คลังเก็บป้ายกำกับ: TOPVALUE

ชี้เป้า 5 แก็ดเจ็ตตัวดัง ด้วยข้อเสนอที่ดีที่สุดจาก ท็อปแวลู (Topvalue) พร้อมฉลองมหกรรม ‘Shopee 11.11 ลด ใหญ่ มาก’ ไปกับกองทัพสินค้าไอทีกว่า 200 รายการ ลดสูงสุดถึง 60%

ท็อปแวลู (Topvalue) แหล่งช้อปปิ้งออนไลน์ที่รวบรวมสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ไอที อิเล็กทรอนิกส์ ไว้ในที่เว็บไซต์เดียว ผนึกกำลังกับ ช้อปปี้ (Shopee) ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน เฉลิมฉลองมหกรรมช้อปปิ้งออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งปีอย่าง ‘Shopee 11.11 ลด ใหญ่ มาก’ 

ชี้เป้าเอาใจเทคเลิฟเวอร์กับ 5 แก็ดเจ็ตตัวดังจากแบรนด์ชั้นนำ อาทิ Samsung, Xiaomi, Lenovo, Sony และ Redmi ที่มาพร้อมข้อเสนอที่ดีที่สุดแห่งปี และเสริมทัพความคุ้มค่าด้วยโปรโมชั่นสุดยิ่งใหญ่กับขบวนสินค้าไอทีกว่า 200 รายการ ลดทั้งร้านสูงสุดถึง 60%[1] ตั้งแต่วันที่ 3 จนถึง 15 พฤศจิกายน 2565

ในมหกรรม ‘Shopee 11.11 ลด ใหญ่ มาก นี้ ท็อปแวลู (Topvalue) ได้เตรียมส่งมอบโปรโมชั่นสุดพิเศษให้แก่เหล่านักช้อปและเทคเลิฟเวอร์ ด้วยส่วนลดสูงสุด 60%[2] โค้ดรับเงินคืนพิเศษจากร้านสูงสุด 500 Coins[3] พร้อมชี้เป้า ดีลพิเศษ แก็ดเจ็ตตัวดัง พร้อมของแถมอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น

Shopee

Sony WH-CH510 Wireless Headphones หูฟังไร้สายน้ำหนักเบา พร้อมระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 35 ชั่วโมง ให้ผู้ใช้สามารถฟังเพลงได้ตลอดทั้งวัน โดยลดเหลือเพียง 1,690 บาท จากปกติ 1,990 บาท พร้อมรับฟรี! สายชาร์จ BASEUS Super Si Quick Charger 1C 20W

Lenovo Tab M10 FHD Plus (2nd Gen) แท็บเล็ตแอนดรอยด์หน้าจอ 10.3 นิ้ว พร้อมชิปเซ็ต Helio P22T Octa Core ลดเหลือเพียง 6,590 บาท จากปกติ 6,690 บาท พร้อมรับฟรี! เคส Folio หรือฟิล์มกันรอย

Redmi 9A 2/32GB สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมหน้าจอ HD + DotDrop ขนาดใหญ่ถึง 6.53 นิ้ว และ แบตเตอรี่ถึง 5000mAh ลดเหลือเพียง 3,129 บาท จากปกติ 3,150 บาท พร้อมรับฟรี! ที่วางโทรศัพท์ในรถ COCOGU

Samsung Galaxy A04s 4/64GB สมาร์ทโฟนกล้องสวย คมชัด 50MP แบตเตอรี่อึดถึง 5,000 mAh ใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน ลดเหลือเพียง 4,999 บาท จากปกติ 5,099 บาท

Xiaomi Redmi 10 (2022) สมาร์ทโฟนที่มาพร้อม 4 กล้องอัจฉริยะ 50MP พร้อมหน้าจอแสดงผล 90Hz แบบ FHD+ DotDisplay ลดเหลือเพียง 5,499 บาท จากปกติ 5,520 บาท

นอกจากนี้ เทคเลิฟเวอร์ยังจะได้คุ้มอีกต่อกับของแถมสุดเซอร์ไพร์ส ไม่ว่าจะเป็น ออเดอร์แรกที่มีคำสั่งซื้อสูงสุด ที่ช้อปสินค้าแบรนด์ Alectric, ALTEC, SCE, Namiko, หรือ Fennix แบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง ในวันที่ 11 พฤศจิกายน ช่วงเวลา 00.00-11.59 น. รับเลย! เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ Alectric รุ่น Aatte One มูลค่า 8,590 บาท[4] จำนวน 1 รางวัล หรือในช่วงเวลา 12.00-23.59 น. รับเลย! หม้อทอดไร้น้ำมัน Alectric รุ่น OA5 มูลค่า 2,990 บาท[5] จำนวน 1 รางวัล

พร้อมมีสิทธิ์รับของแถมถึง 5 รางวัล ในแต่ละช่วงเวลา เมื่อซื้อสินค้าจากร้าน Topvalue.com Official Store บน Shopee Mall เฉพาะวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ ตามเงื่อนไขที่กำหนด ไม่ว่าจะเป็น เตารีดไอน้ำแบบพกพา Alectric รุ่น SI1 มูลค่า 1,290 บาท เมื่อช้อปครบ 3,000 บาท[6] เป็น 5 ออเดอร์แรก ในช่วง 00.00-11.59 น., 

หูฟังไร้สาย Lenovo SH1 มูลค่า 399 บาท เมื่อช้อปครบ 1,500 บาท[7] เป็น 5 ออเดอร์แรก ในช่วงเวลา 12.00 – 17.59 น., ปิ่นโตทรงกลม มูลค่า 599 บาท เมื่อช้อปครบ 1,200 บาท[8] เป็น 5 ออเดอร์แรก ในช่วงเวลา 18.00 – 20.59 น., เตาแม่เหล็กไฟฟ้า SCE รุ่น IH1 มูลค่า 1,590 บาท เมื่อช้อปครบ 3,000 บาท[9] เป็น 5 ออเดอร์แรก ในช่วงเวลา 21.00 – 23.59 น.

นอกจากทั้งลด ทั้งแถมแล้ว นักช้อปยังจะได้พบกับสิทธิประโยชน์มากมายเมื่อชำระผ่าน ShopeePay หรือเลือกผ่อนชำระง่ายๆ ไม่ต้องใช้บัตรด้วยบริการ SPayLater และนอกจากนี้นักช้อปยังจะได้รับประสบการณ์ความคุ้มที่เหนือกว่า เมื่อสมัครเป็นสมาชิกใน Shopee Mall Brand Memberships Program ความคุ้มค่าอัดแน่นแบบนี้มีเฉพาะในมหกรรม ‘Shopee 11.11 ลด ใหญ่ มาก เท่านั้น เทคเลิฟเวอร์ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด

ติดตามร้านค้า Topvalue.com Official Store บน Shopee Mall เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารและโปรโมชั่นล่าสุด ได้ที่ https://shopee.co.th/topvalue.com และดาวน์โหลดแอปพลิเคชันช้อปปี้ได้ฟรีจาก App Store, Google Play Store และ App Gallery


[1] เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

[2] เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

[3] เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

[4] สินค้ามีจำนวนจำกัด เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

[5] สินค้ามีจำนวนจำกัด เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

[6] สินค้ามีจำนวนจำกัด เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

[7] สินค้ามีจำนวนจำกัด เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

[8] สินค้ามีจำนวนจำกัด เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

[9] สินค้ามีจำนวนจำกัด เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

.fb-background-color {
background: #ffffff !important;
}
.fb_iframe_widget_fluid_desktop iframe {
width: 100% !important;
}

from:https://www.mobileocta.com/target-5-famous-gadgets-with-the-best-offer-from-topvalue/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=target-5-famous-gadgets-with-the-best-offer-from-topvalue

Fennix Feather WB-8568-6 เก้าอี้เกมมิ่ง นั่งสบาย เอนนอนได้ เล่นเกมได้ทั้งวัน

Fennix Feather WB-8568-6 เก้าอี้เกมมิ่งสไตล์สปอร์ต นั่งสบาย ปรับเอนได้ วัสดุพรีเมียมในราคาสบายกระเป๋า

Fennix Feather

Fennix Feather WB-8568-6 เป็นเก้าอี้เกมมิ่งในสไตล์สปอร์ต ในโทนสีที่มีให้เลือกทั้งขาว-แดง และเหลือง-ดำ พร้อม Lumbar และ Headrest แบบอิสระ ไม่ต้องมัด แต่เป็นแถบแม่เหล็ก ให้ความนุ่มนวล ตัวเก้าอี้และที่นั่งค่อนข้างใหญ่ในแบบ Wide seat แต่ก็มีความโอบกระชับ ทั้งในส่วนของหัวไหล่และเบาะนั่ง สไตล์เดียวกับเบาะรถแข่ง ซึ่งเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เสริมความแข็งแกร่งด้วยโช๊คที่รับน้ำหนักได้ถึง 150 กิโลกรัม ที่วางแขนปรับได้แบบ 4D เพื่อให้เคลื่อนไหวได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ซ้ายขวา หน้าหลัง ไปด้านข้าง และปรับระดับความ ใช้งานสะดวก และยังปรับเอนได้ถึง 135 องศา เพิ่มความสูงได้ที่ 8 เซนติเมตร เบาะรองนั่งและพนักพิงเป็นโฟมหนาแน่นสูง หุ้มด้วยวัสดุแบบหนังพรีเมียมตลอดทั้งตัว รับประกัน 5 ปี ราคา 8,990 บาท

Fennix Feather WB-8568-6 เก้าอี้เกมมิ่ง สไตล์สปอร์ต


Specification

  • วัสดุ: Memory foam และ Polyurethane (PU)
  • สี: White/Red, Yellow/Black
  • การออกแบบ: Modern
  • รองรับน้ำหนัก: 150 กิโลกรัม
  • หมอนรอง: รองคอ และรองเอว
  • ปรับเลื่อน: ที่วางแขน 4D ปรับเลื่อน ขึ้น-ลง, ซ้าย-ขวา, ไปข้างหน้า-ถอยหลัง, ความสูง 7 เซนติเมตร
  • ปรับเอน: ปรับเอนได้ 135 องศา
  • ปรับความสูง: เพิ่มความสูงได้ที่ 8 เซนติเมตร
  • Wheel: 5 ล้อ มาตรฐาน
  • รับประกัน 5 ปี *การรับประกันสินค้าเก้าอี้เกม จะรับประกันในส่วนของโครงสร้างเท่านั้น หากตัวเบาะขาดชำรุด จะอยู่นอกเหนือการประกัน

ก่อนหน้านี้เราเคยได้นำเสนอ เก้าอี้เกมมิ่ง 2 รุ่นจากค่าย FENNIX กันไปบ้างแล้ว ประกอบด้วย ซึ่งจัดว่าเป็นเก้าอี้เกมมิ่งระดับเริ่มต้น สำหรับเกมเมอร์งบประมาณจำกัด สามารถใช้งานและนั่งเล่นเกมได้สบายขึ้นในรุ่น Fennix HC-2691 และ Fennix HC-6H01 เพราะมีทั้งสไตล์ที่เป็นกึ่งสำนักงาน ด้านหลังเป็นผ้าตาข่ายระบายความร้อนได้ดี และเป็นเบาะผ้า หน้ากว้าง ให้ความสบายในการนั่งได้ในแบบคนที่ไม่อินกับเบาะหนัง และแบบที่เป็นเบาะ PU ที่เพิ่มความล้ำสมัยในสไตล์ Esport มาด้วยอีกรุ่นหนึ่ง ปรับเลื่อนได้ง่าย เพิ่มความกระชับและมีที่รองศีรษะและรองหลังได้อย่างลงตัว มาในโทนสีดำแดง มาถึงวันนี้เราก็มีตัวเลือกเพิ่มเติมเข้ามาในราคาไม่ถึงหมื่นบาทจากทาง FENNIX มาแนะนำกันอีกรุ่นหนึ่ง ซึ่งเพิ่มไลฟ์สไตล์การใช้งานและความพรีเมียม เหมาะกับเกมเมอร์ ที่ต้องการปรับเปลี่ยนเก้าอี้ใหม่ในช่วงปีใหม่นี้ เพื่อให้รองรับกับการเล่นเกมที่คุณโปรดปรานได้อย่างลงตัว

Advertisementavw

Install

Fennix Feather

มาเริ่มที่การติดตั้งกันก่อน สำหรับเก้าอี้เกมมิ่ง Fennix Feather รุ่นนี้ ประกอบค่อนข้างง่าย ในกรณีที่ผู้ใช้ต้องมาประกอบเอง ในกล่องจะมีทั้ง 6 เหลี่ยมและน็อตมาให้ครบชุดเลย โดยให้แกนหมุนที่ใช้ในการปรับความยืดหยุ่นอยู่ทางด้านหน้า นอกจากนี้ยังมีสติ๊กเกอร์บอกทิศทางในการวาง เพื่อติดตั้งได้ง่ายขึ้น

Fennix Feather

ข้อดีอีกอย่างหนึ่งสำหรับคนที่ต้องประกอบเอง นั่นคือ ไม่ต้องสับสนกับตัวน็อตหลากไซส์หลายขนาด แบบบางรุ่น เพราะเก้าอี้รุ่นนี้มาพร้อมกับน็อต 6 เหลี่ยมแบบเดียวกันทั้งหมด จำนวน 12 ตัว ใช้ยึดฐานจำนวน 4 ตัว และที่รองแขนข้างละ 4 ตัว ใช้แบบเดียวกันได้ทั้งหมด ข้อดีคือ ไม่ต้องใช้ 6 แฉกหลายขนาด และในกล่องก็มีมาให้พร้อมใช้งาน แนะนำว่าเวลาประกอบให้ใส่น็อตเข้าไปแล้วหมุนเบาๆ ไปก่อนทั้ง 4 มุม จากนั้นค่อยๆ ไขให้แน่นไขว้กันไปมา ไขให้พอตึงมือในตอนแรก เมื่อเข้าที่แล้ว จึงไขให้แน่นต่อไป

Fennix Feather

ส่วนขาเก้าอี้จะเป็นแบบ 5 แฉก กระจายน้ำหนักลงไปที่ล้อ ที่มีมาให้ 5 ชุดด้วยกัน ระยะกว้างของฐานล้อ ค่อนข้างใหญ่ทีเดียว

Fennix Feather

ล้อไซส์มาตรฐานเส้นผ่านศูนย์กลางราวๆ 5cm ค่อนข้างแข็งแรงพอสมควร ความลื่นไหลทำได้ดีทีเดียว เหมาะทั้งการใช้งานบนพื้นทั่วไป หรือจะเป็นพื้นที่ปูพรมก็ตาม

Fennix Feather

การติดตั้งล้อก็เป็นไปในแบบมาตรฐาน นั่นคือ กดลงไปตรงๆ ในช่องที่เตรียมเอาไว้ในแต่ละขา อาจจะต้องออกแรงพอสมควร เพื่อดันสลักเข้าไปให้แน่น เพื่อเพิ่มความแข็งแรง เมื่อต้องใช้งาน

Fennix Feather

และอย่างที่กล่าวเอาไว้ตอนต้นก็คือ Fennix ใช้น็อตแบบเดียวกันทั้งหมดในการติดตั้ง และที่พักแขน ก็เป็นเช่นเดียวกัน ด้านใต้อย่างละ 4 ตัว เป็นอันเสร็จสิ้น หลังจากตรวจเช็คความแน่นหนาแล้วก็พร้อมใช้งาน โดยที่วางแขนนี้ มีช่องให้เลื่อนได้ หากเป็นคนตัวเล็กนั่ง ต้องการระยะที่แคบลง ให้ร่นเข้ามาชิดเก้าอี้ให้ได้มากที่สุด แล้วจึงไขให้แน่นทั้ง 2 ด้าน แต่ในที่นี่เราดันระยะร่นให้ห่างออกไป เพื่อให้เข้ากับผู้ใช้ที่ตัวใหญ่ขึ้นนั่นเอง

Fennix Feather

ซึ่งเมื่อประกอบเสร็จเรียบร้อยก็ออกมาเป็นหน้าตาแบบนี้ ซึ่งเราได้มาทดสอบทั้ง 2 สีที่มีคือ เหลืองดำ และแดงขาว จัดว่าสวยทั้งคู่ ชอบความพรีเมียมสีเหลืองก็สวย ดูเข้าคู่กับโต๊ะสีดำได้ดีทีเดียว ยิ่งถ้าคุมโทนในแบบมืดๆ สีเหลืองดำนี้ จะทำให้เข้าธีมมากขึ้น แต่ถ้าชอบสไตล์สปอร์ต ก็คงต้องแดงขาว เข้ากับโต๊ะสีขาว และหากได้ชุดเคสคอม ที่เป็นแบบเกมมิ่งสีขาวด้วยแล้ว น่าจะทำให้ดูสะดุดตามากยิ่งขึ้น งานนี้เรียกว่าจัดโต๊ะคอมในแบบ RGB ต้องมาแล้ว มาตรงนี้แล้วใครชื่นชอบก็สามารถสั่งได้ ที่นี่ ราคาสุดพิเศษ


Design

Fennix Feather

ด้านบนสุดที่เป็นพนักพิงหรือที่รองศีรษะ มาในไซส์ค่อนข้างใหญ่ ด้านข้างโอบเข้าหาไหล่ทั้ง 2 ข้าง แต่ไม่อึดอัด เพราะกว้างมากพอให้ขยับไปมาได้สะดวก โดยมี High Density Foam ด้านใน ให้ความรู้สึกแน่นๆ ต่างจากเบาะรองนั่ง ที่มีความนุ่มนวลมากกว่า แต่ก็เสริม Neck support มาให้ ไม่มีเป็นสายรัดคาดมาด้วย แต่เป็นแบบแม่เหล็กที่สามารถดูดติดกับโลหะที่อยู่ภายในได้เลย ตรงนี้ก็ถือว่าใช้ได้นะ แต่บางครั้งจะไม่ค่อยอยู่กับที่เท่าไร เมื่อเราขยับศีรษะไปมาบ่อยๆ

Fennix Feather

ในจุดที่เป็นหมอนรองศีรษะนี้ จะเป็นแถบแม่เหล็ก 2 จุด ติดอยู่กับด้านบนของพนักพิง ก็พอให้สามารถเลื่อนขึ้นลงได้ในระดับหนึ่ง แต่บางครั้งถ้าวางไม่ตรงตำแหน่งหรือลงมาต่ำเกินไป ก็จะทำให้แม่เหล็กดูดไม่ติดเหมือนกัน ซึ่งก็จะสะดวกดีสำหรับคนที่ไม่ชอบสายรัดที่พันไปมาให้วุ่นวาย และยังทำให้เก้าอี้ดูเรียบร้อยมากขึ้น

