คลังเก็บป้ายกำกับ: WEARABLE

ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเด็ก myFirst ลุยตลาดไทย ส่งสมาร์ทวอทช์ myFirst Fone R1s ชูฟังก์ชั่นด้านความปลอดภัยเด็ก

ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเด็ก myFirst ลุยตลาดไทย ส่งสมาร์ทวอทช์ myFirst Fone R1s ชูฟังก์ชั่นด้านความปลอดภัยเด็ก
Appdisqus Team

โอเอซิส เอเชีย เปิดตัว myFirst แบรนด์สัญชาติสิงค์โปร์ ผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีที่เจาะตลาดเด็ก พร้อมส่งสมาร์ทวอช  myFirst Fone R1s ชูฟังก์ชั่นความปลอดภัยสำหรับเด็ก

Pic myFirst 05 | myFirst | ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเด็ก myFirst ลุยตลาดไทย ส่งสมาร์ทวอทช์ myFirst Fone R1s ชูฟังก์ชั่นด้านความปลอดภัยเด็ก
Pic myFirst 03 | myFirst | ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเด็ก myFirst ลุยตลาดไทย ส่งสมาร์ทวอทช์ myFirst Fone R1s ชูฟังก์ชั่นด้านความปลอดภัยเด็ก
Pic myFirst 04 | myFirst | ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเด็ก myFirst ลุยตลาดไทย ส่งสมาร์ทวอทช์ myFirst Fone R1s ชูฟังก์ชั่นด้านความปลอดภัยเด็ก
Pic myFirst 06 | myFirst | ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเด็ก myFirst ลุยตลาดไทย ส่งสมาร์ทวอทช์ myFirst Fone R1s ชูฟังก์ชั่นด้านความปลอดภัยเด็ก

myFirst Fone R1s หนึ่งในผลิตภัณฑ์เด่นของแบรนด์ เป็นอุปกรณ์สมาร์ทวอทช์สำหรับเด็กที่มาพร้อมกับแอปพลิเคชันการควบคุมการเชื่อมต่อและการใช้งานได้โดยผู้ปกครอง รองรับการสื่อสารผ่านสัญญาณอินเตอร์เน็ตด้วยซิมโทรศัพท์ภายในตัวนาฬิกา

ความสามารถต่างๆ จะถูกออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยให้เด็ก เช่นการปิดกั้นไม่ให้ SMS หรือข้อความจากแอปที่ไม่อนุญาต ถูกส่งไปยัง myFirst Fone R1s เพื่อป้องกัน SPAM และ SCAM จากคนแปลกหน้า โดยที่เด็กที่สามารถโทรศัพท์ติดต่อแบบวิดีโอกับผู้ปกครองได้ตลอดเวลาและมีปุ่มกดขอความช่วยเหลือฉุกเฉินไว้ที่ตัวเรือนด้วย

สามารถระบุตำแหน่งได้แม่นยำผ่านสัญญาณ GPS และนาฬิกามีฟังก์ชันวัดอัตราการเต้นของหัวใจเด็กขณะทำกิจกรรมต่างๆ วัดการก้าวเดินในแต่ละวัน ทำงานเสมือนเป็นเครื่องติดตามตัวและตรวจวัดกิจกรรมการเคลื่อนไหวของเด็กในแต่ละวันไปในตัว

Pic myFirst 01 | myFirst | ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเด็ก myFirst ลุยตลาดไทย ส่งสมาร์ทวอทช์ myFirst Fone R1s ชูฟังก์ชั่นด้านความปลอดภัยเด็ก

ใส่ฟังก์ชั่นด้านความบันเทิง เช่นในส่วนของเครื่องเล่นเพลง โดยตัวนาฬิกามีความจำขนาด 8 GB สามารถจุเพลงได้กว่า 1,500 เพลง สามารถปรับแต่งหน้าปัดนาฬิกาให้เป็นวอลล์เปเปอร์เคลื่อนไหว และปรับแต่งภาพหน้าจอให้เป็นไปตามสไตล์ของตัวเอง

โดยตัว myFirst Fone R1s ยังมีกล้องความละเอียด 2 ล้านพิกเซลเอาไว้ใช้เพื่อเก็บภาพและใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชั่นภายในตัวนาฬิกาได้ด้วย สามารถใช้งานเข้ากันได้อย่างลงตัวกับอุปกรณ์อื่นๆ ของแบรนด์ มายเฟิร์ส เช่นหูฟังแบบไร้สายได้เป็นอย่างดีด้วย

myFirst Fone R1s รองรับการใช้งานรวมกับสมาร์ทโฟนของผู้ปกครองได้ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android  ได้รับการประกันศูนย์ไทยนาน 1 ปี โดยมีบริษัท บันเลือง ชินอินเตอร์ จํากัด ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย

นอกจากนี้แบรดน์ myFirst ยังมีกลุ่มผลิตภัณฑสำหรับเด็กอีกมากมายที่น่าสนใจ เช่นหูฟังไร้สายสำหรับเด็ก myFirst Bone Conduction Wireless Headphones หูฟังที่เชื่อมต่อสัญญาณผ่านบลูทูธในงานออกแบบเกี่ยวหู การออกแบบที่คิดมาสำหรับเด็กให้ได้ใช้เรียนออนไลน์ เล่นเกมส์หรือฟังเพลงได้นานๆ ไม่เจ็บหู และมีไมโครโฟนในตัว

Pic myFirst 02 | myFirst | ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเด็ก myFirst ลุยตลาดไทย ส่งสมาร์ทวอทช์ myFirst Fone R1s ชูฟังก์ชั่นด้านความปลอดภัยเด็ก

โดยหูฟังแบบพิเศษนี้ไม่ต้องเสียบเข้าไปในหู แต่จะแนบอยู่บริเวณหน้าใบหูและทำงานโดยการส่งคลื่นความถี่ผ่านกระดูกด้านหน้าใบหู ส่งต่อไปยังสมองโดยตรง ทำให้เด็กได้ยินเสียงที่ต่างๆ ภายนอกที่สำคัญในขณะใช้งานและมีระดับความดังที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ไม่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเพื่อความปลอดภัยของเด็ก สามารถเชื่อมต่อไร้สายได้ทั้งกับมือถือ ไอแพด คอมพิวเตอร์ นาฬิกาสมาร์ทวอทช์  ไมโครโฟนไร้สาย โดยสามารถใช้กับแอปต่างๆ ได้ทั้งหมดในการแชตสนทนาหรือการออนไลน์  เช่น Google Meet, Zoom หรือ Skype ฟังชั่นถูกออกแบบมาให้เข้าใจง่าย เด็กจึงใช้งานได้เอง


มิสเตอร์ จีเจย์ ยัง ผู้ก่อตั้ง และ CEO “มายเฟิร์ส” บริษัท โอเอซิส เอเชีย จำกัด (OAXIS ASIA Pte.,LTD,) ภายใต้แบรนด์  myFirst จากประเทศสิงคโปร์  กล่าวว่า  สำหรับการเปิดตัวแบรนด์ my First ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ จุดประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์  myFirst ให้ครอบคลุมกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย     ในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น และยังได้แต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยให้กับ “บริษัท บันเลือง ชินอินเตอร์ จํากัด”  ซึ่งเป็นบริษัทฯ ที่มีผู้แทนและช่องทางการจัดจำหน่ายครอบคลุมทั่วประเทศ อาทิ ร้านค้าในศูนย์การค้าชั้นนำทั่วไป ร้านค้าไอทีและมือถือชั้นนำของไทย และร้านค้าในสนามบิน เป็นต้น  สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์คุณภาพ myFirst ประกอบด้วย  สมาร์ทวอทช์สำหรับเด็ก กล้องถ่ายภาพ กระดานอัจฉริยะ ปากกา 3D อัจฉริยะ เป็นต้น

Pic myFirst 09 | myFirst | ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเด็ก myFirst ลุยตลาดไทย ส่งสมาร์ทวอทช์ myFirst Fone R1s ชูฟังก์ชั่นด้านความปลอดภัยเด็ก

“เราเชื่อมั่นว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ IT & Gadget เป็นสินค้าเทคโนโลยีคุณภาพสูงสำหรับเด็กที่ทาง myFirst เปิดตัวนี้สามารถตอบโจทย์กับกลุ่มผู้ปกครองและเด็กในยุคดิจิทัล  นอกจากนี้ยังชูจุดเด่นของสมาร์ทวอทช์ myFirst นาฬิกาฟังเพลงอัจฉริยะและจับตำแหน่งจีพีเอส รุ่น R1S  มาพร้อมซิมฟรีที่สามารถโรมมิ่งใช้งานต่างประเทศ 10 ประเทศ ได้ฟรีไม่จำกัดเป็นเวลา 6 เดือนเต็ม อาทิเช่น ประเทศไทย สิงค์โปร์ มาเลเซีย ออสเตยเลีย นิวซีแลนด์ ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน จีน และ ฟิลิปปินส์ เป็นต้น”  มิตเตอร์ จีเจย์ ยัง กล่าว

Pic CEO | myFirst | ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเด็ก myFirst ลุยตลาดไทย ส่งสมาร์ทวอทช์ myFirst Fone R1s ชูฟังก์ชั่นด้านความปลอดภัยเด็ก

นายประวิทย์  ชินประเสริฐ  กรรมการผู้จัดการ  บริษัท บันเลือง ชินอินเตอร์ จํากัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ myFirst อย่างเป็นทางการในประเทศไทย กล่าวต่อว่า บริษัทฯ ในฐานะผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ myFirst ได้เล็งเห็นโอกาสและความสำคัญในคุณภาพสินค้าของ myFirst ที่จะเข้ามาตอบโจทย์กลุ่มผู้ปกครองที่ต้องการผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนำมาใช้ในการปกป้อง ความปลอดภัย และพัฒนาทักษะของเด็กยุคดิจิทัลในไทยได้อย่างดี  ปัจจุบันมีผู้แทนจำหน่าย 2 รายหลัก ได้แก่ JayMart และคิงพาวเวอร์ดิวตี้ฟรี   สำหรับการวางจำหน่ายของ JayMart ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีจำนวน 5 สาขา ประกอบด้วย เซ็นทรัลเวิร์ด  เซ็นทรัลอีสวิลล์ เดอะมอลล์บางกะปิ คอนสแควร์ศรีนครินทร์ และซีคอนสแควร์บางแค  นอกจากนี้ทางบริษัทฯ ในต้นปี 2566 จะมีผู้แทนจำน่ายเพิ่มอีก

ในปี 2566 บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าผลิตภัณฑ์ myFirst  จะเติบโตมากขึ้นเนื่องจากพ่อแม่ และผู้ปกครองให้ความสำคัญโดยเฉพาะด้านความปลอดภัยของเด็กๆ ลูกหลานที่เรารักจึงต้องการเครื่องมือช่วยในการปกป้องความปลอดภัยที่จะเกิดกับเด็กๆ

“ภาพรวมและแนวโน้มการเติบโตตลาดสินค้า IT & Gadget โดยเฉพาะตลาดสมาร์ทวอช ยังคงมีแนวโน้มที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย โดยเฉพาะสมาร์ทวอชที่มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน  พร้อมด้วยสถานการณ์ที่ผ่อนคลายหลังจากวิกฤตโควิดเป็นโรคประจำถิ่น ส่งผลทำให้ประชาชนออกมาทำกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้น ดังนั้นผลิตภัณฑ์ myFirst จะเป็นตัวเลือกและผู้ช่วยให้ผู้ปกครองนำมาใช้ปกป้องความปลอดภัยให้กับเด็กๆ ด้วยความอุ่นใจ” นายประวิทย์  ชินประเสริฐ  กล่าวทิ้งท้าย

ข่าว: ผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเด็ก myFirst ลุยตลาดไทย ส่งสมาร์ทวอทช์ myFirst Fone R1s ชูฟังก์ชั่นด้านความปลอดภัยเด็ก มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/myfirst-fone-r1s-kid-smartwatch-launch-in-thai/

Advertisement

รู้จักกับ OPPO Band 2 สมาร์ทแบนด์รุ่นใหม่ จอใหญ่ AMOLED 1.57 นิ้ว เตรียมเปิดตัว 1 พฤศจิกานี้

รู้จักกับ OPPO Band 2 สมาร์ทแบนด์รุ่นใหม่ จอใหญ่ AMOLED 1.57 นิ้ว เตรียมเปิดตัว 1 พฤศจิกานี้
Noppinij

OPPO Band 2 สายข้อมือ smart wearable มาในรุ่นใหม่ ที่อัพไซดหน้าจอเป็นขนาดใหญ่ 1.57 นิ้ว สีสันสดใสสไตล์ AMOLED มาพร้อมฟีเจอร์การออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบที่ปรับปรุงมาใหม่เพื่อให้รองรับตั้งแต่ระดับมือสมัครเล่นไปจนถึงมืออาชีพ เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเมืองไทยวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ครับ

1 1 | OPPO | รู้จักกับ OPPO Band 2 สมาร์ทแบนด์รุ่นใหม่ จอใหญ่ AMOLED 1.57 นิ้ว เตรียมเปิดตัว 1 พฤศจิกานี้

