คลังเก็บป้ายกำกับ: ACER_NITRO_7

จัดอันดับ Gaming Notebook ปี 2020 งบประมาณ 20,000 – 30,000 บาท แรงคุ้มสุดในรุ่น

แนะนำ Gaming Notebook ประจำปี 2020 ซึ่งถือว่าเป็น Notebook ประเภทที่ขายดีและมาแรงที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยประสิทธิภาพการใช้งานที่แรงคุ้มค่า เพียงกับการใช้งานทั่วไปอย่างสบายๆ โดยเน้นนำไปเล่นเกมออนไลน์ออฟไลน์ใหม่ๆ ที่เป็น 3 มิติภาพสวยงาม กับช่วงราคา 20,000 – 30,000 บาท จากการพัฒนาของแบรนด์ต่างๆ รวมไปถึงการมาของชิปประมวลผลใหม่ล่าสุดอย่าง Intel Core i5-9300H / i7-9750H รวมถึง AMD Ryzen 5 3550H / Ryzen 7 3750H ที่ให้ประสิทธิภาพดีกว่ารหัส U

ส่วนการ์ดจอก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กันที่ได้ทั้งแรงและราคาไม่แพงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 / 1660 Ti (ส่วน GTX 1050 ข้ามไปเลย) อีกทั้งล่าสุดยังมีในส่วนของ AMD Radeon RX5500M มาเพิ่มเป็นตัวเลือกด้วย แน่นอนว่าด้วยชิปประมวลผลและการ์ดจอเหล่านี้ทำให้สามารถขับเฟรมเรทในการเล่นเกมออนไลน์หรือออฟไลน์ได้ลื่นไหลแน่นอน ได้หน่วยความจำแรมเป็นขนาด 8GB DDR4 (แนะนำว่าควรอัพเกรดเป็น 16GB ทันที) พร้อมได้ที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB เป็นมาตรฐาน (รองรับการอัพเกรด HDD 2.5″ ได้ภายหลัง)

ที่ต้องบอกว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญมากๆ กับการเป็น Gaming Notebook ที่ดีคุ้มค่ากับราคาสุดๆ นอกจากนี้มาตรฐานของหน้าจอก็จะเป็นพาเนล IPS คุณภาพดี ที่ให้สีสันที่สวยงามสดใสมุมมองกว้าง และเกือบทั้งหมดได้ Refresh Rate ที่ 120Hz / 144Hz ซึ่งให้ภาพที่ออกมาดีกว่าพาเนล TN และให้ความลื่นไหลสบายตากว่า 60Hz แบบเดิมๆ แน่นอนว่าทุกรุ่นที่นำมาแนะนำมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ ส่วนการรับประกันขึ้นอยู่แต่ละแบรนด์ แต่จะมีดีที่สุดคือ รับประกันแบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน 3 ปี ส่วนจะมีรุ่นอะไร ราคาเท่าไรบ้าง ไปชมกันต่อเลย

HP Pavilion Gaming 15 (AMD) ราคา 23,900 – 30,900 บาท

ดีไซน์โดยรวมของ HP Pavilion Gaming 15 สเปก AMD Ryzen มีความคล้ายคลึงกับสเปกที่เป็น Intel Core i ก็จริงแต่ก็แตกต่างด้วยกันหลายๆ ส่วน ถือว่าน่าประทับใจไม่แพ้กัน กับมิติที่ตัวเครื่องที่เล็กลงเมื่อเทียบ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ รุ่นก่อนๆ โดยบางลงเพียง 23.6 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนักตัวเครื่องที่ 2.3 กิโลกรัม พร้อมขอบหน้าจอบางเฉียบ ทำให้เป็นโน้ตบุ๊คที่สเปกแรงอีกรุ่นที่พกพาไปใช้งานได้สะดวก

HP Pavilion Gaming 15 สเปก AMD Ryzen ตอนนี้จะมีอยู่ 4 สเปก 4 ราคา จำนวน 2 สี คือ ม่วงและเขียว แต่ที่เราจะแนะนำ หลักๆ คือ 2 รุ่น โดยจะเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3550H / AMD Ryzen 7 3750H ซึ่งทำให้การใช้งานโดยรวมลื่นไหลแน่นอน มีรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญมาพร้อมกับการ์ดจอแยกตัวแรง 2 รุ่น อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 / GTX 1660 Ti

พร้อมหน่วยความจำแรมขนาด 8GB มาตรฐาน DDR4 Bus 2400 MHz (แนะนำให้อัพเกรดเป็น 16GB) ฮาร์ดดิสก์แบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB (สามารถเพิ่มเติม HDD 2.5″ ได้ภายหลัง) เรียกได้ว่าเล่นเกมออนไลน์ได้ลื่นไหลแน่นอน ส่วนเกมออฟไลน์ปรับกลางๆ ลื่นไหลทุกเกมสบายๆ ตอบสนองได้คุ้มค่าราคา

ได้หน้าจอแบบด้านขอบจอบาง พาเนล IPS คุณภาพสูง ขนาด 15.6″ ความละเอียด Full HD มาตรฐาน Refresh Rate 144Hz โดดเด่นด้วยค่าขอบเขตสี sRGB ที่ 96% ที่สำคัญได้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ในราคาที่ถูกและคุ้มค่าไม่แพ้ Gaming Notebook หลายๆ รุ่นในตลาด ที่ใช้สเปก AMD Ryzen 5 3550H (หรือ i5-9300H) + GTX 1650 ในรุ่นอื่นๆ ใกล้เคียงกัน ที่สำคัญจัดว่าเป็น Gaming Notebook ที่ใช้การ์ดจอ GTX 1650 ที่ถูกที่สุดในตลาดตอนนี้ก็ว่าได้

นอกจากนี้ยังมีกล้องเว็บความละเอียด HD และมีไมค์ดิจิตอลในตัว การเชื่อมต่อไร้สายเป็น Bluetooth 5.0 และ Realtek Wi-Fi 5 แบบ MU-MIMO มิติของตัวเครื่อง HP Pavilion Gaming 15 เมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊คจอขนาด 15.6 นิ้ว ก็มีขนาดเล็กกว่าอย่างเห็นได้ชัดแถมมีน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 2.3 กิโลกรัม พกพาง่าย พร้อมการรับประกัน 2 ปี ซ่อมฟรีถึงบ้านและบริการช่วยเหลืออื่นๆ อีกด้วย

Acer Nitro 5 / Nitro 7 (22,990 –  25,990 บาท)

สำหรับ Acer Nitro 5 / Nitro 7 ถือว่าเป็น Gaming Notebook มาตรฐานขอบจอบางเฉียบที่มีความใกล้เคียงกันมาก หลักๆ แล้วแตกต่างเครื่องของดีไซน์และน้ำหนักกับความบางอีกเล็กน้อย ซึ่ง Acer Nitro 7 วัสดุจะเป็นอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง ทั้งฝาหลัง ด้านนอก ด้านใน ใต้เครื่อง การออกแบบก็สวยล้ำกว่าเดิม มาพร้อมหน้าจอ 15.6″ Full HD

ที่โดยรวมแล้วดูดีกว่า Acer Nitro 5 อย่างเห็นได้ชัดเจน แต่ก็ยังมีรูปแบบที่คล้ายกันอยู่ อารมณ์แบบแฝดพี่แฝดน้องก็ว่าได้ แต่ให้ความพรีเมียมกว่า ในราคาที่ถูกคุ้มค่าไม่แพ้กัน โดย Acer Nitro 7 มีตัวเครื่องบางเพียง 19.9 มิลลิเมตร และเบาเพียง 2.5 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วน Acer Nitro 5 เบากว่าที่ 2.3 กิโลกรัม

Acer Nitro 5 / Nitro 7 รุ่นสเปกที่แนะนำ ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-9300H (2.40 – 4.10 GHz) ทำงานแบบ 4 Core/ 8 Thread ประสิทธิภาพดีเยี่ยมรองรับทุกการทำงาน พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงระดับ Dsktop อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR5) สนับสนุนการเล่นเกมได้ลื่นไหล ได้แรมขนาด 8GB DDR 4 Bus 2666 (ใส่ได้อีก 1 แถว สามารถอัพเกรดได้สูงสุด 32 GB แนะนำให้อัพเกรดเป็น 16GB ก็เพียงพอแล้ว) มีที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB (ใส่เพิ่มได้อีก 1 ตัว) พร้อมรองรับการใส่ HDD 2.5″ อีก 1 ตัว

นอกจากนี้ Acer Nitro 5 / Nitro 7มาพร้อมจอแสดงผลแบบด้าน 15.6″ ที่ความละเอียด Full HD ความละเอียด 1920 x 1080 พาเนล IPS เกรดสูง ค่าขอบเขตสี sRGB ที่ 96% แบบ Refresh Rate 144Hz ให้สีสันที่สวยงามทุกมุมมองพร้อมลื่นไหล และในส่วนของระบบเสียงเป็นลำโพงแบบสเตอริโอ 2.0 ให้เสียงที่ดีในระดับที่น่าพอใจมากๆ ประกอบกับมีซอฟต์แวร์จัดการเสียงอย่าง Wave MaxxAudio ทำให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขั้นไปอีก ส่วนน้ำหนักจะอยู่ที่ 2.3 – 2.5 กิโลกรัมถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″

ตัวหน้าจอยังมาพร้อมกล้อง Webcam แบบ HD และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัวแบบตัดเสียง ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 2.0 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-C, Kensington Lock, 2-in-1 SD, RJ-45 , Headset 3.5mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 6 AX Dual Band MU-Mimo (ส่วน Nitro 5 เป็น Wi-Fi 5 AC) สำคัญคือมีประกัน On-site Service ถึง 3 ปีเต็ม พร้อมบริการซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมง ถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่น่าสนใจที่สุดในช่วงราคานี้อีกรุ่นเลยทีเดียว

MSI Alpha 15 ราคา 27,900 บาท

สำหรับ MSI Alpha 15 ที่เป็น Gaming Notebook ตระกูลใหม่จากทาง MSI โดยเป็นการแยกตัวมาจาก G Series แบบเดิมๆ จัดได้ว่าเป็น Gaming Notebook รุ่นแรกของโลก ที่มาพร้อมกับชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 3750H ตัวแรง จับคู่มากับการ์ดจอ AMD Radeon RX 5500M (4GB GDDR6) สถาปัตยกรรม RDNA เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร ที่ให้ประสิทธิภาพความแรงใกล้เคียงกับ NVIDIA GeForceGTX 1660 Ti แน่นอนว่าทางฝั่งของ AMD ต้องมาพร้อมกับราคาที่คุ้มค่ากว่า ด้วยราคาเพียง 27,900 บาทเท่านั้น จัดว่าคุ้มค่าสุดๆ ในช่วงราคานี้

ดีไซน์โดยรวมยังคงกลิ่นอายของ MSI G Series ซึ่งมีความใกล้เคียงกับ GL65 มาพร้อมโลโก้ใหม่เป็นรูปนก Phoenix สีเขียว ที่เดิมๆ เป็นมังกร ย้ำให้เห็นถึงความแตกต่างตามสไตล์เอเชีย จากการใช้สเปกเป็น AMD แท้ๆ ทั้งชิปประมวลผลและการ์ดจอที่เชื่อได้ว่าสเปกอื่นๆ ก็คงจัดเต็มไม่แพ้กันอย่างแรมขนาด 8GB และ SSD M.2 NVMe ที่มาตรฐานความจุ 512GB ที่ในส่วนของหน้าจอจะเป็นขนาด 15.6″ แบบขอบจอบาง ความละเอียดที่ Full HD พาเนล IPS ค่าขอบเขตสี sRGB ที่ 59%รองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz พร้อมใช้สนับสนุน AMD FreeSync ทำให้ภาพลื่นไหลภาพไม่ฉีกขาด

ตัวเครื่องยังมีลำโพง 2 ชาแนลแบบ Giant Speaker บนซอฟแวร์เสียง Nahimic 3 ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 3 ช่อง, USB 3.2 Type-C หนึ่งช่อง, HDMI, mini-DisplayPort, SD(XC/HC) card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45 แบบ Killer Gaming LAN

การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi AC น้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัม ได้ประกันระยะเวลา 1 ปี (รุ่นอื่นๆ ของ MSI เป็น 2 ปี) มี Windows 10 แท้ โดยสนนราคาอยู่ที่ 27,900 บาท ถือว่าเป็น Gaming Notebook ในช่วงราคานี้ที่น่าสนใจมากๆ เพราะได้ทั้งสเปกและฟีเจอร์ที่จัดเต็มเหมือนตระกูล G Series อย่าง GL65 ในราคาถูกลงกว่าเดิมเยอะ

HP Pavilion Gaming 15 (Intel) ราคา 24,990 – 28,990 บาท

HP Pavilion Gaming 15 ในสเปกที่เป็นสเปกชิปประมวล Intel Core i จะมีความแตกต่างจาก AMD กับมิติที่ตัวเครื่องที่บางและเบากว่า รวมไปถึงดีไซน์การออกบบต่างๆ และชุดระบายความร้อน โดยมีความบางเพียง 23.4 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนักตัวเครื่องที่ 2.25 กิโลกรัมใ ช้เป็นโทนสีดำตลอดทั้งตัวเครื่องตัดกับสีม่วงและยังมีสีเขียว

โดยฝาหลังของตัวเครื่องมีโลโก้ HP เป็นเอกลักษณ์สีม่วงหรือเขียวสะดุดตาด้านบน ประกอบกับพื้นผิวสีดำด้านให้ความรู้สึกเป็น Gaming ที่ดี วัสดุทั้งหมดของตัวเครื่องพลาสติกเกรดดี ด้านหลังได้มีการวางตำแหน่งช่องระบายความร้อนแบบคู่แยกซ้ายขวาออกจากกัน ซึ่งมีการออกแบบได้ดูดุดันคล้ายรถสปอร์ตพร้อมขนาดที่ใหญ่ขึ้น

โดยจะเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 อย่าง Core i5-9300H และ Core i7-9750H ซึ่งทำให้การใช้งานโดยรวมลื่นไหลแน่นอน มีรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญมาพร้อมกับการ์ดจอแยกตัวแรง 2 รุ่น อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR5) พร้อมหน่วยความจำแรมขนาด 8GB มาตรฐาน DDR4 bus 2666 ฮาร์ดดิสก์แบบปกติที่ความจุ 1TB ความเร็ว 7200 รอบ (สามารถปรับเปลี่ยนเพิ่มเติม ด้วยการอัพเกรด SSD แบบ M.2 PCIe NVMe ซึ่งควรอัพเกรดทันทีตั้งแต่ซื้อเครื่องมาจากร้าน) เรียกได้ว่าเล่นเกมออนไลน์ได้ลื่นไหลแน่นอน ส่วนเกมออฟไลน์ปรับกลางๆ ลื่นไหลทุกเกมสบายๆ ตอบสนองได้คุ้มค่าราคา

นอกเหนือจากนั้นยังได้หน้าจอแบบด้านขอบจอบาง พาเนล IPS คุณภาพสูง ขนาด 15.6″ ความละเอียด Full HD รองรับ Refresh Rate ที่ 60Hz ให้เลือก ที่สำคัญได้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ในราคาที่ถูกและคุ้มค่าไม่แพ้ Gaming Notebook หลายๆ รุ่นในตลาด ที่ใช้สเปก i5-9300H + GTX 1650 / i7-9750H + GTX 1650 แต่อย่างไรก็ตาม ข้อสังเกตุก็คือได้หน้าจอ 60Hz เท่านั้น ไม่เหมือนรุ่นอื่นๆ ที่ได้ 120 – 144Hz

นอกจากนี้ยังมีกล้องเว็บความละเอียด HD และมีไมค์ดิจิตอลในตัว การเชื่อมต่อไร้สายเป็น Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi แบบ Intel Wireless-AC 9560 พร้อมการรับประกัน 2 ปี On-site Serive ซ่อมฟรีถึงบ้านและบริการช่วยเหลืออื่นๆ อีกด้วย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการโน้ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมรวมไปถึงงานหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอ ที่สำคัญดีไซน์การออกแบบยังก้าวล้ำด้วยความดุดันและจริงจัง Gaming มากกว่าเดิม ซึ่งตรงนี้ก็ต้องยอมรับว่าเป็น Gaming Notebok อีกรุ่นที่น่าสนใจในตลาด ณ ตอนนี้เลย

ASUS TUF Gaming FX505DT/DU ราคา 24,900 – 29,900 บาท

ASUS TUF Gaming FX505DT/DU ได้ขอบหน้าจอที่บาง ส่งผลให้ตัวเครื่องมิติโดยรวมมีความเล็กกระทัดรัดลง แม้เป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ แต่ก็มีความใกล้เคียงกับโน้ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14″ แบบสมัยก่อนๆ มาก ส่วนน้ำหนักก็อยู่ที่ 2.2 กิโลกรัม จัดได้ว่าเป็น Notebook ที่สเปกแรงมากๆ แต่น้ำหนักเบาๆ พกพาสะดวก มีความทนทานระดับ Military Grade ต่อแรงกระแทก อุณหภูมิสูงต่ำ ความชื้น ความกดอากาศ และแสงแดด เรียกได้ว่าเป็น Gaming Notebook น้อยรุ่นนักที่มาพร้อมคุณสมบัติแบบนี้

นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องของระบบระบายความร้อนก็ใช้ระบบ Hyper Cool สามารถปรับเร่งรับได้ ฟินระบายความร้อนสีแดง พร้อมมี Anti-Dust Tunnel สำหรับเป่าฝุ่นออกมาให้อีกด้วย จัดเต็มจริงๆ ให้มาครบไม่มีกั๊ก ส่วนของคีย์บอร์ดจะให้ไฟ RGB แบบ All Zone ปุ่ม WASD ทำไฮไลท์ไว้ สามารถรองรับการกดได้ 20 ล้านครั้ง Travel Key 1.8 mm การวางเลเอาท์จะเหมือนกับคีย์บอร์ดแยกจริงๆ

