Digitization และ Digitalization ซึ่งเป็นการลงทุนระบบเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น การจัดหาระบบคอมพิวเตอร์, การจัดทำ ERP, CRM, การเก็บข้อมูลขึ้นระบบคลาวด์ หรือการแปลงข้อมูลต่างๆ ในองค์กรให้อยู่ในรูปดิจิทัล เหล่านี้เป็นเพียงขั้นตอนการทำ Digitization แต่สำหรับ Digitalization คือ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ๆ เข้ามาแล้วทำให้กระบวนการทำงานเปลี่ยนไป ทำงานมีประสิทธิภาพขึ้น ข้อสำคัญคือ Customer Experience, Customer Journey เปลี่ยนโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่ง Digital Transformation คือ ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ Digitalization นั่นเอง

หลักสูตร Digital Transformation Strategy Workshop จึงเป็นหลักสูตรที่ถูกออกแบบมาเพื่อมุ่งเน้นที่จะช่วยเติมเต็มความรู้ความเข้าใจและสร้างประโยชน์ให้แก่ท่านในการที่จะ

  1. เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในโลกดิจิทัล
  2. เข้าใจถึงแนวโน้มของเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆ ทั้งที่กำลังจะเข้ามา Disrupt การทำธุรกิจ ที่กำลังมาช่วยสร้างมูลค่าในการทำธุรกิจ และที่กำลังมาทำให้เกิดความเสี่ยงต่อธุรกิจของท่าน ทั้งนี้รวมถึงนโยบายและกฏหมายต่างๆที่เกี่ยวข้อง
  3. ศึกษาวิธีการทำ Workshop เพื่อกำหนดทิศทางวางแผนการสร้างกลยุทธ์ด้านดิจิทัลให้กับองค์กร การสร้างวัฒนธรรมและการพัฒนาบุคลากร การติดตามและประเมินผลความก้าวหน้าและการเปลี่ยนแปลงในองค์กรที่เกิดจากการวางกลยุทธ์ด้านดิจิทัล

สถานที่อบรม: Modus Hotel (Pattaya)
ระยะเวลาอบรม: วันที่ 13 – 15 กันยายน 2019
ค่าอบรม: 19,700 บาทต่อท่าน / Package 4 ท่าน ราคาพิเศษเพียง 75,000 บาท (ราคายังไม่รวม VAT 7%)

หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับผู้บริหารขององค์กรทั้ง CEO, CIO, CFO หรือ CTO, ผู้บริหารด้าน IT และผู้บริหารด้านอื่นๆ ของหน่วยงานที่สนใจการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงขององค์กร

รายละเอียดเพิ่มเติม: Digital Transformation Strategy Workshop

 

หลักสูตร Big Data Certification (120 ชั่วโมง)

Big Data เป็นเทคโนโลยีที่กำลังกล่าวถึงกันอย่างมาก การที่ข้อมูลมีจำนวนมากขึ้นมหาศาล มีหลายรูปแบบ และการมีข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้องค์กรต่างๆต้องปรับโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูล (Information Infrastructure) มีการนำเทคโนโลยีใหม่เช่น Hadoop, NoSQL หรือ NewSQL เข้ามาใช้งาน ต้องมีการพัฒนาบุคลากรเพื่อให้เข้าใจการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ รวมถึงมีความรู้ในการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ หลักสูตร Big Data Certification เป็นหลักสูตร 120 ชั่วโมงที่ต้องการพัฒนาให้ผู้เรียนได้เข้าใจถึงเรื่องของ Big Data มีความสามารถในการใช้เครื่องมือต่างๆ เข้าใจในเรื่องของ Business Intelligence และ Data Science ตลอดจนเรื่องรู้การทำ Big Data ตั้งแต่วางกลยุทธ์ จนถึงการทำ Predictive Analytics ด้วย Large-Scale Machine Learning การสอนในหลักสูตรนี้ประกอบไปด้วยการบรรยาย การทำ Workshop โดยจะมีการติดตั้งใช้เครื่องมือ Big Data จริงๆที่สามารถทำงานได้ รวมถึงการใช้งานบนระบบ Cloud

จากหลักสูตรที่จัดไปช่วงกลางปี มีผู้สนใจ Big Data Certification Course และต้องการให้เปิดเพิ่ม ทางสถาบัน ไอเอ็มซี จึงได้รวบรวมวิทยากร และปรับเนื้อหาให้สอดคล้องกับ เทคโนโลยีที่มีเข้ามาเพิ่มเรื่อยๆ ในหลากหลายมุมของการนำ Big Data ไปใช้ เป็นหลักสูตร 4 เดือน

หลักสูตรการอบรม 120 ชั่วโมงนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้รับความรู้ด้านต่างๆดังนี้

