คลังเก็บป้ายกำกับ: phone

Madtale เกมที่เล่นแล้วเหมือนได้อยู่ในเทพนิยาย!

Madtale เกมใหม่ล่าสุดจากค่าย Archosaur Games ภาพสวยสมจร […] More

from:https://www.iphonemod.net/mad-tale-dark-game.html?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=mad-tale-dark-game

เทคโนโลยีการพิมพ์แบบใหม่ Pop-up keyboard แป้นพิมพ์บนหน้าจอ

Pop-up keyboard

ช่องยูทูป Future Interfaces Group ได้นำเสนอแป้นพิมพ์ที่ใช้เทคโนโลยี Flat Panel Haptics คือการแสดงแป้นพิมพ์แบบป็อปอัพ (Pop-up keyboard) ขึ้นมา เหมือนเรามีแป้นพิมพ์จริงๆ อยู่บนหน้าจอ

พัฒนาการแป้นพิมพ์บนมือถือเริ่มต้นตั้งแต่สมัย BlackBerry มือถือที่ยกเอาแป้นพิมพ์แบบ QWERTY มาไว้ในโทรศัพท์ แล้วต่อมา Steve Jobs ก็นำเสนอมือถือหน้าจอหน้าจอสัมผัสแบบเต็มจอ พร้อมแสดงให้เห็นว่าเวลาพิมพ์เราก็สามารถพิมพ์บนหน้าจอเลย แต่แป้นพิมพ์ที่แสดงก็ยังคงเป็นแบบ QWERTY สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นมีอะไรที่เหมือนกัน?​ ใช่แล้วทั้งคู่ยังคงใช้แป้นพิมพ์ QWERTY จึงมีแนวคิดที่ว่าน่าจะนำทั้งสองมาผสมกัน คือเป็นหน้าจอสัมผัสด้วย แต่ก็มีมีปุ่มแบบแป้นพิมพ์ให้กดด้วย แต่สุดท้ายก็ต้องล้มเลิกไป จนกระทั้งตอนนี้มีการนำเสนอเทคโนโลยีการพิมพ์สัมผัสแบบใหม่ ที่จะแสดงแป้นพิมพ์แบบป็อปอัพขึ้นมา คล้ายๆ กับมีคีบอร์ดของจริงอยู่บนหน้าจอของเรา

Advertisementavw

แป้นพิมพ์บวกกับหน้าจอสัมผัสได้แป้นพิมพ์ป็อปอัพ (Pop-up keyboard)

ผู้พัฒนาเทคโนโลยีนี้เป็นนักวิจัยจาก Future Interfaces Group (FIG) ของ Carnegie Mellon University โดยเทคโนโลยีนี้มีชื่อว่า Flat Panel Haptics ทำงานโดยการปั๊มพลังงานไฟฟ้าเข้าไป (Embedded Electroosmotic Pumps : EEOPs) ทำให้ปุ่มปรากฎขึ้นบนหน้าจอ OLED ได้ชั่วคราว โดยจะถูกวางไว้ด้านบนของปั๊มอิเล็กโทรโมซิสเพื่อช่วยสร้างปุ่มกดขนาดใหญ่พอเหมาะกับนิ้วของผู้ใช้มือถือ แนวคิดคือให้ปุ่มป็อปอัปปรากฏขึ้นเมื่อต้องการพิมพ์ ให้ความรู้สึกเหมือนได้กดแป้นพิมพ์จริงๆ ไม่ใช่กระจกแข็งๆ

Pop-up keyboard

แม้ว่านี่จะเป็นเพียงต้นแบบด้านฮาร์ดแวร์ที่กำหนดค่าไว้แล้วเท่านั้น ในอนาคตสามารถเอาข้อมูลตร่งนี้ไปต่อยอดได้หลากหลาย เราอาจจะได้เห็นหน้าจอที่บางลงและมีความนุ่มขึ้น เพราะไม่ต้องมีกระจกแข็งๆ มาเคลือบไว้ หรืออาจจะนำไปต่อยอดโดยการเอาซอฟแวร์ด้านภาษาใส่เข้าไปแล้วนำไปพัฒนาให้เวลาเราพิมก็เด้งตัวอักษรที่คาดว่าจะกดเป็นตัวถัดไปขึ้นมา หรือทำให้มือถือของเราเป็นดั่งเพื่อนที่มีชีวิต สามารถขยับตามจังหวะเสียงที่ออกมาก็ได้เช่นกัน