สเปกของ ASUS TUF Gaming FX505DT/DU ใช้ชิปประมวลผลเป็น AMD Ryzen 5 3550H / AMD Ryzen 7 3750H ทำงานแบบ 4 Core/8 Thread ด้วยความเร็ว 2.3 – 4GHz สถาปัตยกรรม 12 นาโนเมตร ประสิทธิภาพแรง พร้อมฟีเจอร์มากมาย เช่น SenseMI คอยจัดการให้เหมาะสมกับการใช้งานอย่างที่ไม่มีใน Intel  ผสานกับการ์ดจอออนบอร์ดที่เป็น Radeon RX Vega 8/10 ส่วนการ์ดจอได้ตัวแรงมาตรฐานอย่าง GTX 1650 และแรงสุดในงบด้วย GTX 1660 Ti (6GB GDDR6)

สเปกอื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ได้หน้าจอที่ 120Hz แบบ NanoEdge ขอบจอบาง ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ขนาด 15.6″ ได้ค่าขอบเขตสี sRGB ที่ 61% ส่วนแรมขนาด 8GB 1 แถว DDR4 2400MHz(สามารถติดตั้งแรมได้สูงสุด 32GB) และให้ที่เก็บข้อมูลมาตรฐาน SSD NVMe PCIe ความจุ 512GB เป็นมาตรฐาน รวมไปรองรับการอัพเกรดเพิ่มฮาร์ดดิสก์ปกติ 2.5″ SATA 3 ด้วย อีกทั้งการเชื่อมต่อก็ครบถ้วนด้วยมาตรฐาน Wi-Fi AC และ Bluetooth 5.0  พร้อมกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอลในตัว

ASUS TUF Gaming FX505DT/DU มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการติดตั้ง Windows 10 แท้มาให้ในตัว การรับประกัน 2 ปี ส่งเคลม 7-11 และที่สำคัญเมื่อเอาซีเรียลไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ ASUS จะได้รับประกันอุบัติเหตุฟรี 1 ปีแรกจากทาง ASUS อีกด้วย อุ่นใจจัดเต็ม

Lenovo IdeaPad L340 Gaming 17.3″ ราคา 27,900 บาท

Lenovo IdeaPad L340 Gaming เป็น Gaming Notebook เน้นความคุ้มค่า เป็นโน้ตบุ๊คสเปกแรงที่สามารถเอาไปเล่นเกมได้สบายๆ โดดเด่นด้วยสเปกเองก็แรงชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 อย่าง Core i7-9750H พร้อมด้วยการ์ดจอระดับ Gaming อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 รุ่นใหม่ล่าสุด อีกทั้งได้ดีไซน์ขอบจอที่บางและน้ำหนักเครื่องที่เบา รวมๆ มีความเรียบง่าย จากการที่ทาง Lenovo ก็มีการนำเสนอสิ่งใหม่อยู่ตลอด ทำให้เราสามารถซื้อโน้ตบุ๊คแรงๆ ในราคาที่ไม่แพงเลย จัดว่าเป็นโน้ตบุ๊คเล่นเกมหน้าจอ 17.3″ ที่ถูกที่สุดด้วยในตลาดตอนนี้

รองรับการทำงานทั่วไปพื้นฐานและความบันเทิงดูหนังฟังเพลงได้เป็นอย่างดี บอกได้เลยว่าทั้งในเรื่องของดีไซน์การออกแบบนั้นมีความน่าประทับใจ กับตัวเครื่องที่เล็กกระชับ ขอบหน้าจอที่บางลง จนเรียกได้ว่าแม้เป็น Gaming Notenook หน้าจอ 17.3″ ก็จริง แต่เทียบเท่ากับรุ่น 15.6″ เลยก็ว่าได้ ประสบการณ์ใช้งานที่เหนือชั้น รวมไปถึงมีสเปคประสิทธิภาพสูง เหลือเฟือในการใช้งานทั่วไป รวมไปถึงการเล่นเกมก็ทำได้อย่างลื่นไหล อีกทั้งมี Windows 10 มาให้พร้อมใช้งานด้วย

สำหรับ Lenovo IdeaPad L340 Gaming นั้นเรียกได้ว่าเป็นโน๊ตบุ๊คสำหรับการเล่นเกมหรือทำงานหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอ ขนาดหน้าจอ 17.3 นิ้วที่ครบครัน ลงตัวอย่าง จะสร้างประสบการณ์ในการเล่นเกมหรือทำงานกับผู้ใช้งานได้อย่างสบายๆที่เด็ดที่สุด ความคุ้มค่าราคาไม่แพง สำหรับน้ำหนักและความหนาของตัวเครื่อง ถือว่าเบากว่าปกติตามมาตรฐานของโน้ตบุ๊คปี 2019 ที่ควรจะเป็น แม้จะมีขนาดหน้าจอใหญ่ที่ 15.6″ แต่ก็มีน้ำหนักเพียง 2.5 กิโลกรัมเท่านั้น ทำให้พกพาไปไหนมาไหนสะดวกสบายมาก โดยรวมแล้วการดีไซน์ถือทำได้ดีมาก

หน้าจอขนาด 17.3″ แบบด้านลดแสงสะท้อน ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มี Refresh Rate ที่ 60Hz ให้สีสันสวยงามและมุมมองที่กว้าง เหมาะกับการทำงานหรือเล่นเกม พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอลในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง USB 3.1 Type-C, HDMI, 3 x USB 3.1 Type-A, Kensington lock slot, RJ-45 , Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Intel Wireless-AC 9560 AC สนนราคา Lenovo IdeaPad L340 Gaming รุ่นขายจริงอยู่ที่ 27,990 บาท การรับประกันแน่นอนว่าเป็น ประกัน 3 ปี แบบ On-Site Service โทรแจ้งช่างมาซ่อมได้ถึงที่

from:https://notebookspec.com/topchart-gaming-notebook-model-2020-jan/506448/

แนะนำ Notebook งบ 20,000 – 30,000 บาท อยากได้ Acer รุ่นใหม่ ปลายปี 2019 ซื้อรุ่นไหนได้บ้าง

ช่วงงบประมาณ 20,000 – 30,000 บาท ในการเลือกซื้อ Notebook ถือว่าอยู่ในช่วงราคาที่เหมาะสม เพราะว่าเราสามารถเลือกสรรค์ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคุ้มค่า บางเบา หรือเน้นเล่นเกม พร้อมได้สเปกที่ใหม่ล่าสุด ทั้งชิปประมวลผลหรือการ์ดจอ ส่วนแรมและ SSD ก็ครบถ้วน ส่งผลให้ส่วนมากเวลาใครจะซื้อ Notebook ก็จะมีงบประมาณ 20,000 บาท ไม่เกิน 30,000 บาทไว้ในใจนั่นเอง รวมไปถึงเป็นราคาที่ยอมจ่ายได้ไม่มากไปไม่น้อยเกินไป หรือถ้าคิดในกรณีที่ผ่อน 0% เวลา 10 เดือนก็เป็นอะไรที่จ่ายไม่มากเกินไปนัก

ในบทความนี้เราเลยจะมาแนะนำเป็นแนวทางกันหน่อย สำหรับคนที่ต้องการจะซื้อ Notebook งบ 20,000 – 30,000 บาท และอยากได้แบรนด์ Acer ที่มีรุ่นให้เลือกหลากหลาย ทั้ง Ulrabook / Gaming Notebook หลายรุ่น ซึ่งนอกเหนือจากสเปกและราคาที่คุ้มค่าแล้ว การรับประกันก็ถือว่าทำได้ดีเยี่ยม เพราะส่วนมากแล้วก็มาพร้อมกับมาตรฐานรัปประกันแบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน หรือถ้าส่งศูนย์เองก็ซ่อมด่วนได้ใน 3 ชั่วโมง ส่งผลให้เพื่อนๆ ที่ซื้อไปมีความมั่นใจในเรื่องบริการหลังกานขายได้เลย โดยเราซื้อรุ่นไหนได้บ้าง ไปชมกันต่อเลย

Acer Swift 3 สเปก Core i Gen 10 บางเบา จอ 13.3″ คุ้มๆ ได้ Wi-Fi 6 + Thunderbolt 3

Acer Swift 3 ปี 2019 มาพร้อมกับบางเพียง 15.9 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเพียง 1.19 กิโลกรัมเท่านั้น ถือได้ว่าเป็นโน้ตบุ๊คหน้าจอขนาด 14″ แต่ตัวเครื่องเทียบเท่ากับหน้าจอ 13.3″ อย่างรุ่นก่อนๆ ที่บางเบาที่สุดรุ่นหนึ่ง พกพาไปไหนมาไหนได้สะดวกขึ้นแบบรู้สึกได้ จนรุ่นเก่าต้องอิจฉาเลยทีเดียวใช้วัสดุประกอบหลักเป็นอลูมิเนียมอัลลอยด์คุณภาพดีให้สัมผัวใกล้เคียงกับรุ่นปีอย่าง Acer Swift 5 โดยสีสันเป็น Steel Gray ออกแนวเทาๆ เงินๆ หรือสีชมพู Millennial Pink ที่เหมาะกับทั้งหนุ่มๆ ลุคเท่แบบคลูๆ หรือสาวๆ ที่ดูน่ารักสดใส  ซึ่งทั้งตัวเครื่องให้ความบางเบาแต่แข็งแรง

Acer Swift 3 ปี 2019 มีอยู่ 2 รุ่นหลักๆ ที่ราคาอยู่ในช่วง 20,000 บาทขึ้นไป คือรุ่น Intel Core i5-1035G1 ราคา 20,990 บาท และ Core i7-1065G7 ราคา 23,990 บาท ที่เป็นชิปประมวลผลสถาปัตยกรรม Ice Lake เทคโนโลยีที่ 10 นาโนเมตร ที่เล็กและร้อนน้อยกว่าเดิม เพิ่มเติมด้วย AI มาช่วยการประมวลผลให้ดียิ่งขึ้น พ่วงด้วยการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX250 รุ่นใหม่จาก NVIDIA ได้แรม 8GB และ SSD PCIe ความจุ 512GB หน้าจอเป็นพาเนล IPS ความละเอียด Full HD ได้ค่า sRGB ที่ 61%  พร้อม Windows 10 แท้

ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ยังมีพอร์ตมาตรฐานซึ่งมาให้ค่อนข้างครบ Thunderbolt 3 (เป็น USB 3.1 Type-C + DisplayPort + Power Delivery), USB 3.1 Type-A, USB 2.0 Type-A, HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก และ Card Reader มาให้ด้วย ที่สำคัญยังมาพร้อม Dual-Band Intel Wi-Fi 6 (GIG+) 802.11ax ที่แรงขึ้น 3 เท่า และการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 ใหม่ล่าสุด

สเปก Core i5 จะได้ประกันเป็น 2 ปีส่งเคลมศูนย์ปกติ ส่วนสเปก Corei7 จะได้ประกันเป็นแบบ 3 ปี โดยปีแรก On-site Serive ซ่อมฟรีถึงบ้าน และกรณีส่งซ่อมตามศูนย์ก็จะซ่อมอย่างรวดเร็วภายใน 3 ชั่วโมงเหมือนกัน ที่สำคัญคือได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,290 บาท) ไปใช้งานฟรีๆ ติดเครื่องไปใช้งานยาวๆ ได้เลย กับแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานเป็น 10 ชั่วโมง พร้อมยังสามารถชาร์จได้รวดเร็วด้วยการชาร์จเพียง 30 นาที ก็สามารถใช้งานได้ถึง 4 ชั่วโมง

Acer Aspire 3 จอ 15.6″ สเปก Core i Gen 10 เน้นใช้งานทั่วไป ดีไซน์เรียบหรู

Acer Aspire 3 ปี 2019 จัดว่าเป็นโน้ตบุ๊ครุ่นใหม่ ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 อย่าง Core i7-10510U สถาปัตยกรรม Comet Lake ที่ 14 นาโนเมตร ให้ความแรงกว่า Core i Gen 8 รุ่นก่อนๆ พร้อมได้สเปกครบเครื่อง อีกหนึ่งในรุ่นที่น่าสนใจ โดยเป็นโน้ตบุ๊คหน้าจอ 15.6″ ได้ค่า sRGB ที่ 61% มีเทคโนโลยี BlueLightShield กรองแสงสีฟ้า ขอบหน้าจอบางเฉียบ ซึ่งมีความเบาของตัวเครื่อเพียง 1.9 กิโลกรัม เน้นในเรื่องของความครบครันคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายงบสองหมื่นบาทต้นๆ

ด้านการออกแบบดีไซน์ของ Acer Aspire 3 ปี 2019 รุ่นนี้จะมาในสไตล์เรียบๆ ได้หน้าจอแบบขอบจอบาง โดยลักษณะรวมแล้วเป็นสีดำเทาๆ แบบด้านและมีลักษณะพื้นผิวแบบเรียบๆ แต่ดูดี มาพร้อมสเปกและประสิทธิภาพการใช้งานที่ครบครันด้วยสเปกใหม่ล่าสุด ในงบประมาณการเลือกซื้อที่ไม่แพงจนเกินไป ด้านการออกแบบดีไซน์ใหม่นี้จะมาในสไตล์เรียบง่ายแต่มีความสวยงามดูดีเกินราคา ที่บอกเลยว่าไม่แพงเลย เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้กลับมา

โดยได้สเปกที่ครบครันสุดๆ ทั้งการ์ดจอแยกอย่าง NVIDIA GeForce MX230 แรมให้มาไม่ต้องอัพเกรดที่ 8GB DDR4 พร้อม SSD M.2 NVMe  ความจุ 512GB แรงลื่นในตัว ติดตั้งหน้าจอความละเอียด Full HD ที่คมชัด และระบบปฏิบัติการ Windows 10 ใช้งานได้ทันที สำหรับเป็นแบบประกัน 2 ปี มีบริการซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมงด้วย เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา คนทำงาน ที่เอาไปใช้งานทั่วไปตัวเดียวจบ รองรับงานเอกสาร ความบันเทิง เล่นอินเตอร์เน็ต ดูหนังออนไลน์ หรือเล่นเกมเบาๆ ก็ยังพอได้

มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันประมาณนึง ไม่ว่าจะเป็น 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 2.0, HDMI, Lan RJ45 และรูหูฟังกับไมค์แบบ Combo เรียกได้ว่าพอเพียงกับการใช้งานทั่วไปอย่างแน่นอน  แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่มี USB 3.1 Type-C เลย น่าจะให้มาซัก 1 พอร์ต ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายอย่างรองรับทั้ง Bluetooth 4.2 และอินเตอร์เน็ตไร้สายมาตรฐาน Wi-Fi AC แบตเตอรี่ของ Acer Aspire 3 A315-55 ทำงานต่อเนื่องยาวนานได้ราวๆ เกือบ 8 ชั่วโมงต่อเนื่องในการใช้งานอย่างการดูภาพยนตร์และเล่นอินเตอร์เน็ต

Acer Swift 5 จอ 14″IPS เกรดสูง เบาสุดๆ 990 กรัม สเปก Core i Gen 10 + MX250

Acer Swift 5 เป็นโน้ตบุ๊คที่เบามากๆ โดยมีน้ำหนักแค่ 990 กรัมออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ชื่นชอบโน้ตบุ๊กรูปทรงกะทัดรัด พกพาง่าย ทำจากวัสดุที่แข็งแกร่งทนทาน เรียกได้ว่าถือว่าเป็นโน้ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14″ ความละเอียด Full HD พาเนล IPS  ที่เบาที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดก็ว่าได้ ที่สำคัญได้ค่าขอบเขตสี sRGB ที่ 97% โดยบางสุดๆ อยู่ที่ 14.95 มิลลิเมตร แต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่ามาตรฐานโน้ตบุ๊คพกพามาตรฐานระดับสูงอยู่ดี

ตัวเครื่องทำจากอลูมิเมียนผสมแม็กนีเซียมอัลลอยด์ให้น้ำหนักเบาเป็นพิเศษแต่ก็ยังแข็งแรงและทนทาน กับสีสัน Charcoal Blue พร้อมแซมด้วยสีทองตามจุดต่างๆ เหมาะทั้งหนุ่มๆ หรือสาวๆ ยุคใหม่ที่ดูทันสมัยสวยงามลงตัว ส่วนสี Moonstone White นับว่าเป็นอีกสีที่ดูหรูหราไม่แพ้กัน เน้นขาวๆ สะอาดๆ อีกทั้งในรุ่นใหม่นี้ได้ดีไซน์พิเศษโดยมียางรองขอบเครื่องด้านหลังช่วยยกตัวเครื่องให้เอียงสูงขึ้นเมือเรากางหน้าจอ ส่งผลให้พิมพ์ง่ายขึ้นและมุมมองดีขึ้นด้วย

Acer Swift 5 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10เป็นชิปประมวลผล Intel Core i5-1035G1 (1.0 – 3.6GHz) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลที่ดีและสามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้ที่ต้องบอกว่าแรงมากๆ เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ พร้อมการ์ดจอออนชิปรุ่นใหม่ทั้ง G1 ด้วยการที่เป็นสถาปัตยกรรม Ice Lake เทคโนโลยีการผลิต 10 นาโนเมตรรุ่นใหม่ล่าสุด ทำให้ร้อนน้อยกว่าเดิม พร้อมประสิทธิภาพของ AI ที่เร็วขึ้น 2.5-3 เท่า นับว่าก้าวกระโดดจาก Acer Swift 5 รุ่นก่อนพอตัวเลยทีเดียว

มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB DDR4 และ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้ รองรับการสำรองไฟล์ต่างๆ ได้แบบสบายๆ สนับสนุนการทำงานร่วมกับโปรแกรมต่างๆ ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ  ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ ส่วนความบันเทิงดูหนังฟังเพลง ชม Netflix ก็สบายๆ ไปอีก และพอที่จะใช้งานหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอก็พอได้บ้าง รวมไปถึงเล่นเกม 3 มิติก็ลื่นไหล จากการที่มีการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX250 (2GB GDDR5) ที่แรงพอๆ กับ GTX 950M เลยทีเดียว

ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ยังมีพอร์ตมาตรฐานซึ่งมาให้ค่อนข้างครบ เช่น Thunderbolt 3 (เป็น USB 3.1 Type-C + DisplayPort + Power Delivery), USB 3.1 Type-A, USB 2.0 Type-A, HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก และ Card Reader มาให้ด้วย ที่สำคัญยังมาพร้อม Dual-Band Intel Wi-Fi 6 (GIG+) 802.11ax ที่แรงขึ้น 3 เท่า และการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 ใหม่ล่าสุด ได้ประกันจะเป็นแบบ 3 ปี โดยปีแรกเป็นแบบ On-site Serive ซ่อมฟรีถึงบ้าน และกรณีส่งซ่อมตามศูนย์ก็จะซ่อมอย่างรวดเร็วภายใน 3 ชั่วโมงอีกด้วย ที่สำคัญได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,290 บาท) มาใช้งานทันที นับว่าคุ้มค่าจริงๆ ที่เหนือกว่าหลายๆ แบรนด์