  • เข้าใจหลักการของ Big Data และแนวโน้มของเทคโนโลยีด้านข้อมูล
  • สามารถวางแผนการออกแบบ Big Data Infrastructure ในองค์กร และการออกแบบ Data Lake
  • เรียนรู้การใช้งานเทคโนโลยี Hadoop และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องอาทิเช่น Spark, Hive, Impala, Sqoop, Flume และอื่นๆ ในด้าน Computation, Storage และ Ingestion
  • สามารถเขียนโปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูล Unstructure โดยใช้โปรแกรม Spark, MapReduce, Hive ได้
  • เรียนรู้การใช้ Spark, SparkSQL เพื่อทำ In-memory Processing
  • เรียนรู้การใช้ Big Data as a Service บน Cloud Platform
  • เข้าใจหลักการการออกแบบและวิเคราะห์ข้อมูลที่เป็น Business Intelliegence
  • เข้าใจการใช้งาน Data Warehouse และการทำ Data Mining
  • เรียนรู้หลักการของ Data Science และอัลกอริทึมในการพยากรณ์ข้อมูลต่างๆ ทั้งแบบที่เป็น Classification/Regression และ Clustering ด้วย Large-Scale Machine Learning
  • เรียนรู้ Deep Learning
  • เรียนรู้เครื่องมือในการทำ Data Visualization อย่าง Tableau

สถานที่อบรม: Skulthai Surawong Tower 8th floor (MRT สามย่าน)
ระยะเวลาอบรม: 120 ชั่วโมง โดยเรียนทุกเย็นวันพฤหัสบดีและวันเสาร์ทั้งวัน เริ่ม 12 ก.ย. ถึง 30 พ.ย. 2019
ค่าอบรม: 59,000 บาท (รวมค่าเอกสารอบรม ค่าใช้งาน Cloud Services และค่าอาหาร / ราคายังไม่รวม VAT 7%)

หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจจะพัฒนา Big Data และต้องการเป็น Big Data IT Professional หรือ Data Scientist โดยต้องมีความรู้พื้นฐานด้านไอทีมาเป็นอย่างดี มีความรู้เรื่องฐานข้อมูล และการเขียนโปรแกรมมาบ้าง

รายละเอียดเพิ่มเติม: Big Data Certification

from:https://www.techtalkthai.com/imc-digital-transformation-strategy-and-big-data-certification-courses/

หมดยุค Hadoop? บริษัท MapR อาจต้องปลดคน-ปิดสำนักงานใหญ่ หากระดมทุนเพิ่มไม่ทัน

MapR Technologies หนึ่งในบริษัทที่พัฒนาซอฟต์แวร์ด้าน Big Data (อิงจาก Hadoop/Spark แต่เพิ่มฟีเจอร์ของตัวเองลงไป) เริ่มออกอาการไม่ค่อยดี หลังบริษัทแจ้งต่อสำนักงานแรงงานของรัฐแคลิฟอร์เนียว่า อาจต้องปลดพนักงานออก 122 คน และปิดสำนักงานใหญ่ที่เมือง Santa Clara หากบริษัทไม่สามารถหาเงินทุนก้อนใหม่ได้ทันวันที่ 14 มิถุนายนนี้

MapR แจ้งว่าก่อนหน้านี้เจรจากับนักลงทุนรายหนึ่ง แต่เมื่อผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของบริษัทออกมาแย่ (บริษัทอยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ จึงไม่เผยข้อมูลผลประกอบการต่อสาธารณะ) ทำให้นักลงทุนตัดสินใจถอนตัวออกไป ตอนนี้บริษัทกำลังเจรจากับนักลงทุนรายใหม่อยู่

หลังเรื่องนี้เป็นข่าว MapR ก็ชี้แจงผ่านบล็อกว่า ต้องปลดคนเพราะเปลี่ยนวิธีการขายจากบริษัทขายเองโดยตรง มาเป็นการขายโดยผ่านช่องทางของคนอื่น (indirect sales) ทำให้ต้องปลดพนักงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการขาย บริษัทยืนยันว่าไม่ได้ปลดพนักงานที่เกี่ยวกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และยังซัพพอร์ตและให้บริการลูกค้าตามปกติ ส่วนเรื่องการระดมทุนหรือการขายกิจการ จะแถลงอีกครั้งเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว

No Description

บริษัทสาย Big Data โดยเฉพาะที่อิงกับ Hadoop เคยเป็นดาวรุ่งในวงการสตาร์ตอัพอยู่พักหนึ่ง บริษัทเหล่านี้นำ Hadoop และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องมารวมเป็นดิสโทรของตัวเอง โดยเพิ่มฟีเจอร์เฉพาะสำหรับตลาดองค์กรเข้ามา อย่างไรก็ตาม ช่วงหลัง บริการคลาวด์ยักษ์ใหญ่ทั้ง AWS, Azure, Google Cloud ก็มีบริการด้าน Big Data ของตัวเอง (ทั้งที่อิงกับ Hadoop และไม่ใช่ เช่น Google BigQuery) ทำให้ตลาดลูกค้าองค์กรที่เคยซื้อดิสโทร Hadoop เชิงพาณิชย์ลดลงไป

