คลังเก็บป้ายกำกับ: DISCOUNT

WeTV ปล่อยโปรท้ายปีสมัคร VIP ลด 50%! ถึง 15 ธันวาคม แฟนหนังจีนอย่าพลาด

WeTV ปล่อยโปรท้ายปีสมัคร VIP ลด 50%! ถึง 15 ธันวาคม แฟนหนังจีนอย่าพลาด
Noppinij

โปรโมชันฉลองช่วงท้ายปี “WeTV VIP Year End Sale” สมัครแพ็คเกจ VIP ในราคาลด 50% เอาใจแฟนซีรีส์จีนทั้งซับและพากย์ไทย และออริจินอลซีรีส์ จากแอปฯ WeTV

แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิงคอนเทนต์คุณภาพของเอเซียแบบถูกลิขสิทธิ์ ซีรีส์ อะนิเมะ วาไรตี้ จากทั้งจีน ไทย เกาหลี ญี่ปุ่น มีให้รับชมมากกว่า 1,200 คอนเทนต์  จัดโปรโมชั่นใหญ่ท้ายปี 2565 สามารถสมัครสมาชิก WeTV VIP ในราคาพิเศษ

  • แพ็กเกจ WeTV VIP 30 วัน ราคา 179 บาท จากราคาปกติ 210 บาท
  • แพ็กเกจ WeTV VIP 90 วัน ราคา 349 บาท จากราคาปกติ 429 บาท
  • แพ็กเกจ WeTV VIP 360 วัน ลด 50% ฟินยาวๆ ตลอดปี เพียง 799 บาท จากราคาปกติ 1,620 บาท (คุ้มสุด!)

โปรโมชั่นนี้สามารถสมัครได้ระหว่างวันที่ 2 ถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2565 เท่านั้น โดยผู้สมัครสมาชิก WeTV VIP จะสามารถรับชมคอนเทนต์ได้สนุกมากขึ้น จากสิทธิพิเศษภานในแพ็กเกจ

  1. สามารถรับชมได้ 2 เครื่องในเวลาเดียวกันสำหรับเนื้อหาที่ต้องชำระเงิน
  2. สามารถรับชมคอนเทนต์ได้แบบเต็มเรื่อง (Full EP)
  3. สามารถรับชมคอนเทนต์สุดพิเศษที่มีให้เฉพาะสมาชิก WeTV VIP เท่านั้น
  4. ดูคอนเทนต์แบบยาวๆ ไม่มีโฆษณาคั่น
  5. สามารถเลือกรับชมคอนเทนต์ล่วงหน้า ก่อนตารางออกอากาศปกติได้
  6. มีสิทธิ์ใช้บริการฟีเจอร์ Fast Track
  7. สามารถเช่าภาพยนตร์เพิ่ม ในราคาพิเศษ

สมัครโปรโมชัน WeTV VIP Year End Sale ได้ที่ https://bit.ly/WeTVYearEnd หรือติดตามรายละเอียดได้ที่แอป WeTV

WeTV Year End Promotion | Discount | WeTV ปล่อยโปรท้ายปีสมัคร VIP ลด 50%! ถึง 15 ธันวาคม แฟนหนังจีนอย่าพลาด

คอนเทนต์ไฮไลต์ของ WeTV ORIGINAL มีหลายเรื่องที่น่าสนใจ เช่นซีรีส์จีนฟอร์มใหญ่ย้อนยุคที่มียอดวิวสูงสุดของปี 2022 “ดาราจักรรักลำนำใจ Love Like the Galaxy” และซีรีส์รักโรแมนติกเรื่องล่าสุดเปิดตัวใหม่ “กฏล๊อคลิขิตรัก She and Her Perfect husband” ซี่รี่จีนทั้งซับไทยและพากย์ไทยที่สามารถรับชมได้ทาง WeTV เท่านั้น

ยังมีซีรีส์ไทยน่าดูเช่น “กลรักรุ่นพี่ (Love Mechanics)” ที่นำแสดงโดย “หยิ่น-วอร์” 2 คู่จิ้นที่ทั้งคนไทยและคนจีนกำลังหลงใหล  “เมียหลวง” กับการคัมแบคของ “ตั๊ก บงกช” ที่พร้อมรับบท ดร.วิกานดา ในแบบฉบับของ WeTV และ “609 Bedtime Story” ซีรีส์วายแนวแฟนตาซีเรื่องแรกที่เราสามารถเลือกตอนจบได้เอง

WetV1 | Discount | WeTV ปล่อยโปรท้ายปีสมัคร VIP ลด 50%! ถึง 15 ธันวาคม แฟนหนังจีนอย่าพลาด

WeTV VIP Year End Sale โปรโมชั่นนี้จะหมดเขตการรับสมัครในวันที่ 15 ธันวาคมนี้เท่านั้น

ข่าว: WeTV ปล่อยโปรท้ายปีสมัคร VIP ลด 50%! ถึง 15 ธันวาคม แฟนหนังจีนอย่าพลาด มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/wetv-vip-year-end-sale-promotion-discount/

Black Hat Asia 2020 เปิดลงทะเบียน Early Bird แล้ว ใส่โค้ดจาก TechTalkThai รับส่วนลดเพิ่ม 15%

Black Hat เตรียมจัดงานประชุมทางด้าน Security ระดับนานาชาติ “Black Hat Asia 2020” ณ ประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 31 มีนาคม ถึง 3 เมษายนนี้ พร้อมเปิดลงทะเบียนช่วง Early Bird ในราคาพิเศษ ผู้ที่สนใจสามารถใช้โค้ดส่วนลดเพิ่มอีกทันที 15% เมื่อลงทะเบียนผ่าน TechTalkThai

เกี่ยวกับงานประชุม Black Hat Asia 2020

Black Hat เป็นงานอบรมและประชุมกึ่งวิชาการระดับนานาชาติที่หมุนเวียนผลัดกันจัดที่สหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย โดยที่กำลังจะจัดล่าสุด คือ Black Hat Asia 2020 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ Marina Bay Sands ประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 31 มีนาคม ถึง 3 เมษายน 2020 รวมระยะเวลา 4 วันโดย 2 วันแรกจะเป็นการจัดคอร์สอบรมซึ่งจะเน้นไปทาง Offensive Security และ 2 วันหลังจะเป็นงานสัมมนาที่รวบรวมเนื้อหาทางด้าน Security หลากหลายแขนงไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ภายในงานยังรวบรวม Vendors ด้าน Security จากทั่วโลกมาให้คำแนะนำ พร้อมอัปเดตเทคโนโลยี แนวโน้ม และเทคนิคใหม่ๆ อีกด้วย

