หลังจากเริ่มเข้ามาให้บริการและเปิดโชว์รูม/ศูนย์รับส่งมอบรถที่ The Paseo รามคำแหงมาตั้งแต่ต้นปี ล่าสุด Nikkei Asia รายงานว่า Tesla เตรียมจะเปิดตัว Flagship Store ในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพ ภายในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งทาง Autolife Thailand รายงานว่า Tesla ประเทศไทยไปเทคโอเวอร์พื้นที่โชว์รูมของ Toyota TBN สาขารามคำแหง เพื่อมาเปิดเป็นโชว์รูมของตัวเอง
โดยนอกจากเป็นโชว์รูม จะยังเป็นศูนย์บริการ คลังสินค้าชิ้นส่วน และสถานี Fast Charge อีกด้วย
ขณะที่ยอดขายของ Model Y ในประเทศไทยพุ่งสูงในช่วงเดือนมีนาคม อยู่ที่ราว 1,034 คัน มีส่วนแบ่ง 17% ในตลาดรถไฟฟ้าในไทย แซงหน้า MG และ GWM ตามหลังแค่เพียง Atto 3 ของ BYD เท่านั้น
Ford ประกาศความสำเร็จในข้อตกลงกับ Tesla ที่ฝ่ายหลังเปิดให้รถยนต์ไฟฟ้าของ Ford สามารถใช้งาน Supercharger ได้ ทั้งในสหรัฐและแคนาดา เริ่มตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้าเป็นต้นไป
เบื้องต้น Tesla จะออกอแดปเตอร์หัวชาร์จให้กับลูกค้ารถไฟฟ้าของ Ford อย่าง F-150 Lightning truck หรือ Mustang Mach-E ที่ใช้พอร์ท CSS อยู่ (แต่ของ Tesla ใช้ NACS) นอกจากนี้ รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของ Ford ที่จะออกหลังปี 2025 เป็นต้นไป ก็จะรองรับพอร์ต NACS ด้วย หลัง Tesla ประกาศให้เป็นมาตรฐานเปิด ซึ่ง Ford จะเป็นรายแรกที่ใช้
กูเกิลประกาศข่าวของระบบปฏิบัติการ Android Automotive OS ว่าจะรองรับหลายหน้าจอ (multi-screen) สำหรับรถบางรุ่นที่อาจมีจอสำหรับผู้โดยสาร จะเริ่มใช้ใน Android Automotive OS 14 ที่จะออกช่วงปลายปีนี้
สำหรับรถยนต์รุ่นที่ใช้ Android Automotive OS และมีแอพของกูเกิลด้วย (cars with Google built-in) ผู้ผลิตรถยนต์ยังสามารถเลือกติดตั้งแอพหมวดชมวิดีโอ (เช่น YouTube) และเกมในระบบหน้าจอแสดงข้อมูลของรถยนต์ได้ด้วย เกมที่ระบุชื่อได้แก่ (Beach Buggy Racing 2, Solitaire FRVR, My Talking Tom Friends) โดยแอพสองกลุ่มนี้จะใช้ได้เฉพาะตอนจอดรถ (parked apps) เท่านั้น
กูเกิลยังทยอยค่อยๆ เปิดรับแอพในรถยนต์อย่างช้าๆ ทีละหมวด นอกจากหมวดวิดีโอและเกมแล้วยังมีกลุ่มสื่อ (media เช่น ฟังเพลง), ข้อความ (messaging ล่าสุดรองรับ Zoom, Teams, Webex), นำทาง (navigation) โดยล่าสุดประกาศเพิ่มเบราว์เซอร์ที่อนุญาตให้ใช้เฉพาะตอนจอดรถเท่านั้น, Internet of Things (IoT) และสภาพอากาศ (weather)
Google ประกาศอัพเดต Android Auto เล็กๆ เมื่อคืนที่ผ่านมาคือจะรองรับแอปประชุมออนไลน์เจ้าใหญ่ๆ แล้วทั้ง Microsoft Teams, Zoom และ WebEx (แต่ไม่มีข้อมูลเรื่อง Google Meets ของตัวเอง?) หลังจากที่ทั้ง Microsoft Teams และ Zoom รองรับบน Apple CarPlay มาตั้งแต่ 2021 และ 2018 ตามลำดับ
คำตอบของ Ford คือจะยังสนับสนุน Apple CarPlay และ Android Auto ต่อไป เพราะเป็นสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้า EV เนื่องจากรถ EV บางยี่ห้อไม่มีฟีเจอร์นี้
GM ให้เหตุผลว่ายุทธศาสตร์ใหม่ของบริษัทคือการใช้คอมพิวเตอร์ในรถ และระบบปฏิบัติการ Android Automotive ที่บริษัทปรับแต่งเอง ใช้ชื่อแพลตฟอร์มโดยรวมว่า Ultifi โดยจะรองรับแอพยอดนิยมอย่าง Google Maps, Google Assistant, Audible, Spotify จึงตัดสินใจเลิกรองรับระบบ phone projection ที่มีความสามารถซ้ำซ้อนกัน ผู้ใช้งานมือถือยังสามารถเชื่อมต่อกับรถยนต์ได้ผ่าน Bluetooth (แต่จะเป็นการส่งข้อมูลอย่างเดียว, projection ไม่ได้แล้ว)
หน้าจอระบบ Ultifi ที่อิงจาก Android Automotive
นโยบายนี้จะมีผลต่อรถ EV ที่วางขายใหม่เท่านั้น (รถน้ำมันที่วางขายใหม่ยังใช้ระบบเดิม) และรถยนต์ที่ขายไปแล้วทุกรุ่นจะยังใช้งาน CarPlay และ Android Auto ได้เหมือนเดิม โดยรถยนต์ใหม่รุ่นที่จะมีเฉพาะ Android Automotive เท่านั้นคือ 2024 Chevrolet Blazer EV, 2024 Chevrolet Equinox EV, 2024 Cadillac CELESTIQ, 2025 GMC Sierra EV
ส่วนรถยนต์ EV ของปี 2024 บางรุ่นจะยังใช้งาน CarPlay และ Android Auto ได้ เช่น Chevrolet Silverado EV, Bolt EV, Cadillac Lyriq, GMC Hummer EV
Chevrolet Blazer EV รุ่นปี 2024 (วางขายปี 2023) จะเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ใช้ Android Automotive อย่างเดียว