Acer Nitro 5 สเปกแรงสุด i7-9750H + GTX 1650 ราคาคุ้ม จอใหญ่ 17.3″ 144Hz ลื่นๆ

Acer Nitro 5 ปี 2019 รุ่นนี้มีความพิเศษตรงที่ได้หน้าจอใหญ่ระดับ 17.3″ และพิเศษเฉพาะที่ร้าน IT City เท่านั้นที่มีจำหน่าย ใช้ชิปประมวลผล Intel Core i5-9300H และใช้การ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce GTX 1650 ในราคา 27,990 บาทเท่านั้น ที่สำคัญได้หน้าจอเป็นพาเนล IPS ที่ 144Hz ซึ่งดูจากราคาค่าตัวแล้วคุ้มค่ามากๆ แน่นอนว่ามี Windows 10 แท้พร้อมใช้งานทันที จากที่ก่อนหน้านี้มีเพียงรุ่นหน้าจอ 15.6″ ให้เลือกเท่านั้น พร้อมด้วยดีไซน์ขอบจอบางเฉียบซึ่งต้องบอกว่าได้รับการออกแบบที่เหมือนกันสำหรับภายนอก แต่ภายในนั้นต่างด้วยสเปกชัดเจน ส่วนฟีเจอร์ CoolBoots ช่วยระบายความร้อนก็ยังมีอยู่เช่นเดิม

เรื่องของการดีไซน์ออกแบบของ Acer Nitro 5 ปี 2019 หน้าจอ 17.3″ หลักๆ ยังมีทรงคล้ายๆ กับรุ่นหน้าจอ 15.6″ แต่มีการปรับให้ตัวเครื่องมีความเล็กกระชับขอบจอบาง วัสดุของตัวเครื่องทั้งหมดจะเป็นพลาสติกเกรดดี สำหรับสีสันก็ยังคงเอกลักษณ์สีดำแซมด้วยสีแดงเอาไว้อยู่ อย่างโดดเด่นและสวยงาม  ส่งผลให้ตัวเครื่องมีความบางเบากว่าเดิมแน่นอน รวมไปถึงการพกพาก็สะดวกยิ่งขึ้น ด้วยขอบจอบางเฉียบ

ให้ที่เก็บข้อมูลมาเป็นมาตรฐาน SSD M.2 NVMe ความจุ 512 GB รองรับการอัปเกรด SSD หรือ HDD 2.5 เพิ่มเติมได้ทีหลังได้อย่างละ 1 ตัว ในส่วนของ RAM ได้มาขนาด 8GB แบบ DDR4 Bus 2666 จำนวน 1 แถว (มีช่องใส่ RAM 2 ช่อง) สำหรับระบบเสียงเป็นลำโพงแบบสเตอริโอ 2.0 ให้เสียงที่ดีในระดับที่น่าพอใจกว่ารุ่นเดิม ประกอบกับมีซอฟต์แวร์จัดการเสียงอย่าง Wave MaxxAudio ทำให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขั้นไปอีก มีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันอีกรุ่นเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-C, 1 x USB 2.0 Type-A , HDMI, RJ45 (Killer E2500) และ Mic-in/Headphone-out แบบ Combo เรียกได้ว่าพอเพียงกับการใช้งานทั่วไปอย่างแน่นอน

น้ำหนักจะอยู่ที่ 2.7 กิโลกรัมถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของ Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ มาพร้อมกล้อง Webcam แบบ HD และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัวแบบตัดเสียง การเชื่อมต่อไร้สายก็มาพร้อมกับ Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 6 AX 2×2 MU-MIMO พร้อมระบบปฎิบัติการติดตั้ง Windows 10 แท้มาให้ในตัว การรับประกัน 3 ปี แบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน หรือจะส่งศูนย์ซ่อมด้วยใน 3 ชั่วโมงก็สามารถทำได้เช่นกัน สำหรับหน้าสเปกก็ตามด้านล่างนี้เลย

Acer Nitro 7 พรีเมียมแรงลื่น สเปก i5-9300H + GTX 1650 จอเทพๆ น่าซื้อที่สุด

ดีไซน์ออกแบบ หลักๆ Acer Nitro 7 ปี 2019 มีทรงคล้ายๆ กับ Acer Nitro 5 แต่มีการปรับให้ตัวเครื่องมีความเล็กกระชับลงอีก ส่งผลให้ตัวเครื่องมีความบางเบากว่าเดิมแน่นอน ซึ่งจากการที่ใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมทำให้ดูแข็งแรงทนทานและหรูหรากว่า Acer Nitro 5 อย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงการพกพาก็สะดวกยิ่งขึ้น อย่าง Acer Nitro 7รุ่นใหม่ หน้าจอ 15.6″ พาเนล IPS สนับสนุน Refresh Rate 144Hz แน่นอนว่าจากการที่เป็นดีไซน์ขอบหน้าจอบาง ก็ทำให้มีขนาดตัวเครื่องพอๆ กับโน้ตบุ๊คหน้าจอ 14″ ที่เป็นขอบหนาๆ นั่นเอง

สีสันก็ยังคงเอกลักษณ์สีดำแซมด้วยสีแดงเอาไว้อยู่ อย่างโดดเด่นและสวยงาม โดยฝาหลังของ Acer Nitro 7 จะเป็นขีดลายขวาง 3 เส้นเว้นระยะกัน รวมไปถึงขอบตัวเครื่องบริเวณฝาพับ Acer Nitro 7 จะเป็นสีดำสีเดียวกับตัวเครื่องพร้อมมีคำว่า Nitro อยู่ เทียบกับฝาหลังของ Acer Nitro 5 จะเป็นลวดลายผิวไม่เรียบบริเวณด้านข้างซ้ายและขวา ส่วนขอบตัวเครื่องบริเวณฝาพับ Acer Nitro 5 จะเป็นสีแดง นั่นทำให้ Acer Nitro 5 และ Acer Nitro 7 มีความแตกต่างที่ชัดเจนกันอยู่

ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-9300H (2.40 – 4.10 GHz) ทำงานแบบ 4 Core/ 8 Thread ประสิทธิภาพดีเยี่ยมรองรับทุกการทำงาน พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงระดับ Dsktop อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR5) สนับสนุนการเล่นเกมได้ลื่นไหล ได้แรมขนาด 8GB DDR 4 Bus 2666 (ใส่ได้อีก 1 แถว สามารถอัพเกรดได้สูงสุด 32 GB) มีที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB (ใส่เพิ่มได้อีก 1 ตัว) พร้อมรองรับการใส่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ อีก 1 ตัว

นอกจากนี้ Acer Nitro 7 มาพร้อมจอแสดงผลแบบด้าน 15.6″ ที่ความละเอียด Full HD ความละเอียด 1920 x 1080 พาเนล IPS เกรดสูง sRGB ที่ 96% แบบ 144Hz ให้สีสันที่สวยงามทุกมุมมองแถมยังลื่นไหล และในส่วนของระบบเสียงเป็นลำโพงแบบสเตอริโอ 2.0 ให้เสียงที่ดีในระดับที่น่าพอใจกว่ารุ่นเดิม ประกอบกับมีซอฟต์แวร์จัดการเสียงอย่าง Wave MaxxAudio ทำให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขั้นไปอีก ส่วนน้ำหนักจะอยู่ที่ 2.5 กิโลกรัมถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″

ตัวหน้าจอยังมาพร้อมกล้อง Webcam แบบ HD และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัวแบบตัดเสียง ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 2.0 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-C, Kensington Lock, 2-in-1 SD, RJ-45 , Headset 3.5mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 802.11 ax (Wi-Fi 6) Dual Band MU-Mimo แถมมีประกัน On-site Service ถึง 3 ปีเต็ม พร้อมบริการซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมง ถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่น่าสนใจที่สุดในช่วงราคานี้อีกรุ่นเลยทีเดียว

from:https://notebookspec.com/recommend-acer-notebook-2019-price-2xxxx-baht/503646/

จัดอันดับ Gaming Notebook ช่วงปลายปี 2019 งบ 2x,xxx บาท ที่แรงลื่น คุ้มค่า น่าซื้อที่สุด

Gaming Notebook ถือว่าเป็น Notebook ประเภทที่ขายดีและมาแรงที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กับช่วงราคา 20,000 – 30,000 บาท จากการพัฒนาของแบรนด์ต่างๆ รวมไปถึงการมาของชิปประมวลผลใหม่อย่าง Intel Core i5-9300H / i7-9750H รวมถึง AMD Ryzen 5 3550H / Ryzen 7 3750H ส่วนการ์ดจอก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กันที่ได้ทั้งแรงและราคาไม่แพงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 / 1660 Ti (ส่วน GTX 1050 ข้ามไปเลย) อีกทั้งล่าสุดยังมีในส่วนของ AMD Radeon RX5500M มาเพิ่มเป็นตัวเลือกด้วย แน่นอนว่าด้วยชิปประมวลผลและการ์ดจอเหล่านี้ทำให้สามารถขับเฟรมเรทในการเล่นเกมออนไลน์หรือออฟไลน์ได้ลื่นไหลแน่นอน

สำหรับรายละเอียดอื่นๆ ก็มีสำคัญไม่เป็นรองกัน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยความจำแรมเป็นขนาด 8GB DDR4 พร้อมได้ที่เก็บข้อมูลเป็น SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB เป็นมาตรฐาน (รองรับการอัพเกรด HDD 2.5″ ได้ภายหลัง) ที่ต้องบอกว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญมากๆ กับการเป็น Gaming Notebook ที่ดีคุ้มค่ากับราคาสุดๆ นอกจากนี้มาตรฐานของหน้าจอก็จะเป็นพาเนล IPS คุณภาพดี ที่ให้สีสันที่สวยงามสดใสมุมมองกว้าง และเกือบทั้งหมดได้ Refresh Rate ที่ 120Hz / 144Hz ซึ่งให้ภาพที่ออกมาดีกว่าพาเนล TN และให้ความลื่นไหลสบายตากว่า 60Hz แบบเดิมๆ

ในบทความนี้จะเป็นการจัดอันดับ Gaming Notebook ช่วงปลายปี 2019 รวมงาน Commart ที่จะถึงช่วงเดือนธันวาคมนี้ด้วย กับงบ 2x,xxx บาท ที่แรงลื่น คุ้มค่า น่าซื้อที่สุด แน่นอนว่าทุกรุ่นที่นำมาแนะนำมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้ ส่วนการรับประกันขึ้นอยู่แต่ละแบรนด์ แต่จะมีดีที่สุดคือ รับประกันแบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน 3 ปี ส่วนจะมีรุ่นอะไร ราคาเท่าไรบ้าง ไปชมกันต่อเลย

HP Pavilion Gaming 15 (AMD) ราคา 23,900 – 30,900 บาท

ดีไซน์โดยรวมของ HP Pavilion Gaming 15 สเปก AMD Ryzen มีความคล้ายคลึงกับสเปกที่เป็น Intel Core i ก็จริงแต่ก็แตกต่างด้วยกันหลายๆ ส่วน ถือว่าน่าประทับใจไม่แพ้กัน กับมิติที่ตัวเครื่องที่เล็กลงเมื่อเทียบ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ รุ่นก่อนๆ โดยบางลงเพียง 23.6 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนักตัวเครื่องที่ 2.3 กิโลกรัม พร้อมขอบหน้าจอบางเฉียบ ทำให้เป็นโน้ตบุ๊คที่สเปกแรงอีกรุ่นที่พกพาไปใช้งานได้สะดวก

HP Pavilion Gaming 15 สเปก AMD Ryzen ตอนนี้จะมีอยู่ 4 สเปก 4 ราคา จำนวน 2 สี คือ ม่วงและเขียว แต่ที่เราจะแนะนำ หลักๆ คือ 2 รุ่น โดยจะเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3550H / AMD Ryzen 7 3750H ซึ่งทำให้การใช้งานโดยรวมลื่นไหลแน่นอน มีรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญมาพร้อมกับการ์ดจอแยกตัวแรง 2 รุ่น อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 / GTX 1660 Ti

พร้อมหน่วยความจำแรมขนาด 8GB มาตรฐาน DDR4 Bus 2400 MHz (แนะนำให้อัพเกรดเป็น 16GB) ฮาร์ดดิสก์แบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB (สามารถเพิ่มเติม HDD 2.5″ ได้ภายหลัง) เรียกได้ว่าเล่นเกมออนไลน์ได้ลื่นไหลแน่นอน ส่วนเกมออฟไลน์ปรับกลางๆ ลื่นไหลทุกเกมสบายๆ ตอบสนองได้คุ้มค่าราคา

ได้หน้าจอแบบด้านขอบจอบาง พาเนล IPS คุณภาพสูง ขนาด 15.6″ ความละเอียด Full HD มาตรฐาน Refresh Rate 144Hz โดดเด่นด้วยค่าขอบเขตสี sRGB ที่ 96% ที่สำคัญได้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ในราคาที่ถูกและคุ้มค่าไม่แพ้ Gaming Notebook หลายๆ รุ่นในตลาด ที่ใช้สเปก AMD Ryzen 5 3550H (หรือ i5-9300H) + GTX 1650 ในรุ่นอื่นๆ ใกล้เคียงกัน ที่สำคัญจัดว่าเป็น Gaming Notebook ที่ใช้การ์ดจอ GTX 1650 ที่ถูกที่สุดในตลาดตอนนี้ก็ว่าได้

นอกจากนี้ยังมีกล้องเว็บความละเอียด HD และมีไมค์ดิจิตอลในตัว การเชื่อมต่อไร้สายเป็น Bluetooth 5.0 และ Realtek Wi-Fi 5 แบบ MU-MIMO มิติของตัวเครื่อง HP Pavilion Gaming 15 เมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊คจอขนาด 15.6 นิ้ว ก็มีขนาดเล็กกว่าอย่างเห็นได้ชัดแถมมีน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 2.3 กิโลกรัม พกพาง่าย พร้อมการรับประกัน 2 ปี ซ่อมฟรีถึงบ้านและบริการช่วยเหลืออื่นๆ อีกด้วย

Acer Nitro 5 / Nitro 7 (22,990 –  25,990 บาท)

สำหรับ Acer Nitro 5 / Nitro 7 ถือว่าเป็น Gaming Notebook มาตรฐานขอบจอบางเฉียบที่มีความใกล้เคียงกันมาก หลักๆ แล้วแตกต่างเครื่องของดีไซน์และน้ำหนักกับความบางอีกเล็กน้อย ซึ่ง Acer Nitro 7 วัสดุจะเป็นอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง ทั้งฝาหลัง ด้านนอก ด้านใน ใต้เครื่อง การออกแบบก็สวยล้ำกว่าเดิม มาพร้อมหน้าจอ 15.6″ Full HD

ที่โดยรวมแล้วดูดีกว่า Acer Nitro 5 อย่างเห็นได้ชัดเจน แต่ก็ยังมีรูปแบบที่คล้ายกันอยู่ อารมณ์แบบแฝดพี่แฝดน้องก็ว่าได้ แต่ให้ความพรีเมียมกว่า ในราคาที่ถูกคุ้มค่าไม่แพ้กัน โดย Acer Nitro 7 มีตัวเครื่องบางเพียง 19.9 มิลลิเมตร และเบาเพียง 2.5 กิโลกรัมเท่านั้น ส่วน Acer Nitro 5 เบากว่าที่ 2.3 กิโลกรัม

Acer Nitro 5 / Nitro 7 รุ่นสเปกที่แนะนำ ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-9300H (2.40 – 4.10 GHz) ทำงานแบบ 4 Core/ 8 Thread ประสิทธิภาพดีเยี่ยมรองรับทุกการทำงาน พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงระดับ Dsktop อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR5) สนับสนุนการเล่นเกมได้ลื่นไหล ได้แรมขนาด 8GB DDR 4 Bus 2666 (ใส่ได้อีก 1 แถว สามารถอัพเกรดได้สูงสุด 32 GB แนะนำให้อัพเกรดเป็น 16GB ก็เพียงพอแล้ว) มีที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB (ใส่เพิ่มได้อีก 1 ตัว) พร้อมรองรับการใส่ HDD 2.5″ อีก 1 ตัว

นอกจากนี้ Acer Nitro 5 / Nitro 7มาพร้อมจอแสดงผลแบบด้าน 15.6″ ที่ความละเอียด Full HD ความละเอียด 1920 x 1080 พาเนล IPS เกรดสูง ค่าขอบเขตสี sRGB ที่ 96% แบบ Refresh Rate 144Hz ให้สีสันที่สวยงามทุกมุมมองพร้อมลื่นไหล และในส่วนของระบบเสียงเป็นลำโพงแบบสเตอริโอ 2.0 ให้เสียงที่ดีในระดับที่น่าพอใจมากๆ ประกอบกับมีซอฟต์แวร์จัดการเสียงอย่าง Wave MaxxAudio ทำให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขั้นไปอีก ส่วนน้ำหนักจะอยู่ที่ 2.3 – 2.5 กิโลกรัมถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″

ตัวหน้าจอยังมาพร้อมกล้อง Webcam แบบ HD และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัวแบบตัดเสียง ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 2.0 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-C, Kensington Lock, 2-in-1 SD, RJ-45 , Headset 3.5mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 6 AX Dual Band MU-Mimo (ส่วน Nitro 5 เป็น Wi-Fi 5 AC) สำคัญคือมีประกัน On-site Service ถึง 3 ปีเต็ม พร้อมบริการซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมง ถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่น่าสนใจที่สุดในช่วงราคานี้อีกรุ่นเลยทีเดียว

