คลังเก็บป้ายกำกับ: BOYCOTT

Oracle ระงับการดำเนินงาน ส่วนคู่แข่งอย่าง SAP หยุดการขาย ในรัสเซีย

หลังจากการรุกรานยูเครนจากรัสเซีย ก็มีการคว่ำบาตรทางด้านเศรษฐกิจไอทีเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน Oracle บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านซอฟต์แวร์ด้านการจัดการฐานข้อมูล ได้ประกาศระงับการดำเนินงานทั้งหมดในประเทศรัสเซีย และในขณะเดียวกันคู่แข่งอย่าง SAP ยังประกาศว่าจะหยุดการจำหน่ายทั้งหมดในประเทศรัสเซีย

การประกาศของ Oracle บน Twitter เกิดขึ้นประมาณสามชั่วโมงหลังจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการแปลงดิจิทัลของประเทศยูเครน (Ukraine’s Minister of Digital Transformation) ได้ทวีตทถึงทั้งสองบริษัทฯ เพื่อขอการสนับสนุน

  • Oracle ไม่ได้แสดงความคิดเห็นหรือตอบกลับในการคอมเมนต์บนโพสทวีตการร้องขอจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการแปลงดิจิทัลของประเทศยูเครน แต่ได้กล่าวการประกาศบนทวีตของบริษัทฯ ว่า “ได้ระงับการดำเนินงานทั้งหมดในสหพันธรัฐรัสเซียแล้ว”
  • SAP ได้ประกาศบนโพสต์ เพื่อเรียกร้อง “การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจด้านไอที” ต่อประเทศรัสเซีย ว่า “เป็นกลไกสำคัญในการพยายามฟื้นฟูสันติภาพ” ส่งผลให้ SAP จะหยุดการบริการและการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในรัสเซียอย่างไม่มีกำหนด

การประกาศของทั้งสองบริษัทด้านการจัดการฐานข้อมูลระดับโลก เป็นไปตามมาตรการการคว่ำบาตรทางด้านเศรษฐกิจไอที Oracle ยังให้การสนับสนุนด้านมนุษยธรรมแก่ประเทศยูเครนจำนวน 1 ล้านยูโร ในส่วนของ SAP จะเปลี่ยนพื้นที่สำนักงานสาขาต่างๆ ทั่วยุโรปที่เป็นคลังสินค้า เพื่ออำนวยความสะดวกในการรับผู้ลี้ภัยจากการโจมตีของรัสเซีย

ที่มา : Oracle suspends operations in Russia, SAP pauses sales – Strategy – Software – iTnews

from:https://www.techtalkthai.com/oracle-sap-boycott-russia/

H&M โดนอีกแล้ว! ยอดขายในจีนตก หลังประกาศแบนฝ้ายจากซินเจียง

H&M

จากการเปิดผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของ H&M พบว่ายอดขายในจีนได้รับผลกระทบหลังทางแบรนด์ออกมาปฏิเสธการใช้ฝ้ายที่ผลิตในซินเจียง

ยอดขาย H&M ในจีนที่เคยเป็นสิบอันดับแรกของแบรนด์ปัจจุบันร่วงลงมา 28% ในไตรมาสที่สองของปีก่อนจากรายงานผลประกอบการรายไตรมาส

สำหรับสาขาของ H&M ในจีนมีทั้งหมด 489 สาขา ณ วันที่ 31พฤษภาคม แต่ในไตรมาสที่ 2 จำนวนสาขาใหม่มีจำนวนลดลง 13 แห่ง

ไม่ใช่แค่ H&M ที่ออกมาต่อต้านการใช้ฝ้ายจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวอุยกูร์ แต่ยังมีอีกหลายบริษัทพร้อมกับรัฐบาลในหลายประเทศที่ต่อต้าน แม้จีนจะออกมาปฏิเสธว่าไม่มีการบังคับใช้แรงงาน

ใครประกาศไม่ใช้ฝ้ายซินเจียงก็ต้องถูกชาวจีนแบน

การที่ H&M ปฏิเสธการใช้ฝ้ายซินเจียงที่มาจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้บริโภคพร้อมใจกันงดซื้อสินค้า ซึ่งก็เคยเห็นกันมาแล้วกับแบรนด์อื่นที่เคยประกาศงดใช้ฝ้ายจากซินเจียง