เมื่อปลายปีที่แล้ว คู่แข่งของ MapR คือ Hortonworks และ Cloudera ประกาศควบรวมกิจการกัน (บริษัทใหม่จะชื่อ Cloudera) ด้วยเหตุผลเดียวกันว่า การแข่งขันในตลาด Hadoop สูง และอาจไม่มีพื้นที่พอสำหรับผู้เล่น 3 รายในท้องตลาด จึงต้องควบรวมกันเพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มอำนาจต่อรองกับลูกค้า (วิเคราะห์ Cloudera ควบรวม HortonWorks พี่น้องตระกูล Hadoop ที่กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง)

ที่มา – Silcon Angle, Next Platform, MapR, ภาพจาก MapR Facebook

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/110080

วิเคราะห์ Cloudera ควบรวม HortonWorks พี่น้องตระกูล Hadoop ที่กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง

ข่าวน่าสนใจของวงการไอทีในวันนี้คือ การควบรวมกันระหว่าง Cloudera และ Hortonworks สองบริษัทที่ทำธุรกิจซอฟต์แวร์ Hadoop ส่งผลให้บริษัทใหม่ (ซึ่งจะใช้ชื่อว่า Cloudera) กลายเป็นบริษัท Hadoop รายใหญ่ของโลก

ถ้าดูเผินๆ การควบกิจการครั้งนี้อาจเป็นเรื่องปกติทั่วไปในโลกธุรกิจ แต่แท้จริงแล้ว Cloudera และ Hortonworks เรียกได้ว่าเป็น “แฝดท้องเดียวกัน” ที่พรากจากกันมานาน และกลับมารวมกันอีกครั้ง

No Description

กำเนิด Hadoop

ทุกวันนี้ Hadoop กลายเป็นซอฟต์แวร์มาตรฐานสำหรับการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ หรือที่เราเรียกกันว่า big data ไปแล้ว แต่จุดกำเนิดของ Hadoop ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน

เทคนิคการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ที่ Hadoop ใช้งาน เริ่มมาจาก Google File System และ MapReduce ที่คิดค้นโดยกูเกิล แต่กูเกิลกลับไม่เปิดซอร์สโค้ดของซอฟต์แวร์ที่ใช้ในบริษัท (อาจเป็นเพราะความลับทางธุรกิจในยุคนั้น ที่ทำให้กูเกิลได้เปรียบคู่แข่ง เพราะสามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมากๆ ได้ดีกว่า) สิ่งที่กูเกิลทำจึงมีเพียงแค่การเปิดเอกสารวิจัย (เปเปอร์) ของ Google File System และ MapReduce ออกสู่สาธารณะในปี 2003

แต่ความต้องการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้นักพัฒนากลุ่มหนึ่งตัดสินใจสร้างซอฟต์แวร์แบบเดียวกันขึ้นมาใหม่ โดยใช้เปเปอร์ของกูเกิลเป็นแนวทาง

โครงการนี้เริ่มต้นในปี 2006 โดยทีมพัฒนาของโครงการ Apache Nutch ซึ่งมีแกนหลักคือ Doug Cutting ที่ขณะนั้นเป็นพนักงานของ Yahoo!

Doug Cutting มีชื่อเสียงจากการสร้างซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สดังๆ อย่าง Lucene และ Nutch อยู่ก่อนแล้ว เมื่อเขาสร้างโครงการใหม่ จึงตั้งชื่อมันว่า Hadoop ตามชื่อตุ๊กตาช้างของลูกชาย (และเป็นเหตุว่าทำไม Hadoop ถึงต้องเป็นช้าง)

Hadoop เริ่มสั่งสมชื่อเสียงมาเรื่อยๆ โดยมี Yahoo! เป็นผู้ใช้งานรายสำคัญ และให้ทรัพยากรพัฒนาโครงการมากกว่าใคร แต่ภายหลัง Yahoo! ก็เปิดซอร์สโค้ด Hadoop ของตัวเอง และร่วมพัฒนา Hadoop ภายใต้การดูแลของ Apache Software Foundation

เนื่องจาก Hadoop มีองค์ประกอบที่ค่อนข้างซับซ้อน และใช้การพัฒนาแบบโอเพนซอร์สที่มาจากนักพัฒนาหลากหลายกลุ่ม มีโครงการย่อยมากมาย การใช้งาน Hadoop เวอร์ชัน Apache จึงต้องใช้ความชำนาญสูง จึงมีแนวคิดการสร้าง “ดิสโทร” ของ Hadoop ที่รวบรวมแพกเกจทุกอย่างที่จำเป็นมาให้ ลักษณะเดียวกับดิสโทรของลินุกซ์

