กันยายน 2012 เป็นช่วงเวลาแรกของการเปิดตัวสมาร์ทโฟนจากโนเกียและไมโครซอฟท์ที่ทำงานภายใต้ระบบปฏิบัติการ Windows Phone 8 อย่าง Lumia 920 และ Lumia 820 ซึ่งถือได้ว่า เป็นอาวุธหนักชิ้นแรกที่โนเกียปล่อยออกมา โดยคาดหวังว่าทั้ง 2 รุ่นนี้ จะช่วยให้โนเกีย ‘มีส่วนแบ่ง’ ในภาคธุรกิจสมาร์ทโฟนบ้าง
กลยุทธ์ที่ไมโครซอฟท์เลือกมาทำตลาดกับ Windows Phone 8 นั้น มีความคล้ายคลึงกับฟากฝั่งของแอนดรอยด์ที่มีการปล่อยให้ระบบปฏิบัติการมีผู้ผลิตได้หลายราย ขณะเดียวกันไมโครซอฟท์ก็เลือกใช้วิธีการเดียวกันกับแอปเปิล ในการที่จะกำหนดประสบการณ์ในการใช้งาน
ด้านโนเกียเองก็คงมองว่า การที่ทำตลาดเฉพาะในระดับไฮเอนด์เพียงอย่างเดียวมันคงไม่สามารถที่จะทำให้โนเกียสำเร็จในธุรกิจสมาร์ทโฟนได้ การมี Lumia รุ่นมิดเอนด์และโลว์เอนด์ออกมา จึงเป็นกลยุทธ์ที่โนเกียจำเป็นต้องทำ และนั่นจึงเป็นที่มาของการกำเนิด Lumia 520 ที่กำลังอยู่ในมือตอนนี้
Lumia 520 กับการสัมผัสครั้งแรก
ทันที่เห็นตัวเครื่องครั้งแรก ด้วยความสัตย์จริงเลยว่า มันเป็นสมาร์ทโฟนที่ดูสวยงาม ตัวเครื่องพกพาง่าย อีกทั้งการจับสัมผัสก็ยังให้ความรู้สึกที่ดี วัสดุประกอบงานก็ดูน่าใช้ ซึ่งจุดนี้ถือว่า เป็นภาษาในการดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของโนเกียที่ใครยากจะลอกเลียน
แถมท้ายด้วยตัวเครื่อง Lumia 520 ยังสามารถที่จะถอดฝาหลังออกมา ซึ่งมันเป็นห้วงอารมณ์เดียวกันกับเมื่อครั้งโนเกียยังครองโลกด้วยมือถือฟีเจอร์โฟนที่มีกิมมิคถอดเปลี่ยนหน้ากากและฝาหลังได้ ซึ่งจวบจนถึงเวลานี้ ไม่ว่าใครก็ตามย่อมนึกถึงเรื่องราวในอดีตนี้ได้ชัดเจน
รอบตัวเครื่อง Lumia 520
ด้านหน้า ขนาดหน้าจอ 4 นิ้ว มีโลโก้โนเกียด้านบนสุด ด้านล่างมีปุ่ม Capacitive หลัก 3 ปุ่ม ได้แก่ Back, Windows และ Search นอกจากนี้ถ้าหากต้องการแกะฝาหลังสังเกตจากรอยตรงมุมด้านซ้ายบน ตรงนั้นจะมีไว้สำหรับแกะฝาหลังเครื่อง
ด้านหลัง กล้อง 5 ล้านพิกเซล ไม่มีแฟลช ตรงกลางเป็นโลโก้โนเกีย ล่างขวาเป็นลำโพง
เมื่อแกะฝาหลังมาจะมีแบตเตอรีหนึ่งก้อน ถอดออกได้ และเมื่อถอดออกมาจะมีช่องสำหรับใส่ไมโครซิมและไมโครเอสดี
ด้านซ้าย ไม่มีอะไร
ด้านขวา มีปุ่ม Rocker เพิ่ม/ลดเสียง เปิด/ปิดเครื่อง และชัตเตอร์ ซึ่งทำให้การถ่ายภาพดูง่ายขึ้น อีกทั้งยังเป็นเมนูลัดเข้าสู่การถ่ายภาพ
ด้านบน ช่องเสียบหูฟังขนาดมาตรฐาน
ด้านล่าง มีพอร์ทไมโครยูเอสบี
ฮาร์ดแวร์