แบรนด์กีฬายักษ์ใหญ่อย่าง Nike และ Adidas ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เคยเป็นที่นิยมแต่ปัจจุบันกลับไม่เป็นที่ต้องการของลูกค้าชาวจีน จนผู้บริหารระดับสูงของ Nike ต้องออกมาบอกว่า Nike เป็นแบรนด์ของจีนและสำหรับจีนเพื่อดึงฐานลูกค้ากลับมา

ที่มา: Global Times

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post H&M โดนอีกแล้ว! ยอดขายในจีนตก หลังประกาศแบนฝ้ายจากซินเจียง first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/hm-china-sales-drop-after-ban-xinjiang-cotton/

Uniqlo เตรียมปิดสาขาใหญ่สุดในเกาหลีใต้ ผลพวงจากกระแส “บอยคอตต์ญี่ปุ่น”

uniqlo
Uniqlo ภาพจาก Shutterstock

Uniqlo สาขาใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ เตรียมปิดตัว

แบรนด์เสื้อผ้าเจ้าดังสัญชาติญี่ปุ่น “Uniqlo” ประกาศในเว็บไซต์ว่า ร้าน Uniqlo สาขาเรือธงในย่าน “เมียงดง” จะให้บริการไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม ปีหน้า 

โดย Uniqlo สาขาเมียงดงเป็นสาขาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ และใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของโลก รองจากสาขานิวยอร์ก ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณทางเข้าย่านการค้าเมียงดง ย่านใหญ่ใจกลางกรุงโซลที่คนพลุกพล่านมากที่สุดแห่งหนึ่ง

เบื้องหน้าโควิด เบื้องลึกสายสัมพันธ์ที่คุกรุ่น

Uniqlo ให้เหตุผลของการปิดสาขาในครั้งนี้ว่า เป็นเพราะวิกฤติโควิด-19 ย่านการค้าอย่างเมียงดงซึ่งเป็นสถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างมหาศาลก่อนหน้านี้จึงซบเซาลงอย่างมาก ส่งผลต่อยอดขาย ทำให้ทาง Uniqlo ต้องทำการปิดบริการในสาขาดังกล่าว

Seoul South Korea โซล เกาหลีใต้
ภาพจาก Shutterstock

แต่ว่าเมื่อเราลองดูตัวเลขรายได้ของ Uniqlo ในเกาหลีใต้ พบว่า รายได้ของ Uniqlo ในเกาหลีใต้ลดลงตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ลดลงกว่าครึ่งเทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อน โดยขาดทุนมากกว่า 80 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 

น่าสนใจว่า รายได้ที่ลดลงเกิดขึ้นก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิดเสียอีก แล้วสาเหตุของการปิดที่แท้จริงคืออะไร

ที่จริงแล้ว ในเบื้องหลังเบื้องลึก การปิดสาขาในครั้งนี้เป็นเรื่องของความสัมพันธ์เกาหลีใต้กับญี่ปุ่นที่เขม่นกันกันมาตลอด และมักจะจุดติดเสมอเมื่อมีประเด็นเชื้อไฟเข้ามา 

South Korea Boycott Japan
ภาพจาก Shutterstock

โดยในครั้งนี้ เกิดจากการที่ญี่ปุ่นระงับการส่งออกวัตถุดิบในอุตสาหกรรมสำคัญให้กับเกาหลีใต้ (เช่นวัสดุสำหรับการผลิตชิป) ในเดือนกรกฎาคม ปี 2019 ซึ่งส่งผลให้เกิดกระแส “บอยคอตต์ญี่ปุ่น” 

ชาวเกาหลีใต้เลือกแบนสินค้าบางประเภท เน้นไปที่สินค้าที่เห็นได้ชัดเจนว่ามีกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่น เช่น เบียร์ญี่ปุ่น และรถยนต์ญี่ปุ่น จนมาถึงในครั้งนี้คือ “เสื้อผ้าญี่ปุ่น” ซึ่งกระทบอย่างร้ายแรงต่อยอดขายของ Uniqlo ที่ตกลงตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2019 และถึงจุดต่ำสุดในเดือนสิงหาคม 2020