OPPO ได้เผยข้อมูลและภาพอุปกรณ์ IoT ตัวใหม่ OPPO Band 2 สมาร์ตแบนด์ดีไซน์สวย ดูทันสมัย มากับสีสันน่ารักสไตล์วัยรุ่นมากๆ ครับ ด้วยสี Baby Blue ที่มาแบบสีทูโทน และอีกหนึ่งสีเข้มมาตรฐานที่สามารถสวมใส่เข้ากับทุกสถานการณ์ได้ นั้นคือสีดำ Midnight Black

2022 10 27 125009 | OPPO | รู้จักกับ OPPO Band 2 สมาร์ทแบนด์รุ่นใหม่ จอใหญ่ AMOLED 1.57 นิ้ว เตรียมเปิดตัว 1 พฤศจิกานี้หน้าจอรุ่นใหม่อัพมาในขนาดใหญ่ขึ้น เป็นหน้าจอ AMOLED 1.57 นิ้ว ความสว่างสูงสุดถึง 500nits ตัวเล็กน้ำหนักเบาแค่ 33กรัม แบตเตอรี่อึดมาก สามารถสวมใส่ได้นานถึง 14 วันต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

รองรับฟีเจอร์เพื่อสุขภาพมากมาย ทั้งติดตามการนอนหลับ การเดิน การวิ่ง ตรวจจับชีพจรและการเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างอัตโนมัติ รวมถึงการออกกำลังกายและการเล่นกีฬา เพราะรองรับโหมดกีฬาและกิจกรรมออกกำลังไว้มากกว่า 100 โหมด รวมถึงกีฬาและกิจกรรมทางน้ำด้วย เพราะผลิตมาในมาตรฐานกันน้ำระดับ 5ATM สามารถสวมใส่ลงเล่นกีฬาทางน้ำได้เลย

9 1 | OPPO | รู้จักกับ OPPO Band 2 สมาร์ทแบนด์รุ่นใหม่ จอใหญ่ AMOLED 1.57 นิ้ว เตรียมเปิดตัว 1 พฤศจิกานี้

คุณสมบัติการใช้งานถูกเพิ่มเติมเข้ามาใหม่ให้สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวของผู้สวมใส่ได้ละเอียดมากขึ้น เช่นตรวจจับความเร็วการสวิงไม้ หรือการนับจำนวนครั้งของการตีลูก Backhand หรือ Forehand ในกีฬาเทนนิสได้เป็นต้น

7 1 | OPPO | รู้จักกับ OPPO Band 2 สมาร์ทแบนด์รุ่นใหม่ จอใหญ่ AMOLED 1.57 นิ้ว เตรียมเปิดตัว 1 พฤศจิกานี้คุณสมบัติน่าสนใจ ดีไซน์ดีสวยทันสมัย หน้าจอใหญ่ รองรับการใช้งานได่ทั้งในอุปกรณ์ Android และ iOS ส่วนราคาและรายละเอียดเพิ่มเติมจะมีอะไรบ้าง รอติดตามพร้อมกันในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 นี้นะครับ

 

ข่าว: รู้จักกับ OPPO Band 2 สมาร์ทแบนด์รุ่นใหม่ จอใหญ่ AMOLED 1.57 นิ้ว เตรียมเปิดตัว 1 พฤศจิกานี้ มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/oppo-band-2-launch-1-nov-in-thai/

ในที่สุด Garmin ก็วัดความดันโลหิตได้ ด้วย Index BPM เครื่องวัดความดันโลหิตแบบรัดแขน

ในที่สุด Garmin ก็มีฟังก์ชั่นวัดความดันโลหิตของผู้ใช้งาน เพียงแต่มันไม่ใช่ฟังก์ชั่นในนาฬิการุ่นใดรุ่นหนึ่ง ทว่ามันคือฟังก์ชั่นหลักของสินค้าใหม่ที่ Garmin เพิ่งเปิดตัวไป Index BPM เครื่องวัดความดันโลหิตแบบรัดต้นแขน

ถึงแม้ชื่อ Index จะแปลว่านิ้วชี้ แต่เครื่อง Index BPM นี้ก็ไม่ต่างจากเครื่องวัดความดันโลหิตของผู้ผลิตอุปกรณ์รายอื่นที่ต้องสวมใส่ใช้งานที่บริเวณแขน โดยนอกจากจะวัดค่าความดันโลหิตแล้วยังสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ในเวลาเดียวกัน

No Description

ขนาดเครื่องไม่รวมแถบรัดแขนคือ 5814547 มิลลิเมตร ตัวแถบรัดแขนสามารถใช้งานกับผู้ใช้ที่มีขนาดรอบแขน 22-42 เซนติเมตร มีหน้าจอแสดงผล OLED แบบโมโนโครมขนาด 32.4*21.4 มิลลิเมตร สามารถเก็บบันทึกข้อมูลการวัดได้มากกว่า 100 ค่า

ผู้ใช้สามารถใช้งาน Index BPM เพื่ออ่านค่าและเก็บข้อมูลการวัดด้วยตัวเครื่องเองอย่างเดียวก็ได้ หรือจะใช้งานโดยเชื่อมต่อกับแอป Garmin Connect ผ่าน Wi-Fi และบลูทูธก็ได้เช่นกัน ซึ่งหากเชื่อมต่อกับแอปก็จะสามารถดูรายงานสรุปผลการวัดความดันโลหิตแบบรายสัปดาห์, รายเดือน หรือรายปีได้ รวมทั้งสามารถดึงข้อมูลออกมาเป็นไฟล์ PDF เพื่อนำไปใช้งานอย่างอื่นต่อได้ด้วย โดยสามารถแยกเก็บข้อมูลการวัดสำหรับผู้ใช้ได้สูงสุด 16 คนผ่านแอป Garmin Connect

No Description

Index BPM ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด 3A จำนวน 4 ก้อน ซึ่ง Garmin บอกว่าสามารถใช้งานได้นานสุดถึง 9 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความถี่ในการเปิดใช้งานเครื่อง

Garmin ตั้งราคาขายของ Insdex BPM อยู่ที่เครื่องละ 149.99 ดอลลาร์สหรัฐ

ที่มา – ZDNet

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/130603

รีวิว Samsung Galaxy Watch5: ดีครบเครื่อง แต่แบตควรอึดกว่านี้ และบางฟีเจอร์ใช้ในไทยไม่ได้

ซัมซุงได้เปิดตัว Galaxy Watch5 สมาร์ทวอทช์รุ่นล่าสุดไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ดูเผินๆ แล้วแทบไม่ต่างกับ Watch4 หน่วยประมวลผลก็ตัวเดียวกัน หน้าตาก็ไม่ต่างกัน แต่ถ้าใครกำลังมองหาสมาร์ทวอทช์เรือนแรกหรืออัปเกรดนาฬิกาในรอบหลายปี Galaxy Watch5 ก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ

รีวิวนี้ใช้ Samsung Galaxy Watch5 (Bluetooth) สี Pink Gold ขนาด 40 มม. เครื่องศูนย์ไทย โดยผู้รีวิวเป็นผู้จัดหาอุปกรณ์ดังกล่าวด้วยตนเอง

การออกแบบ

ด้านข้างของ Galaxy Watch5 ขณะสวมใส่

Galaxy Watch5 รุ่นที่นำมารีวิวในครั้งนี้เป็นสี Pink Gold ซึ่งก็มีสีออกไปทางชมพูอมทองตามชื่อ ตัวเรือนทำจากอะลูมิเนียมให้ผิวสัมผัสแบบด้าน ส่วนที่ปุ่มจะเป็นแบบเงาเล็กน้อย

หน้าปัดขนาด 40 มม. นี้ถือว่ากำลังดีสำหรับคนข้อมือเล็ก ทั้งนี้ขอบจอมีความหนาประมาณ 5 มม. นับจากขอบนอกของตัวเรือน ซึ่งดูแล้วรู้สึกว่ายังค่อนข้างหนาไปหน่อยสำหรับแบรนด์ที่เชี่ยวชาญเรื่องจออย่างซัมซุง

สายนาฬิกาทำจากวัสดุฟลูออโรอีลาสโตเมอร์ ที่มีสัมผัสคล้ายกับซิลิโคน ใส่ได้สบายข้อมือ ไม่แข็ง มาในสีคล้ายเปลือกไข่ไก่ โดยรวมแล้ว Galaxy Watch5 สามารถใส่ได้สบายข้อมือ ไม่รู้สึกรำคาญหรือหนักมือ

Galaxy Watch5 ใช้สายนาฬิกาขนาด 20 มม. แบบมาตรฐาน สามารถหาซื้อสายนาฬิกาทั่วไปมาเปลี่ยนได้

การตั้งค่าครั้งแรก

ก่อนการใช้งาน เราจะต้องนำนาฬิกา Galaxy Watch5 มาเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ก่อน ซึ่งก็ทำผ่านแอปพลิเคชัน Samsung Wear บนโทรศัพท์แอนดรอยด์ที่รองรับ Google Mobile Services (พูดง่ายๆ ว่าใช้กับหัวเหว่ยไม่ได้) และนั่นหมายความว่าไม่สามารถใช้ Galaxy Watch5 ร่วมกับ iPhone ได้

การตั้งค่าไม่ได้ยุ่งยาก แต่มีหลายขั้นตอนโดยไม่จำเป็น (บางขั้นตอนควรเก็บไว้ในเมนูตั้งค่าให้ผู้ใช้ไปจัดการเองภายหลัง) นอกจากนี้ใช้แอป Samsung Wear อย่างเดียวยังไม่พอ เราต้องติดตั้งแอป Galaxy Watch5 Plugin เพิ่มอีกแอปด้วย ทำให้การตั้งค่าครั้งแรกใช้เวลาไปประมาณ 8 นาที

หน้าจอและหน้าปัด

Galaxy Watch5 รุ่นหน้าปัด 40 มม. มีขนาดหน้าจอจริงอยู่ที่ประมาณ 30 มม. เหมาะกับคนข้อมือเล็ก แน่นอนว่าขนาดหน้าจอมีพื้นที่ให้ใช้น้อยกว่ารุ่นหน้าปัด 44 มม. แต่ถ้าถามว่าพอกับการใช้งานมั้ย ก็ถือว่าพอ แต่การใช้งานคีย์บอร์ดคงไม่สะดวกเท่ารุ่นใหญ่

แน่นอนว่าหน้าจอของ Galaxy Watch5 เป็นแบบ OLED ซึ่งรองรับการแสดงผลแบบตลอดเวลา (always-on display) สามารถปรับความสว่างได้อัตโนมัติ และในการใช้งานกลางแจ้งก็เห็นหน้าจอได้ค่อนข้างชัดเจน แต่ก็ไม่ได้สว่างสู้แดดเท่าหน้าจอมือถือ

จุดเด่นหนึ่งของ Galaxy Watch รุ่นก่อนๆ คือการมีวงแหวนบนหน้าปัดที่สามารถหมุนได้จริง เพื่อควบคุมการเลื่อนเมนูบนหน้าจอ แม้ว่าบน Galaxy Watch5 จะไม่มีวงแหวนนั้นแล้ว แต่เราก็ยังสามารถจำลองการหมุนวงแหวนได้ด้วยการใช้นิ้วเลื่อนที่ขอบหน้าปัดแทน แน่นอนว่าไม่ได้แม่นยำเท่าการใช้วงแหวนจริงๆ แต่ก็ถือว่าใช้งานได้

เลือกหน้าปัด

รูปแบบหน้าปัดที่มีมาพร้อมกับ Galaxy Watch5 ก็มีให้เลือกอย่างเหลือเฟือเอามากๆ เราสามารถเปลี่ยนหน้าปัดได้ด้วยการกดค้างที่หน้าปัด แล้วปัดไปทางขวาสุดเพื่อเพิ่มหน้าปัดใหม่ หน้าปัดแต่ละแบบก็ยังสามารถปรับแต่งเพิ่มเติมได้อีก เช่น เปลี่ยนสี เปลี่ยนลาย เปลี่ยนไอคอนและสถานะต่างๆ ที่แสดงบนหน้าปัด เป็นต้น และถ้ายังไม่ถูกใจหน้าปัดที่ซัมซุงมีมาให้ ก็สามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้จาก Play Store

การใช้งานทั่วไป

Galaxy Watch5 มีคุณสมบัติพื้นฐานที่คล้ายกับสมาร์ทวอทช์ทั่วไป เช่น แสดงการแจ้งเตือน ใช้งานแอปต่างๆ วัดข้อมูลการออกกำลังกายและการนอน เป็นต้น การเลื่อนหน้าจอ เปิดแอป เข้าเมนูต่างๆ ก็ทำได้ลื่นไหลสมราคา

App drawer

Galaxy Watch5 ใช้ระบบปฎิบัติการ Wear OS ที่ซัมซุงพัฒนาร่วมกับกูเกิล ดังนั้นจึงสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจาก Play Store ได้ ทั้งผ่านโทรศัพท์มือถือแอนดรอยด์ และบนตัวนาฬิกาเอง ซึ่งพื้นที่เก็บข้อมูลที่เหลือใช้งานจริงประมาณ 7 GB ก็น่าจะเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว

