คลังเก็บป้ายกำกับ: ELECTRIC_CAR

Tesla เปิดตัว GIGA Laboratory ในจีน โชว์รูมแสดงศักยภาพการประกอบรถภายใน 45 วินาที

Tesla เปิดตัว GIGA Laboratory สร้างจริงแห่งแรกในเมืองเฉิงตู ประเทศจีน เป็นโชว์รูมที่แสดงศักยภาพการผลิตรถยนต์ในตัว

โพสต์จากบัญชีทางการของ Tesla ใน Weibo เผยให้เห็นภาพโชว์รูมแห่งใหม่ที่แสดงสายการผลิตรถในตัวสายการผลิตใน GIGA Laboratory สามารถประกอบรถยนต์ภายใน 45 วินาที พร้อมพื้นที่พบปะพูดคุยพักผ่อนกับเพื่อน ๆ ได้อีกด้วย

แม้ว่า Tesla จะเน้นการขายทางออนไลน์มากขึ้นตั้งแต่ในปี 2019 แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา โชว์รูมของ Tesla ก็มีเพิ่มขึ้นถึงนับพันแห่ง ซึ่งประเทศจีนก็เป็นอีกหนึ่งแห่งที่มีการแข่งขันสูงในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า

ที่มา: Electreck

alt="GIGA_Lab_Cover"alt="GIGA_Lab1"alt="GIGA_Lab2"alt="GIGA_Lab3"alt="GIGA_Lab4"alt="GIGA_Lab5"alt="GIGA_Lab6"alt="GIGA_Lab7"alt="GIGA_Lab8"

from:https://www.blognone.com/node/134438

สรุปสเปค Wuling Air EV รถไฟฟ้าไซส์มินิ ขุมพลัง 41 แรงม้า วิ่งไกลสุด 300 กม. เตรียมขายไทยกรกฎาคมนี้

Wuling Air EV รถยนต์ไฟฟ้า 100% ไซส์มินิ 4 ที่นั่ง 3 ประตู วางจำหน่ายทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น Standard Range วิ่งได้ไกลสุด 200 กม./ชาร์จ 1 ครั้ง และรุ่น Long Range วิ่งได้ไกลสูงสุด 300 กม./ชาร์จ 1 ครั้ง ทั้งคู่ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง ขุมพลัง 41 แรงม้า 110 นิวตันเมตร เตรียมเปิดตัวในไทยภายในกรกฎาคม 2566 นี้

Wuling Air EV มาในดีไซน์ที่ทุกคนคุ้นตา เป็นรถทรงสี่เหลี่ยมไซส์มินิ ขับขี่ง่าย ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ผลิตที่อินโดนีเซียใกล้บ้านเรานี่เอง และเตรียมนำเข้าในไทยในเดือนหน้าที่จะถึงนี้ พร้อมจดทะเบียนได้

ตัวรถยนต์เพิ่มระดับความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบกันน้ำ IP67 ให้ Airbags มา 2 ชิ้นทั้งฝั่งคนขับและผู้โดยสาร มี ABS และ EBD ระบบป้องกันการล็อคล้อ (Anti – Lock Breaking System) และระบบการกระจายแรงเบรก (Electronic Breakeforce Distribution)

มีกล้องและเซนเซอร์ช่วยเหลือด้านการจอดรถมาให้ พวงมาลัยแบบ Multifuntion มี Power Outlet 12V และช่องชาร์จ USB 18W อีกทั้งยังสามารถควบคุมรถผ่านแอปพลิเคชันได้ด้วย

สำหรับรุ่น Long Range จะมีระบบควบคุมการขับเคลื่อนรถ Electronic Stability Control (ESC) และ แผงจอใหญ่ 10.25 นิ้วมาให้

ในรุ่น Standard Range ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง 41 แรงม้า 110 นิวตันเมตร วิ่งได้ไกลสูงสุด 200 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง แบตเตอรี่ Lithium Ferro-Phosphate ความจุ 17.3 kWh รองรับการชาร์จแบบ AC 2.0 kW จาก 0 – 100% ในเวลา 8.5 ชั่วโมง