รายละเอียดเกี่ยวกับงานประชุม: https://www.blackhat.com/asia-20

วันอบรม 31 มีนาคม ถึง 1 เมษายน 2020 (ดูรายละเอียดตารางอบรม)
วันสัมมนา 2 – 3 มีนาคม 2020 (ดูหัวข้อและบทคัดย่อการสัมมนา)
เวลา 9.00 – 17.00 น.
สถานที่ Marina Bay Sands ประเทศสิงคโปร์
ค่าอบรม เริ่มต้นที่ SGD4,400 (ประมาณ 90,000 บาท)
ค่าเข้างานสัมมนา SGD1,900 (ประมาณ 42,500 บาท) สำหรับบุคคลทั่วไป
SGD1,000 (ประมาณ 22,500 บาท) สำหรับนักศึกษา
ลิงค์ลงทะเบียน https://www.blackhat.com/asia-20/registration.html
โค้ดส่วนลดพิเศษ 1TTT20A

** พิเศษ ราคาช่วง Early Bird ลดเหลือเพียง S$1,700 (ประมาณ 38,000 บาท) สำหรับบุคคลทั่วไปจนถึงวันที่ 24 มกราคมนี้เท่านั้น **

งานนี้เหมาะกับใคร

Black Hat ถือว่าเป็นหนึ่งในงานสัมมนาด้าน Security ชั้นนำระดับโลก โดยปีนี้เนื้อหาจะแบ่งออกเป็น 16 ธีมครอบคลุมศาสตร์ด้าน Security เกือบทั้งหมด ได้แก่ Applied Security, Community, Cryptography, Data Forensics/Incident Response, Exploit Development, Hardware/Embedded, Internet of Things, Malware, Mobile, Network Defense, Platform Security, Policy, Reverse Engineering, Security Development Lifecycle, Smart Grid/Industrial Security และ Web AppSec เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจทางด้าน Security ทุกผู้ทุกระดับ แต่จะเน้นผู้ที่สนใจ Offensive Security เป็นพิเศษ เพราะส่วนมากเป็นการนำเสนอช่องโหว่หรือวิธีการเจาะระบบรูปแบบใหม่ๆ รวมไปถึงการทำ Reverse Engineering

นักศึกษาระดับปริญญาตรีอาจยังไม่มีทักษะและความรู้เพียงพอในการเข้าฟังบรรยาย แต่ระดับปริญญาโทขึ้นไปที่เคยเรียนหรือมีประสบการณ์ทางด้าน Security มาแล้วถือว่าไม่มีปัญหา นอกจากนี้เนื้อหาบางหัวข้อก็เป็นงานวิจัยเชิงวิชาการที่สามารถนำมาต่อยอดหรือใช้เป็นแหล่งอ้างอิงให้แก่งานวิจัยของตนได้

ตัวอย่างเนื้อหาภายในงาน Black Hat Asia ปีก่อนๆ ได้ที่นี่

ติดตามข่าวสารล่าสุดจาก Black Hat ได้ที่

Twitter: @BlackHatEvents
Facebook: facebook.com/Black-Hat-Events-107691635153/
Flickr: https://www.flickr.com/photos/blackhatevents/

from:https://www.techtalkthai.com/black-hat-asia-2020-early-bird-registration/

[โปรโมชันพิเศษ] SQL Server 2017 ลดสูงสุดถึง 10% ก่อนสิ้นเดือนมิถุนายนนี้

สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMB) ที่ใช้ SQL Server 2008 ที่กำลังจะ End of Support เดือนกรกฎาคมนี้และกำลังหาช่องทางอัปเกรดไปเป็นเวอร์ชันใหม่อยู่ Microsoft Thailand ได้ออกโปรโมชันพิเศษสำหรับ SQL Server 2017 พร้อมส่วนลดสูงสุดถึง 10% จนถึงวันที่ 28 มิถุนายน 2019 เท่านั้น

ทดแทน SQL Server 2008 พร้อมอัปเกรดขึ้น Cloud ในอนาคต

Microsoft ได้ประกาศยกเลิกการสนับสนุน (End of Support) SQL Server 2008 ในเดือนกรกฎาคมนี้ ส่งผลให้หลังจากนั้นจะไม่มีการสนับสนุนด้านแพตช์สำหรับแก้บั๊กหรืออุดช่องโหว่ด้านความมั่นคงปลอดภัยอีกต่อไป Microsoft Thailand จึงแนะนำให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMB) อัปเกรด SQL Server 2008 ไปเป็น SQL Server 2017 เวอร์ชันล่าสุดซึ่งมีประสิทธิภาพดีกว่าและฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานในยุค Cloud มากกว่าแทน โดยระบบจัดการฐานข้อมูลดังกล่าวมีคุณสมบัติเด่น ดังนี้

1. ขยายฐานข้อมูลไปเก็บบน Cloud ได้

SQL Server 2017 เพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ระบบจัดการฐานข้อมูล โดยสามารถกำหนดนโยบายเพื่อสั่งให้ยืด (Stretch) พื้นที่ที่ไม่ได้ใช้เก็บข้อมูลเป็นประจำ ไปเก็บไว้บน Azure ซึ่งเป็นระบบ Cloud ของ Microsoft ได้โดยอัตโนมัติ เพิ่มพื้นและประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูลบน SQL Server ให้ดียิ่งขึ้น

2. ใช้งานได้บนทุกแพลตฟอร์ม

SQL Server 2017 รองรับการจัดการกับข้อมูลได้ทุกแฟลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น Windows, Linux, Docker Containers และอื่นๆ โดยสามารถติดตั้ง Package ผ่านทาง Installation, Yum Install, Apt-Get หรือ Zypper ได้

3. อัปเกรดเวอร์ชันใหม่หรือขึ้น Cloud ได้ทันที

สำหรับลูกค้าที่ซื้อ License ของ SQL Server 2017 แบบ Software Assurance (SA) จะสามารถอัปเกรดเป็นเวอร์ชันใหม่พร้อมใช้ฟีเจอร์ล่าสุดได้ตลอดอายุการใช้งาน รวมไปถึงสามารถย้าย License เพื่อเปลี่ยนไปใช้ SQL Server บน Cloud ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