ตัวนาฬิกามาพร้อมกับ Wi-Fi ในตัว ทำให้สามารถใช้งานแอปที่ต้องใช้อินเทอร์เน็ต เช่น Assistant, LINE, Play Store ได้โดยไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ แต่ก็แน่นอนว่าการเชื่อมต่อ Wi-Fi โดยตรงจะใช้แบตเตอรี่มากกว่าบลูทูธ อย่างไรก็ตามถ้าเชื่อมต่อกับมือถืออยู่ นาฬิกาก็จะตัด Wi-Fi ให้อัตโนมัติ

แอปพลิเคชัน LINE

การแจ้งเตือนสามารถแสดงภาษาไทยได้ สามารถตอบข้อความ ตอบไลน์ผ่านการแจ้งเตือนได้ แต่คีย์บอร์ดภาษาไทยของ Samsung Keyboard เรียกว่าพิมพ์ยากพอสมควร จะคล้ายกับมือถือปุ่มกดแบบเมื่อก่อน แต่ไม่ได้เหมือนเสียทีเดียว ซึ่งทำให้พิมพ์ไทยยากมาก กระนั้นก็สามารถดาวน์โหลดคีย์บอร์ด Gboard ของกูเกิลมาใช้แทนได้

Galaxy Watch5 มาพร้อมกับระบบสั่งงานด้วยเสียง Bixby ซึ่งทำงานได้เร็ว ใช้คำสั่งพื้นฐานทั่วไปอย่างจับเวลา หรือเริ่มการออกกำลังกายได้สบาย และเสียงจากลำโพงก็ฟังได้ชัดเจน ส่วนถ้าใครต้องการใช้ Google Assistant ก็สามารถดาวน์โหลดผ่าน Play Store ได้ ซึ่งก็ทำงานได้เร็วเช่นกัน ระบบสั่งงานด้วยเสียงจะฟังเราเรียก (Hey, Google และ Hi, Bixby) เฉพาะตอนที่หน้าจอเปิดอยู่เท่านั้น เพื่อประหยัดพลังงาน แต่ก็สามารถปิดให้ไม่ต้องฟังไปเลยก็ได้เช่นกัน

คีย์บอร์ดภาษาไทยของ Gboard ใช้สะดวกกว่า Samsung Keyboard

Galaxy Watch5 รองรับการคุยโทรศัพท์ผ่านไมโครโฟนและลำโพงในตัว โดยจะต้องเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถืออยู่ด้วย (แต่ถ้าเป็นรุ่น LTE จะคุยโทรศัพท์ได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ) ลำโพงมีเสียงดังค่อนข้างชัดเจนให้ได้ยินในห้องปิด ส่วนไมโครโฟนก็สนทนาได้โดยปลายสายไม่ต้องถามซ้ำว่าเราพูดว่าอะไร

การใช้งานด้านสุขภาพ

การออกกำลังกาย

Galaxy Watch5 รองรับการบันทึกการออกกำลังกายมากกว่า 90 ประเภท ไม่ว่าจะเป็นเดิน วิ่ง ปั่นจักรยานกลางแจ้ง ปั่นจักรยานแบบเครื่อง ว่ายน้ำ เดินป่า สกี แอโรบิก บัลเล่ต์ เบสบอล กอล์ฟ คายัก ไปจนถึงร่มร่อน เป็นต้น

ด้วยความที่ Galaxy Watch5 มี GPS ในตัว จึงบันทึกเส้นทางการออกกำลังกายได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ จากการใช้งานขณะปั่นจักรยาน พบว่า GPS ใช้เวลาประมาณ 10 วินาทีในการระบุตำแหน่ง เมื่อระบุตำแหน่งได้แล้วก็ถือว่ามีความแม่นยำในการบันทึกเส้นทางตลอดการออกกำลังกาย สามารถบอกความเร็วเฉลี่ยและระยะทางได้

ตัวนาฬิกาสามารถหยุดบันทึกกิจกรรมชั่วคราวได้เมื่อเราหยุดพักอยู่กับที่ ซึ่งก็ทำงานได้เร็วเพราะเมื่อหยุดอยู่กับที่สัก 3 วินาที นาฬิกาก็หยุดชั่วคราวให้แล้ว

การนอน

การติดตามการนอนสามารถทำได้อย่างแม่นยำ ว่าหลับตอนไหนและตื่นตอนไหน สามารถแยกประเภทของช่วงการนอนหลับและแสดงเป็นกราฟได้ สามารถวัดปริมาณออกซิเจนในเลือดได้ว่าช่วงไหนมีปริมาณเท่าไร

ข้อสังเกตคือ Galaxy Watch5 รายงานว่ามีช่วงที่กำลังตื่น (awake) ค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับ Mi Band โดยคืนหนึ่งที่ทดสอบ Galaxy Watch5 รายงานว่ามีช่วงเวลาตื่นเกือบ 2 ชั่วโมง ขณะที่ Mi Band จับได้ที่ 2 นาทีเท่านั้น ซึ่งถ้าใช้ความรู้สึกตอนนอนจริงๆ ก็ต้องบอกว่า Mi Band ดูจะตรงกับความจริงมากกว่า เพราะไม่รู้สึกว่าตัวเองตื่นระหว่างที่นอนอยู่เลย ส่วนข้อมูลการนอนหลับช่วงอื่นๆ ถือว่าใกล้เคียงกัน

Galaxy Watch5 สามารถตรวจจับการกรนได้ ว่ามีเสียงกรนในช่วงไหน รวมมีกี่นาที และเราก็กดฟังเสียงได้ แต่การตรวจจับการกรนจะต้องเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือและวางไว้ใกล้ๆ เพราะจะใช้มือถือในการบันทึกเสียง ซึ่งข้อดีคือไม่มารบกวนแบตเตอรี่ของนาฬิกา

สุขภาพทั่วไป

Galaxy Watch5 รองรับการวัดมวลร่างกาย ด้วยการวางสองนิ้วลงบนปุ่มด้านข้างนาฬิกาทั้งสองปุ่ม ตัวนาฬิกาก็จะปล่อยกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ เพื่อวัดค่ามวลกระดูก มวลกล้ามเนื้อ มวลไขมัน เปอร์เซ็นต์ไขมัน และปริมาณนำ้ในร่างกาย

วางนิ้วลงบนปุ่มด้านข้างเพื่อวัดมวลร่างกาย

เราสามารถตั้งเป้าหมายในแอปพลิเคชัน Samsung Health บนโทรศัพท์ได้ว่าต้องการมีน้ำหนักเท่าไร เปอร์เซ็นต์ไขมันเท่าไร มวลกล้ามเนื้อเท่าไร ซึ่งตั้งเป้าหมายได้ทั้งแบบเพิ่มและลด

นอกจากนี้ก็มีคุณสมบัติการวัดชีพจรที่สามารถตั้งได้ว่าจะวัดทุก 10 นาทีหรือวัดตลอดเวลา สามารถวัดออกซิเจนในเลือดได้ วัดระดับความเครียดได้ และแน่นอนว่าสามารถนับก้าวเดินได้

ข้อด้อยคือถึงแม้ว่า Galaxy Watch5 จะรองรับการวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) และความดันโลหิต แต่ในไทยยังไม่ได้รับการอนุมัติให้ใช้งานอย่างเป็นทางการ และการจะวัด ECG และความดันโลหิตก็ต้องใช้ร่วมกับโทรศัพท์ของซัมซุงเท่านั้น

ข้อสังเกตอีกข้อคือ Galaxy Watch5 มาพร้อมกับเซ็นเซอร์อินฟราเรดสำหรับวัดอุณหภูมิร่างกาย แต่ ณ วันที่รีวิวยังไม่สามารถใช้งานคุณสมบัตินี้ได้ และซัมซุงก็ยังไม่ได้ให้ข้อมูลว่าจะสามารถใช้งานได้เมื่อไร

สำหรับข้อมูลการนอน การออกกำลังกาย และข้อมูลสุขภาพอื่นๆ สามารถดูได้ในแอปพลิเคชัน Samsung Health บนโทรศัพท์ ซึ่งจะมีข้อมูลที่ละเอียดกว่าบน Galaxy Watch5

แบตเตอรี่

ในการวัดระยะการใช้งานแบตเตอรี่เราจะวัดตั้งแต่มีแบตเตอรี่ 100% จนลดเหลือ 5% โดยเปิดโหมดประหยัดพลังงานตอนที่แบตเหลือ 15% รูปแบบการใช้งานก็จะไม่ได้หนักมาก ตั้งการวัดชีพจรเป็นแบบทุก 10 นาที เปิดการวัดออกซิเจนขณะนอนหลับ เปิดบลูทูธตลอดเวลาแต่ปิด Wi-Fi (เชื่อมกับโทรศัพท์อยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องใช้ Wi-Fi) ปรับความสว่างจออัตโนมัติ มีการแจ้งเตือนทั้งวัน ออกกำลังกายประมาณวันละ 20 นาที

  • แบตเตอรี่อยู่ได้ประมาณ 33 ชั่วโมง แบบไม่เปิด always-on display
  • แบตเตอรี่อยู่ได้ประมาณ 30 ชั่วโมง เมื่อเปิด always-on display
  • แบตเตอรี่อยู่ได้ประมาณ 32 ชั่วโมง เมื่อใช้การวัดชีพจรแบบทุก 1 นาที
  • ปั่นจักรยานความยาว 20 นาทีพร้อมใช้ GPS นาฬิกาในการวัดระยะทาง ใช้แบตเตอรี่ไป 2%
  • ใส่นอนและเปิดการวัดระดับออกซิเจนขณะนอน ใช้แบตเตอรี่ประมาณ 16% สำหรับการนอน 7 ชั่วโมงครึ่ง
ครั้งที่ ระยะเวลา (ชม.) Always-on Display วัดชีพจรตลอดเวลา
1 36:41 ปิด ปิด
2 28:22 ปิด ปิด
3 32:25 ปิด ปิด
4 36:14 ปิด ปิด
5 29:05 ปิด เปิด
6 35:35 ปิด เปิด
7 27:44 เปิด ปิด
8 32:19 เปิด ปิด
ระยะเวลาแบตเตอรี่ตามการใช้งานแบบต่างๆ

จากตารางจะเห็นว่าระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ค่อนข้างจะแกว่งไปมา แล้วแต่การใช้งานในวันนั้นๆ แต่ส่วนใหญ่จะสามารถใช้งานได้เกิน 30 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

แม้ว่าแบตเตอรี่จะไม่อึดมาก แต่ Galaxy Watch5 ก็รองรับการชาร์จเร็วที่กำลังไฟ 10 วัตต์ (5V/2A) โดยใช้เวลาชาร์จจาก 5% ถึง 100% ประมาณ 70 นาที แต่ถ้ามีเวลาน้อยจริงๆ การชาร์จ 30 นาทีก็ยังพอให้มีเหลือแบตเมื่อกลับถึงบ้าน แต่อาจต้องใช้งานอย่างประหยัดแบตเตอรี่

ชาร์จแบบไร้สายด้วยแท่นชาร์จที่มีมาให้

สรุป

Galaxy Watch5 เป็นนาฬิกาที่มีคุณสมบัติการใช้งานครบครันสำหรับสมาร์ทวอทช์ ทั้งฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการใช้งานทั่วไปผ่านแอปต่างๆ ของ Wear OS แต่บางฟีเจอร์ที่เป็นจุดขายอย่างการวัด ECG ก็ยังใช้งานในไทยไม่ได้ และแบตเตอรี่ก็ควรใช้งานได้สักสองวันเต็ม จะได้ไม่ต้องชาร์จทุกวัน โดยรวมถือเป็นนาฬิกาที่ดี ใช้งานได้ลื่นไหล และจะยิ่งเหมาะที่สุดกับผู้ที่ใช้โทรศัพท์ซัมซุงอยู่แล้ว

หากใครที่ใช้ Galaxy Watch4 อยู่แล้ว แน่นอนว่าไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนเป็น Galaxy Watch5 เลย เพราะสิ่งที่จะได้คือการชาร์จที่เร็วขึ้นและหน้าปัดแบบแซฟไฟร์ ส่วนการวัดอุณหภูมิร่างกายและ ECG จะใช้ในไทยได้เมื่อไรก็ยังไม่มีข้อมูล

จุดเด่น

  • ชาร์จแบตเตอรี่ได้รวดเร็ว เพียงครึ่งชั่วโมงก็เพียงพอให้นำออกไปใช้ได้จนกลับบ้าน
  • มี GPS ในตัว ติดตามการออกกำลังกายได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อโทรศัพท์
  • คุยโทรศัพท์ได้ค่อนข้างชัดเจน
  • แม้วงแหวนรอบจอแบบสัมผัสจะไม่ดีเท่าวงแหวนจริงๆ แต่ก็น่าใช้งาน
  • การพลิกข้อมือเพื่อปลุกหน้าจอ (raise to wake) ทำงานได้เร็ว
  • มีคุณสมบัติด้านสุขภาพครบครัน ทั้งการวัดมวลร่างกาย ชีพจร ระดับออกซิเจน คุณภาพการนอน และนับก้าวเดิน