แม้ว่าราคาของ Lumia 520 จะไม่แพงมากเพียงแค่ 5,850 บาท แต่การที่จะเอาเรื่องของราคามาวัดแล้วบอกว่า สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ไม่ดี ยุคสมัยนี้คงต้องบอกว่า ไม่ใช่แบบนั้นแล้ว Lumia 520 ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับสเปกที่ค่อนข้างอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ ชิปประมวลผลควอลคอมม์ Snapdragon S4 ดูอัลคอร์ 1GHz หน่วยความจำสำรอง 512MB และหน่วยความจำเครื่อง 8GB และรองรับไมโครเอสดีได้
โอเค จริงอยู่ที่ว่า สมาร์ทโฟนในยุคปัจจุบันถ้ามี RAM หรือความจำสำรองเพียง 512MB อาจไม่เพียงพอต่อการใช้งาน แต่ทว่าด้วยความที่ Lumia 520 ทำงานภายใต้ระบบปฏิบัติการ WP8 ที่มีข้อดีตรงที่ไม่ได้เรียกพลังงานด้านฮาร์ดแวร์หนักหน่วงเหมือนฝั่งแอนดรอยด์ จึงทำให้การใช้งานโดยภาพรวมจึงไหลลื่น และไม่ติดขัดมากนัก แต่ทั้งนี้ถ้าหากใช้งานแอปพลิเคชันสูงๆ Lumia 520 คงมิอาจตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้ ด้วยทรัพยากรที่ไม่เพียงพอ
ด้านการเชื่อมต่อ 3G แน่นอนว่า ยามนี้เวลานี้ 3G ในประเทศไทยใกล้พร้อมทุกขณะ ใครที่อยู่จังหวัดใหญ่ๆ เตรียมได้ใช้ถ้วนหน้า ซึ่งแน่นอนว่า Lumia 520 รองรับในส่วนของเทคโนโลยี 3G นี้ ด้วยสัดส่วนดาวน์โหลด 21.1 mbps อัปโหลดอยู่ที่ 5.76 mbps
สำหรับสเปกเครื่องทั้งหมดของ Lumia 520
finishing Moves
ย้ำเตือนกันอีกครั้ง กับเรื่องหน้าตาของ Windows Phone 8 แต่ละรุ่น ช่วงต้นได้เกริ่นไว้แล้วว่า ไมโครซอฟท์ใช้กลยุทธ์และวิธีการเดียวกับแอปเปิลในการควบคุมประสบการณ์ในการใช้งานทั้งหมด
ดังนั้นไม่ว่าจะใช้ Windows Phone 8 รุ่นไหน ไฮเอนด์ มิดเอนด์ หรือโลว์เอนด์ จะเป็นโนเกีย เอชทีซี หรือซัมซุง อินเตอร์เฟสของเครื่องจะยังคงเป็น Live Tiles ที่เปลี่ยนสีได้ตามที่กำหนดไว้ และถูกกำหนด
จุดขายหลักที่ Lumia 520 ได้เปรียบ Windows Phone 8 รุ่นอื่นๆ รวมถึงฝั่งแอนดรอยด์ที่มีราคาไล่เลี่ยกัน นั่นคือ เรื่องของแผนที่ เนื่องจากโนเกียใช้ข้อได้เปรียบในแง่ของแผนที่ที่เป็นจุดขายของตัวเองมาอย่างยาวนานใส่ไว้ในรุ่น Lumia 520 รุ่นนี้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังใช้งานแผนที่ในรูปแบบของออฟไลน์ได้อีก นี่จึงเป็นจุดขายที่สำคัญเลยก็ว่าได้สำหรับรุ่นนี้
โดยรวมแล้วจะกล่าวได้ว่า แอปพลิเคชันพื้นฐานที่โนเกีย built-in มาให้อยู่ในเกณฑ์ดี
การถ่ายภาพ
ต้องบอกก่อนว่า Lumia 520 นี้ ไม่มีแฟลช ไม่มีการบอกว่านี่เป็นกล้องจากเลนส์ Carl Zeiss และไม่มีกล้องหน้า แต่คุณภาพของภาพถ้าว่ากันแล้ว ถือว่าพอกล้อมแกล้ม มีปุ่มชัตเตอร์อยู่ด้านล่างขวาตัวเครื่อง ทำให้ถ่ายภาพได้ง่าบ แต่จุดอ่อนของการถ่ายภาพด้วย Lumia 520 เห็นทีจะเป็นเรื่องของการชัตเตอร์ที่ช้า การถ่ายภาพทำได้ด้วยมือเดียวยาก เพราะไม่มีระบบการป้องกันการสั่นไหว ทำให้ภาพที่ออกมามีโอกาสเบลอ และเพื่อเพิ่มสีสันของการถ่ายภาพ หรือต้องการตกแต่งบางส่วนก็สามารถใช้ Creative Studio ร่วมการใช้งานด้วย