Fennix Feather

ปีกด้านข้างเป็น PU หุ้ม High Density Foam พร้อมกับเดินตะเข็บด้ายสีขาวมาอย่างแน่นหนา ซึ่งรอยต่อเป็นการเดินเส้นคู่ พอจะให้มั่นใจได้ในความแข็งแรง มีโลโก้ FENNIX มาด้วย เพิ่มความเท่ให้กับตัวเก้าอี้ได้ดีทีเดียว

Fennix Feather

ด้านหลังที่วางศีรษะ ใช้การเดินด้ายสีแดงบนพื้น PU สีขาว เป็นโลโก้ FENNIX by Alectric ขนาดใหญ่ ดูสะดุดตา ซึ่งด้านหลังก็ยังเป็นการหุ้มบนโฟมความหนาแน่นสูง เรียกว่าตึงแน่นให้สัมผัสที่แข็งแรงเลยทีเดียว

Fennix Feather
Fennix Feather

เบาะนั่งเป็นแบบ Wide Seat ซึ่งมีพื้นที่นั่งค่อนข้างกว้าง โดยเฉพาะช่วงขา และมีเบาะที่ทำโครงขึ้นมาโอบด้านข้างเอาไว้ ซึ่งเหมาะตั้งแต่เกมเมอร์ผู้หญิง ไปจนถึงเกมเมอร์ชายที่ตัวใหญ่ สามารถนั่งได้สบาย และยังรองรับน้ำหนักได้ถึง 150 กิโลกรัม

Fennix Feather

เก้าอี้เกมมิ่ง Fennix Feather WB-8568-6 ด้านหลังดีไซน์หุ้ม PU มาเต็มพื้นที่สีขาว และโลโก้ FENNIX สีแดง ปักด้วยด้ายแดงและโลโก้ได้อย่างโดดเด่น

ในโทนสีเหลือง-ดำ ก็ดูน่าสนใจไม่แพ้กัน รูปแบบและโครงสร้างเหมือนกันทั้งหมด ต่างกันเพียงสีหลักเท่านั้น

การเดินด้ายแบบคู่ ยึดให้รอยต่อของสีขาวและสีแดงเข้าหากันอย่างแน่นหนา และยังมีซิปที่ขอบด้านข้าง สำหรับการซ่อมแซมได้ในอนาคต

Fennix Feather

ที่วางแขนเป็นแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้างประมาณ 10cm ยาวราวๆ 25cm บุวัสดุแบบ PU มาให้มีความนุ่มนวลในระดับหนึ่ง แต่จุดเด่นคือ เป็นแบบ 4D ปรับเลื่อนในมุมต่างๆ ได้สะดวก โดยจะอธิบายข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนของ Adjustable

Fennix Feather

Lumbar หรือที่รองหลัง มาในแบบอิสระ ไม่ได้ถูกผูกมัดหรือติดกับตัวพนักพิงแต่อย่างใด วัสดุจะต่างจากตัวหลักของเก้าอี้ เพราะมาในแบบวัสดุที่เป็นกำมะหยี่หุ้มเมมโมรีโฟม ที่มีความนุ่มนวล ให้ความโค้งเว้าเข้ากับแผ่นหลังของผู้ใช้ พร้อมโลโก้ FENNIX สีแดงสด เป็นการปักด้ายแดงเช่นเดียวกัน ส่วนตัวมองว่าใช้เป็นหมอนรองนอนตอนเอนเบาะได้กำลังดี เพราะมีไซส์ค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว ความยาวประมาณ 38 เซนติเมตร และกว้าง 29 เซนติเมตร

สำหรับสีขาวแดงและดำเหลือง แทบจะไม่ต่างกัน เพราะมี Lumbar แบบเดียวกัน เพียงแต่สีโลโก้กับพื้นหลังต่างกันเท่านั้น กับเมมโมรีโฟมนุ่มๆ โดยส่วนตัวมองว่าสีดำเหลืองทำให้รู้สึกพรีเมียมทีเดียว เพราะโลโก้จะออกแนวเหลืองทองๆ แต่ดูสะดุดตาบนพื้นสีดำ ได้อย่างน่าสนใจ

Fennix Feather

เบาะนั่งเป็นแบบโฟมหนาแน่นสูง ซึ่งให้ความกระชับ ไม่ยวบยาบจนเกินไป และหนัง PU ที่หุ้มอยู่นี้ ก็เหมาะมากสำหรับเกมเมอร์ที่นั่งเล่นเกมนานๆ ยิ่งถ้าอยู่ในห้องปรับอากาศ ก็จะมีความสบายมากขึ้น การเดินตะเข็บด้วยด้ายมาแบบ 2 ชั้น ในการเชื่อมต่อแต่ละชิ้น ด้วยการเป็นที่นั่งแบบหน้ากว้าง จึงทำให้รู้สึกสบาย ไม่อึดอัด แม้จะไม่ได้เป็นแบบเจาะรูมาก็ตาม จุดที่เป็นช่องว่างระหว่างเบาะนั่งกับปีกที่ยื่นออกมานี้ อาจจะมีฝุ่นอยู่บ้าง เมื่อใช้งานไปนานๆ แต่ก็ใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดได้ไม่ยาก


Adjustable

Fennix Feather

ในแง่ของการปรับเอน สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ การทรงตัวที่ดี ซึ่งผู้ใช้มั่นใจได้ว่า ไม่มีอาการโยกเยกให้ได้รู้สึกไม่อุ่นใจ ส่วนหนึ่งก็เพราะระดับการเอนอยู่ที่ 135 องศา อาจจะไม่ได้เป็นระดับนอนราบไป แต่ก็พอให้เกมเมอร์ได้พักสายตาได้ในช่วงหนึ่ง และ Lumbar เองก็เป็นตัวช่วยที่ดีในการพยุงหลัง ไม่ให้ปวดเมื่อย เมื่อเอนไปนานๆ

Fennix Feather

การปรับเอน สามารถใช้ด้านโยกทางขวามือ ดึงขึ้นเพื่อปรับตั้งหรือเอนเบาะพิงให้ตั้งขึ้นหรือเอนลงไป ภาพข้างบนนี้ เทียบให้เห็นมุมของพนักพิงที่เป็นแนวตั้ง และเมื่อปรับระดับเอนไปที่ 135 องศา เรียกว่าพอให้ได้เอนพักหลังได้พอสมควร สำหรับคุณผู้หญิง ไม่สูงมากนัก แนะนำว่าให้ปรับความสูงลงจนสุด จะทำให้สบายขึ้น เมื่อเอนพนักพิง

Fennix Feather

ถัดมาคือเรื่องของที่วางแขน ก็ถือว่าเป็นไฮไลต์ของเก้าอี้ FENNIX รุ่นนี้ได้เช่นกัน เพราะสามารถปรับได้หลายรูปแบบ นั่นคือ ปรับความสูง-ต่ำได้ระดับ 7 เซนติเมตร, ปรับเลื่อนขึ้นหน้า-ถอยหลัง, การปรับซ้าย-ขวา เพื่อให้การวางมือหรือวางแขนของคุณอิสระมากขึ้น แม้การปรับความสูงอาจจะได้ไม่มากนัก แต่ก็เพียงพอต่อการเลื่อนให้เข้ากับสรีระของผู้ใช้ได้ดี ตามภาพตัวอย่างด้านบนนี้

Fennix Feather

ตามภาพด้านบนนี้ จะเห็นได้ว่าหากเป็นคุณผู้หญิงความสูงประมาณ 150-160cm เมื่อปรับความสูงไปจนสุด ขาอาจจะลอยขึ้นนิดๆ วางไม่ได้เต็มเท้า แบบนี้แนะนำว่าให้ปรับลดลงมาเพื่อความเหมาะสม โดยความสูงนี้ จะปรับเพิ่มจากพื้นฐานขึ้นอีก 8cm ซึ่งหากเป็นคุณผู้ชาย ความสูงระดับ 170cm ขึ้นไป ก็จะวางเท้าได้เต็ม


Performance

Fennix Feather

มาว่ากันถึงประสบการณ์และความสะดวกสบายในการใช้งานเก้าอี้เกมมิ่ง Fennix Feather กันบ้าง เริ่มกันที่ความ Comfort และ Support เรียกได้ว่าฟังก์ชั่นที่มีให้ มีอย่างครบครัน ในแบบที่เก้าอี้เกมมิ่งพึงจะมี ไม่ว่าจะเป็น ความกระชับ นั่งสบายของวัสดุที่เป็นจุดสัมผัส แม้พนักพิงหลัง และเบาะนั่งจะไม่ได้นุ่มนวลมากนัก แต่ก็เป็นไปตามสไตล์ของเก้าอี้เกมมิ่ง เช่นเดียวกับพื้นผิวที่เป็นวัสดุที่เป็น PU บุมาทั้งตัว ทำให้ระบายความร้อนได้ดีในระดับหนึ่ง ซึ่งหากเล่นในห้องปรับอากาศ ก็จะเย็นสบาย ส่วนถ้าในอุณหภูมิห้องธรรมดา การเพิ่มพัดลมให้ไหลเวียนได้ดี ก็ช่วยให้เล่นได้แบบยาวๆ

Fennix Feather

แม้ว่าพนักพิงหลังและเบาะนั่ง จะเป็นแบบโฟมหนาแน่นสูง แต่ Lumbar และ Head rest ก็เป็นเมมโมรีโฟม ที่ให้ความนิ่มนวล และยังหุ้มด้วยผ้ากำมะหยี่ จึงให้สัมผัสที่รู้สึกสบายมากขึ้น เพียงแต่ทั้ง 2 ชิ้นนั้น จะไม่ได้มีสายรัดหรือตัวล็อคมาให้ แต่การใช้แม่เหล็ก เป็นตัวเกาะยึด ก็พอให้ใช้งานได้ในระดับหนึ่ง แต่อาจจะไม่แน่นหนามากนัก ผู้ใช้อาจจะต้องขยับบ่อย เพื่อให้อยู่ในระดับที่ต้องการ ส่วน Lumbar จัดว่าทำหน้าที่ได้ดี ทั้งเวลาที่นั่งหรือเอนนอนก็ตาม

Fennix Feather

ฟังก์ชั่นการปรับเลื่อนของที่วางแขน ก็ถือว่าเป็นเสน่ห์ที่น่าสนใจไม่เบา เพราะปรับได้หลายรูปแบบ ซึ่งถือว่าตอบโจทย์ทั้งในแง่ของการทำงานและการเล่นเกม เพื่อให้สอดคล้องกับโต๊ะ และอิริยาบถต่างๆ ในแต่ละช่วงวันของคุณ ส่วนการปรับระดับความสูงของเก้าอี้ ปรับได้ประมาณ 8cm เท่านั้น อาจจะน้อยไปสักนิด แต่ก็ทดแทนด้วยการปรับเอนได้ที่ 135 องศา ไม่ถึงกับปรับนอน แต่ก็เอนพักสายตาได้ระหว่างแมทช์

ระยะความลึกของเบาะไปจนถึงพนักพิงหลัง ที่เป็นพื้นที่นั่งแบบเต็มๆ อยู่ที่ประมาณ 50cm ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ทำให้ผู้ใช้ที่ชอบนั่งพิงหลัง ดันไปได้แบบสุด รับความยาวของต้นขาได้อย่างเต็มที่ ยิ่งถ้าเป็นผู้ใช้ตัวเล็กๆ ก็จะนั่งยกขาขึ้นมาบนเบาะได้เลย สไตล์การนั่งแบบนี้มีเกมเมอร์หลายคนชอบ

Fennix Feather

พื้นที่ของพนักพิงด้านหลังกว้างพอสมควร ประมาณ 44cm จึงให้คนที่ตัวใหญ่ พิงไหล่ได้ กำลังดี แต่ถ้าเป็นผู้หญิงตัวเล็กหน่อย ก็จะเหลือพื้นที่พอสมควร เรียกว่านั่งสบาย ไม่อึดอัด ยิ่งใส่หูฟังแบบ Over-ear หรือ Headset ก็ไม่ต้องกลัวชนกับขอบเก้าอี้อีกด้วย

Fennix Feather

ความสะดวกสบายในการใช้งาน ก็มีให้เห็นอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น จุดปรับเลื่อนความสูง ที่อยู่ทางด้านขวา มีตัวล็อคมาให้ทั้ง 2 ด้าน ขาและล้อก็กระจายน้ำหนักได้ดี รองรับได้ถึง 150 กิโลกรัม การเคลื่อนไหวจัดว่าลื่นและคล่องตัวไม่น้อย


Conclusion

Fennix Feather

ในภาพรวมของเก้าอี้ Fennix Feather WB-8568-6 รุ่นนี้ที่วางจำหน่ายใน Topvalue ต้องถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ในบรรดาเก้าอี้เกมมิ่งรุ่นต่างๆ ที่วางจำหน่ายในตลาดเวลานี้ ออกแบบมาให้กับเกมเมอร์ที่ชื่นชอบความสปอร์ตและดูพรีเมียม และให้สัมผัสในการนั่งที่กระชับ แต่ไม่อึดอัดจนเกินไป ด้วยวัสดุแบบ PU ที่มีความสบาย นั่งได้ยาวๆ เสียดายที่ไม่ได้ทำเป็นสไตล์หนังเจาะรู ที่น่าจะช่วยให้นั่งได้สบายยิ่งขึ้น แต่การตัดเย็บอย่างประณีตเดินตะเข็บได้แข็งแรง ทำให้รับน้ำหนักได้ดี เช่นเดียวกับตัวโช๊คอัพที่รับน้ำหนักได้ถึง 150 กิโลกรัม ช่วยให้เกมเมอร์ตัวใหญ่ นั่งได้มั่นคงมากขึ้น ส่วนคนที่ชอบงีบหรือเอนนอนระหว่างพักเกม หรือจะใช้เป็นเก้าอี้ดูหนังสตรีมมิ่ง แม้จะเอนนอนราบไปจนสุดไม่ได้ แต่ระดับการเอนที่ 135 องศา ก็เพียงพอต่อการใช้งาน อีกทั้งมีความมั่นคง ไม่โยกไปมา ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่เกมเมอร์หลายคนสนใจ จะมีติดอยู่เล็กน้อยเท่านั้นกับที่รองศีรษะ ซึ่งไม่ได้ใช้สายรัด แต่เป็นแม่เหล็ก ที่ติดกับตัวเบาะ ที่อาจจะไม่ได้แน่นหนามาก เพราะการขยับศีรษะในบางครั้ง ก็ทำให้หลุดออกมาได้เหมือนกัน แต่ก็ให้การปรับเลื่อนที่ง่ายขึ้น และเมื่อดูที่ค่าใช้จ่ายที่เป็นราคาพิเศษจากราคาเดิม 11,990 บาท ลดเหลือแค่ 8,990 บาทเท่านั้น จัดว่าเป็นราคาที่ลงตัว พร้อมกับการรับประกัน 5 ปี ซึ่งเหมาะกับการใช้งานของเหล่าเกมเมอร์ นั่งสบายใช้งานได้นานขึ้น


ราคา: พิเศษ 8,990 บาท

ติดต่อ

Topvalue ช้อปปิ้งออนไลน์แห่งใหม่

from:https://notebookspec.com/web/633904-fennix-feather-gaming-chair

Fennix HC-6H01 Ergonomic Chair เก้าอี้ไลฟ์สไตล์ ทำงานที่บ้าน นุ่มปรับได้ ระบายอากาศดี

Fennix HC-6H01 Ergonomic Chair ปรับเอนได้ ระบายอากาศดี เน้นสรีระการนั่ง กว้างนั่งสบาย นั่งได้นาน

Fennix HC-6H01

Fennix HC-6H01 หลายคนที่ทำงานที่บ้าน WFH เก้าอี้ที่นั่งสบาย เหมาะกับการทำงานหรือการพักผ่อน ดูจะเป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่มีความสำคัญ การเลือกเก้าอี้ที่เหมาะสมกับสรีระ นั่งได้นาน และรับน้ำหนักได้ดี ก็จะช่วยลดอาการปวดหลัง ปวดเอว เมื่อต้องประชุม เล่นเกม หรือทำงานต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้เราเคยได้แนะนำเก้าอี้เกมมิ่ง Fennix HC-2691 กันไปบ้างแล้ว มาในวันนี้เราได้รับเก้าอี้ในแนวนั่งสบาย มาได้ลองกัน โดยยังเน้นความสปอร์ตเล็กๆ และมีรูปทรงที่ทันสมัย ปรับเลื่อนได้ในหลายจุด รับน้ำหนักได้ถึง 100Kg ในรุ่น HC-6H01 Ergonomic Chair ซึ่งเป็นเก้าอี้ใช้ในชีวิตประจำวัน สนนราคาประมาณ 3 พันกว่าบาท โดยจะแนะนำกันตั้งแต่การประกอบ ไปจนถึงการใช้งานจริง ว่าจะเหมาะกับการทำงานในแต่ละช่วงวันได้มากน้อยเพียงใด

Fennix เป็นผลิตภัณฑ์จากค่าย ค่าย Alectric ซึ่งเป็นผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า จำหน่ายสินค้า เช่น เครื่องกรองอากาศ ปรับอากาศ พัดลม และเครื่องใช้ในครัวเรือน นับว่าเป็นอีกค่ายหนึ่ง ซึ่งมักจะออกแบบไลน์สินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้และมีความเป็นนวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์การใช้งาน โดยเก้าอี้เกมมิ่งรุ่นนี้วางจำหน่ายในช่องทางของ Topvalue

Advertisementavw

Fennix HC-6H01

Specification

  • วัสดุ: ผ้าหุ้มแบบตาข่ายและเส้นใยไนลอน เหนียว ทนทาน ระบายอากาศได้ดี
  • ขนาดเบาะรองนั่ง: 20″(ก)*26″(ย) – (40.6cm x 66cm)
  • ขนาดพนักพิง: 16″(ก)*27″(ย) – (40.6cm x 69cm)
  • ปรับระดับความสูงได้:16-20 นิ้ว (40.6cm – 50.8cm)
  • รองรับน้ำหนัก: 100 Kg.
  • น้ำหนักสินค้า (รวมกล่อง): 17 Kg.
  • รับประกันสินค้า 3 ปี โดย บริษัท ท็อปแวลู คอร์ปอเรท จํากัด Topvalue care Call Center : 1277

Unbox

Fennix HC-6H01

มาเริ่มต้นกันที่แพ๊คเกจ ซึ่งบรรจุมาเป็นชิ้นส่วน ใส่มาในกล่องสีน้ำตาลเรียบง่าย แต่มีโลโก้ Fennix แบบเท่ๆ เช่นนี้ ภายในแพ๊คกันกระแทกมาได้ดีพอสมควร