จุดด้อย

  • บางคุณสมบัติ เช่น การวัด ECG และการวัดอุณหภูมิร่างกาย ต้องใช้กับโทรศัพท์ซัมซุงเท่านั้น
  • การวัด ECG และอุณหภูมิร่างกายยังไม่พร้อมใช้งานในไทย
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ข้ามวันก็จริง แต่ในวันที่สองก็จะไม่เพียงพอให้ใช้ทั้งวัน
  • อายุแบตเตอรี่ค่อนข้างแกว่งและคาดเดายาก ตั้งแต่ 27 ชั่วโมงถึง 36 ชั่วโมง
  • Wear OS ใช้งานกับ iPhone และหัวเหว่ยรุ่นใหม่ๆ ไม่ได้ เพราะต้องการ Google Mobile Services

from:https://thehaptic.co/2022/09/21921/

Fitbit จะเริ่มรองรับบัญชี Google Account ปี 2023 แต่ยังไม่บังคับย้ายจาก Fitbit Account

กูเกิลเริ่มซื้อกิจการ Fitbit ช่วงปลายปี 2019 และซื้อเสร็จต้นปี 2021 แต่หลังจากนั้น การหลอมรวมผลิตภัณฑ์ของทั้งสองฝั่งก็เกิดขึ้นอย่างช้าๆ ปัจจุบันการใช้งาน Fitbit ยังต้องใช้บัญชี Fitbit Account เท่านั้น

ล่าสุด Fitbit ประกาศรีแบรนด์ตัวเองเป็น Fitbit by Google และขึ้นข้อความบนหน้า Help ว่าเตรียมจะเปิดให้ใช้บัญชี Google Account บนฮาร์ดแวร์ของ Fitbit ในปี 2023 แต่ยังไม่ระบุเวลาชัดเจน แสดงให้เห็นทิศทางของ Fitbit ที่จะเข้ามาใกล้กับบริษัทแม่มากขึ้น แม้ยังไม่บังคับย้ายข้อมูลจาก Fitbit Account ก็ตาม

เหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับฮาร์ดแวร์ของ Nest ที่กูเกิลเริ่มย้ายบัญชี Nest มาเป็น Google Account ในปี 2019

ที่มา – Fitbit, 9to5google, ภาพจาก Google

No Description

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/130585

Apple Watch Series 8 กับความสามารถในการนับวันไข่ตกแม่นยำมากขึ้น แม้คุณผู้หญิงที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ

Apple Watch Series 8 กับความสามารถในการนับวันไข่ตกแม่นยำมากขึ้น แม้คุณผู้หญิงที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ
ดร.อเสข ขันธวิชัย

Apple Watch Series 8, Apple Watch Ultra และ Apple Watch SE ทุกรุ่นมาพร้อมเซ็นเซอร์ใหม่ซึ่งเป็นนวัตกรรมสุดล้ำที่จะติดตามอุณหภูมิของคุณผู้หญิงในขณะนอนหลับ ทำให้คาดคะเนช่วงเวลาไข่ตกจากข้อมูลย้อนหลัง ซึ่งอาจเป็นประโยชน์สำหรับการวางแผนครอบครัวของผู้มีบุตรยากและครอบครัวทั่วไป ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

โดยปกติแล้วการนับวันไข่จะตกแบบคร่าว ๆ จะนับในช่วงประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนที่ประจำเดือนรอบใหม่จะมา ซึ่งการจะคำนวณวันตกไข่ให้แม่น ๆ ได้นั้นจะใช้ได้เฉพาะกับผู้หญิงที่มีรอบเดือนสม่ำเสมอเท่านั้น เช่น รอบเดือนจะมาทุก ๆ 28 วันเสมอ วันไข่ตกก็อยู่ในช่วงวันที่ 14 ของรอบเดือน (นับวันที่ประจำเดือนมาวันแรกเป็นวันที่ 1 ของรอบเดือน) เมื่อนับวันได้แล้วก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ในช่วงก่อนวันตกไข่ประมาณ 2 วัน พูดง่าย ๆ ก็คือ ตั้งแต่วันที่ 12 ของรอบเดือน เพราะอสุจิจะมีชีวิตรอผสมไข่อยู่ได้ประมาณ 2 วันก่อนการตกไข่ [อ้างอิง 1]

การนับวันไข่ตกที่แม่นยำมากขึ้น จะใช้การตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย (Basal body temperature – BBT) ซึ่งเป็นการใช้ความรู้ด้านสรีรวิทยาที่ว่า อุณหภูมิในร่างกายจะลดลง 12-24 ชั่วโมงก่อนที่จะมี การตกไข่ หลังจากนั้นก็จะสูงขึ้นประมาณครึ่งองศาเมื่อมีการตกไข่ (0.5 degree Celsius/C) ซึ่งเป็นผลมาจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ดังนั้นคุณผู้หญิงจะต้องมีการตรวจวัดอุณหภูมิของตนเองทุกเช้า โดยนอนหลับสนิทติดต่อกันอย่างน้อย 5 ชั่วโมง เมื่อตื่นนอนและก่อนทำกิจกรรมใด ๆ ให้วัดอุณหภูมิร่างกายทันทีด้วยปรอทวัดไข้ธรรมดา แล้วจดบันทึกเอาไว้ด้วยการใช้ปรอทวัดไข้ธรรมดาหลังจากตื่นนอนและก่อนทำกิจกรรมใด ๆ ควรทำสม่ำเสมอเพื่อดูแนวโน้มและจะได้สามารถคาดคะเน วันไข่ตก ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น เมื่อดูจากค่าอุณหภูมิที่บันทึกไว้ เราก็สามารถเลือกวันที่จะมีเพศสัมพันธ์เพื่อให้ตั้งครรภ์ได้ [อ้างอิง 2]

Apple Watch Series 8 กับความสามารถในการนับวันไข่ตกแม่นยำมากขึ้น แม้คุณผู้หญิงที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ

Apple Watch Series 8, Apple Watch Ultra และ Apple Watch SE ทุกรุ่นมาพร้อมเซ็นเซอร์ใหม่ซึ่งเป็นนวัตกรรมสุดล้ำที่จะติดตามอุณหภูมิของคุณผู้หญิงในขณะนอนหลับ เพื่อให้คุณเห็นความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เมื่อเวลาผ่านไป โดยการติดตามรอบเดือนจะใช้ข้อมูลนี้ในการคาดคะเนช่วงเวลาไข่ตกจากข้อมูลย้อนหลัง ซึ่งอาจเป็นประโยชน์สำหรับการวางแผนครอบครัว และเมื่อนำไปรวมกับอัตราการเต้นของหัวใจและข้อมูลรอบเดือนที่บันทึกไว้ คุณก็จะเห็นข้อมูลเกี่ยวกับรอบเดือนของตัวเองในแบบที่ละเอียดยิ่งขึ้น ระบบยังสามารถรับการแจ้งเตือนหากข้อมูลรอบเดือนที่บันทึกไว้แสดงถึงความคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น ประจำเดือนมาไม่ปกติหรือมานานกว่าปกติ โดยคุณสามารถแชร์ข้อมูลประวัติรอบเดือนนี้กับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพเพื่อจะได้มีข้อมูลประกอบในการพูดคุยมากขึ้น

Apple Watch Series 8

การทำงานลักษณะนี้ ยิ่งนานไปข้อมูลอุณหภูมิและรอบเดือนของเราก็ยิ่งถูกเก็บมากขึ้น การคาดคะเนก็ยิ่งจะแม่นยำมากขึ้นตามไปด้วย ถือว่าน้อง ๆ การใช้ AI ในการคำนวณวันไข่ตกเลยก็ว่าได้ครับ ซึ่งถือว่ามีประโยชน์ในการวางแผนครอบครัวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะครอบครัวที่มีบุตรยาก แต่ก็ต้องแลกกับการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลอย่างอุณหภูมิ รอบเดือน และวันไข่ตก แม้ทาง Apple จะมีชื่อเสียงเรื่องเก็บความลับ และยืนยันชัดเจนในหน้าเว็บไซต์ว่า “ข้อมูลการติดตามรอบเดือนของคุณจะถูกเก็บอยู่ในอุปกรณ์และจะได้รับการเข้ารหัสเมื่อโทรศัพท์ของคุณถูกล็อคด้วยรหัสผ่าน, Touch ID หรือ Face ID” หลายคนก็คงอดเป็นกังวลไม่ได้อยู่ดี

 

ข่าว: Apple Watch Series 8 กับความสามารถในการนับวันไข่ตกแม่นยำมากขึ้น แม้คุณผู้หญิงที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/estimate-ovulation-date-apple-watch-series-8/

Lenovo Glasses T1 แว่นสุดล้ำที่เหมือนมีหน้าจอส่วนตัวขนาดยักษ์ไปใช้ได้ทุกที่

Lenovo เปิดตัวแว่นสุดล้ำอย่าง Lenovo Glasses T1 ที่สามารถเชื่อมต่อกับมือถือหรือคอมพิวเตอร์เพื่อแสดงผลขึ้นมาบนเลนส์แว่นแทนหน้าจอปกติ ทำให้เราสามารถเล่นเกม ดูหนัง หรือว่าจะเป็นการทำงานนอกบ้านได้ทุกที่ทุกเวลา แถมยังเป็นส่วนตัวมาก ๆ เพราะไม่มีใครมองเห็นหน้าจอของเราได้อีกด้วย

Lenovo Glasses T1 เป็นแว่น AR ที่สามารถพกพาไปได้ทุกที่ สามารถใช้งานได้กับสมาร์ทโฟนและโน้ตบุ๊คในปัจจุบัน ด้วยการเชื่อมต่อผ่านสาย USB-C เหมือนกับการเชื่อมต่อหน้าจอทั่วไป โดย Lenovo Glasses T1 จะมีหน้าจอ micro-OLED สำหรับแสดงผลติดไว้ที่เลนส์แว่นความละเอียดข้างละ 1080p รีเฟรชเรท 60Hz



เวลาที่เราใช้งานแว่นตัวนี้ก็แค่เสียบสายเข้ากับ PC หรือมือถือที่รองรับการเชื่อมต่อจอเสริม จากนั้นก็เริ่มใช้งานได้ทันที จะนั่งพิมพ์งาน จะเล่นเกม จะดูหนัง หรือทำอะไรก็ไม่มีใครเห็นนอกจากเราคนเดียว แถมยังมีลำโพงระดับ Hi-Fi ติดอยู่ที่ขาแว่นเพื่อความกระหึ่มในการใช้งานด้านความบันเทิง

Lenovo ยังไม่ได้เผยราคาของ Lenovo Glasses T1 ออกมาว่าจะอยู่ที่เท่าไหร่ แต่บอกไว้ว่าจะวางขายในจีนก่อน และจะเริ่มวางขายตามประเทศอื่น ๆ ต่อในปี 2023 ครับ

ที่มา: Lenovo

from:https://droidsans.com/new-lenovo-glasses-t1-wearable-display-on-the-go/

รีวิวสมาร์ทแบนด์ HUAWEI Band 7 สีสวย จอโค้ง AMOLED 2.5D แบตอึดใช้งานได้นาน 14 วัน

HUAWEI Band 7 สมาร์ทแบนด์รุ่นใหม่ เปิดตัวมาราคาเบา ที่ยังคงคอนเซปอุปกรณ์สวมใส่หน้าจอใหญ่ ตัวเรือนเบา และใช้งานได้นานต่อการชาร์จแบตเตอรี่เพียงหนึ่งครั้ง ก็อยู่กันได้นานถึงสองอาทิตย์เลยทีเดียวครับ

HUAWEI-Band-7-ReviewDSC09590

HUAWEI-Band-7-ReviewDSC09594
HUAWEI-Band-7-ReviewDSC09595

HUAWEI Band 7 มากับหน้าจอโค้ง 2.5D ภาพจอสวยคมครับ ใช้จอชนิด AMOLED FullView Display ขนาด 1.47 นิ้ว ความละเอียด 194 x 368 พิกเซล ใครชอบจอสีสดๆ ภาพสวยๆ รุ่นนี้ใช้ได้เลยครับ

HUAWEI-Band-7-ReviewDSC09679

น้ำหนักตัวเรือนเบา น้ำหนักไม่รวมสายเพียง 16 กรัม เป็นอุปกรณ์แนวสวมใส่ติดตัวตลอด เน้นความคล่องตัว ไม่เกะกะข้อมือเพราะมีความหนาแค่ 9.99 มม. ใส่ไว้ติดตัวให้คอยดูสุขภาพเราและเป็นผู้ช่วยสำหรับสมาร์ทโฟนแบบตลอด 24 ชั่วโมง และผมรู้สึกว่าสีของสาย HUAWEI Band 7 ทำมาน่ารักมาก โดยมีเปิดตัวออกมาสี่สีด้วยกันครับ Graphite Black, Flame Red , Wilderness Green และ  Nebula Pink ซึ่งเป็นสีชมพูเทรนด์วัยรุ่นนุ่มตา สีชมพูที่ไม่ฉูดฉาด เป็นสีของสายที่เห็นในรีวิวนี้ครับ

HUAWEI-Band-7-ReviewDSC09682

อุปกรณ์สวมใส่ของ HUAWEI มักจะทำได้ดีในเรื่องของอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ใครที่ไม่ชอบการที่ต้องชาร์จนาฬิกาบ่อยๆ หรือชอบลืมชาร์จ ทุกรุ่นของอุปกรณ์สวมใส่ของ HUAWEI จะไม่ค่อยปัญหาในจุดนี้เลยครับ แต่ละรุ่นมีอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่อึดได้ใจมากๆ และในรุ่นนี้ก็สามารถใช้งานได้นานสูงสุดถึง 14 วันต่อการชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100%