ที่มา: phonearena, Gizmodo, Future Interfaces Group

from:https://notebookspec.com/web/699101-pop-up-keyboard-screen-and-qwerty

เปิดตัว Chaperone แอปพลิเคชั่นใหม่สำหรับคนขี้ลืมชอบทำโทรศัพท์หาย

ในยุคสมัยนี้โทรศัพท์มือถือได้กลายเป็นสิ่งจำเป็นอีกหนึ่งอย่างนอกจากปัจจัยสี่ไปเสียแล้ว  คนส่วนมากก็จะมีโทรศัพท์เป็นของตัวเองเกือบทุกคน และก็มักจะมีปัญหาคือ คุณเคยทำโทรศัพท์หายหรือไม่?  เรื่องนี้คงเป็นเรื่องปกติของคนเราใช่ไหมล่ะคะ แล้วในที่สุดนักวิทยาศาสตร์ออกแบบแอปพลิเคชั่นใหม่เพื่อช่วยให้คุณไม่ทำโทรศัพท์หาย ปัจจุบันโทรศัพท์กลายเป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิตประจำวันของมนุษย์เราไปแล้ว  เราใช้งานกับอุปกรณ์เหล่านี้เกือบจะตลอดเวลาและบางครั้งเราก็ลืมมันไปไว้ที่ใดที่หนึ่งโดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว มันคงเป็นเรื่องปกติหากคุณทำของหายที่บ้าน แต่การทิ้งไว้ในที่สาธารณะอาจนำไปสู่ความสูญหาย เรา สามารถเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ได้ แต่โดยปกติคนเราจะชอบเก็บข้อมูลและรูปภาพที่สำคัญบางอย่างไว้ในโทรศัพท์

แล้วในที่สุด นักวิทยาศาสตร์จาก University of Waterloo ได้พัฒนา App ซึ่งสามารถเตือนผู้ใช้เมื่อพวกเขากำลังจะลืมสมาร์ทโฟนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และ แอปพลิเคชั่นใหม่ใหม่นี้มีชื่อว่า Chaperone ใช้การตรวจจับเสียงแบบแอคทีฟเพื่อตรวจจับเมื่อผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ออกไปและอาจลืม หากโทรศัพท์ตรวจพบสัญญาณว่าเจ้าของอาจจะทำโทรศัพท์หายโทรศัพท์จะล็อกตัวเองทันทีและแจ้งเตือนเจ้าของโดยใช้เสียงที่กำหนด เทคโนโลยีการตรวจจับอะคูสติกแบบแอคทีฟนั้นโดยพื้นฐานแล้วเป็นโซนาร์ซึ่งติดตามการเคลื่อนไหวของเจ้าของอุปกรณ์ ไม่จำเป็นต้องใช้ฮาร์ดแวร์เพิ่มเติมหรือแม้แต่บลูทูธ

สำหรับฟังก์ชันของ แอปพลิเคชั่นChaperone  เป็นแอปพลิเคชั่นที่จะปล่อยสัญญาณอะคูสติกความถี่สูงที่ไม่ได้ยินจากนั้นตรวจจับเสียงสะท้อนของสัญญาณนั้นโดยใช้ไมโครโฟน แอปพลิเคชั่นสามารถใช้งานง่ายกับโทรศัพท์ในปัจจุบันเพราะมีลำโพงและไมโครโฟนที่ค่อนข้างดี หรืออย่างน้อยก็จะมีเสป๊กของเครื่องดีพอสำหรับแอปพลิเคชันนี้ ที่สำคัญสามารถติดตั้งได้แล้วบนอุปกรณ์ Android ได้แล้ว

แอปพลิเคชั่น Chaperone สามารถรับรู้การเปลี่ยนแปลงของเสียงสะท้อนและแยกแยะผู้ที่เคลื่อนไหวในบริเวณใกล้เคียงออกจากวัตถุที่อยู่นิ่ง จากนั้นจะแยกรูปแบบการเคลื่อนไหวของเจ้าของและตอบสนองเมื่อเขากำลังจะวางโทรศัพท์ทิ้งไว้โดยไม่มีใครดูแล คุณอาจคิดว่าอาจเป็นเรื่องที่น่าตกใจหากโทรศัพท์เริ่มส่งเสียงแปลก ๆ แบบสุ่มในร้านกาแฟ แต่นักวิทยาศาสตร์บอกว่ามันจะไม่เกิดขึ้น