Fennix HC-6H01

เมื่อแกะอุปกรณ์ด้านในกล่องออกมา จะประกอบไปด้วย พนักพิงหลัง, เบาะรองนั่ง, ที่วางแขน, กลไกตัวล็อค, ขา และล้อเลื่อน รวมถึงอุปกรณ์สำหรับการประกอบ

Fennix HC-6H01

พนักพิงหลัง มาในขนาดที่ใหญ่ และเป็นรูปแบบของตาข่าย ซึ่งเราจะเจาะรายละเอียดกันอีกทีในช่วงการทดสอบ มีที่พิงศีรษะ แต่ไม่มี Headrest มาให้ ความสูงตั้งแต่ขอบล่าง จนถึงที่รองศีรษะด้านบนอยู่ที่ 72cm

Fennix HC-6H01

เบาะนั่งเป็นโทนสีดำ วัสดุเป็นแบบฟองน้ำหนาแน่นสูง หุ้มด้วยวัสดุแบบผ้าตาข่าย ขนาดด้านกว้างอยู่ที่ 50cm และด้านลึกประมาณ 51cm

Fennix HC-6H01

กลไกที่เป็นตัวล็อคและปรับเลื่อนของเก้าอี้ ติดตั้งง่าย ใช้น็อตเกลียวแค่ 3 ตัวเท่านั้น จะมาแนะนำในการประกอบอีกครั้งหนึ่งครับ

Fennix HC-6H01

ที่วางแขน เป็นแบบปรับเลื่อนได้ แต่จะเป็นการเลื่อนแบบใช้จุดหมุน มีให้ 2 ชุด ซ้าย-ขวา ความยาวของเบาะรองแขนอยู่ที่ประมาณ 38cm

Fennix HC-6H01

จุดปิดด้านหลัง เพื่อไม่ให้เห็นกลไกของเก้าอี้ ทำให้เก้าอี้ออกมาดูเรียบร้อยขึ้น และเพิ่มความสปอร์ตอีกเล็กน้อย

Fennix HC-6H01

ขาเก้าอี้เป็นแบบ 5 แฉก กระจายน้ำหนักลงบนล้อที่เตรียมเอามาไว้ให้ ขนาดค่อนข้างใหญ่ทีเดียว

Fennix HC-6H01

อุปกรณ์อื่นๆ เช่น โช๊คอัพเก้าอี้ ล้อเลื่อน และน็อตสกรู ที่จัดมาให้แบบครบๆ

Fennix HC-6H01

เหล็กยึดกับพนังพิงหลัง และตัวเก้าอี้ เพื่อให้ความแข็งแรง เป็นเหมือนแกนหลักของเก้าอี้เลยทีเดียว

Fennix HC-6H01

โช๊คอัพของเก้าอี้ เป็นส่วนที่ใช้รับน้ำหนัก รวมถึงการปรับระดับความสูงของเก้าอี้รุ่นนี้

Fennix HC-6H01

ล้อเลื่อนแบบพลาสติกสีดำ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5cm กับขายึดที่เป็นโลหะ จำนวน 5 ชิ้น เป็นแบบล้อคู่

Fennix HC-6H01

คู่มือการติดตั้ง ซึ่งทำให้การติดตั้งง่ายขึ้น แต่ด้วยความไม่ซับซ้อนของชิ้นส่วน ทำให้การประกอบไม่มีความยุ่งยากมากนัก เรียกว่ามือใหม่ยังสามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยอุปกรณ์ที่ใช้เป็นเครื่องมือ มีเพียง 6 แฉกอันเดียวเท่านั้น มีมาให้ในกล่องแล้ว


Install

Fennix HC-6H01

เริ่มการประกอบเก้าอี้ Fennix HC-6H01 จากด้านล่างสุด นั่นคือการใส่ล้อเลื่อน เข้าไปในเบ้าของขาเก้าอี้ วิธีการง่ายๆ คือ ตั้งตัวล็อคให้ตรง แล้วกดลงไปจนมีเสียงดังกึก เป็นอันใช้ได้

Fennix HC-6H01

เมื่อใส่ครบทุกล้อ ก็ลองเลื่อนๆ ดูว่าแน่นหนาดีหรือไม่ ถ้าไม่แน่น อาจไม่ตรงกับล็อค ให้ลองมาขยับใหม่อีกครั้ว

Fennix HC-6H01

ที่นี้มาใส่โช๊คอัพกันบ้าง โดยตัวเบ้าของโช๊คนั้น สามารถวางลงไปตรงๆ ได้เลย แล้วใช้มือคุณกดลงไปบนตัวโช๊คเล็กน้อย ให้พอรู้สึกแน่นเท่านั้นพอ เพราะตัวเบาะที่เราจะใส่ลงไป จะเป็นตัวช่วยให้แน่นหนาขึ้น

Fennix HC-6H01

แต่ก่อนจะใส่เบาะรองนั่งลงไป ให้มาเตรียมพนักพิงหลัง ด้วยการใส่แกนที่ใช้ค้ำยัน ใช้น็อตจำนวน 3 ตัว ไขเข้ากับเบาะหลังให้แน่น

Fennix HC-6H01

เมื่อไขเสร็จแล้ว จะมีแกนยื่นมาในลักษณะนี้ ด้านปลายสุด จะใช้ในการใส่ลงไปในช่องของเบาะรองนั่ง

Fennix HC-6H01

ติดตั้งกลไกของเก้าอี้ ด้านใต้เบาะรองนั่ง โดยจะมีช่องที่เจาะรู วางตัวรับเอาไว้แล้ว สามารถวางและไขน็อตเข้าไปได้ทันที ไม่มีติดผิดด้านแน่นอน ให้ปลายของตัวควบคุม หันมาทางด้านข้างเช่นนี้

Fennix HC-6H01

จากนั้น เมื่อติดตั้งกลไกควบคุมเสร็จแล้ว ให้วางตัวเบ้า ซึ่งอยู่กลางเก้าอี้ ประกอบเข้ากับตัวโช๊คที่วางไว้ก่อนหน้านี้ ลองกดลงไปให้ตัวโช๊คติดแน่นเข้ากับขาเก้าอี้

Fennix HC-6H01

จากนั้นติดตั้งพนักพิงหลัง ที่ประกอบแกนหลักลงไปในช่องที่เบาะ ซึ่งมีเพียงช่องเดียว แล้วกดลงไปให้พอดี

Fennix HC-6H01

จากนั้นให้ปรับระดับความสูงของพนักพิงตามใจชอบ แล้วหมุนตัวล็อคเข้าหาตัว บิดให้แน่น เพื่อยึดระดับที่ต้องการเอาไว้ ตรงนี้เอาให้แน่นมากที่สุด เพื่อความแข็งแรง

Fennix HC-6H01

มาถึง Armrest หรือที่วางแขนกันบ้าง ตรงนี้ใช้น็อตยึด 2 จุดด้วยกัน คือบริเวณข้อศอก และจุดที่ยึดกับเบาะรองนั่ง

Fennix HC-6H01

เมื่อไขครบทั้ง 2 ด้าน ก็เป็นอันเสร็จสิ้น ให้เช็คบริเวณข้อต่อ และจุดยึดน็อตต่างๆ ว่ามีความแข็งแรงและแน่นหนาพอหรือไม่


Design

Fennix HC-6H01

ประกอบเสร็จเรียบร้อย ใช้เวลาไม่นานมากครับ เพราะแทบจะไม่มีความซับซ้อน มือใหม่ก็ประกอบได้เอง ไม่ยากครับ

Fennix HC-6H01

หน้าตาที่ดูเรียบง่าย แต่ก็มีสไตล์ของเก้าอี้สำนักงานอยู่ด้วย กับโทนสีดำตลอดทั้งตัว ผสมผสานกันระหว่างชิ้นส่วนที่เป็นพลาสติก และโครงสร้างเหล็ก มีส่วนที่เป็นเบาะผ้าสลับกันไป ไม่ได้เน้นเรื่องของความหวือหวาหรือเส้นสายใดๆ มากนัก

Fennix HC-6H01

เบาะรองศีรษะมาในแบบเบาะสีดำ หุ้มด้วยผ้าตาข่ายความหนาประมาณ 1-2cm ซึ่งดูแล้วจะต่างจากเก้าอี้เกมมิ่ง เพราะเก้าอี้ Ergonomic เช่นนี้ เน้นที่การวางศีรษะ เพื่อพักสายตาเป็นหลัก ไม่ได้มี Headrest ที่เป็นเบาะแยกต่างหากมาให้ ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า เบาะแบบนี้ ให้การพิงได้ดี ทั้งช่วงของการทำงาน และการพักแบบชั่วคราว ไม่นูนขึ้นมามากเกิน จนต้องงุ้มคอลงไป หรือไม่ก็ต้องจัดทรงหมอนรองมาไว้แถวคอแทน แต่ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน

Fennix HC-6H01

พนักพิงหลัง ไม่ได้เป็นเบาะ แต่มาในแบบตาข่ายสีดำ ที่เรียกว่า Polyester Mesh & Nylon ที่มีความยืดหยุ่นพอสมควร ใครที่ชอบความสบาย เน้นมี Airflow น่าจะชอบ เพราะไม่ได้เป็นเบาะหรือฟองน้ำ แต่โปร่ง ทำให้ลมผ่านได้ดี ลดความเครียดไปได้พอสมควร ระดับการพิงผู้ใช้เองน้ำหนักประมาณ 70Kg. สามารถพิงลงไปได้แบบเต็มตัว แม้จะไม่นุ่มนวล เหมือนกับในเมมโมรีโฟม แต่เรื่องความสบาย ให้คะแนนได้เยอะเลย

Fennix HC-6H01

เบาะนั่งเป็นแบบฟองน้ำที่มีความยืดหยุ่นสูง ความหนาประมาณ 7cm หุ้มด้วยผ้าตาข่ายที่เรียกว่า Mesh ซึ่งมีช่องให้การระบายอากาศได้ดีขึ้น ให้อารมณ์ต่างจากเก้าอี้เกมมิ่งอยู่บ้าง เพราะไม่ได้เป็นแบบหนัง PU หุ้มเอาไว้ ความนุ่มนวลอาจจะไม่แน่นเท่า แต่ความสบายก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เมื่อนั่งไปนานๆ

Fennix HC-6H01

ผ้า Mesh ที่หุ้มอยู่บนเบาะนี้ ความรู้สึกในการนั่ง จะไม่แน่น แต่ก็นุ่มมีจังหวะการยวบลงไปค่อนข้างเยอะ ขึ้นอยู่กับคนชอบ เพราะสไตล์ของการนั่งบนเบาะ แบบทรงที่เรียบง่ายนี้ แต่มีการระบายอากาศได้ดี ก็นั่งสบายๆ ส่วนถ้าชอบแบบสปอร์ต เน้นแน่น และมีริมการ์ดให้โอบกระชับ ก็ต้องไปที่เก้าอี้เกมมิ่งครับ

Fennix HC-6H01

ความหนาของเบาะนั่งประมาณ 7cm มีการตัดเย็บขอบมาอย่างดี ดูแน่นหนา เพราะอย่าลืมว่า เมื่อกดน้ำหนักลงไป จะไปรั้งเอาพวกตะเข็บหรือขอบที่เป็นรอยตัดเย็บ ถ้าทำมาไม่แข็งแรง อาจรั้งหรือขาดได้ง่ายๆ แต่เก้าอี้รุ่นนี้ ถือว่าเย็บมา 2 ชั้นดูทนทานทีเดียว

มาในส่วนของ Armrest กันบ้าง ที่วางแขนมาแบบเดียวกับเบาะนั่ง นั่นคือ การใช้ฟองน้ำและหุ้มด้วยผ้า Mesh แบบตาข่าย มีความหนาพอสมควร ไม่ได้บางจนเท้าแขนไปแล้วรู้สึกเจ็บ ความยาวมากกว่า 30cm จึงวางระนาบของแขนได้แบบเต็มๆ ถึงข้อศอก แต่เนื่องจากไม่ได้เป็นแบบ 3D จึงปรับเลื่อนไม่ได้ แต่พอขยับตัวได้

Fennix HC-6H01

ล้อเก้าอี้ ค่อนข้างไหลลื่นดี แต่วงล้ออาจจะเล็กไปบ้าง หากเทียบกับเก้าอี้เกมมิ่ง แต่ก็รับน้ำหนักได้ดี เคลื่อนไหวได้สะดวกพอสมควร แต่ก็ขึ้นอยู่กับพื้นผิวของห้องด้วย ถ้าไม่มีอุปสรรค ก็ไถไปมาได้ง่ายขึ้น

Fennix HC-6H01

ตัวหมุนด้านหลังนี้ จะเป็นตัวยึดพนักพิงที่เป็นแท่งเหล็ก สวมลงไปให้แน่นหนามากขึ้น แต่ถ้าต้องการให้ระดับของพนักพิงหลัง เตี้ยหรือสูงกว่าเดิม ให้หมุนคลายออกมาก่อน และเมื่อได้ระดับความสูงที่ต้องการค่อยหมุนให้แน่นอีกครั้ง

Fennix HC-6H01

ชุดควบคุมด้านข้าง Lift จะเป็นการปรับระดับสูง-ต่ำของเบาะนั่ง ส่วน Lock จะใช้หยุดหรือล็อค ระดับการเอนหลังของพนักพิง ไม่ให้ปรับโยกเอนไปมาได้ โดยผู้ใช้เลือกได้ 2 แบบคือ ปลดล็อค แล้วเอนไปมาตามความสะดวก หรือจะล็อคระดับการเอนเอาไว้ เมื่อต้องใช้งานแบบจริงจัง

Fennix HC-6H01

ในเรื่องของความสูงและการปรับระดับของเก้าอี้ เท่าที่ลองวัดโดยตรงขณะที่นั่ง ระยะเตี้ยสุด จากด้านใต้เบาะลงมาถึงพื้นจะอยู่ที่ประมาณ 33cm และเมื่อปรับความสูง วัดจากพื้นถึงใต้เบาะเช่นกัน อยู่ที่ประมาณ 40cm

Fennix HC-6H01

ถ้ามองจากการดีไซน์ ก็ถือว่าเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ในห้องทำงาน หรือโต๊ะทำงานได้หลายแนวเลยทีเดียว โทนขาว-ดำ หรือเล่นเป็นเฉดสี คู่กับแสงไฟก็ลงตัวดี


Performance & Comfort

Fennix HC-6H01

มาว่ากันที่การใช้งานและการนั่ง เมื่อลองทดสอบ ทั้งทำงาน และเล่นเกม รวมถึงการพักบนเก้าอี้ Fennix HC-6H01 Ergonomic Chair รุ่นนี้กันดีกว่า เรื่องของท่านั่ง ก็เรียกว่าลงได้เต็มก้น ขาสั้นหรือขายาว ก็ขยับไปมาได้ถนัด คนที่ชอบเบาะแบบมีความสูงเสมอกัน ที่ไม่ใช่สไตล์ของเก้าอี้เกมมิ่ง ก็น่าจะชื่นชอบ

Fennix HC-6H01

มุมจากด้านข้าง มีอาการเอียงเล็กๆ จากการขยับตัวมาทางฝั่งใดฝั่งหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มากนัก ส่วนหนึ่งอาจมาจากตัวเบาะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ผู้ใช้บางคนอาจจะนั่งเอียงตามแบบที่ถนัด ซึ่งตามจริงก็อยู่ที่การใช้งานของแต่ละบุคคลด้วย

Fennix HC-6H01

การวางแขนลงน้ำหนัก ทำได้ดี Armrest ขยับได้ตามจังหวะ แนะนำว่า หากต้องการให้จุดนี้นิ่งๆ ให้ล็อคที่ตัวเอนหลังเอาไว้ เพื่อให้ที่วางแขนนิ่งที่สุด แต่ถ้าชอบเอนหลัง สลับไปด้วย ก็ลองขยับดูตามความสะดวก

Fennix HC-6H01

ท่านั่งนี้เป็นการลองเทน้ำหนักไปยังที่วางแขนแบบสุดๆ ก็ยังถือว่ารับน้ำหนักได้ดี ไม่มีคลอน ด้วยตัวฟองน้ำ ที่มีความหนา ก็ทำให้รู้สึกนุ่มสบายในระดับหนึ่ง ไม่แบนจนเจ็บแขน ที่สำคัญวางแขนได้ตลอดความยาวจนสุดข้อศอกเลยทีเดียว

Fennix HC-6H01

ลองเอนหลังดูบ้าง โดยตามสเปคแล้ว เก้าอี้ Fennix HC-6H01 รุ่นนี้ สามารถเอนได้ถึง 135 องศา แม้จะไม่ถึงกับบรรดาเก้าอี้เกมมิ่ง ที่แทบจะเอนนอนกันได้ แต่เอนระดับนี้ก็เพียงพอต่อการพักสายตาในช่วงหนึ่ง ก่อนจะมาลุยงานกันต่อ รวมถึงยังให้สมดุลได้ดี ไม่ต้องเหวอกลัวหงายเงิบ

Fennix HC-6H01

แต่อย่างที่บอกคือ หากคุณอยากเอนหรือคิดว่าระดับองศาที่คุณนั่ง อยู่ในระดับที่พอเหมาะแล้ว สามารถดันก้านตัวล็อคลง เพื่อให้เก้าอี้อยู่ในระดับที่ต้องการและสบายที่สุด

Fennix HC-6H01

ให้ทีมงานอีกคนลองนั่ง ให้คอมเมนต์ไว้ หากมองที่อารมณ์ของการเป็นเก้าอี้นั่งทำงาน รุ่นนี้เมื่อเทียบกับราคา ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ความนุ่มนวลระดับกลาง แต่โดยส่วนตัวนั้นชอบสไตล์ที่มีขอบด้านข้างที่ยกสูงขึ้นมาหน่อย ให้รู้สึกกระชับ แต่ไม่มีก็ไม่เป็นไร ได้การระบายอากาศที่ดี กับสัมผัสที่เป็นผ้า ก็ทำให้สบายมากขึ้นมาทดแทน

Fennix HC-6H01

จัดเซ็ตเข้ากับโต๊ะทำงานให้ดูกันอีกครั้ง ในโทนของชุดการทำงาน หรือจำลองถึงโต๊ะคอมที่บ้านของใครหลายคน ที่ชื่นชอบความเรียบง่าย เน้นรูปแบบที่ไม่หวือหวานัก แต่เลือกเติมสีสัน ด้วยการจัดแสงไฟมาเพิ่มได้ในภายหลัง ซึ่งการใช้โทนสีขาว-ดำ ก็ทำให้การจัดไฟ ทำได้ง่ายขึ้น เพราะเพิ่มสีอะไรเข้ามา ก็ทำให้ดูโดดเด่นได้โดยง่าย แม้จะไม่ได้ใช้เฟอร์นิเจอร์ ที่มีเส้นสายหวือหวาก็ตาม