โปรโมชันพิเศษ ลดสูงสุดถึง 10% ก่อนสิ้นเดือนมิถุนายนนี้

สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMB) ที่ต้องการอัปเกรดระบบจัดการฐานข้อมูลไปเป็น SQL Server 2017 ทาง Microsoft Thailand ได้ออกโปรโมชันพิเศษ ลดราคา License สูงสุดถึง 10% เมื่อสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ SQL Server 2017 สำหรับรุ่นดังต่อไปนี้

  • SQL Server 2017 รุ่น Standard Server พร้อม 5 CALs
  • SQL Server 2017 รุ่น Standard Core ตั้งแต่ 2 Licenses ขึ้นไป
  • SQL Server 2017 รุ่น Enterprise Core ตั้งแต่ 2 Licenses ขึ้นไป

เงื่อนไขสำหรับผู้ขอรับโปรโมชัน

  • สำหรับ Open License NL (L-Only หรือ L+SA) เท่านั้น
  • สงวนสิทธิ์สำหรับลูกค้าในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMB) เท่านั้น สำหรับภาคการศึกษา ภาครัฐ และองค์กรการกุศล ไม่สามารถเข้าร่วมรายการส่งเสริมการขายนี้ได้
  • โปรโมชันนี้สำหรับการสั่งซื้อตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม ถึง 28 มิถุนายน 2019 เท่านั้น
  • จำกัดจำนวนสูงสุดไม่เกิน 250 License
  • Microsoft Thailand ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

ลูกค้าในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMB) ที่สนใจใช้งาน SQL Server 2017 สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่

  • โทรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: 1800-012-821 (Toll-free/โทรฟรี)
  • สนทนากับฝ่ายขาย: https://aka.ms/ContactMicrosoftTH
  • ลงทะเบียนเพื่อรับการติดต่อกลับ: https://aka.ms/SQLDiscount

from:https://www.techtalkthai.com/microsoft-sql-server-2019-promotion-with-10-percent-discount/

แกะรอย Lazada ก่อนจะมาเป็นเครื่องจักรทำเงินตัวใหม่ให้ Alibaba ในปี 2017

ย้อนไปในปี 2012 ซึ่งเป็นปีที่ Lazada ถือกำเนิดขึ้นโดยทีมงานจาก Rocket Internet GmbH นั้น คงต้องบอกว่าหากซีกโลกตะวันตก มีชื่อของ Amazon เป็นแพลตฟอร์ม e-Commerce รายหลัก ทีมงานผู้พัฒนาอย่าง Rocket Internet ก็ตั้งเป้าให้ “Lazada” เป็นแพลตฟอร์ม e-Commerce รายหลักแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่นกัน

โดยการเปิดให้บริการของ Lazada นั้น เน้นใน 6 ประเทศหลักได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม สินค้าหลักคือสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องสำอาง ความสวยความงาม แฟชั่น ของใช้ภายในบ้าน เฟอร์นิเจอร์ สมาร์ทโฟน ฯลฯ

แต่สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันสำหรับ Lazada คือการมาถึงที่ “ถูกเวลา”

เพราะหากเทียบกันแล้ว Amazon ใช้เวลาในการสร้างอาณาจักรมากกว่า 10 ปี แต่ Lazada ใช้เวลาเพียง 3 ปีก็ก้าวขึ้นเป็นแพลตฟอร์มด้าน Marketplace ยักษ์ใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้แล้ว ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2013 นั้น Lazada มียอดขายราว 89 ล้านเหรียญสหรัฐ ก่อนจะกระโดดขึ้นมาในปี 2014 ไปอยู่ที่ยอดขาย 350 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว

เรื่องนี้ผู้บริหาร Lazada ยกความดีให้การขยายตัวของธุรกิจ e-Commerce ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีประชากรรวมกันมากกว่า 600 ล้านคน และมีกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักช้อปออนไลน์กว่า 256 ล้านคน ว่ามีส่วนช่วยผลักดัน ประกอบกับการจัดโปรโมชันต่าง ๆ ไปจนถึงการแจกรหัสส่วนลด Lazada ออกมามากมายให้นักช้อปออนไลน์ได้เอาไปใช้งานกัน แต่จริง ๆ แล้วต้องบอกว่าส่วนหนึ่งที่สำคัญมากคืองบในการโปรโมตที่ Lazada ใช้ทุกช่องทาง ทุกสื่อ และถือเป็นเว็บแรก ๆ ที่มีการโปรโมตผ่านทางทีวี (ที่ในยุคนั้นค่าโฆษณาทางทีวีก็ไม่ได้ลดแลกแจกแถมเหมือนในยุคนี้)

ในด้านการพัฒนาของตัวเว็บไซต์ ในปี 2013 Lazada ได้เริ่มพัฒนาการเป็นหน้าร้าน (Marketplace Model) อนุญาตให้ผู้ค้ารายอื่น ๆ เข้ามาขายสินค้าของตนเองได้มากขึ้น ซึ่งต่อมาในปี 2014 ก็พบว่ายอดขายจาก Marketplace นั้นคิดเป็น 65% ของยอดขายทั้งหมดของบริษัท

แต่การเติบโตของ Lazada เตะตายักษ์ใหญ่จากแดนมังกรอย่าง Alibaba ของ Jack Ma เข้าอย่างจัง นั่นจึงทำให้เกิดการเจรจาก่อนจะนำมาซึ่งการซื้อกิจการ Lazada เมื่อเดือนเมษายน 2016 โดย Alibaba ได้จ่ายเงินไปทั้งสิ้น 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (เข้าซื้อหุ้นจากการเพิ่มทุน และซื้อหุ้นจากนักลงทุนเดิม) ในการเข้าถือหุ้นใหญ่ของ Lazada และจากการเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้ทำให้มูลค่าบริษัท Lazada ขึ้นไปอยู่ที่ 1,500 ล้านเหรียญ หรือเกือบ 52,600 ล้านบาท

