คลังเก็บป้ายกำกับ: EMC_ENTERPRISE_HYBRID_CLOUD

5 ตัวอย่างของการใช้ Internet of Things จริงในธุรกิจระดับโลก

จากที่ Gartner เคยทำนายเอาไว้ว่าปี 2016 นี้จะเป็นปีของ Internet of Things (IoT) สำหรับการนำมาใช้งานในเชิงธุรกิจ ทาง VMware เองก็ต้องการร่วมผลักดันประเด็นนี้จึงได้รวบรวม 5 ตัวอย่างของการใช้ IoT จริงๆ ในธุรกิจมาให้เราได้ดูกัน ซึ่งทีมงาน TechTalkThai ก็ขอนำมาสรุปเอาไว้ดังนี้ครับ

Credit: ShutterStock.com
Credit: ShutterStock.com

 

1. British Telecommunications (BT) กับการใช้ Sensor ตรวจวัดตำแหน่งของสาย Cable ที่มีปัญหา

BT ได้ใช้เทคโนโลยี Location Intelligence จาก Pitney Bowes เพื่อติดตามตำแหน่งต่างๆ ที่เกิดปัญหาภายในระบบเครือข่ายและสาย Cable ในพื้นที่ให้บริการตามอาคารต่างๆ ของลูกค้า ทำให้การให้บริการด้านการสื่อสารเป็นไปได้อย่างราบรื่นขึ้นทั้งในแง่ของการติดตั้งและการแก้ไขปัญหา

 

2. Siemens เปลี่ยนฟาร์มผลิตไฟฟ้าพลังงานลมให้กลายเป็นระบบอัจฉริยะ

Siemens เป็นหนึ่งในผู้นำทางทางด้านเทคโนโลยีพลังงานลมของโลก และได้นำเทคโนโลยี RTI Messaging Software ร่วมกับ Sensor ต่างๆ เพื่อติดตามการทำงานของกังหันผลิตไฟฟ้านับหลายร้อยตัว และทำ Predictive Maintenance ล่วงหน้า พร้อมทั้งการปรับแต่งค่าการทำงานของกังหันให้เหมาะกับสภาพลมในแต่ละช่วงเวลา

 

3. UPS ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดตามเส้นทางการเดินรถ

UPS ทำการติดตั้ง GPS Tracking และระบบ Sensor ตรวจวัดการทำงานของรถยนต์ตั้งแต่ปี 2008 เพื่อค้นหารูปแบบของเส้นทางการเดินรถที่สั้นที่สุดและประหยัดค่าใช้จ่ายที่สุด โดยระบบ On-Road Integrated Optimization and Navigation (ORION) ของ UPS ก็ได้นำข้อมูลทั้งหมดนี้มาวิเคราะห์และช่วยให้ UPS ประหยัดน้ำมันไปได้แล้ว 1.5 ล้านแกลลอนจากการเดินรถด้วยกัน 10,000 เส้นทาง และเตรียมจะขยายการวิเคราะห์ข้อมูลนี้เพิ่มไปถึง 55,000 เส้นทางภายในปี 2017

 

4. Ochsner ใช้อุปกรณ์ IoT ทางการแพทย์ผสานเข้ากับระบบข้อมูลผู้ป่วย

Ochsner Health System ได้ทำการผสานระบบ Electronic Health Record (EHR) ที่มีชื่อว่า Epic เข้ากับอุปกรณ์ Wearable และ IoT เพื่อช่วยให้ได้รับข้อมูลและสื่อสารกับผู้ป่วยได้มากขึ้น และปรับปรุงผลการรักษาให้ดีขึ้นได้จากการนำข้อมูลสุขภาพแบบ Real-time จากอุปกรณ์ IoT ที่ติดตามตัวผู้ป่วยเพื่อวัดค่าต่างๆ มาส่งต่อให้ระบบ Epic เพื่อให้แพทย์สามารถติดตามข้อมูลทางสุขภาพได้โดยตลอด และสามารถวินิจัยอาการได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

 

5. AT&T กับเทคโนโลยีการติดตามตู้ Container ด้วย IoT

สำหรับธุรกิจต่างๆ ที่มีบริการขนตู้ Container นั้น ทาง AT&T ได้มีโซลูชั่น IoT และระบบเครือข่ายสำหรับติดตามตู้ Container และรถขนตู้ Container ได้แบบ Real-time เพื่อลดการฉ้อโกงลง, ติดตาม Inventory ได้แม่นยำ และบริหารจัดการการขนส่งได้ดีขึ้นไปพร้อมๆ กัน

 

VMware กับการรุกเข้าตลาด IoT

ทางด้าน VMware เองก็ได้โฆษณาโซลูชั่นของตัวเองใน Blog ด้วย ซึ่งก็ถือว่าน่าสนใจมากเพราะผลิตภัณฑ์ฝั่ง EUC และ Data Analytics ของ VMware เองจะได้เข้ามามีบทบาทในตลาด IoT เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น AirWatch, vRealize Opearations หรือ vRealize Log Insight ที่สามารถใช้ควบคุม IoT Device, ติดตามการทำงาน และจัดเก็บพร้อมประมวลผลข้อมูลที่ได้รับจาก IoT Device พร้อมๆ กัน ในขณะที่ VMware vCloud, vCloud Air, Federation Enterprise Hybrid Cloud เองนั้นก็จะมามีบทบาทในฐานะ Data Center สำหรับ IoT นั่นเอง

