คลังเก็บป้ายกำกับ: PAGE

[Tips] 3 เทคนิค+ เพิ่มยอดการเข้าถึง (Reach) สำหรับ แฟนเพจ! เตรียมรับการเปลี่ยนแปลงหน้า Home และ Feed ของ Facebook ใหม่ 2022

จากข่าวล่าสุดที่ระบุว่า Facebook จะปรับอัลกอริทึมการแสดงผลใหม่ โดยมีหน้า Home และหน้า Feed แยกกัน สำหรับหน้า Home จะแสดงผลสิ่งที่ Facebook เรียกว่า “Creators” คาดว่าจะรวมทั้ง เพจ บุคคลที่เราติดตาม คลิปวิดีโอ Reels และเนื้อหาลักษณะต่าง ๆ ที่เรียกรวม ๆ ว่า “คอนเทนต์” โดยใช้  Discovery Engine แสดงผลคอนเทนต์แบบสุ่ม และใช้อัลกอริทึมประมวลผลแสดงสิ่งที่เราสนใจ เหมือน For You ใน TikTok และหน้า Home ของ YouTube (จะเลียนแบบคู่แข่งทั้งที่ก็เอาให้ครบทุกเจ้า) ที่เราคงนึกภาพออกว่า มันจะไม่แสดงสิ่งที่เรากำลังติดตามอยู่ หรือไม่แสดงเพจที่เรากดไลค์ แต่แสดงสิ่งที่เราสนใจจากพฤติกรรมการเสพของเรา (ที่ผ่านมามีการทดลองในหน้า Feed ของเราแล้ว ที่มันจะแสดงผลเกี่ยวกับคอนเทนต์ของเพจที่เราไม่ได้กดไลค์แต่อัลกอริทึมคาดว่าเราจะสนใจ)

ส่วนคอนเทนต์ของเพื่อน กลุ่ม และเพจที่เราติดตามทั้งหมด อยู่จะถูกย้ายไปอยู่ในแถบใหม่ที่ชื่อว่า Feed แทน แต่ยังสามารถเลือก Favorites เพื่อแยกคอนเทนต์ที่เราชื่นชอบพิเศษไปไว้ในแถบ Favorite นี้ ความสามารถนี้ Facebook เริ่มทยอยอัพเดตให้ได้ใช้งานกันบ้างแล้ว และคาดว่าจะได้ใช้พร้อมกันทั่วโลกภายในสัปดาห์หน้า เรามาดูว่ามีสิ่งที่เราต้องรู้หรือมีเทคนิคอะไรบ้าง เพื่อเพิ่มยอดการเข้าถึง (Reach) สำหรับ แฟนเพจ! เตรียมรับการเปลี่ยนแปลงหน้า Home และ Feed ของ Facebook ในปี 2022 นี้

0. ยอดไลค์ของเพจไม่มีผลต่ออัลกอริทึมใหม่ของ Facebook

เราลองนึกภาพเวลาที่เราใช้งาน YouTube หากเราดูคลิปวิดีโอเกี่ยวกับซีรี่ย์กำลังภายใน ของช่องยอดยุทธ์ จนจบ หลังจากนั้นอัลกอริทึมจะแสดงผลหน้า Home ของเราเป็นคลิปวิดีโอเกี่ยวกับซีรี่ย์กำลังภายในอีกหลายคลิปเลย โดยไม่สนใจยอดการติดตามของช่องนั้น ๆ จะเน้นความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราสนใจมากกว่า แต่มันก็จะไม่พลาดที่จะแสดงผลสิ่งที่เราสนใจจากช่องที่เราดูจนจบนะครับ กล่าวคือ ถ้าช่องยอดยุทธ์มีการอัพโหลดคลิปวิดีโอเกี่ยวกับซีรี่ย์กำลังภายในอีก มันก็จะแสดงผลแน่นอน นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในหน้า Home ของ Facebook ดังนั้นต่อไปนี้ เราไม่ต้องเป็นกังวลกับยอดไลค์หรือยอดการติดตามมากเกินไป การจะทำให้โพสของเราแสดงในหน้า Home ของผู้ใช้งาน เราเพียงสร้างคอนเทนต์ให้น่าสนใจ ตรงใจผู้ใช้งาน และดักทางอัลกอริทึมให้ได้ก็พอ ซึ่งจะขอขยายความต่อดังต่อไปนี้

1. แคปชั่นของโพส คลิปวิดีโอ Reels และเนื้อหาในลักษณะอื่น ๆ

แคปชั่นมีส่วนสำคัญมาก พื้นฐานแล้วต้องน่าดึงดูด ความยาวของแคปชั่นพอดี จะมา 1-2 บรรทัดจบไม่เอานะ! ถ้าแคปชั่นดี ยาวพอสมควร มีปุ่มดูเพิ่มเติม แล้วชวนให้คนกดอ่าน อันนี้จะไร้ที่ติเลย แต่สำหรับเทคนิคนั้น เราควรโพสแคปชั่นที่มีคีย์เวิร์ด หรือคำสำคัญ ที่เราต้องการสื่อกับผู้อ่าน เหมือนเดิมอยู่ในทุก ๆ โพส ไม่ใช่เปลี่ยนไปเรื่อย ตัวอย่างเช่น เพจร้านคาเฟ่ ทุกโพสจะมีชื่อร้าน ชื่อเมนูที่กำลังโพส ที่ตั้งของร้าน เป็นต้น และใส่ แฮชแท็ก (#) ที่เหมือน ๆ กันด้วย ก็จะช่วยในการจัดการการโพสได้มาก หากเช็คอินก็ควรเช็คอินทุกครั้งที่โพส อาจใช้อิโมจิ emoji มาใส่ในแคปชั่น แต่ก็ไม่ใช่ว่ารกจนเกินไป

how-to-increase-reach-Facebook-page-2

นอกจากนี้ ลองนึกภาพว่า เวลาโพสแคปชั่น ผู้ใช้งานอ่านไปจนถึงคำว่า “ดูเพิ่มเติม” ประมาณบรรทัดที่ 8-10 (ใช่ . มาแทรกระหว่างบรรทัดได้) หากเนื้อหามันค้างคาก็อดใจไม่ได้ที่จะคลิกอ่านต่อ อันนี้หละสำคัญต่ออัลกอริทึมใหม่มาก เราต้องทำให้ผู้อ่านคลิกคำว่า “ดูเพิ่มเติม หรือ see more” ให้ได้