Jiayi Chen ผู้สร้างแอปพลิเคชั่นได้บอกว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยเกือบทำโทรศัพท์หายแบบนั้นอธิบายว่า“ เนื่องจากการแจ้งเตือนถูกเลือกตามข้อมูลที่รวบรวมโดยโมดูลทริกเกอร์จึงปรับให้เหมาะกับบริบท นั่นหมายความว่าหากเสียงรบกวนจากสิ่งแวดล้อมต่ำเหมือนในห้องสมุดเสียงเรียกเข้าที่นุ่มนวลก็เพียงพอที่จะดึงดูดความสนใจของผู้ใช้”

แอปพลิเคชั่น Chaperone สามารถปรับปรุงได้ตลอดเวลาแม้ว่าจะมีการเปิดให้ใช้บริการแล้วก็ตาม ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ยังคงทำการทดลองมากกว่า 1,300 ครั้งในสถานการณ์จริงที่แตกต่างกันและยินดีที่จะบอกว่า Chaperone สามารถตรวจจับผู้ใช้ที่ออกจากโทรศัพท์ได้ เนื่องจากโค้ดดังกล่าวสามารถใช้ได้อย่างอิสระบน GitHub  และ นักวิทยาศาสตร์ผู้สร้างแอปพลิเคชั่นก็หวังว่านักวิจัยคนอื่น ๆ จะมีคอยพัฒนาและปรับปรุงเทคโนโลยีนี้ต่อไปอีกเรื่อยๆ  เพราะถือเป็นคุณสมบัติที่น่าสนใจอย่างแน่นอนซึ่งสักวันหนึ่งอาจมาในโทรศัพท์รุ่นใหม่และเป็นที่แน่นอนว่าเราต้องการดูการทดลองและข้อมูลเพิ่มเติม ตัวอย่างเช่นมันทำงานอย่างไรในบริเวณที่มีเสียงดังโดยเฉพาะ และใช้แบตเตอรี่มากน้อยแค่ไหน?

ถ้า Chaperone มีการพัฒนาอย่างสมบูรณ์แล้วจะมีประโยชน์มากสำหรับคนในยุคนี้ และมันคงจะดีมากถ้านักวิทยาศาสตร์จะร่วมกันศึกษาและพัฒนาแอปพลิเคชั่นนี้ไปเรื่อยๆ เพื่อหาวิธีการป้องกันโทรศัพท์หายที่ดีที่สุดตามเจตนารมณ์ของ Jiayi Chen ผู้สร้างแอปพลิเคชั่น แต่ยังไงก็ดีเราก็ควรเก็บรักษาโทรศัพท์ของเราให้ดีๆ เพราะถ้าโทรศัพท์หายไปจริงๆ จะเสียทั้งเงินและเวลา

 

 

 

ข่าว: เปิดตัว Chaperone แอปพลิเคชั่นใหม่สำหรับคนขี้ลืมชอบทำโทรศัพท์หาย มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/2020/10/03/chaperone-a-new-application-made-for-forgetful-people-who-like-to-lose-their-phone.html

บริษัทแม่ของ TikTok เตรียมผลิตสมาร์ทโฟนของตัวเอง

ByteDance บริษัทแม่ของแอป TikTok จากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ มีแผนจะผลิตสมาร์ทโฟนของตัวเอง หลังจากเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ได้เข้าซื้อสิทธิบัตรบางส่วนจาก Smartisan บริษัทผลิตสมาร์ทโฟนรายเล็ก

โดยแผนการพัฒนาสมาร์ทโฟน สื่อท้องถื่นรายงานว่าจะใช้ระยะเวลา 7 เดือน และ Wu Dezhou อดีตผู้บริหาร Smartisan จะเข้ามาควบคุมโครงการดังกล่าว และดึงพนักงานบางส่วนมาจากการซื้อสิทธิบัตรด้วยเช่นกัน

จริงๆ แล้ว ByteDance ยังมีแอปยอดนิยมอีกหลายตัว เช่น Lark แอปจัดตารางเวลาใกล้เคียงกับ Slack, Flipchat แอปคอลแบบวิดีโอ, Toutiao แอปอัพเดทข่าว แต่ถึงอย่างไร TikTok ก็เป็นแอปของบริษัทที่ได้รับความนิยมสูงสุด ซึ่งแอปดังกล่าวเป็นแพลตฟอร์ม Video Sharing แบบสั้นๆ ไม่เกิน 15 วินาที

เป็นไปได้ว่า ByteDance อาจจะเห็นว่าการสู้กับผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Baidu และ Tencent อาจจะเริ่มมองหาช่องทางอื่นๆ เพื่อสู้ในตลาดอื่นๆ ที่ยังพอมีหวังว่าจะสร้างรายได้อีกทางได้ เช่น ตลาดของสมาร์ทโฟน เป็นต้น