Conclusion

Fennix HC-6H01

เรามาว่ากันที่ข้อสรุปหลังจากการประกอบ และลองใช้งานเก้าอี้ Fennix HC-6H01 รุ่นนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มตั้งแต่รูปแบบ และวัสดุ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นเก้าอี้ที่ออกแบบมาในสไตล์ของเกมมิ่ง เพราะเน้นที่สรีระในการนั่งที่สบาย จึงจะเห็นได้ว่า หลายอย่างจะเน้นที่ความเรียบง่าย หลักๆ ยังคงเป็นพลาสติก แต่ก็เสริมโครงสร้างที่เป็นโลหะ จึงมั่นใจได้ในการรับน้ำหนัก เบาะนั่งเป็นแบบผ้า Mesh ตาข่ายหุ้มบนฟองน้ำที่นุ่มและมีความยืดหยุ่นพอควร ไม่ได้แน่น และหุ้มหนังในแนวสปอร์ต ตาข่ายด้านหลัง ทำออกมาเช่นเดียวกับเก้าอี้สำนักงานในหลายๆ รุ่น ซึ่งให้ความสวยงาม สบายตา และไม่รู้สึกหนักเกินไป ที่วางแขนทำออกมาให้ยาว เพื่อการวางที่สบายมากขึ้น และยังหุ้มด้วยฟองน้ำและผ้าตาข่าย ยาวทั้งชิ้น แต่ติดอยู่เล็กน้อยตรงที่เป็นแบบ 2D ซึ่งปรับไม่ได้มาก แค่เคลื่อนไหวไปตามการเอนของเบาะ เพราะข้อต่อเชื่อมถึงกัน

ส่วนในแง่ของความสะดวกสบายในการใช้ จุดหลักๆ ที่มีให้ปรับเลื่อนมีอยู่ด้วยกัน 2 ส่วนคือ ความสูงของเบาะ เมื่อยกขึ้นมาสูงสุด ก็สามารถวางเท้าได้แบบเต็มๆ หากเป็นคุณผู้หญิง ที่มีความสูงระดับ 160cm อาจจะแตะได้ประมาณครึ่งฝ่าเท้า แต่ก็ปรับลดลงได้ ตามความเหมาะสม และการเอนหลัง ทำได้ที่ 135 องศา เรียกว่าไม่ได้ถึงกับเอนนอน ใช้เน้นพักสายตาเป็นหลัก ซึ่งให้ความแข็งแรงไม่ต้องกังวลเมื่อทิ้งน้ำหนักมากนัก การเคลื่อนไหวอยู่ในเกณฑ์พอใช้ เนื่องจากล้อขนาดไม่ใหญ่นัก และการนั่งที่สมดุล รวมถึงความเรียบลื่นของพื้นผิวก็มีผลอยู่ด้วยเช่นกัน จะมีติดอยู่ก็เพียงเล็กน้อย นั่นคือ ที่วางแขนหรือ Armrest ปรับขยับได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น อย่างไรก็ดี หากดูในเรื่องของราคา ก็จัดว่าน่าสนใจ และโปรโมชั่นลดเหลือประมาณ 3,590 บาท ก็เป็นตัวเลือกที่น่าใช้ของใครหลายคน ที่ชอบผิวสัมผัสแนวนี้ และการระบายอากาศที่ดีมากขึ้น

ราคา: 3,990 บาท โปรโมชั่นพิเศษ เหลือเพียง 3,590 บาท

การรับประกัน: 3 ปี

รายละเอียดเพิ่มเติม:

Topvalue ช้อปปิ้งออนไลน์แห่งใหม่

from:https://notebookspec.com/web/622363-fennix-hc-6h01-ergo-chair

Fennix HC-2691 เก้าอี้เกมมิ่ง นั่งสบาย หนุนคอ หลัง พักแขนปรับได้ สไตล์สปอร์ต เอนหลังดูหนัง 155 องศา

Fennix HC-2691 เก้าอี้เกมมิ่ง นั่งสบาย หนุนคอ หลัง พักแขนปรับได้ สไตล์สปอร์ต เอนหลังดูหนัง 155 องศา

Fennix HC-2691

Fennix HC-2691 หลายคนที่เล่นเกมนานๆ หรือใช้เวลาอยู่กับเก้าอี้เกือบตลอดทั้งวัน บางครั้งการใช้เก้าอี้ตัวเดิม ที่ฟองน้ำยุบ เหล็กงอ พลาสติกหัก ก็เล่นเอาปวดหลังปวดเอวไปตามๆ กัน หลังจากเล่นเกมจบ ทางเลือกของเก้าอี้เกมมิ่ง หรือ Gaming Chair ก็เป็นทางออกที่น่าสนใจ เพราะเก้าอี้เหล่านี้ ออกแบบทั้งวัสดุ และโครงสร้าง แทบไม่ต่างไปจากเก้าอี้ทำงาน หรือเก้าอี้เพื่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น Lumbar, Armbar หรือจะเป็นการปรับเอน และวัสดุที่เป็นเมมโมรีโฟม ความหนาแน่นสูง ก็ช่วยให้การนั่งยาวๆ ของคุณสบายขึ้น เล่นได้นานขึ้น อยู่กับเพื่อนๆ ได้ตลอดทั้งเกม แบบไม่งอแง ซึ่งเก้าอี้เกมมิ่งจาก Fennix รุ่นนี้ ก็มีดีไซน์ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบครัน ด้วยวัสดุคุณภาพ และการปรับให้เข้ากับสรีระของผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญยังรองรับน้ำหนักได้ถึง 150 กิโลกรัม ดังนั้นจึงมั่นใจได้ในความแข็งแกร่งของเก้าอี้รุ่นนี้

Fennix HC-2691

Specification

  • วัสดุ: PU Leather
  • เบาะนั่ง: High Density Foam ปรับความสูงได้ 8cm
  • ที่รองหลัง (Lumbar Cushion): มี
  • พนักพิง: ปรับได้ 90 – 155 องศา
  • ที่วางแขน (Armrest): 2D ปรับความสูงได้ 7cm
  • ที่รองศีรษะ (Headrest): มี
  • ล้อ: 5 Star Universal Caster
  • โช๊คอัพ: Gas lift Class 4
  • รองรับน้ำหนัก: 150Kg.
Fennix HC-2691

สำหรับเก้าอี้เกมมิ่ง Fennix HC-2691 นี้ เป็นผลิตภัณฑ์จากค่าย ค่าย Alectric ซึ่งเป็นผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่มีจำหน่ายมากมายในตลาดบ้านเรา อาทิ เครื่องกรองอากาศ ปรับอากาศ พัดลม และเครื่องใช้ในครัวเรือน ที่นับว่าเป็นอีกค่ายหนึ่ง ซึ่งสร้างสรรค์สินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้และมีความเป็นนวัตกรรมทันสมัย โดยเก้าอี้เกมมิ่งรุ่นนี้วางจำหน่ายในช่องทางของ Topvalue สนนราคาโปรโมชั่นตอนนี้อยู่ที่ 4,190 บาทเท่านั้น กับเก้าอี้ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อให้คอเกมสนุกสนานในการเล่นเกมได้ยาวนานขึ้น และปรับปรุงสรีระการนั่งของผู้ใช้ได้ดีทีเดียว ว่ากันตั้งแต่วัสดุและการใช้งาน

Fennix HC-2691

Fennix HC-2691 เน้นที่ความสบายในการนั่ง ด้วยเบาะนั่งขนาดใหญ่ เมมโมรีโฟมหนาแน่นสูง ขอบข้างโอบกระชับในระดับหนึ่ง ไม่อึดอัดเกินไป เน้นท่านั่งที่สบาย พร้อมออพชั่นอย่าง Headrest และ Lumbar เพื่อซัพพอร์ตสรีระได้อย่างลงตัว

Fennix HC-2691

3 จุดสำคัญของเก้าอี้รุ่นนี้อยู่ที่ หมอนรองคอ, เบาะรองนั่ง และหมอนรองหลัง ซึ่งแต่ละชิ้นออกแบบมาเป็นอย่างดี เพื่อให้รองรับการนั่งที่ยาวนานได้สบายมากขึ้น ด้วยวัสดุที่นุ่ม กระชับ และผิวสัมผัสที่ไม่อึดอัด จึงนั่งเล่นได้ยาวๆ หรือจะใช้สำหรับการทำงานในช่วงวันได้เต็มที่มากขึ้น

Fennix HC-2691

ด้วยโครงสร้างที่แข็งแรง และโช๊คอัพ ที่ติดตั้งมาบนเก้าอี้เกมมิ่งรุ่นนี้ ทำให้รองรับน้ำหนักผู้ใช้ได้มากถึง 150Kg ซึ่งอยู่ในระดับมาตรฐานการใช้งานของเก้าอี้ในระดับเดียวกัน รวมถึงให้รองรับในทุกอิริยาบทของผู้ใช้ เพราะบางคนก็ชอบนั่งวางขา บางคนชอบยกขาขึ้นไปบนเบาะนั่ง และบางคนก็ชอบที่จะนั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้ ตามความถนัด เก้าอี้รุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ในหลายๆ แนว

Fennix HC-2691

แม้จะเป็น Gaming Chair ในระดับเริ่มต้น แต่ก็รองรับการปรับเลื่อนในจุดต่างๆ ได้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นความสูงของเบาะนั่ง ที่ปรับได้ถึง 8cm หรือจะเป็นที่พักแขน (Armrest) ปรับได้ 7cm และปรับเอนหลังได้ตั้งแต่ 90 – 155 องศาเลยทีเดียว จึงตอบโจทย์คนที่ชอบนั่งเล่น และเอนพักผ่อน ในช่วงพักเบรค เรียกว่าสามารถนั่งเล่นเอนนอนได้อย่างสบายๆ ถึงเกมเมื่อไร ก็ลุยต่อได้ทันที

Design

Fennix HC-2691

Fennix HC-2691 มีให้เลือก 3 โทนสีด้วยกัน ประกอบด้วย สีขาว-ดำ, ดำ-แดง และดำ-เทา ด้วยสีสันที่ดูทันสมัย โทนหลักสีดำ ตัดด้วยลายเส้นสีอื่นๆ ดูทันสมัย เอาใจเกมเมอร์ ที่ชอบความสปอร์ตได้ดี

Fennix HC-2691

โทนสีขาว-ดำ มาในโทนหลักของเก้าอี้สีดำ ตัดด้วยลายเส้นสีขาว ซึ่งให้สัดส่วนของโทนสีประมาณ 80:20 จึงดูลงตัว พนักพิงด้านหลัง สามารถปรับเลื่อน Headrest ได้ เพื่อให้เข้ากับศีรษะของแต่ละบุคคล

Fennix HC-2691

ส่วนโทนสีแดง ก็จะดูสปอร์ตร้อนแรงมากขึ้น สไตล์เหมือนเบาะรถยนต์ ที่เป็นสีดำ เดินด้ายแดง ด้านหลังมีลายเส้นที่ดูแปลกตา แต่ก็เข้ากับตัวเก้าอี้ได้ดี เน้นความโอบกระชับ แต่เคลื่อนไหวสะดวก ไม่ติดไหล่ เมื่ออยู่ในช่วงจังหวะขับขัน ดังนั้นจะนั่งเล่นแบบตัวตรง หรือจะเอนหลัง เพื่อเล่นแบบยาวๆ ก็ไม่ติดขัด

Fennix HC-2691

จากมุมด้านข้างนี้ จะเป็นพนักพิงแบบปกติ 90 องศา ซึ่งเกมเมอร์หลายคนชอบมุมการนั่งพิงเช่นนี้ เนื่องจากสามารถเล่นเกมได้ถนัด และเคลื่อนไหวได้สะดวกกว่า และที่วางแขนเป็นแบบ 2D เลื่อนขึ้นลงได้ เพื่อให้ได้ระดับตามที่ต้องการ

Fennix HC-2691

Lumbar ออกแบบมาอย่างสวยงาม ด้วยโลโก้สีแดง Fennix ตัดกับพื้นหลังที่เป็นหนังสีดำได้อย่างลงตัว เอาใจคนที่ชอบความสปอร์ต และเพิ่มความเร้าใจให้กับการเล่น ที่สำคัญเข้าคู่กับโต๊ะคอมได้เกือบทุกแนว ยิ่งถ้าได้คอมพิวเตอร์ แต่ในโทนแสงไฟแดงดำด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ดูโดดเด่นมากขึ้น

Function

Fennix HC-2691

ส่วนในช่วงของการพักผ่อน สามารถปรับเอนได้ในระดับ 155 องศา เพื่อให้รองรับการเอนนอนพักผ่อนในช่วงพักเบรคหลังทำงานหรือเล่นเกมได้สบายๆ จะใช้พักสายตาหรือจะนอนชมภาพยนตร์ ก็สะดวกไม่น้อยเลย ด้วยกลไกที่แข็งแรง ก็ทำให้มั่นใจได้ ว่าจะไม่หล่นหรือหงายหลัง

Fennix HC-2691

ด้านหลังหุ้มด้วยวัสดุหนังแบบ PU ที่มีความเรียบลื่น สวยงาม ไม่แพ้ด้านหน้า โดยมีตัวล็อค Lumbar หรือที่รองหลังมาให้ สามารถปรับระดับได้เช่นเดียวกัน

Fennix HC-2691

ทางด้านล่างขวาของเก้าอี้ เป็นจุดที่ใช้ปรับเลื่อนความสูงสำหรับการนั่งให้เหมาะสม ยกขึ้นได้ประมาณ 8cm

Fennix HC-2691

ฐานล้อเป็นแบบ 5 แฉก ที่ช่วยกระจายน้ำหนักของผู้นั่ง และล้อ Universal Caster ในแบบพื้นฐาน เพิ่มความแข็งแรง ให้เลื่อนไปมาได้อย่างสะดวก จัดว่าเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้เก้าอี้เกมมิ่งรุ่นนี้ สามารถรับน้ำหนักได้ดีทีเดียว

Conclusion

Fennix HC-2691

สำหรับคนที่กำลังจะเริ่มต้นกับการเล่นเกมที่จริงจังมากขึ้น และมองหาเก้าอี้ที่ช่วยตอบโจทย์การเล่นเกม และทำงานได้แบบยาวๆ และมีความแข็งแรงทนทานในราคาสบายกระเป๋า Fennix HC-2691 ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ช่วยให้คุณเป็นเจ้าของได้ง่าย ด้วยดีไซน์ที่ดูสปอร์ต และทันสมัย เส้นสายลวดลายที่ออกแบบมา ไม่มากเกินไป สามารถเข้ากับธีมโต๊ะทำงานและโต๊ะคอมของคุณได้ไม่ยาก ความนุ่มแน่น ทำให้นั่งสบาย และเล่นได้ยาวนานมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องช่วยทีม หรือเล่นจริงจัง ความกระชับและการปรับให้เข้ากับสรีระ มีผลอย่างมากในการเล่น หรือในช่วงพัก ก็ยังปรับเอน นอนเล่นในบางช่วงขณะ จะนอนดูเพื่อนลุยสมรภูมิ ดูหนังช่วงระหว่างพักจากการทำงาน ก็ยังสบาย ด้วยผิวสัมผัสแบบ PU ก็จัดว่ามีความนุ่มนวล เหมาะอย่างยิ่งกับการใช้งานในแต่ละวันได้อย่างเต็มที่ สำหรับใครที่ชื่นชอบ ก็สามารถเข้าไปดูใน Topvalue กันได้เลย

จุดเด่น

  • มีชุดรองรับครบครัน ทั้ง Lumbar, Headrest และ Armrest
  • วัสดุเป็นแบบหนัง PU นั่งสบาย
  • ปรับเลื่อนได้ทั้งความสูงเบาะนั่งและที่วางแขน
  • ปรับเอนนอนได้ 155 องศา

ข้อสังเกต

  • ที่วางแขนเป็นแบบ 2D ปรับได้แค่ความสูง

ช่องทางจัดจำหน่าย

Topvalue ช้อปปิ้งออนไลน์แห่งใหม่

ราคา: 4,190 บาท

การรับประกัน: รับประกันสินค้า 5 ปี โดย บริษัท ท็อปแวลู คอร์ปอเรท จํากัด Topvalue care Call Center : 1277

from:https://notebookspec.com/web/612092-fennix-hc-2691-gaming-chair

TicWatch Pro Smartwatch 2 สไตล์ Workout ให้เร้าใจ เข้ากับ Lifestyle ที่ลงตัว

TicWatch Pro Smartwatch 2 สไตล์ Workout ให้เร้าใจ เข้ากับ Lifestyle ที่ลงตัว

TicWatch

ปัจจุบันนี้ออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว คงไม่พอ ต้องมีสิ่งที่คอยวัดประสิทธิภาพ หรือบอกถึงศักยภาพให้ตัวเราสามารถก้าวไปได้กว่าในอดีต นาฬิกาอัจฉริยะ อย่างเช่น TicWatch Smartwatch Pro ก็เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่เรียกว่าได้รับความนิยมจากผู้ใช้มาอย่างยาวนาน ด้วยฟีเจอร์การตรวจเช็คที่แม่นยำ การใช้งานที่ยาวนาน และระบบควบคุมที่ตอบสนองได้ไว ทำให้การ Workout ของคุณเป็นเรื่องที่ง่าย และได้สุขภาพ ตอบโจทย์การใช้งานในปัจจุบันได้ดี เรียกว่าจะใส่สำหรับออกกำลังกายก็ได้ หรือใช้ในชีวิตประจำวันก็ดูดี เพราะออกแบบมาให้เข้ากับสไตล์การแต่งตัวได้หลายรูปแบบ และสวมใส่ไปในโอกาสต่างๆ ได้ดีทีเดียว

TicWatch Smartwatch Pro

จุดเด่น

  • ดีไซน์ทันสมัย วัสดุแข็งแรง น้ำหนักเบา
  • โหมด Essential อยู่ได้นานถึง 30 วันต่อการชาร์จ
  • ราคาเพียง 4,990 บาท
  • เหมาะทั้งใช้ออกกำลังกาย และในชีวิตประจำวัน
  • มาพร้อม Wear OS ติดตั้งแอพเพิ่มเติมได้

ข้อสังเกต

  • มีโหมดการออกกำลังไม่เยอะมาก

Specification

Description
Operating System Wear OS by Google
Dimensions D45mm x 14.6mm
Display 1.39” AMOLED 400 x 400 + FSTN display
Chipset Qualcomm Snapdragon Wear 2100
Memory RAM: 512MB / Storage: 4GB
GPS GPS / AGPS
NFC payments Google Pay
Connectivity Bluetooth: 4.2 / Wi-Fi: 802.11bgn 2.4GHz
Sensors Accelerometer, Gyro, Magnetic Sensor, PPG Heart Rate sensor, Ambient Light Sensor, Low Latency Off-Body Sensor
Battery and Charging Capacity: 415mAH Charging method: Dock with USB cable
Battery Life Smart Mode: 2 days;
Essential Mode: 30 days
Mixed usage: between 5-30 days
Water and Dust Resistance IP68
Price 4,990 บาท

