คลังเก็บป้ายกำกับ: windows_7

Rufus ซอฟต์แวร์เขียนไฟล์อิมเมจ ออกเวอร์ชัน 4.0 ทำงานบน Windows 7 ไม่ได้แล้ว

Rufus ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สเขียนไฟล์อิมเมจ ISO ลงไดรฟ์ USB ออกเวอร์ชัน 4.0 มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ ไม่รองรับการรันบน Windows 7 แล้ว (ต้องเป็น Windows 8 ขึ้นไป) และตัวไฟล์ Rufus.exe บนวินโดวส์จะใช้ไบนารี 64 บิตเป็นดีฟอลต์ (แต่ยังมีให้เลือกแบบ x86-32 และ Arm ถ้าต้องการ)

การเปลี่ยนแปลงอื่นๆ คือแก้บั๊กในการติดตั้ง Ubuntu 23.04 หลายจุด

ที่มา – Rufus, Neowin

No Description

from:https://www.blognone.com/node/133580

Steam ขอโบกมือลา Windows 7 และ 8 เริ่มยุติการใช้งานตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป

jpg 20230329 211747 0000

Steam เป็นซอฟต์แวร์จำหน่ายสินค้าดิจิทัล ที่พัฒนาโดยบริษัท Valve Corporation โดย Steam จะเข้ามาช่วยจัดการสิทธิทางดิจิทัล วิดีโอเกมแบบหลายผู้เล่น และเครือข่ายสังคม ล่าสุดมีข้อมูลออกมาจาก Valve บริษัทที่ก่อตั้ง Steam ว่า Steam จะยุติการใช้งานบน Windows 7 และ 8 ภายในสิ้นปีนี้ ใครก็ตามที่ใช้ OS เหล่านี้อยู่จะต้องอัปเกรดให้เป็นเวอร์ชันที่ใหม่กว่า แม้ทาง Valve จะยุติลงแต่ก็สามารถใช้งานผ่าน Google Chrome ได้อยู่

ทางบริษัท Valve จะทำการอัปเดตและเริ่มการเปลี่ยนแปลงนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2024 เป็นต้นไป หลังจากวันดังกล่าว สมาชิก Steam ที่ใช้ Windows 7, 8 หรือ 8.1 อยู่ จะไม่สามารถใช้งาน Steam ได้อีกต่อไป การอัปเดตนี้ส่งผลให้สมาชิกที่ไม่มีโปรแกรม Steam จะไม่สามารถติดตั้งหรือตรวจสอบเกมที่ติดตั้งไว้ก่อนหน้านี้ได้ ซึ่งทาง Valve กล่าวว่าใครก็ตามที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลหรือเกมที่ซื้อไว้จะต้องอัปเกรดเป็น Windows 10 หรือใหม่กว่าเท่านั้น

Advertisementavw

เหตุผลของการเปลี่ยนแปลงนี้ดูเหมือนจะไม่มีค่อยแน่ชัดเท่าไหร่ ทางบริษัท Valve ได้เลือกที่จะสร้างฟีเจอร์ใหม่ในผู้ใช้ Steam บนเบราว์เซอร์ Google Chrome เวอร์ชันฝังตัว และ Chrome จะไม่สามารถทำงานได้บน Windows 7 หรือ 8 ได้อีกต่อไป ไม่ชัดเจนว่าทำไม Valve จึงใช้ Chrome แทนที่จะใช้ระบบอื่นที่สามารถใช้งานได้หลากหลายอุปกรณ์มากกว่านี้

หากมองในอีกแง่หนึ่งนี่อาจถึงเวลาแล้วที่จะต้องทิ้ง Windows รุ่นเก่าเหล่านั้นไว้เบื้องหลัง อย่าง Windows 7 ที่เปิดตัวในปี 2009 และ Windows 8 ที่เปิดตัวเมื่อปี 2012 นับเป็นเวลามากกว่า 10 ปีแล้ว และในตอนนี้ Microsoft เองก็ดำเนินการพัฒนาระบบปฏิบัติการจาก Windows 8 สู่ Windows 10 ในปี 2558 และยังคงเป็นระบบปฏิบัติการที่ Microsoft เลือกใช้เป็นเวลา 7 ปีที่น่าประทับใจจนถึงปัจจุบันก็ก้าวเข้าสู่ยุค Windows 11 ในปี 2022 ที่ผ่านมา

images
(image source: Statcounter)