ก่อนหน้านี้ ByteDance ยังลงทุนในส่วนอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับ Social Media ด้วย โดยได้ว่าจ้างพนักงานบางส่วนจากสตาร์ทอัพ JukeDeck ซึ่งเชี่ยวชาญในด้านการสร้างเพลงจาก AI อีกด้วย

เมื่อบริษัทไอทีอยากมีสมาร์ทโฟน แต่อาจลืมไปตลาดนี้ใหญ่ยิ่งนัก

หากย้อนดูข้อมูลก่อนหน้านี้จะพบว่า บริษัทไอทีหลายแห่งต่างลองผลิตอุปกรณ์ของตัวเองอย่าง “สมาร์ทโฟน” ขึ้นมามากมาย ซึ่ง ByteDance ไม่ใช่เจ้าแรกที่ทำเรื่องนี้

ย้อนกลับไปในปี 2556 Meitu แอปถ่ายรูป-เซลฟี่จากจีนก็ทดลองเปิดตัวโทรศัพท์สำหรับผู้ที่ชอบถ่ายรูป ชูจุดขายว่าถ่ายภาพได้คมชัด โฟกัสได้เร็ว พร้อมเลือก Filter ที่เหมาะให้อัตโนมัติ โดยแน่นอนว่าโทรศัพท์รุ่นนี้ใช้ Influncer ชื่อดังในจีนโปรโมท

แต่ก็เราทุกท่านก็ทราบกันดีกว่า ตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศจีนมีการแข่งขันสูง ซึ่งในเวลานี้ ตลาดดังกล่าวก็ยังไม่มีผู้ชนะแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเสียทีเดียว

และเมื่อตัดภาพมาดูที่บริษัทไอทีขนาดใหญ่อย่าง Facebook, Google และ Amazon ก็จะเห็นความพยายามในการกระโดดสู่ตลาดสมาร์ทโฟนเช่นกัน

เริ่มจาก Facebook แม้จะไม่ได้เปิดตัวโทรศัพท์ แต่ในปี 2556 ก็เปิดตัว Launcher บน Android เพื่อเป็นหน้ากากที่ครอบหน้าจอ อำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ Facebook แต่เปิดได้ไม่ถึงพี่ แอปดังกล่าวก็ยุติการให้ดาวน์โหลดไป

ส่วน Google ก็เปิดตัวมือถือ Pixel และ Android One เพื่อรองรับกับระบบปฏิบัติการ Android ที่ตัวเองสร้างขึ้นมาได้สำเร็จ แต่การสร้าง Social Media อย่าง Google+ กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า โดยเพิ่งปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

แม้แต่ Amazon ยังเคยเปิดตัวโทรศัพท์ในชื่อ ‘Fire Phone’ ในปี 2557 มาแล้ว แต่ในที่สุด Amazon ก็ขาดทุนจากโปรเจกต์นี้ไปมากถึง 5,239,825,000 ล้านบาท (170 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) หลังจากนั้นก็เริ่มปลดพนักงานในตำแหน่ง Smartphone Engineer ออก และยกเลิกการวางขายสมาร์ทโฟนดังกว่าในปี 2558 

ซึ่ง Ben Wood นักวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยีของ CCS Insight ระบุว่าเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่ผู้เล่นรายใหม่ๆ จะเบียดตัวเข้าไปชิงส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟน เพราะตอนนี้ก็มีแบรนด์ขนาดใหญ่อย่าง Apple, Samsung และ Huawei ทุ่มเงินด้านการตลาด (Marketing) นับล้านปอนด์เพื่อสู้ศึกนี้อย่างต่อเนื่อง

ที่มา: BBC และ Reuters

from:https://www.thumbsup.in.th/2019/07/tiktok-parent-corp-is-developing-smartphone/

Apple – อาจจะเปิดตัวi Phone SE 2 รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับหน้าจอแบบ OLED รุ่นในปี 2020 ที่จะถึงนี้

ในปี 2018 ที่ผ่านมานั้นทาง Apple ได้มีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับหน้าจอแบบ OLED 2 รุ่นด้วยกันครับกับ iPhone XS และ XS Max โดยที่รุ่นน้องอย่าง XR นั้นยังคงใช้พาเนลหน้าจอแบบ LCD อยู่ซึ่งตามข้อมูลที่มาจากภายในนั้นบอกเอาไว้ครับว่าในปี 2019 นี้นั้นทาง Apple เองจะยังคงเปิดตัว iPhone ที่มาพร้อมกับพาเนลหน้าจอ OLED 2 เครื่อง และ LCD 1 เครื่องเหมือนเดิม ทว่าในปี 2020 นั้นจะแตกต่างออกไปครับเพราะตามข้อมูลนั้นบอกเอาไว้ว่าทาง Apple จะเปิดตัว iPhone ที่มาพร้อมหน้าจอ OLED เพิ่มอีก 1 รุ่นเป็น 3 รุ่นครับ