Design

TicWatch Pro มาในดีไซน์ที่ดูพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็นตัวเรือนจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ผสานกับไนลอนที่แข็งแกร่ง แต่น้ำหนักเบา ในโทนสี Silver ที่มีความบางเพียง 14.6mm เท่านั้น ให้พื้นที่หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 1.39″ สายรัดข้อมือทำจากหนังและมีชั้นซิลิโคนอยู่ด้านใต้ ที่เป็นจุดสัมผัสกับผิวหนังหรือที่เรียกว่า Skin friendly silicone ทำให้สวมใส่สบาย และทนกับสภาวะต่างๆ อีกทั้งมีการเซาะร่องด้านใต้ สำหรับการรีดเหงื่อออกจากตัวสายได้อีกทางหนึ่ง และระบายอากาศได้ดี เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันที่อากาศร้อนๆ อีกทั้งเข้าคู่กับตัวเรือน ทำให้ใส่ออกกำลังกายก็ได้ หรือใส่ไปในโอกาสต่างๆ ก็ดูดี พร้อมกับฟีเจอร์ที่ตอบสนองการใช้งานไว้อย่างครบครัน

TicWatch

โดยหน้าจอของรุ่นนี้ออกแบบให้มี 2 Layer นั่นคือ เป็น LCD screen สำหรับการอยู่ในโหมด Essential เพื่อการประหยัดพลังงาน โดยจะแสดงผลเพียงบางอย่าง เพื่อประหยัดการใช้พลังงานให้มากขึ้น อีกเลเยอร์หนึ่งจะเป็น AMOLED screen ซึ่งจะเป็นหน้าจอแสดงผลแบบสี ซึ่งจะให้รายละเอียดการทำงานได้มากกว่า โดยเฉพาะในโหมด Sports ที่ใช้ในการออกกำลังกายหรือการบอกข้อมูลระหว่างการ Workout แต่ก็จะใช้พลังงานที่มากขึ้นเช่นกัน ส่วนต่างของเวลาต่อการชาร์จ อาจมากถึง 5 วัน/ 30 วันเลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับว่าเลือกใช้โหมดใด

โดยมาพร้อมกับความทนทานระดับ IP68 ซึ่งลงน้ำได้และจุ่มน้ำได้ แต่ต้องอยู่ในระดับที่มาตรฐานนี้กำหนด ส่วนใหญ่จะป้องกันเรื่องของเหงื่อ ที่เปียกจากข้อมือ หรือน้ำดื่มที่หกลงมา และกันประเภทของฝุ่นละออง เมื่อออกไปวิ่งหรือเดินข้างนอก รวมถึงการวิ่งเทรล เป็นต้น คงไม่ถึงกับการดำน้ำลึก

TicWatch

หน้าปัทม์ขนาด 1.39″ ให้ความละเอียดที่ 400×400 pixels ทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน และควบคุมได้ง่าย เมื่อแตะที่หน้าจอ รองรับการทัชสกรีน โดยเมนูจะเป็นการเลื่อนขึ้น-ลง

หน่วยประมวลผลอย่าง Snapdragon Wear 2100 พร้อมหน่วยความจำภายในอีก 4GB สำหรับการติดตั้งแอพเสริม และมีแรมอีก 512GB จึงใช้งานได้อย่างคล่องตัว แบบเดียวกับในสมาร์ทโฟน ซึ่งเข้ากับรูปแบบการใช้งานของผู้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน

TicWatch

หน้าจอแสดงผลนั้น ให้คุณเลือกปรับได้มากกว่า 1,000 แบบ ด้วยการใช้ Watch face บน Google Play ให้เปลี่ยนไปตามสไตล์ที่คุณชื่นชอบ หรืออยากจะลองดูในแบบแปลกๆ การแสดงผลที่ต่างจากคนอื่น ก็มีให้เลือกแบบไม่ซ้ำใครได้ง่ายๆ อีกด้วย

Mode

โหมดการใช้งานมีให้คุณเลือกได้ 2 รูปแบบ คือ Smart Mode ที่จะทำงานด้วย Wear OS by Google ซึ่งจะทำหน้าที่ในการตรวจวัด และรายงานสถานะของคุณ รวมถึงการเชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ทโฟน เพื่อจัดเก็บบข้อมูล รวมถึงการแจ้งเตือนต่างๆ เช่น อัตราการเต้นหัวใจ อุณหภูมิ ระยะทาง พูดง่ายๆ ว่าอยู่ในโหมดที่คุณกำลัง Workout ออกกำลังกาย โหมดนี้จะให้คุณใช้งานได้ประมาณ 2-5 วันต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง โดยมาพร้อมกับ ให้แบตเตอรี่มาที่ 415mAh อาจไม่ได้เยอะมากสำหรับ Smartwatch แต่เรื่องระยะเวลาการใช้งาน อยู่ในเกณฑ์ที่ดี

TicWatch

ในการชาร์จไฟ จะเป็นแบบตัวชาร์จแม่เหล็ก ติดเข้ากับด้านหลังของตัวเรือนได้สะดวก เพราะออกแบบมาเป็นเบ้าวงกลม ครอบลงได้อย่างพอดิบพอดี จะต่างจากในหลายๆ รุ่น ที่มักจะเป็นแค่สายเสียบและเบ้าขนาดเล็ก ซึ่งผู้ใช้จะต้องหมุนให้ตรง บางทีก็หลุดเลื่อนได้ง่าย แต่สำหรับของ TicWatch Pro รุ่นนี้ ช่วยให้คุณชาร์จได้แบบไม่ต้องกังวลใจ จะแสงน้อยหรือมืด ก็พอจะคลำมาชาร์จได้แบบไม่พลาด

และถ้าในกรณีที่ไม่ได้ออกกำลัง หรือใช้งานทั่วไป ใส่แทนนาฬิกา เมื่อออกไปทำงานในแต่ละวัน สามารถใช้ Essential Mode ซึ่งจะเป็นการบอกวันที่ และเวลา รวมถึงอัตราการก้าวเดินของคุณ โดยโหมดนี้จะให้ระยะเวลาในการใช้งานได้ถึง 30 วันต่อการชาร์จเพียงครั้งเดียวเท่านั้น นับว่าเป็น Smartwatch ที่ให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานไม่น้อยอีกรุ่นหนึ่ง

TicWatch

โดยในแง่ของการออกแบบ TicWatch Pro จะมีเซ็นเซอร์ในการตรวจเช็ค เมื่อคุณอยู่ในโหมด Fitness หรือ Workout ในแต่ละวันอยู่อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น GPS tracker การติดตามพิกัด GPS, ตรวจเช็คการเต้นหัวใจ Heart-Rate, การนับก้าว, การเผาผลาญแคลลอรี และการวัดรอบความเร็ว

Connectivity

ความโดดเด่นของ TicWatch รุ่นนี้ อยู่ที่ระบบ GPS ที่มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น GPS, GLONASS, Beidou และ Galileo ทำให้เมื่อระบบใดระบบหนึ่งใช้งานไม่ได้ ก็จะยังเชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ ได้ ไม่เสียระยะและความแม่นยำในการตรวจเช็ค สำคัญมากๆ สำหรับคนที่ซีเรียสในการออกกำลังกาย และการ Workout นอกสถานที่ นอกจากนี้ยังมี Google Map มาให้ใช้ จะได้เป็นตัวช่วยในการเดินทางหรือการออกกำลังกาย เช่น Outdoor Run ในช่วงที่ต้องไปยังต่างถิ่นนั่นเอง

TicWatch

การใช้งานหน้าจอสัมผัส ค่อนข้างแม่นยำและตอบสนองได้ไว ใช้วิธีการแตะ และปัดเลื่อนขึ้น-ลง หรือการปัดซ้าย-ขวา เพื่อเลือกฟังก์ชั่นในการใช้งาน โดยทำงานร่วมกับปุ่มด้านข้างตัวเรือน ในการย้อนเมนูกลับ โดยหลักๆ ปุ่มล่าง จะเป็นการเข้าสู่เมนูลัด ในการออกกำลังกาย ส่วนปุ่มบน จะเป็นการย้อนกลับเมนูก่อนหน้า

แต่จุดเด่นที่สำคัญของ TicWatch Pro รุ่นนี้ ไม่เพียงแค่การเป็น Smartwatch ที่มีระบบ OS ในตัวหรือการเชื่อมต่อกับมือถือได้เท่านั้น แต่ยังสามารถติดตั้งแอพฯ อื่นๆ ลงไปในตัว เพื่อให้ใช้งานได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น

Feature

ส่วนตัวเลือกของเมนูออกกำลังกาย จะประกอบไปด้วย Outdoor Run, Indoor Run, Cycling, Free Style ซึ่งอาจจะดูน้อยไปบ้าง แต่อย่างที่บอกไปในข้างต้นคือ สำหรับ TicWatch Pro นี้ เน้นทั้งการใช้งานชีวิตประจำวันและการออกกำลังกายไปควบคู่กัน จึงต้องให้น้ำหนักในการใช้งานของทั้งสองอย่างให้สมดุล รวมถึงการเริ่มต้นในการออกกำลังกายในแต่ละวัน

TicWatch

นอกจากจะใช้การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน เพื่อซิงก์ข้อมูลต่างๆ เช่น Messege, Line หรืออื่น รวมถึงการตั้งค่าได้สะดวกแล้ว ยังสามารถควบคุมการทำงานของมีเดียผ่านทาง TicWatch Pro นี้ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการ Play, Pause, FW, RW รวมถึงการเชื่อมต่อร่วมกับ Google Fit และแอพฯ หลัก อย่าง TicLife ในการมอนิเตอร์ Step, Heart Rate, Callories หรือจะเป็นการประมวลผลในภาพรวมของแต่ละวัน มาสรุปกันเป็นรายเดือน รายปีกันได้เลย

Conclusion

TicWatch

ภาพรวมของ TicWatch Pro รุ่นนี้ ถ้าดูจากฟีเจอร์ต่างๆ ในการใช้งาน ถือว่าเป็น Smartwatch กำลังดี การใช้งานอยู่ระหว่าง ใช้ในชีวิตประจำวันและการออกกำลัง เพียงแต่ลูกเล่นในแง่ของการ Workout นั้น ยังมีไม่มากนัก แต่ก็สามารถตรวจเช็คและรายงานข้อมูลระหว่างใช้งานได้ค่อนข้างละเอียดทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น Heart Rate, Step, Temp หรือ Distance ก็ตาม แต่จุดเด่นที่สำคัญอยู่ที่ การเชื่อมต่อกับ GPS ได้หลากหลาย ทำให้การตอบสนองด้านตำแหน่งหรือการเคลื่อนไหวทำได้แม่นยำ รวมไปถึงการสนับสนุนแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่จะเสริมเข้ามาในระบบ เพราะสามารถดาวน์โหลดแอพฯ มาติดตั้งเพิ่มเติมได้ ดังนั้นจึงเหมาะกับคนที่มองหา Smartwatch ที่ตอบสนองการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดี ให้การเชื่อมต่อและการแจ้งเตือนได้ตลอดเวลา ใช้งานได้นาน และมีความทนทานพอสมควร ด้วยมาตรฐาน IP68 ที่ทนน้ำทนฝุ่น รวมถึงสภาวะในการใช้งานในทุกๆ วันได้ดี แบบไม่ต้องคอยถนอมกันมากนัก เพื่อให้เกิดการใช้งานอย่างเต็มที่คุ้มค่า ด้วยค่าตัวประมาณ 4,990 บาท เท่านั้น และการรับประกันอีก 1 ปีเต็ม

TicWatch

รับประกันสินค้า 1 ปี เครื่องศูนย์ไทย ติดต่อ บริษัท ท็อปแวลู คอร์ปอเรท จํากัด

Topvalue ช้อปปิ้งออนไลน์แห่งใหม่

Related

เพิ่มแรม ยังไม่ต้อง 5 วิธีเรียกคืนแรมที่หายไป เพิ่มความเร็ว

Upgrade RAM NB cov2

Mini PC คอมจิ๋ว 7 รุ่น คอมทำงาน เล่นเกมได้ ประหยัดไฟ

Mini PC 2021 cov

จอ 4K จอคอม 7 รุ่นไซส์ Big 144Hz สีจัดจ้าน เล่นเกม ดูหนังคมชัด เทรดหุ้นมืออาชีพ

4k monitor gaming 144hz cov1

Xiaomi Redmi จอคอม 27″ สีสดใส บางเฉียบ มุมมองกว้าง เล่นเกม เทรดหุ้น

Xiaomi Redmi rmmnt27nf cov3

from:https://notebookspec.com/web/608825-ticwatch-pro-smartwatch

เมาส์ไร้สายแค่ 1,390.- Lenovo YOGA บางเบาพกง่าย เชื่อมต่อไว ใช้ถนัดมือ

โปรเด็ด Topvalue เมาส์ไร้สาย แค่ 1,390.- Lenovo YOGA บางเบา พกง่าย เป็นเลเซอร์พอยเตอร์ได้ แบตใช้นานเป็นเดือน

เมาส์ไร้สาย

Lenovo YOGA เมาส์ไร้สายรุ่นใหม่ ที่ฉีกกฏการทำงานของเมาส์เดิมๆ ที่คุณเคยใช้ทิ้งไป พร้อมฟีเจอร์ใหม่ ที่เข้ากับวิถีชีวิตการใช้งานในปัจจุบันได้มากขึ้น นอกจากรูปลักษณ์ที่บางกระทัดรัด แต่ก็ปรับเข้าสู่โหมดการใช้งานได้ง่าย แค่บิดตัวเมาส์ เพื่อให้เข้ากับมือเมื่อใช้งาน ลดความวุ่นวายบนโต๊ะทำงาน ด้วยการเชื่อมต่อไร้สาย ร่วมกับพีซีหรือโน๊ตบุ๊คได้สะดวก พร้อมปุ่มที่มีความทนทานให้การคลิ๊กได้นับล้านครั้ง กับการใช้งานที่ยาวนาน ให้คุณพกพาไปใช้งานข้างนอกได้สะดวก แบตในตัวชาร์จไฟเต็มได้ใน 1.5 ชั่วโมง ผ่านทางสาย USB ที่น่าสนใจคือ เลือกปรับค่า DPI ได้ถึง 3 ระดับ และยังทำหน้าที่เป็นเลเซอร์พอยเตอร์ได้ในตัว สะดวกและง่ายดายแบบนี้ คนทำงาน นักเรียน นักศึกษา ไม่ควรพลาด!


Lenovo YOGA เมาส์ไร้สาย และเลเซอร์พอยเตอร์ในตัว

โปรโมชั่นเด็ด เมาส์ ไร้สาย Lenovo YOGA

เมาส์ไร้สาย
Topvalue ช้อปปิ้งออนไลน์แห่งใหม่

ข้อสังเกตเลือกเมาส์ไร้สาย

  • แบบ Bluetooth จะไม่เปลืองช่อง USB เพื่อต่อตัวส่งสัญญาณ แต่ถ้าเครื่องของเรามีช่อง USB 2.0 เผื่อเอาไว้แล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้นัก
  • ค่า DPI สูงอาจจะทำให้เราลากเคอร์เซอร์ได้เร็วแต่ก็ไม่จำเป็นเสมอไป เนื่องจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ของแต่ละคนมีความละเอียดไม่เท่ากันอยู่แล้วถ้ามากเกินจำเป็นก็ทำให้เคอร์เซอร์เลื่อนเร็วจนคุมได้ยากแทน ดังนั้นรุ่นที่มี DPI สูงจะเหมาะกับคนมีโน๊ตบุ๊คหรือพีซีหน้าจอความละเอียดสูงหรือต่อหลายหน้าจอมากกว่า
  • เลือกรุ่นที่เซนเซอร์ดี ซึ่งแบรนด์ชั้นนำหลาย ๆ แบรนด์จะใช้เซนเซอร์คุณภาพดีอยู่แล้ว ช่วยให้ลากเคอร์เซอร์บนหน้าจอได้อย่างแม่นยำ และบางรุ่นก็สามารถใช้บนพื้นกระจกโดยไม่มีแผ่นรองเมาส์ได้ด้วย
  • หารุ่นมีท้ายของเมาส์โก่งขึ้นเพื่อเข้ากับสรีระของมือ ช่วยให้จับได้เต็มอุ้งมือยิ่งขึ้น

Specification

Description
แบรนด์: Lenovo YOGA
ระยะการใช้แบต: มากกว่า 2 เดือน
ระยะเวลาชาร์จไฟ: ชาร์จไฟเต็มใน 1.5 ชั่วโมง
รูปแบบการเชื่อมต่อ: สัญญาณไร้สาย 2.4GHz หรือ บลูทูธ 5.0
สายสัญญาณ: USB-C to USB A สายชาร์จยาว 50 ซม.
น้ำหนัก: 60 กรัม
คุณสมบัติพิเศษ: บานพับบิดหมุนได้ ตัวรับสัญญาณ Nano USB
ปุ่มบนเมาส์: 4 ปุ่ม
อายุของปุ่ม: ปุ่มกดซ้าย/ขวา มากถึง 3 ล้านคลิ๊ก, ปุ่มกลางได้ถึง 100,000 ครั้ง
DPI: 3 ระดับ ปรับค่าได้ขณะใช้งาน (1600, 1200, 800 DPI)
เซ็นเซอร์บนเมาส์: เซ็นเซอร์ออพติคอลสีแดง
ความต้องการของฮาร์ดแวร์: รองรับระบบร่วมกับพอร์ต USB Aเข้ากันได้กับบลูทูธ 4.0 หรือสูงกว่า
การใช้พลังงาน: 5 V / 500 mA
การสกอลล์เมาส์: 2 ทิศทาง สกอลล์แบบสัมผัส (ขึ้น/ลง)
ระบบปฏิบัติการ: Windows 7 (only for 2.4G), Windows 8.1, Windows 10; Chrome OS;
ขนาด: โหมดเมาส์ (ย x ก x ส): 106 x 57 x 30 มม.
ฟีเจอร์พิเศษ: พอยต์เตอร์เลเซอร์ ปุ่มพรีเซนเทชั่น (หน้าต่อไป, ย้อนกลับ, เริ่มต้น/ จบ) พร้อมระบบ Fast charging
รับประกัน: 1 ปี
ราคา 1,390 บาท