ก็ถือเป็นแนวทางที่ดีสำหรับการนำ IoT มาใช้ในธุรกิจครับ ใครคิดจะทำอะไรสาย IoT ก็ลองรับไปพิจารณาเป็นแนวทางดูได้

ที่มา: http://blogs.vmware.com/euc/2016/03/5-examples-of-iot-in-business.html

from:https://www.techtalkthai.com/5-internet-of-things-in-businesses-examples/

อัพเดตภาพรวมเทคโนโลยี Enterprise IT และบทบาทใหม่ของฝ่าย IT ในองค์กรกับทาง EMC Thailand

emc_logo

พอดีทางทีมงาน TechTalkThai มีโอกาสได้ไปฟังการนำเสนอเรื่องราวของเทคโนโลยีใหม่ๆ ในภาพรวมกับทาง EMC จากทีมงาน EMC Thailand ครับ ซึ่งก็ถือว่ามีหลายๆ แง่มุมที่ค่อนข้างน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของเทคโนโลยี หรือในแง่ของการทำงานที่จะเปลี่ยนแปลงไปของผู้คนในสาย IT เลยขอสรุปมาให้ทุกท่านได้อ่านกันดังนี้

emc_enterprise_hybrid_cloud_redefined_hybrid_cloud

3 เทคโนโลยีที่องค์กรจะขาดไปไม่ได้

เหล่าคีย์เวิร์ดที่เคยเป็นคำการตลาดในอดีต ได้กลายมาเป็นความจริงในปัจจุบันที่ทุกคนต้องใช้และเข้าถึงอยู่ตลอดเวลาไปแล้วโดยอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว และทุกๆ ธุรกิจก็ต้องปรับตัวเข้าหาเทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อให้ยังคงมีขีดความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งรายอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกันให้ได้อยู่ โดย 3 คีย์เวิร์ดนี้ได้แก่คำว่า Cloud, Mobile และ Big Data นั่นเอง

 

5 เทคโนโลยีสำหรับ Next Generation IT & Data Center

สำหรับทิศทางของการลงทุนเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคตนั้น ก็มีเทคโนโลยีที่น่าสนใจดังนี้

  • Mobile Devices การทำสิ่งต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์กรจะถูกเปลี่ยนไปทำบน Mobile Device เป็นหลัก ซึ่ง Mobile นี้ก็คงจะกลายเป็นเทคโนโลยีหลักไปอีกนาน
  • Agile Development การพัฒนา Software จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ความเร็วในการ Deliver Software ได้จะกลายเป็นหัวใจของทุกๆ ธุรกิจ เพื่อเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันให้ได้อย่างรวดเร็ว
  • Data Lake การนำข้อมูลปริมาณมหาศาลมาวิเคราะห์ได้แบบ Real-time จะช่วยให้การทำธุรกิจเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปได้ค่อนข้างมาก และมีความเร็วกว่าระบบวิเคราะห์ข้อมูลแบบก่อนๆ เป็นคำที่ต่อยอดมาจาก Big Data Analytics แต่เพิ่มความเป็น Real-time เข้าไป
  • Software-Defined Data Center การทำ Hybrid Cloud เพื่อสร้างความคล่องตัวในการใช้งาน IT Infrastructure ให้ได้สูงสุด เพื่อรองรับการเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจ
  • Adaptive, Data-Driven Security การจัดการรักษาความปลอดภัยจะกลายเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะข้อมูลและระบบงานต่างๆ ได้กลายเป็นหัวใจของธุรกิจ และมีการจัดเก็บข้อมูลที่มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ

 

บทบาทใหม่ของ IT ที่จะมีต่อผู้ใช้งานภายในองค์กร

ด้วยการมาของเทคโนโลยี Cloud ในการใช้งานระดับองค์กร ก็ทำให้เหล่าผู้ใช้งานในแผนกต่างๆ ทำการเฟ้นหาบริการ Cloud มาใช้งานภายในองค์กรเพื่อช่วยในการทำงานให้มีประสิทธิภาพและคล่องตัวมากยิ่งขึ้นด้วยตัวเอง แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นตามมานั้นก็คือ หลายๆ ครั้งนั้น ข้อมูลความลับขององค์กรถูกนำไปใช้บนบริการ Cloud เหล่านี้โดยที่องค์กรไม่ทราบ และสุดท้ายปัญหานี้ก็ส่งผลเสียไม่ทางใดก็ทางหนึ่งต่อองค์กร เช่น การที่ข้อมูลความลับขององค์กรรั่วไหลออกไปสู่ภายนอก, การผิดนโยบายการทำ Compliance ที่องค์กรต้องการ หรือแม้แต่การเกิดค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาลกลับมายังองค์กรโดยที่ฝ่าย IT ไม่รู้ตัวและไม่ได้วางแผนเอาไว้ล่วงหน้า ปัญหาทั้งหมดเหล่านี้ถูกเรียกรวมๆ ว่า Shadow IT