ส่วนรุ่น Long Range ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง 41 แรงม้า 110 นิวตันเมตรเช่นกัน แต่วิ่งได้ไกลกว่าเป็น 300 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง แบตเตอรี่ Lithium Ferro-Phosphate ความจุ 26.7 kWh รองรับการชาร์จแบบ AC 6.6 kW จาก 0 – 100% ในเวลา 4 ชั่วโมง

สรุปสเปครุ่น Standard Range

  • กำลัง : 41 แรงม้า
  • แรงบิด : 110 นิวตันเมตร
  • ระยะทางสูงสุด : 200 กม.
  • แบตเตอรี่ : Lithium Ferro-Phosphate  17.3 kWh
  • เวลาชาร์จ : 8.5 ชั่วโมง
  • ขนาด : 2,974 x 1,505 x 1,631
  • ระยะฐานล้อ : 2,010 มม.

สรุปสเปครุ่น Long Range

  • กำลัง : 41 แรงม้า
  • แรงบิด : 110 นิวตันเมตร
  • ระยะทางสูงสุด : 300 กม.
  • แบตเตอรี่ : Lithium Ferro-Phosphate ความจุ 26.7 kWh
  • เวลาชาร์จ : 4 ชั่วโมง
  • ขนาด : 2,974 x 1,505 x 1,631
  • ระยะฐานล้อ : 2,010 มม.

Click to view slideshow.

ราคาเปิดตัว

Wuling Air EV มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 5 สี ได้แก่ Pristine White, Galaxy Blue, Peach Pink, Lemon Yellow และ Avocado Green เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยในเดือนกรกฎาคม 2566 นี้ ใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ตัวแทนจำหน่าย Wuling Thai ได้เลยค่ะ

  • รุ่น Standard Range ราคา 243,000,000 IDR หรือประมาณ 562,000 บาท
  • รุ่น Long Range ราคา 299,500,000 IDR หรือประมาณ 693,766 บาท

แต่ล่าสุดได้มีข่าวแว่ว ๆ มาว่าจะวางจำหน่ายในไทยราคาราว 4 แสน ยังไงก็ต้องรอติดตามกันอีกที หากมีข้อมูลเพิ่มจะมาอัปเดตให้ทราบกันโดยด่วนค่ะ

 

ที่มา : Wuling 

from:https://droidsans.com/wuling-air-ev-will-launched-in-thailand-on-july-2023/

Toyota กำลังพัฒนาแบตเตอรี่โซลิดสเตทสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า วิ่งไกลขึ้น ชาร์จไวขึ้น อาจมาปี 2027

Toyota บริษัทผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่สัญชาติญี่ปุ่นได้เตรียมปล่อยรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่โซลิดสเตท (Solid-state Battery) ในปี 2027 ที่จะถึงนี้ โดยเทคโนโลยีแบตเตอรี่ดังกล่าวจะทำให้รถยนต์วิ่งได้ไกลกว่าเดิม 2 เท่าในขณะที่ชาร์จแบตเพียงครั้งเดียวในเวลาเพียง 10 นาที

Toyota ได้เผยถึงแผนการพัฒนาแบตเตอรี่โซลิดสเตท (Solid-state Battery) ที่สามารถชาร์จไวให้เต็มใน 10 นาทีและวิ่งได้ไกลสูงสุดถึง 1,200 กิโลเมตรได้ คิดเป็น 2.4 เท่าของแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนทั่วไป

แต่ข้อเสียคือ ขั้วไฟฟ้าสำหรับแบตชนิดนี้จะขยายและหดตัวซ้ำ ๆ ในรอบการชาร์จ ซึ่งจะทำให้อิเล็กโทรดแยกตัวออกจาก อิเล็กโทรไลต์ที่เป็นของแข็ง ส่งผลให้แบตเกิดการสึกหรอ ซึ่งในปัจจุบันแบตประเภทนี้สามารถชาร์จได้เพียงหลักร้อยครั้งเท่านั้น ซึ่งน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับแบตรถยนต์ที่ชาร์จซ้ำได้เป็นหลักพันครั้งตลอดทั้งอายุการใช้งาน