MSI Alpha 15 ราคา 27,900 บาท

สำหรับ MSI Alpha 15 ที่เป็น Gaming Notebook ตระกูลใหม่จากทาง MSI โดยเป็นการแยกตัวมาจาก G Series แบบเดิมๆ จัดได้ว่าเป็น Gaming Notebook รุ่นแรกของโลก ที่มาพร้อมกับชิปประมวลผล AMD Ryzen 7 3750H ตัวแรง จับคู่มากับการ์ดจอ AMD Radeon RX 5500M (4GB GDDR6) สถาปัตยกรรม RDNA เทคโนโลยี 7 นาโนเมตร ที่ให้ประสิทธิภาพความแรงใกล้เคียงกับ NVIDIA GeForceGTX 1660 Ti แน่นอนว่าทางฝั่งของ AMD ต้องมาพร้อมกับราคาที่คุ้มค่ากว่า ด้วยราคาเพียง 27,900 บาทเท่านั้น จัดว่าคุ้มค่าสุดๆ ในช่วงราคานี้

ดีไซน์โดยรวมยังคงกลิ่นอายของ MSI G Series ซึ่งมีความใกล้เคียงกับ GL65 มาพร้อมโลโก้ใหม่เป็นรูปนก Phoenix สีเขียว ที่เดิมๆ เป็นมังกร ย้ำให้เห็นถึงความแตกต่างตามสไตล์เอเชีย จากการใช้สเปกเป็น AMD แท้ๆ ทั้งชิปประมวลผลและการ์ดจอที่เชื่อได้ว่าสเปกอื่นๆ ก็คงจัดเต็มไม่แพ้กันอย่างแรมขนาด 8GB และ SSD M.2 NVMe ที่มาตรฐานความจุ 512GB ที่ในส่วนของหน้าจอจะเป็นขนาด 15.6″ แบบขอบจอบาง ความละเอียดที่ Full HD พาเนล IPS ค่าขอบเขตสี sRGB ที่ 59%รองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz พร้อมใช้สนับสนุน AMD FreeSync ทำให้ภาพลื่นไหลภาพไม่ฉีกขาด

ตัวเครื่องยังมีลำโพง 2 ชาแนลแบบ Giant Speaker บนซอฟแวร์เสียง Nahimic 3 ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type-A จำนวน 3 ช่อง, USB 3.2 Type-C หนึ่งช่อง, HDMI, mini-DisplayPort, SD(XC/HC) card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45 แบบ Killer Gaming LAN

การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi AC น้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัม ได้ประกันระยะเวลา 1 ปี (รุ่นอื่นๆ ของ MSI เป็น 2 ปี) มี Windows 10 แท้ โดยสนนราคาอยู่ที่ 27,900 บาท ถือว่าเป็น Gaming Notebook ในช่วงราคานี้ที่น่าสนใจมากๆ เพราะได้ทั้งสเปกและฟีเจอร์ที่จัดเต็มเหมือนตระกูล G Series อย่าง GL65 ในราคาถูกลงกว่าเดิมเยอะ

HP Pavilion Gaming 15 (Intel) ราคา 24,990 – 28,990 บาท

HP Pavilion Gaming 15 ในสเปกที่เป็นสเปกชิปประมวล Intel Core i จะมีความแตกต่างจาก AMD กับมิติที่ตัวเครื่องที่บางและเบากว่า รวมไปถึงดีไซน์การออกบบต่างๆ และชุดระบายความร้อน โดยมีความบางเพียง 23.4 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนักตัวเครื่องที่ 2.25 กิโลกรัมใ ช้เป็นโทนสีดำตลอดทั้งตัวเครื่องตัดกับสีม่วงและยังมีสีเขียว

โดยฝาหลังของตัวเครื่องมีโลโก้ HP เป็นเอกลักษณ์สีม่วงหรือเขียวสะดุดตาด้านบน ประกอบกับพื้นผิวสีดำด้านให้ความรู้สึกเป็น Gaming ที่ดี วัสดุทั้งหมดของตัวเครื่องพลาสติกเกรดดี ด้านหลังได้มีการวางตำแหน่งช่องระบายความร้อนแบบคู่แยกซ้ายขวาออกจากกัน ซึ่งมีการออกแบบได้ดูดุดันคล้ายรถสปอร์ตพร้อมขนาดที่ใหญ่ขึ้น

โดยจะเป็นชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 อย่าง Core i5-9300H และ Core i7-9750H ซึ่งทำให้การใช้งานโดยรวมลื่นไหลแน่นอน มีรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญมาพร้อมกับการ์ดจอแยกตัวแรง 2 รุ่น อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR5) พร้อมหน่วยความจำแรมขนาด 8GB มาตรฐาน DDR4 bus 2666 ฮาร์ดดิสก์แบบปกติที่ความจุ 1TB ความเร็ว 7200 รอบ (สามารถปรับเปลี่ยนเพิ่มเติม ด้วยการอัพเกรด SSD แบบ M.2 PCIe NVMe ซึ่งควรอัพเกรดทันทีตั้งแต่ซื้อเครื่องมาจากร้าน) เรียกได้ว่าเล่นเกมออนไลน์ได้ลื่นไหลแน่นอน ส่วนเกมออฟไลน์ปรับกลางๆ ลื่นไหลทุกเกมสบายๆ ตอบสนองได้คุ้มค่าราคา

นอกเหนือจากนั้นยังได้หน้าจอแบบด้านขอบจอบาง พาเนล IPS คุณภาพสูง ขนาด 15.6″ ความละเอียด Full HD รองรับ Refresh Rate ที่ 60Hz ให้เลือก ที่สำคัญได้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ในราคาที่ถูกและคุ้มค่าไม่แพ้ Gaming Notebook หลายๆ รุ่นในตลาด ที่ใช้สเปก i5-9300H + GTX 1650 / i7-9750H + GTX 1650 แต่อย่างไรก็ตาม ข้อสังเกตุก็คือได้หน้าจอ 60Hz เท่านั้น ไม่เหมือนรุ่นอื่นๆ ที่ได้ 120 – 144Hz

นอกจากนี้ยังมีกล้องเว็บความละเอียด HD และมีไมค์ดิจิตอลในตัว การเชื่อมต่อไร้สายเป็น Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi แบบ Intel Wireless-AC 9560 พร้อมการรับประกัน 2 ปี On-site Serive ซ่อมฟรีถึงบ้านและบริการช่วยเหลืออื่นๆ อีกด้วย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการโน้ตบุ๊คเพื่อการเล่นเกมรวมไปถึงงานหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอ ที่สำคัญดีไซน์การออกแบบยังก้าวล้ำด้วยความดุดันและจริงจัง Gaming มากกว่าเดิม ซึ่งตรงนี้ก็ต้องยอมรับว่าเป็น Gaming Notebok อีกรุ่นที่น่าสนใจในตลาด ณ ตอนนี้เลย

ASUS TUF Gaming FX505DT/DU ราคา 24,900 – 29,900 บาท

ASUS TUF Gaming FX505DT/DU ได้ขอบหน้าจอที่บาง ส่งผลให้ตัวเครื่องมิติโดยรวมมีความเล็กกระทัดรัดลง แม้เป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ แต่ก็มีความใกล้เคียงกับโน้ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14″ แบบสมัยก่อนๆ มาก ส่วนน้ำหนักก็อยู่ที่ 2.2 กิโลกรัม จัดได้ว่าเป็น Notebook ที่สเปกแรงมากๆ แต่น้ำหนักเบาๆ พกพาสะดวก มีความทนทานระดับ Military Grade ต่อแรงกระแทก อุณหภูมิสูงต่ำ ความชื้น ความกดอากาศ และแสงแดด เรียกได้ว่าเป็น Gaming Notebook น้อยรุ่นนักที่มาพร้อมคุณสมบัติแบบนี้

นอกจากนี้ยังเป็นเรื่องของระบบระบายความร้อนก็ใช้ระบบ Hyper Cool สามารถปรับเร่งรับได้ ฟินระบายความร้อนสีแดง พร้อมมี Anti-Dust Tunnel สำหรับเป่าฝุ่นออกมาให้อีกด้วย จัดเต็มจริงๆ ให้มาครบไม่มีกั๊ก ส่วนของคีย์บอร์ดจะให้ไฟ RGB แบบ All Zone ปุ่ม WASD ทำไฮไลท์ไว้ สามารถรองรับการกดได้ 20 ล้านครั้ง Travel Key 1.8 mm การวางเลเอาท์จะเหมือนกับคีย์บอร์ดแยกจริงๆ

สเปกของ ASUS TUF Gaming FX505DT/DU ใช้ชิปประมวลผลเป็น AMD Ryzen 5 3550H / AMD Ryzen 7 3750H ทำงานแบบ 4 Core/8 Thread ด้วยความเร็ว 2.3 – 4GHz สถาปัตยกรรม 12 นาโนเมตร ประสิทธิภาพแรง พร้อมฟีเจอร์มากมาย เช่น SenseMI คอยจัดการให้เหมาะสมกับการใช้งานอย่างที่ไม่มีใน Intel  ผสานกับการ์ดจอออนบอร์ดที่เป็น Radeon RX Vega 8/10 ส่วนการ์ดจอได้ตัวแรงมาตรฐานอย่าง GTX 1650 และแรงสุดในงบด้วย GTX 1660 Ti (6GB GDDR6)

สเปกอื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ได้หน้าจอที่ 120Hz แบบ NanoEdge ขอบจอบาง ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ขนาด 15.6″ ได้ค่าขอบเขตสี sRGB ที่ 61% ส่วนแรมขนาด 8GB 1 แถว DDR4 2400MHz(สามารถติดตั้งแรมได้สูงสุด 32GB) และให้ที่เก็บข้อมูลมาตรฐาน SSD NVMe PCIe ความจุ 512GB เป็นมาตรฐาน รวมไปรองรับการอัพเกรดเพิ่มฮาร์ดดิสก์ปกติ 2.5″ SATA 3 ด้วย อีกทั้งการเชื่อมต่อก็ครบถ้วนด้วยมาตรฐาน Wi-Fi AC และ Bluetooth 5.0  พร้อมกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอลในตัว

ASUS TUF Gaming FX505DT/DU มาพร้อมกับระบบปฎิบัติการติดตั้ง Windows 10 แท้มาให้ในตัว การรับประกัน 2 ปี ส่งเคลม 7-11 และที่สำคัญเมื่อเอาซีเรียลไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ ASUS จะได้รับประกันอุบัติเหตุฟรี 1 ปีแรกจากทาง ASUS อีกด้วย อุ่นใจจัดเต็ม

from:https://notebookspec.com/top-chart-gaming-notebook-last-2019-or-commart/503188/

จัดอันดับ Acer โน้ตบุ๊ครุ่นใหม่ Aspire / Swift / Nitro คุ้มๆ แรงๆ ตัวไหน ราคาเท่าไร เหมาะกับใครบ้าง

ตลอดเวลาที่ผ่านมาหลายปีสำหรับตลาดคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊คในบ้านเรา นับได้ว่า Acer ทำยอดขายมาเป็นอันดับ 1 มาโดยตลอด จากที่ตัวผลิตภัณฑ์มีคณภาพมาตรฐาน ตอบโจทย์ของเพื่อนๆ ได้อย่างหลากหลาย ซึ่งมีสเปกและช่วงราคาที่มากมายเพียงพอกับความต้องการต่างๆ ในตลาด แน่นอนว่าปี 2019 นี้ ทาง Acer ก็ได้ส่งโน้ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ มาเพียบ ทั้งเน้นความคุ้มค่า บางเบา ครบเครื่อง รวมไปถึงรุ่นที่เป็น Gaming ไม่ว่าจะเป็นรุ่นที่เป็น Acer Aspire Series / Acer Swift Series / Acer Nitro Series

ในบทความนี้เราก็มาแนะนำพร้อมอัพเดทจัดอันดับ Acer โน้ตบุ๊ครุ่นใหม่ คุ้มๆ แรงๆ ตัวไหน ราคาเท่าไร เหมาะกับใครบ้าง เพราะล่าสุดมีสเปกใหม่ๆ เข้ามามากมาย ทั้งชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 ที่ทำให้รุ่นเก่าๆ ที่ใช้ Intel Core i Gen 8 ไม่น่าซื้ออีกต่อไป จากการที่ได้ Thunderbolt 3 + WiFi 6 AX ส่วนสเปกแรงๆ ที่มาพร้อมชิปประมวลผล Intel Core i Gen 9 รหัส H + การ์ดจอ GTX Series ก็มีการปรับราคาให้ถูกลงไปอีก จับต้องได้ง่ายกว่าเดิม เรียกได้ว่างบไม่ถึง 20,000 บาท ก็ได้สเปกระดับ Gaming Notebook กันแล้ว โดยแบ่งออกเป็น 5 รุ่นดังต่อไปนี้

Acer Aspire 3 เน้นถูกคุ้มที่สุด ได้ Core i Gen 10

Acer Aspire 3 A315-55 จัดว่าเป็นโน้ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ชิปประมวลผล Intel Core i Gen 10 ทั้ง Core i5-10210U หรือ Core i7-10510U สถาปัตยกรรม Comet Lake ที่ 14 นาโนเมตร ให้ความแรงกว่า Core i Gen 8 รุ่นก่อนๆ พร้อมได้สเปกครบเครื่อง อีกหนึ่งในรุ่นที่น่าสนใจ โดยเป็นโน้ตบุ๊คหน้าจอ 15.6″  ซึ่งมีความเบาของตัวเครื่อเพียง 1.9 กิโลกรัม ดีไซน์การออกแบบก็มีความสวยงามลงตัว เน้นในเรื่องของความครบครันคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายงบหมื่นกว่าบาท ถูกสุดเริ่มต้นที่ 17,990 บาท ที่บอกเลยว่าไม่แพงเลย เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้กลับมา

โดยได้สเปกที่ครบครันสุดๆ ทั้งการ์ดจอแยกอย่าง NVIDIA GeForce MX230 แรมให้มาไม่ต้องอัพเกรดที่ 8GB DDR4 พร้อม SSD M.2 NVMe  ความจุ 512GB แรงลื่นในตัว หรืออยากได้รุ่นที่เป็น SSD 128GB + HDD 1TB ก็มีให้เลือกกัน ติดตั้งหน้าจอความละเอียด Full HD ที่คมชัด และระบบปฏิบัติการ Windows 10 ใช้งานได้ทันที สำหรับเป็นแบบประกัน 2 ปี มีบริการซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมงด้วย เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา คนทำงาน ที่เอาไปใช้งานทั่วไปตัวเดียวจบ รองรับงานเอกสาร ความบันเทิง เล่นอินเตอร์เน็ต ดูหนังออนไลน์ หรือเล่นเกมเบาๆ ก็ยังพอได้

สเปกเต็มๆ ของ Acer Aspire 3 A315-55 แบ่งออกเป็น 3 รุ่น 3 ราคา ด้วยชิปประมวลผล Intel Core i5-10210U จำนวน 2 รุ่น และ Intel Core i7-10510U อีก 1 รุ่น โดยมีราคา 17,990 / 18,790 / 21,990 บาท เรียกได้ว่าเลือกตามความต้องการ ของลักษณะการใช้งานแต่ละคนได้เลย ซึ่งในส่วนของสเปกชิปประมวลผล Intel Core i5-10210U เป็นการทำงานแบบ 4 Core 8 Thread ความเร็ว 1.6GHz (เร่งไปได้สูงสุดที่ 4.2GHz)และรุ่นชิปประมวลผล Intel Core i7-10510U ที่เป็นการทำงานแบบ 4 Core 8 Thread ความเร็ว 1.8GHz (เร่งไปได้สูงสุดที่ 4.9GHz) โดยทั้ง 2 รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ 14 นาโนเมตร มีค่า TDP ที่ 25Watt เป็นสถาปัตยกรรม Comet Lake เหมือนกัน

สำหรับการ์ดจอก็แน่นอนว่าต้องเป็น Intel UHD Graphics 620 ที่ติดมาในซีพียูจาก Intel พร้อมการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX230 (2GB GDDR5) ที่แรงพอเล่นเกมออนไลน์ได้บ้าง มาพร้อมแรมขนาด 8GB DDR4 ที่เพียงพอ สนับสนุนการทำงานลื่นไหลด้วย SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB หรือ SSD 128GB + HDD 1TB ที่สำคัญได้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ใช้งานได้ทันทีตั้งแต่เปิดเครื่องในครั้งแรก กับราคาเพียง 17,990 – 23,990 บาท ถือว่าราคาไม่แพงเลย ถ้าเทียบกับความสดใหม่และสเปกโดยรวมที่ได้ โดยทุกรุ่นได้การรับประกันเป็น 2 ปี โดยมีบริการซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมงด้วย

Acer Swift 3 สเปก Core i Gen 10 บางเบา ของครบ

Acer Swift 3 โน้ตบุ๊คบางเบารุ่นใหม่ที่คุ้มค่าที่น่าจับตามองที่สุด ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 13,990 บาท แต่ได้สเปกครบครันครบเครื่อง พร้อมมีพอร์ตเทพ Thunderbolt 3 ด้วย สีสันเป็น Steel Gray ออกแนวเทาๆ เงินๆ (สีที่ได้รับมารีวิว) หรือสีชมพู Millennial Pink ที่เหมาะกับทั้งหนุ่มๆ ลุคเท่แบบคลูๆ หรือสาวๆ ที่ดูน่ารักสดใส แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานเป็น 10 ชั่วโมง พร้อมยังสามารถชาร์จได้รวดเร็วด้วยการชาร์จเพียง 30 นาที ก็สามารถใช้งานได้ถึง 4 ชั่วโมง

Acer Swift 3 ได้สเปกชิปประมวลผล Intel  Core i Gen 10 สถาปัตยกรรม Ice Lake เทคโนโลยีการผลิตที่ 10 นาโนเมตร ทั้ง Core i3-1005G1 / Core i5-1035G1 / Core i7-1065G7  ที่แรงกว่าเดิม  พร้อมจัดเต็มเรื่องความคุ้มค่า การพกพา ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 1.19 กก. และบางเพียง 15.95มม. เท่านั้น ได้ดีไซน์ขอบจอบางเฉียบ และสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมกว่าเดิม เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา คนทำงาน ที่ต้องการโน้ตบุ๊คคุ้มค่า หรูหรา บางเบา จบครบในเครื่องเดียว ได้ประกัน 2 ปี หรือ 3 ปียาวๆ โดยปีแรกจะเป็นแบบ On-site Service ด้วย พร้อมได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,290 บาท) ไปใช้งานฟรีๆ ด้วย