2. รูปภาพที่ดึงดูสายตา ชวนให้ผู้ใช้หยุดการเลื่อนผ่าน

เมื่อมีการปรับอัลกอริทึมให้เฟ้นหาคอนเทนต์เพื่อแสดงผลตามความสนใจของผู้ใช้งาน Facebook แล้ว ดังนั้นเราสามารถนำหลักการโพสโฆษณาบน Facebook มาใช้งานได้เลย (ไม่ใช่แค่เรื่องรูปภาพ) กล่าวคือ รูปภาพต้องดึงดูสายตาของผู้ใช้งาน ให้ตอนเลื่อนผ่านเร็ว ๆ เขาต้องหยุดดูให้ได้ อันนี้รวมทั้งภาพปกของลิงก์ที่เราแชร์ และรูปภาพที่เราโพส ตัวหนังสือต้องไม่เยอะจนเกินไป ไม่ควรเกิน 20 % ของพื้นที่ทั้งหมด หรือไม่มีเลยก็จะดีมาก รูปภาพต้องมีจุดรวมสายตา รายละเอียดไม่เยอะ ไม่ใช่รูปภาพที่ถ่ายแบบกว้างๆ ไม่มีจุดให้ผู้เห็นได้โฟกัสอะไรเลย

แนะนำเครื่องมือตรวจสอบพื้นที่ตัวหนังสือบนภาพที่ ไม่ควรเกิน 20 % >>คลิก<<

ตัวอย่างรูปภาพที่เหมาะสมในการโพสบน Facebook

how-to-increase-reach-Facebook-page-4

how-to-increase-reach-Facebook-page-3

how-to-increase-reach-Facebook-page-5

3. ความสม่ำเสมอ และหลากหลาย แต่เกี่ยวข้องกับเพจ

หากเพจมีแอดมินหลายคน แนะนำว่าให้แบ่งหน้าที่รับผิดชอบ ตัวอย่างเช่น เพจเกี่ยวกับร้านคาเฟ่ คนที่ 1 โพสเฉพาะเรื่องอาหารคาว คนที่ 2 โพสเรื่องอาหารหวานและเบเกอรี่ คนที่ 3 โพสเฉพาะเครื่องดื่ม เป็นต้น จะทำให้รูปแบบและภาษาไม่ต่างกันมากนัก ไม่เช่นนั้นอัลกอริทึมอาจแสดงผลไม่ซ้ำคนไปเรื่อย ๆ ทำให้กลุ่มเป้าหมายไม่รู้จักหรือเห็นเราน้อย สุดท้ายร้านเราไม่ติดตลาดบน Facebook สักที หากมีคนเดียวก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการใช้ภาษาที่แตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ควรแบ่งเนื้อหาเป็นหมวดหมู่ และหลากหลาย ไม่ใช่โพสแต่เรื่องเดิม ๆ เช่น เมนูอาหารของร้าน วนไปเรื่อย ๆ แล้วมีแทรกเรื่องอื่นเป็นประปราย อันนี้ไม่เหมาะสม ควรโพสในอัตราความถี่เท่า ๆ กัน เช่น สลับวันโพส หรือหากมี 3 หมวดหมู่ ในหนึ่งวันก็โพสให้ครบทั้ง 3 หมวดหมู่ ตามเวลาที่เหมาะสม (เช่น เช้าเครื่องดื่ม+เบเกอรี่ เที่ยงอาหาร เย็นเรื่องทั่วไป เป็นต้น) ความสม่ำเสมอมีความสำคัญมากขึ้นกว่าเดิมมาก กล่าวคือ ต้องโพสทุกวันให้ครบทุกหมวดหมู่อย่างสม่ำเสมอ ไม่เช่นนั้นจะเหมือนกับเราไปเริ่มต้นใหม่

how-to-increase-reach-Facebook-page-1สิ่งสำคัญอีกอย่าง คือ หมดยุดแล้วที่จะมาโพสเรียกยอดไลค์ ยอดการเข้าถึง จากโพสคำคม กดโหวตนั่นนี่ แล้วหวังจะทำให้คอนเทนต์หลักของเพจมียอดการเข้าถึงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ให้เราโพสเฉพาะสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายของเพจจริง ๆ และหากเรามีคอนเทนต์ที่ต้องการนำเสนอที่ต่างจากเพื่อนจนเกินไป ก็ไปตั้งเพจใหม่เลย ตัวอย่างเช่น เพจข่าวของ Appdisqus ที่เน้นข่าวสารไอที หากเว็บไซต์ต้องการสร้างคอนเทนต์เกี่ยวกับอีสปอร์ต หรือเกม ก็อาจแยกเพจไปเลย แต่ดึงคนเข้าเว็บไซต์เดิม แบบนี้จะเรียกยอดคนเข้าอ่านเว็บไซต์ได้มากกว่า เพราะยังไงอัลกอริทึมใหม่ก็ไม่สนใจเรื่องยอดการติดตามของเพจอยู่แล้ว

how-to-new-algorithm-home-feed-of-facebook

สำหรับเทคนิคที่กล่าวมาข้างต้น ก็มาจากประสบการณ์และความรู้ที่ผู้เขียนได้รวบรวมมานะครับ ซึ่งอัลกอริทึมใหม่ยังไม่เปิดใช้งาน แม้เปิดใช้แล้วก็ตามการจะรู้ใจมันได้คงเป็นเรื่องยาก และระบบมันเป็น AI ที่มีการพัฒนาตัวเองได้ ดังนั้นเราต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจมัน เพื่อจะได้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นตามไปด้วย หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์เพื่อน ๆ ไม่มากก็น้อยนะครับ

 

ข่าว: [Tips] 3 เทคนิค+ เพิ่มยอดการเข้าถึง (Reach) สำหรับ แฟนเพจ! เตรียมรับการเปลี่ยนแปลงหน้า Home และ Feed ของ Facebook ใหม่ 2022 มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.
from:https://www.appdisqus.com/how-to-increase-reach-facebook-page-for-new-2022-home-feed/