ซึ่งในอนาคตทางบริษัทก็มีแผนพัฒนาแบตเตอรี่โซลิดสเตทให้สามารถวิ่งได้ไกลถึง 1,500 กิโลเมตร แต่ใช้เวลาชาร์จน้อยกว่า 10 นาที ซึ่งถ้าเทคโนโลยีนี้ถูกปล่อยออกมาใช้งานจริงเมื่อไหร่ เรียกได้ว่าสะเทือนวงการรถยนต์ไฟฟ้าไม่น้อยเลยทีเดียว

ก่อนหน้านี้ Toyota ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกอย่าง bZ4X ที่สามารถวิ่งได้ไกล 411 กม. ต่อการชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 1 ครั้ง และชาร์จไวเพียง 30 นาที ส่วนรุ่นอื่น ๆ อย่าง Ariya ของ Nissan สามารถวิ่งได้ 380 กม. และชาร์จไวเพียง 45 นาที ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นท็อปอย่าง Tesla Model Y สามารถวิ่งได้ 260 หลังจากชาร์จได้ 15 นาทีเท่านั้น

Toyota ตั้งเป้าเร่งธุรกิจ EV ที่ใช้แบตเตอรี่ดังกล่าว ซึ่งปีที่แล้วทางบริษัทได้ทำยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกไปเพียง 20,00 คันเท่านั้น แต่ได้คาดการณ์ยอดขายไว้ในอนาคตว่าจะเพิ่มเป็น 1.5 ล้านคันภายในปี 2026 และ 3.5 ล้านคันในปี 2030

อีกทั้งในตอนนี้ยังได้มุ่งเน้นพัฒนาแบตเตอรี่แบบลิเทียมไอออนให้ออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้น และในปี 2026 นี้ทางบริษัทเองก็ได้เตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่วิ่งได้ไกล 1,000 กม.และชาร์จไวใน 20 นาทีด้วย

 

ที่มา : Nikkieasia 

from:https://droidsans.com/toyota-ev-powered-by-solid-state-battery/

เปิดตัว Volvo C40 และ XC40 รถยนต์ไฟฟ้า 238 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม. เพียง 7.3 วินาที ราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท

Volvo เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่แห่งปี 2023 อย่าง Volvo C40 Recharge Pure Electric และ XC40 Recharge Pure Electric ตัวแรกของแบรนด์ที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง ขุมพลัง 238 แรงม้า อัตราการเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.3 วินาที และชาร์จไว 10-80% ในเวลาเพียง 34 นาทีเท่านั้น เปิดตัวมาราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1.99 ล้านบาท

Volvo XC40 Recharge Pure Electric รถยนต์ไฟฟ้า SUV 5 ที่นั่ง ขนาดกำลังดี ขับขี่คล่องตัว กว้าง 1,863 มม. ยาว 4,440 มม. และสูง 1,647 มม.  มาด้วยดีไซน์ทันสมัย ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ ดีไซน์ไฟหน้าแบบ Pixel Light รูปทรงค้อนของเทพเจ้าธอร์ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นแต่ไม่รบกวนสายตาผู้ใช้งานท่านอื่น

เครื่องเสียงของรถจาก Harman Kardon มอบประสบการณ์เสียงอันไพเราะอย่างละเอียดอ่อน มาพร้อมเทคโนโลยีผู้ช่วยอัจฉริยะคอยช่วยดูแลความปลอดภัย ทั้งมุมมอง 360 องศา และเซ็นเซอร์ด้านข้าง การแจ้งเตือน Cross Traffic Alert พร้อมระบบเบรกอัตโนมัติที่จะตรวจจับรถที่ตัดผ่านทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

จอแสดงผลรองรับ Google Maps, Google Assistant Google Play เชื่อมต่อและใช้งานอย่างง่ายดาย ภายในตัวรถกว้างขวางและปลอดโปร่ง