เพื่อรับมือกับปัญหานี้ ฝ่าย IT ก็ต้องเปลี่ยนบทบาทตัวเองไปเป็น IT Broker แทน เพื่อคอยทำการสนับสนุนผู้ใช้งานแผนกต่างๆ ที่ต้องการใช้บริการ Cloud เช่น การหาบริการ Cloud ต่างๆ มาให้พนักงานภายในใช้งาน หรือปรับเปลี่ยนการใช้งานบริการ Cloud ที่พนักงานเคยใช้อยู่ให้องค์กรเป็นคนจัดการแทน เพื่อจะได้บริหารจัดการทั้งในแง่ของการใช้งานและความปลอดภัยให้ถูกต้องได้นั่นเอง

และสำหรับผู้ใช้งานกลุ่มที่เป็นนักพัฒนา ทางฝ่าย IT เองก็ต้องไม่คิดว่าตัวเองเป็นทีมที่แยกไปจากเหล่านักพัฒนา แต่ต้องทำงานร่วมกันให้กลายเป็น Dev + Ops = DevOps ด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ฝ่าย IT ต้องมีการปรับตัวกันค่อนข้างมากทีเดียวในเชิงเทคโนโลยีและมุมมองในการทำงาน

 

Hybrid Cloud จะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น และติดตั้งใช้งานให้เสร็จได้ภายในเวลาเพียง 28 วัน

สิ่งที่เป็นประเด็นสำคัญที่สุดมาโดยตลอดสำหรับเหล่าผู้บริหารทั้งหลายก็คือการลดค่าใช้จ่ายภายในองค์กร และเทคโนโลยี Hybrid Cloud ที่ถือได้ว่ากลายเป็นกลยุทธ์ในการลงทุนทางด้าน Data Center ขององค์กรที่จะช่วยเปิดให้แต่ละองค์กรมีทางเลือกในการลงทุนแต่ละช่วงจังหวะให้คุ้มค่าที่สุดได้อยู่เสมอ รวมถึงทำให้ Data Center มีความทนทานสูงขึ้น, มีความเสี่ยงน้อยลง, มีค่าใช้จ่ายในระยะยาวลดลง และสร้างความคล่องตัวในการแข่งขันมากขึ้น ก็กลายเป็นเทคโนโลยีที่มีบทบาทค่อนข้างมากภายในหมู่องค์กรขนาดใหญ่

emc_enterprise_hybrid_cloud_broker_service

EMC Enterprise Hybrid Cloud มี ECM vBlock เป็น Engineered Solution ที่ถูกออกแบบมาสำหรับการทำ Hybrid Cloud โดยเฉพาะด้วยการผสานเทคโนโลยีร่วมกันระหว่าง EMC, VMware และ Cisco ซึ่งสามารถติดตั้งใช้งานให้แล้วเสร็จได้ภายในเวลาเพียง 28 วันหรือเพียง 4 สัปดาห์เท่านั้น ทำให้องค์กรต่างๆ สามารถเริ่มใช้งานเทคโนโลยี Hybrid Cloud ได้อย่างง่ายดาย, มี Time to Market ที่สั้น และทำให้องค์กรสามารถลดค่าใช้จ่ายได้ทันที หรือถ้าหากองค์กรใดมีการใช้งาน EMC Storage หรือ EMC Hyperconverged Infrastructure อย่าง VxRack และ VxRail อยู่แล้วก็สามารถใช้งาน Enterpries Hybrid Cloud ได้ทันทีเช่นกัน

 

ผลิตภัณฑ์ของ EMC ที่สามารถเป็นส่วนประกอบของ EMC Enterprise Hybrid Cloud ได้

EMC นั้นมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา ทำให้ทางเลือกในการสร้าง Hybrid Cloud ด้วยองค์ประกอบต่างๆ จาก EMC นั้นมีความหลากหลาย ทั้งนี้ EMC ก็ยังคงเชื่อมั่นในหลักการเดิม ว่าไม่มีระบบ Storage ไหนที่รองรับ Workload ได้ครบทุกรูปแบบในโลก และในการสร้างระบบ Hybrid Cloud นั้นก็จำเป็นต้องทำให้รองรับ Workload ให้ได้เหมาะสมต่อความต้องการที่แตกต่างกันไปในแต่ละองค์กร EMC จึงยังเปิดให้องค์กรต่างๆ สามารถเลือก Storage Solution ที่ตอบโจทย์ได้แตกต่างกันหลากหลายของ EMC มาประกอบใน Hybrid Cloud ได้ดังนี้