อย่างไรก็ตามแต่ครับสำหรับ iPhone ตัวที่ 3 ที่จะมาพร้อมกับหน้าจอพาเนล OLED นั้นจะไม่ใช่รุ่นอัพเกรดของ XR ครับเนื่องจากแหล่งข้อมูลบอกเอาไว้ว่าเจ้าหน้าจอ OLED ที่ทาง Apple สั่งผลิตสำหรับ iPhone นั้นจะมีขนาดหน้าจออยู่ที่ 6.67 นิ้ว, 6.06 นิ้วและ 5.42 นิ้ว ซึ่งพาเนลหน้าจอที่มีขนาดมากกว่า 6 นิ้วนั้นน่าจะเป็นของรุ่น XS Max กับ XS ส่วนพาเนลหน้าจอขนาด 5.42 นิ้วนั้นก็เล็กกว่า XR ดังนั้นจึงมีผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ไว้ว่าเจ้าหน้าจอขนาด 5.42 นิ้วนั้นจะเป็นของ iPhone SE ที่จะถูกนำมาปัดฝุ่นใหม่เป็น iPhone SE 2 ครับ

ที่มา : notebookcheck

from:https://notebookspec.com/apple-might-release-three-oled-iphones-in-2020-one-could-be-an-iphone-se-2/477398/

ซื้อ iPhone, iPad, MacBook, iMac ออนไลน์ ส่งฟรีถึงบ้านใน 3 ชั่วโมง ร้านนี้เร็วกว่า Apple Shop Thai เสียอีก

การซื้อผลิตภัณฑ์ Apple ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, Mac, Apple Watch, Apple TV อุปกรณ์เสริมอื่นๆ นั้น ในตอนนี้เราสามารถได้หลากหลายมากๆ ทั้งจากซื้อผ่านร้านออนไลน์ Apple Shop Thai ของ Apple เอง หรือการซื้อตามห้างร้านทั่วไปก็มีตัวแทนจำหน่ายมากมาย รวมไปถึง Apple Store ก็มีหน้าร้านอยู่ในไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แต่ถ้าให้พูดถึงการซื้อผลิตภัณฑ์ Apple แบบออนไลน์ที่ส่งไวที่สุด คงต้องแนะนำเป็น www.bnn.in.th (BaNANAStore Online เดิม) ที่เราสามารถสั่งซื้อในช่วงเช้า แล้วช่วงบ่ายมีของมาส่งทันที โดยส่งฟรีด้วยเมื่อสั่งสินค้ามูลค่า 499 บาทขึ้นไป (กรุงเทพฯ และพื้นที่ให้บริการ) หรือเราจะไปเดินเล่นห้างแล้วไปรับตามร้าน ที่เป็นหน้าร้านของ Com7 ที่ไม่ว่าจะเป็น Studio7, BaNANAStore และอื่นๆ อีกมากมาย กว่า 300 สาขาทั่วประเทศก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน

เรียกได้ว่าสะดวกสบายมากๆ เลยในการที่เราจะซื้อผลิตภัณฑ์ Apple อาทิ iPhone รุ่นใหม่ล่าสุด ก็ไม่ต้องเสียเวลาไปเดินหาตามร้านว่ามีของมีสีมีความจุที่ต้องการหรือเปล่า เพราะ www.bnn.in.th ก็มีครบ รวมไปถึง iPad และอุปกรณ์เสริมมากมายก็มีให้เลือกสรรครบถ้วน ที่ต้องบอกว่าอยู่บ้านดีๆ ก็สามารถเสียเงินได้แบบสบายๆ เหงื่อไม่ออกเลย

หรือถ้าใครจะซื้อผลิตภัณฑ์ Apple อย่าง Mac รุ่นต่างๆ ทั้ง MacBook, MacBook Air, MacBook Pro, iMac, iMac Pro, Mac mini ก็มีตัวเลือกตอบโจทย์ตามความต้องการ ที่สำคัญเราสามารถที่จะซื้อแบบผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิตได้ด้วย ทำให้ง่ายต่อการซื้อง่ายต่อการตัดสินใจขึ้นเยอะเลย ที่สำคัญหากว่าลองใช้งานไปแล้วไม่เกิน 3 วันแล้วไม่ถูกใจ ก็ยินดีคืนเงินอีกด้วย