อุปกรณ์ภายในกล่องให้สายชาร์จมาแบบเป็นสองขั้ว ยึดด้านหลังตัวเรือนด้วยแม่เหล็ก ไม่มีขาเกี่ยวหรือสลักยึดให้ต้องเสียดสีกับตัวเครื่อง ชาร์จง่ายถอดง่ายครับ และมีสายมาให้ 1 ชุด เป็นวัสดุยางซิลิโคน ความยาวของสายสามารถสวมใส่ได้ในขนาดข้อมือ 130-210 มม. ค่อนข้างครอบคลุมเลยทีเดียว เพราะเจาะรูสายมาเยอะมาก ข้อมือเล็กแบบสาวๆ หรือข้อมือใหญ่แบบผู้เขียนก็สามารถใส่ได้ครับ

HUAWEI-Band-7-ReviewDSC09622
HUAWEI-Band-7-ReviewDSC09624

แบตเตอรี่ขนาดความจุ 180 mAH รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว ทดสอบชาร์จแบตให้เต็มด้วยที่ชาร์จขนาดไฟ 10W ชาร์จได้เต็มภายในเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครับ และถ้าวันไหนลืมชาร์จแบตในกรณีแบตหมดจริงๆ ก็แวะชาร์จเพียง 5 นาทีก็สามารถใช้งานได้นาน 2 วันแล้วครับ ฉะนั้นหมดปัญหาเรื่องลืมชาร์จหรือวางทิ้งไว้จนแบตหมดแล้วใช้งานไม่ได้

HUAWEI-Band-7-ReviewDSC09631

ตัวเรือนใช้วัสดุชนิดพอลิเมอร์เสริมเส้นใย เคลือบผิวขัดทรายคล้ายโลหะเพิ่มความดูมีราคาให้กับตัวเรือน ไม่มีการออกแบบด้านในให้เป็นเหลี่ยมหรือมุมเพื่อลดการระคายเคือง ติดตั้งเซ็นเซอร์ IMU 6 แกน โดยจะเป็นเซ็นเซอร์มาตรวัดอัตราเร่ง, เซ็นเซอร์ไจโรสโคป เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบออปติคัล

HUAWEI-Band-7-ReviewDSC09610

ตัวเรือนสามารถใส่ติดตัวได้ทั้งโดนฝนหรือการอาบน้ำ รวมถึงการใส่ลงเล่นกีฬาทางน้ำก็ไม่ต้องถอดครับ เพราะผลิตมาในมาตรฐาน 5ATM ทนความดันน้ำได้ที่ระดับความลึกสูงสุด 50 เมตร อยู่ได้เป็น 10 นาที

HUAWEI-Band-7-ReviewDSC09663

แต่ไม่ได้หมายความว่านาฬิกาเรือนนี้จะกันน้ำได้ในระดับความลึก 50 เมตรนะครับมันเป็นแค่มาตรฐานการทดสอบไม่ใช่คำแนะนำในการใช้งานจริง ฉะนั้นอุปกรณ์ที่มีมาตรฐานการกันน้ำ 5ATM อาจจะหมายถึงเราสามารถใส่ว่ายน้ำ หรือสามารถใช้ในกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการโดนน้ำในชีวิตประจำวันได้นั้นเองครับ

HUAWEI-Band-7-ReviewDSC09688

การใช้งานภายใน

HUAWEI Band 7 เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอพพลิเคชั่น HUAWEI Health รองรับการใช้งานได้ทั้งระบบ Android และ iOS  (ดาวน์โหลด HUAWEI Heath : ระบบปฏิบัติการ Android 6.0 ขึ้นไป และ iOS 9.0 ขึ้นไป ) ตัวแอพจะเป็นศูนย์กลางในการเริ่มต้นการใช้งาน และการกำหนดค่าต่างๆ ของ HUAWEI Band 7 (รวมถึงอุปกรณ์ด้านสุขภาพอื่นๆ ทั้งหมดของ HUAWEI) และใช้ในการอัพเดทระบบของตัวอุปกรณ์ด้วยนะครับ ใช้งานครั้งแรกแนะนำให้อัพเดทอุปกรณ์เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดซะก่อนครับ

Huawei-Band-7-006
Huawei-Band-7-007-1
Huawei-Band-7-038

HUAWEI Band 7  สำหรับงานสายสุขภาพก็มีฟีเจอร์ในตัวที่สำคัญครบครับ วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ตลอด 24 ชม. นำไปคำนวนวัดค่าออกซิเจนในเลือด SpO2 และวัดระดับความเครียดของร่างกาย มีระบบช่วยแจ้งเตือนให้ดูแลสุขภาพในด้านอื่นๆ เช่น เตือนให้ดื่มน้ำในระหว่างวันตามที่เรากำหนด ยืดเหยียดกล้ามเนื้อเมื่ออุปกรณ์ตรวจจับไม่พบการเคลื่อนไหวเป็นเวลานานๆ

แจ้งเตือนเมื่อพบค่าออกซิเจนในเลือดหรือการอัตราการเต้นของหัวใจที่สูงเกินไปหรือต่ำเกินไป เพื่อป้องกันอันตรายทั้งในขณะใช้ชีวิตประจำวัน หรือในขณะออกกำลังกายครับ

Huawei-Band-7-034
Huawei-Band-7-032
Huawei-Band-7-031

เราสวมใส่ไว้ตลอดครับ มันจะจับเอาไว้หมด ทั้งการเดิน การนั่งการยืน และการนอนหลับ โดยจะมีระบบ HUAWEI TruSleep ตรวจสอบคุณภาพการนอนหลับ แยกคุณภาพการนอนได้ละเอียด 4 ระดับ และวัดอัตราการหายใจระหว่างการนอนไปพร้อมๆ กัน ทำให้เรารู้อาการตัวเองครับ ว่ามีภาวะการหายใจที่ผิดปกติหรือไม่ในขณะที่เรานอน

และตัวแอพพลิเคชั่น HUAWEI Health จะบันทึกข้อมูลสุขภาพของเราเอาไว้ให้หมด แสดงออกมาเป็นกราฟย้อนหลังให้เราเรียกดูได้ตลอด ทั้งการเดิน การนอน และการออกกำลังที่ผ่านมา คำนวนออกมาเป็นค่าสุขภาพร่างกายรายสัปดาห์ให้เราพัฒนาตัวเองได้แบบเข้าใจง่ายๆ ครับ

Huawei-Band-7-013
Huawei-Band-7-015
Huawei-Band-7-010
Huawei-Band-7-011

HUAWEI Band 7 จะมาพร้อมโหมดออกกำลังกาย 96 โหมด มีค่อนข้างครบที่นิยมทำกิจกรรมกัน ทั้งการออกกำลังกายและการเล่นกีฬาครับ เช่น การวิ่ง การปั่นจักรยาน การว่ายน้ำ โดยในแต่ละโหมดตัวแบนด์จะบันทึกค่าที่เกี่ยวข้องกับการออกกำลังกายนั้นไว้ให้อัตโนมัติ เช่นจับระยะทาง ความเร็ว การเต้นของหัวใจและออกซิเจน ในขณะที่เราเข้าโหมดปั่นจักรยานเป็นต้นครับ

Huawei-Band-7-102-1
Huawei-Band-7-101-1
Huawei-Band-7-100-1

ซึ่งผมจะบอกว่า ในแอพ HUAWEI Health มีแผนการฝึกร่างกายและเตรียมพร้อมแบบเป็นขั้นเป็นตอน จากแผนที่ปกติเราจะต้องเสียค่าใช้จ่ายแบบในแอพโค๊ชออกกำลังกายต่างๆ แต่ในนี้ใช้งานได้ฟรีครับ มีทั้งแผนลดความอ้วน, แผนเพิ่มเสริมสร้างสุขภาพ หรือฝึกร่างกายเพื่อพร้อมลงงานใหญ่แบบวิ่งมาราธอน ออกแบบมาให้ฝึกเป็นขั้นตอนอย่างถูกต้องในแต่ละวัน ใช้ฟรีครับ ต้องบอกว่าใครมองหาแอพโค๊ชออกกำลังกายใช้งานฟรีก็ลง HUAWEI Health ไปใช้กันได้ครับ

Huawei-Band-7-100
Huawei-Band-7-101
Huawei-Band-7-103
Huawei-Band-7-104
Huawei-Band-7-105

ในเรื่องของความสวยงามของ HUAWEI Band 7 ภายในแอพจะใช้ในการปรับเลือก Watch Faces ที่เข้ากับสไตล์เรามาใช้ด้วย ซึ่งผมจะบอกว่ามาถึงวันนี้ HUAWEI Band 7 มีหน้า Watch Faces ให้เลือกใช้แล้วมากกว่า 4,000 รูปแบบ! ทั้งขายทั้งแจกฟรี มีเข้ากันกับทุกไลฟ์สไตล์ของผู้สวมใส่แน่นอนครับ

Huawei-Band-7-019-1
Huawei-Band-7-021-1
Huawei-Band-7-022
Huawei-Band-7-023
Huawei-Band-7-024

แต่ละ Watch Faces จะมีลูกเล่นที่แตกต่างกัน เช่นบางอันเราสามารถเลือกภาพจากในอัลบั้มมาสร้างเป็น Watch Faces ของเราได้เอง

Huawei-Band-7-025
Huawei-Band-7-027

หรือจะเป็น Watch Faces แบบภาพเคลื่อนไหว, เปลี่ยนไปตามเวลา, เปลี่ยนตามการเคลื่อนไหว, หรือสามารเปลี่ยนสีได้เรื่อยๆ เมื่อเราแตะหน้าจอเป็นต้นครับ

HUAWEI-Band-7-ReviewDSC09606

เป็นผู้ช่วยสำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟน เช่น กด Find My Phone เพื่อหาสมาร์ทโฟนที่วางทิ้งไว้ตรงไหนแล้วหาไม่เจอ, เป็นรีโมตสำหรับสั่งงานการเล่นเพลง เป็นต้นครับ และเป็นเครื่องมือชนิดพกพาติดตัวให้เราได้ในบางกรณี เช่นเป็นไฟฉายด้วยการเร่งไฟสีขาวบนหน้าจอให้สว่างพอส่องเห็นในพื้นที่เล็กๆ หรือใช้แจ้งเตือนนาฬิกาปลุกที่จะสั่นเตือนแค่เราโดยไม่ต้องมีเสียง แจ้งเตือนวันกำหนดมาของรอบเดือนให้คุณสุภาพสตรี และยังเป็นเครื่องมือช่วยลดเครียดเพิ่มความผ่อนคลายด้วยการไกด์กำหนดลมหายใจให้เราได้ครับ

และ HUAWEI Band 7 รองรับโหมด Always-on display หรือฟังก์ชั่นการเปิดหน้าจอเอาไว้ตลอดเวลาเหมือนาฬิกาจริง เป็นโหมดที่จะแสดงข้อมูลแบบใช้พลังงานน้อย ลดแสงสว่าง ให้เห็นเพียงการแจ้งเตือนที่สำคัญเท่านั้น สะดวกมากขึ้นสำหรับคนที่ชอบการเห็นเวลาได้ตลอดเหมือนนาฬิกาปกติครับ และแน่นอนว่า Always-on display ก็เป็นหน้าตาที่เราเลือกปรับเปลี่ยนไปได้เช่นเดียวกับ Watch Faces ครับ สวยๆ เยอะมาก

HUAWEI-Band-7-ReviewDSC09639
HUAWEI-Band-7-ReviewDSC09638

สรุปท้ายรีวิว

HUAWEI Band 7 สมาร์ทแบนด์สไตล์โฉบเฉี่ยว บางเบาคล่องตัว หน้าจอใหญ่ เห็นได้ชัดเจนแบบสมาร์ทวอทช์ มีฟีเจอร์ด้านสุขภาพครบครับ และแบตเตอรี่อึดไม่ต้องชาร์จบ่อยหรือพบปัญหาแบตหมดทุกสองสามวันให้รบกวนใจ และราคาจำหน่ายไม่แพงครับ โดยเฉพาะโปรโมชั่นช่วงเปิดตัว

ในประเทศไทยมีเข้ามาทั้งหมด 4 สี  Graphite Black, Nebula Pink, Wilderness Green และ Flame Red เปิดตัวในราคา 1,899 บาท แต่มีโปรโมชั่นเมื่อพรีออเดอร์ HUAWEI Band 7 ตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2565 ถึงวันที่ 1 กันยายน 2565 นี้ จะเหลือเพียงแค่ 1,299 บาทเท่านั้น

สมาร์ทแบนด์รุ่นนี้จะมีการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้นครับ ที่ HUAWEI Online Store และร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบนช่องทาง Shopee, Lazada, JD Central และ Thisshop

ข่าว: รีวิวสมาร์ทแบนด์ HUAWEI Band 7 สีสวย จอโค้ง AMOLED 2.5D แบตอึดใช้งานได้นาน 14 วัน มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.
from:https://www.appdisqus.com/review-smartband-huawei-band-7/