ประสิทธิภาพของ Volvo XC40 มีพละกำลังในการขับเคลื่อน 238 แรงม้า อัตราการเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.3 วินาที เดินทางได้สูงสุด 565 กม./ การชาร์จ 1 ครั้ง ตัวรถยนต์สามารถใช้เวลาชาร์จน้อยลง แต่เดินทางในระยะทางที่ไกลขึ้น โดยใช้เวลาชาร์จ 10-80% ในเวลาเพียง 34 นาทีเท่านั้น

ส่วน Volvo C40 Recharge Pure Electric ที่เปิดตัวมาด้วยกันนั้น จะเป็นรถยนต์ครอสโอเวอร์ไฟฟ้ารุ่นแรกของ Volvo ที่ไม่ใช้หนังสัตว์ในการตกแต่งภายในเลย มี 5 ที่นั่ง ตัวรถกว้าง 1,873 มม. ยาว 4,440 มม.และสูง 1,591 มม.

กรอบกระจังหน้ารถและแผงด้านในเป็นสีเดียวกับตัวถัง ขอบปิดกระจกประตูสีดำมันเงาเพิ่มความปราดเปรียวของตัวรถ ภายในตกแต่งแบบเรืองแสงด้วยการซ่อนไฟส่องสว่าง พาโนรามิกซันรูฟที่เป็นกระจกเคลื่อบลามิเนตป้องกันรังสียูวีพร้อมช่วยให้ตัวรถดูโล่ง โปร่งสบาย ส่วนระบบเสียงและผู้ช่วยอัจฉริยะด้านความปลอดภัยก็ให้มาครบเหมือน XC40 เลยค่ะ

รุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยพละกำลัง 238 แรงม้า อัตราการเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.3 วินาทีเช่นเดียวกันกับ XC40 แต่จะสามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดถึง 590 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง ใช้เวลาชาร์จ 10-80% ในเวลาเพียง 34 นาทีเช่นกัน

ราคาจำหน่าย

Volvo XC40 ให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ Vapour Grey, Onyx Black, Cloud Blue, Sage Green, Bright Dusk และ Crystal White ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,990,000 บาท

ส่วนรุ่น Volvo C40 มีให้เลือก ทั้งหมด 6 สี ได้แก่ Vapour Grey, Onyx Black, Sage Green, Crystal White, Fjord Blue, Silver Dawn ราคาจำหน่ายอยู่ที่  2,090,000 บาท

 

ที่มา : Volvo XC40 , Volvo C40 

from:https://droidsans.com/volvo-c40-and-xc40-official-launched/

GM มาอีกหนึ่ง จับมือ Tesla รองรับ Supercharger ตามรอย Ford

เดือนที่แล้ว Ford เป็นรายแรกที่จับมือกับ Tesla ในการรองรับระบบ Supercharger และนำพอร์ต NACS ที่ Tesla เปิดมาตรฐาน มาใช้งาน ล่าสุด GM เดินตามรอยอีกเจ้าแล้ว

Mary Barra เปิดเผยว่า การส่งเสริมให้ผู้ใช้รถยนต์ EV มีมากขึ้น ก็ต้องทำให้ระบบสถานีชาร์จมีความแพร่หลายมากขึ้น ขณะที่ GM จะเริ่มส่งมอบอแดปเตอร์หัวชาร์จสำหรับ Supercharger ให้ลูกค้าอย่างเร็วที่สุดคือช่วงต้นปีหน้า ส่วนรถยนต์ที่รองรับ Supercharger ในตัวเลยจะมาภายในปี 2025

ความโดดเด่นของ Supercharger ของ Tesla ในสหรัฐ นอกจากในแง่ของพื้นที่ที่ให้บริการและจำนวนสถานนีชาร์จแล้ว ในแง่ของประสบการณ์ใช้งาน เช่น ปัญหาซอฟต์แวร์หรือหัวชาร์จมีปัญหา ก็ค่อนข้างน้อยกว่าผู้ให้บริการเจ้าอื่นด้วย