  • EMC VCE vBlock: Converged Infrastructure ที่สร้างขึ้นจาก Cisco, EMC และ VMware สำหรับองค์กรขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ที่ต้องการ Data Center Infrastructure สำเร็จรูปที่เพิ่มขยายได้และดูแลรักษาง่าย
  • EMC VCE VxBlock: Converged Infrastructure ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Network Virtualization ให้เลือกใช้ได้จาก VMware NSX และ Cisco ACI
  • EMC VCE VxRail: EVO:RAIL ตัวใหม่ เป็น Hyper-Converged Infrastructure Appliance ที่ใช้ VMware VSAN, รองรับสูงสุด 64 Nodes, มาพร้อม VMware vSphere
  • EMC VCE VxRack: เป็น Hyper-Converged Infrastructure ที่ใช้ EMC ScaleIO เป็นหลัก, รองรับ 1,024 Nodes, เลือก Hypervisor ได้
  • EMC VMAX: Mission Critical Storage สำหรับการทำ Consolidation ที่มีทั้งประสิทธิภาพ, พื้นที่จัดเก็บข้อมูล, ความทนทาน และการบริหารจัดการที่ครบถ้วน
  • EMC XtremIO: All Flash Array ประสิทธิภาพสูงพร้อมเทคโนโลยีเสริมความทนทานและประหยัดพื้นที่ เน้นตอบโจทย์งานที่ใช้ IOPS จำนวนมหาศาล
  • EMC Isilon: Scale-out NAS เน้นตอบโจทย์งาน Object Storage, Unstructured Storage, Video Editing, Archive Storage และ Big Data Analytics
  • EMC ScaleIO: Scale-out Software Defined Storage สำหรับติดตั้งบน Hardware Server ขององค์กร
  • EMC VNX: Hybrid Flash Storage สำหรับ Virtualization โดยเฉพาะ
  • EMC ECS: Object Storage ที่เน้นเรื่องพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ในราคาประหยัด

emc-vxrail-appliance

โดยการบริหารจัดการ Storage ทั้งหมดนี้จะทำโดย EMC ViPR ทั้งหมด และสามารถปรับแต่งให้ระบบ Hybrid Cloud นี้ตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรหรือ Cloud Provider ได้ตามต้องการ

ส่วนในชั้นของ Virtualization และ Cloud นั้นจะประกอบไปด้วย VMware vSphere เป็น Hypverisor, VMware NSX เป็น Software Defined Networking, VMware vRealize Operations สำหรับติดตามการทำงานของระบบ, VMware vRealize Automation สำหรับการทำระบบ Self-Service/Automation และ VMware vRealize Business สำหรับบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและการใช้บริการ Public Cloud พร้อม Self Service Portal ให้ผู้ใช้งานสามารถมาเลือกใช้บริการต่างๆ และ Provision ระบบต่างๆ ขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง

นอกจากนี้ EMC ก็มีบริการเสริมเพื่อช่วยให้องค์กรตัดสินใจได้ว่าควรจะใช้ Hybrid Cloud หรือไม่ด้วยการฝึกอบรมและการช่วยวิเคราะห์ระบบให้กับองค์กร ไปจนถึงการติดตั้งและดูแลรักษา

 

นอกจากในแง่มุมของ Enterprise Hybrid Cloud แล้ว EMC เองก็ยังได้อัพเดตถึงการนำโซลูชั่นของ EMC มาตอบโจทย์ความต้องการเทคโนโลยีในปัจจุบันทั้งหมดดังนี้

 

ทำ Platform-as-a-Service ตอบโจทย์ Developer เพื่อทำ DevOps ภายในองค์กร

Pivotal Cloud Foundry เป็นโซลูชั่นสำหรับการสร้าง Development Infrastructure เพื่อตอบโจทย์ DevOps ได้ในแบบ Hybrid Cloud โดยสามารถ Deliver Application ได้ทั้งภายใน Private Cloud และ Public Cloud ได้อย่างยืดหยุ่น ซึ่งถือว่าสำคัญมากกับธุรกิจในปัจจุบันที่ทุกๆ องค์กรต้องทำการพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาเพื่อทำการ “ลองผิดลองถูก“, “ปรับปรุงและพัฒนา” รวมถึง “มองหาความเป็นไปได้ใหม่ๆ” อยู่ตลอดเวลา

 

Scale-out Data Lake ระบบที่ Optimized มาสำหรับการจัดการข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์โดยเฉพาะ

เพื่อให้ตอบทุกโจทย์ความต้องการในการวิเคราะห์ข้อมูลและการนำข้อมูลไปใช้งานหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการสำรองข้อมูล แนวคิดของการทำ Scale-out Data Lake จึงเกิดขึ้นมาเพื่อรองรับความต้องการลักษณะนี้ด้วยการนำข้อมูลทั้งหมดมาผสานรวมกันในระบบ Storage กลางระบบเดียว และเปิดให้เข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้จากหลากหลาย Protocol ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็น HDFS, Object, FTP, OpenStack Swift, S3, SMB, NFS, FTP และ NDMP ช่วยลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลลง ซึ่งในการทำ Scale-out Data Lake นี้ ทาง EMC ก็ใช้ EMC Isilon นั่นเอง

 

Security Data Lake วิเคราะห์ข้อมูลความปลอดภัยและสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ อย่างครบวงจร

ระบบวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อความปลอดภัยเพื่อใช้ในการกำหนดสิทธิ์ และการตรวจสอบนโยบายรักษาความปลอดภัยต่างๆ ว่าเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้หรือไม่ และทำให้การควบคุมความปลอดภัยและการบริหารจัดการสิทธิ์ในการเข้าถึงระบบและข้อมูลของผู้ใช้งานเป็นไปตามความต้องการในการรักษาความปลอดภัย

 

ก็จบเพียงเท่านี้สำหรับการอัพเดตเรื่องราวจาก EMC นะครับ พอดีนั่งคุยกันหลายชั่วโมงมาก สรุปยากเหมือนกัน บางส่วนก็เลยอาจจะดูขาดๆ เกินๆ ไปบ้างก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้นะครับ

from:https://www.techtalkthai.com/enterprise-it-technology-update-with-emc-2016-02/

[Case Study] Yamaha Motors ลงทุนระบบ Hybrid Cloud จาก EMC ลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มความทนทานให้ Data Center

emc_logo

เพื่อตอบรับกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของธุรกิจ และตอบโจทย์ขององค์กรที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วโลกได้อย่าง Yamaha Motors นั้น การลงทุนระบบ Hybrid Cloud และการเปลี่ยนแปลงจากแผนก IT ขององค์กร ให้กลายเป็นทีมผู้ให้บริการ IT ภายในองค์กร คือกลยุทธ์ทางด้าน IT ที่ Yamaha Motors ได้ตัดสินใจเลือกใช้เทคโนโลยี Hybrid Cloud จาก EMC ในการเปลี่ยนแปลงองค์กรในครั้งนี้

emc_yamaha-2

แรกเริ่มนั้นทาง EMC ได้เข้าไปทำการศึกษาและประเมินความเป็นไปได้และความคุ้มค่าในการลงทุนระบบ Private Cloud ให้กับทาง Yamaha ก่อน โดยมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพและความทนทานให้แก่ระบบงานต่างๆ ในขณะที่จะต้องลดค่าใช้จ่ายลงได้ด้วย EMC VMAX ได้ถูกเลือกใช้สำหรับระบบงานที่มีความสำคัญสูงอย่าง Production Management และ Supply Chain Management ในขณะที่ระบบ Back-office ต่างๆ นั้นทำงานอยู่บน EMC VNX ที่ทั้งทนทานและใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น

ในโครงการ Hybrid Cloud ของ Yamaha Motors ครั้งนี้ EMC ได้ช่วยให้ Yamaha IT สามารถ Consolidate ระบบงานจำนวน 300 ระบบได้ และสร้างระบบ Private Cloud สำหรับ 600 VMware Virtual Machine ได้เป็นผลสำเร็จ และทำให้ Yamaha IT สามารถตอบสนองความต้องการของทีมอื่นๆ เช่น ฝ่ายวิศวกรรม, ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์, ฝ่ายสนับสนุนลูกค้า, ฝ่ายการเงิน, ฝ่ายขาย และฝ่ายการตลาด ให้สามารถตอบโจทย์ทางธุรกิจต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ระบบ Hybrid Cloud ของ Yamaha Motors นี้ยังมีการสำรองข้อมูลด้วย EMC NetWorker, EMC Avamar และ EMC Data Domain อีกด้วย

ที่มา: http://pulseblog.emc.com/2015/08/19/yamaha-motor-revs-up-it-innovation-with-emc/ 

from:https://www.techtalkthai.com/case-study-yamaha-motors-invested-on-emc-hybrid-cloud/

EMC VSPEX BLUE สุดยอด Hyper-Converged Infrastructure ที่มาพร้อมกับ Backup, DR และ Hybrid Cloud

emc_logo avnet_logo_50

เพื่อตอบรับความต้องการของการสร้าง Data Center ด้วย Hyper-Converged Infrastructure Appliance (HCIA) ที่มีความโดดเด่นด้านความง่ายในการบริหารจัดการ และติดตั้งใช้งานได้อย่างรวดเร็ว EMC ผู้นำด้านเทคโนโลยีระบบจัดเก็บข้อมูลและ Cloud สำหรับองค์กร จึงได้ทำการออกแบบ EMC VSPEX BLUE ซึ่งเป็นระบบ HCIA ที่เป็นเทคโนโลยีล่าสุด VMware EVO: RAIL ให้มีความโดดเด่นเหนือ EVO: RAIL และ Hyper-Converged Infrastructure จากผู้ผลิตรายอื่น โดยได้ทำการเพิ่มประสิทธิภาพของการสำรองข้อมูล และการต่อยอดเป็นระบบ Cloud สำหรับองค์กร เพื่อให้การลงทุน Data Center มีความคุ้มค่าและความยืดหยุ่นสูงสุด ไปพร้อมๆ กับความทนทานและการรองรับต่ออนาคตนั่นเอง