รีวิว HUAWEI WATCH GT 3 Pro สมาร์ทวอทช์ระดับมือโปร รวดเร็วยื่งขึ้น แบตอึด 14 วัน ทนทานด้วยกรอบไทเทเนียมและเซรามิก

HUAWEI WATCH GT 3 Pro สมาร์ทวอทช์ตัวใหม่ที่ยังคงคุณภาพเรื่องของความทนทานและการใช้งานที่ยาวนานของแบตเตอรี่เป็นจุดขายสำคัญ ใช้งานต่อเนื่องสูงสุด 14 วัน และใช้วัสดุผลิตในระดับพรีเมี่ยมเกรดสูง ด้วยการออกรุ่นที่ผลิตด้วย Titanium Edition ในขนาดตัวเรือน 46 มม. และรุ่นที่ผลิตด้วย Ceramic Edition ในขนาด 43 มม. สวยงามหรูหราและมีความทนทานสูงทั้งสองรุ่น ซึ่งในรีวิวนี้ผมจะเน้นไปที่ตัว Titanium Edition ขนาด 46 มม. ที่เราได้มารีวิวเรือนนี้นะครับ

HUAWEI-WATCH-GT-3-ProDSC04313

ดีไซน์เรียบหรู ทนทาน ด้วยกรอบไทเทเนียมและเซรามิก

HUAWEI WATCH GT 3 Pro รุ่น 46 มม. จะมาในชื่อรุ่นว่า Titanium Edition เพราะตัวเรือนจะผลิตด้วยกรอบไทเทเนียมที่มีความทนทานสูง ทนทานทั้งความร้อนและความเย็น แต่มีน้ำหนักเบาที่เบาครับ แกร่งๆ แบบนี้ตัวเรือนมีน้ำหนักแค่ 54 กรัมเท่านั้นเอง แข็งแกร่งแต่เบาเป็นคุณสมบัติเด่นของไทเทเนียมเลย

HUAWEI-WATCH-GT-3-ProDSC04325 HUAWEI-WATCH-GT-3-ProDSC04358

ด้านหลังตัวเรือนเป็นเซรามิกโค้งที่สวมใส่แล้วรู้สึกสบาย เย็น ไม่ระคายผิวเป็นมิตรต่อผิวหนัง เพราะวัสดุจะปรับเปลี่ยนอุณหภูมิไปตามสภาพแวดล้อมโดยธรรมชาติไม่รู้สึกร้อนหรือเย็นเกินไปในเวลาสวมใส่ ให้มาคู่กับสายหนังสีเทาความยาวปรับได้ระหว่าง 140-210 มม. สามารถเปลี่ยนใช้กับสายนาฬิกาทั่วไปในมาตรฐานขนาด 22 มิลได้เลย เกรดวัสดุหรูหรายิ่งกว่านาฬิกาเรือนหมื่นหลายๆ ยี่ห้อเลยละครับ

HUAWEI-WATCH-GT-3-ProDSC04342HUAWEI-WATCH-GT-3-ProDSC04341

มาพร้อมหน้าจอ AMOLED สีสันสดใส สว่าง หน้าจอขนาดใหญ่ 1.43 นิ้ว ความละเอียด 466 x 466 พิกเซล (326 PPI) ใช้กระจกหน้าปัดที่ทำจาก Sapphire Glass ทนทานมาก เกิดรอยขีดข่วนได้ยากและมีน้ำหนักที่เบาด้วยเช่นกัน

HUAWEI-WATCH-GT-3-ProDSC04368

งานผลิตตัวเครื่องมาในมาตรฐานกันน้ำระดับ 5ATM หรือกันน้ำได้ในระดับความลึกประมาณ 50 เมตรเลยทีเดียว ฉะนั้นสามารถใช้ใส่เล่นกีฬาทางน้ำหรือใช้ใส่ดำน้ำได้เลยครับ และภายในมีการฝังเทคโนโลยี HUAWEI TruSeen 5.0 + ที่ตรวจจับได้แม่นยำยิ่งขึ้นด้วยการใช้โฟโตไดโอดถึง 8 ตัวเพื่อการรับแสงที่มากขึ้น และใช้ฟิล์มแบบ Micro Nano เพื่อให้แสงส่องผ่านมาตรวจจับได้ดียิ่งขึ้น

ปุ่มคอนโทรลด้านข้างนาฬิกาจะเป็นทั้งปุ่มกดและปุ่มหมุนในตัว ใช้สำหรับเลื่อนหน้าเมนูโดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ หรือใช้ขยายหน้า UI ให้เล็กใหญ่แล้วแต่แอพหรือการใช้งานนั้นออกแบบมาครับ

HUAWEI-WATCH-GT-3-ProDSC04336

มาพร้อมปุ่มเมนูด้านล่าง ที่เป็นทั้งปุ่มคำสั่งและเป็นพื้นที่สำหรับวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) ได้โดยตรงครับ วัดแล้วบอกถึงสุขภาพการเต้นของหัวใจเราให้เรียบร้อย แต่ยังไม่รองรับการนำไปคำนวนภายในแอพพลิเคชั่น HUAWEI Health รอการอัพเดทในอนาคตซะก่อนน่าจะติดที่ข้อกฏหมายของประเทศไทยนั้นเองครับ

HUAWEI-WATCH-GT-3-ProDSC04338

ผู้ช่วยส่วนตัวที่อยู่กับเราได้นานถึง 14 วัน

HUAWEI WATCH GT 3 Pro รุ่น 46 มม. ยังคงเป็นสมาร์ทวอทช์กลุ่มหน้าจอใหญ่ที่มาในจุดเด่นเรื่องอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ใช้ได้ยาวนานมากต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ไม่ต้องคอยชาร์จกันวันเว้นวันหรือห่วงแบตเตอรี่จะหมดให้มากเกินไป

ภายในมีการใส่แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 530mAh จากที่ผมการทดสอบใช้งานแบบเปิดฟลูฟังชั่น สามารถใช้งานได้นานประมาณ 10 วันเลยครับ และถ้าเป็นการทำงานในมาตรฐานทั่วไปที่ทาง HUAWEI เคลมไว้ว่าจะอยู่ได้ถึง 14 วันเลยทีเดียว หมดปัญหาสำหรับคนขี้ลืม หรือขี้เกียจชาร์จกันบ่อยๆ อยากจะใส่เมื่อไหร่ก็หยิบขึ้นมาใช้ โอกาสที่แบตจะหมดน้อยกว่าสมาร์ทวอทช์ทั่วไปมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ^^

HUAWEI-WATCH-GT-3-ProDSC04363

ระบบที่ตัวนาฬิกาถูกออกแบบมาได้กำลังดี ไม่กินพลังงานไร้สาระมากไป มีแอพพลิเคชั่นให้ใช้อย่างพอเหมาะ ไม่น้อยเกินไปและไม่มากจนล้นกับสิ่งที่เราไม่ค่อยได้ใช้ ทำให้ระบบของตัวสมาร์ทวอทช์ HUAWEI มีอายุการใช้งานของแบตเตอรี่เป็นจุดขายเสมอมาเลยครับ

รองรับการชาร์จแบบไร้สายในเทคโนโลยีชาร์จเร็วด้วยครับ สามารถชาร์จได้ 100% ในเวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง ด้วยการรองรับการชาร์จไร้สายในมาตรฐาน Qi ทำให้ใช้งานกับที่ชาร์จไร้สายทั่วๆ ไปได้ทั้งหมดเลย หาที่ชาร์จง่าย รวมถึงรองรับระบบชาร์จ Reverse Charging จากด้านหลังของสมาร์ทโฟนที่รองรับการเป็นแท่นชาร์จด้วยครับ

HUAWEI-WATCH-GT-3-ProDSC04359
HUAWEI-WATCH-GT-3-ProDSC04360
HUAWEI-WATCH-GT-3-ProDSC05082
HUAWEI-WATCH-GT-3-ProDSC05084

HUAWEI WATCH GT 3 Pro รุ่น 46 มม. เป็นสมาร์ทวอทช์ที่ใช้ระบบ HarmonyOS สามารถเชื่อมต่อใช้ได้กับสมาร์ทโฟนทั้ง Android และ iOS ( Android 6.0 ขึ้นไป และ iOS 9.0 ขึ้นไป) เชื่อมต่อด้วยสัญญาณ Bluetooth 5.2 ผ่านแอพพลิเคชั่น HUAWEI Health ( Android ดาวน์โหลด / iOS ดาวน์โหลด )

HUAWEI-WATCH-GT-3-ProDSC04348

เราสามารถเซ็ตค่าต่างของตัวนาฬิการวมถึงการอัพเดทระบบได้ทั้งหมดภายในแอพพลิเคชั่นครับ เลือกกำหนดการแจ้งเตือนที่จะให้มาแสดงยังตัวนาฬิกาได้แล้วแต่ต้องการ

HUAWEI-WATCH-GT-3-ProDSC04353
HUAWEI-WATCH-GT-3-ProDSC04349

ตัว HUAWEI WATCH GT 3 Pro สามารถรับสายโทรเข้าโทรออกได้จากตัวนาฬิกาโดยตรงนะครับ มีไมค์รับเสียงและลำโพงในตัว ลำโพงเสียงดังดีซะด้วย ใช้งานในการสนทนาได้เลยโดยไม่ต้องต่อชุดหูฟัง แค่เพียงอยู่ในระยะสัญญาณบลูทูธกับตัวสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อเท่านั้น เก็บสมาร์ทโฟนเข้ากระเป๋าหรือตู้ล็อคเกอร์ไปได้เลยในกรณีไม่สะดวกพกโทรศัพท์เช่นกำลังเข้ายิมเป็นต้น

ภายในตัวของ HUAWEI WATCH GT 3 Pro จะมีหน่วยความจำภายในใส่มาให้ประมาณ 4GB เราสามารถใช้เพื่อจัดเก็บไฟล์เพลงได้ประมาณ 500 เพลง เพื่อใช้ฟังเพลงผ่านสมาร์ทวอทช์ได้ทันทีโดยไม่ต้องมีสมาร์ทโฟน เพราะตัวนาฬิกาสามารถเชื่อมต่อกับหูฟังบลูทูธได้ด้วยตัวมันเองโดยตรงครับ เราสามารถควบคุมเพลง, เล่นเพลง ได้จาก HUAWEI WATCH GT 3 Pro เลยในยามต้องการ

ในแอพพลิเคชั่น HUAWEI Health เราสามารถเลือกใช้หน้าปัด Watch Faces ที่ต้องการ โดยบางหน้าปัดจะมีลูกเล่นพิเศษที่จะปรับเปลี่ยนหน้าตาไปตามแต่ละช่วงของวันเวลาของวัน เช่นเปลี่ยนเป็นพระอาทิตย์หรือดวงจันทร์ หรือเป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้บาน

HUAWEI-WATCH-GT-3-ProDSC05089

รวมถึงนำรูปภาพหรือรูปถ่ายมาใช้เป็นหน้าปัดนาฬิกาก็ได้เช่นกันครับ ^^ เพื่อน พี่ น้อง แฟน หมา แมว หรืออะไรก็ตามเอามาอยู่กับเราบนข้อมือได้ตลอด ^^

HUAWEI-WATCH-GT-3-ProDSC05087

และถ้าต้องการให้นาฬิกาทำหน้าที่เป็นนาฬิกาจริงๆ แบบที่จะแสดงหน้าปัดเอาไว้ตลอดเวลา เราสามารถเปิดโหมด Always On Display ให้หน้าปัดแสดงเวลาเหมือนนาฬิกาข้อมือตามปกติได้ด้วยครับ และอยู่ในรูปแบบที่ไม่กินพลังงานด้วยการลดแสงสีและแสงสว่างลงบางส่วน กินพลังงานน้อย ใช้งานได้ยาวกว่าสัปดาห์เช่นเดียวกัน

การใช้งานที่รวดเร็วและการตรวจจับที่ครอบคลุมกว่าเดิม

การทำงานของ HUAWEI WATCH GT 3 Pro จากการทดลองใช้มีความรวดเร็วและการตอบสนองที่ว่องไวมากขึ้นครับ ตอบสนองต่อการทัช, การเปลี่ยนหน้า และการเข้าออกแอพพลิเคชั่นได้ไวมาก และมีการออกแบบหน้า UI ใหม่ ดูสวยงามและชัดเจน และเห็นข้อมูลสำคัญได้ครบบนตัวนาฬิกาเลยด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ ภาพคมชัดและสู้แสงสว่างภายนอกอาคารได้ดี

ผมชอบการออกแบบปุ่มควบคุมสองปุ่มที่ทำมาในรูปแบบนี้ การวางตำแหน่งไม่เกะกะข้อมือเวลาสวมใส่ ต่อให้งอแขนพับข้อมือ ปุ่มหมุนที่นูนออกมาก็ไม่กดทับรบกวนและไปเผลอกดโดยไม่ตั้งใจได้ง่ายๆ และออกแบบได้สวยงามมีการสลักอักษรไว้ภายในปุ่มครับ จะสังเกตว่าการออกแบบมีทั้งรายละเอียดและความเรียบง่าย มีพื้นที่เรียบๆ ที่ตั้งใจโชว์เนื่อวัสดุของกรอบไทเทเนียม