Acer Swift 3 SF314-57G มีอยู่ 3 รุ่นหลักๆ ด้วยกันคือ Core i3-1005G1 ราคา 13,990 บาท / Core i5-1035G1 ราคา 20,990 บาท / Core i7-1065G7 ราคา 23,990 บาท ที่เป็นชิปประมวลผลสถาปัตยกรรม Ice Lake เทคโนโลยีที่ 10 นาโนเมตร ที่เล็กและร้อนน้อยกว่าเดิม เพิ่มเติมด้วย AI มาช่วยการประมวลผลให้ดียิ่งขึ้น

สำหรับรุ่น i5 / i7 พ่วงด้วยการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX250 รุ่นใหม่จาก NVIDIA ได้แรม 8GB และ SSD PCIe ความจุ 512GB หน้าจอเป็นพาเนล IPS ความละเอียด Full HD พร้อม Windows 10 แท้ ประกันเป็น 2 ปี หรือ 3 ปี (ปีแรก On-site) พร้อมส่งศูนย์ซ่อมด้วยใน 3 ชั่วโมงด้วย ที่สำคัญคือได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,290 บาท) ไปใช้งานฟรีๆ ติดเครื่องไปใช้งานยาวๆ ได้เลย

ส่วนสเปกอื่นๆ รุ่น i3 จะให้แรมมา 8GB + SSD 256GB ส่วนรุ่น Core i5 / i7 แรมให้มาขนาด 8GB DDR4 เพียงพอต่อการใช้งานทันที ส่วน SSD M.2 NVMe มีมาให้ขนาด 512GB มาพร้อมความเร็วสูงและพื้นที่ใส่ไฟล์ใหญ่ๆ ได้สบายๆ นอกจากนี้ยังมีเรื่องจอที่ได้กล่าวไปแล้วว่าใช้จอขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลคุณภาพสูง IPS แบบจอด้านลดแสงสะท้อน พร้อมได้มุมมองที่กว้างและสีสันสดใส

ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ยังมีพอร์ตมาตรฐานซึ่งมาให้ค่อนข้างครบ Thunderbolt 3 (เป็น USB 3.1 Type-C + DisplayPort + Power Delivery), USB 3.1 Type-A, USB 2.0 Type-A, HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก และ Card Reader มาให้ด้วย ที่สำคัญยังมาพร้อม Dual-Band Intel Wi-Fi 6 (GIG+) 802.11ax ที่แรงขึ้น 3 เท่า และการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 ใหม่ล่าสุด

สนนราคารุ่น 13,990 บาท / 20,990 บาท ประกันจะเป็น 2 ปีส่งเคลมศูนย์ปกติ ส่วนรุ่นราคา 23,990 บาทจะได้ประกันเป็นแบบ 3 ปี โดยปีแรก On-site Serive ซ่อมฟรีถึงบ้าน และกรณีส่งซ่อมตามศูนย์ก็จะซ่อมอย่างรวดเร็วภายใน 3 ชั่วโมงเหมือนกัน สามารถชมหน้าสเปกเต็มๆ ได้ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้เลย

Acer Aspire 7 สวยหรู แรงลื่น ราคาคุ้ม สเปก i5 + GTX 1050

Acer Aspire 7 ปี 2019 เครื่องนี้ดีไซน์ออกมาใหม่หมด ขอบหน้าจอบางเฉียบ โดยใช้วัสดุประกอบหลักเป็นโลหะอลูมิเมียมซึ่งทำให้ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาและแข็งแรง เรียกได้ว่าได้รับการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้าพอสมควร ส่งผลให้ดีไซน์โดยรวมดูแล้วมีความเรียบหรูกว่าเดิมค่อนข้างมาก เรียกได้ว่ามีการนำการออกแบบของ Nitro 5 / 7 มาปรับใช้ให้เข้ากับตัวเครื่องก็ว่าได้ ส่วนน้ำหนักจะอยู่ที่ 2.35 กิโลกรัม ถือว่าพกพาให้สะดวกสบายในระดับหนึ่ง

ส่วนของฝาหลังจะเป็นสีดำวัสดุเป็นอลูมิเนียม เรียบๆ ให้ผิวสัมผัสที่ดี ดูมีความพรีเมียมกว่าโน้ตบุ๊คทั่วไป พร้อมโลโก้ Acer สีเงินตรงกลางตามมาตรฐาน สำหรับขอบตัวเครื่องมีความโค้งมนเพื่อความสวยงาม ส่วนด้านในบอดี้ส่วนที่เป็นคีย์บอร์ดก็จะเป็นอลูมิเนียมสีดำที่ดูหรูหราไม่เบาเลยทีเดียว แต่จุดที่สำคัญเลยสำหรับรุ่นนี้คือ แกนฝาพับหน้าจอที่เป็นสีเทาสวยงามสีตัดกับตัวเครื่อง อีกทั้งยังสามารถกางหน้าจอได้มากกว่า 180 องศาอีกด้วย ซึ่งแทบจะมีไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่ทำได้

ในเรื่องของสเปค Acer Aspire 7 ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-9300H ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 2.40GHz และเร่งความเร็วด้วย TurboBoost ได้ถึง 4.1GHz เป็นแบบ 4 Cores/ 8 Thread ประสิทธิภาพสูงกว่ารหัส U ทั่วไป พร้อมกราฟิคการ์ดตัวแรงระดับ Desktop อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050 (3GB GDDR5) มีที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 8GB แบบ DDR4 สามารถอัพเกรดได้สูงสุด 32 GB มี Windows 10 แท้ใช้งานได้ทันที

นอกจากนี้ Acer Aspire 7 มาพร้อมจอแสดงผลแบบด้าน 15.6 นิ้ว ที่ความละเอียด Full HD ความละเอียด 1920 x 1080 พาเนล IPS ให้สีสันที่สวยงามในระดับที่ดีกว่าโน้ตบุ๊คธรรมดาทั่วไป พร้อมค่ามาตรฐานขอบเขตสี sRGB ที่ 95% เลยทีเดียว รองรับการทำงานระดับจริงจังเรื่องงานกราฟิกหรือตัดต่อวีดีโอได้สบายๆ และในส่วนของระบบเสียงเป็นลำโพงแบบสเตอริโอ 2.0 ให้เสียงที่ดีระดับที่น่าพอใจ

ตัวหน้าจอยังมาพร้อมกล้อง Webcam แบบ HD และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัวแบบตัดเสียง ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-C, 1 x USB 2.0 Type-A , Kensington Lock, 2-in-1 SD, RJ-45 , Headset 3.5mm และมี Finger Print สำหรับสแกนลายนิ้วมืออีกด้วย พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi Intel Dual Band มาตรฐานIntel Wi-Fi 6 (GIG+) 802.11ax ที่แรงขึ้น 3 เท่า โดยมีประกัน On-site Service ถึง 3 ปีเต็ม ด้วยราคาเพียง 18,990 บาทเท่านั้น ถือว่าเป็นโน้ตบุ๊คสายทำงานที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

Acer Nitro 7 พรีเมียม สเปก i5 + GTX 1650 คุ้มค่ากว่าเดิม

Acer Nitro 7 AN715-51-53UV รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมสเปกชิปประมวลผล Core i5-9300H และการ์ดจอ GTX 1650 (4GB DDR5) ดีไซน์มาตรฐานขอบจอบางเฉียบ วัสดุเป็นอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง ทั้งฝาหลัง ด้านนอก ด้านใน ใต้เครื่อง การออกแบบก็สวยล้ำกว่าเดิม มาพร้อมหน้าจอ 15.6″ Full HD ที่โดยรวมแล้วดูดีกว่า Acer Nitro 5 อย่างเห็นได้ชัดเจน แต่ก็ยังมีรูปแบบที่คล้ายกันอยู่ อารมณ์แบบแฝดพี่แฝดน้องก็ว่าได้ แต่ให้ความพรีเมียมกว่า ในราคาที่ถูกคุ้มค่าไม่แพ้กัน มีตัวเครื่องบางเพียง 19.9 มิลลิเมตร และเบาเพียง 2.5 กิโลกรัมเท่านั้น

Acer Nitro 7 ที่นอกจากจะได้ชิปประมวลผลและการ์ดจอระดับ Gaming แรงๆ แล้ว ยังมาพร้อมกับ SSD M.2 NVMe ที่ 512GB ความเร็วสูงระดับ 2900 MB/s และแรมมาตรฐาน 8GB DDR4 Buss 2666 MHz และหน้าจอ 144Hz พาเนล IPS ที่ได้ค่า sRGB 95% จัดเต็มกันไปเลยจริงๆ โดยรองรับเป็นแบบ NVMe 2 ช่อง ที่เราสามารถเพิ่มแล้วต่อ Raid ได้ด้วย พร้อม HDD 2.5″ สามารถอัพเกรดเพิ่มได้ แน่นอนว่ามาพร้อมการรับประกัน 3 ปี แบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน หรือส่งศูนย์เองก็ซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมงด้วย

ก่อนหน้านี้ Acer Nitro 7 มาพร้อมกับสเปกใหม่ล่าสุดด้วยชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ที่สำคัญได้การ์ดจอรุ่นใหม่มาเสริมทัพอัพเดทอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti ที่เป็นรุ่นใหม่ของ GTX เน้นความแรงและคุ้มค่าเป็นหลัก มีจำหน่ายด้วยกัน 3 รุ่นย่อย แต่ในตอนนี้ได้มีสเปกใหม่ที่แรงไม่แพ้กัน ด้วยชิปประมวลผล Core i5-9300H + GeForce GTX 1650 เป็นจัดว่าเป็น Acer Nitro 7 ราคาถูกที่สุดในตลาดตอนนี้ก็ว่าได้ เพียง 25,990 บาทเท่านั้น

ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i5-9300H (2.40 – 4.10 GHz) ทำงานแบบ 4 Core/ 8 Thread ประสิทธิภาพดีเยี่ยมรองรับทุกการทำงาน พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงระดับ Dsktop อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR5) สนับสนุนการเล่นเกมได้ลื่นไหล ได้แรมขนาด 8GB DDR 4 Bus 2666 (ใส่ได้อีก 1 แถว สามารถอัพเกรดได้สูงสุด 32 GB) มีที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB (ใส่เพิ่มได้อีก 1 ตัว) พร้อมรองรับการใส่ฮาร์ดดิสก์ขนาด 2.5″ อีก 1 ตัว

มาพร้อมจอแสดงผลแบบด้าน 15.6″ ที่ความละเอียด Full HD ความละเอียด 1920 x 1080 พาเนล IPS เกรดสูง แบบ 144Hz ให้สีสันที่สวยงามทุกมุมมอง และในส่วนของระบบเสียงเป็นลำโพงแบบสเตอริโอ 2.0 ให้เสียงที่ดีในระดับที่น่าพอใจกว่ารุ่นเดิม ประกอบกับมีซอฟต์แวร์จัดการเสียงอย่าง Wave MaxxAudio ทำให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขั้นไปอีก ส่วนน้ำหนักจะอยู่ที่ 2.5 กิโลกรัมถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″

ตัวหน้าจอยังมาพร้อมกล้อง Webcam แบบ HD และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัวแบบตัดเสียง ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 2.0 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-C, Kensington Lock, 2-in-1 SD, RJ-45 , Headset 3.5mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi 802.11 ax (Wi-Fi 6) Dual Band MU-Mimo แถมมีประกัน On-site Service ถึง 3 ปีเต็ม พร้อมบริการซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมง ถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่น่าสนใจที่สุดในช่วงราคานี้อีกรุ่นเลยทีเดียว

Acer Swift 5 บางเฉียบ เบา 990 กรัม ลื่นแรงด้วยการ์ดจอแยก

Acer Swift 5 SF514-54 รุ่นใหม่ปลายปี 2019 มาพร้อมสเปกชิป Intel Core i Gen 10 ผสานการทำงานกับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX250 แบ่งออกด้วยกันเป็น 2 สเปกด้วยกัน มาพร้อมหน้าจอ 14″ โดยมีน้ำหนักเพียง 990 กรัมเท่านั้น ส่วนสเปกอื่นๆ ก็ครบครัน รองรับการทำงานที่เต็มที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานเอกสาร ความบันเทิง หรืองานประมวลผลหนักๆ ก็พอได้เลย เหมาะกับคนทำงาน นักเรียน นักศึกษา ที่ต้องการโน้ตบุ๊คที่เบาที่สุดแต่ได้การ์ดจอแยกด้วย แบตเตอรี่ได้ยาวนานกว่า 10 ชั่วโมง

Acer Swift 5 ผลิตจากวัสดุอุปกรณ์ที่ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น ตัวฐาน บริเวณที่วางมือ และฝาครอบทำจากอลูมิเมียนผสมแม็กนีเซียมอัลลอยด์ให้น้ำหนักเบาเป็นพิเศษแต่ก็ยังแข็งแรงและทนทาน กับสีสัน Charcoal Blue พร้อมแซมด้วยสีทองตามจุดต่างๆ เหมาะทั้งหนุ่มๆ หรือสาวๆ ยุคใหม่ที่ดูทันสมัยสวยงามลงตัว โดยในส่วนสี Moonstone White ก็เป็นอีกสีที่น่าสนใจ นับว่าเป็นอีกสีที่ดูหรูหราไม่แพ้กัน

Acer Swift 5 SF514-54 ปี 2019 สเปก Core i Gen 10 มาพร้อมกับ 2 สเปก 2 ราคา ที่เป็นชิปประมวลผล Intel Core i5-1035G1 (1.0 – 3.6GHz) หรือ Intel Core i7-1065G7 (1.3 – 3.9GHz) ซึ่งเป็นชิปประมวลผลใช้พลังงานไฟต่ำมาก มีความเร็วในการประมวลผลที่ดีและสามารถเร่งประสิทธิภาพขึ้นไปได้ที่ต้องบอกว่าแรงมากๆ เป็นซีพียูแบบ 4 Core 8 Threads ที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป

หรือถ้างานที่ต้องประมวลผลหนักก็รองรับได้อย่างสบายๆ พร้อมการ์ดจอออนชิปรุ่นใหม่ทั้ง G1 / G7 ที่ดีขึ้นกว่าเดิม และด้วยการที่เป็นสถาปัตยกรรม Ice Lake เทคโนโลยีการผลิต 10 นาโนเมตรรุ่นใหม่ล่าสุด ทำให้ร้อนน้อยกว่าเดิม พร้อมประสิทธิภาพของ AI ที่เร็วขึ้น 2.5-3 เท่า นับว่าก้าวกระโดดจาก Acer Swift 5 รุ่นก่อนพอตัวเลยทีเดียว

มาพร้อมแรมภายในขนาด 8GB – 16GB DDR4 และ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ที่สามารถขับเคลื่อนระบบปฏิบัติการ Windows 10 ลิขสิทธิ์ที่มีมาให้ รองรับการสำรองไฟล์ต่างๆ ได้แบบสบายๆ สนับสนุนการทำงานร่วมกับโปรแกรมต่างๆ ถือได้ว่าในส่วนของการใช้งานทั่วไปโดยรวมนั้นสอบผ่านแบบสบายๆ

ทั้งในส่วนของการเล่นเว็บไซต์ งานเอกสาร งานตกแต่งรูปภาพ รวมถึงงานตัดต่อวิดีโอ ส่วนความบันเทิงดูหนังฟังเพลง ชม Netflix ก็สบายๆ ไปอีก และพอที่จะใช้งานหนักๆ อย่างตัดต่อวีดีโอก็พอได้บ้าง รวมไปถึงเล่นเกม 3 มิติก็ลื่นไหล จากการที่มีการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce MX250 (2GB GDDR5) ที่แรงพอๆ กับ GTX 950M เลยทีเดียว

ส่วนเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อนั้นก็ยังมีพอร์ตมาตรฐานซึ่งมาให้ค่อนข้างครบ เช่น Thunderbolt 3 (เป็น USB 3.1 Type-C + DisplayPort + Power Delivery), USB 3.1 Type-A, USB 2.0 Type-A, HDMI สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก และ Card Reader มาให้ด้วย ที่สำคัญยังมาพร้อม Dual-Band Intel Wi-Fi 6 (GIG+) 802.11ax ที่แรงขึ้น 3 เท่า และการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.0 ใหม่ล่าสุด

ได้ประกันจะเป็นแบบ 3 ปี โดยปีแรกเป็นแบบ On-site Serive ซ่อมฟรีถึงบ้าน และกรณีส่งซ่อมตามศูนย์ก็จะซ่อมอย่างรวดเร็วภายใน 3 ชั่วโมงอีกด้วย ที่สำคัญได้โปรแกรม Office Home & Student 2019 (มูลค่า 4,290 บาท) มาใช้งานทันที นับว่าคุ้มค่าจริงๆ ที่เหนือกว่าหลายๆ แบรนด์

from:https://notebookspec.com/top-chart-acer-aspire-swift-nitro-2019/502082/

Review – Acer Nitro 7 Core i5-9300H + GTX 1650 + จอ 144Hz IPS sRGB 95% ราคาแค่ 25,990 บาท

Acer Nitro 7 AN715-51-53UV ที่มาพร้อมสเปกชิปประมวลผล Core i5-9300H และการ์ดจอ GTX 1650 (4GB DDR5) ดีไซน์มาตรฐานขอบจอบางเฉียบ วัสดุเป็นอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง ทั้งฝาหลัง ด้านนอก ด้านใน ใต้เครื่อง การออกแบบก็สวยล้ำกว่าเดิม มาพร้อมหน้าจอ 15.6″ Full HD ที่โดยรวมแล้วดูดีกว่า Acer Nitro 5 อย่างเห็นได้ชัดเจน แต่ก็ยังมีรูปแบบที่คล้ายกันอยู่ อารมณ์แบบแฝดพี่แฝดน้องก็ว่าได้ แต่ให้ความพรีเมียมกว่า ในราคาที่ถูกคุ้มค่าไม่แพ้กัน มีตัวเครื่องบางเพียง 19.9 มิลลิเมตร และเบาเพียง 2.5 กิโลกรัมเท่านั้น