emc_vspex_blue_redefined_simplicity_02

EMC VSPEX BLUE Hardware Specification

EMC VSPEX BLUE ในเวอร์ชั่นแรกจะประกอบไปด้วย Hardware ดังต่อไปนี้

  • มีขนาด 2U โดยบรรจุ Server แบบ Hot-swap ภายในเอาไว้ 4 Nodes พร้อม Redundant Cooling และ Power Supplies
  • แต่ละ Node จะมีสเป็คดังนี้
    • ติดตั้ง CPU Intel Xeon E5-2620v2 จำนวน 2 ชุด
    • มีรุ่นหน่วยความจำ 128GB และ 192GB
    • ติดตั้ง 1x 32GB SLC SATA DOM, 1x 400GB eMLX 2.5″ SAS SSD และ 3x 1.2TB 10K 2.5″ SAS HDD
    • ติดตั้ง 2x 10GbE และ 1x GbE สำหรับ Management
    • มีชุดซอฟต์แวร์ VMware EVO: RAIL ซึ่งมาพร้อมกับ VSAN
    • มีหน้าจอติดตาม Health Dashboard และ Support Portal จาก EMC VSPEX BLUE Manager
    • มี Cloud Storage พื้นที่ 10TB จาก EMC CloudArray และเพิ่มขยายได้ไม่จำกัดผ่าน License
    • มีระบบ Backup / Recovery จาก VMware vSphere Data Protection Advanced (VDPA), EMC Data Domain และ EMC RecoverPoint for Virtual Machines (พร้อม License รองรับ 15 VMs)
    • มี Global Enterprise Support ให้ 3 ปี จาก EMC

ซึ่งระบบนี้ก็เพียงพอต่อการใช้งานสำหรับ 50 จน ถึง 100 Server VMs หรือ 250 Virtual Desktop VMs แล้ว ทำให้ EMC VSPEX BLUE สามารถนำไปใช้งานสำหรับ Virtualization Data Center ขนาดเล็กถึงขนาดกลางได้ รวมถึงรองรับการทำ Virtual Desktop Infrastructure ได้อีกด้วย

จุดเด่นของ EMC VSPEX BLUE

1. ติดตั้งรวดเร็ว และเพิ่มขยายได้แบบ Scale-Out

emc-vspex-blue_01

เพื่อให้รองรับต่อการเติบโตของ Data Center ที่รวดเร็ว และลดขั้นตอนการทำงานของ Systems Engineer ลง EMC VSPEX BLUE จึงถูกออกแบบมาให้ติดตั้งใช้งานและเพิ่มขยายได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ดังนี้

1.1 ติดตั้ง 100 VMs ภายใน 15 นาทีด้วย EMC VSPEX BLUE Manager

EMC VSPEX BLUE นี้จะถูกติดตั้งมากับ EMC VSPEX BLUE Manager ซึ่งเป็นชุด Software สำหรับการกำหนดค่าตั้งต้นของ EMC VSPEX BLUE ตั้งแต่การกำหนด IP Address ตั้งต้นของ Hardware ทั้งหมด, การกำหนดค่าตั้งต้นของระบบ Virtualization, การกำหนดค่าตั้งต้นของ VSAN และการ Provision Virtual Machine ทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง โดยระบบทั้งหมดและ VM เครื่องแรกสามารถพร้อมใช้งานได้ภายในเวลา 15 นาที และการสร้างอีก 100 VM ถัดมาก็ใช้เวลาอีกเพียง 15 นาทีเท่านั้น

1.2 เพิ่มขยายได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายด้วยการขยายแบบ Scale-Out

ด้วย VMware VSAN ที่ถูกติดตั้งอยู่ภายใน EMC VSPEX BLUE การเพิ่มขยายระบบ Virtualization นี้จึงสามารถทำได้ในแบบ Scale-Out ด้วยการเพิ่ม EMC VSPEX BLUE ลงไปในระบบ และกำหนดค่าตั้งต้นผ่าน EMC VSPEX BLUE Manager ให้อุปกรณ์ชุดใหม่ที่ติดตั้งเข้าไปนี้ทำงานร่วมกับ EMC VSPEX BLUE เดิมที่มีอยู่ ระบบทั้งหมดก็จะทำงานร่วมกันเป็นระบบเดียวกัน และบริหารจัดการได้ผ่านศูนย์กลางอย่างง่ายดาย

 

2. มีระบบสำรองข้อมูลพร้อม ทั้งการทำ Backup และ Disaster Recovery

emc-vspex-blue_02

เพื่อให้ระบบงานที่มีความสำคัญทั้งหมดสามารถทำงานอยู่บน EMC VSPEX BLUE ได้อย่างมั่นใจ EMC จึงได้ทำการ Integrate ระบบ Backup และรองรับการทำ Disaster Recovery ในเบื้องต้นมาให้ใน EMC VSPEX BLUE เลย