การขยับครั้งใหญ่ของ Alibaba ในครั้งนี้เป็นผลมาจากวิสัยทัศน์ของ Jack Ma หัวเรือใหญ่ของ Alibaba ที่มองว่าธุรกิจของบริษัทยังอิงอยู่กับรายได้จากตลาดจีนเสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นบริษัทควรจะมีการขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศมากขึ้น และเขาตั้งเป้าหมายให้ Alibaba มีรายได้ครึ่งหนึ่งมาจากตลาดนอกประเทศจีน ซึ่ง Lazada ถือเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงเป็นเป้าหมายที่ดีที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจของ Alibaba ตามวิสัยทัศน์ดังกล่าวได้

ผลคือ Jack Ma คาดการณ์ถูกเผง เมื่อผลประกอบการไตรมาสสองของปีนี้ ทาง Alibaba ระบุว่าสามารถทำยอดขายได้มากกว่า 389 ล้านเหรียญสหรัฐจากตลาดอื่นที่ไม่ใช่ประเทศจีน สัดส่วนนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า 136% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว

สำนักข่าว TechinAsia ระบุว่าตัวเลขยอดขายจากตลาดนอกประเทศจีนที่ Alibaba ทำได้ในช่วงเมษายน-มิถุนายนปีนี้ถือเป็นสถิติสูงสุดที่บริษัทเคยทำมา จุดนี้ Alibaba ยอมรับว่าการเติบโตนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากรายได้ของ Lazada ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องนั่นเอง

ปัจจุบัน Lazada จึงอยู่ในฐานะ “ผู้ได้ไปต่อ” โดยมีผู้ค้าออนไลน์ทั้งในและต่างประเทศกว่า 100,000 ร้านค้า และแบรนด์สินค้ากว่า 2,500 แบรนด์ ให้บริการแก่ผู้บริโภคกว่า 560 ล้านคนทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โดยทุกวันนี้ จำนวนคนเข้าเว็บไซต์ Lazada เฉลี่ยใน 1 ปี มากกว่าจำนวนคนเข้าตลาดนัดจตุจักรถึง 50 เท่า โทรศัพท์มือถือที่ Lazada ขายได้ทั้งหมดคือ 1.4 ล้านเครื่อง ซึ่งถ้านำมาต่อกันจะมีความสูงเท่ากับตึกใบหยก 2 ถึงสองร้อยตึก ส่วนรถส่งสินค้านั้น ภายใน 1 วันพบว่าวิ่งเป็นระยะทางเฉลี่ย 833,333 กิโลเมตร หรือเท่ากับระยะทางไป-กลับระหว่างโลกกับดวงจันทร์ ซึ่งไม่ใช่ตัวเลขที่น้อยเลย

ในสถานการณ์ที่หลาย ๆ คนมองว่าแพลตฟอร์มดิจิทัลคือทางรอดของคนค้าขาย นี่จึงอาจเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดีของการลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับผู้ค้าและผู้ซื้อ ที่ลงทุนทำจริง และเติบโตได้จริง

บทความนี้เป็น Advertorial

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2017/08/%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b8%b0%e0%b8%a3%e0%b8%ad%e0%b8%a2-lazada-%e0%b8%81%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%88%e0%b8%b0%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%a3/

แกะรอย Lazada ก่อนจะมาเป็นเครื่องจักรทำเงินตัวใหม่ให้ Alibaba ในปี 2017

ย้อนไปในปี 2012 ซึ่งเป็นปีที่ Lazada ถือกำเนิดขึ้นโดยทีมงานจาก Rocket Internet GmbH นั้น คงต้องบอกว่าหากซีกโลกตะวันตก มีชื่อของ Amazon เป็นแพลตฟอร์ม e-Commerce รายหลัก ทีมงานผู้พัฒนาอย่าง Rocket Internet ก็ตั้งเป้าให้ “Lazada” เป็นแพลตฟอร์ม e-Commerce รายหลักแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่นกัน

โดยการเปิดให้บริการของ Lazada นั้น เน้นใน 6 ประเทศหลักได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม สินค้าหลักคือสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องสำอาง ความสวยความงาม แฟชั่น ของใช้ภายในบ้าน เฟอร์นิเจอร์ สมาร์ทโฟน ฯลฯ

แต่สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันสำหรับ Lazada คือการมาถึงที่ “ถูกเวลา”

เพราะหากเทียบกันแล้ว Amazon ใช้เวลาในการสร้างอาณาจักรมากกว่า 10 ปี แต่ Lazada ใช้เวลาเพียง 3 ปีก็ก้าวขึ้นเป็นแพลตฟอร์มด้าน Marketplace ยักษ์ใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้แล้ว ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2013 นั้น Lazada มียอดขายราว 89 ล้านเหรียญสหรัฐ ก่อนจะกระโดดขึ้นมาในปี 2014 ไปอยู่ที่ยอดขาย 350 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัว

เรื่องนี้ผู้บริหาร Lazada ยกความดีให้การขยายตัวของธุรกิจ e-Commerce ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีประชากรรวมกันมากกว่า 600 ล้านคน และมีกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักช้อปออนไลน์กว่า 256 ล้านคน ว่ามีส่วนช่วยผลักดัน ประกอบกับการจัดโปรโมชันต่าง ๆ ไปจนถึงการแจกรหัสส่วนลด Lazada ออกมามากมายให้นักช้อปออนไลน์ได้เอาไปใช้งานกัน แต่จริง ๆ แล้วต้องบอกว่าส่วนหนึ่งที่สำคัญมากคืองบในการโปรโมตที่ Lazada ใช้ทุกช่องทาง ทุกสื่อ และถือเป็นเว็บแรก ๆ ที่มีการโปรโมตผ่านทางทีวี (ที่ในยุคนั้นค่าโฆษณาทางทีวีก็ไม่ได้ลดแลกแจกแถมเหมือนในยุคนี้)

ในด้านการพัฒนาของตัวเว็บไซต์ ในปี 2013 Lazada ได้เริ่มพัฒนาการเป็นหน้าร้าน (Marketplace Model) อนุญาตให้ผู้ค้ารายอื่น ๆ เข้ามาขายสินค้าของตนเองได้มากขึ้น ซึ่งต่อมาในปี 2014 ก็พบว่ายอดขายจาก Marketplace นั้นคิดเป็น 65% ของยอดขายทั้งหมดของบริษัท