ถ่ายภาพด้วยโหมด Auto
Night Mode
Close Up
Cinemagraph สำหรับการถ่ายภาพที่เป็นภาพเคลื่อนไหว ที่ทำได้ง่าย ภาพตัวอย่างจาก Cinemagraph
แบตเตอรี
ขุมพลังงานที่สำคัญของสมาร์ทโฟนเลยก็ว่าได้ สำหรับแบตเตอรี ซึ่งใน Lumia 520 เป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนที่ผู้ใช้สามารถถอดแบตได้ โดยแบตเตอรีที่ให้มาอยู่ที่ 1430 mAh
ถามว่า เพียงพอต่อการใช้งาน 1 วันไหม จากที่ได้ลองใช้งานก็เกือบๆ ที่จะใช้งานได้ครบ 1 วัน ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่า Lumia 520 ไม่ได้มีแอปพลิเคชันที่ผู้เขียนใช้งานบ่อยๆ หลักเลยอยู่ที่การพุชอีเมล, เครือข่ายสังคม ทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก การฟังเพลง รวมไปถึงการถ่ายภาพในบางครั้บางคราว
Switch to Windows Phone 8 ดีหรือไม่ ?
ในฐานะที่เป็นผู้ใช้งานแอนดรอยด์เป็นเครื่องหลัก การที่ได้จับ Lumua 520 ซึ่งเป็น Windows Phone 8 อีกครั้งในช่วงเวลานี้ ยอมรับว่าให้ความรู้สึกที่ดีกว่าช่วงที่ได้ลองใช้งาน Lumia 920 ตอนช่วงเปิดตัวใหม่ๆ
เวลานั้นบอกได้เลยว่า แทบไม่มีแอปพลิเคชันอะไรให้ใช้งานเลย โดยรวมถือว่าจืดมาก ปัจจุบัน Store ของ Windows Phone 8 พัฒนาขึ้นไปในทางที่ดีขึ้น แอปพลิเคชันที่ผู้ใช้งานแอนดรอยด์ หรืออาจรวมไปถึงไอโอเอสเริ่มพอร์ทมาลง Windows Phone 8 บ้างแล้ว โดยปกติผมจะใช้งานแอปพลิเคชันอย่าง Evernote เป็นหลักก็มีให้ใช้งาน
ขณะเดียวกันแอปพลิเคชันด้านเครือข่ายสังคม ก็มีทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ให้พร้อมใช้งาน เพียงแต่ว่าผู้ใช้อาจรู้สึกว่า หน้าตาดูไม่สวยงาม รวมไปถึงยังขาดความสามารถในเรื่องของการดูแลแฟนเพจไปบ้าง แต่คิดว่าน่าจะตามมาในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักที่ทำให้ผู้เขียนยังไม่อยากใช้ Windows Phone 8 ตอนนี้ คือ มันยังไม่มีแอปพลิเคชันอ่านข่าวที่น่าสนใจ ปกติถ้าเป็นแอนดรอยด์ผู้เขียนจะใช้ Pulse และ Google Currents แต่พอไม่มี 2 แอปพลิเคชันนี้ใน Windows Phone 8 ทำให้ไม่สามารถอ่านฟีดข่าวที่มีแหล่งข่าวมากได้
นอกจากนี้แล้วถ้าผู้ใช้รายใดติดแอปเกมบนมือถือ คำแนะนำคือ อย่าเสียเวลามาใช้ Windows Phone 8 เพราะเกมใน Store แห่งนี้มีไม่หลากหลายอย่างที่คุณต้องการ
เหมาะกับใคร ?