HUAWEI-WATCH-GT-3-ProDSC04369

ความสามารถในการตรวจจับก็ครบมาก มีเซนเซอร์มาทุกตัว Accelerometer sensor, Gyroscope sensor, Magnetometer sensor, Optical heart rate sensor, Barometer sensor และที่วัดอุณหภูมิ Temperature sensor

ใส่เซนเซอร์ตรวจจับตำแหน่งแบบ Dual-band five-constellation หรือการระบุตำแหน่งผ่านสัญญาณดาวเทียมทั้ง 5 ระบบทั่วโลก (GPS, Beidou, GLONASS, GALILEO, QZSS) เพื่อความแม่นยำในการหาพิกัด รวมถีงมีขััววัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่บริเวณปุ่มเมนูด้านข้างเครื่อง (การตรวจจับคลื่นไฟฟ้าหัวใจยังไม่เปิดใช้งานเต็มรูปแบบในประเทศไทย)

HUAWEI-WATCH-GT-3-ProDSC05095
HUAWEI-WATCH-GT-3-ProDSC05101
HUAWEI-WATCH-GT-3-ProDSC05105
HUAWEI-WATCH-GT-3-ProDSC05106

เซนเซอร์ทั้งหมดถูกใส่เข้ามาเพื่อใช้ในการเก็บข้อมูล และนำส่งให้อัลกอริทึ่มของนาฬิกานำไปวิเคราะห์คำนวนหาค่าต่างๆ ได้มากมาย เช่นวัดค่าอัตราการเต้นของหัวใจ, ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (SpO2) ติดตามความเครียด และติดตามคุณภาพการนอนหลับ เป็นต้น

ซึ่งทุกอย่างทำงานเองได้อย่างอัตโมมัติทั้งสิ้น นาฬิกาจะสามารถตรวจจับวัดค่า และเก็บไว้ได้แบบเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง แสดงให้เป็นเป็นกราฟรายชั่วโมงเลยครับ โดยเราไม่ต้องไปคอยกดเปิดปิดการตรวจจับใดๆ ตั้งค่ากำหนดไว้ครังเดียวแล้วแค่ใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเดิน จะวิ่ง จะนั่ง จะนอน ตัวระบบจะตรวจจับแล้วรู้ได้เองว่าเรากำลังทำอะไร และคอยแจ้งเตือนให้เรารับรู้ด้วยสุขภาพได้ทันที เช่นการนั่งอยู่กับที่นานๆ หรือมีการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ หรือแม้กระทั่งอุณหภูมิของร่างกายที่สูงเกินไป เพื่อป้องกันอันตรายที่เราอาจจะไม่รู้ตัวว่ากำลังฝืนเกินไป

การบันทึกในระหว่างวัน ด้วยเหล่าฟีเจอร์ HUAWEI Healthy Living Shamrock สำหรับการดูแลสุขภาพ ที่จะคอยแจ้งเตือนกิจวัตรต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่นเตือนให้ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายเมื่อตรวจพบการนั่งนานเกิน สำคัญมากครับสำหรับคนทำงานออฟฟิศหรือทำงานอยู่กับหน้าจอ เตือนให้ดื่มน้ำหรือรับประทานยาตามเวลา นับจำนวนก้าวเดินที่สามารถตรวจได้ทั้งระยะทางและการขึ้นลงบันได

วัดอุณหภูมิผิวหนังบริเวณจุดที่สวมใส่พร้อมแจ้งเตือนหากอุณหภูมิร้อนขึ้นหรือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตรวจวัดความเครียดของร่างกายแบบเรียลไทม์ พร้อมฟีเจอร์สอนกำหนดลมหายใจ HUAWEI TruRelax เพื่อผ่อนคลายและจัดการความเครียดระหว่างวัน

HUAWEI-Watch-GT-3-Pro-005
HUAWEI-Watch-GT-3-Pro-007
HUAWEI-Watch-GT-3-Pro-008
HUAWEI-Watch-GT-3-Pro-027
HUAWEI-Watch-GT-3-Pro-030

 

ในยามกลางคืนก็จะมี เทคโนโลยี HUAWEI TruSleep 2.0 การตรวจจับคุณภาพการนอนหลับ โดยจะตรวจวัดแต่ละช่วงการนอนได้ละเอียดถึง 4 ระดับ พร้อมตรวจนับการงีบหลับนอนกลางวันเข้าไปให้ด้วย และจับวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบเรียลไทม์และวัดการหายใจขณะนอนหลับไปพร้อมๆ กัน เก็บข้อมูลได้ละเอียดมากครับ

เพื่อนำมาประเมินคุณภาพการนอนหลับที่ระบบไม่ได้ดูแค่ช่วงเวลาเท่านั้น แต่นับเอาการหายใจและการเต้นของหัวใจเข้าไปด้วย เพื่อให้คำแนะนำการพักผ่อนของเราให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น

HUAWEI-Watch-GT-3-Pro-021
HUAWEI-Watch-GT-3-Pro-030
HUAWEI-Watch-GT-3-Pro-026

เป็นทั้งโค๊ชส่วนตัวและเครื่องมือตรวจจับการเล่นกีฬากว่า 100 ประเภท รวมถึงสองโหมดล่าสุด Free Diving และ Golf

จัดเต็มมาในด้านการออกกำลังกายมากครับ สำหรับ HUAWEI WATCH GT 3 Pro โดยเฉพาะโหมดที่จะเปิดประสบการณ์ใหม่สำหรับสมาร์ทวอทช์ของ HUAWEI นั้นคือกิจกรรมดำน้ำทะเลกับโหมด Free Diving ซึ่งทั้งตัวเรือนและระบจะรองรับการดำน้ำที่ลึกได้ถึง 30 เมตร ทั้งในน้ำทะเลและน้ำจืดเลยครับ

โดยมาพร้อมฟีเจอร์ที่จะคอยคำนวนระยะเวลาที่ควรจะขึ้นสู่ผิวน้ำ เตือนเราให้รับรู้ใต้น้ำได้ทั้งระบบเสียงและระบบสั่น ติดตามและจัดเก็บข้อมูลจำนวนครั้งการลงดำน้ำ สถิติความลึกสูงสุดที่ดำน้ำได้ ความเร็วในการดำน้ำ ระยะเวลาที่อยู่ใต้น้ำ ระยะเวลาที่พักบนผิวน้ำ รวมทั้งบอกระดับความลึกให้เรารู้ได้แบบเรียลไทม์ แต่ต้องบอกก่อนว่าผู้รีวิวยังไม่ได้ลองฟีเจอร์ Free Diving  ด้วยตัวเองนะครับ เพราะไม่ใช่ทางที่ถนัดสำหรับผู้รีวิว ^^

แต่น่าสนใจสำหรับผู้ฝึกฝนการดำน้ำ เพราะ HUAWEI WATCH GT 3 Pro มีโหมดฝึกกลั้นลมหายใจ (Apnea Training) เป็นการสอนก่อนการลงดำน้ำจริงได้ด้วย อันนี้ผู้รีวิวลองเล่นได้บนบก ^^

HUAWEI-WATCH-GT-3-ProDSC05129

และเป็นเครื่องมือในการฝึกวงสวิงของเราให้คม เพราะตัวนาฬิกาสามารถติดตามตรวจจับได้ทั้งท่วงท่า ความเร็ว และจังหวะของแต่ละวงสวิง พร้อมประเมินและให้คำแนะนำแบบเรียลไทม์เหมือนมีโปรกอล์ฟมาเทรนให้ อันนี้ก็เป็นโหมดใหม่ที่ใส่เข้ามาใน HUAWEI WATCH GT 3 Pro ครับ

การออกกำลังกายอื่นๆ มีการใส่เข้ามาให้มากกว่า 100 โหมด ทั้งการเดิน การวิ่ง วิ่งเทรล การปีนเขา การปั่นจักรยานทั้งในร่มและกลางแจ้ง การว่ายน้ำ การเล่นกีฬาต่างๆ ที่นิยมมีครบครับ รวมถึงไตรกีฬาก็ยังมี

การตรวจจับในแต่ละโหมดกีฬาก็จะถูกออกแบบมาให้เข้ากันกับตัวกีฬา เช่น ในโหมดว่ายน้ำจะมีการช่วยนับและวิเคราะห์การแกว่งแขนอย่างมีประสิทธิภาพ การตรวจจับระยะทางและเวลา นำมาคำนวนเป็นค่าพลังงานที่ใช้งานไป หรือการปั่นจักรยานก็จะบันทึกเส้นทาง ระยะทาง ความเร็วในการปั่น และคำนวนเป็นค่าพลังงานที่ใช้ไปเป็นต้น

HUAWEI-WATCH-FIT-2-012-1
HUAWEI-WATCH-FIT-2-004-1
HUAWEI-Watch-GT-3-Pro-029

ด้วยการที่  HUAWEI WATCH GT 3 Pro สามารถบันทึกเส้นทางได้ด้วยตัวเองอย่างแม่นยำ จึงสามารถบันทึกเส้นทางต่างๆ ที่เราผ่านไป ยังมีความสามารถในการชี้เส้นทางการวิ่งใหม่ๆ หรือให้นำทางเพื่อวิ่งกลับมาไปยังเส้นทางเดิมได้เพียงแค่เลือกคำสั่ง Route Back รวมทั้งสามารถแชร์เส้นทางให้กับผู้ใช้คนอื่นๆ ได้ผ่านแอปพลิเคชัน HUAWEI Health ด้วยครับ

นอกจากจะจัดเก็บข้อมูลการออกกำลังกายให้แล้ว ยังเป็นโค๊ชช่วยสอนการวอร์มอัพและวอร์มดาวน์เพื่อคลายกล้ามเนื้อเราให้ ด้วยท่าทางการยืดเยียดอย่างถูกต้อง ไม่ใช่แค่จัดเก็บข้อมูลให้ แต่ระบบถูกออกแบบให้ทำหน้าที่ดูแลร่างกายเราเพิ่มเติมทั้งก่อนและหลังการออกกำลังกายครับ

 

ค่าสถิติต่างๆ ก็จะถูกเก็บบันทึกไว้ในแอพพลิเคชั่น HUAWEI Health ให้เราสามาถดูย้อนหลังได้ทั้งหมด

HUAWEI-Watch-GT-3-Pro-010

HUAWEI WATCH GT 3 Pro ยังมีแผนการออกกำลังกายและการฝึกซ้อมให้เราทำเป็นเป้าหมายไว้ด้วยครับ วางแผนดูแลตัวเองในแบบระยะยาว เช่นลดความอ้วน หรือต้องการผ่อนคลายร่างกาย หรือปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ ยังมีแผนสำหรับการฝึกซ้อมในการออกกำลังกายเช่นวิ่งระยะไกลเป็นต้น ให้เราพัฒนาตัวเองไปทีละขั้น สอนให้เราเตรียมพร้อมในขั้นต่อไปโดยอัตโนมัติในสัปดาห์ต่อไป ซึ่งผู้ใช้งานสามารถดูผลการฝึกต่างๆ อาทิ Running Ability Index (RAI), VO2 max เพื่อให้ผู้ใช้งานเข้าใจและประเมินกระบวนการฝึกซ้อมและร่างกายตัวเองได้ง่ายขึ้น

279878631 348970110555473 418073526788625432 n
279822562 1438466313278529 5088890381489412251 n
279912754 355298073361444 3790523618574947469 n
280077719 560717752288754 6878276811653773685 n

สรุปท้ายรีวิว 

ยังคงมาตรฐานที่ดีที่เป็นจุดเด่นของตัวเอง สำหรับ HUAWEI WATCH GT 3 Pro สมาร์ทวอทช์สายโปร ที่มีระยะการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ยาวนาน ใช้งานได้นานไม่ต้องชาร์จกันวันเว้นวัน และมาในความสามารถระดับโปรอย่างเต็มตัวด้วยระบบภายในที่ใส่ของดีมาเต็มเรือน และตัวเครื่องภายนอกที่ใช้วัสดุหรูหรา ทนทานสูง เป็นสมาร์ทวอทช์เกรดสูงของตลาดครับ

ใช้งานได้ทั้งกับสมาร์ทโฟนระบบ Android และ iOS ตรวจจับด้านสุขภาพได้ครบถ้วนและแม่นยำ ทั้งในปัจจุบันและในอนาคตที่จะเปิดใช้งานฟังก์ชั่นการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้ในประเทศไทยก็พร้อมรองรับทันที

ครบเครื่อง หรูหรา วัสดุทนทาน การทำงานเก่งกาจ แนะนำครับ

HUAWEI WATCH GT 3 Pro ขนาด 46 มม. มาในชื่อรุ่น Titanium Edition วางจำหน่ายในราคา 11,990 บาท

HUAWEI WATCH GT 3 Pro ขนาด 43 มม. มาในชื่อรุ่น Ceramic Edition วางจำหน่ายในราคา 19,990 บาท

ทั้งสองรุ่นรับฟรีหูฟังไร้สาย HUAWEI FreeBuds 4i มูลค่า 2,799 บาท เมื่อสั่งซื้อสินค้าก่อนใคร ระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม 2565 ถึง 30 มิถุนายน 2565 ที่หน้าร้าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางออนไลน์อย่าง HUAWEI Store และร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบน Shopee, Lazada, JD Central และ Thisshop และแอปพลิเคชัน My HUAWEI พร้อมศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่นี่

HUAWEI-WATCH-GT-3-Pro Price-scaled-1

ข่าว: รีวิว HUAWEI WATCH GT 3 Pro สมาร์ทวอทช์ระดับมือโปร รวดเร็วยื่งขึ้น แบตอึด 14 วัน ทนทานด้วยกรอบไทเทเนียมและเซรามิก มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.
from:https://www.appdisqus.com/review-huawei-watch-gt-3-pro/

5 เหตุผลที่ HUAWEI WATCH FIT 2 คือสมาร์ทวอทช์ที่ไม่ควรพลาด!