แต่การเติบโตของ Lazada เตะตายักษ์ใหญ่จากแดนมังกรอย่าง Alibaba ของ Jack Ma เข้าอย่างจัง นั่นจึงทำให้เกิดการเจรจาก่อนจะนำมาซึ่งการซื้อกิจการ Lazada เมื่อเดือนเมษายน 2016 โดย Alibaba ได้จ่ายเงินไปทั้งสิ้น 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (เข้าซื้อหุ้นจากการเพิ่มทุน และซื้อหุ้นจากนักลงทุนเดิม) ในการเข้าถือหุ้นใหญ่ของ Lazada และจากการเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้ทำให้มูลค่าบริษัท Lazada ขึ้นไปอยู่ที่ 1,500 ล้านเหรียญ หรือเกือบ 52,600 ล้านบาท

การขยับครั้งใหญ่ของ Alibaba ในครั้งนี้เป็นผลมาจากวิสัยทัศน์ของ Jack Ma หัวเรือใหญ่ของ Alibaba ที่มองว่าธุรกิจของบริษัทยังอิงอยู่กับรายได้จากตลาดจีนเสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นบริษัทควรจะมีการขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศมากขึ้น และเขาตั้งเป้าหมายให้ Alibaba มีรายได้ครึ่งหนึ่งมาจากตลาดนอกประเทศจีน ซึ่ง Lazada ถือเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงเป็นเป้าหมายที่ดีที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจของ Alibaba ตามวิสัยทัศน์ดังกล่าวได้

ผลคือ Jack Ma คาดการณ์ถูกเผง เมื่อผลประกอบการไตรมาสสองของปีนี้ ทาง Alibaba ระบุว่าสามารถทำยอดขายได้มากกว่า 389 ล้านเหรียญสหรัฐจากตลาดอื่นที่ไม่ใช่ประเทศจีน สัดส่วนนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า 136% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว

สำนักข่าว TechinAsia ระบุว่าตัวเลขยอดขายจากตลาดนอกประเทศจีนที่ Alibaba ทำได้ในช่วงเมษายน-มิถุนายนปีนี้ถือเป็นสถิติสูงสุดที่บริษัทเคยทำมา จุดนี้ Alibaba ยอมรับว่าการเติบโตนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากรายได้ของ Lazada ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องนั่นเอง

ปัจจุบัน Lazada จึงอยู่ในฐานะ “ผู้ได้ไปต่อ” โดยมีผู้ค้าออนไลน์ทั้งในและต่างประเทศกว่า 100,000 ร้านค้า และแบรนด์สินค้ากว่า 2,500 แบรนด์ ให้บริการแก่ผู้บริโภคกว่า 560 ล้านคนทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โดยทุกวันนี้ จำนวนคนเข้าเว็บไซต์ Lazada เฉลี่ยใน 1 ปี มากกว่าจำนวนคนเข้าตลาดนัดจตุจักรถึง 50 เท่า โทรศัพท์มือถือที่ Lazada ขายได้ทั้งหมดคือ 1.4 ล้านเครื่อง ซึ่งถ้านำมาต่อกันจะมีความสูงเท่ากับตึกใบหยก 2 ถึงสองร้อยตึก ส่วนรถส่งสินค้านั้น ภายใน 1 วันพบว่าวิ่งเป็นระยะทางเฉลี่ย 833,333 กิโลเมตร หรือเท่ากับระยะทางไป-กลับระหว่างโลกกับดวงจันทร์ ซึ่งไม่ใช่ตัวเลขที่น้อยเลย

ในสถานการณ์ที่หลาย ๆ คนมองว่าแพลตฟอร์มดิจิทัลคือทางรอดของคนค้าขาย นี่จึงอาจเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดีของการลงทุนพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับผู้ค้าและผู้ซื้อ ที่ลงทุนทำจริง และเติบโตได้จริง

บทความนี้เป็น Advertorial

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2017/08/lazada-ecommerce-alibaba/

AIS เสิร์ฟแคมเปญมัดใจคอกาแฟ มอบส่วนลดสูงสุด 50% ที่ร้านกาแฟชื่อดังทั่วประเทศ

AIS เอาใจคอกาแฟ จับมือร้านกาแฟชื่อดังกว่า 70 ร้าน ทุกภาคทั่วประเทศ อาทิ ร้าน The Barn : Eatery Design จ.เชียงใหม่, ร้านLight House จ.สุรินทร์, ร้าน la Glace จ.สระบุรี, ร้านโกปี๊ เฮี้ยะไถ่กี่ กรุงเทพฯ, ร้าน Coffee Zelection ซ.อารีย์ กรุงเทพฯ, ร้านบ้านสิทธิสังข์ จ.กาญจนบุรี และร้าน CLASSIC 12 จ.สงขลา เป็นต้น เพื่อมอบสิทธิพิเศษส่วนลดสูงสุด 50% สำหรับลูกค้าที่เลือกซื้อกาแฟแก้วโปรดกับร้านที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2560 เช็คร้านกาแฟที่ร่วมรายการ และดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ AIS Privilege Line Official และwww.ais.co.th/privilege

from:http://mobileocta.com/ais-serve-coffee-campaign-discount-up-to-50-at-famous-coffee-shops-nationwide/

เทคนิคใหม่เว็บช้อปปิ้ง รีวิวสินค้าแลกส่วนลด 30 – 100%

ทุกวันนี้ การได้รับรีวิวดี ๆ จากผู้ใช้งานผ่านสื่อออนไลน์บางทีเป็นยิ่งกว่าโชคสองชั้น เพราะผู้บริโภคในยุค Mobile-First นั้นนิยมเสิร์ชหาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนการซื้ออยู่แล้ว ถ้าเจอรีวิวดี ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ก็อาจมีผลต่อการตัดสินใจซื้อมากยิ่งขึ้น

ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้พัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับการรีวิวผลิตภัณฑ์แลกกับการได้รับส่วนลดตั้งแต่ 30% – 100% ออกมาในชื่อ Cartcom ซึ่งหน้าตาของ Cartcom นั้นก็จะเหมือนแอปพลิเคชันช้อปปิ้งทั่วไป เพียงแต่ในส่วนของราคาสินค้านั้น Cartcom จะแสดงส่วนลดที่มอบให้ร่วมด้วย ซึ่งบางสินค้าอาจได้ลด 100% หรือก็คือรับไปใช้ฟรี ๆ ไม่ต้องจ่ายเงินกันเลย เพียงแค่ทำรีวิวขึ้นมาแลก