Facebook เตรียมยกเลิกการกด Like ที่เพจ, มอบประสบการณ์เพจ (Pages) แบบใหม่

Facebook ประกาศเตรียมปรับปรุงการใช้งานเพจใหม่ (Facebook […] More

from:https://www.iphonemod.net/facebook-announces-new-pages-experiences-removes-likes.html

แนะนำโปรแกรมพิมพ์งานเอกสารบน Mac จะใช้แอปอะไรดี iMod มีคำตอบ

Document App On Mac

สำหรับมือใหม่ที่ใช้งาน Mac หลายคนจะเจอปัญหาว่าถ้าหากต้องการพิมพ์งานเอกสารแต่ไม่รู้ว่าจะใช้แอปอะไร ซึ่งแน่นอนว่าหลายๆ คนคุ้นชินกับ Microsoft Office อย่าง Word, Excel, Power Point มาก่อน แล้วทีนี้พอเปลี่ยนมาใช้ Mac จะต้องใช้แอปอะไรทำงานแทนหละ มีทางเลือกอะไรบ้างเราไปชมกันครับ

พิมพ์งานเอกสารบน Mac จะใช้แอปอะไรดี

iWork

iWork

โปรแกรมสำหรับพิมพ์งานที่พัฒนาโดย Apple ตั้งแต่ปี 2005 และเวอร์ชันล่าสุดคือ iWork 2016 เปิดให้ดาวน์โหลดและใช้งานฟรีทั้งบน macOS และ iOS สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างไรรอยต่อ และสวยงามในทุกมิติ นอกจากนี้ยังได้มีการอัปเดตคุณสมบัติ iWork for iCloud ที่สามารถใช้งาน (แบบย่อ) บนเว็บไซต์ได้อีกด้วย

  • Pages ใช้พิมพ์เอกสาร และจัดหน้ากระดาษ
  • Numbers สเปรดชีต สำหรับใส่แผนภูมิ ตาราง
  • Keynote โปรแกรมนำเสนอ Apple ใช้ทุกครั้งตอนเปิดตัวผลิตภัณฑ์

จุดเด่นของ iWork คือเรื่องความเข้ากันได้ดีกับ macOS รวมถึงการใช้งานจัดรูปแบบที่สวยงาม แต่หลายคนมองว่าใช้ยากเนื่องจากมีพื้นฐานการใช้งานผ่าน Microsoft Office มาก่อนนั่นเอง และข้อเสียอีกประการที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากไม่มีโปรแกรมบน Windows จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เวลาที่จะส่งไฟล์ไปยังระบบอื่น

Google Docs

Google Docs
Google Docs

คู่แข่งที่ Microsoft กลัวยิ่งกว่า Apple สำหรับ Google Docs เป็นชุดโปรแกรมที่ทำงานผ่าน Web Browser โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องติดตั้งใดๆ เพียงแค่เปิดหน้าเว็บไซต์ก็ใช้งานได้เลย และจะสมบูรณ์แบบที่สุดหากใช้งานผ่าน Google Chrome ปัจจุบันเป็นที่นิยมหลากหลาย เพราะสามารถใช้งานบนระบบใดก็ได้ (รวมถึง macOS) และไม่มีปัญหาเรื่องความต่างกันของระบบ

  • Docs ใช้สำหรับทำเอกสาร
  • Sheets ใช้สำหรับสร้างตาราง
  • Slides ใช้สำหรับโปรแกรมนำเสนอ

จุดเด่นของ Google Docs คือสามารถใช้งานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างไม่ติดขัด มีการเชื่อมต่อ Add-ons ไปยังหลายบริการของทาง Google ซึ่งถึงแม้ว่าความสามารถจะไม่อาจเทียบเท่าโปรแกรมแบบติดตั้งลงเครื่อง แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน การใช้งานจำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต

Microsoft Office For Mac

Microsoft Office For Mac
Microsoft Office For Mac

โปรแกรมที่ทุกคนต่างคุ้นเคยกันดีที่สุด เพราะแทบจะมีการใช้งานกันอยู่ในเกือบทุกองค์กร สำนักงาน หรือหน่วยงานราชการ ถึงแม้ว่าเวอร์ชั่นบน Windows ทาง Microsoft ได้พัฒนาเวอร์ชั่นสำหรับลูกค้าที่ใช้งาน  macOS โดยเฉพาะ ข้อดีของการใช้งาน Microsoft Office for Mac คือ การทำงานรวมกับคนที่ใช้ Windows PC ราบรื่น และเหมาะมากกับคนที่ต้องใช้ Excel เป็นหลักในการทำงานหรือเรียนหนังสือ เพราะมันดีที่สุดและ ทาง Microsoft มีทางเลือกให้ลูกค้าซื้อใช้งานสองแบบ คือ

  1. Office 365 บริการสมาชิก ที่มีสิทธิพิเศษหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Office บนเครื่อง Mac, iPad, iPhone ก็สามารถใช้ได้หมด รวมถึงพื้นที่ในการเก็บข้อมูลเอกสาร รูปภาพถึง 1TB (OneDrive) โทรฟรี Skype 60 นาทีทุกเดือน
  2. Microsoft Office for Mac 2016 แบบซื้อขาด ซื้อแล้วใช้ได้ตลอดไป ซึ่งการออกแบบใน Office for Mac เวอร์ชั่นนี้ ได้ใช้การพัฒนาโปรแกรม codebase แบบเดียวกับบน Windows จึงทำให้ความต่างกันนั้นน้อยลงกว่าสมัยก่อนครับ

 

OpenOffice

OpenOffice
OpenOffice

โครงการ Apache OpenOffice ที่เปิดให้ทุกคนดาวน์โหลดไปใช้งานได้ฟรี และด้วยความเก่าแก่ที่สั่งสมมารวมแล้วมียอดดาวน์โหลดไปกว่า 1.6 ล้านครั้ง หากคุณเข้าไปหน้าเว็บอาจคิดว่ามันเจ๊งไปแล้ว (แต่แค่สลบยังไม่ตาย) ผู้สร้างยังยืนยันที่จะพัฒนาต่อ เพียงแต่ว่าจะช้าหน่อยถึงช้ามาก (ของฟรีจะเอาไรมาก) โดยรวมแล้วปล่อยปีละครั้งเพื่อแก้ Bug และเวอร์ชันล่าสุดอยู่ที่ 4.1.5 เนื่องจากประสบปัญหาด้านการขาดแคลนนักพัฒนา