การออกแบบ

เมาส์ไร้สาย

YOGA wireless mouse มาในโทนสีเทาเข้ม ให้เข้ากับธีมของที่ทำงานหรืออุปกรณ์รอบข้างได้ลงตัว กับบอดี้ที่อาจดูแปลกตา แต่ออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างเหมาะสมกับมือของผู้ใช้ รวมถึงการจัดเก็บพับใส่ลงในกระเป๋า ด้วยรูปลักษณ์ที่โค้งให้รับกับอุ้งมือ ในโหมดการใช้งานเมาส์ โดยมีปุ่มคลิ๊กเมาส์มาให้ถึง 4 ปุ่มด้วยกัน

เมาส์ไร้สาย

เซ็นเซอร์เป็นแบบ Red optical ปรับได้ 3 ระดับ ขณะที่ใช้งาน รองรับได้ถึง 1600 DPI และ 1200, 800 DPI ตามลำดับ

เมาส์ไร้สาย

การเชื่อมต่อมีให้เลือก 2 แบบด้วยกันคือ Wireless 2.4GHz และ Bluetooth 5.0 ด้วยการเชื่อมต่อผ่านทาง Nano USB ขนาดกระทัดรัด ที่มีให้จัดเก็ยอยู่ในตัวเมาส์ เพื่อความสะดวกในการพกพา

เมาส์ไร้สาย

พอร์ต USB-C ที่ใช้สำหรับการชาร์จไฟ ที่สามารถชาร์จได้เต็มในเวลาเพียง 1.5 ชั่วโมงเท่านั้น อีกทั้งมีปุ่มสำหรับปิดการทำงานของ Bluetooth หรือ Wireless ได้อีกด้วย บริเวณด้านใต้ของตัวเมาส์ Lenovo รุ่นนี้

เมาส์ไร้สาย

ด้วยขนาดที่กระทัดรัด และบาง จึงง่ายต่อการจัดเก็บ แต่ก็ใช้เป็นเมาส์ได้ง่ายขึ้น ด้วยการหมุนตัวเมาส์ให้อยู่ในโหมดที่พร้อมทำงานได้ทันที หรือจะใช้ในรูปแบบนี้ กับการทำงานเป็นเลเซอร์พอยเตอร์ได้อีกด้วย ซึ่งช่วยให้หลายๆ คนพร้อมกับการทำงานหรือใช้งานในชีวิตประจำวันไปได้พร้อมๆ กัน เช่นนักศึกษาที่ใช้งานกับโน๊ตบุ๊คบางเบา พกพาสะดวก คนทำงานหรือฝ่ายขาย ที่พรีเซนท์งานลูกค้าหรือว่าผู้ใช้ในกลุ่มอื่นๆ ก็ตาม

เมาส์ไร้สาย

จากคุณสมบัติที่ว่ามาบน Lenovo Yoga เมาส์ไร้สาย ชาร์จได้ ที่ทาง Topvalue จัดโปรโมชั่นพิเศษ เหลือเพียง 1,390 บาทนี้ ถือว่าเอาใจคนที่กำลังมองหา Wireless mouse ที่ตอบโจทย์ในแง่ของการทำงานและการใช้ในชีวิตประจำวันได้สะดวก เพราะนอกจากจะกระทัดรัด พกพาง่าย ไม่ต้องมีสายพันกันให้วุ่นวาย ยังใช้งานได้ยาวนานนับเดือน ต่อการชาร์จเพียงหนึ่งครั้ง การใช้งานก็แค่หมุนปรับให้ใช้งานในโหมดเมาส์ หรือจะพับกลับให้เป็นเลเซอร์พอยเตอร์ได้อีกด้วย พร้อมกับความทนทาน ด้วยอัตราการคลิ๊กระดับ 3 ล้านครั้ง แข็งแกร่งแบบนี้ กับโปรโมชั่นดีๆ แค่ 1,390 บาทเท่านั้น ที่ Topvalue

คุณสมบัติที่น่าสนใจ

Lenovo YOGA
ระยะเวลาชาร์จไฟ: ชาร์จไฟเต็มใน 1.5 ชั่วโมง
ระยะการใช้แบต: ยาวนานกว่า 2 เดือน
รูปแบบการเชื่อมต่อ: สัญญาณไร้สาย 2.4GHz หรือ บลูทูธ 5.0
คุณสมบัติพิเศษ: บานพับบิดหมุนได้ ตัวรับสัญญาณ Nano USB
อายุของปุ่ม: ปุ่มกดซ้าย/ขวา มากถึง 3 ล้านคลิ๊ก, ปุ่มกลางได้ถึง 100,000 ครั้ง

ไปช้อปกันได้ที่: Topvalue

Topvalue ช้อปปิ้งออนไลน์แห่งใหม่

Relate Topics

10 เมาส์ไร้สาย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

Lenovo Yoga Wireless mouse 1 1

10 Wireless mouse ช่วยงานไว เล่นเกมลื่น

HyperX Pulsefire Haste 36

10 Wireless ยอดนิยม 2020 พกง่าย ใช้สะดวก

10 wireless mouse 2020

from:https://notebookspec.com/web/592661-wireless-mouse-lenovo-topvalue

PHILIPS 278E1A และ 328E1CA เกมมิ่งมอนิเตอร์ 4K ฟีเจอร์แน่น ภาพคม ดีไซน์เฉียบ

PHILIPS 278E1 และ 328E1CA เป็นเกมมิ่งมอนิเตอร์ล่าสุดจากค่ายที่มีไลน์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นจอแสดงผลมายาวนาน เรียกว่าเป็นตำนานในประวัติศาสตร์ของจอภาพก็ได้เช่นกัน สำหรับใครที่เดินทางมาในสายไอที สัก 10-20 ปีก่อน เชื่อว่าต้องคุ้นหูคุ้นตากันดี และในรุ่นหลังๆ มานี้ ดูเหมือนว่า PHILIPS ไม่ได้หยุดอยู่เพียงจอมอนิเตอร์ทำงาน หรือสายงานมืออาชีพเพียงอย่างเดียว แต่ยังเพิ่มโมเดลในตลาด Gaming อย่างชัดเจน เช่นเดียวกับมอนิเตอร์ที่เราจะนำมารีวิวกันในวันนี้ โดยมากันแบบแพ็คคู่ในไซส์ระดับ 27 นิ้ว และ 32 นิ้ว ที่สำคัญความละเอียดระดับ 4K อีกด้วย

จอเกมมิ่ง

มาแนะนำมอนิเตอร์ทั้ง 2 รุ่นแบบคร่าวๆ กันก่อน สำหรับจอสองรุ่นนี้ เป็นเกมมิ่งมอนิเตอร์ขนาด 27 นิ้วและ 32 นิ้ว อยู่ในซีรีส์ E Line ที่เรียกว่าเรียบหรูดูดี กับดีไซน์ที่บางเฉียบ ไม่ว่าจะเป็นฐานตั้ง ไปจนถึงขอบจอ ที่ยังคงสไตล์ของ PHILIPS ไว้อย่างครบถ้วน โดยทั้ง 2 รุ่นนี้ ให้ความละเอียดเดียวกันคือ QHD Ultra-wide 4K หรือ 3840 x 2160 @ 60 Hz แต่ต่างกันเล็กน้อยในแง่ของดีไซน์คือ 278E1 จะเป็นจอแบนตรงแนวกว้าง ส่วนในรุ่น 32 นิ้ว 328E1CA จะเป็นแบบจอโค้ง 1500R เพื่อให้โอบกระชับสายตาได้มากขึ้น แต่ที่เป็นไฮไลต์อยู่ที่ PHILIPS เลือกพาแนล IPS มาใช้กับจอทั้งสองรุ่น ให้ภาพและมุมมองที่กว้าง ชัดเจน เอาใจคอเกมที่ชื่นชอบสีสันและการตอบสนองที่ดี

จอเกมมิ่ง

PHILIPS 278E1A/67 เป็นจอภาพขนาด 27 นิ้ว ที่เรียกว่าใกล้เข้ามาสู่ขนาดมาตรฐานของผู้ใช้ในปัจจุบัน เนื่องจาก 24″ อาจจะเล็กเกินไปแล้ว เมื่อเล่นเกมในวันข้างหน้า โดยจอรุ่นนี้เป็นแบบ จอแบน หรือ จอตรง ตามแบบที่จะเรียกกัน มาในมิติที่บางเป็นพิเศษ ตัวฐานแบบสี่เหลี่ยม รับน้ำหนักโครงสร้างทั้งหมด 4.8Kg สบายๆ แกนด้านหลังเป็นโลหะแข็งแรง สีเงินตัดกับฐานและขอบหน้าจอสีดำได้ชัดเจน ด้านหน้าจอให้ความรู้สึกมีพื้นที่มากมายในการใช้งาน ปุ่มควบคุมตั้งค่า OSD 5 จุด บริเวณใต้หน้าจอ พร้อมไฟสถานะ โดยมาพร้อมลำโพงในตัว พาแนล IPS ในแบบ Anti-Glare อัตรารีเฟรชเรตอยู่ที่ 60Hz มาตรฐาน สนนราคาเท่าที่เช็คดูในตลาดราวๆ 9,900 บาท เท่านั้น

จอเกมมิ่ง

Specification – PHILIPS 278E1A/67

  • ประเภทจอ: LCD
  • เทคโนโลยี: IPS
  • ชนิดแสงพื้นหลัง: ระบบ W-LED
  • ขนาดจอภาพ: 27 นิ้ว / 68.6 ซม.
  • การเคลือบจอแสดงผล: ลดแสงสะท้อน 3H ความทึบแสง 25%
  • พื้นที่แสดงภาพจริง: 596.74 (H) x 335.66 (V)
  • อัตราการจัดมุมมอง: 16:9
  • ความละเอียดสูงสุด: 3840 x 2160 @ 60 Hz*
  • ความละเอียดพิกเซล: 163 PPI
  • เวลาตอบสนอง (ทั่วไป): 4 มิลลิวินาที (Gray to Gray)*
  • ความสว่าง: 350 cd/m²
  • อัตราความคมชัด (ทั่วไป): 1000:1
  • SmartContrast: Mega Infinity DCR
  • มุมมองภาพ: 178º (H) / 178º (V) @ C/R > 10
  • การเพิ่มประสิทธิภาพของภาพ: SmartImage Game
  • Color Gamut (ทั่วไป): NTSC 91%, sRGB 109%
  • สีในการแสดงผล: รองรับสี 1.07 พันล้านสี
  • ความถี่ในการสแกน: 30 – 83 kHz (H) / 59 – 61 Hz (V)
  • โหมด LowBlue: ใช่
  • สัญญาณอินพุต: DisplayPort x 1, HDMI x2
  • ขาตั้ง: เอียง -5/20 องศา
  • น้ำหนัก: ผลิตภัณฑ์พร้อมขาตั้ง (กก.) 4.78 กก.

ดีไซน์และรูปลักษณ์

จอเกมมิ่ง

PHILIPS 278E1A/67 มาในรูปทรงที่คุ้นตากันดี กับฐานสี่เหลี่ยม ที่เรียกว่าแทบจะเป็นเอกลักษณ์ของค่ายนี้ ขอบจอบาง 3 ด้าน ขอบบนและข้างซ้าย-ขวา ราบไปกับตัวพาแนล ไม่มีขีดข้างมารบกวนสายตา ซึ่งเหมาะกับคอเกมเป็นอย่างยิ่ง ส่วนขอบจอด้านล่าง จะเป็นแถบที่ใหญ่ขึ้นมาอีกนิด เพื่อรับกับตัวจอ รวมถึงปุ่มสำหรับ OSD

จอเกมมิ่ง
จอเกมมิ่ง

ขอบจอด้านล่างทางซ้าย มีลาเบล บอกคุณลักษณะของจอรุ่นนี้ แกะออกได้เมื่อใช้งาน ส่วนทางด้านขวา เป็นปุ่ม OSD ที่อยู่ด้านใต้ สามารถดูสัญลักษณ์ในการปรับหน้าจอได้ชัดเจน ประกอบด้วย เปิด-ปิด, Input, Volume และ Out

จอเกมมิ่ง

ขอบจออย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น คือ บางพิเศษ เรียกว่าเห็นขอบดำอยู่ประมาณ 0.5cm เท่านั้น เหมาะกับการใช้งานแบบมัลติมอนิเตอร์เป็นอย่างยิ่ง

จอเกมมิ่ง

มุมมองจากด้านข้าง จะเห็นความหนาในระดับหนึ่ง สำหรับจอภาพรุ่นนี้ ด้านหลังจะมีโค้งเล็กน้อย

จอเกมมิ่ง

ด้านหลังเป็นโทนสีดำ มีล้ายคล้ายปัดเสี้ยน ให้ดูสวยงามขึ้น พร้อมโลโก้ PHILIPS อย่างชัดเจน

จอเกมมิ่ง

ฐานจอของ PHILIPS 278E1A/67 รุ่นนี้ จะไม่ต่างไปจากรุ่น PHILIPS 328E1CA/67 มากนัก เรียกว่าทรงเดียวกัน ต่างกันตรงขนาดกว้าง-ยาวเล็กน้อย แต่จุดที่น่าสนใจก็คือ ทาง PHILIPS ออกแบบขาตั้ง ให้สามารถรวบสายสัญญาณและสายไฟ สอดเข้ามาตรงช่องบนขาตั้งนี้ เพื่อเก็บสายไม่ให้ดูเกะกะนั่นเอง

พอร์ตต่อพ่วง มีมาให้ครบ ไม่ว่าจะเป็น HDMI x2 และ DisplayPort อีก 1 พอร์ต ใกล้ๆ กันจะเป็น Mic และ Headset โดยจอรุ่นนี้จะใช้อแดปเตอร์แปลงไฟ ไม่ได้เป็นแบบต่อ DC เข้าพาแนลโดยตรง ต่างจากในรุ่น 328E1CA

จอเกมมิ่ง

หน้าจอรุ่นนี้ สามารถปรับมุม tilt ด้วยการปรับก้มเงยได้ในระดับ -5 ถึง 22 องศา และไม่รองรับการหมุนซ้าย-ขวา หรือ Pivot

PHILIPS 328E1CA/67

จอเกมมิ่ง

PHILIPS 328E1CA/67 จะเป็นมอนิเตอร์ไซส์ใหญ่ระดับ 32 นิ้ว ที่เรียกว่าเอาใจสายบู๊ และชื่นชอบเกมหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น FPS, RTS หรือแนว MMORPG และ MOBA ก็ตาม กับพื้นที่หน้าจอที่กว้างขวางในแบบ Curved monitor ให้ความคมชัดสูง QHD 2560×1440 ที่เป็นมาตรฐานไปแล้วกับจอภาพใหญ่ระดับนี้ เพื่อให้โอบกระชับสายตา มองได้ทั่วถึงมากขึ้่น พาแนลเป็นแบบ VA ที่ให้สีสด เอาใจคอเกมกันโดยเฉพาะ กับเทคโนโลยี Ultra Wide-Color เพื่อภาพที่มีความสว่างสดใส และมาพร้อม AMD FreeSync เพื่อการเล่นเกมที่ได้ภาพต่อเนื่องนุ่มนวล กับฟีเจอร์ในด้านการเล่นเกม SmartImage Game ที่ให้เกมเมอร์ได้ปรับโหมดภาพบน OSD ให้เข้ากับการเล่นเกม โดยเฉพาะโหมด FPS, RTS และ Racing น่าจะสิ่งที่ผู้เล่นอยากสร้างความได้เปรียบในการเล่น โดยผู้เล่นยังบันทึกค่าที่ตั้งไว้ เพื่อให้การเลือกโหมดการเล่นทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

จอเกมมิ่ง

Specification – PHILIPS 328E1CA/67

  • ประเภทจอ LCD: VA LCD
  • ชนิดแสงพื้นหลัง: ระบบ W-LED
  • ขนาดจอภาพ: 31.5 นิ้ว / 80 ซม.
  • การเคลือบจอแสดงผล: ลดแสงสะท้อน 3H ความทึบแสง 25%
  • พื้นที่แสดงภาพจริง: 697.3 (H) x 392.2 (V) มม. – ที่ส่วนโค้ง 1500R*
  • อัตราการจัดมุมมอง: 16:9
  • ความละเอียดที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุด: 3840 x 2160 @ 60 Hz
  • ความละเอียดพิกเซล: 140 PPI
  • เวลาตอบสนอง (ทั่วไป): 4 มิลลิวินาที (Gray to Gray)*
  • ความสว่าง: 250 cd/m²
  • อัตราความคมชัด (ทั่วไป): 2500:1
  • SmartContrast: Mega Infinity DCR
  • มุมมองภาพ: 178º (H) / 178º (V) @ C/R > 10
  • การเพิ่มประสิทธิภาพของภาพ: SmartImage Game
  • Color Gamut (ทั่วไป): NTSC 99%, sRGB 122%
  • ความถี่ในการสแกน: 53 – 84 kHz (แนวนอน) / 48 – 75 Hz (แนวตั้ง)
  • สัญญาณอินพุต: DisplayPort x 1.2, HDMI 2.0 x 2
  • ลำโพงภายในตัว: 3 W x 2
  • ผลิตภัณฑ์พร้อมขาตั้ง (สูงที่สุด): 709 x 523 x 281 มม.
  • ผลิตภัณฑ์พร้อมขาตั้ง (กก.): 7.71 กก.