สรุปคือการซื้อผลิตภัณฑ์ Apple แบบออนไลน์ผ่านทางร้าน www.bnn.in.th มีความโดดเด่นและเหนือกว่า Apple Shop Thailand เสียอีก ทั้งในเรื่องของบริการส่งสินค้าใน 3 ชั่วโมง เพราะมีการสต็อกของเอาไว้แล้ว ต่างจาก Apple ที่ต้องใช้เวลาหลายวัน ทำให้ใครกดสั่งซื้อไปแล้วเสียเงินไปแล้วก็ได้ของแบบรวดเร็วทันใจที่สุด หรืออยากจะกดสั่งที่บ้านแล้วไปรับตามหน้าร้านก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน ยังไงก็ลองกดเข้าใช้บริการกันดูนะครับ ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้เลย

from:https://notebookspec.com/buy-iphone-ipad-macbook-imac-at-bnn-online/476320/

DTAC ออกตัว! เริ่มขอโทษลูกค้าล่วงหน้า แต่ลูกค้าด่ากันตรึม

ผู้สื่อข่าวพบว่า DTAC ได้ออกโฆษณาประชาสัมพันธ์ตัวใหม่ล่าสุด โดยออกมาขอโทษลูกค้ากรณีคลื่นมือถือจะหมดสัมปทาน โดยนายประเทศ ตันกุรานันท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มเทคโนโลยี ถึงกลับมาถ่ายโฆษณาตัวนี้ด้วยตัวเอง ออกสื่อและโฆษณาหลายช่องทาง โดยมีใจความว่า

สวัสดีครับ ผมประเทศ ในนาม ของดีแทคครับ เนื่องจากสถานการณ์ที่สัมปทานคลื่นมือถือบางส่วนของเรากำลังจะหมดลง และอาจทำให้ลูกค้าดีแทคบางส่วนได้รับผลกระทบและเกิดความกังวลใจ ดีแทคให้ความสำคัญกับลูกค้าเสมอครับ เราจึงต้องขออภัยลูกค้าอย่างสูง และขอชี้แจงดังนี้ครับ

ตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว เราได้ทำการขยายบริการ 4G บนคลื่น 2100 และ 2300 มาโดยตลอด เพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศโดยเร็วที่สุดแต่ระหว่างที่เราเร่งขยายบริการในช่วงนี้ ลูกค้าบางส่วนอาจได้รับผลกระทบในการใช้งานชั่วคราวในบางพื้นที่
ดีแทคก็ได้เตรียมแผนที่จะคอยดูแลลูกค้าเอาไว้แล้ว และได้เริ่มติดต่อไปยังลูกค้าที่อาจจะได้รับผลกระทบนี้ เรามุ่งมั่นและเร่งทำงานอย่างหนัก เพื่อดูแลลูกค้าของเราให้ดียิ่งขึ้นในทุกๆ วัน แล้วเราจะคอยรายงานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องและตรงไปตรงมาเสมอ ขอบคุณครับ

อย่างไรก็ตามชาวเน็ตหลายคนก็ยังคงไม่พอใจและมีการแสดงความคิดเห็นในเชิงตำหนิมากมาย ดังนี้

VDO ดูที่นี่

from:https://www.enterpriseitpro.net/dtac-say-sorry-for-g4/

ดีงาม? Google AdWords ให้กำหนดกลุ่มเป้าหมายด้วยเบอร์โทรศัพท์-ที่อยู่

Google ขยายขีดความสามารถในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภค (target) บนแพลตฟอร์ม AdWords ให้นักการตลาดสามารถใช้หมายเลขโทรศัพท์และที่อยู่ทางไปรษณีย์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มตลาดที่ต้องการได้

ก่อนหน้านี้แคมเปญ AdWords อนุญาตเพียงให้ผู้ลงโฆษณาอัปโหลดอีเมลแอดเดรสที่ไม่ระบุชื่อ และกำหนดเป้าหมายแบบคร่าวด้วยข้อมูลประชากรทั่วไปและความสนใจ แต่วันนี้เครื่องมือกำหนดเป้าหมายใหม่ของ Google จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะสามารถลงลึกได้มากกว่าอีเมลแอดเดรส เนื่องจากหมายเลขโทรศัพท์และที่อยู่ทางไปรษณีย์นั้นเป็นข้อมูลที่แท้จริงเชื่อถือได้มากกว่า