LibreOffice

Libreoffice

พี่น้องร่วมสายเลือดที่แยกวงออกมาจาก OpenOffice อีกทีหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงความโบราณของดีไซน์ไม่แตกต่างกัน (บอกว่าของฟรีอย่าบ่น!) ปัจจุบันโปรแกรม LibreOffice อยู่ที่เวอร์ชัน 5.4.4 ซึ่งก็ดูดีขึ้นมานิดนึง และด้วยหน้าตาคล้ายกับ Microsoft Office จึงทำให้เรียนรู้การใช้งานได้ไม่ยาก

สรุป

หากคุณใช้งานแค่คนเดียวหรือเพื่อนร่วมงานใช้ macOS ด้วยกัน แนะนำให้เรียนรู้ iWork เพื่อใช้งานจะดีที่สุด แต่หากคุณจำเป็นต้องทำงานร่วมกับ Windows และวิธีดีที่สุดก็คือ Microsoft Office For Mac (เสียเงินแต่ไม่แพง แนะนำให้มีติดเครื่อง) ส่วนอีกช่องทางหนึ่งก็เป็นที่นิยมไม่แพ้กันคือ Google Docs เนื่องจากมันฟรีและแชร์สะดวก

แต่หากใครอยากซื้อ Microsoft Office Mac แบบขายขาด คือ ซื้อครั้งเดียวใช้ได้ตลอดโดยไม่ต้องจ่ายรายเดือน สามารถหากซื้อกันได้ที่ Studio 7 และ BaNANA ที่นั่นก็มีจำหน่ายเช่นเดียวกันครับ

  • Office 2016 Home and Business 8,990 บาท
  • Office 2016 Home and Student 3,990 บาท

Microsoft Office Mac At Studio7

ส่วนช่องทางรองอย่าง OpenOffice และ LibreOffice แนะนำให้ทดลองใช้งานด้วยตัวเองครับ ซึ่งส่วนตัวผมใช้งานแล้วไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ (ความเห็นส่วนตัว) เพราะว่าเช่ารายปี Office 365 มันก็ไม่ได้แพงอะไรมากนัก ส่วนคนที่ใช้งานเต็มระบบคงหนีไม่พ้นลง Windows และติดตั้ง Microsoft Office ตัวเต็มไปเลยดีที่สุด

from:https://www.iphonemod.net/document-work-on-mac.html

รวมข้อควรรู้ เทคนิคสร้างหน้า About Us ให้ดึงดูดใจ

ตัวอย่างหน้า About us ของเพจ Yummly ที่ใช้ข้อความสั้น เรียบง่าย และสีสันสดใสดึงดูดใจ

นอกจากการทำให้ผู้บริโภคพบเจอโฆษณาของเราได้โดยง่ายแล้ว เมื่อผู้บริโภคคลิก Link เข้ามายังเว็บไซต์ก็ยังมีอีกหลายจุดที่ควรทำให้น่าสนใจรับการมาเยือน หนึ่งในนั้นก็คือหน้า About Us โดยมีการสำรวจจาก Siega Media พบว่า 22.5% ของผู้ที่ศึกษาหน้า Abouts Us ของเว็บไซต์นั้นมีโอกาสจะจ่ายเงินซื้อสินค้าหรือบริการมากกว่าคนที่ไม่ได้คลิกเข้ามาชมเลยทีเดียว ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว การสร้างหน้า About Us ให้ดีก็น่าจะมีประโยชน์ไม่น้อยเช่นกัน 

โดย Rand Fishkin ผู้ก่อตั้งซอฟต์แวร์ด้านการตลาด Moz ได้เคยกล่าวไว้ว่า การขายที่ดีที่สุดก็คือการขายอะไรเลย หากแต่เป็นการสร้าง Awareness, ความเชื่อมั่น, ความศรัทธาจากผู้ที่อาจจะเป็นลูกค้าของเราให้ได้ และหน้า About Us ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับสร้างสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้

เพจ About Us ของเว็บไซต์ Ugmonk

 

โดยหนึ่งในเคล็ดลับของการสร้างหน้า About Us ที่ดีก็คือ การทำให้พื้นที่ส่วนแรก หรือที่เรียกว่าส่วน Above the fold ที่ผู้บริโภคคลิกเข้ามาเจอนั้นเป็นข้อมูลที่น่าสนใจให้มากที่สุด เพราะ 80% ของผู้บริโภคใช้เวลากับส่วนนี้มากกว่าส่วนอื่น ๆ เนื่องจากมันเป็นส่วนที่เขาไม่ต้องใช้เมาส์เลื่อนลงไปดูนั่นเอง

นอกจากนั้น หลาย ๆ แบรนด์เลือกที่จะใส่คลิปวิดีโอลงในหน้าเพจ About Us ซึ่งก็เป็นแนวคิดที่ดี เพราะ 70% ของกลุ่มมิลเลนเนียลชอบดูคลิปวิดีโอของบริษัทในระหว่างการช้อปปิ้งออนไลน์ ส่วนสิ่งที่ดึงดูดได้รองจากวิดีโอก็คือภาพสวย ๆ (อ้างอิงจากการศึกษาในหัวข้อ UX Studies ของ Nielsen Normal Group ที่พบว่า ผู้บริโภคใช้เวลามากขึ้น 10% กับเพจนั้น ๆ หากมีภาพให้ดู แทนที่จะต้องอ่านแต่ข้อความ

หน้า About Us จาก Sunski

อย่างไรก็ดี ไม่ควรใช้ภาพจากบรรดาเว็บสต็อก ควรเป็นภาพสินค้าของบริษัทไปเลย เพราะคนที่กำลังชมอยู่เป็นผู้ที่อาจตัดสินใจซื้อสินค้าได้นั่นเอง ทั้งนี้ หลายแบรนด์เลือกที่จะใส่เรื่องดี ๆ เกี่ยวกับแบรนด์ลงไปในส่วนนี้ได้เช่นกัน