ที่มา – GM via The Verge

No Descriptionภาพจาก @GM

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/134255

หนีไม่พ้นห้างสักที Tesla เตรียมเปิด Supercharger ในไทยเพิ่มที่ ICONSIAM และพัทยา

Tesla ยังคงเดินหน้าเปิดสถานีชาร์จ Supercharger ในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เมื่อสิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเปิดเพิ่ม 2 แห่งที่ห้างเซ็นทรัลพระราม 2 และพระราม 3 ล่าสุดประกาศเปิดเพิ่มอีกสองแห่งที่ห้าง ICONSIAM และพัทยา โดยสถานีชาร์จที่พัทยาจะเป็นที่แรกที่อยู่นอกกรุงเทพมหานคร

นอกจากนี้ยังระบุว่าจะสร้างสถานีชาร์จ 7 แห่งทั่วประเทศภายในไตรมาสที่ 2 ด้วย

สุดท้ายยังยืนยันข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ว่า Tesla กำลังจะเปิดศูนย์บริการและโชว์รูมเต็มรูปแบบที่แรกในประเทศไทย ณ รามคำแหง โดยก่อนหน้านี้มีผู้พบว่าศูนย์บริการและโชว์รูม Toyota ที่ The Paseo Town รามคำแหงได้ย้ายไปอยู่อาคารอื่น และ Tesla ขึ้นป้ายว่าจะเปิดศูนย์บริการแทน

Tesla ระบุว่าจะเปิดสถานี Supercharger ในประเทศไทยให้ได้อย่างน้อย 13 แห่งภายในปี 2023 ขณะนี้ยืนยันแล้ว 5 แห่ง อยู่ในห้างไปแล้ว 4 แห่ง โดยยังไม่มีข้อมูลว่าที่พัทยาจะอยู่ในห้างหรือไม่

ที่มา – จดหมายข่าว

alt="FXSihu.jpg"ภาพโดย Tesla

from:https://www.blognone.com/node/134095

มาแน่! Tesla เตรียมเปิดโชว์รูม Flagshipในกรุงเทพในช่วงเดือนหน้า

หลังจากเริ่มเข้ามาให้บริการและเปิดโชว์รูม/ศูนย์รับส่งมอบรถที่ The Paseo รามคำแหงมาตั้งแต่ต้นปี ล่าสุด Nikkei Asia รายงานว่า Tesla เตรียมจะเปิดตัว Flagship Store ในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพ ภายในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งทาง Autolife Thailand รายงานว่า Tesla ประเทศไทยไปเทคโอเวอร์พื้นที่โชว์รูมของ Toyota TBN สาขารามคำแหง เพื่อมาเปิดเป็นโชว์รูมของตัวเอง

โดยนอกจากเป็นโชว์รูม จะยังเป็นศูนย์บริการ คลังสินค้าชิ้นส่วน และสถานี Fast Charge อีกด้วย

ขณะที่ยอดขายของ Model Y ในประเทศไทยพุ่งสูงในช่วงเดือนมีนาคม อยู่ที่ราว 1,034 คัน มีส่วนแบ่ง 17% ในตลาดรถไฟฟ้าในไทย แซงหน้า MG และ GWM ตามหลังแค่เพียง Atto 3 ของ BYD เท่านั้น

ที่มา :NIKKEI Asia

from:https://www.blognone.com/node/134072

Ford จับมือ Tesla ให้รถยนต์ไฟฟ้า Ford สามารถชาร์จด้วย Supercharger ได้

Ford ประกาศความสำเร็จในข้อตกลงกับ Tesla ที่ฝ่ายหลังเปิดให้รถยนต์ไฟฟ้าของ Ford สามารถใช้งาน Supercharger ได้ ทั้งในสหรัฐและแคนาดา เริ่มตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าเป็นต้นไป