บริษัทแรกที่เริ่มทำดิสโทร Hadoop เชิงพาณิชย์คือ Cloudera ที่ก่อตั้งในปี 2008 โดยอดีตพนักงานของ Google/Yahoo!/Facebook/Oracle จำนวน 4 คนที่มองเห็นโอกาสนี้ และตัวของ Doug Cutting ก็ลาออกจาก Yahoo! ในปี 2009 เพื่อมาร่วมงานกับ Cloudera ในฐานะ Chief Architect

หลังจากนั้น 2 ปี ทีมงาน Hadoop ในบริษัท Yahoo! จำนวน 24 คนก็แยกตัวออกเป็นบริษัทใหม่ชื่อว่า HortonWorks ในปี 2011 (รายชื่อทีมงานทั้งหมด) เพื่อทำธุรกิจแบบเดียวกัน

หลังจากนั้น Cloudera กับ HortonWorks จึงกลายเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกันมานาน 7 ปี ทั้งที่มีจุดกำเนิดมาจากทีมงานตั้งต้นของ Hadoop เหมือนกัน ทั้งสองบริษัทเติบใหญ่จนกลายเป็นบริษัทขายหุ้น IPO ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ด้วยกันทั้งคู่

เมื่อข่าวการควบกิจการถูกประกาศออกไป Doug Cutting ในฐานะผู้สร้าง Hadoop จึงโพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ว่า พวกเรากลับมารวมกันอีกครั้ง

ราวกับเป็นฝาแฝด

นอกจากจุดกำเนิดที่มีประวัติศาสตร์แล้ว ถ้าดูข้อมูลทางธุรกิจอย่างละเอียด Cloudera กับ HortonWorks ก็มีความคล้ายคลึงกันมากอย่างไม่น่าเชื่อ

รายได้ของ Cloudera มากกว่า HortonWorks อยู่บ้าง โดยมีรายได้ในรอบ 12 เดือนล่าสุดที่ 411 ล้านดอลลาร์ ส่วน HortonWorks อยู่ที่ 309 ล้านดอลลาร์ แต่มาจากลูกค้าจำนวนใกล้เคียงกันคือ 1,300-1,400 บริษัท สิ่งที่น่าตกใจคือบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้น (gross margin) เท่ากันที่ 74%! และมีอัตรากำไร/ขาดทุนสุทธิ (operating margin) ใกล้เคียงกันคือขาดทุน 19% และ 18% ตามลำดับ!!

เรียกได้ว่านอกจากธุรกิจคล้ายคลึงกันมากแล้ว ตัวเลขผลประกอบการยังใกล้เคียงกันมาก (การควบรวมครั้งนี้ Cloudera จะถือหุ้น 60% ส่วน HortonWorks ถือหุ้น 40%)

No Description

No Description

อย่างไรก็ตาม คงไม่มีบริษัทไหนเหมือนกันทั้งหมด 100% ความแตกต่างระหว่างสองบริษัท และเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมการควบรวมกัน คือทั้งสองบริษัทมีความเชี่ยวชาญต่างกัน โดย Cloudera เน้นไปที่สายวิเคราะห์ข้อมูลและ data warehouse ในแบบดั้งเดิม ส่วน HortonWorks ถนัดด้านข้อมูลแบบสตรีมมิ่งที่ไหลมาจากอุปกรณ์ชนิดใหม่ๆ เช่น IoT ทำให้การควบรวมครั้งนี้กลายเป็นผสมจุดเด่นของทั้งสองฝ่ายเข้าด้วยกัน เพื่อครองทั้งสองตลาด

No Description

อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ พาร์ทเนอร์ธุรกิจของทั้งสองรายไม่ค่อยซ้ำกันมากนัก เช่น Cloudera สนิทกับ AWS และ Azure ในขณะที่ HortonWorks ใกล้ชิดกับ Google และ IBM ทำให้ควบรวมกันแล้ว สามารถเชื่อมต่อกับพาร์ทเนอร์หลากหลายและครอบคลุม

No Description

หลังควบรวมแล้วจะเป็นอย่างไร

บริษัทที่ทำธุรกิจ Hadoop เชิงพาณิชย์มีด้วยกัน 3 รายใหญ่คือ Cloudera, HortonWorks และ MapR แน่นอนว่าการควบรวมครั้งนี้ ผู้ที่เสียประโยชน์มากที่สุดคือ MapR เพราะคู่แข่งรายใหญ่ 2 รายจะกลายเป็นยักษ์ใหญ่รายเดียว