สุดท้ายก็คือ บรรดาปุ่ม Learn More, Contact Us ทั้งหลายที่อย่าลืมใส่ลงไปด้วย เพราะการมีปุ่มเหล่านี้อยู่ในหน้า About Us อาจช่วยเพิ่มยอดขายได้ไม่แพ้การอยู่ในหน้าแรกของเว็บเช่นกัน

ที่มา:
Marketing Prof
Siega Media

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2017/10/howto-make-a-great-about-us-page/

16 ขั้นทำ SEO บนเพจสุดเพอร์เฟ็กต์

นี่คือบทสรุป 16 ขั้นตอนในการทำเว็บเพจที่ไม่เพียงผู้อ่านนักท่องเน็ตจะชื่นชอบ แต่จะโดนใจเสิร์ชเอนจิ้นด้วย

เพื่อให้เสิร์ชเอนจิ้นพบเว็บเพจของเราก่อนเพจอื่น เราไม่เพียงควรใส่คีย์เวิร์ดไว้ที่หัวเรื่อง แต่ควรใช้คำเฉพาะที่จะช่วยให้ rank ของเพจเราเหนือกว่าเพจอื่น คำเฉพาะเหล่านี้ได้แก่ ปี (เช่น 2016, 2017), best, guide หรือ review

การใส่ไฟล์มัลติมีเดียเช่น วิดีโอ ภาพ และแผนภาพสามารถลด bounce rate หรือดัชนีการเปิดแล้วปิดเว็บไซต์ทันที มัลติมีเดียเหล่านี้สามารถเพิ่มเวลาให้ผู้ใช้อยู่บนเว็บเพจได้นานขึ้นอย่างชัดเจน

อีกสิ่งที่ไม่ควรลืม คือการใส่คีย์เวิร์ดไว้ใน 100 คำแรกของบทความบนเว็บเพจ รวมถึงการใส่ลิงก์สู่ภายนอกและภายในเว็บไซต์ ทั้งหมดนี้จะช่วยให้เสิร์ชเอนจิ้นสามารถเข้าใจเนื้อหาในเว็บเพจนั้นได้ดีขึ้น ซึ่งการสำรวจหลายครั้งที่ผ่านมาฟันธงว่าเว็บเพจที่ไม่มีลิงก์เลยนั้นทำอันดับต่ำกว่าเพจที่มีลิงก์มากนัก

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการทำ SEO บนเพจเท่านั้น ยังมีจุดสังเกตอีกมากที่นักการตลาดดิจิทัลทุกไม่อาจมองข้าม ในนาทีที่นักการตลาดทั่วโลกเชื่อว่า SEO สามารถเพิ่มการรับรู้ในแบรนด์ และสามารถดึงดูดลูกค้ารายใหม่ได้จริง

การสำรวจปี 2016 จาก MarketDive พบว่านักการตลาดกว่า 82% เชื่อมั่นในศักยภาพของ SEO ขณะที่การสำรวจของ NetMarketShare พบว่า Google ครองส่วนแบ่งตลาดเสิร์ช 76% ของทราฟิกการเสิร์ชบนคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปทั้งหมด และ 94% ของการเสิร์ชบนอุปกรณ์พกพา สัดส่วนนี้ถือเป็นเครื่องการันตีได้ดีว่าการทำ SEO เอาใจ Google ยังเป็นเรื่องสำคัญไม่เสื่อมคลาย

ที่มา: PRDaily

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2017/09/on-page-seo-16/

ธุรกิจ 65 ล้านแห่งมีเพจบน Facebook, 8 ล้านแห่งมีโปรไฟล์บน Instagram

เก็บตกข้อมูลน่าสนใจจาก Facebook แพลตฟอร์มเครือข่ายสังคมอันดับ 1 ที่ประกาศชัดเจนว่าวันนี้ Facebook คือระบบที่ธุรกิจกว่า 65 ล้านแห่งเลือกสร้างเพจด้วย ขณะที่อีก 8 ล้านแห่งเลือกสร้างหน้าโปรไฟล์ไว้บนเครือข่ายสังคมภาพอย่าง Instagram

สถิติล่าสุดนี้ถูกเปิดเผยพร้อมกับที่ Facebook ฉลองตัวเลขฐานผู้ลงโฆษณาบน Facebook เกิน 5 ล้านราย โดยระบุด้วยว่าฐานผู้ลงโฆษณาบน Instagram นั้นอยู่ที่มากกว่า 1 ล้านรายทั่วโลก

ฐานผู้ลงโฆษณาบน Instagram นั้นทะลุหลักล้านต่อเดือนเมื่อกลางมีนาคมที่ผ่านมา สถิตินี้เพิ่มขึ้นราว 400% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ผลจากแบรนด์มองเห็นโอกาสเติบโต รวมถึงแผนดำเนินงานที่มีข่าวลือว่า Instagram จะแจ้งเกิดเครื่องมือให้ผู้ใช้สามารถจองบริการได้โดยตรงผ่านหน้าโปร์ไฟล์ ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปีนี้

ปัจจุบัน ฐานผู้ใช้ Instagram รวมนั้นมีจำนวนมากกว่า 600 ล้านคน โดยราว 120 ล้านคนเป็นผู้ใช้ที่ใช้งานเว็บไซต์ Instagram รับแผนที่ ต่อสายโทรศัพท์ ตอบรับอีเมล หรือรับส่งข้อความโดยตรงเป็นประจำในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ข้อมูลเหล่านี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่เหล่าแบรนด์ต้องศึกษาอย่างละเอียด

การเปิดเผยครั้งนี้ของ Facebook ตอกย้ำจุดยืนที่เหนือกว่าคู่แข่ง ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Twitter ที่มีฐานผู้ลงโฆษณาราว 130,000 รายเท่านั้น ขณะที่ Snap และ Pinterest ไม่มีการเปิดเผย เช่นเดียวกับข้อมูลโปร์ไฟล์หรือบัญชีทางการของเหล่าแบรนด์ธุรกิจ

ที่มา: EconomicTimes

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2017/04/facebook-page-instagram-profile/