Acer Nitro 7 รุ่นนี้มีราคาเพียง 25,990 บาท ที่นอกจากจะได้ชิปประมวลผลและการ์ดจอระดับ Gaming แรงๆ แล้ว ยังมาพร้อมกับ SSD M.2 NVMe ที่ 512GB ความเร็วสูงระดับ 2900 MB/s และแรมมาตรฐาน 8GB DDR4 Buss 2666 MHz และหน้าจอ 144Hz พาเนล IPS ที่ได้ค่า sRGB 95% จัดเต็มกันไปเลยจริงๆ โดยรองรับเป็นแบบ NVMe 2 ช่อง ที่เราสามารถเพิ่มแล้วต่อ Raid ได้ด้วย พร้อม HDD 2.5″ สามารถอัพเกรดเพิ่มได้ แน่นอนว่าทุกรุ่นมาพร้อมการรับประกัน 3 ปี แบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน หรือส่งศูนย์เองก็ซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมงด้วย

from:https://notebookspec.com/review-acer-nitro-7-core-i5-9300h-gtx-1650/502136/

Review – Acer Nitro 7 Core i5-9300H + GTX 1650 + จอ 144Hz IPS sRGB 95% ราคาแค่ 25,990 บาท

Acer Nitro 7 AN715-51-53UV ที่มาพร้อมสเปกชิปประมวลผล Core i5-9300H และการ์ดจอ GTX 1650 (4GB DDR5) ดีไซน์มาตรฐานขอบจอบางเฉียบ วัสดุเป็นอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง ทั้งฝาหลัง ด้านนอก ด้านใน ใต้เครื่อง การออกแบบก็สวยล้ำกว่าเดิม มาพร้อมหน้าจอ 15.6″ Full HD ที่โดยรวมแล้วดูดีกว่า Acer Nitro 5 อย่างเห็นได้ชัดเจน แต่ก็ยังมีรูปแบบที่คล้ายกันอยู่ อารมณ์แบบแฝดพี่แฝดน้องก็ว่าได้ แต่ให้ความพรีเมียมกว่า ในราคาที่ถูกคุ้มค่าไม่แพ้กัน มีตัวเครื่องบางเพียง 19.9 มิลลิเมตร และเบาเพียง 2.5 กิโลกรัมเท่านั้น

Acer Nitro 7 รุ่นนี้มีราคาเพียง 25,990 บาท ที่นอกจากจะได้ชิปประมวลผลและการ์ดจอระดับ Gaming แรงๆ แล้ว ยังมาพร้อมกับ SSD M.2 NVMe ที่ 512GB ความเร็วสูงระดับ 2900 MB/s และแรมมาตรฐาน 8GB DDR4 Buss 2666 MHz และหน้าจอ 144Hz พาเนล IPS ที่ได้ค่า sRGB 95% จัดเต็มกันไปเลยจริงๆ โดยรองรับเป็นแบบ NVMe 2 ช่อง ที่เราสามารถเพิ่มแล้วต่อ Raid ได้ด้วย พร้อม HDD 2.5″ สามารถอัพเกรดเพิ่มได้ แน่นอนว่าทุกรุ่นมาพร้อมการรับประกัน 3 ปี แบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน หรือส่งศูนย์เองก็ซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมงด้วย

from:https://notebookspec.com/review-acer-nitro-7-core-i5-9300h-gtx-1650-%e0%b8%88%e0%b8%ad-144hz-ips-srgb-95-%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%b2%e0%b9%81%e0%b8%84%e0%b9%88-25990-%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%97/502136/

จัดอันดับ Gaming Notebook การ์ดจอ GTX 1660Ti + RAM 8GB + SSD 512GB แรงลื่นของครบ ถูกสุด 29,900 บาท

Gaming Notebook ในช่วงปลายปี 2019 มีให้เลือกซื้อกันหลากหลายรุ่นหลากหลายสเปกมากๆ โดยมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ไม่ถึง 20,000 บาท จนไปถึงหลายหมื่นบาท ตามแต่และความแรงรวมไปถึงฟีเจอร์ Gaming ต่างๆ ซึ่งแต่แบรนด์ก็นำเสนอให้เราได้เลือกสรรค์กันมากมาย ซึ่งจากการที่แอดมินโป้งทดสอบ Gaming Notebook มาหลายรุ่น ทำให้ทราบถึงว่าสเปกแบบไหนที่เราน่าซื้อหามาเล่นเกมกันอย่างคุ้มค่า โดยให้ประสิทธิภาพต่อราคาที่ดีที่สุด ในบทความนี้เราก็จะมาคัดสรรแนะนำพร้อมจัดอันดับรุ่นที่น่าซื้อ ให้เพื่อนๆ ได้ชมกันแบบง่ายๆ

โดยมีเงื่อนไขสเปกก็คือ ต้องเป็นการ์ดจอตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1660Ti ที่ให้ประสิทธิภาพการเล่นเกมที่ดีในราคาที่ไม่สูงเกินไป มีความแรงใกล้เคียงกับรุ่นพี่อย่าง RTX 2060 ก็ว่าได้ เหมาะสมกับการเล่นเกมออนไลน์ออฟไลน์ทั้งหมด ที่สำคัญควรต้องใช้แรมขนาด 16GB ถึงจะเพียงพอต่อการใช้งานที่สามารถขับเฟรมเรทได้ลื่นไหลว่า 8GB อย่างแน่นอน ซึ่งก็ขอแนะนำให้อัพเกรดเป็น 16GB ทันที (ถ้าเพิ่มงบอีกหน่อยได้)

และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ที่เก็บข้อมูลต้องเป็น SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB ถึงจะเรียกได้ว่าแรงลื่นทั้งระบบ ไม่มีอาการคอขวดให้รำคาญใจกันไป ปิดท้ายด้วยชิปประมวลผลกหรือ CPU ก็มีให้เลือกทั้ง Intel Core i Gen 9 รหัส H และ AMD Ryzen 3000 Series รหัส H ขึ้นอยู่กับงบประมาณกันอีกที  แน่นอนว่ามาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่ใช้งานได้ทันที ตั้งแต่เปิดเครื่องในครั้งแรก ซึ่งบทความนี้เราจะพาไปจัดอันดับ Gaming Notebook การ์ดจอ GTX 1660Ti + RAM 8GB + SSD 512GB แรงลื่นของครบ ถูกสุด 29,900 บาท ส่วนจะมีรุ่นไหนบ้าง ไปดูกันต่อเลย

ASUS TUF Gaming FX505DU-AL052T ราคา 29,900 บาท

ASUS TUF Gaming FX505DU ก็มีความน่าสนใจเช่นเดิม อย่างในเรื่องของขอบหน้าจอบาง  นั่นก็ทำให้ตัวเครื่องมิติโดยรวมมีความเล็กกระทัดรัดลง แม้เป็น Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ แต่ก็มีความใกล้เคียงกับโน้ตบุ๊คขนาดหน้าจอ 14″ แบบสมัยก่อนๆ มาก ส่วนน้ำหนักก็อยู่ที่ 2.2 กิโลกรัม จัดได้ว่าเป็น Notebook ที่สเปกแรงมากๆ แต่น้ำหนักเบาๆ พกพาสะดวก มีความทนทานระดับ Military Grade ต่อแรงกระแทก อุณหภูมิสูงต่ำ ความชื้น ความกดอากาศ และแสงแดด เรียกได้ว่าเป็น Gaming Notebook น้อยรุ่นนักที่มาพร้อมคุณสมบัติแบบนี้

สเปกของ ASUS TUF Gaming FX505DU ใช้ชิปประมวลผลเป็น AMD Ryzen 7 3750H ทำงานแบบ 4 Core/8 Thread ด้วยความเร็ว 2.3 – 4GHz สถาปัตยกรรม 12 นาโนเมตร ประสิทธิภาพแรง พร้อมฟีเจอร์มากมาย เช่น SenseMI คอยจัดการให้เหมาะสมกับการใช้งานอย่างที่ไม่มีใน Intel  ผสานกับการ์ดจอออนบอร์ดที่เป็น Radeon RX Vega 10 ส่วนการ์ดจอก็อย่างที่รู้กันดีคือ GTX 1660 Ti (6GB GDDR6) ที่นับว่าเป็นรุ่นที่ถูกที่สุดในตลาดตอนนี้ก็ว่าได้ ส่วนแรมขนาด 8GB 1 แถว DDR4 2666MHz และให้ SSD NVME PCIe ความจุ 512GB เป็นมาตรฐาน (สามารถเพิ่มเติม HDD 2.5″ ได้ภายหลัง)

ได้หน้าจอที่ 120Hz แบบ NanoEdge ขอบจอบาง ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ขนาด 15.6″ ได้ค่าขอบเขตสีมาตรฐาน sRGB 61% และ AdobeRGB 45% สามารถติดตั้งแรมได้สูงสุด 32GB DDR4 Bus 2400MHz รวมไปถึงที่เก็บข้อมูลก็รองรับทั้ง SSD M.2 และฮาร์ดดิสก์ปกติ SATA 3 ด้วย อีกทั้งการเชื่อมต่อก็ครบถ้วนด้วยมาตรฐาน Wi-Fi AC และ Bluetooth 5.0  พร้อมกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอลในตัว

ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาให้พอตัวทั้ง HDMI, 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 2.0, Kensington lock slot, LAN RJ-45, รูหูฟังกับไมค์แบบ Combo ซึ่งพอร์ตเชื่อมต่อทั้งหมดจะอยู่ด้านซ้ายมือตัวเครื่อง พร้อมระบบปฎิบัติการติดตั้ง Windows 10 แท้มาให้ในตัว การรับประกัน 2 ปี ส่งเคลม 7-11 และที่สำคัญเมื่อเอาซีเรียลไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ ASUS จะได้รับประกันอุบัติเหตุฟรี 1 ปีแรกจากทาง ASUS อีกด้วย อุ่นใจจัดเต็ม

HP Pavilion Gaming 15-ec0015ax ราคา 30,900 บาท

ดีไซน์โดยรวมของ HP Pavilion Gaming 15 สเปก AMD Ryzen มีความคล้ายคลึงกับสเปกที่เป็น Intel Core i แต่ก็แตกต่างด้วยกันหลายๆ ส่วน ถือว่าน่าประทับใจไม่แพ้กัน กับมิติที่ตัวเครื่องที่เล็กลงเมื่อเทียบ Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ รุ่นก่อนๆ โดยบางลงเพียง 23.6 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนักตัวเครื่องที่ 2.3 กิโลกรัม พร้อมขอบหน้าจอบางเฉียบ ทำให้เป็นโน้ตบุ๊คที่สเปกแรงอีกรุ่นที่พกพาไปใช้งานได้สะดวก ด้านในตัวเครื่องมาพร้อมสีสันที่โดดเด่นดำม่วง (หรือเขียว) เช่นเดียวกัน วัสดุจะเป็นพลาสติกเกรดดีให้ความรู้สึกที่แข็งแรง ตัดด้วยไฟสีม่วง (หรือเขียว)จากแป้นคีย์บอร์ดแบบใหม่ ที่ช่วยเสริมความสวยงามได้ดี

HP Pavilion Gaming 15 สเปก AMD รุ่นที่แนะนำจะเป็น Ryzen 7 3750H จำนวน 2 สี คือ ม่วงและเขียว หลักๆ โดยจะเป็นชิปประมวลผล AMD Ryzen 5 3550H เพียงรุ่นเดียว ซึ่งทำให้การใช้งานโดยรวมลื่นไหลแน่นอน มีรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญมาพร้อมกับการ์ดจอแยกตัวแรง 2 รุ่น อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti (6GB GDDR6) พร้อมหน่วยความจำแรมขนาด 8GB มาตรฐาน DDR4 Bus 2400MHz ฮาร์ดดิสก์แบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB (สามารถเพิ่มเติม HDD 2.5″ ได้ภายหลัง) เรียกได้ว่าเล่นเกมออนไลน์ได้ลื่นไหลแน่นอน ส่วนเกมออฟไลน์ปรับกลางๆ ลื่นไหลทุกเกมสบายๆ ตอบสนองได้คุ้มค่าราคา

ได้หน้าจอแบบด้านขอบจอบาง พาเนล IPS คุณภาพสูง ขนาด 15.6″ ความละเอียด Full HD ที่ 144Hz  มาตรฐาน sRGB ที่ 96% และ AdobeRGB ที่ 72% ที่สำคัญได้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ในราคาที่ถูกและคุ้มค่าไม่แพ้ Gaming Notebook หลายๆ รุ่นในตลาด ที่ใช้สเปก AMD Ryzen 7 3750H (หรือ i5-9300H) + GTX 1660 Ti ในรุ่นอื่นๆ ใกล้เคียงกัน ที่สำคัญจัดว่าเป็น Gaming Notebook ที่ใช้การ์ดจอ GTX 1660 Ti

นอกจากนี้ยังมีกล้องเว็บความละเอียด HD และมีไมค์ดิจิตอลในตัว การเชื่อมต่อไร้สายเป็น Bluetooth 5.0 และ Realtek Wi-Fi 5 แบบ MU-MIMO มิติของตัวเครื่อง HP Pavilion Gaming 15 เมื่อเทียบกับโน้ตบุ๊คจอขนาด 15.6 นิ้ว ก็มีขนาดเล็กกว่าอย่างเห็นได้ชัดแถมมีน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 2.3 กิโลกรัม พกพาง่าย พร้อมการรับประกัน 2 ปี ซ่อมฟรีถึงบ้านและบริการช่วยเหลืออื่นๆ อีกด้วย

MSI GF75 Thin 9SD-009TH ราคา 34,900 บาท

หน้าตาการออกแบบ MSI GF75 Thin 9SD  มีความโดดเด่นทั้งในส่วนของดีไซน์ภายนอกภายใน ด้วยความโดดเด่นที่สวยดุดันตามสไตล์ของ Gaming Notebook ที่บรรดาเกมเมอร์ชื่นชอบกัน ใช้เป็นโทนสีดำตลอดทั้งตัวเครื่องตัดกับสีแดงเช่นเดิม ซึ่งเป็น Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ขอบจอบาง ที่เน้นความบางเบาเช่นเดียวกัน ซึ่งด้วยน้ำหนัก 2.2 กิโลกรัม และมีความบางที่ 22~23.1 มิลลิเมตร ทำให้เป็น Gaming Notebook หน้าจอ 17.3″ ที่เล็ก บางเบา กระทัดรัด ที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาดตอนนี้เลย

แม้เป็น Gaming Notebook หน้าจอขนาด 17.3″ พาเนล IPS ความละเอียด Full HD พร้อมรองรับ Refresh Rate ที่ 120Hz มาตรฐาน sRGB ที่ 64% AdobeRGB ที่ 47%  พร้อม Ergonomics View Design ที่ช่วยยกตัวให้สูงขึ้นจากพื้น ส่งผลให้พัดลมสามารถดูดลมเย็นเข้าไปได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งการเอียงของตัวเครื่องเล็กน้อยนั้น ก็ทำให้พิมพ์สัมผัสได้ถนัดมือยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเอง ส่วนคีย์บอร์ดจะเป็นไซต์มาตรฐานมี Numpad ไว้ใชงานแป้นตัวเลขตามปกติ

MSI GF75 Thin 9SD ใช้สเปกตัวแรงลื่นเน้นประสิทธิภาพ ด้วยชิปประมวลผล Intel Core i5-9300H ทำงานแบบ 4 คอร์ 8 เธร์ด ที่ความเร็ว 2.4 – 4.1 GHz และการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti (6GB GDDR6) ประสิทธิภาพแรงรองมาจาก RTX Sereis เท่านั้น ส่วนของแรมมีขนาด 16GB DDR4 Bus 2666MHz แบบ 8GB x 2 (Dual Channel) มีที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB พร้อมรองรับการอัพเกรดด้วย HDD 2.5″ อีก 1 ตัว ตัวเครื่องยังมีลำโพง 2.0 ชาแนลบนซอฟแวร์เสียง Nahimic 3 ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย

ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.2 Type A Gen 1 จำนวนสามช่อง, USB 3.1 Type-C Gen 1 หนึ่งช่อง, HDMI, SD(XC/HC) card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45  การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.0 และ Wireless มาตรฐาน 802.11 แบบ ac มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.2 กิโลกรัม ประกัน 2 ปี มี Windows 10 แท้ โดยสนนราคาอยู่ที่ 34,900 บาท

Acer Nitro 7 AN715-51-79G1 ราคา 39,990 บาท

ดีไซน์ออกแบบ หลักๆ Acer Nitro 7 ยังมีทรงคล้ายๆ กับ Acer Nitro 5 แต่มีการปรับให้ตัวเครื่องมีความเล็กกระชับลงอีก ส่งผลให้ตัวเครื่องมีความบางเบากว่าเดิมแน่นอน ซึ่งจากการที่ใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมทำให้ดูแข็งแรงทนทานและหรูหรากว่า Acer Nitro 5 อย่างเห็นได้ชัด ขอบหน้าจอที่บางเฉียบที่ 7.48 มิลลิเมตร พื้นที่แสดงผลเป็น 78% ส่งผลให้มิติโดยรวมตัวเครื่องทั้งหมดมีขนาดที่เล็กกระชับ ฝาหลังที่เป็นอะลูมิเนียมดูสวยงามดุดัน โดยมีความบางที่ 19.9 มิลลิเมตรเท่านั้น รวมไปถึงการพกพาก็สะดวกยิ่งขึ้น กับน้ำหนักเบาเพียง 2.5 กิโลกรัม  โดยติดตั้งลำโพง Waves MaxxAudio และ  Killer Ethernet E2500 RJ-45 อีกเช่นกัน ให้ประสบการณ์การใช้งานเล่นเกมที่เยี่ยมของเกมเมอร์ทีเดียว

สเปก i7-9750H + GTX 1660 Ti ราคา 37,990 บาท ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-9750H (2.60 – 4.50 GHz) ทำงานแบบ 6 Core/12 Thread ประสิทธิภาพไว้ใจได้ แรงกว่า i7-8750H พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงระดับ Desktop อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti (6GB GDDR6) รุ่นใหม่ มีที่เก็บข้อมูลแบบ SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB โดยติดตั้งมาแล้ว 2 ช่อง (รองรับ SSD M.2 อีก 1 ช่อง สามารถทำ Raid ได้) พร้อมรองรับการอัพเกรด HDD 2.5″ ได้ภายหลัง ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 8 GB แบบ DDR 4 Bus 2666 สามารถอัพเกรดได้สูงสุด 32 GB