นี่คือการแบนเชิงสัญลักษณ์ ไม่ได้แบนทุกอย่าง Playstation 5 รอด

Nikkei Asia ได้วิเคราะห์ว่าการแบนสินค้าของคนเกาหลีในครั้งนี้ เป็นการแบนเชิงสัญลักษณ์ หรือ การเลือกแบน (Selective Boycotting) ซึ่งหมายถึง การแบนเพื่อแสดงให้เห็นกันอย่างชัดเจนว่าไม่พึงพอใจตัวแบรนด์หรือประเทศเจ้าของแบรนด์ ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ยอดขายจริงๆ

อย่างไรก็ตาม มีการเปิดเผยให้เห็นว่า แม้ยอดขายออฟไลน์จะหายไป แต่ตัวเลขการขายสินค้าดังกล่าวจะไปเติบโตในช่องทางออนไลน์แทนอย่างได้สัดส่วน อย่างที่ในกรณีล่าสุด การที่ร้านสะดวกซื้อจำนวนมากในเกาหลีนำเบียร์ญี่ปุ่นออกจากหน้าร้าน ทำให้ยอดขายเบียร์ออนไลน์เติบโตขึ้น

แต่ว่าสินค้าบางกลับข้ามผ่านความสัมพันธ์อันตึงเครียดนี้ได้ เช่น “จอร์ดี้ทามาก็อตจิ” ที่ผลิตโดยแบรนด์ของเล่นญี่ปุ่นเจ้าดังอย่าง Bandai ก็มียอดจองในเกาหลีใต้สูงสุดเป็นประวัติการณ์เพราะเป็นสินค้าที่ทำให้เราย้อนนึกถึงความทรงจำวัยเด็กที่น่าคิดถึงได้ดี

แล้วก็ยังมีเครื่องเล่นเกม “Playstation 5” สุดฮิตที่เหล่าเกมเมอร์ตั้งหน้าตั้งตารอคอย โดย PS5 ขายหมดทันทีที่วางขายในเกาหลี และตอนนี้ก็ยังหาซื้อได้ยากแม้แต่ในช่องทางออนไลน์

ที่มา – Nikkei Asia (1) (2), YNA

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/world-2nd-largest-uniqlo-closed-in-korea/

ตอบโต้กฎหมายปาหิน! ดาราและเซเลปหลายคนเตรียมไม่เข้าพักโรงแรมที่สุลต่านบรูไนลงทุน

หลังจากที่บรูไนได้เพิ่มบทลงโทษสำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ในคนเพศเดียวกัน หรือแม้แต่ผู้ที่รักร่วมเพศ ทำให้ดาราและเซเลปชื่อดังหลายคนประกาศบอยคอตการเข้าพักในโรงแรมหรูที่สุลต่านบรูไนลงทุน

มัสยิดในประเทศบรูไน – ภาพจาก Shutterstock

หลังจากที่บรูไนได้ผ่านร่างกฎหมายเพิ่มโทษผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ในคนเพศเดียวกัน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน โดยบทลงโทษของกฎหมายใหม่นี้จะประกอบไปด้วยการเฆี่ยนและปาหินกลุ่มรักร่วมเพศให้ถึงแก่ความตาย แทนที่บทลงโทษเดิมให้สั่งจำคุกสูงสุด 10 ปี

บทลงโทษที่รุนแรงมากขึ้นทำให้ Amnesty International ได้ให้ความเห็นว่า “บทลงโทษที่มีต่อกลุ่ม LGBT นับว่าเป็นรุนแรงมากที่สุดที่เกิดขึ้นในกลุ่มอาเซียน”

และเรื่องนี้ทำให้ดาราดังอย่าง จอร์จ คลูนี่ย์ ถึงกับทนไม่ไหว ออกมาประกาศต่อสาธารณชนว่าขอให้ประชาชนทั่วโลกแบนโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวที่ สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ ได้ลงทุนไว้ทั่วโลก 9 แห่ง เพื่อที่จะตอบโต้การใช้ข้อกฎหมายนี้ในประเทศบรูไน