Kevin Lee ผู้ร่วมก่อตั้งเอเจนซี่ Didit ซึ่งเป็นเอเจนซี่ดิจิตอลที่เชี่ยวชาญเทคโนโลยีการค้นหา วิเคราะห์ว่าคุณลักษณะใหม่ของ AdWords จะช่วยให้ AdWords มีอัตราการจับคู่ผู้ชมที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักการตลาดที่ทั้งสองไม่ได้มีข้อมูลอีเมลแอดเดรสของลูกค้า หรือมีอีเมลแอดเดรสของค่ายอื่นที่แตกต่างจากฐานข้อมูล Google นอกจากนี้ การใช้จดหมายทางไปรษณีย์ยังกระตุ้นให้เกิดความชัดเจน ทำให้อัตราการจับคู่กลุ่มเป้าหมายสำเร็จโดยรวมสูงขึ้นได้อีกเมื่อใช้ร่วมกัน

ทั้งหมดนี้แปลว่า AdWords จะมีความยืดหยุ่นในการปรับขนาดแคมเปญสูงขึ้น ทำให้นักการตลาดมั่นใจมากขึ้นหากต้องการตัดสินใจขยายงบประมาณของบริษัทในแพลตฟอร์ม Google ด้วยการสร้างผู้ชมที่ตรงกับลูกค้าบนฐานที่ใหญ่ขึ้น

การปรับตัวครั้งนี้ดูเหมือนว่า Google นั้นใช้เวลานาน เพราะที่ผ่านมา การกำหนดเป้าหมายผู้ใช้โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่นั้นถือเป็นเรื่องธรรมดาในโลกการตลาด อย่างไรก็ตาม ความล่าช้าที่เกิดขึ้นในกรณีของ Google คาดว่าเป็นผลจากขั้นตอนการตรวจสอบข้อเท็จจริงของหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งในสหรัฐอเมริกานั้นถือว่าให้ความสำคัญกับนโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภคสูงมาก

จุดนี้ Lee ตั้งข้อสังเกตว่า ข้อกำหนดและเงื่อนไขของ Google ระบุว่านักการตลาดจะต้องใช้ข้อมูลของตัวเองในการสร้างกลุ่มเพื่อกำหนดเป้าหมายเท่านั้น ไม่สามารถใช้ข้อมูลของบุคคลที่สามที่บริษัทใช้เงินซื้อมา

ที่มา: TheDrum

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2017/12/google-adwords-target/

Flipkart อีคอมเมิร์ซเบอร์ 1 อินเดียเปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นแรก

ก้าวใหม่ Flipkart ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นหลังจากอีคอมเมิร์ซคู่แข่ง Amazon เปิดตัวโทรศัพท์มือถืออย่าง Amazon Fire แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร โดย Flipkart บริษัทสัญชาติอินเดียโชว์ตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นแรกของตัวเองในชื่อ Billion Capture+ สนนราคาเริ่มต้นสบายกระเป๋า 170 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 5,650 บาท

ด้วยราคาเริ่มต้นไม่ถึง 200 เหรียญสหรัฐ Billion Capture+ มีระบบกล้องคู่ที่การันตีความสามารถในการถ่ายรูปได้อย่างไม่แพ้ใคร ทำให้ในภาพรวม Billion Capture+ ถูกมองว่าเป็นสินค้าที่แสดงว่า Flipkart ซึ่งเป็นร้านค้าอีคอมเมิร์ซสัญชาติอินเดียที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ กำลังหวังชิงส่วนแบ่งสมาร์ทโฟนราคาประหยัดที่แบรนด์จีนอย่าง Xiaomi และ Oppo ครองพื้นที่หลักอยู่

สำหรับ Flipkart กำหนดการจำหน่าย Billion Capture+ คือวันที่ 15 พฤศจิกายน

ความน่าตื่นเต้นของข่าวนี้ อยู่ที่สถิติล่าสุดซึ่งชี้ว่าผู้บริโภคชาวอินเดียซื้อโทรศัพท์สมาร์ทโฟนประมาณ 109 ล้านเครื่องในปี 2016 ที่ผ่านมา ผลจากการที่ชาวอินเดียส่วนใหญ่เปลี่ยนจากโทรศัพท์มือถือรุ่นพับได้ มาใช้สมาร์ทโฟนรูปลักษณ์ใหม่ ในปีนี้เทรนด์ดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะยิ่งใหญ่ขึ้น หลักจากที่วันนี้อินเดียซึ่งมีประชากร 1.3 พันล้านคนนั้นสามารถแซงหน้าสหรัฐฯ คว้าตำแหน่งแชมป์ตลาดสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับสองของโลกไปครองเมื่อเดือนที่ผ่านมา