สำหรับรูปแบบการรีวิวนั้น Cartcam ระบุว่า ต้องการการรีวิวแบบสบาย ๆ ไม่เป็นพิธีรีตองมาก แต่ขอให้ซื่อสัตย์และบอกตามความจริง โดยการรีวิวนั้นไม่ควรใช้เวลาเกิน 30 วินาที ซึ่งผู้ซื้อที่ยอมรับเงื่อนไข จะมีเวลา 3 สัปดาห์ในการโพสต์คลิปรีวิวเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ชิ้นนั้น ๆ และผู้ซื้อไม่ต้องวิ่งหากล้องให้เหนื่อย เพราะสามารถถ่ายได้จากแอปพลิเคชันของ Cartcam โดยตรง

ส่วนสาเหตุที่พัฒนาแอปพลิเคชันในลักษณะนี้ออกมานั้น Cartcam ระบุว่า มาจากความต้องการของผู้ขายในยุคนี้ที่ต้องการคอนเทนต์รีวิวที่เป็นคลิปวิดีโอมากขึ้น โดยมีข้อมูลชี้ว่า ผู้ซื้อเกินครึ่งเมื่อรับชมคอนเทนต์รีวิวแบบวิดีโอแล้วจะเกิดความต้องการซื้อได้มากกว่านั่นเอง

ที่มา: Cartcam

 

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2017/04/consumer-video-reviews-cartcam/

อีกเพียง 2 สัปดาห์ !! เตรียมตัวให้พร้อมกับงาน Black Hat Asia 2017

เหลืออีกเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้นก็จะถึงเวลาเริ่มงานประชุมระดับนานาชาติ Black Hat Asia 2017 ที่ Marina Bay Sands ประเทศสิงคโปร์ ภายในงานนี้ท่านจะได้พบกับผู้เชี่ยวชาญด้าน Info Sec ชื่อดังจากหลายสถาบันทั่วโลก ซึ่งจะมาให้ความรู้และอัปเดตแนวโน้มด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ล่าสุด ผู้ที่สนใจรีบลงทะเบียนโดยด่วน … อย่าลืม !! โปรโมชันลดราคาบัตรเข้าร่วมงาน 15% จาก TechTalkThai เพียงแค่ใส่โค้ด “BHATTT17” ขณะลงทะเบียน

รายละเอียดงานประชุม

วันอบรม: 28 – 29 มีนาคม 2017 (ดูรายละเอียดตารางอบรม)
วันสัมมนา: 30 – 31 มีนาคม 2017 (ดูหัวข้อและบทคัดย่อการสัมมนา)
เวลา: 9.00 – 17.00 น.
สถานที่: Marina Bay Sands ประเทศสิงคโปร์
ค่าอบรม: เริ่มต้นที่ S$3,700 (ประมาณ 90,000 บาท)
ค่าเข้างานสัมมนา:

 

S$1,850 (ประมาณ 45,000 บาท) สำหรับบุคคลทั่วไป
S$800 (ประมาณ 20,000 บาท) สำหรับนักศึกษา
ลิงค์ลงทะเบียน: https://www.blackhat.com/asia-17/registration.html
โค้ดส่วนลด 15%:  BHATTT17

พบกับผู้ก่อตั้ง Net Square และผู้เชี่ยวชาญจาก Google ในเซสชัน Keynote

สำหรับเซสชัน Keynote ในงานประชุมนี้ ท่านจะได้พบกับ 2 ผู้เชี่ยวชาญด้าน Info Sec ชื่อดัง ได้แก่

  • Saumil Shah ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท Net square ซึ่งจะมาบรรยายในหัวข้อ “THE SEVEN AXIOMS OF SECURITY” เกี่ยวกับความจริง 7 ประการในการพัฒนากลยุทธ์สำหรับการป้องกันเชิงรุก เพื่อรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ในอนาคต
  • Halvar Flake ผู้เชี่ยวชาญด้าน Big Data และ Machine Learning จาก Google ในหัวข้อ “WHY WE ARE NOT BUILDING A DEFENDABLE INTERNET” ซึ่งจะกล่าวถึงโครงสร้างด้านเศรษฐศาสตร์และแรงจูงใจทาง IT Security และสาเหตุว่าทำไมแรงจูงใจเหล่านั้นถึงประสบความล้มเหลวในการนำเสนอการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในระดับที่องค์กรต้องการ

เกี่ยวกับงานประชุม Black Hat Asia 2017

Black Hat เป็นงานอบรมและประชุมกึ่งวิชาการระดับนานาชาติที่หมุนเวียนผลัดกันจัดที่สหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย โดยที่กำลังจะจัดล่าสุด คือ Black Hat Asia 2017 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ Marina Bay Sands ประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 28 – 31 มีนาคม 2017 รวมระยะเวลา 4 วันโดย 2 วันแรกจะเป็นการจัดคอร์สอบรมซึ่งจะเน้นไปทาง Offensive Security และ 2 วันหลังจะเป็นงานประชุมที่รวบรวมเนื้อหาทางด้าน Security หลากหลายแขนงไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ภายในงานยังรวบรวม Vendor ด้าน Security จากทั่วโลกมาให้คำแนะนำ พร้อมอัปเดตเทคโนโลยี แนวโน้ม และเทคนิคใหม่ๆ อีกด้วย (อ่านรีวิวงาน Black Hat Asia 2016 เมื่อปีที่ผ่านมา)