เบื้องต้น Tesla จะออกอแดปเตอร์หัวชาร์จให้กับลูกค้ารถไฟฟ้าของ Ford อย่าง F-150 Lightning truck หรือ Mustang Mach-E ที่ใช้พอร์ท CSS อยู่ (แต่ของ Tesla ใช้ NACS) นอกจากนี้ รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของ Ford ที่จะออกหลังปี 2025 เป็นต้นไป ก็จะรองรับพอร์ต NACS ด้วย หลัง Tesla ประกาศให้เป็นมาตรฐานเปิด ซึ่ง Ford จะเป็นรายแรกที่ใช้

ที่มา – Ford

No Description

from:https://www.blognone.com/node/134028

เปิดตัว BMW i5 รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% มอเตอร์ 2 ตัว ขุมพลัง 601 แรงม้า ราคาเริ่มต้น 2.3 ล้านบาท

BMW เผยโฉมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ครั้งแรกของ BMW 5 Series มาพร้อมกันทั้งหมด 2 รุ่นได้แก่ BMW i5 eDrive4o รถมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนด้วยพลัง 340 แรงม้า วิ่งได้ไกลสุด 582 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และรุ่นท็อป BMW i5 M60 xDrive มอเตอร์สองตัว รวมพละกำลังสูงสุด 601 แรงม้า วิ่งได้ไกลสุด 516 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เปิดตัวมาราคาเริ่มต้น 66,800 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2.3 ล้านบาท

BMW 5-Series ได้ทำตลาดในซีรีส์นี้มานานจนล่าสุดได้คลอดมาเป็นเจเนอเรชั่นที่ 8 แล้ว และเป็นครั้งแรกเลยที่ 5-Series มาพร้อมกับตัวเลือกที่เป็นขุมพลังไฟฟ้าแบบ 100% และได้ใช้ชื่อทำตลาดว่า “BMW i5” รหัสตัวถัง G61 ค่ะ

ทางด้านดีไซน์ BMW i5 จะมีลายบนตัวถังที่เรียบกว่ารุ่นก่อน ๆ ที่มาผ่าน สันขอบบริเวณเส้น shoulder line และเส้น charactor line ถูกตัดออกไปเยอะพอสมควร ดีไซน์ของกระจังหน้าแบบทรงไต (Kidney Grille) เปลือกกันชนแบบเดิม ใน M Sport Package มีการเพิ่มกรอบกระจังหน้าแบบเรืองแสง Illuminated Grille เพื่อสร้างความแตกต่างอย่างโดดเด่น อีกทั้งผู้ใช้งานยังสามารถเลือกติดเบรกสีแดงลงไปได้ด้วย

ท้ายรถมาด้วยดีไซน์เรียบง่ายตามสไตล์ BMW ส่วนปลายของกรอบกระจกหน้าต่างมีความตวัดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะไปบรรจบกับ hofmeister kink จึงทำให้ด้านข้างมีความเพรียวและดูแปลกตากว่ารุ่นที่ผ่าน ๆ มา พร้อมทั้งติดตั้งมือจับเปิดประตูแบบเดียวกับรุ่น X1 ที่บานประตูทั้ง 4 ด้วย

ตัวรถยนต์ออกแบบมากว้างใหญ่กว่ารุ่นเดิมด้วยความยาว 5.05 เมตร กว้าง 1.89 เมตร และสูง 1.51 ฐานล้อระยะเพิ่มขึ้นเป็น 2.99 เมตร อีกทั้งภายในของตัวรถก็ได้เปลี่ยนรูปแบบโฉมใหม่ คอนโซลด้านหน้ามาด้วยแผงจอดิจิตอลดีไซน์ของโค้งยาวตลอดฝั่งที่เป็นระบบ OS 8.5 จะใช้โปรแกรมสตรีมมิ่งหรือเล่นเกมได้ เพียงแค่เชื่อมต่ออุปกรณ์กับตัวรถผ่าน Qr Code และเวลาเล่นเกมก็ใช้มือถือเป็นคอนโทรลเลอร์ได้เลย ซึ่งตอนนี้ในแพลตฟอร์ม AirConsole ก็ได้มีประมาณ 20 เกมให้เล่นแล้ว