น่าเสียดายว่าเราไม่มีตัวเลขส่วนแบ่งตลาด Hadoop เชิงพาณิชย์ว่ารายไหนมีส่วนแบ่งเท่าไร และ MapR เป็นบริษัทที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ จึงไม่มีข้อมูลรายได้เปิดเผยมาเปรียบเทียบกัน

ส่วนคู่แข่งรายอื่นๆ ที่ทำดิสโทร Hadoop จะมีแต่กลุ่มผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ เช่น AWS หรือ Microsoft ที่มี Hadoop เวอร์ชันของตัวเองด้วย (HDInsight หรือ Elastic MapReduce) แต่กลุ่มเป้าหมายคงเน้นไปที่การอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าคลาวด์ของตัวเองเท่านั้น มากกว่าจะเป็นการขายลูกค้าทั่วไป แถมบริษัทคลาวด์เหล่านี้ก็มีความสัมพันธ์อันดีกับ Cloudera/Hadoop/MapR ในการรัน Hadoop เชิงพาณิชย์บนคลาวด์ด้วย

การควบรวมครั้งนี้ย่อมทำให้เกิดบริษัทยักษ์ใหญ่ในโลก Hadoop ขึ้นมาหนึ่งราย และจะมีบทบาทอย่างสูงในการกำหนดทิศทางของ Hadoop จากนี้ไป ทั้งสองบริษัทสัญญาว่าจะซัพพอร์ตซอฟต์แวร์เดิมไปอย่างน้อย 3 ปี แต่ก็มีแผนจะออก Hadoop เวอร์ชันเดียวที่รวมทั้งสองดิสโทรเข้าด้วยกัน

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะกลายเป็นบริษัทใหญ่ แต่ในแง่ผลกำไรขาดทุนเป็นเรื่องที่ต้องจับตา เพราะ Cloudera เองก็มีผลประกอบการออกมาไม่ดีอย่างที่คาดในรอบ 6 เดือนหลัง ส่วน HortonWorks ก็มีข่าวว่าสนใจอยากขายกิจการมานานแล้ว การควบรวมกันเพื่อลดค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อน และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเพื่อเร่งอัตรากำไร ดูเป็นหนทางที่สมเหตุสมผลและหลีกเลี่ยงไม่ได้

เราคงต้องดูกันต่อไปว่าหลังควบรวมกันแล้ว เป้าหมายจะเป็นจริงตามที่ฝันไว้หรือไม่

ข้อมูลเพิ่มเติม: CNBC
ภาพประกอบ: Pexels, Cloudera

from:https://www.blognone.com/node/105672

Cloudera และ Hortonworks ประกาศควบรวมกิจการกัน

Cloudera และ Hortonworks สองบริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูลขนาดใหญ่บน Hadoop ประกาศควบรวมกิจการกัน โดยบริษัทใหม่คาดมีมูลค่ากิจการราว 5,200 ล้านดอลลาร์

รายละเอียดในการควบรวมนั้นระบุว่า เป็นการรวมกิจการเข้าด้วยกัน (ไม่ใช่ใครซื้อกิจการใคร) โดยผู้ถือหุ้น Cloudera เดิม จะถือหุ้น 60% ในบริษัทใหม่ ส่วนที่เหลือเป็นของ Hortonworks นอกจากนี้ Tom Reilly ซีอีโอ Cloudea จะเป็นซีอีโอของบริษัทใหม่ ส่วน Rob Bearden ซีอีโอ Hortonworks จะย้ายไปเป็นกรรมการบอร์ด

ประเด็นสำคัญในการตัดสินควบรวมกิจการของสองผู้พัฒนาซอฟต์แวร์บน Hadoop ก็คือ ตลาดของ Big Data มีการเติบโตสูงมาก และมีการแข่งขันที่มากขึ้น ขณะที่ทั้งสองบริษัทมีจุดแข็งคือตลาดลูกค้าองค์กร และเทคโนโลยีที่รองรับ IoT ที่เป็นทิศทางหลักของ Big Data ซึ่งจะทำให้บริษัทใหม่หลังการควบรวมมีทั้งเทคโนโลยี ฐานลูกค้า และจุดแข็งในด้านต่าง ๆ

ที่มา: Cloudera และ Business Insider

alt="Clouder + Hortonworks"

from:https://www.blognone.com/node/105646

TechTalk Webinar: วิดีโอย้อนหลังเรื่อง “คุณพร้อมสำหรับการสร้าง Modern Data Warehouse แล้วหรือยัง?”