ภายในงานประชุมท่านจะได้พบกับ

  • Black Hat Briefings – งานสัมมนาที่คัดเลือกหัวข้อโดย Review Board จากนักวิจัยที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลก ครอบคลุมด้านความมั่นคงปลอดภัยและช่องโหว่สำคัญในปัจจุบัน เช่น Reverse Engineering, Malware Offense/Defense, Mobile Hacking, Network Defense, Cryptography Applied Security และอื่นๆ
    ดูรายละเอียดงานสัมมนาได้ที่: https://www.blackhat.com/asia-17/briefings/schedule/index.html
  • Black Hat Trainings – คอร์สอบรมเทคนิคเชิงลึกทางด้าน InfoSec โดยเนื้อหาการอบรมครอบคลุมการแฮ็คโครงสร้างพื้นฐาน อุปกรณ์พกพา การวิเคราะห์มัลแวร์ การทำ Pen Test รวมไปถึงเทคนิคและการปฏิบัติงานทั่วไปของแฮ็คเกอร์ ซึ่งแต่ละคอร์สจะถูกสอนโดยวิทยากรชื่อดังระดับโลกที่มีความรู้ ประสบการณ์ และเป็นผู้คร่ำหวอดทางด้านนั้นๆ
    ดูรายละเอียดคอร์สอบรมได้ที่: https://www.blackhat.com/asia-17/training/index.html
  • Black Hat Arsenal – พื้นที่สำหรับสนับสนุนนักวิจัยอิสระจากทั่วโลกให้มานำเสนอผลงาน พร้อมสาธิตเครื่องมือและผลิตภัณฑ์ของตนให้ชมกันสดๆ
  • Black Hat Business Hall – พื้นที่ที่รวบรวม Vendor ชื่อดังทางด้าน Security จากแต่ละภูมิภาคไว้ด้วยกัน ผู้เข้าร่วมงานสามารถอัปเดตเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านความมั่นคงปลอดภัยใหม่ล่าสุด เพื่อนำไปใช้ปกป้ององค์กรของตนจากภัยคุกคามแบบต่างๆ ในปัจจุบัน

ติดตามข่าวสารล่าสุดจาก Black Hat ได้ที่

Twitter: twitter.com/BlackHatEvents – hashtag #BlackHat
Facebook: facebook.com/Black-Hat-Events-107691635153/
LinkedIn: linkedin.com/groups?home=&gid=37658
Flickr: flickr.com/photos/blackhatevents/

from:https://www.techtalkthai.com/2-weeks-before-black-hat-asia-2017/

TechTalkThai จับมือกับ Black Hat พร้อมมอบส่วนลด 15% เมื่อลงทะเบียนเข้าร่วมงาน Black Hat Asia 2017

TechTalkThai จับมือเป็น Media Partner กับ Black Hat พร้อมเชิญชวนผู้ที่สนใจทางด้าน Security เข้าร่วมงานประชุมระดับนานาชาติ “Black Hat Asia 2017” ที่ประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 28 – 31 มีนาคมนี้ พร้อมมอบส่วนลด 15% ทันทีเมื่อใส่โค้ด “BHATTT17” ขณะลงทะเบียน

เกี่ยวกับงานประชุม Black Hat Asia 2017

Black Hat เป็นงานอบรมและประชุมกึ่งวิชาการระดับนานาชาติที่หมุนเวียนผลัดกันจัดที่สหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย โดยที่กำลังจะจัดล่าสุด คือ Black Hat Asia 2017 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ Marina Bay Sands ประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 28 – 31 มีนาคม 2017 รวมระยะเวลา 4 วันโดย 2 วันแรกจะเป็นการจัดคอร์สอบรมซึ่งจะเน้นไปทาง Offensive Security และ 2 วันหลังจะเป็นงานประชุมที่รวบรวมเนื้อหาทางด้าน Security หลากหลายแขนงไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ภายในงานยังรวบรวม Vendor ด้าน Security จากทั่วโลกมาให้คำแนะนำ พร้อมอัปเดตเทคโนโลยี แนวโน้ม และเทคนิคใหม่ๆ อีกด้วย (อ่านรีวิวงาน Black Hat Asia 2016 เมื่อปีที่ผ่านมา)

ภายในงานประชุมท่านจะได้พบกับ

  • Black Hat Briefings – งานสัมมนาที่คัดเลือกหัวข้อโดย Revew Board จากนักวิจัยที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลก ครอบคลุมด้านความมั่นคงปลอดภัยและช่องโหว่สำคัญในปัจจุบัน เช่น Reverse Engineering, Malware Offense/Defense, Mobile Hacking, Network Defense, Cryptography Applied Security และอื่นๆ
    ดูรายละเอียดงานสัมมนาได้ที่: https://www.blackhat.com/asia-17/briefings/schedule/index.html
  • Black Hat Trainings – คอร์สอบรมเทคนิคเชิงลึกทางด้าน InfoSec โดยเนื้อหาการอบรมครอบคลุมการแฮ็คโครงสร้างพื้นฐาน อุปกรณ์พกพา การวิเคราะห์มัลแวร์ การทำ Pen Test รวมไปถึงเทคนิคและการปฏิบัติงานทั่วไปของแฮ็คเกอร์ ซึ่งแต่ละคอร์สจะถูกสอนโดยวิทยากรชื่อดังระดับโลกที่มีความรู้ ประสบการณ์ และเป็นผู้คร่ำหวอดทางด้านนั้นๆ
    ดูรายละเอียดคอร์สอบรมได้ที่: https://www.blackhat.com/asia-17/training/index.html
  • Black Hat Arsenal – พื้นที่สำหรับสนับสนุนนักวิจัยอิสระจากทั่วโลกให้มานำเสนอผลงาน พร้อมสาธิตเครื่องมือและผลิตภัณฑ์ของตนให้ชมกันสดๆ
  • Black Hat Business Hall – พื้นที่ที่รวบรวม Vendor ชื่อดังทางด้าน Security จากแต่ละภูมิภาคไว้ด้วยกัน ผู้เข้าร่วมงานสามารถอัปเดตเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านความมั่นคงปลอดภัยใหม่ล่าสุด เพื่อนำไปใช้ปกป้ององค์กรของตนจากภัยคุกคามแบบต่างๆ ในปัจจุบัน

รายละเอียดงานประชุม

วันอบรม: 28 – 29 มีนาคม 2017 (ดูรายละเอียดตารางอบรม)
วันสัมมนา: 30 – 31 มีนาคม 2017 (ดูหัวข้อและบทคัดย่อการสัมมนา)
เวลา: 9.00 – 17.00 น.
สถานที่: Marina Bay Sands ประเทศสิงคโปร์
ค่าอบรม: เริ่มต้นที่ S$3,700 (ประมาณ 90,000 บาท)
ค่าเข้างานสัมมนา:

 

S$1,850 (ประมาณ 45,000 บาท) สำหรับบุคคลทั่วไป
S$800 (ประมาณ 20,000 บาท) สำหรับนักศึกษา
ลิงค์ลงทะเบียน: https://www.blackhat.com/asia-17/registration.html
โค้ดส่วนลด 15%:  BHATTT17