สมาร์ทโฟนแต่ละรุ่น ถูกกำหนดมาจากผู้ผลิตแต่แรกแล้วว่า ต้องการที่จะขาย จะเจาะกลุ่มลูกค้าฐานใด แน่นอน Lumia 520 ก็เช่นกัน ซึ่งการเปิดราคาจำหน่ายในประเทศไทยด้วยราคาที่ไม่แพงมานักอย่างที่เรียนไว้ข่างต้น 5,850 บาท ผู้ใช้ที่เหมาะสมกับกลุ่มนี้ อันดับแรกจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่อยากทดลองใช้งาน Windows Phone 8 แต่ยังไม่แน่ใจว่าคุ้มค่าพอที่จะซื้อรุ่นไฮเอนด์มาใช้ดีหรือเปล่า การที่เลือกใช้งานรุ่นเล็กๆ ก่อน ก็ดูเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เพราะเกิดซื้อไฮเอนด์มาแล้วไม่ถูกใจ มีหวังได้เสียดายเงินก้อนแน่ๆ
กลุ่มที่ 2 คล้ายคลึงกับกลุ่มแรก เพียงแค่อยากใช้มือถือเครื่องที่ 2 ราคาไม่แพง สำหรับโทรเข้าโทรออก เล่นอินเทอร์เน็ตได้
กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มของลูกค้า First Jobber ที่ยังมีกำลังการซื้อที่ค่อนข้างน้อย และด้วยยุคที่สมัยที่คนแปรผันเปลี่ยนจากฟีเจอร์โฟนเป็นสมาร์ทโฟน การที่จะเลือกหาสมาร์ทโฟนสักรุ่นเป็นสิ่งที่จำเป็น และ Windows Phone 8 ของ Lumia 520 ก็เป็นอีกทางเลือกของลูกค้าที่ใช้ต้องการสมาร์ทโฟน แต่ไม่อยากจ่ายแพง แถมยังพ่วงการใช้งานด้านแผนที่ เครือข่ายสังคม และยังสามารถท่องอินเทอร์เน็ตได้
กลุ่มที่ 4 อาจเป็นชนกลุ่มน้อยในสังคม ด้วยความที่ธุรกิจหรือการทำงาน จำเป็นต้องผูกติดกับ Office Suite แต่การเลือกใช้แอนดรอยด์หรือไอโอเอส อาจไม่ถนัด และไม่สะดวก เพราะไม่มีแอปพลิเคชัน Microsoft Office จริงๆ เลย แต่ถ้าเป็น Lumia 520 ที่แม้จะมีขนาดหน้าจอไม่ใหญ่มาก แต่ว่ายังคงความสามารถในการใช้งานด้านเอกสารได้อยู่
สรุป
Lumia 520 เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนราคาประหยัด ไม่แพงมาก จุดที่ดีที่สุดของรุ่นนี้อยู่ที่ตัวเครื่องรองรับแอปพลิเคชันที่เป็นุจดขายของโนเกียอย่างครบถ้วน แถมยังมีชุดออฟฟิศให้ใช้งานเอกสารได้ สำหรับพนักงานออฟฟิศ หรือนักธุรกิจ เพียงแต่ว่า ถ้าต้องการใช้ Lumia 520 สำหรับการเล่นเกม นี่คงเป็นตัวเลือกที่ไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่
ข้อดี
-
ราคาประหยัด
-
มีจุดขายที่ระบบแผนที่อันยอดเยี่ยม รวมไปถึงแอปพลิเคชันพื้นฐาของโนเกียที่ทำได้ดีเกินมาตรฐานอยู่แล้ว
-
การดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ดูน่าใช้งาน และพกพาง่าย
-
Sync กับคอมพิวเตอร์ที่เป็นระบบปฏิบัติการ Windows ได้อย่างดี
ข้อเสีย
-
แอปพลิเคชันที่น่าสนใจมีไม่มาก โดยเฉพาะคนที่เปลี่ยนมาจากแอนดรอยด์หรือไอโอเอส
-
ด้วยความที่เป็นรุ่นราคาไม่แพง ทำให้ความสามารถอย่างเรื่องแฟลชและกล้องหน้าจึงถูกตัดไป รวมถึงความสามารถอย่าง City Lens
-
คีย์บอร์ดปุ่ม shift ค้าง ทำให้การพิมพ์ไม่สะดวก (ไม่อยากจะเขียนเรื่องนี้แต่อดไม่ได้ เพราะตอนที่เทสต์เครื่องมันชวนขัดใจจริงๆ ซึ่งเรื่องนี้ไมโครซอฟท์ประเทศไทยเคยส่งเรื่องให้แก้แล้วแต่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งสิ้น)
-
UI โดยรวมของ Windows Phone 8 น่าเบื่อ
from:http://www.mobiledista.net/review-nokia-lumia-520/