2.1 สำรองข้อมูลแบบศูนย์กลางด้วย VDP-A

ด้วย VMware vSphere Data Protection Advanced ซึ่งใช้เทคโนโลยีจาก EMC Avamar ทำให้การสำรองข้อมูลของ Virtual Machine ทั้งหมดสามารถทำได้จากศูนย์กลางในแบบ Disk-based พร้อมทั้งมีการ จัดเก็บข้อมูลแบบไม่ซ้ำซ้อนหรือ Deduplication ข้อมูล และกู้คืนข้อมูลจาก Application ชั้นนำอย่าง MS SQL Server, MS SharePoint และ MS Exchange ได้อย่างรวดเร็ว รองรับการทำ Off-site Replication สำหรับข้อมูลที่ทำการสำรองไว้ และต่อยอดร่วมกับ EMC Data Domain Boost เพื่อทำการสำรองข้อมูลลงไปยัง Data Domain Appliance ได้อย่างรวดเร็ว

2.2 สำรองข้อมูลอย่างต่อเนื่อง และรองรับการทำ Disaster Recovery ด้วย EMC RecoverPoint

สำหรับ VM โดยปกป้องข้อมูลสำคัญ และให้มี Downtime น้อยที่สุดในการกู้คืนข้อมูล ใน EMC VSPEX BLUE จึงได้แถมสิทธิ์การสำรองข้อมูลของ VM ด้วย EMC RecoverPoint มาให้จำนวน 15 VM ซึ่ง EMC RecoveryPoint นี้จะทำงานแบบ Hypervisor-based Replication ในการสำรองข้อมูลแบบกึ่ง Real-time ผ่าน I/O Splitter และกู้คืนไฟล์ VMDK หรือที่เชื่อมต่อแบบ RDM ของ VM บน SAN, NAS, DAS และ VSAN ได้อย่างรวดเร็ว

2.3 สำรองข้อมูลไปยัง Cloud Storage ด้วย EMC CloudArray Gateway

เพื่อให้การสำรองข้อมูลระยะไกลและการทำ Archive สำหรับ VM เป็นไปได้อย่างยืดหยุ่น ประหยัด และรวดเร็ว EMC VSPEX BLUE จึงมาพร้อมกับลิขสิทธิ์การใช้งาน EMC CloudArray พื้นที่ 10TB สำหรับการเชื่อมต่อกับ Public Cloud Storage และ Private Cloud Storage ชั้นนำต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น EMC ViPR, Rackspace, Amazon AWS, Google Cloud, EMC Atmos หรือ OpenStack เพื่อนำ Cloud Storage เหล่านั้นมาใช้งานบน EMC VSPEX BLUE เสมือนกำลังเชื่อมต่อผ่าน iSCSI SAN Storage หรือ NAS Storage นั่นเอง

2.4 เพิ่มความปลอดภัยภายในศูนย์ข้อมูลเดียวกัน (Data Center) และศูนย์ Data Center ระหว่างสาขาด้วย EMC VSPEX BLUE

ในการทำ Disaster Recovery ระหว่างสาขานั้น EMC VSPEX BLUE ยังสามารถทำ DR ระหว่างกันเองได้ผ่าน EMC RecoverPoint เพื่อให้ความทนทานของระบบ Virtualization เป็นไปได้ในระดับสูงสุด ในขณะที่ยังสามารถออกแบบติดตั้ง Hardware ที่สาขาย่อยหรือสำรองได้อย่างง่ายดายด้วย EMC VSPEX BLUE

 

3. รองรับการต่อยอดระบบ Cloud ได้ทุกรูปแบบ

emc-vspex-blue_03

ด้วยแนวโน้มที่กำลังเติบโตของเทคโนโลยี Hybrid Cloud สำหรับองค์กร ให้ตอบรับกับการเติบโตของ Application ต่างๆ และการมาของ Big Data Analytics และ Internet of Things ภายใน EMC VSPEX BLUE จึงถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถต่อยอดให้รองรับระบบ Cloud ได้หลากหลายรูปแบบ เพื่อให้ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น และตอบรับโจทย์ในอนาคตได้อย่างสมบูรณ์ ดังนี้

3.1 รองรับ EMC Enterprise Hybrid Cloud ต่อยอดได้ทั้ง Private Cloud, Public Cloud และ Hybrid Cloud

EMC Enterprise Hybrid Cloud เป็นโซลูชันในการสร้างระบบ Hybrid Cloud สำหรับองค์กรโดยเฉพาะจาก EMC โดยไม่เพียงแต่การรองรับการทำ Automation ให้ Data Center ขององค์กรสามารถให้บริการในลักษณะ Private/Public Cloud ได้เท่านั้น แต่ยังสามารถบริหารจัดการไปถึงบริการ Public Cloud จากผู้ผลิตชั้นนำเช่น Amazon AWS เพื่อนำมาเชื่อมต่อกับ Private Cloud ที่มีอยู่ให้กลายเป็น Hybrid Cloud ได้อีกด้วย

3.2 ทำงานร่วมกับ Cloud Storage ชั้นนำผ่าน EMC CloudArray

สำหรับองค์กรที่มีการเติบโตของปริมาณข้อมูลมาก หรือต้องมีการ Archive ข้อมูลย้อนหลังเป็นระยะเวลานาน EMC CloudArray ที่สามารถนำ Cloud Storage มาเชื่อมต่อกับ EMC VSPEX BLUE ได้นั้น จะช่วยให้การเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว และมีอิสระในการเลือกใช้ Cloud Storage Provider ทำให้มีความยืดหยุ่นสูง และง่ายต่อการออกแบบระบบเป็นอย่างมาก