สำหรับผู้ที่ไม่ได้เข้าชมการบรรยาย TechTalk Webinar เรื่อง “คุณพร้อมสำหรับการสร้าง Modern Data Warehouse แล้วหรือยัง?” พร้อมอัปเดตเทรนด์ทางด้าน Big Data ล่าสุดจากทั่วโลกโดยผู้เชี่ยวชาญจาก Cloudera Thailand และ Tech Data ที่เพิ่งจัดไปเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา หรือต้องการรับชมการบรรยายซ้ำอีกครั้ง สามารถเข้าชมวิดีโอบันทึกย้อนหลังได้ที่บทความนี้ครับ

ผู้บรรยาย: Morakot Choomgrant, Country Manager จาก Cloudera Thailand และ Phairoj Jatanachai, Product Manager จาก Tech Data

ข้อมูลถือเป็นแหล่งรวมขุมทรัพย์ในยุคดิจิทัล การทำ Analytics เพื่อเปลี่ยนข้อมูลเหล่านั้นให้กลายเป็น Business Intelligence ช่วยสร้างมูลค่าให้แก่องค์กรอย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุน Business Analyst ให้สามารถวิเคราะห์และคาดการณ์ธุรกิจได้อย่างแม่นยำ การดำเนินธุรกิจผ่านทางหน้าแดชบอร์ดแบบเรียลไทม์ หรือการนำข้อมูลเชิงลึกไปใช้ประโยชน์ต่อในบริการต่างๆ อย่างไรก็ตาม ระบบฐานข้อมูลแบบดั้งเดิมไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ Data Warehouse ควรถูกปรับปรุงให้ทันสมัย มีความยืดหยุ่น และพร้อมขยายระบบเพื่อรองรับข้อมูลปริมาณมหาศาลในอนาคต

ภายใน Webinar นี้ท่านจะได้พบกับ

  • อัปเดตแนวโน้มทางด้าน Big Data ในโลกยุคดิจิทัล
  • เทรนด์การนำ Big Data เข้าไปประยุกต์ในธุรกิจของประเทศไทย
  • แนะนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการจัดการกับ Big Data ภายใต้สภาวะแวดล้อมแบบต่างๆ ได้แก่ Cloud, On-premises และ Virtulization
  • บทบาทของ Cloudera ในการทำ Big Data Analytics (Hadoop as a Platform)
  • Modern Data Warehouse คืออะไร จะไปถึงจุดนั้นได้อย่างได้
  • กรณีศึกษาที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Modern Data Warehouse จากทั่วโลก

from:https://www.techtalkthai.com/techtalk-webinar-building-modern-data-center-by-cloudera-and-tech-data-video/

TechTalk Webinar: คุณพร้อมสำหรับการสร้าง Modern Data Warehouse แล้วหรือยัง?

Cloudera Thailand ร่วมกับ Tech Data ขอเรียนเชิญผู้ที่สนใจทางด้าน Big Data Analytics และ Data Warehouse เข้าร่วมฟังบรรยายพิเศษในหัวข้อเรื่อง “คุณพร้อมสำหรับการสร้าง Modern Data Warehouse แล้วหรือยัง?” พร้อมอัปเดตเทรนด์ทางด้าน Big Data ล่าสุดจากทั่วโลกโดยผู้เชี่ยวชาญจาก Cloudera Thailand และ Tech Data ในวันพุธที่ 19 กันยายน 2018 ผ่านช่องทาง TechTalk Webinar ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

รายละเอียดการบรรยาย

หัวข้อ: คุณพร้อมสำหรับการสร้าง Modern Data Warehouse แล้วหรือยัง?
ผู้บรรยาย: Morakot Choomgrant, Country Manager จาก Cloudera Thailand และ Phairoj Jatanachai, Product Manager จาก Tech Data
วันเวลา: วันพุธที่ 19 กันยายน 2018 เวลา 14.00 – 15.30 น.
ช่องทางการบรรยาย: Online Web Conference
จำนวนผู้เข้าร่วมสูงสุด: 100 คน
ภาษา: ไทย
ลิงค์ลงทะเบียน: https://zoom.us/webinar/register/WN_MwsP5m4kTgK4Xgp80N65CQ

หัวข้อและกำหนดการ

ข้อมูลถือเป็นแหล่งรวมขุมทรัพย์ในยุคดิจิทัล การทำ Analytics เพื่อเปลี่ยนข้อมูลเหล่านั้นให้กลายเป็น Business Intelligence ช่วยสร้างมูลค่าให้แก่องค์กรอย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุน Business Analyst ให้สามารถวิเคราะห์และคาดการณ์ธุรกิจได้อย่างแม่นยำ การดำเนินธุรกิจผ่านทางหน้าแดชบอร์ดแบบเรียลไทม์ หรือการนำข้อมูลเชิงลึกไปใช้ประโยชน์ต่อในบริการต่างๆ อย่างไรก็ตาม ระบบฐานข้อมูลแบบดั้งเดิมไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ Data Warehouse ควรถูกปรับปรุงให้ทันสมัย มีความยืดหยุ่น และพร้อมขยายระบบเพื่อรองรับข้อมูลปริมาณมหาศาลในอนาคต