นอกจากนี้ Acer Nitro 7 มาพร้อมจอแสดงผลแบบด้าน 15.6″ ที่ความละเอียด Full HD ความละเอียด 1920 x 1080 พาเนล IPS แบบ 144Hz ให้สีสันที่สวยงามทุกมุมมอง ได้มาตรฐาน sRGB ที่ 96% และ Adobe RGB ที่ 72% และในส่วนของระบบเสียงเป็นลำโพงแบบสเตอริโอ 2.0 ให้เสียงที่ดีในระดับที่น่าพอใจกว่ารุ่นเดิม ประกอบกับมีซอฟต์แวร์จัดการเสียงอย่าง Wave MaxxAudio ทำให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขั้นไปอีก ส่วนน้ำหนักจะอยู่ที่ 2.5 กิโลกรัมถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″

ตัวหน้าจอยังมาพร้อมกล้อง Webcam แบบ HD และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัวแบบตัดเสียง ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง HDMI, 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 2.0 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-C, Kensington Lock, 2-in-1 SD, RJ-45 , Headset 3.5mm พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 5.0 และ Wi-Fi Intel Dual Band MU-Mimo มาตรฐาน 802.11a/b/g/n/ac แถมมีประกัน On-site Service ถึง 3 ปีเต็ม ถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่น่าสนใจที่สุด ณ เวลานี้อีกรุ่นเลยทีเดียว

Lenovo Legion Y545-81Q60016TA ราคา 42,900 บาท

Lenovo Legion Y545 เป็นรุ่นใหม่สดกว่า Lenovo Legion Y540 ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง Gaming Notebook ยอดนิยมประจำปี 2019 ที่มาพร้อมความแตกต่างจากดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย กับหน้าจอขนาด 15.6″ ขอบจอบาง ความละเอียด Full HD 1920 x 1080 พิกเซล พาเนลเป็น IPS คุณภาพให้สีสันสวยงาม พร้อม Refresh Rate ที่ 144Hz เหมาะสมที่สุดสำหรับการเล่นเกมและความบันเทิงอื่นๆ โดดเด่นด้วยวัสดุของตัวเครื่องทั้งหมดเป็นอลูมิเนียมที่ให้ทั้งความสวยงามแข็งแรงทนทานสัมผัสดี เหนือชั้นกว่า Gaming Notebook ทั่วไป ซึ่งมีน้ำหนักเพียง 2.35 กก. และความบางสุดเพียง 24.7 – 26.6 มม. เท่านั้น สีสันพรีเมียม Iron Grey ที่ดูเท่และดุดันไปพร้อมๆ กัน

วัสดุที่ใช้ในการประกอบตัวเครื่องนั้นจะเป็นอลูมิเนียมเป็นหลักมีการใช้พลาสติกในบางส่วน โดยเลือกใช้พลาสติกเกรดสูงที่ให้สัมผัสที่ดีอีกทั้งยังทนทานไม่เป็นรอยง่ายๆ งานประกอบรวมก็มีคุณภาพมาตรฐาน สำหรับฝาหลังให้ความรู้สึกถึงพื้นผิวที่เรียบเนียนมีความมันวาวเล็กน้อยพร้อมโลโก้ Y ขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางฝาหลังที่มีความชัดเจนเป็นเอกลักษณ์ของ Legion Y Series รวมถึงมีไฟ LED สีขาว โดยบานพับเป็นแบบแกนเดียวที่มีความแข็งแรงทนทาน บอกได้เลยว่าประทับใจในการออกแบบส่วนนี้มากๆ เพราะดูสวยงามลงตัวและแตกต่างชัดเจนกว่ารุ่นก่อนๆ

สเปกเต็มๆ ของ Lenovo Legion Y545 ใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-9750H (2.60 – 4.50 GHz) ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด และประสิทธิภาพไว้ใจได้ พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงอย่าง NVIDIA GeForce GTX 1660Ti (6GB GDDR6) พร้อมติดตั้ง SSD NVME แบบ M.2 ความจุ 512GB ไว้ด้วย ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 8GB แบบ DDR4 Bus 2666 MHz ระบบปฎิบัติการเป็น Windows 10 แท้ ได้หน้าจอขนาด 15.6″ แบบด้าน ขอบหน้าจอบางพิเศษเป็น ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ให้สีสันสวยงามและมุมมองที่กว้าง เหมาะกับการทำงานหรือเล่นเกม อีกทั้งมี Refresh Rate ที่ 144Hz ทำให้ลื่นไหลแบบสุดๆ กับมาตรฐาน sRGB ที่ 93% / AdobeRGB ที่ 70%

พร้อมด้วยกล้องเว็บแคม HD (720p) และมีไมค์ดิจิตอลในตัว ส่วนการเชื่อมต่อก็มีมาอย่างครบถ้วน ทั้ง USB 3.1 Type-C, mini DisplayPort, HDMI, 3 x USB 3.1 Type-A, Kensington lock slot , SD Card Reader, RJ-45 , Headset พร้อมยังรองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Bluetooth 4.2 และ Wi-Fi มาตรฐาน AC (2×2) แบบ Killer Wireless ส่วนการรับประกันแน่นอนว่าเป็นประกัน 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน จาก Lenovo Thailand พิเศษสุดๆ กับโปรแกรม Microsoft Office อย่าง Word / Excel / Power Point มูลค่า 4,290 บาท ที่สามารถใช้งานได้ตลอดอายุการใช้งาน

from:https://notebookspec.com/top-chart-gaming-notebook-gtx-1660ti/500469/

ซื้อ Acer Nitro 5 / Nitro 7 รุ่นไหนดี ? มีสเปกอะไรบ้าง ? แล้วซื้อรุ่นไหนคุ้มค่าที่สุด ?

ถือว่าเป็นเรื่องราวดีที่ Gaming Notebook ในตลาดปี 2019 มีให้เลือกซื้อกันอย่างมากมาย โดยในส่วนของ Acer Nitro 5 และ Acrt Nitro 7 ก็เป็นโน้ตบุ๊คเล่นเกมรุ่นแรก ๆ ที่หลายคนนำมาเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจเลือกซื้อกัน ซึ่งก็เป็นเพราะสเปกที่ได้มีความแรงลื่น รวมไปถึงมีความหลากหลาย

ทั้งชิปประมวลผล Intel Core i5-9300H/i7-9750H ส่วนการ์ดจอก็มีทั้ง NVIDIA GeForce GTX 1050 / GTX 1650 / GTX 1660 Ti ส่งผลให้มีช่วงราคาที่เหมาะสมตามงบประมาณของแต่ละคนด้วย (สเปก AMD Ryzen 5 3550H + Radeon RX560X หรือรุ่นเก่า i5-8300H + GTX 1050 ก็มีให้เลือกอีก) โดยเริ่มต้นราคาไม่ถึง 20,000 บาท จนไปถึงเกือบ 40,000 บาท

นอกจากนี้ในเรื่องของดีไซน์การออกแบบตัวเครื่องก็ทำได้ดุดันสวยงามลงตัว งานประกอบเรียบร้อย ถูกใจบรรดา Gamer นักเล่นเกม ที่สำคัญในเรื่องของฟีเจอร์อื่นๆ ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ทั้งคีย์บอร์ดมีไฟสีแดง หน้าจอ IPS แบบ 144Hz ลื่นไหลคุณภาพสูง รวมไปถึงระบบระบายความร้อน CoolBoots และการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบ Killer LAN ส่งผลให้ประสบการณ์ใช้งานดีเยี่ยมทั้งหมด ปิดท้ายด้วยการที่ Acer Nitro 5 / Nitro 7 ได้รับการรับประกันขั้นเทพแบบ 3 ปี On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน หรือส่งศูนย์ซ่อมด่วนเองก็เพียง 3 ชั่วโมง กรณีถ้านานกว่านั้นก็มีเครื่องสำรองให้ใช้งานด้วย

ซึ่งในตอนนี้ Acer Nitro 5 รุ่นปี 2019 ที่มีจำหน่ายในตอนนี้ มีให้เลือกถึง 10 รุ่น 10 สเปกด้วยกัน ส่วน Acer Nitro 7 นั้นก็มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น เรียกได้ว่าอาจจะทำให้หลายๆ คนเลือกซื้อกันไม่ถูกว่ารุ่นไหนเหมาะกับเราดี ในบทความนี้เราจะมาแนะนำกันว่า จริงๆ แล้ว การใช้งานแบบต่างๆ นั้น เหมาะที่จะซื้อ Acer Nitro 5/ Nitro 7 รุ่นไหนกันแน่ ???

Acer Nitro 5 ถูกที่สุด แต่ได้สเปกดีมี SSD 512GB ไม่ถึง 20,000 บาท

เป็น Gaming Notebook เน้นราคาถูกที่สุดจากทาง Acer กับ Acer Nitro 5 รุ่นก่อนหน้าที่มีการปรับปรุงใหม่ในเรื่องของที่เก็บข้อมูลแบบ SSD มาพร้อมกับสเปกเล่นเกมไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผล Intel Core i5-8300H จับคู่มากับการ์ดจออย่าง NVIDIA GeForce GTX 1050 อีกทั้งได้แรมมาเลยที่ขนาด 8GB ที่เพียงพอในการเล่นเกมอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามด้วยดีไซน์เดิมๆ ขอบจอยังหนาตัวเครื่องยังหลักอยู่ ถ้ารับได้กับราคาต่อประสิทธิภาพก็ถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่น่าซื้อมาใช้งานอยู่

*** Acer Nitro 5 รุ่นใหม่ดีกว่ารุ่นเก่าตรงที่ ตัวเครื่องมีความบางเบากว่า ขอบจอบางลงเยอะ สเปกใหม่ล่าสุดทั้งชิปประมวลผลและการ์ดจอ รองรับการใส่ SSD M.2 NVMe สองช่อง ระบบระบายความร้อนดีขึ้น พอร์ตการเชื่อมต่อได้ USB 3.1 Type-A สองช่อง เป็นต้น

Acer Nitro 5 สเปกแรงคุ้มค่า ราคา 20,000 บาทกลางๆ

สำหรับคนที่เพิ่มงบได้อีกและอยากได้ดีไซน์และฟีเจอร์ Acer Nitro 5 รุ่นปัจจุบัน รุ่นที่มาพร้อมกับสเปก AMD Ryzen 5 3550H + RX560X ก็ตอบโจทย์อยู่ ความแรงพอๆ กับรุ่นราคา 19,990 บาท แต่ได้หน้าจอที่ดีกว่าทั้งคุณภาพและ 144Hz แต่กรณีที่อยากไดเป็นฝั่ง Intel ก็ต้องเพิ่มงบขยับขึ้นมาอีกหน่อย ซึ่งรุ่นราคา 23,900 บาท

แนะนำเลยว่าให้ซื้อ SSD M.2 ความจุ 128GB มาติดตั้งทันที (ราคาประมาณ 1,000 บาท) โดยในสูนย์บริการ Acer ทำให้ฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย หรือถ้าจบๆ ไปงบไม่เกี่ยง ก็รุ่นราคา 26,990 บาท ได้ทั้ง SSD 512GB + จอ 144Hz ไปเลย ส่วนจะอัพเกรดเพิ่มฮาร์ดดิสก์ 2.5″ SATA 3 ภายหลังหรือไม่ ก็แล้วแต่ก็ใช้งาน

Acer Nitro 5 สเปกแรงขึ้น งบไม่เกิน 30,000 บาท

Acer Nitro 5 ในรุ่นราคา 25,990 บาท ดูมีความน่าสนใจมากๆ คือได้ i5-9300H + GTX 1650 ที่เป็นการ์ดจอตัวแรงคุ้มกว่า GTX 1050 โดยส่วนตัวแนะนำเป็นรุ่นนี้ แล้วให้ติดตั้งอัพเกรดเพิ่ม SSD M.2 ความจุ 128GB ทันที (ราคาประมาณ 1,000 บาท) หรือจะใส่ความจุมากกว่านี้ก็แล้วแต่สะดวก  ซึ่งประสิทธิภาพต่อราคาก็จะคุ้มค่าที่สุด

ส่วนถ้าจะเลือกเป็นจอ 144Hz รุ่นราคา 27,990 บาท ก็น่าสนใจอยู่ แต่ก็ต้องไปหา SSD M.2 มาเพิ่มอยู่ดี หรือถ้างบถึงรุ่น 28,990 บาท ก็จัดไปเลยก็ได้ คือได้ SSD 512GB + จอ 144Hz อย่างน้อยสุดก็ไม่ต้องไปอัพเกรดให้ยุ่งยาก ส่วนจะเพิ่มฮาร์ดดิสก์ 2.5″ SATA 3 ภายหลังหรือไม่ก็แล้วแต่สะดวก แต่ก็อัพเกรดเองได้ไม่ยากแล้ว

Acer Nitro 5 ประสิทธิภาพสูงกว่า งบ 30,000 บาท +

มาถึง Acer Nitro 5 รุ่นราคามากกว่า 30,000 บาท สำหรับสเปก i7-9750H + GTX 1050 เหมาะสำหรับคนที่ต้องการชิปประมวลผลแรงๆ ในราคาถูกที่สุด แต่ยังไงก็ต้องอัพเกรดเพิ่ม SSD M.2 อยู่ดีเพิ่มประสบการณ์ใช้งานที่ดีลื่นไหล เน้นการทำงานพวกตัอต่อวีดีโอเป็นหลักเป็นต้น คือไม่เน้นเล่นเกมมากแค่เล่นเกมบ้าง รวมไปถึงไม่ต้องจอ 144Hz

ส่วนรุ่นราคา i5-9300H + GTX 1660 Ti คือเน้นหนักเล่นเกมไปเลย ด้วยการ์ดจอี่แรงสุดของ GTX 16 Series ใกล้เคียงกับ RTX 2060 ทีเดียว แต่ก็อย่าลืมว่าเราต้องใส่ SSD M.2 เพิ่มอยู่ดี เผื่องบประมาณไว้ด้วย รวมไปถึงจอก็ได้แค่ 60Hz อันนี้อยู่ที่ว่ารับได้ไหม ส่วนตัวเอาจริงๆ 60Hz ก็เพียงพอแล้วกับสเปกประมาณนี้

หรือกรณีอยากไปให้สุดของ Acer Nitro 5 ก็ดูเป็นรุ่นราคา 36,990 บาท คือได้ทั้ง i7-9750H แรมที่ 16GB พร้อม SSD 512GB และหน้าจอ 144Hz แต่ๆ การ์ดจอที่ให้มาเป็น GTX 1650 ซึ่งถ้าได้เป็น GTX 1660 Ti จะดีกว่านี้มากๆ ยังไงคาดว่าในส่วนนี้เก็บไว้ไปให้เราสุดด้วย Acer Nitro 7 มากกว่า (ฮา)

Acer Nitro 7 ตัวเครื่องโลหะ พรีเมียม ประสิทธิภาพแรงสุด

Acer Nitro 7 ถูกวางให้เหนือกว่า Acer Nitro 5 ในเรื่องของดีไซน์วัสดุ งานประกอบ รวมไปถึงสเปกด้วย ซึ่งถ้าใครอยากได้ Gaming Notebook คุ้มค่าจากทาง Acer ในช่วงราคาไม่เกิน 40,000 บาท ก็ถือว่าน่าสนใจ หลักๆ แล้วทั้ง 3 สเปก ของ Acer Nitro 5 ไม่ต่างกันมาก ทั้งชิปประมวลผลและการ์ดจอที่เป็นตัวแรงสุดในช่วงราคานี้ ได้แรมมา 8GB เพียงพอ หรือจะอัพเกรดเป็น 16GB เองก็ได้

ส่วนที่เก็บข้อมูลมีให้เลือกทั้ง SSD + HDD หรือ SSD อย่างเดียว สำหรับหน้าจอก็มีให้เลือกทั้ง 60Hz และ 144Hz โดยส่วนตัวแล้ว มาถึงจุดนี้คงเลือกเป็นรุ่นราคา 39,990 บาท แต่จะเลือกเป็น SSD 256GB + HDD 1TB หรือ SSD 512GB อันนี้แล้วแต่การใช้งานของแต่ละคนจริงๆ

ปิดท้ายสำหรับหน้าจอ 144Hz จะมีประโยชน์สูงสุดก็ต่อเมื่อสเปกตัวเครื่องสามารถขับเฟรมเรทเกมได้ถึง ซึ่งการ์ดจอก็ควรจะเป็น GTX 1650 ขึ้นไป ส่วนที่เหลือคือการปรับเกมของเราให้กราฟิกกลางๆ หรือล่างๆ หน่อย เพื่อเน้นความลื่นไหลสูงสุด อย่างไรก็ตามสำหรับหน้าจอ 144Hz ก็เหมาะสำหรับบางเกมที่รองรับเท่านั้น รวมไปถึงคนใช้งานอย่างเราๆ พึงพอใจแค่ไหนด้วยครับ

from:https://notebookspec.com/buy-acer-nitro-5-nitro-7-which-model-is-good-what-specifications-then-buy-which-model-is-the-most-worthwhile/491718/

แนะนำ Gaming Notebook แรงคุ้ม !!! ช่วงราคา 40,000 บาท + – ในงาน Commart Joy 2019 เดือนกรกฎาคม

Gaming Notebook จัดว่าเป็น Notebook ประเภทนึงที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด จากการที่ได้สเปกต่อราคาที่คุ้มค่า แน่นอนว่าทำให้สามารถเล่นเกมได้ลื่นไหล รวมไปถึงใช้งานอื่นๆ ก็รองรับได้สบายๆ เช่นกัน แต่ก็ต้องมีพื้นฐานสเปกที่แรงพอตัวกว่า Notebook ทั่วไป อีกทั้งถ้างบประมาณสูงหน่อยก็ได้เรื่องของฟีเจอร์อื่นๆ ด้วย อาทิ ไฟ RGB ระบบระบายความร้อนที่ดีกว่า เป็นต้น อย่างในงบประมาณช่วง 40,000 บาท สเปก Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″ หรือ 17.3″ ที่ควรจะเป็นก็คือ