โรงแรม 9 แห่งที่สุลต่านของบรูไนได้ลงทุนได้แก่

  • The Dorchester ลอนดอน
  • 45 Park Lane ลอนดอน
  • Coworth Park สหราชอาณาจักร
  • The Beverly Hills Hotel ลอสแอนเจลิส
  • Hotel Bel-Air ลอสแอนเจลิส
  • Le Meurice ปารีส
  • Hotel Plaza Athenee ปารีส
  • Hotel Eden โรม
  • Hotel Principe di Savoia มิลาน

นอกจากนี้ จอร์จ คลูนี่ย์ ยังได้ชักชวนให้สถาบันการเงินต่างๆ ที่สนับสนุนหรือมีสุลต่านของบรูไนเป็นลูกค้าให้พิจารณาตัวเองว่าควรให้การสนับสนุนต่อไปดีหรือไม่อีกด้วย โดยประเทศบรูไนนั้นได้เพิ่มบทลงโทษของกฎหมายอิสลามตั้งแต่ปี 2014 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

ไม่เพียงแค่ดาราดังอย่าง จอร์จ คลูนี่ย์เท่านั้น แต่ล่าสุดยังมี เอลตัน จอห์น นักร้องชื่อดังที่ประกาศตัวว่าเป็นเกย์ ได้เข้าร่วมการบอยคอต และรวมไปถึง ริชาร์ด แบรนสัน เจ้าของธุรกิจชื่อดังอย่าง Virgin รวมไปถึงพิธีกรชื่อดังอย่าง เอลเลน ดีเจนเนอริส ก็ประกาศที่จะไม่เข้าพักในโรงแรมเหล่านี้ด้วยเช่นกัน

ที่มาThe Guardian, Sky News

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/celeb-boycott-5-star-hotel-on-brunei-investing/

ประท้วง Nivea หลังส่งโฆษณาเปลี่ยนสาวผิวสีเป็นสาวผิวขาวเจาะตลาดแอฟริกาใต้

เพิ่งจบกรณีของ Dove ไปหมาด ๆ แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าวงการครีมประทินผิวจะยังไม่ตระหนักต่อการเคารพความแตกต่างระหว่างบุคคล เพราะมีกรณีของครีมบำรุงผิว Nivea ออกมาอีกแล้ว กับโฆษณาที่ให้นางแบบผิวสีชื่อดังชาวไนจีเรียแสดงท่าทางว่ากำลังทาครีม Nivea ที่ไหล่และขา และพบว่าผิวบริเวณที่ทามีสีสว่างกว่าผิวส่วนอื่น ๆ ส่วนเสียงบรรยายในคลิปโฆษณาก็ระบุว่า เพื่อ “Restore her skin to its natural fairness”

โดยโฆษณาชุดนี้เผยแพร่ในแอฟริกาตะวันตก และมีใจความระบุว่าบอดี้โลชั่นดังกล่าวช่วยให้ผิวกระจ่างใส (โฆษณาใช้คำว่า Visibly fairer skin) ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่า Nivea กำลังสร้างความเชื่อผิด ๆ ว่า การมีผิวสีอ่อนนั้นดีกว่าการมีผิวสีเข้ม และเราสามารถประเมินความงามของมนุษย์ได้จากสีผิว

ล่าสุดเสียงไม่พอใจบนโลก Social media ก็ได้ดังไปจนถึง Nivea จนได้ เมื่อมีการเรียกร้องให้ Nivea ถอดโฆษณาดังกล่าวออกจากระบบด้วยแฮชแท็ก #pullitdownnow ซึ่งได้ทำให้ทาง Beierdorf AG เจ้าของผลิตภัณฑ์ออกมาขอโทษต่อทุกฝ่ายแล้ว ทว่าเหตุการณ์ไม่จบแต่เพียงเท่านั้นเนื่องจากประเทศกานาได้ออกมาแบนครีมที่มีสาร hydroquinone อีกคำรบ เนื่องจากพบความเสี่ยงที่อาจนำไปสู่โรคมะเร็งได้นั่นเอง

สำหรับนางแบบผิวสีที่แสดงนำในโฆษณาดังกล่าวมีชื่อว่า Omowunmi Akinnifesi ซึ่งจนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่ออกมาให้ความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับโฆษณาดังกล่าว