3.3 จัดซื้อ License ต่างๆ ได้อย่างทันท่วงทีผ่าน EMC VSPEX BLUE Market

เพื่อให้ EMC VSPEX BLUE สามารถรองรับการเติบโตอย่างรวดเร็วของ Data Center ได้อย่างสมบูรณ์ EMC จึงมีระบบ EMC VSPEX BLUE Market เพื่อให้องค์กรสามารถทำการสั่งซื้อ License ต่างๆ และติดตั้งได้ผ่าน EMC VSPEX BLUE Manager ทำให้ License ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น EMC RecoverPoint หรือ CloudArray สามารถทำการ Upgrade ได้อย่างง่ายดาย เพื่อรองรับความต้องการในการสำรองข้อมูลของ VM ที่เพิ่มขึ้น หรือพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่เพิ่มขึ้นก็ตาม

3.4 บริการแบบ One Stop จาก EMC ด้วย EMC Secure Remote Services (ESRS)

ไม่ว่าส่วนใดๆ ใน EMC VSPEX BLUE หรือ VMware จะเกิดความผิดปกติหรือมีปัญหาในการใช้งาน องค์กรสามารถติดต่อ EMC ได้ในทุกกรณีเพื่อรับบริการแบบ 24×7 ได้ทันที และทีมงาน EMC ก็พร้อมที่จะดูแลให้บริการผ่าน EMC Secure Remote Services ทันทีด้วยเช่นกัน

EMC VSPEX BLUE เหมาะกับใคร?

เนื่องจาก Hyper-Converged Infrastructure Appliance อย่าง VSPEX BLUE นี้มีจุดเด่นที่ความง่ายและความรวดเร็วที่มาพร้อมกับความปลอดภัยและการรองรับอนาคต จึงเหมาะกับการใช้งานดังต่อไปนี้

1. องค์กรที่ต้องการ Server Virtualization หรือ Virtual Desktop Infrastructure

EMC VSPEX BLUE สามารถรองรับทั้ง Server Virtualization และ Desktop Virtualization ได้ และด้วยการที่มี Architecture ที่เพิ่มขยายได้อย่างง่ายดายแบบ Scale-Out ทำให้องค์กรสามารถปรับรูปแบบการลงทุน จากการลงทุน Infrastructure ขนาดใหญ่รอไว้แต่แรก กลายเป็นการทะยอยลงทุนทีละขั้นด้วย EMC VSPEX BLUE ได้นั่นเอง

2. องค์กรที่ต้องการระบบ Virtualization ที่สาขา

ด้วยความง่ายในการติดตั้งใช้งานของ EMC VSPEX BLUE และสามารถเพิ่มขยายได้อย่างรวดเร็ว การสร้างระบบ Virtualization ที่สาขาด้วย EMC VSPEX BLUE จึงเป็นทางเลือกที่ยืดหยุ่นทั้งในแง่ของการใช้งานและการลงทุน รวมถึงยังไม่ทำให้ Data Center ที่สาขามีความซับซ้อน และดูแลรักษาง่าย พร้อมบริการแบบ One Stop จาก EMC อีกด้วย

3. องค์กรที่ต้องการระบบ Virtualization ที่ยืดหยุ่นสำหรับ Application และการใช้งานภายในทีม

สำหรับองค์กรที่มีบางหน่วยงานกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และต้องการระบบ IT ที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถบริหารจัดการแยกขาดได้จาก IT ส่วนกลาง การลงทุนใน EMC VSPEX BLUE ก็เปรียบเสมือนการสร้าง Virtualization Data Center ขนาดย่อมขึ้นมาใช้งานภายใน และสามารถบริหารจัดการได้อย่างอิสระนั่นเอง

4. องค์กรที่ต้องการใช้งาน Virtualization จาก Managed Service Provider

สำหรับองค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่นและรวดเร็วสูงสุดในการเพิ่มขยาย Data Center การเลือกใช้งาน EMC VSPEX BLUE จาก Managed Service Provider ในลักษณะของการเช่าใช้ก็เป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจทั้งในแง่ของการลงทุน และการเพิ่มขยายระบบอย่างรวดเร็วได้

สำหรับผู้ที่สนใจ EMC VSPEX BLUE สามารถติดต่อตัวแทนจำหน่าย  EMC ที่ท่านใช้บริการอยู่ หรือ บริษัท  Avnet Technology Solutions (Thailand) Ltd. ได้ที่เบอร์ 02-655-1200 หรืออีเมลล์  Panithi.Wongteanlai@AVNET.com ได้ทันที หรือสามารถทำการ Download Presentation ของ EMC VSPEX BLUE เพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยการกรอกแบบฟอร์มดังต่อไปนี้

ข้อมูลเพิ่มเติม

from:https://www.techtalkthai.com/emc-vspex-blue-hyper-converged-infrastructure-with-backup-dr-and-hybrid-cloud/