PHILIPS 328E1CA/67 มาในรูปลักษณ์ของการเป็นจอโค้ง (Curved monitor) ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในเวลานี้ กับความโค้งระดับ 1500R ที่ค่อนข้างจะกระชับสายตาได้ดีทีเดียว ไม่ต้องถอยออกไปไกล ด้วยพาแนลในแบบ VA ที่ขึ้นชื่อเรื่องสีสันที่สดใส

จอเกมมิ่ง

จอเกมมิ่ง

สำหรับขอบจอ เป็นแบบขอบบาง 3 ด้าน คือ บนกับด้านข้าง ทำให้ดูมีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าเดิม ยิ่งอยู่บนจอระดับ 31.5 นิ้วแบบนี้ กลายเป็นดูพื้นที่เหลือกินเหลือใช้เลยทีเดียว

จอเกมมิ่ง

ขอบมุมจอด้านบน จะเห็นได้ว่า แทบไม่ต่างไปจากรุ่น 27″ แต่ด้วยการเป็นจอขนาดใหญ่ จึงดูมีพื้นที่มากเป็นพิเศษ กับใครที่ไม่เคยเล่นเกมบนจอใหญ่แบบนี้ รวมถึงความละเอียดระดับ 4K ด้วย จะรู้สึกแตกต่างอย่างมาก จะเล่าให้ฟังกันในช่วงของการรีวิวกันอีกที

จอเกมมิ่ง

มุมมองจากด้านข้างของ PHILIPS 328E1CA/67 จะเห็นได้ว่า ความโค้งระดับ 1500R จะมีผลต่อการเล่นเกมหรือการใช้งานของคุณมากเพียงใด เรื่องระยะถอยที่หลายคนกังวลกัน ก็แทบจะไม่มี หรือไม่ต้องถอยออกจากหน้าจอมากเกินไป แต่เห็นได้เต็มตามากขึ้น อยู่ที่การปรับตัวในการใช้งานของแต่ละบุคคล

จอเกมมิ่ง

พอร์ตต่อพ่วงด้านหลัง มาในแบบเดียวกันกับ PHILIPS 278E1A/67 ประกอบด้วย HDMI และ DisplayPort และมีแจ๊ค หูฟัง ไมค์มาให้ด้วย

จอเกมมิ่ง

ขาตั้งที่มาพร้อมช่องสำหรับเก็บรวบสายต่างๆ เอาไว้ เพื่อจะได้ไม่เกะกะบนโต๊ะ ใครไม่ชอบสายอะไรเยอะๆ ก็ลองลอดผ่านช่องนี้ได้

จอเกมมิ่ง

และสิ่งที่มีมาบน จอเกมมิ่ง ทั้ง 2 รุ่นจาก PHILIPS นี้ ก็คือ ลำโพง 3W จำนวน 2 ตัวซ้าย-ขวา บอกเลยว่าเสียงสะใจเลยทีเดียว ใครที่เล่นเกมในห้อง อยู่คนเดียว อยากจะเล่นแบบเปิดลำโพงให้สะใจ แต่ยังไม่อยากจ่ายเงินกับลำโพงดีๆ แค่ซาวด์การ์ดบนเมนบอร์ดดีๆ สักรุ่น ต่อสาย Sound มากับ HDMI เท่านี้ก็สนุกสนานกันแล้ว

การตั้งค่าใน OSD

โหมดการตั้งค่าในเมนูต่างๆ บน OSD ของจอภาพทั้ง 2 รุ่น แทบจะไม่ต่างกัน และก็ใช้ง่าย ไม่ค่อยซับซ้อน สามารถกดปุ่มจากพาแนลด้านหน้าได้ทันที มีด้วยกัน 5 ปุ่มหลัก และไฟแสดงสถานะ ตรงจุดนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานของบางคน เพราะเวลานี้จะมีจอบางรุ่นที่มาพร้อมปุ่มจอยสติ๊ก นิ้วเดียวเลื่อนใช้งานได้ทั้งหมด หรือบางรุ่นก็จะมาพร้อมสวิทช์แยก อย่างไรก็ดี แต่ละแบบก็มีข้อดีข้อด้อยต่างกันออกไป ส่วนบางคนอาจจะยังถนัดกับปุ่มแบบนี้ เพราะนิ้วไม่ค่อยลั่นง่าย แค่ดูให้ดีกว่า ปุ่มไหน Enter เข้าไป หรือ Exit ออกมา เลื่อนขึ้นหรือลง ซ้ายหรือขวาเท่านั้น

จอเกมมิ่ง

วิธีการปรับ OSD บนจอรุ่นนี้ก็ง่ายมาก แต่เพียงกดปุ่ม Menu ที่เป็น Ok จากนั้นเลือกเมนูที่ต้องการ ด้วยการกดปุ่ม ขึ้นหรือลง แล้วกด Ok จากนั้นก็เลื่อนซ้าย-ขวา เพื่อเข้าเมนูรอง หรือปรับเพิ่ม-ลด แสง สี เสียง และอื่นๆ เพียงเท่านั้น

จอเกมมิ่ง

เมนูแรกที่เจอเลยก็คือ LowBlue Mode เหมาะกับคนที่ใช้งานหน้าจอนานๆ อยากให้เปิดใช้ โดยเฉพาะคนที่ท่องเว็บหรือพิมพ์งาน เพราะไม่ต้องสนใจเรื่องของแสงสีมากมาย เน้นถนอมดวงตา ด้วยการเลือก On ได้เลย

จอเกมมิ่ง

ในส่วนของ Input จะสอดคล้องกับการใช้งานพอร์ตด้านหลังเครื่อง แต่ถ้าคุณมี Input หรือใช้งานร่วมกันหลายช่องทาง เช่นมีหลายเครื่อง ก็เลือก Input สัญญาณจากจุดนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็น HDMI1, HDMI2 หรือ DisplayPort ก็ตาม

จอเกมมิ่ง

ในส่วนของ Picture mode จะมีเป็นการตั้งค่าพื้นฐานในแบบ Manual เป็นหลัก ประกอบด้วย ความสว่าง, Contrast, Sharpness ส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามาคือ SmartContrast จะเป็นเทคโนโลยีที่ให้การปรับสีดำ ควบคุมโทนแสงสีในฉากให้อัตโนมัติ เพื่อให้เกิดความต่างของฉากหลังและตัวละครได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มองเห็นรายละเอียดได้ชัดเจน นอกจากนี้ยังช่วยในแง่ของการปรับแสง ให้เหมาะสมกับการใช้งานบนแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นงานเอกสาร Office หรือโปรแกรมอื่นๆ ที่ต้องการความคมชัดมากขึ้น และ SmartResponse

จอเกมมิ่ง

SmartSize จะเปิดให้ผู้ใช้ปรับรูปแบบของพาแนลได้ตามต้องการ มีให้เลือกทั้งโหมด Native 27″ Wide (16:9) หรือจะเป็นแบบ 1:1 และ Aspect เพื่อให้รองรับกับแอพพลิเคชั่นและการใช้งานบางประเภท

จอเกมมิ่ง

อย่างที่ได้กล่าวไปคือ จอเกมมิ่ง ทั้ง 2 รุ่นจาก PHILIPS นี้ มาพร้อมลำโพงในตัว 3W x2 จึงเลือกที่จะปรับระดับเสียงได้จาก OSD นี้ รวมถึงการใช้ในโหมด Stand-Alone, Mute และเลือก Source หรือช่องทาง Input ของเสียง

จอเกมมิ่ง

Color Temperature หรืออุณหภูมิของสี ที่ผู้ใช้ต้องการ มีมากมายหลายระดับ เช่นเดียวกับการใช้งานบนกล้องถ่ายรูปในปัจจุบัน โดยเลือกให้เหมาะกับโทนของคุณ ซึ่งมีตั้งแต่ 5000K ไปจนถึง 11500K หรือจะเลือกเป็นแบบ Native ก็ได้เช่นกัน

จอเกมมิ่ง

นอกจากนี้ยังเลือกปรับมุมมองของ OSD อาทิ ให้เป็นแนวตั้งหรือแนวนอน ความใสของเมนู ด้วยการปรับค่า Transparent มีให้ระดับให้เลือก เพื่อจะได้ไม่บดบังด้านหลัง เมื่อใช้งาน รวมถึงระยะเวลาที่ OSD ปรากฏบนหน้าจอ

ทดลองใช้งาน

จอเกมมิ่ง
จอเกมมิ่ง

มาเริ่มกันที่เรื่องของขนาดหน้าจอทั้ง 2 รุ่นกัน ซ้ายมือสุด PHILIPS 278E1A/67 และขวามือ PHILIPS 328E1CA/67 จะต่างกันอยู่ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ถามว่าใครน่าใช้ บอกเลยได้ทั้งคู่จะดีงามมากมาย!

จอเกมมิ่ง

ในส่วนแรก เป็นการท่องเว็บไซต์ โดยใช้ค่าพื้นฐาน ที่เป็นแบบเดิมๆ ออกมาจากกล่อง จะเห็นความสว่างของในรุ่น 27″ ค่อนข้างจะออกมาสดใส และคมชัดมากทีเดียว แม้ว่าในแง่ของความหนาแน่นสีนั้นรุ่น 32 นิ้วจะมีมากกว่าเล็กน้อยก็ตาม แต่สิ่งที่ต้องมาดูกันก็คือ 328E1CA มาพร้อม sRGB 122% จะมากกว่า 278E1A ที่มีอยู่ 109% ซึ่งก็มีส่วนต่อการแสดงผลอยู่ด้วย แต่เนื่องด้วยสิ่งมีผลอย่างชัดเจนก็คือ Brightness ของ 328E1CA จะมีน้อยกว่า ซึ่งน่าจะมาจากการที่ต้องออกแบบให้เหมาะกับจอขนาดใหญ่ ค่าความสว่างสูงๆ ไม่น่าจะเป็นผลดีนัก อย่างไรแล้วการเล่นเกม น่าจะเน้นไปที่เรื่องของสีและความต่อเนื่อง ความสว่างก็น่าจะถูกปรับให้ดูสบายตามากกว่า ซึ่งถ้าคุณเป็นคนชอบความสว่างของหน้าจอจัดๆ เช่น ใช้งานในที่ที่มีแสงรอบข้างเยอะ ก็อาจจะปรับเพิ่มได้ตามต้องการ

จอเกมมิ่ง

มาดูกันในโหมดการเล่นเกมกันบ้าง เอาแบบที่ไม่ได้ปรับแต่งภาพแต่อย่างใด เน้นค่าพื้นฐาน มีเพียงค่า Color Temperature ที่ปรับเป็น Native ด้วยกันทั้งคู่ ในห้องที่มีการปรับแสงให้มืดเล็กน้อย เพื่อจำลองพื้นที่การเล่นเกม และตั้งความละเอียดเอาไว้ที่ 4K (3840 x 2160) รวมกับคอมพิวเตอร์ AMD Ryzen 7 3700X และการ์ดจอ RX 5700 และแรมระบบ DDR4 32GB

จอเกมมิ่ง
จอเกมมิ่ง
จอเกมมิ่ง
จอเกมมิ่ง

สำหรับ จอเกมมิ่ง 278E1A/67 รุ่นนี้ ทั้งภาพหน้าตรง มุมเอียงซ้าย-ขวา และมุมมองจากด้านล่าง แทบไม่มีผิดเพี้ยน สีสันยังคงสวยงาม และคมมากๆ กับการปรับ 4K ซึ่งถ้าหากคุณมีเครื่องคอมแรงๆ สักเครื่องอยู่แล้ว และมั่นใจว่าสามารถรีดเฟรมเรตบน 4K ได้เกิน 60fps การเลือกจอความละเอียดสูงแบบนี้ จะทำให้ความรู้สึกในการเล่นเกมของคุณเปลี่ยนไป สิ่งที่คุณเคยได้สัมผัสมาก่อนใน Full-HD จะถูกเติมเต็มในส่วนที่เป็นรายละเอียด และความคมชัด จากเดิมคุณอาจจะมองจอ 24 นิ้ว FHD ที่อาจจะดูสวยในความรู้สึกของคุณ แต่บนจอ 27 นิ้วจาก PHILIPS รุ่นนี้ จะให้คุณได้เก็บรายละเอียดมากขึ้น ทั้งที่เป็น Detail จากบรรดาสิ่งของต่างๆ รอบตัว รวมไปถึงเอฟเฟกต์รอบตัวคุณ เช่น ในเกม GTAV จะมีทั้งเรื่องกระสุน แสงจากกระบอกปืน รถที่ระเบิดเป็นชิ้นๆ เป็นต้น

จอเกมมิ่ง

ความคมชัดของ Text ในโปรแกรม และเกม จะเห็นได้เลยว่า มันดีงาม เรื่องของสีสัน คุณอาจปรับฟังก์ชั่นแต่งเติมเอาได้ แต่เรื่องของความละเอียดและการแสดงผลระดับนี้ ต้องมีพื้นฐานที่ดีมาตั้งแต่ตัวมอนิเตอร์และพาแนล

จอเกมมิ่ง

ในการเล่นเกมบน PUBG ก็เช่นกัน ความรู้สึกสนุกและมันส์บนความคมชัดที่ลื่นๆ กับเฟรมเรตระดับ 110fps ทำให้เราเพลิดเพลินไปกับการเล่นได้แบบยาวๆ สิ่งที่มาเติมหลังจากที่ไม่ค่อยได้เจอมานานก็คือ การมองเห็นรายละเอียดโดยรอบที่ชัดเจนยิ่งขึ้น รวมถึงการส่องเฮดช็อตคู่ต่อสู้ได้แม่นยำกว่า และที่สำคัญมองเห็นออปเจกต์ เช่น หมวก ปืน และกระสุน ได้ชัดเจน ได้มากกว่าการอาศัยเดาจากตัวคำอธิบายที่ปรากฏขึ้นมา หรือการดูแผนที่ที่กว้างและชัดเจนมากขึ้นกว่าจอ 27 นิ้วในแบบ FHD ตัวเดิมที่ใช้อยู่อีกด้วย

จอเกมมิ่ง

PHILIPS 328E1CA/67 มาถึงพี่ใหญ่ไซส์ท็อปกับ 32 นิ้วรุ่นนี้ ตอนแรกที่เล่น นึกว่าจะต้องถอยเก้าอี้ออกไปอีกหน่อย แต่ที่ไหนได้ แทบจะอยู่ในระยะที่เล่นบน 27 นิ้วก่อนหน้านี้เลย อานิสงจากจอโค้ง ที่หลายคนอาจจะมองว่าเกินความจำเป็น แต่อยากให้ลองเล่นกันดูก่อน ช่วงแรกๆ อาจจะยังไม่คุ้นชิน เพราะเรื่องของพื้นที่ ระยะการมองต่างๆ อาจเปลี่ยนไปบ้าง แต่ถ้าจอที่คุณใช้เป็นแบบ 4K เช่นจอนี้ รับรองว่าไม่นานก็คุ้นเคย แต่แนะนำว่า ช่วงแรกๆ อาจจะถอยออกมาเล็กน้อย จากระยะที่เคยเล่นก็ดี

จอเกมมิ่ง
จอเกมมิ่ง
จอเกมมิ่ง

มาว่ากันที่มุมมองและแสงสี อย่างที่ได้เห็นไปในภาพบนๆ ด้วยความกว้างของหน้าจอระดับ 32 นิ้ว ก็ไม่น่าแปลกใจที่จะดูสีเบาบางไปบ้าง เนื่องจากแสงกระทบจากภายนอกค่อนข้างมาก แต่ถ้าเห็นในภาพบน ก็จะพอสังเกตได้ว่า หากอยู่ในห้องที่แสงน้อย ก็ทำให้สีสันกลับที่สดใสได้เช่นกัน และยังมีวิธีอื่นๆ ในการเพิ่มความสดใส เช่น การปรับ Color Temp หรือ Gamma และ Smart Contrast เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ รวมๆ กัน ก็ทำให้ได้ภาพตามที่คุณต้องการได้ แต่สิ่งที่เราให้ความสำคัญ ก็คือ ภาพจะลื่นไหล มีภาพขาดบ้างมั้ย ต้องมาลองกันก่อน

จอเกมมิ่ง
จอเกมมิ่ง
จอเกมมิ่ง
จอเกมมิ่ง

ด้านบนนี้คือภาพที่ได้จากเกม PUBG และ Battlefield V บนความละเอียด 4K และตั้งเป็น High Settings ซึ่งเฟรมเรตที่ได้อยู่ราวๆ 100fps ยกเว้น BFV ที่กินสเปคมหาโหด กดไปที่ 50fps โดยประมาณ แม้กระนั่น ก็ไม่ทำให้ภาพี่เล่น เกิดอาการวูบหรือภาพขาด เนื่องจากความต่อเนื่องของภาพ ยังไปต่อได้สบายๆ ยกเว้นว่าเครื่องของคุณจะรีดเฟรมเรตได้ต่ำกว่า 30fps ก็อาจจะทำให้สะดุดอารมณ์คุณได้นั่นเอง แน่นอนว่า 27 นิ้ว ยังทำให้เราหวั่นไหวได้ 32 นิ้วรุ่นนี้ก็คงไม่เหลือ ใครเป็นสายสไนป์ น่าจะชอบกับเป้าไกลๆ ที่คุณส่องเฮดช็อตได้แบบนิ่มๆ เพราะเป้าใหญ่เห็นศูนย์เล็งแล้วใจไม่สั่น เหลือแค่บรรจงเหนี่ยวไก ใจนิ่งๆ เท่านั้นเอง จะว่าเป็นการเอาเปรียบคู่ต่อสู้ก็ไม่เชิง เพราะวัดกันที่โอกาสของใครมากกว่า และอารมณ์คุณจะพลุ่งพล่านได้มากกว่า เพราะคุณจะเห็นทั้งแนวกระสุน ปืนใหญ่ โดยเฉพาะปืนต่อสู้รถถังใน BFV มันช่างกระแทกหัวใจจริงๆ เวลากระทบโดนเรา ซึ่งภาพที่ได้เหล่านี้ เอามาประมวลได้ไม่หมด เอาเป็นว่าทั้งสีสัน ความนิ่งและมุมมอง รวมถึงพื้นที่กว้างใหญ่ของจอ จะทำให้คุณเพลินไปกับการเล่นเกมได้แบบยาวๆ เลยทีเดียว

จอเกมมิ่ง

อีกสิ่งหนึ่งที่น่าจะทำให้คุณใช้ประโยชน์จาก จอเกมมิ่ง ขนาดใหญ่ทั้ง 2 รุ่นจาก PHILIPS นี้ ก็คือ การใช้พื้นที่บนหน้าจอให้คุ้มค่า ด้วยการ Split หน้าจอให้แยกพื้นที่หน้าต่างออกจากกัน เราลองแบ่งหน้าจอในแบบ 4 หน้าต่างบนจอเดียว ด้วยฟังก์ชั่นบน Windows 10 บนหน้าจอ 27 นิ้ว เราก็ยังอ่านตัวอักษรและดูรูปได้ไม่ยากนัก เรียกว่าพอปรับให้มองแบบง่ายๆ ได้ ด้วยการขยายไซส์แต่ละหน้าต่างให้ใหญ่ขึ้น เหมาะกับคนที่ทำงานเอกสารหรือต้องเก็บข้อมูลบนเว็บไซต์ หรือใช้มอนิเตอร์โปรแกรมต่างๆ ได้สะดวกทีเดียว ส่วนในรุ่น 32 นิ้ว ก็ไม่ต้องแนะนำกันมาก หน้าต่างที่ได้กว้างใหญ่ เปิดมากกว่า 4 หน้าต่างในจอเดียวก็ยังไหว แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่านี่เป็นจอ 4K เพราะถ้าเป็น FHD ก็อาจจะได้มุมมองที่ไม่เท่ากัน

จอเกมมิ่ง

ส่วนสุดท้ายก็ลองเปิดหน้าจอสำหรับการตัดต่อ ด้วยโปรแกรม Adobe Premier Pro เรียกว่าเปิด Tool กันได้จัดเต็ม พรีวิวภาพ ขยายได้ใหญ่สุดๆ บนจอ 328E1CA/67 ซึ่งถ้าดูจากข้อมูลที่ระบุไว้ว่า ค่า Gamut sRGB ของรุ่นนี้อยู่ที่ 122% ก็น่าจะทำให้คุณ ได้ใช้งานด้านวีดีโอและตกแต่งภาพได้อีกด้วย