อย่างไรก็ดี เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้มีรายงานชิ้นหนึ่งจาก Google เรื่อง The Case for Diversity in Advertising พบว่า 75% ของชาวมิลเลนเนียลผิวสีต้องการเห็นแบรนด์ต่าง ๆ นำเสนอเรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคลในโฆษณาให้ดีกว่าที่เป็นอยู่

โฆษณาตัวก่อนหน้าของ Nivea ที่เคยถูกประท้วงอย่างหนักมาแล้วก่อนหน้านี้

ที่มา: MarketingDive

 

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2017/10/nivea-boycott-advertising/

Tuniu บริการจองทัวร์ออนไลน์จีนถูก 17 บริษัทนำเที่ยวจีนคว่ำบาตร

online-travel-plane-720x405
กลายเป็นกรณีศึกษาสุดดราม่าในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจีนขณะนี้ เมื่อบริษัททราเวลเอเจนซี่รายใหญ่ของจีน 17 แห่งตัดสินใจคว่ำบาตรบริการจองทัวร์ออนไลน์ Tuniu หลังจาก Tuniu ตัดสินใจลบรายชื่อ 1 ในทราเวลเอเจนซี่ออกจากเว็บไซต์บนเหตุผลว่าผิดเงื่อนไข

บริษัทคู่กรณีของ Tuniu นั้นมีชื่อว่า U-tour โดยล่าสุด Tuniu ออกแถลงการณ์ลบรายการทัวร์ทุกประเภทของบริษัท U-tour ตั้งแต่วันพฤหัสที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา จุดนี้ Tuniu ให้เหตุผลว่าการลบครั้งนี้เป็นการตอบโต้ที่ U-tour ผิดเงื่อนไขกับ Tuniu หลังจากที่ U-tour ยุติความร่วมมือกับ Tuniu แบบสายฟ้าฟาด

อย่างไรก็ตาม Tuniu กลับถูกตอบโต้ทันควันจากเพื่อนร่วมสังเวียนกับ U-tour โดยกลุ่มบริษัททัวร์ต่างประเทศรายหลักของจีนซึ่งได้แก่ U-tour, AoYou, HY Tours, Caissa, และ Nanhu Travel ออกแถลงการณ์รวมตัวเพื่อคว่ำบาตร Tuniu โดยทั้ง 17 เอเจนซี่จะหยุดนำเสนอโปรแกรมทัวร์ทุกรายการบนแพลตฟอร์มของ Tuniu ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป

การคว่ำบาตรนี้ถือเป็นการขู่บริษัทจองทัวร์ออนไลน์ Tuniu อย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม มีการประเมินว่าต้นเหตุความขัดแย้งนี้มาจากประเด็นราคา โดย Tuniu ยืนกรานให้ราคาแพกเกจท่องเที่ยวของเอเจนซี่ต้องลดลงต่ำกว่าที่ควรจะเป็น จุดนี้ถือว่าไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจเนื่องจากสงครามราคาในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจีนนั้นดุเดือดมาตั้งแต่ปีที่แล้ว

ล่าสุด Tuniu ออกมาแสดงความเห็นกับการคว่ำบาตรนี้แล้ว โดยบอกว่าการคว่ำบาตรที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องไร้เหตุผล พร้อมกับระบุว่าการคว่ำบาตรนี้จะสร้างผลกระทบกับพัฒนาการของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวตางประเทศของจีน

แม้ว่าบทสรุปของดราม่านี้จะยังไม่ชัดเจน แต่ Tuniu ถือเป็นคนแรกที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงในขณะนี้ ที่ผ่านมา Tuniu เสนอขายโปรแกรมทัวร์ทั้งในและนอกประเทศผ่านระบบออนไลน์ การถูกเอเจนซี่ยักษ์ใหญ่ของประเทศร่วมกันคว่ำบาตรย่อมทำให้ธุรกิจของ Tuniu สะดุดลงไม่มากก็น้อย

ที่มา : Tech in Asia

from:http://thumbsup.in.th/2015/04/major-chinese-travel-agents-launch-boycott-tuniu/