Cloudera Thailand ร่วมกับ Tech Data จัด Webinar นี้ขึ้นมาเพื่ออัปเดตแนวโน้มทางด้าน Big Data และแนะนำการสร้าง Modern Data Warehouse ในยุคดิจิทัล โดยภายใน Webinar นี้ท่านจะได้พบกับ

  • อัปเดตแนวโน้มทางด้าน Big Data ในโลกยุคดิจิทัล
  • เทรนด์การนำ Big Data เข้าไปประยุกต์ในธุรกิจของประเทศไทย
  • แนะนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการจัดการกับ Big Data ภายใต้สภาวะแวดล้อมแบบต่างๆ ได้แก่ Cloud, On-premises และ Virtualization
  • บทบาทของ Cloudera ในการทำ Big Data Analytics (Hadoop as a Platform)
  • Modern Data Warehouse คืออะไร จะไปถึงจุดนั้นได้อย่างได้
  • กรณีศึกษาที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Modern Data Warehouse จากทั่วโลก

Webinar นี้เหมาะสำหรับบุคคลนักพัฒนาและผู้ที่สนใจด้าน Big Data Analytics และ Data Warehouse

ผู้ที่สนใจสามารถกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วม TechTalk Webinar: คุณพร้อมสำหรับการสร้าง Modern Data Warehouse แล้วหรือยัง? ได้ฟรี โดยทีมงาน TechTalkThai ขอสงวนสิทธิ์ให้ผู้เข้าร่วม TechTalk Webinar 100 ท่านแรกเข้าฟังบรรยายโดยไม่คำนึงถึงอันดับการลงทะเบียนก่อนหลัง

กด Interested หรือ Going เพื่อติดตามอัปเดต TechTalk Webinar: คุณพร้อมสำหรับการสร้าง Modern Data Warehouse แล้วหรือยัง? บน Facebook Event: https://www.facebook.com/events/235977940431103/

ลงทะเบียนคลิก: https://zoom.us/webinar/register/WN_MwsP5m4kTgK4Xgp80N65CQ

from:https://www.techtalkthai.com/techtalk-webinar-building-modern-data-center-by-cloudera-and-tech-data/

Twitter ประกาศย้ายข้อมูล 300PB ขึ้น Google Cloud Platform เพิ่มความคล่องตัวในการจัดการข้อมูล

Twitter ได้ออกมาประกาศถึงความร่วมมือกับ Google Cloud Platform (GCP) ในการย้ายข้อมูลขนาดกว่า 300 Petabyte (PB) จาก Hadoop Cluster ที่ใช้งานอยู่เดิม ขึ้นไปยัง GCP ทั้งหมด เพื่อให้มีความคล่องตัวในการทำงานมากยิ่งขึ้น

 

Credit: Google

 

Parag Agrawal ผู้ดำรงตำแหน่ง CTO แห่ง Twitter ได้ออกมาสรุปถึงข้อดีของการย้ายขึ้นไปใช้ GCP ว่าจะทำให้การเพิ่มขยายขนาดความจุในการจัดเก็บข้อมูลสามารถทำได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น, สามารถเข้าถึงเครื่องมือและบริการต่างๆ ในการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลได้ง่ายขึ้น, มีความมั่นคงปลอดภัยสูงขึ้น และยังรองรับการทำ Disaster Recovery ได้ดีขึ้นด้วย

นอกจากนี้การย้ายขึ้นไปใช้ GCP นั้น ทาง Twitter ก็วางแผนเอาไว้ว่าจะแยกการทำ Compute และระบบ Storage ของ Hadoop ออกจากกัน เพื่อให้ในระยะยาวแล้วสามารถเพิ่มขยายได้ง่าย และคุ้มค่าในการใช้งานมากกว่า

ก็ถือเป็นข่าวใหญ่ไม่น้อยทีเดียวกับการที่ผู้ให้บริการระดับยักษ์ใหญ่ทาง Twitter ตัดสินใจใช้ GCP ในครั้งนี้ หลังจากนี้ก็คงจะได้เห็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ จากทั้งฝั่ง Twitter และ Google ครับ

 

ที่มา: https://blog.twitter.com/engineering/en_us/topics/infrastructure/2018/a-new-collaboration-with-google-cloud.html

from:https://www.techtalkthai.com/twitter-moves-it-300pb-of-data-to-google-cloud-platform/

Adobe Experience Cloud รองรับ Hadoop เต็มตัวแล้ว

(ซ้าย) คุณสก๊อต ริกบี้ หัวหน้าฝ่าย Digital Transformation ประจำภูมิภาคเอเชีย และคุณวีอาร์ ศรีวัตศาน กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ Adobe