และยังมาด้วยฟีเจอร์ใหม่อย่าง Highway Assistance สามารถใช้งานแบบ Hands-free driving ได้ โดยจำกัดความเร็วอยู่ที่ 136 กม./ชม. แต่มีเงื่อนไขว่าผู้ขับจะต้องลืมตาดูทางอยู่ตลอดเวลานะ เพราะในรถจะมีกล้องภายในคอยจับสายตาเราอยู่ และในขณะที่เปิดโหมดดังกล่าว ตัวรถจะเปิดไฟเลี้ยวและเปลี่ยนเลนส์อัตโนมัติให้เพียงแค่มองกระจกข้างได้ด้วย

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของ BMW 5 Series นั้น มาด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น คือ BMW i5 eDrive40 และ BMW i5 M60 xDrive ซึ่งมีความแตกต่างกัน ดังนี้ค่ะ

BMW i5 eDrive40 จะมีมอเตอร์ตัวเดียวขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง กำลังสูงสุด 340 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.0 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 193 กม./ชม.

แบตเตอรี่จุ 81.2 kWh วิ่งได้ไกลสุด 582 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง รองรับการชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 11 kW และกระแส DC สูงสุด 205 kW ชาร์จแบตเตอรี่จาก 10%-80% ในเวลาเพียง 30นาที

ส่วนรุ่นท็อปอย่าง BMW i5 M60 xDrive จะใช้เป็นมอเตอร์คู่ รวมกำลังได้สูงสุด 601 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 795 นิวตันเมตร เร็ว แรง สะใจ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 230 กม./ชม.

แต่รุ่นนี้มาด้วยแบตเตอรี่ที่เท่ากับ eDrive40 เลยก็คือ 81.2 kWh วิ่งได้ไกลสุด 519 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง รองรับการชาร์จแบบ AC สูงสุด 11 kW และ DC สูงสุด 205 kW เหมือนกัน

BMW i5 eDrive40 เปิดตัวมาในราคา 66,800 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2.3 ล้านบาท ส่วนรุ่น i5 M60 xDrive ราคาอยู่ที่ 84,100 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2.9 ล้านบาท และเริ่มวางจำหน่ายในเดือนตุลาคม 2023 นี้ ส่วนช่วงที่จะเข้าไทยคาดว่าอาจจะต้องรอปีหน้าเลยค่ะ

 

ที่มา : electrek , FB FOC , headlightmag

from:https://droidsans.com/bmw-i5-electric-car-launched/

เปิดราคา MG MAXUS 9 รถ MPV ไฟฟ้า 100% เริ่มต้น 2.4 ล้านบาท เตรียมส่งมอบ พ.ค. นี้

เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วกับ NEW MG MAXUS 9 รถยนต์ไฟฟ้า 7 ที่นั่งตัวล่าสุดของ MG วางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่นคือ รุ่น X และ V มาพร้อมกับจุดเด่น Dual Panoramic Sunroof ขนาดใหญ่ เบาะนั่งเป็น VIP Captain Seat กำลังไฟฟ้าสูงสุด 245 แรงม้า 90kWh วิ่งไกลสุด 540 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2.4 ล้านบาทและจะทยอยส่งมอบให้ผู้ใช้งานทุกท่านในเดือนพฤษภาคม 2566 นี้

MG MAXUS 9 มาในดีไซน์ที่โดดเด่น พรีเมี่ยม หรูหรา กระจังหน้ารถเป็นแบบ Grille Less Design ประตูข้างทั้ง 2 ฝั่งเป็นแบบสไลด์ด้วยไฟฟ้า พร้อมทั้งฝากระโปรงท้ายก็เปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าเช่นกัน

หลังคาของรถเป็น Dual Panoramic Sunroof ขนาดใหญ่ เป็นตัวช่วยให้ห้องโดยสารมีความโล่ง โป่รง สบาย และดูกว้างขึ้น มาพร้อมกับ Ambient light ไฟตกแต่งรถที่เปลี่ยนได้มากถึง 64 เฉดสี เลือกปรับได้ตามที่ใจต้องการ