ใช้ชิปประมวลผล CPU อย่าง Intel  Core i7-9750H ที่เป็นรุ่นแรงยอดนิยมทำงาน ความเร็ว 2.60 – 4.50 GHz ทำงานแบบ 6 Core/12 Thread ประสิทธิภาพไว้ใจได้ ประสิทธิภาพที่สามารถขับการ์ดจอแรงๆ ได้ สำหรับการ์ดจอที่แนะนำเลยก็ควรเป็น NVIDIA GeForce GTX1650 / GTX 1660 Ti หรือ RTX 2060 อย่างแรมก็ต้องเป็น 8 – 16GB ส่วนแหล่งเก็บข้อมูลต้องเป็น SSD NVMe ความจุ 256GB – 512GB เป็นมาตรฐาน แทนที่ฮาร์ดดิสก์เดิมๆ หรือถ้ามีทั้งคู่ก็จะดีไปอีก ที่สำคัญในส่วนของหน้าจอ สเปกได้ คือ Full HD พาเนล IPS ที่ 120Hz หรือ 144Hz ก็จะมีความลื่นไหลกว่า 60Hz เดิมๆ แน่นอน

Acer Nitro 7 AN715-51-76SY ราคา 39,990 บาท

ดีไซน์ออกแบบ หลักๆ Acer Nitro 7 ยังมีทรงคล้ายๆ กับ Acer Nitro 5 แต่มีการปรับให้ตัวเครื่องมีความเล็กกระชับลงอีก ส่งผลให้ตัวเครื่องมีความบางเบากว่าเดิมแน่นอน ซึ่งจากการที่ใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมทำให้ดูแข็งแรงทนทานและหรูหรากว่า Acer Nitro 5 อย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงการพกพาก็สะดวกยิ่งขึ้น อย่าง Acer Nitro 7 รุ่นใหม่ หน้าจอ 15.6″ พาเนล IPS ก็มีขนาดตัวเครื่องพอๆ กับโน้ตบุ๊คหน้าจอ 14″

Acer Nitro 7 เพราะมาพร้อมกับสเปกใหม่ล่าสุดใช้ชิปประมวลผลเป็น Intel Core i7-9750H (2.60 – 4.50 GHz) ทำงานแบบ 6 Core/12 Thread ประสิทธิภาพไว้ใจได้ แรงกว่า i7-8750H พร้อมกราฟฟิการ์ดตัวแรงระดับ Desktop อย่าง NVIDIA GeForce GTX 1660 Ti (6GB GDDR6) รุ่นใหม่ มีที่เก็บข้อมูลฮาร์ดดิสก์ความจุ 1 TB 5400 รอบ พร้อมติดตั้ง SSD แบบ  M.2 PCIe จำนวน 2 ช่องอีกด้วย ใส่มาแล้ว 256GB ในส่วนของแรมเองมีมาให้ 8 GB แบบ DDR 4 Bus 2666 สามารถอัพเกรดได้สูงสุด 32 GB

นอกจากนี้ Acer Nitro 5 มาพร้อมจอแสดงผลแบบด้าน 15.6″ ที่ความละเอียด Full HD ความละเอียด 1920 x 1080 พาเนล IPS แบบ 144 Hz ให้สีสันที่สวยงามทุกมุมมอง และในส่วนของระบบเสียงเป็นลำโพงแบบสเตอริโอ 2.0 ให้เสียงที่ดีในระดับที่น่าพอใจกว่ารุ่นเดิม ประกอบกับมีซอฟต์แวร์จัดการเสียงอย่าง Wave MaxxAudio ทำให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขั้นไปอีก ส่วนน้ำหนักจะอยู่ที่ 2.3 กิโลกรัมถือว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของ Gaming Notebook หน้าจอ 15.6″

ตัวหน้าจอยังมาพร้อมกล้อง Webcam แบบ HD และมีไมค์ดิจิตอล 2 ตัวแบบตัดเสียง โดยพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบครันอีกรุ่นเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น 2 x USB 3.1 Type-A, 1 x USB 3.1 Type-C, 1 x USB 2.0 Type-A , HDMI, RJ45 (Killer E2500) และ Mic-in/Headphone-out แบบ Combo เรียกได้ว่าพอเพียงกับการใช้งานทั่วไปอย่างแน่นอน ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายอย่างรองรับทั้ง Bluetooth 5.0 และอินเตอร์เน็ตไร้สายมาตรฐาน 802.11b/g/n/ac รูปแบบมาตราฐาน Gigabit Wi-Fi 5 ที่มีเทคโนโลยี 2×2 MU-MIMO มีประกัน On-site Service ถึง 3 ปีเต็ม ถือว่าเป็น Gaming Notebook ที่น่าสนใจที่สุด ณ เวลานี้อีกรุ่นเลยทีเดียว

ASUS ROG Strix G G531GU-AL001T ราคา 40,900 บาท

สำหรับ ASUS ROG Strix G531 เป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ มีน้ำหนักที่ 2.2 กิโลกรัม เหมาะสำหรับคนที่ต้องการ Gaming Notebook สายจริงจัง ฟีเจอร์ครบครัน ในราคาที่เหมาะสม พร้อมมีให้เลือกหลากหลายสเปกและราคา ตามความต้องการของแต่ละคน สนนราคารุ่น 40,900 บาท ได้สเปกเป็น Core i7-9750H และการ์ดจอเป็น GTX 1660 Ti (6GB GDDR6) ส่วนแรมมีขนาด 8GB พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB เป็นมาตรฐาน หน้าจอเป็น IPS 120Hz ที่ลื่นไหลกว่า 60Hz แน่นอน

ฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจก็จะเป็นระบบระบายความร้อนอย่าง 3D Thermal Design ที่ใส่ทุกอย่างจัดเต็มกว่าทีเคยมีมา ที่แม้สเปกจะแรงขึ้นแต่ก็เย็นกว่าเดิม คีย์บอร์ดมีไฟหลากสีด้วยเทคโนโลยี AuraRGB ของทาง ROG แบ่งเป็น 4 โซน ที่สามารถปรับแต่งเองได้ด้วยซอฟต์แวร์ภายใน ให้ความสะดวกด้วยคีย์หลัก QWER ตามสไตล์ MOBA โดยระยะของปุ่มที่เลื่อนลงไปเพียง 1.8 มิลลิเมตร แต่ละปุ่มมีมุมโค้งขนาด 0.25 มิลลิเมตร เข้ากับนิ้วมือเวลากดลงไปสุดๆ  ที่สำคัญได้ไฟ RGB ด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่องเข้ามา อย่าง Surrounded Light Bar รอบตัวเครื่อง

การเชื่อมต่อก็ครบครันด้วย USB 3.1 Type-C, mini DisplayPort, HDMI, 3 x USB 3.1, SD Card Reader, RJ-45 , Headset / Gigabit Ethernet / Bluetooth 5.0 / Wi-Fi AC ASUS RangeBoost เกมมิ่งโน้ตบุ๊ครุ่นแรกของโลกที่ใช้ตัวรับสัญญาน Wifi แบบ Multi-antenna บนมาตรฐาน Wave 2 (2×2 + 2×2) ให้ระยะการรับสัญญานที่ไกลขึ้นถึง 30% พร้อมอัตราการรับ-ส่งข้อมูลที่เร็วและเสถียรยิ่งขึ้น ส่วนการรับประกัน 2 ปี ส่งเคลม 7-11 และที่สำคัญเมื่อเอาซีเรียลไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ ASUS จะได้รับประกันอุบัติเหตุฟรี 1 ปีแรกจากทาง ASUS

MSI GF75 Thin 9SC-225TH ราคา 39,990 บาท

Gaming Notebook รุ่นใหม่ใช้สเปก Core i Gen 9 + GTX 16 Series อย่าง MSI GF75 Thin 9SC มีหน้าจอขนาด 17.3″ ดีไซน์ขอบบางพิเศษ ทำให้มิติตัวเครื่องเทียบกับรุ่นหน้าจอ 15.6″ เท่านั้น ใหม่ล่าสุดด้วยสเปกเป็นชิปประมวลผล Intel Core i7-9750H ทำงานแบบ 6 คอร์ 12 เธร์ด ที่ความเร็ว 2.6 – 4.5 GHz และการ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1650 (4GB GDDR5) ประสิทธิภาพแรงก่วารุ่นก่อนๆ แน่นอน

โดยการ์ดจอ GTX 1650 กราฟิกการ์ดตัวใหม่ที่มาพร้อมกับสถาปัตยกรรม Turing ที่ออกมาสานต่อความสำเร็จของกราฟิกการ์ดรุ่นก่อนหน้ากับสถาปัตยกรรม Pascal ซึ่ง GTX 1650  นั้นจะมาแทนที่ GTX 10 Series เดิม ที่แม้ว่าจะไม่ได้มาพร้อมกับ Tensor cores หรือรองรับกับเทคโนโลยี ray-tracing โดยตรงแต่ก็มาพร้อมกับความแรงที่เพิ่มมากขึ้นจากก่อน โดยประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ GTX 1060 แต่ร้อนน้อยกว่า

หน้าจอขนาด 17.3 นิ้ว แบบด้าน ความละเอียด Full HD พาเนล IPS แถมตัวเครื่องยังมีลำโพง 2.0 ชาแนลบนซอฟแวร์เสียง Nahimic 3 ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type จำนวน 2 ช่อง, USB 3.1 Type-C หนึ่งช่อง, HDMI, SD(XC/HC) card reader, ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5, ช่องเสียบไมค์ขนาด 3.5 และช่องสาย Lan RJ45  การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.0 และ Wireless มาตรฐาน 802.11 แบบ ac มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 2.2 กิโลกรัม ประกัน 2 ปี มี Windows 10 แท้ โดยสนนราคาอยู่ที่ 39,900 บาท

ASUS ROG Strix G G531GV-AL022T ราคา 46,900 บาท

สำหรับ ASUS ROG Strix G531 เป็น Gaming Notebook ขนาดหน้าจอ 15.6″ มีน้ำหนักที่ 2.2 กิโลกรัม เหมาะสำหรับคนที่ต้องการ Gaming Notebook สายจริงจัง ฟีเจอร์ครบครัน ในราคาที่เหมาะสม พร้อมมีให้เลือกหลากหลายสเปกและราคา ตามความต้องการของแต่ละคน สนนราคารุ่น 40,900 บาท ได้สเปกเป็น Core i7-9750H และการ์ดจอเป็น RTX 2060 (6GB GDDR6) ส่วนแรมมีขนาด 8GB พร้อม SSD M.2 NVMe ความจุ 512GB เป็นมาตรฐาน หน้าจอเป็น IPS 120Hz ที่ลื่นไหลกว่า 60Hz แน่นอน

ฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจก็จะเป็นระบบระบายความร้อนอย่าง 3D Thermal Design ที่ใส่ทุกอย่างจัดเต็มกว่าทีเคยมีมา ที่แม้สเปกจะแรงขึ้นแต่ก็เย็นกว่าเดิม คีย์บอร์ดมีไฟหลากสีด้วยเทคโนโลยี AuraRGB ของทาง ROG แบ่งเป็น 4 โซน ที่สามารถปรับแต่งเองได้ด้วยซอฟต์แวร์ภายใน ให้ความสะดวกด้วยคีย์หลัก QWER ตามสไตล์ MOBA โดยระยะของปุ่มที่เลื่อนลงไปเพียง 1.8 มิลลิเมตร แต่ละปุ่มมีมุมโค้งขนาด 0.25 มิลลิเมตร เข้ากับนิ้วมือเวลากดลงไปสุดๆ  ที่สำคัญได้ไฟ RGB ด้านซ้ายและขวาของตัวเครื่องเข้ามา อย่าง Surrounded Light Bar รอบตัวเครื่อง

การเชื่อมต่อก็ครบครันด้วย USB 3.1 Type-C, mini DisplayPort, HDMI, 3 x USB 3.1, SD Card Reader, RJ-45 , Headset / Gigabit Ethernet / Bluetooth 5.0 / Wi-Fi AC ASUS RangeBoost เกมมิ่งโน้ตบุ๊ครุ่นแรกของโลกที่ใช้ตัวรับสัญญาน Wifi แบบ Multi-antenna บนมาตรฐาน Wave 2 (2×2 + 2×2) ให้ระยะการรับสัญญานที่ไกลขึ้นถึง 30% พร้อมอัตราการรับ-ส่งข้อมูลที่เร็วและเสถียรยิ่งขึ้น ส่วนการรับประกัน 2 ปี ส่งเคลม 7-11 และที่สำคัญเมื่อเอาซีเรียลไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ ASUS จะได้รับประกันอุบัติเหตุฟรี 1 ปีแรกจากทาง ASUS

Acer Predator Helios 300-PH315-52-74NQ ราคา 46,900 บาท

Acer Predator Helios 300 ปี 2019 รุ่นที่แนะนำเป็นชิปประมวลผล Core i7-9750H การ์ดจอเป็น NVIDIA GeForce GTX 160Ti (6GB GDDR6) พร้อม Ram 8GB DDR4 Bus 2666 ที่ฮาร์ดดิสก์เป็นแบบ SSD m.2 แบบ NVMe ที่ความจุ 512GB  รวมถึงยังใส่ฮาร์ดดิสก์ 2.5″ ได้อยู่ จัดว่าให้สเปกมาเหลือเฟือในการใช้งานทั่วไปมากๆ แต่เหมาะสำหรับการเล่นเกมแบบสุดๆ ที่ใช้เทคโนโลยีการระบายความร้อนด้วยพัดลมแบบพิเศษ AeroBlade 3D Gen 4 ใช้พัดลม 2 ตัว ตัวละ 59 ใบพัดขนาด 0.1 มิลลิเมตร ออกแบบพิเศษได้รับแรงบันดาลใจจากกลไกการบินที่เงียบสนิทและทรงพลังของนกฮูก ปลายใบพัดลมของเราจึงมีรอยหยักเพื่อให้อากาศผ่านได้มากขึ้น

หน้าจอขนาด 15.6″ แบบด้าน ความละเอียด Full HD พาเนลคุณภาพ IPS ตอบสนองที่ 144Hz 3ms แถมตัวเครื่องยังมีลำโพง 2.0 ชาแนล บนซอฟแวร์เสียง Waves Maxx Audio ทำให้การขับเสียงเวลาเล่นเกม หรือดูหนังฟังเพลงทำได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย ทางด้านพอร์ทเชื่อมต่อเองมีมาให้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น USB 3.1 Type-C จำนวน 1 ช่อง, USB 3.1 Type-A จำนวน 3 ช่อง, HDMI, mini-DisplayPort, ช่องเสียบหูฟังไมค์ขนาด 3.5 มิลลิเมตร พร้อมด้วยช่องสาย Lan RJ45 พร้อม E2500 Ethernet Controller

และการเชื่อมต่อ Wi-Fi แบบ Wireless-AC 1550 และ Killer Control Center 2.0 ของ Killer ที่ช่วยให้การเล่นเกมออนไลน์ให้มีเสถียรภาพและสมูทขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การเชื่อมต่อไร้สายอย่างก็รองรับตัวที่เป็น Bluetooth 5.0 เป็นมาตรฐาน แน่นอนว่า Acer Predator Helios 300 (2019) รุ่นที่ขายในไทยต้องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Windows 10 แท้พร้อมใช้งานทันที มีประกัน 3 ปี On-site Service หรือส่งศูนย์ซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมง ตามมาตรฐานของ Acer Predator ที่เป็น Gaming Notebook ระดับกลางสูงในราคาที่รับได้อยู่

เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับ Gaming Notebook ช่วงงบประมาณ 40,000 บาท ไม่เกิน 50,000 บาท อาจจะมีบวกไปเกินบ้าง แต่คาดว่าราคาหน้าร้านต้องถูกลงกว่านี้แน่นอน ไว้ยังไงสามารถดูเป็นแนวทางในการซื้อที่งาน Commart Joy 2019 ที่จะจัดขึ้นช่วงวันที่ 4 – 7 กรกฎาคมนี้ได้ ณ ศูนย์ประชุมไบเทคบางนา หรือใครจะเอาไปซื้อตามร้านข้างนอกหรือร้านออนไลน์ได้เช่นเดียวกัน แต่ต้องบอกก่อนว่าถ้าซื้อในงานอาจจะได้ส่วนลดพิเศษๆ หรือได้ของแถมเฉพาะในงาน Commart นี้ด้วยนะ

from:https://notebookspec.com/gaming-notebook-40000-baht-in-commart-joy-2019/486795/

Review – Acer Nitro 7 Gaming Notebook พรีเมียมโลหะทั้งตัว สเปก Core i7-9750H + GTX 1660Ti

Acer Nitro 7 (AN715-51) ที่มาพร้อมสเปก Core i7-9750H + GTX 1660Ti  ดีไซน์ใหม่ขอบจอบางเฉียบ วัสดุเป็นอลูมิเนียมตลอดทั้งตัวเครื่อง ทั้งฝาหลัง ด้านนอก ด้านใน ใต้เครื่อง การออกแบบก็สวยล้ำกว่าเดิม มาพร้อมหน้าจอ 15.6″ Full HD IPS ใช้ชื่อว่า Acer Nitro 7 เน้นความพรีเมียม โดยรวมแล้วดูดีกว่า Acer Nitro 5 อย่างเห็นได้ชัดเจน แต่ก็ยังมีรูปแบบที่คล้ายกันอยู่ อารมณ์แบบแฝดพี่แฝดน้องก็ว่าได้ สำหรับรีวิว Acer Nitro 5 รุ่นใหม่ปี 2019 ดูรีวิวได้ ที่นี่ เพื่อที่จะได้ชมประกอบกัน

Acer Nitro 7 เริ่มต้นที่ 37,990 บาท แบ่งออกด้วยกัน 3 รุ่นย่อย ที่ใกล้เคียงกัน ต่างกันแค่ส่วนของ SSD และ HDD เรียกได้ว่าแรงและคุ้มค่าไม่แพ้ Nitro 5 แต่เหนือกว่าตรงที่แทบทุกรุ่นมาพร้อมกับ SSD ความเร็วสูงและหน้าจอ IPS 144Hz !!! จัดเต็มกันไปเลยจริงๆ รองรับเป็นแบบ NVMe 2 ช่อง ที่เราสามารถต่อ Raid ได้ด้วย พร้อม HDD 2.5″ ปกติก็ยังมีติดตั้งให้อยู่ แน่นอนว่าทุกรุ่นมาพร้อมการรับประกัน 3 ปี แบบ On-site Service ซ่อมฟรีถึงบ้าน หรือส่งศูนย์เองก็ซ่อมด่วนใน 3 ชั่วโมงด้วย

from:https://notebookspec.com/review-acer-nitro-7-gaming-notebook/485626/