16 ข้อหลักทำ SEO บนเพจที่ถูกใจ Search Engine และ User [Infographic]

on page seo info

การทำ SEO บนเพจหรือ On-site SEO นั้นไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะนี่คือบทสรุป 16 จุดสำคัญที่จะช่วยให้เว็บเพจของคุณมีทราฟฟิกจากการเสิร์ชของผู้ใช้ได้มากขึ้นอย่างจับต้องได้ แถมทุกข้อยังเป็นคีย์หลักที่ทำได้ง่ายจนสามารถนำไปกำหนดเป็นนโยบายหลักของทีมงานเว็บไซต์ได้เลย

บทสรุป 16 ข้อทำ SEO บนเพจนี้เกิดขึ้นโดยฝีมือบริษัท Backlinko ทั้ง 16 ข้อจุดประกายให้ทีมสร้างเว็บไซต์อย่าหลงลืมมักง่ายจนทำให้เว็บเพจนั้นไม่ “SEO-Friendly” เช่น การใช้ URL ที่ไร้ประโยชน์ด้วยการใช้ชื่อหมวดบทความ แต่ควรใช้คีย์เวิร์ดใน URL เลย รวมถึงการใช้คำเฉพาะอย่าง “2016” หรือ “best”, “guide” รวมถึง “review” ไว้ที่หัวข้อบทความนั้นเลย และการใส่คีย์เวิร์ดลงในวรรคทอง 100 คำแรกของบทความนั้น

บทสรุป 16 ข้อนี้ยังรวมถึงความต้องการพื้นฐานของ Google โดยระบุว่าบทความในเว็บเพจควรติดลิงก์เว็บไซต์สู่ภายนอกไว้บ้าง ขณะเดียวกันก็ควรติดลิงก์ภายในเว็บไซต์ราว 2-3 ลิงก์ วิธีนี้จะช่วยให้ Google ให้คะแนนเพจนี้มากกว่าปกติ

ไม่เพียงถูกใจ Google แต่การแนบลิงก์ลักษณะนี้ยังถูกใจผู้ใช้ด้วย เรียกว่านอกจาก “SEO-Friendly” บทสรุป 16 ข้อนี้ยังเป็น “User-Friendly” ที่ช่วยลดอัตราการเปิดเพจแล้วปิดทันทีหรือ bounce rate ได้

ยังมีอีกหลายเคล็ดลับเพื่อเพิ่มเวลาการชมเนื้อหาบนเว็บไซต์ในบทสรุป 16 ข้อนี้ ติดตามได้จากแผนภาพด้านล่าง

on page seo info

ที่มา : SocialMediaToday

 
Source: thumbsup

The post 16 ข้อหลักทำ SEO บนเพจที่ถูกใจ Search Engine และ User [Infographic] appeared first on thumbsup.

from:http://thumbsup.in.th/2016/06/key-page-seo-infographic/

ปีหน้า Facebook เตรียมลดจำนวน “โพสต์โฆษณา”

screen-shot-2013-10-01-at-12-25-21-pm

หลังจากได้รับเสียงบ่นไม่น้อย เจ้าพ่อเครือข่ายสังคมอย่าง Facebook ประกาศพร้อมลดจำนวนโพสต์โฆษณาหรือ promotional Page post ลงในปี 2015 หรือปีหน้า บนความหวังว่าจะช่วยให้พื้นที่ข่าวสารหรือ News Feed ของผู้ใช้มีความน่าสนใจมากกว่าเดิม

Facebook นั้นระบุว่าจะลดปริมาณ “overly promotional Page posts” หรือพูดง่ายๆ ว่าโพสต์โฆษณาที่มากเกินไปจากหน้า News Feed ของผู้ใช้ในช่วงปีหน้า คาดว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นผลมาจากการสำรวจความเห็นของผู้ใช้ที่บอกตรงกันว่าต้องการเห็นโพสต์โฆษณาที่น้อยกว่าปัจจุบัน

ขอบเขตโพสต์โฆษณาที่การสำรวจพบว่าผู้ใช้ต้องการอ่านน้อยกว่านี้ ได้แก่ โพสต์ที่ต้องการโน้มน้าวให้ซื้อสินค้าหรือติดตั้งแอปพลิเคชัน รวมถึงโพสต์ที่เน้นการประชาสัมพันธ์ และโพสต์ที่นำเนื้อหาจากโฆษณามาดัดแปลงใหม่

screen-shot-2014-11-14-at-2-36-15-pm
สิ่งที่น่าสนใจจากการตัดสินใจครั้งนี้ คือ Facebook ยืนยันว่าการลดจำนวนโพสต์โฆษณานี้จะไม่กระทบกับทั้ง Pages หรือเพจที่ไม่ได้ชำระค่าโฆษณากับ Facebook รวมถึงแบรนด์ที่ทุ่มทุนทำแคมเปญโฆษณาบนเครือข่ายสังคมอันดับ 1 เนื่องจาก Facebook ต้องการปฏิวัติให้เพจบน Facebook มีการออกแบบ โพสต์ หรือประกาศข่าวสารที่น่าสนใจมากขึ้นกว่าเดิม เรียกว่าเป็นการลดจำนวน”โพสต์ที่มีความเป็นโฆษณามากเกินไป”

นี่ถือเป็นการเริ่มหันมาให้ความสนใจกับกระแสความต้องการของผู้ใช้ หลังจากที่เราเห็น Facebook ติดตามและพยายามแทรกโฆษณาบนพื้นที่ News Feed ของผู้ใช้มานาน จุดนี้ Facebook ระบุว่าจะเข้ามาควบคุมปริมาณและเนื้อหาของ promotional post มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้เห็นข้อมูลที่น่าสนใจจากเพจต่างๆมากขึ้น

แน่นอนว่าข่าวนี้เป็นสัญญาณแสดงว่านักการตลาดและนักโฆษณาทั่วโลกต้องตื่นตัวและหันมาสรรหาการนำเสนอ content น่าสนใจแทนการโฆษณาแบบโจ่งแจ้งอย่างเต็มที่

ที่มา : VentureBeat

from:http://thumbsup.in.th/2014/11/facebook-will-start-to-reduce-promotional-page-posts/