งานนี้เหมาะกับใคร

Black Hat ถือว่าเป็นหนึ่งในงานสัมมนาด้าน Security ชั้นนำระดับโลก โดยปีนี้เนื้อหาจะแบ่งออกเป็น 16 ธีมครอบคลุมศาสตร์ด้าน Security ทั้งหมด ได้แก่ Android, iOS and Mobile Hacking, Cryptography, Data Forensics and Incident Response (DFIR), Enterprise, Exploit Development, Hardware/Embedded, Human Factors, Internet of Things, Malware Defense, Malware Offense, Network Defense, Platform Security, Reverse Engineering, Security Development Life Cycle, Smart Grid/Industrial Security และ Web AppSec จึงกล่าวได้ว่าเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจทางด้าน Security ทุกผู้ทุกระดับ แต่จะเน้นผู้ที่สนใจ Offensive Security เป็นพิเศษ เพราะส่วนมากเป็นการนำเสนอช่องโหว่หรือวิธีการเจาะระบบรูปแบบใหม่ๆ รวมไปถึงการทำ Reverse Engineering

นักศึกษาระดับปริญญาตรีอาจยังไม่มีทักษะและความรู้เพียงพอในการเข้าฟังบรรยาย แต่ระดับปริญญาโทขึ้นไปที่เคยเรียนหรือมีประสบการณ์ทางด้าน Security มาแล้วถือว่าไม่มีปัญหา นอกจากนี้เนื้อหาบางหัวข้อก็เป็นงานวิจัยเชิงวิชาการที่สามารถนำมาต่อยอดหรือใช้เป็นแหล่งอ้างอิงให้แก่งานวิจัยของตนได้

จับมือกับ TechTalkThai พร้อมมอบส่วนลดและอัปเดตข่าวสารแบบสดๆ

Black Hat จับมือเป็นพันธมิตรร่วมกับ TechTalkThai พร้อมมอบส่วนลดค่าลงทะเบียนงาน Black Hat Asia 2017 สำหรับบุคคลทั่วไปสูงถึง 15% ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานสามารถกรอกโค้ด BHATTT17 ขณะลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลดได้ทันที นอกจากนี้ ทีมงาน TechTalkThai ยังไงได้รับเชิญให้ไปทำข่าวในงานประชุมนี้ด้วยเช่นกัน สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกไปร่วมงานที่สิงคโปร์ สามารถรอติดตามอัปเดตข่าวล่าสุดได้ที่เว็บไซต์ TechTalkThai

ติดตามข่าวสารล่าสุดจาก Black Hat ได้ที่

Twitter: twitter.com/BlackHatEvents – hashtag #BlackHat
Facebook: facebook.com/Black-Hat-Events-107691635153/
LinkedIn: linkedin.com/groups?home=&gid=37658
Flickr: flickr.com/photos/blackhatevents/

from:https://www.techtalkthai.com/techtalkthai-black-hat-partnership/

Uber จัดส่วนลดพิเศษรับตรุษจีน พร้อมแนะจุดท่องเที่ยวสุดฮิตรอบกรุง


ซินเจียหยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้ ร่ำรวยเงินทองรับเทศกาลตรุษจีนในวันไหว้บรรพบุรุษ ซึ่งเมื่อผ่านวันไหว้ ก็จะเข้าสู่วันเที่ยวกันแล้ว แน่นอนว่า ผู้ให้บริการเรียกรถแท็กซี่ออนไลน์ยักษ์ใหญ่อย่าง Uber ก็ไม่พลาดที่จะเปิดโผรายชื่อสถานที่ยอดนิยมรับเทศกาลตรุษจีนมาฝากด้วยเช่นกัน

โดยสถานที่ยอดนิยมที่คนไทยเชื้อสายจีนในกรุงเทพฯ นิยมเดินทางไปนั้น ได้แก่

1.วัดมังกรกมลาวาส หรือ วัดเล่งเน่ยยี่: เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับคนเกิดปีชง รวมไปถึงเทพเจ้าไท้ส่วยเอี้ย เทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตา ซึ่งผู้คนนิยมมากราบไหว้ฝากดวงชะตา หรือที่เรียกกันว่า ไหว้แก้ชงนั่นเอง

2.มูลนิธิเทียนฟ้า: เป็นที่ประดิษฐานของเจ้าแม่กวนอิม ปางประทานพร ในช่วงวันตรุษจีนจะมีชาวจีนและนักท่องเที่ยวเข้ามาไหว้ขอพรเพื่อให้องค์เจ้าแม่ช่วยปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ และขอให้มีสุขภาพแข็งแรง

3.ถนนเยาวราช: ถนนสายหลักในการจับจ่ายซื้อของไหว้เจ้า ชาวจีนจะเลือกสรรอาหารที่มีความหมายมงคล ไม่ว่าจะเป็น ผัก ผลไม้ หรือ เนื้อสัตว์ รวมไปถึงมีร้านอาหารอร่อยๆ กินได้ตลอดทั้งเส้น

4.ตลาดสำเพ็ง: เป็นศูนย์รวมของสินค้ายกโหลราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตา ของเล่น เครื่องเขียน เครื่องประดับ จึงเป็นที่นิยมให้คนหาซื้อของขวัญไปให้เพื่อนๆ รวมทั้งพ่อค้าแม่ค้านิยมซื้อปริมาณมากแล้วนำไปขายต่อตามท้องตลาด

5.บ้านญาติผู้ใหญ่: คนไทยเชื้อสายจีนนั้นอาศัยอยู่ทั่วกรุงเทพ นอกจากการเดินทางย่านเยาวราช- สัมพันธวงศ์แล้ว วันนี้ชาวจีนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใสพากันออกไปเที่ยว และไปไหว้ขอพรญาติผู้ใหญ่

ส่วนท่านใดที่เดินทางด้วย UberX แล้วอยากได้รับส่วนลดในเทศกาลตรุษจีน ก็สามารถใส่รหัส BKKCNY48 ในแอปพลิเคชัน Uber โดยจะได้รับส่วนลด 40 บาทและสามารถใช้ได้ 8 ครั้ง ซึ่งสิทธิพิเศษนี้มีถึงวันที่ 29 มกราคมเท่านั้น

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2017/01/uber-discount-for-chinese-new-year-festival/