ใครที่อยู่ในช่วงออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพ อยากนับก้าว หรือกำลังมองหาตัวช่วยที่เป็นสมาร์ทวอทช์คุ้มๆ เอามากติดตัวไว้เพื่อติดตามกิจวัตรประจำวัน วันนี้เราขอแนะนำ HUAWEI WATCH FIT 2 สมาร์ทวอทช์สุดคุ้มรุ่นล่าสุดจากหัวเว่ย หลังจากเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ ออกมาต่อยอดความสำเร็จจากเสียงตอบรับล้นหลามมาตั้งแต่รุ่นแรก

ด้วยความครบเครื่องและคุ้มค่ากับราคา เมื่อเทียบกับสมาร์ทวอทช์อื่นๆ ในระดับเดียวกัน มารุ่นนี้หัวเว่ยใส่ฟีเจอร์อัปเกรดมาแบบรอบด้าน ทั้งหน้าจอที่ใหญ่กว่าเดิมถึง 18.6% อ่านค่าสุขภาพเต็มตาบนหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.74 นิ้ว เพราะสุขภาพต้องชัดเจน จอใหญ่อ่านง่าย ทั้งยังรองรับ Bluetooth Calling คุยสายได้ชัดๆ จากบนข้อมือ

มากับแบตเตอรี่ที่ใช้ต่อเนื่องยาวๆ สูงสุด 10 วัน และมาในดีไซน์ที่ทันสมัย เข้ากันได้กับทุกลุค บอกได้เลยว่านี่คือสมาร์ทวอทช์รุ่นที่เปิดตัวแรงในรอบปี และวันนี้เราขออาสารวบรวมจุดเด่นมาให้เห็นกันชัดๆ กับ 5 เหตุผลว่าทำไม HUAWEI WATCH FIT 2 ถึงเป็นสมาร์ทวอทช์ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง!

image010

1. ขนาดจอที่ใหญ่กว่าเดิม พร้อมระบบปฎิบัติการใหม่ HarmonyOS

สายรักสุขภาพไม่ว่าจะวัยไหนก็อ่านจอได้ง่ายๆ ด้วยหน้าจอใหม่ใหญ่กว่าเดิม ขนาด 1.74 นิ้ว พร้อมดีไซน์หน้าปัดหลากหลายที่เลือกดาวน์โหลดได้ผ่าน HUAWEI Health และตั้งการแสดงผลแบบตลอดเวลา (AOD) ใช้งานง่ายด้วยไอคอนเมนูที่จัดเรียงแบบกระดานหมากรุก กับระบบปฏิบัติการ HarmonyOS ที่มาพร้อมกว่า 30 แอปพลิเคชันให้เลือกใช้ได้อย่างสะดวกสบายแค่ปลายนิ้วสัมผัส ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ทุกแง่มุม

Advertorial-HUAWEI-WATCH-FIT-2-2-1

2. รับสาย-โทรออกได้ผ่านบลูทูธ เก็บสมาร์ทโฟนเข้าล็อกเกอร์แล้วเดินตัวปลิวขึ้นลู่วิ่งได้เลย

ไม่พลาดทุกสายเรียกเข้าเพราะ HUAWEI WATCH FIT 2 รองรับทั้งการรับสายและโทรออกผ่านสัญญาณ Bluetooth 5.2 ในรัศมี 100 เมตร[1] รวมถึงสามารถกดปฏิเสธสายได้เมื่อไม่พร้อมรับสาย หรือตั้งค่าข้อความอัตโนมัติสั้นๆ ไว้ตอบกลับสายเรียกเข้าได้จากบนข้อมือได้

Advertorial-HUAWEI-WATCH-FIT-2-2

สะดวกสบายขึ้นอีกระดับเมื่อเชื่อมต่อสมาร์ทวอทช์เข้ากับหูฟังไร้สาย พกเสียงเพลงไปฟังระหว่างออกกำลังกายได้โดยตรงจากบนข้อมือ โดยตัวสมาร์ทวอทช์สามารถเก็บเพลงได้สูงสุดถึง 5000[2] เพลง[3]

3. วอร์มอัปก่อนออกกำลังกายกับ Personal Trainer บนข้อมือ

HUAWEI WATCH FIT 2 พร้อมเป็นเทรนเนอร์ที่คอยสอนท่าวอร์มอัปด้วยฟีเจอร์ “โค้ชออกกำลังกายส่วนตัวบนข้อมือ” ที่จะมาสาธิตท่าวอร์มอัปที่ถูกต้องใน 7 โหมดออกกำลังกาย ได้แก่ โหมดวิ่งกลางแจ้ง วิ่งในร่ม ปั่นจักรยานกลางแจ้ง ปั่นจักรยานในร่ม ว่ายน้ำในสระ ว่ายน้ำในพื้นที่เปิดและกระโดดเชือก แถมยังรองรับการติดตามการออกกำลังกายเยอะถึง 97 โหมด สามารถดูทั้งอัตราการเต้นของหัวใจ อัตราการเผาผลาญแคลอรี และค่าต่างๆ ของร่างกายอย่างละเอียดตามแต่ละโหมดออกกำลังกาย ขอย้ำว่าวัดอัตราการเต้นของหัวใจขณะอยู่ใต้น้ำก็ได้นะ!

Copy-of-Advertorial-HUAWEI-WATCH-FIT-2-1-1

4. ช่วยเตือนให้ดื่มน้ำ ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

ได้ผู้ช่วยส่วนตัวคนใหม่ที่อยู่กับเราทุกที่ทุกเวลากับฟีเจอร์ Health Living Shamrock[4] ที่ให้เรากำหนดเป้าหมายเล็กๆ ในชีวิตประจำวันซึ่งบางทีอาจยุ่งจนลืมไประหว่างวัน เช่น เตือนให้ดื่มน้ำได้ตามปริมาณที่กำหนด จำนวนก้าวที่ต้องการเดินในแต่ละวัน เตือนให้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เตือนเวลาตื่นและเวลาเข้านอน เป็นต้น เพื่อทำให้ได้เป็นกิจวัตรและสร้างนิสัยที่ดีต่อสุขภาพ

นอกจากนี้ ยังมีผู้ช่วยอัจฉริยะส่วนตัว HUAWEI Assistant Today เพียงปัดขวาที่หน้าจอก็สามารถเช็คสภาพอากาศ ตั้งนาฬิกาปลุก ดูข้อความแจ้งเตือน และเป็นทางลัดสู่เมนูอื่น ๆ อีกมากมายได้ทันที

5. รู้เท่าทันสุขภาพทุกฝีก้าว วัดทั้ง Heart Rate และค่า SpO2 ได้อย่างแม่นยำตลอดวัน

การนับก้าวและวัดอัตราการเต้นของหัวใจถือเป็นความสามารถขั้นพื้นฐานของสมาร์ทวอทช์ แต่จะหาสมาร์ทวอทช์ที่วัดแล้วได้ความแม่นยำด้วยนั้น ต้องเลือกกันที่เทคโนโลยีที่นำมาใช้ HUAWEI WATCH FIT 2 แม่นยำด้วย GPS Sensor ที่ติดตั้งมาในตัว และ Motion Sensor ตรวจจับการเคลื่อนไหวถึง 9 ตัว วัดอัตราการเต้นของหัวใจได้แม่นยำ 24 ชั่วโมง[5] ด้วยเทคโนโลยี HUAWEI TruSeen™ 5.0 สามารถติดตามการนอนหลับพร้อมประเมินคุณภาพการนอน ติดตามรอบเดือนสำหรับสุภาพสตรี และมอนิเตอร์ระดับความเครียดพร้อมฝึกกำหนดลมหายใจ รวมไปถึงสามารถวัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (SpO2)[6] ได้ตลอดทั้งวัน โดยสามารถดูค่าสุขภาพอย่างละเอียดได้ทั้งบนหน้าจอสมาร์ทวอทช์และละเอียดยิ่งขึ้นเมื่อดูผ่านแอปพลิเคชัน HUAWEI Health

Copy-of-Advertorial-HUAWEI-WATCH-FIT-2-1

คุณสมบัติครบเครื่อง คุ้มค่า และอัจฉริยะขนาดนี้ HUAWEI WATCH FIT 2 มีราคาค่าตัวแค่ 4,990 บาท ให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีดำ Midnight Black, สีฟ้า Isle Blue และสีชมพู Sakura Pink พร้อมโปรโมชันพิเศษเมื่อสั่งซื้อสินค้าก่อนใคร รับฟรี HUAWEI Scale 3 มูลค่า 799 บาท ตั้งแต่ 28 พฤษภาคม 2565 ถึง 30 มิถุนายน 2565 ที่หน้าร้าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ รวมถึงช่องทางออนไลน์อย่าง HUAWEI Store และร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบน Shopee, Lazada, JD Central, Thisshop และแอปพลิเคชัน My HUAWEI

image010

และหากใครที่เล่นกีฬาเป็นชีวิตจิตใจ ชอบไปวิ่งสวน ออกรอบตีกอล์ฟ หรือไปทริปดำน้ำอยู่บ่อยๆ ขอแนะนำตัวเลือกระดับมือโปรอย่าง HUAWEI WATCH GT 3 Pro สมาร์ทวอทช์รุ่นล่าสุดจากตระกูลเรือธง

มาพร้อมโหมดออกกำลังกายใหม่ทั้ง “ดำน้ำ” และ “กอล์ฟ” กับดีไซน์สวยในขนาด 46 มม. และ 43 มม. รองรับการใช้งานต่อเนื่องสูงสุด 14 วัน[7]

  • ขนาด 46 มม. ในรุ่น Titanium Edition ดีไซน์เข้ม กรอบไทเทเนียม สายหนัง วางจำหน่ายในราคา 11,990 บาท
  • ขนาด 43 มม. คือรุ่น Ceramic Edition กรอบเซรามิกขาวขอบทอง พร้อมสายเซรามิกสีขาว วางจำหน่ายในราคา 19,990 บาท

unnamed-1

ทั้งสองรุ่นรับฟรีหูฟังไร้สาย HUAWEI FreeBuds 4i มูลค่า 2,799 บาท เมื่อสั่งซื้อสินค้าก่อนใคร ระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม 2565 ถึง 30 มิถุนายน 2565 ที่หน้าร้าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ

รวมถึงช่องทางออนไลน์อย่าง HUAWEI Store และร้านค้าอย่างเป็นทางการของหัวเว่ยบน Shopee, Lazada, JD Central, Thisshop และแอปพลิเคชัน My HUAWEI


ติดตามอัปเดตข่าวสารล่าสุดก่อนใครได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ HUAWEI Mobile TH สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อสินค้า คอมมิวนิตี้ และบริการ ง่ายๆ ในคลิกเดียว เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน My HUAWEI ใน HUAWEI AppGallery

unnamed-1-1

 

[1] ข้อมูลจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการ HUAWEI Labs โดยเมื่อเชื่อมต่อการใช้งาน HUAWEI WATCH FIT 2 เข้ากับ HUAWEI Health App ก็จะสามารถใช้งานได้

[2] ฟีเจอร์การเก็บเพลงสูงสุดได้ 5,000 เพลง สามารถใช้งานได้ผ่านการอัปเดตแบบ OTA (over-the-air) เท่านั้น

[3] ไฟล์เพลงแบบ mp3

[4] Healthy Living Shamrock ทำหน้าที่เป็นการแนะนำที่ช่วยให้ผู้ใช้ได้ดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวัน ไม่สามารถใช้แทนวิธีรักษาทางการแพทย์ และหากผู้ใช้มีอาการไม่สบาย ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำ

[5] ใช้เพื่อการมอนิเตอร์เบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทางการแพทย์ได้

[6] ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด หมายถึง ส่วนของฮีโมโกลบินที่อิ่มตัวด้วยออกซิเจนโดยเทียบกับฮีโมโกลบินทั้งหมดในเลือด ข้อมูลการตรวจวัดไม่ได้มีเป้าหมายที่จะนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์หรือมีวัตถุประสงค์เพื่อวินิจฉัยรักษาหรือป้องกันโรคหรือภาวะใดๆ แต่ออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการออกกำลังกายโดยทั่วไปเท่านั้น

[7] อ้างอิงจากผลการทดลองโดย HUAWEI Test Labs และสำหรับการใช้งานทั่วไป โดยจะแตกต่างกันระหว่างรุ่น Titanium Edition ขนาด 46 มม. และ Ceramic Edition ขนาด 43 มม.

ข่าว: 5 เหตุผลที่ HUAWEI WATCH FIT 2 คือสมาร์ทวอทช์ที่ไม่ควรพลาด! มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.
from:https://www.appdisqus.com/5-reason-huawei-watch-fit-2-best-smart-watch/