ตัวระบบปรับอากาศจะเป็นแบบ Dual Zone ทั้งด้านหน้าและหลัง ตัวรถมีทั้งหมด 7 ที่นั่ง เบาะคนขับสามารถปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทางและเบาะผู้โดยสารได้ 4 ทิศทาง


 

นอกจากนี้ เบาะนั่งแถวที่ 2 ยังออกแบบเป็น VIP Captain Seat ให้อารมณ์เหมือนนั่งเครื่องบินแบบ First Class ซึ่งมีทั้งระบบนวด, ปรับอุณหภูมิ มีโต๊ะพับเก็บได้ พร้อมจอกลางขนาด 12.3 นิ้วที่สามารถเชื่อมต่อ Apple CarPlay และมือถือ Android ได้ มาด้วยกันกับลำโพงรอบรถ 12 จุด

ทางด้านสมรรถนะและประสิทธิภาพบอกเลยก็เทพไม่แพ้ดีไซน์ MG MAXUS 9 ขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้าสูงสุด 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด  350 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจุ 90kWh วิ่งไกลสุด 540 กม./การชาร์จ 1 ครั้งตามมาตรฐาน NEDC รองรับชาร์จไว 120kWh

ผู้ใช้งานสามารถชาร์จไฟจาก 30% ไปถึง 80% ในเวลาเพียง 30 นาที ส่วนการชาร์จธรรมดา ชาร์จไฟจาก 5% – 100% ใช้เวลา 8 ชั่วโมง 30 นาทีค่ะ

ขับขี่ปลอดภัยหายห่วง เนื่องจากตัวรถมีระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ Full Space Frame คือมีถุงลมนิรภัยอยู่รอบคันตามมาตรฐานสูงสุด ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM พร้อมระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ (ADAS) มากถึง 25 ระบบ อีกทั้งยังได้รับมาตรฐาน 5 ดาวจาก EURO NCAP และ AUSTRALIAN NCAP ด้วย



NEW MG MAXUS 9 รุ่นที่วางจำหน่ายในไทย ได้แก่

  • รุ่น X – LUXURY ที่มีให้เลือก 2 สี คือ สีดำ และสีขาว ราคา 2.499 ล้านบาท 
  • รุ่น V – SUPER LUXURY ที่มีให้เลือก 3 สี คือ สีดำ และสีขาว ราคา 2.699 ล้านบาท และสีพิเศษ สีเทาหลังคาดำ, แกรนิต, เกรย์ จะต้องเพิ่มอีก 30,000 บาท 

พิเศษ! สำหรับผู้ที่ซื้อ MG รุ่นที่เปิดตัวดังกล่าวจะได้รับสิทธิพิเศษจากแคมเปญมูลค่ารวมกว่า 120,000 บาท ดังนี้

  • MG HOME CHARGER จำนวน 1 ชุด มูลค่า 42,057 บาท
  • ค่าติดตั้ง MG HOME CHARGER มูลค่า 18,692 บาท
  • ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. คุ้มครอง 1 ปี
  • เงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 200,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
  • ขยายระยะเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์ 5 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
  • บริการช่วยเหลือฉุกเฉินไม่จำกัดจำนวนครั้ง และไม่จำกัดระยะทาง พร้อมบริการรถ Limousine Service กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ตลอด 5 ปี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง

รองผจก. MG เผยว่า NEW MG MAXUS 9 ล็อตแรกจะเริ่มทยอยส่งมอบให้ลูกค้าในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ และจะส่งมอบรถยนต์อีก 500 คันให้ถึงมือลูกค้าภายในเดือนมิถุนายนได้ครบอย่างแน่นอน สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ MG CALL CENTRE โทร. 1267 หรือเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.mgcars.com ค่ะ

 

ที่มา : ข่าวประชาสัมพันธ์

from:https://droidsans.com/new-mg-maxus-9-launched-in-thailand/