จอเกมมิ่ง

Conclusion
โดยภาพรวมของ จอเกมมิ่ง PHILIPS 278E1A/67 และ 328E1CA/67 ทั้งสองรุ่นนี้ จะออกมาค่อนข้างคล้ายคลึงกัน เพราะเป็นซีรีส์ E-Line ความละเอียด 4K และพาแนลในแบบเดียวกัน ต่างกันอยู่ตรงพื้นที่หน้าจอ 27″ และ 32″ และค่า PPI, Brightness รวมถึง Color Gamut ซึ่งถ้าถามว่ารุ่นใดดี ก็คงต้องบอกว่า จะเล่นเกมอย่างเดียว งบไม่ถึงหมื่นบาทดี ก็เลือก 278E1A/67 แต่ถ้าอยากได้พื้นที่กว้างกว่า ขอบเขตสีที่สูง รวมถึงการเล่นเกมแบบเต็มตาเต็มอารมณ์ในงบหมื่นกว่าบาทแล้ว 328E1CA คือคำตอบอย่างแน่นอน เพียงแต่ต้องดูจากประสิทธิภาพของคอมที่ใช้ ว่าจะสามารถรีดเฟรมเรต และเล่นเกมในโหมด 4K ได้ดีเพียงใด และย้ำว่าควรจะเล่นในโหมด Native หรือที่เป็น 4K เท่านั้น จึงจะเรียกว่าใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ถ้าจะเล่น FHD แนะนำตัวเลือกอื่นๆ ใน PHILIPS ก็มีอีกเพียบ เพราะถ้าคุณได้เห็นจากรีวิว หรือได้ลองด้วยตัวเอง จะรู้สึกเปลี่ยนแปลงจากจอเดิมๆ ที่คุณใช้อยู่ เพราะทั้งรายละเอียด เอฟเฟกต์และสีสัน จะทำให้อารมณ์ในการเล่นเกมเปลี่ยนไป และอยากจะใช้มันให้เต็มศักยภาพยิ่งขึ้น

ส่วนข้อสังเกตบางอย่างบนจอทั้ง 2 รุ่นนี้ก็คือ ไม่มี Profile สำหรับการใช้งานโหมดต่างๆ อย่างเช่น Picture Mode ที่ใช้ในการปรับแต่ง เพื่อสอดคล้องกับเกมที่เล่น แต่เป็นแบบ Manual ที่ให้ตั้งค่าด้วยตัวเอง และบันทึกเป็นโพรไฟล์เฉพาะตัว และอีกจุดหนึ่งสำคัญไม่แพ้กันเลยคือ หน้าจอเป็นรอยนิ้วมือค่อนข้างง่าย ซึ่งก็จะเป็นตามสไตล์ของพาแนลในแนวนี้ หลายคนอาจเจอกันบ่อย แต่ก็ทำความสะอาดได้ไม่ยาก เพียงแต่ไม่จำเป็นก็อย่าไปจับหรือให้ใครมาจิ้มหน้าจอเล่นจะดีกว่า

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทาง Topvalue ที่ส่งจอเกมมิ่ง PHILIPS ทั้งสองรุ่นนี้มาให้เราได้ลองแบบเต็มอิ่มกันครั้งนี้ด้วยครับ

จุดเด่น
-พื้นที่แสดงผลขนาดใหญ่ 27″ และ 32″ ทำให้มองภาพได้ชัดเจน
-ให้ความละเอียดระดับ 4K ความคมชัดสูง
-สีสันสดใส ในแบบพาแนล VA
-สามารถแบ่งหน้าจอ ในการใช้หน้าต่างโปรแกรมร่วมกันได้เยอะ
-ตัวอักษรและภาพที่คมชัด เหมาะทั้งเล่นเกมและทำงาน
-มีฟีเจอร์ LowBlue ลดแสงสีฟ้า เหมาะกับคนที่ใช้งานเป็นเวลานาน
-มีลำโพงมาในตัว เสียงค่อนข้างดี

ข้อสังเกต
-รีเฟรชเรตบน 4K ได้เพียง 60Hz
-ไม่มี Picture Profile ให้เลือก ใช้การปรับ Manual แล้วเก็บเป็นโพรไฟล์แทน
-หน้าจอเป็นรอยนิ้วมีได้ง่าย ตามสไตล์ของจอแบบด้าน Matt

ราคา:
PHILIPS 278E1A/67 ประมาณ 9,090 บาท
PHILIPS 328E1CA/67 ประมาณ 12,250 บาท

สั่งซื้อได้ที่:
topvalue.com

from:https://notebookspec.com/philips-278e1-328e1ca-gaming-4/526105/

topvalue x NBS Promotion ซื้อ Notebook และสินค้าไอที แถมฟรีเครื่องฟอกอากาศ มูลค่า 5,990 บาท

โปรโมชั่นดีจาก topvalue x NBS สุดพิเศษ เมื่อซื้อ Notebook และสินค้าไอที ที่ร่วมรายการ แถมฟรีเครื่องฟอกอากาศส่วนตัว รุ่น Purifina มูลค่า 5,990 บาท ไปเลย โดยโปรโมชั่นนี้จัดขึ้นวันที่ 20 – 31 มีนาคมนี้ หรือจนกว่าของแถมจะหมด เรียกได้ว่าเป็นโปรโมชั่นดีๆ ที่เข้ากับสถานการณ์ช่วงนี้เลย ตอบโจทย์คนที่ทำงานที่บ้านหรือที่งานซึ่งต้องการอากาศบริสุทธิ์ สำหรับ Notebook ก็จะมีให้เลือกเป็น 3 แบรนด์ด้วยกัน อาทิ ASUS, Dell, MSI นอกจากนี้ก็มีมือถือ Xiaomi และ Smartwatch ของ Garmin ด้วย

 

โดยในส่วน Notebook แบรนด์ ASUS จะเป็น Gaming Notebook จำนวน 2 รุ่นด้วยกันคือ ASUS ROG Strix G531 Hero III / G731 มาพร้อมขนาดหน้าจอ 15.6″ และ 17.3″ มีน้ำหนักที่ 2.2 กิโลกรัม และ 2.85 กิโลกรัม ตามลำดับ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการ Gaming Notebook สายจริงจัง ฟีเจอร์ครบครัน สเปกแบ่งออกเป็น Core i7-9750H / i9-9980HK การ์ดจอเป็น GeForce RTX 2070 / 2080 ได้แรมขนาดใหญ่ 16GB ส่วน SSD M.2 NVMe ความจุสูง 512GB หน้าจอเป็นพาเนล IPS เกรดสูง ความละเอียด Full HD ที่ Refresh Rate 144Hz / 240Hz แน่นอนว่ามี Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที มีหลากหลายสเปกและราคา ตามความต้องการของแต่ละคน ลดแล้วเหลือ 45,900 – 74,900 บาท ประกันเป็น 2 ปีตามมาตรฐาน ASUS

สำหรับอีกรุ่นเป็น ASUS ZenBook Pro Duo UX581 ที่จัดว่าเป็นโน้ตบุ๊ค 2 จอสุดล้ำ มาพร้อมกับ ScreenPad Plus กับหน้าจอที่สอง โดยที่เราไม่จำเป็นต้องหาหน้าจอภายนอกมาเชื่อมต่อแต่อย่างใด เป็นหน้าจอขนาดใหญ่ โดยอยู่ใต้หน้าจอหลัก ส่วนการใช้งานก็หลากหลายมากๆ จะเป็นหน้าจอที่สองเปิดโปรแกรมเพิ่ม หรือจะใช้งานเป็นส่วนของเครื่องมือโปรแกรมนั้นๆ รวมไปถึงลงแอปเพิ่มเติมได้อีก ทำให้ในการใช้งานของเรานั้นมีความหยืดหยุ่นกว่าเดิมอย่างที่ไม่เคยมีโน้ตบุ๊คตัวไหนบนโลกทำได้มาก่อน มาพร้อมสเปกแรงลื่นด้วย Intel Core i7-9750H + GeForce RTX 2060 + RAM 32GB + SSD 1TB พร้อมจอ OLED 4K ขนาด 15.6″ + 14″ IPS รองรับการทัชสกรีนทั้งคู่ และมีปากกาในชุดบันเดิลทันที ในราคา 89,990 บาท

Notebook แบรนด์ Dell ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน เริ่มจากรุ่น Inspiron 14 5491 และ Inspiron 14 5491 2-in-1 รวมถึง Inspiron 13 7391 2-in-1 ซึ่งเป็น Notebook รุ่นใหม่ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 ที่ทั้งเร็วแรง ตัวเครื่องเน้นความบางเบาพกพาสะดวก โดย Inspiron 14 5491 เป็น Notebook ที่เน้นใช้งานทั่วไปตัวเครื่องมีความสวยงามหรูหรา หน้าจอขนาด 13.3″ พาเนล IPS สเปกอื่นๆ จัดเต็มด้วยการ์ดจอแยก NVDIA GeForce MX230 แรมขนาด 8GB และ SSD 512GB ส่วน Inspiron 14 5491 2-in-1 และ Inspiron 13 7391 2-in-1 เป็นโน้ตบุ๊คที่สามารถพับหน้าจอได้ 360 องศา รองรับการใช้งานหลายโหมด พร้อมมีปากาในตัว ซึ่ง Inspiron 13 7391 2-in-1 โดดเด่นกว่าที่ตัวเครื่องมีช่องเก็บปากกาด้วย มีราคาให้เลือกตั้งแต่ 29,900 – 39,900 บาท ประกัน 2 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน

ต่อกันที่ MSI Notebook อีกรุ่นอย่าง MSI Prestige 14 ได้หน้าจอ 14″ ตัวแรงลื่น สีขาว Pure White โดยมาพร้อมกับประสิทธิภาพจากชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 รุ่นล่าสุดอย่าง Core i7-10510U ผสานการทำงานร่วมกับการ์ดจอ NVIDIA GeForce MX250 และฟีเจอร์พอร์ต Thunderbolt 3 / USB PD ที่สำคัญคือตัวเครื่องมีความพรีเมียมและบางเบาอย่างที่สุด มีน้ำหนักเพียง 1.29 กิโลกรัมเท่านั้น ในส่วนของสเปกแรมได้มาขนาด 16GB และ SSD ที่ 512GB จัดเต็ม หน้าจอแสดงผลแบบ True Pixel พาเนล IPS เกรดสูงสีตรงแม่นยำ มาตรฐานความละเอียด Full HD ที่จะช่วยให้เหล่าครีเอเตอร์ได้เติมเต็มประสบการณ์ในด้านการสร้างสรรค์ผลงานได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งได้ฟีเจอร์อื่นๆ ที่ครบครันตามสไตล์ของ MSI ที่จัดเต็ม ไม่เกรงใจใคร ในราคาเพียง 36,900 บาทเท่านั้น ประกันเป็นแบบ 2 ปีสบายใจหายห่วง

นอกจากนี้ยังมีในส่วนของมือถือ Xiaomi Mi Note 10 / 10 Pro ที่จัดว่าเป็นสุดยอดด้วยนวัตกรรมสมาร์ทโฟน และที่สุดของโลกกับกล้อง Penta 108MP พร้อมการออกแบบอย่างพรีเมี่ยม และแบตเตอรี่ที่จุกว่า 5260mAh ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนาน ซึ่ง Mi Note 10 มาพร้อมกับขนาดความจุ 6GB + 128GB เพื่อมอบประสบการณ์การถ่ายภาพที่จะสร้างความมหัศจรรย์อย่างมากมาย รวมไปถึงมี Smartwatch สุดหรูล้ำอย่าง Garmin Fenix 5 / Fenix 6 ให้เลือกซื้อกันอีกด้วย ถูกใจสายออกกำลังกายจริงจังแน่นอน

เงื่อนไขโปรโมชั่น
– จำกัดของแถม 1 ชิ้น / รายการสั่งซื้อ
– สินค้ามีจำนวนจำกัด
– 20 – 31 มี.ค. 63 หรือจนกว่าของแถมจะหมด
– บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า และคำตัดสินของบริษัทฯ ถือเป็นที่สิ้นสุด
– สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1277

from:https://notebookspec.com/topvalue-x-nbs-promotion-buy-notebook-free-purifina/514227/

Topvalue Promotion – สุดคุ้ม ! ซื้อ Acer Nitro 5 สเปก i5 + GTX 1060 แถมฟรี HP Printer (มูลค่า 1,590.-)

ถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่น่าสนใจ ล่าสุดกับโปรโมชั่นจากทางร้าน สำหรับ Acer Nitro 5 รุ่นปี 2019 ได้สเปกเป็น Intel Core i5-8300H + NVIDIA GeForce GTX 1060 พร้อมได้ RAM 8GB + HDD 1TB ได้หน้าจอ 15.6″ IPS 144Hz ราคาเพียง 23,590 บาท (จากปกติ 30,900 บาท) โดยซื้อ Acer Nitro 5 AN515-52-5069/T002ที่ www.topvalue.com  แถมฟรี HP DESKJET INK PRINTER 1112 (มูลค่า 1,590.-) จำนวน 1 เครื่อง

สำหรับ Acer Nitro 5 รุ่นนี้ (Acer Nitro 5 AN515-52-5069/T002) ได้สเปกเป็นชิปประมวลผล​อย่าง Intel Core i5-8300H ความแรงที่ได้ใกล้เคียงกับ Core i5-9300H รุ่นปัจจุบัน จับคู่มากับการ์ดจอรุ่นยอดนิมยมอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1060 (6GB GDDR5 ) ซึ่งเพียงพอในการเล่นทั้งเกมออนไลน์และออฟไลน์ เน้นความแรงและคุ้มค่าเป็นหลัก สเปกอื่นๆ อย่างหน่วยความจำแรมได้มาเลยที่ 8GB DDR4 ส่วนที่เก็บข้อมูลก็ติดตั้งมาเป็น HDD SATA 3 ความจุ 1TB พร้อมรองรับอัพเกรด SSD M.2 NVMe เพิ่มได้ภายหลังด้วย (แนะนำว่าให้อัพเกรดทันทีเลยจะดีมากๆ)

สั่งซื้อ Acer Nitro 5 ได้ที่

โดย Acer Nitro 5 รุ่นนี้มาพร้อมจอแสดงผลแบบด้าน 15.6 นิ้ว ที่ความละเอียด Full HD ความละเอียด 1920 x 1080 พาเนล IPS ให้สีสันที่สวยงามทุกมุมมอง และในส่วนของระบบเสียงเป็นลำโพงแบบสเตอริโอ 2.0 ให้เสียงที่ดีในระดับที่น่าพอใจกว่ารุ่นเดิม ประกอบกับมีซอฟต์แวร์จัดการเสียงอย่าง DOLBY AUDIO ทำให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขั้นไปอีก ส่วนน้ำหนักจะอยู่ที่ 2.70 กิโลกรัม ถ้าเทียบกับ Gaming Notebook รุ่นใหม่ๆ

ตัวหน้าจอยังมาพร้อมกล้อง Webcam แบบ HD และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัวแบบตัดเสียง ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 1 x USB 3.0, 1 x USB 3.1 Type-C,  2 x USB 2.0, Kensington Lock, 2-in-1 SD, RJ-45 , Headset 3.5mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.0 และ Wi-Fi Intel Dual Band MU-Mimo มาตรฐาน 802.11a/b/g/n/ac

จัดว่าเป็น Gaming Notebook สเปกแรงพอตัว เล่นเกมลื่นไหล มี Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที การออกแบบดีไซน์ดูดุดันตามสไตล์เกมเมอร์ โดยรวมแล้วถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคาสองหมื่นบาทต้นๆ ที่สำคัญยังได้ประกันเทพๆ แบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน 3 ปี พร้อมซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมง รวมถึงมีเครื่องสำรองใช้งานระหว่างซ่อมอีกด้วย

– ของแถมมีจำนวนจำกัด สำหรับ 10 สิทธิ์แรกเท่านั้น
– ระยะเวลากิจกรรม 1 – 29 ก.พ. 63 (หรือจนกว่าของแถมจะหมด)
– บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า และคำตัดสินของบริษัทฯ ถือเป็นที่สิ้นสุด – สอบถามเพิ่มเติม โทร. 1277

from:https://notebookspec.com/topvalue-promotion-buy-free-hp-deskjet-ink-printer-1112/509024/

Top 5 มอนิเตอร์ขายดีที่ Topvalue พร้อมโปรพิเศษ ช้อปด่วน!

Topvalue จัดโปรสุดพิเศษ เมื่อช้อปมอนิเตอร์ยอดฮิตติดอันดับ 5 รุ่น ที่ขายดีในเวลานี้ ด้วยเงื่อนไขแบบง่ายๆ รับฟรี! บัตร My Starbucks Rewards มูลค่า 100 บาท 1 ใบ เมื่อสั่งซื้อมอนิเตอร์ในรุ่นที่กำหนด รุ่นใดก็ได้ ใน 5 รุ่นตามรายการด้านล่างนี้ที่ www.topvalue.com ได้ตั้งแต่ 2 – 10 ก.พ. 63 (หรือจนกว่าของแถมจะหมด)

Top 5 Monitor ขายดีที่สุดที่ Topvalue

topvalue

1: LG Monitor 24″ รุ่น 24MK430H-B IPS 75Hz

สั่งซื้อได้ที่ 

 

 

 

topvalue

2: Dell Monitor UltraSharp 24″ รุ่น U2419H

สั่งซื้อได้ที่ 

 

 

 

topvalue

3: ViewSonic Monitor 24″ รุ่น VX2458-C-MHD VA 144HZ

สั่งซื้อได้ที่ 

 

 

 

topvalue

4: Samsung Monitor 31.5″ รุ่น LC32JG54QQEXXT 144Hz

สั่งซื้อได้ที่ 

 

 

 

topvalue

5: MSI Monitor 23.6″ รุ่น G241VC 75Hz

สั่งซื้อได้ที่ 

 

 

 

เงื่อนไขเพิ่มเติม

  • โปรโมชั่นสำหรับสั่งซื้อสินค้าที่ www.topvalue.com เท่านั้น
  • ของแถม (บัตร My Starbucks Rewards มูลค่า 100 บาท จำนวน 1 ใบ) จะจัดส่งไปพร้อมกับสินค้า
  • จำกัดของแถม 1 ชิ้น / รายการสั่งซื้อ และของแถมมีจำนวนจำกัด
  • ระยะเวลาโปรโมชั่น 2 – 10 ก.พ. 63 (หรือจนกว่าของแถมจะหมด)
  • เงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามบริษัทฯ กำหนด สอบถามเพิ่มเติม กรุณาโทร. 1277

from:https://notebookspec.com/top-5-monitor-at-topvalue-promotion/508763/