เรื่องเล่าความเจ็บปวดใจ(จากลูกค้า)… กระแสล่าสุดบนโลก Facebook Page ไทย

wall1

สำหรับในช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมา เราจะเห็น content ประเภทเสียดแทงใจกลุ่มคนที่มีความเกี่ยวข้องกันโดยเฉพาะนายจ้างที่ชื่อว่าลูกค้าและลูกจ้าที่ชื่อว่าบริษัทต่างๆ เพิ่มขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากตามไปด้วยเช่นกัน เลยขอหยิบเรื่องนี้เอามาพูดถึงสักนิดนะครับว่าทำไมมันถึงฮิตติด News Feed ขนาดนี้

หากใครได้ติดตามเพจ Facebook ที่เกี่ยวกับการตีแผ่ความจริง(ที่ไม่เกี่ยวกับการเมือง) อยู่เรื่อยๆ ก็อาจจะเคยเห็นเพจนึงที่เป็นการตีแผ่เรื่องจริงในอีกด้านด้วยสไตล์ที่ไม่เหมือนใครอย่างเพจ Contrast มาแล้ว ซึ่งก็มีกลุ่มคนที่ติดตามประมาณ 1.4 แสนแฟน ณ ขณะที่เขียนอยู่นี้ แต่ในตอนนี้เริ่มมีการแตกไลน์ออกมาเป็นประเภทตามสาขาอาชีพต่างๆ ออกมาอย่างชัดเจน

ลูกค้าผู้น่ารัก (thumbsup เคยสัมภาษณ์ไปแล้ว), คนอะไรเป็นแฟนหมี , ปรัชญาครีเอถีบ, ปรัชญากราฟิกฯ, ปรัชญาเออี, เรื่องจริงผ่าน Wall และล่าสุดที่ฮิตมากในขณะที่เขียนอยู่นี้ก็คงเป็น ลูกค้าคือบร๊ะเจ้า ชื่อเหล่านี้คือตัวอย่างเพจที่ได้รับความนิยมในช่วงนี้

ด้วยความนิยมของเพจประเภทนี้ ทำให้พอจะจับรูปแบบลักษณะของคอนเทนต์ที่มีความคล้ายคลึงกันหลายจุด ลองดูกันครับว่ามันเกิดจากอะไรบ้าง

เล่าเรื่องด้วย Ugly Truth

wall3

แต่ละวงการนั้นมีเรื่องที่เรียกได้ว่า ตลกร้าย หรือ Ugly Truth มาเล่าสู่กันฟังได้เสมอ ดังนั้นเนื้อหาแทบทุกเพจที่ฮิตในตอนนี้นั่นก็คือการดึงเอาสิ่งที่มีเกิดขึ้นจริงมาเล่า ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นกับตัวแอดมินเองหรือเป็นเพื่อนของแอดมิน เอามาเล่าให้คนในเพจสนใจ ทุกเรื่องที่แชร์ออกไปก็คือการตีแผ่สิ่งที่เกิดขึ้นที่อ่านแล้วเจ็บจี๊ดในใจ และสามารถเชื่อได้ว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องจริงและแทงใจคนอ่านได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะในวงการที่จะต้องพูดคุยกับลูกค้านี่ มีเรื่องและเคสต่างๆ ออกมาร้อยแปดประการจริงๆ เลยกลายเป็น Key สำหรับเล่าเรื่องไปโดยปริยาย

ลักษณะการออกแบบเฉพาะตัว

mee

ทุกเพจที่กล่างถึงจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ทั้งเป็นแนว Template คือเปลี่ยนแต่ข้อความ หรือจะเป็นการสร้างสรรค์ใหม่ขึ้นมาเลยเป็นผลงาน ข้อดี-ข้อเสียของแต่ละอย่างก็แตกต่างกันไป สำหรับ Template ข้อดีก็คือจะเน้นตัวข้อความที่เปลี่ยนไปอย่างเดียว ส่วนพื้นหลังก็ไม่ต้องมีการเปลี่ยน ซึ่งจะสามารถสร้างผลงานได้เร็ว ส่วนถ้าต้องสร้างสรรค์เองอย่างเช่นเพจ คนอะไรเป็นแฟนหมี ก็ต้องใช้เวลาสร้างใหม่ทั้งหมดด้วยการวาด ซึ่งอาจจะเสียเวลาแต่ก็จะเป็น Signature ให้กับเจ้าของเพจและดูมีเอกลักษณ์ขึ้นทันที (ถึงแม้จะมีคนเอาไปเป็นแบบอย่าง แต่ก็ไม่สามารถทำลายลายเซ็นของเจ้าของคนแรกได้อยู่ดี)

Short but Sweet

wall2

ด้วยรูปแบบของการเล่าเรื่องบนโลกโซเชียลมีเดียที่คนนั้นมีสมาธิสั้นและจดจ่อกับสิ่งที่สนใจได้น้อยลง (ซึ่งฟังดูก็แย่นะครับ) การเล่าเรื่องของทุกเพจที่ว่ามาจะมีลักษณะสั้น กระชับ เข้าใจง่าย ไม่ต้องอธิบายอะไรต่อ เพราะมันสามารถจบได้ด้วยภาพที่เล่าเรื่องมาให้เรียบร้อยแล้ว หรือจบในตัวเอง

User Generate Content

wall4

พอถึงจังหวะหนึ่งหลังจากที่ปั้นเนื้อหามาสักพักแล้ว น่าจะมีจุดที่เจ้าของเพจตัดในไอเดียหรือเรื่องเล่าหมดสต็อก ดังนั้นลูกเพจที่เรามีอยู่จะกลายเป็นเครื่องมือสร้าง Content แทนที่เราจะสร้างอยู่คนเดียว ดังที่เราจะได้เห็นการให้เครดิตแนวคิดของคนที่ส่งมาให้เพจมาทำเป็น Content อยู่เรื่อยๆ

——————————————–

สิ่งที่เป็นตัวสะท้อนได้ในเนื้อหาของเพจหากเราจะไม่มองด้านการแฉ คือการที่เราต้องเข้าใจทั้งทางฝั่งบริษัทรับทำและตัวลูกค้าว่าจะหาจุดที่จะทำให้เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าต่างคนต่างมีความต้องการและขีดความสามารถที่จะทำได้ ทั้งคู่ย่อมต้องรับรู้และฟังเหตุผลซึ่งกันและกันด้วย