นี่คือความเคลื่อนไหวใหม่ในวงการระบบทำแคมเปญแบบเน้นเจาะจงบุคคล (augmenting personalisation) โดย Adobe ประกาศเรื่องการอัปเดทระบบ Experience Cloud ว่าได้เพิ่มการสนับสนุนข้อมูล Hadoop ที่งาน National Retail Federation ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่นิวยอร์ก

สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ ผู้โฆษณาและเอเจนซี่ที่ใช้ Adobe Experience Cloud เพื่อทำการตลาดผ่านอีเมล จะสามารถเข้าถึงเฟรมเวิร์ก big-data ของ Hadoop ได้ ทำให้เกิดความลึกในแคมเปญอย่างจับต้องได้

ข้อมูลเบื้องต้นที่ถูกประกาศใน NRF 2018 ที่นิวยอร์ก คือการอัปเดตนี้เป็นส่วนหนึ่งของชุดการเปลี่ยนแปลงสำหรับเครื่องมือ Adobe Campaign เครื่องมือของ Adobe ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนแคมเปญสำหรับผู้ใช้แต่ละคนได้ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ โดยนักการตลาดจะสามารถเข้าถึงระบบการทำ segmentation และการปรับแต่งขั้นสูงสำหรับการทำ personalisation ที่ผสานรวม Hadoop เข้ากับ Adob​​e Campaign ทั้งหมดนี้ใช้กรอบโอเพ่นซอร์สสำหรับการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูล

สำหรับความสามารถด้าน email marketing ของ Adobe Campaign ประกอบด้วยระบบอีเมลอัตโนมัติ ระบบทำนายอัตราการเปิดอ่าน ระบบแนะนำหัวเรื่องอีเมล และการสนับสนุนหลายภาษา ทั้งหมดนี้ ส่วนเชื่อมต่อ Hadoop จะทำให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลที่เพิ่มขึ้น ทำให้การตลาดด้วยอีเมลสามารถทำได้ลึกซื้งกว่าเดิม

ในประกาศบล็อกโพสต์ Matthew Rawding ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์การตลาดของ Adobe Campaign ยืนยันว่าส่วนเชื่อมต่อ Hadoop จะช่วยให้นักการตลาดเข้าถึงข้อมูลขนาดใหญ่ของตัวเองได้ง่ายขึ้น จากเดิมที่เอเจนซี่ต้องอินทิเกรดระบบเข้ากับ Hadoop เอง ในช่วงก่อนหน้านี้ที่ Adobe ให้บริการอินทิเกรดระบบเฉพาะกับเวนเดอร์อย่าง Oracle, Netezza, Teradata และ SQL Server เท่านั้น

ที่มา: Campaignasia

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2018/01/adobe-cloud-hadoop/

Cloudera เตรียมไอพีโอเข้าตลาดหุ้นคืนนี้ มูลค่ากิจการ 1.9 พันล้านดอลลาร์

Cloudera บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ต่อยอดจาก Hadoop ซอฟต์แวร์มาตรฐานของ Big Data โดยเน้นที่กลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจ เตรียมไอพีโอนำหุ้นเข้าซื้อขายในในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กคืนวันนี้ (28 เมษายน) ด้วยตัวย่อ CLDR

อินเทลถือเป็นผู้ลงทุนรายสำคัญใน Cloudera โดยซื้อหุ้นถึง 18% ที่มูลค่า 740 ล้านดอลลาร์ เมื่อปี 2014 และเพิ่มทุนมาโดยตลอด โดยหลังไอพีโออินเทลจะถือหุ้นอยู่ 19.4%

ราคาไอพีโอของ Cloudera อยู่ที่ 15 ดอลลาร์ต่อหุ้น ทำให้มีมูลค่ากิจการ 1.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงมาจากราคาที่อินเทลเคยลงทุนที่ 30.92 ดอลลาร์ หรือมากกว่าครึ่งหนึ่ง

ผลประกอบการไตรมาสที่ผ่านมา Cloudera มีรายได้ 261 ล้านดอลลาร์ แต่เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายการขายและการตลาดสูง ทำให้ Cloudera ขาดทุนในไตรมาส 187 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สตาร์ทอัพเข้าตลาดหุ้นด้วยมูลค่ากิจการที่ลดลง เมื่อครั้ง Square เข้าตลาดหุ้นในปี 2015 ก็ลดมูลค่ากิจการลงจาก 6 พันล้านดอลลาร์ มาอยู่ที่ 2.9 พันล้านดอลลาร์ และอาศัยการเติบโตในตลาดหุ้นแทน ซึ่งตอนนี้ Square มีมูลค่าราว 6.7 พันล้านดอลลาร์

ที่มา: Reuters

alt="Cloudera"

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/91973