นอกจากรุ่น Billion Capture+ มีแนวโน้มว่าจะมีโทรศัพท์รุ่นอื่นเพิ่มเติมจาก Flipkart ในอนาคต ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มสร้างแบรนด์ “Billion” เพื่อตอกย้ำความเป็นแบรนด์ชาตินิยมให้ชาวอินเดีย

Sachin Bansal ผู้ร่วมก่อตั้ง Flipkart ให้ความเห็นว่าด้วยการสร้างผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนในอินเดียของ Flipkart จะทำให้ระบบนิเวศน์การผลิตในประเทศและทักษะของคนหนุ่มสาวอินเดียมีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากตลาดสมาร์ทโฟนเป็นเซกเมนต์ตลาดที่เติบโตเร็ว และต้องการเทคโนโลยีล่ำสมัย ทั้ง 2 ปัจจัยจะช่วยขยายความเปลี่ยนแปลงนี้ให้กับประเทศ

การมาของแบรนด์ Billion นี้ตอกย้ำนโยบายชาตินิยมของรัฐบาลภารตะ เนื่องจากที่ผ่านมา แบรนด์จีนทั้ง Xiaomi และ Oppo ต่างต้องตั้งโรงงานผลิตในอินเดียตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี Narendra Modi ซึ่งตั้งกฏเหล็กให้บริษัทต่างชาติต้องจำหน่ายสินค้า made-in-India คู่ไปด้วย โดยแบรนด์ระดับโลกอย่าง Apple นั้นก็ตั้งโรงงานเพื่อผลิต iPhone SE ที่อินเดียเพื่อจำหน่ายให้ตลาดท้องถิ่น

ที่มา: Tech in Asia

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2017/11/flipkart-launches-first-phone/

เมื่อโทรศัพท์แบบหมุน ถูกพัฒนาใหม่ให้โทรหาเว็บไซต์ได้

การพัฒนาอินเทอร์เฟสให้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเรื่องน่าสนใจ และหลาย ๆ คนก็หามุมใหม่ ๆ มาเล่นกับอินเทอร์เฟสเหล่านั้นได้อย่างสร้างสรรค์ เช่นเดียวกับนักศึกษาด้าน Interactive Design จากสถาบันโคเปนฮาเกน 3 คนอย่าง Massimo Banzi, Dario Buzzini และ Ankitt Modi  ที่พัฒนาโทรศัพท์แบบหมุนพร้อมความสามารถในการอ่านเว็บไซต์ให้ฟังได้เป็นผลสำเร็จ

ใช่แล้ว พวกเขาพัฒนา “โทรศัพท์แบบหมุนที่ให้เราโทรเข้าไปหาเว็บไซต์ต่าง ๆ ได้” ฟังดูแปลกและเป็นเรื่องที่เด็กรุ่นใหม่หลายคนอาจนึกภาพไม่ออกว่าถ้าเราหมุนโทรศัพท์หาเว็บไซต์ต่าง ๆ จะเป็นอย่างไร แน่นอนว่าแนวคิดนี้คนสมัยก่อนที่ทันใช้โทรศัพท์รุ่นต้องหมุนเบอร์ก็คงนึกภาพไม่ออกเช่นกัน แต่ลองดูคลิปนี้ก่อน

คลิปเฉลยให้เห็นวิธีการในการโทร นั่นก็คือการหมุนเลข IP Address 12 หลักลงไป แต่พิเศษไปกว่านั้นคือ พวกเขาออกแบบให้มันแสดงผลได้ในหลาย ๆ โหมด เช่น โหมดนักพัฒนา ที่ระบบจะอ่านออกมาเป็นโค้ด HTML ของเว็บไซต์นั้น ๆ เป็นต้น

การหยิบโทรศัพท์แบบหมุนขึ้นมาโทรหาใครสักคนอาจเป็นสิ่งที่ไม่มีใครทำกันอีกแล้วในทุกวันนี้ แต่ก็เชื่อว่ามีผู้ใหญ่หลายคนรู้สึกขอบคุณที่เด็ก ๆ กลุ่มนี้ลุกขึ้นมาปัดฝุ่นโทรศัพท์แบบหมุนเบอร์ให้มีชีวิตขึ้นใหม่ และโทรหาได้แม้กระทั่งเว็บไซต์ Apple.com

คนต่อแถวรอทดสอบ Internet Phone กันคับคั่ง

โดยสิ่งประดิษฐ์ดังกล่าวได้รับรางวัล Interactive Award จากเวที Core77 Design Awards 2017 ด้วย

ที่มา: Core77 Design Awards

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2017/08/internet-phone-developed-by-3-students/