และสำหรับหลักการที่พูดถึงไปทั้งหมดนี้ เราสามารถนำมาปรับใช้กับเพจแบรนด์หรือธุรกิจของตัวเองได้ เพราะเอกลักษณ์ของเพจย่อมเป็นลายเซ็นเป็นของตัวเอง รวมทั้งสารที่ต้องการจะสื่อไปให้คนที่ติดตามอยู่แล้วและคนที่เราจะดึงเข้ามาเป็นแฟนมาเพื่อมารับสารที่เราต้องการได้ครับ

สิ่งสำคัญคือ เราต้องหาตัวเองให้เจอว่าเราต้องการจะสื่อสารอะไร และจะเลือกสื่อสารออกมาในรูปแบบไหนครับ :)

from:http://thumbsup.in.th/2014/07/facebook-page-ugly-truth-thai-customer/

ถามมาสิชอบ แอดมินเพจ KFC ตอบได้หมดนะเออ

เคยคิดกันบ้างมั้ยว่า ถ้ามีคนมาถามคำถามอะไรเราแบบกวนส้นบาทาเราจะตอบกลับไปยังไงให้อีกคนเค้าไม่โกรธ มาวันนี้แอดมินเพจอาหารชื่อดัง KFC กลับสร้างกระแสไปทั่วโลกออนไลน์จนถูกขนานนามว่าเป็นแอดมินที่ใจดีและน่ารักมากๆ เหตุเพราะเค้าสามารถตอบคำถามที่กวนๆ ได้อย่างน่ารักและมีการโฆษณาผลิตภัณฑ์ได้อย่างลงตัว ตัวอย่างเช่น

kfc-1

ตอนแรกก็เล่นกันขำๆ แอดมินเพจ KFC ก็ขยันมาตอบไม่หยุดไม่หย่อน พอมาถึงตอนนี้ก็โดนผู้คนเข้าไปถล่มคำถามกวนสหบาทาใส่เต็มที่จนตอนนี้แอดมินก็ตอบไม่ทันไปละ แถมทางเพจ KFC ถึงกับประกาศว่า

kfc-2

มาเช้านี้ก็ดั๊นมีคนไปแหย่แบรนด์คู่แข่งอย่าง McDonald ถามกวนๆ เหมือนกับที่เล่นกับ KFC เลย แบรนด์นี้ก็ยังคงการตอบแบบแอดมินเพจ KFC แถมยังมีการขี้เล่นเหมือนกันเวลาอ้างถึงแบรนด์คู่แข่ง

kfc-3

ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ารักน่าหยอกพอเอินกันไป ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจของเคสนี้มีอยู่หลายเรื่องด้วยกัน ไม่ว่าจะเรื่องการตอบคำถามของแอดมินที่ตอบกลับไปอย่างสุภาพพร้อมทั้งโฆษณาสินค้าทุกอัน พูดง่ายๆ ว่าถามมาแบบไหน ชั้นก็ตอบได้หมด แต่เอาโฆษณาไปด้วยนะ อีกอย่างคือการตั้งตัวละครสมมติขึ้นมาว่าชั้นคือแอดมินเพจนะ เป็นผู้หญิงนะ บวกกับการมโนคำตอบก็พอเดาได้ว่าเป็นสาวขี้เล่น เป็นกันเอง โซกู๊ดๆ ก็ว่ากันไป :h_song:

ed_kfc

แต่ถ้าให้พูดกันตามตรง(+อินเนอร์ของตัวเองหน่อยๆ+ความคิดเห็นจากผู้ก่อตั้ง Faceblog) มันก็จะกลายเป็นพื้นที่ลองของของหลายๆ คน ดังเห็นได้จากบางคนที่ไปตั้งคำถามไว้แบบกวนๆ บางคำถามก็ซ้ำซาก คือถามไปแล้วก็ถามอีก แล้วพอแอดมินมาตอบก็ดีใจแล้วก็แชร์ใหญ่ว่า “เหยย ตอบเว้ยๆ ดูดิๆๆ” อะไรแบบนี้ ถ้าแง่การตลาด ก็โอเคดีที่ทำให้คนพูดถึง KFC กัน ถือว่าเป็น Viral แบบบางๆ อีกอย่างทางเพจก็ปรับกลยุทธ์เร็วดีที่เปลี่ยนให้ผู้ติดต่อเรื่องบริการส่งมาทาง inbox ไม่งั้นถ้าจะหาเรื่องการบริการคงได้หาโพสต์กันตาแหกเป็นแน่ (อาจเป็นเพราะต้านกระแสไม่ไหว) ทีนี้ถามว่ากระแสแบบนี้มันอยู่ตัวมั้ย บอกเลยว่ามันก็ไม่อยู่ตัวเท่าไหร่ ทุกอย่างมันไม่ได้ดีไปซะหมด คนที่รำคาญก็มี เช่น อาจจะถามคำถามหน้าวอลล์แต่ก็โดนพวกมนุษย์ลองของเข้าไปถล่มเรียบร้อย ก็เลยต้องเหาะระเห็ดไปถามใน inbox แทน อีกอย่างวิธีการถามตอบแบบนี้ไม่เหมาะกับทุกแบรนด์นะจ๊ะ อย่างแบรนด์สินค้าของกินแบบนี้เค้ามีอะไรให้ออกมาตอบได้ แต่สมมติเป็นแบรนด์ที่ขายแต่รองเท้า เจอคำถามกวนๆ แบบนี้ก็อาจจะไปไม่เป็นเหมือนกัน กลายเป็นเรื่องตลกไปเลย

KFC-5

ก็จะคอยดูกระแสนี้ไปอีกซักพักว่าจะแผ่วตอนไหน เพราะตอนนี้เท่าที่ไปส่องๆ ดู เหมือนแอดมินจะไม่ค่อยได้ตอบแล้วเพราะเจอมหาศาลคอมเมนท์เข้าไปนั่นเอง ยังไงก็ขอให้สู้สู้ในการตอบคำถามต่อไปนะจ๊ะตัวเธอว์ :h_claponhead:

ข้อมูลและภาพจาก : Pantip, Mthai

from:http://faceblog.in.th/2014/06/kfc-and-comment-facebook-pages/