Microsoft เสนอให้อัปเกรดเป็น Windows 10 ฟรีเป็นเวลาหลายปี ดังนั้นจำนวนสมาชิกที่ยังคงใช้เวอร์ชันดังกล่าวจึงลดลงอย่างรวดเร็ว ตัวเลข Statcounter ล่าสุดมีผู้ใช้ Windows 7 ที่ 5.39% และ Windows 8/8.1 ที่รวมกัน 1.67% แต่เกมเมอร์ย้ายออกจากระบบปฏิบัติการเหล่านั้นเร็วยิ่งขึ้น การสำรวจ Steam ในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 แสดงให้เห็นว่ามีเพียง 1.52% ของระบบที่ใช้ Windows 7 และ 0.34% ใช้ Windows 8.1

ดังนั้นแม้ว่าการทำเช่นนี้เหมือนบังคับให้ทิ้ง OS เวอร์ชันเก่าทำให้สมาชิกหลายคนรู้สึกอารมณ์เสียอยู่บ้าง แต่ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อสมาชิกส่วนใหญ่เพราะเป็นกลุ่มคนที่ใช้ Windows 10 ขึ้นไปอยู่แล้ว นี่อาจเป็นผลกระทบทางบวกก็ได้ หาก Steam สามารถกระตุ้นให้ผู้คนอัปเกรดเป็น Windows เวอร์ชันที่ทันสมัยกว่าเดิม ก็จะสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานไปในตัว เพราะในตอนนี้ Windows 7 และ 8 ไม่ได้รับการอัปเดตตั้งแต่ปี 2020 และ Windows 8.1 ก็ถูกยุติการอัปเดตเช่นกันเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งหากไม่มีการอัปเดตเป็นประจำ เมื่อระบบเหล่านี้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตอาจจะไม่ปลอดภัย แม้ว่าจะเป็นเครื่องที่ใช้เล่นเกมเป็นหลักก็ตาม

ที่มา: Extremetech

from:https://notebookspec.com/web/694704-steam-stop-windows-7-and-8-update

Steam จะหยุดรองรับ Windows 7, 8, 8.1 ในวันที่ 1 มกราคม 2024

Steam ประกาศหยุดรองรับ Windows 7, 8, 8.1 ในวันที่ 1 มกราคม 2024 โดยตัวไคลเอนต์ Steam จะไม่สามารถรันได้อีกต่อไป ผู้ใช้จำเป็นต้องอัพเกรดไปใช้ระบบปฏิบัติการที่ใหม่กว่าอย่าง Windows 10 หรือ 11 แทน

Steam ให้เหตุผลว่าใช้ Chrome เวอร์ชันฝังในแอพสำหรับเปิดหน้าเว็บ เมื่อ Chrome หยุดรองรับ Windows รุ่นเก่าไปแล้ว ทำให้ Steam ต้องหยุดรองรับตามไปด้วย

ข้อมูลจาก Steam Software Survey ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2023 มีผู้ใช้ Windows 7 อยู่ 1.52% และ Windows 7 อยู่ 0.34% ในขณะที่ Windows 10 ยังได้รับความนิยมสูงสุด 62.33% และ Windows 11 ตามมาห่างๆ ที่ 32.06%

ที่มา – Steam via Eurogamer

from:https://www.blognone.com/node/133199

ตัวช่วยใหม่ “0patch” ประกาศให้บริการแพตช์อีกสองปีสำหรับ Windows 7 และ Windows Server 2008 R2

ในสัปดาห์นี้ Microsoft ได้ยุติการสนับสนุนแพตช์สำหรับ Windows 7 และ ผลิตภัณฑ์ระบบปฏิบัติการอื่นๆ แต่ 0patch ประกาศว่าจะให้การแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยที่สำคัญต่อให้เองอีก 2 ปี
 

0patch ออกตัวอัปเดตในชื่อว่า “micropatch” เพื่อสนับสนุนให้กับซอฟต์แวร์ของบริษัทต่างๆ โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Acros ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านความปลอดภัยที่ตั้งอยู่ในสโลวีเนีย
 
รายการอัปเดตล่าสุดของ 0patch :
  • ในเดือนตุลาคม 0patch ได้ประกาศว่าจะมอบแพตช์ความปลอดภัย Critical เพิ่มอีกสองปีสำหรับทั้ง Windows 7 และ Windows Server 2008 R2
  • ในเดือนมกราคม 0patch ได้ประกาศการรองรับแพตช์สำหรับเบราว์เซอร์ Microsoft Edge
Mitja Kolsek ผู้ร่วมก่อตั้งของ 0patch ได้อธิบายเกี่ยวกับ micropatch ว่า :
 
“โปรแกรมแก้ไขของเราได้รับการดาวน์โหลดจากเซิร์ฟเวอร์ 0patch ซึ่งจัดเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์และนำไปใช้ในหน่วยความจำของกระบวนการที่กำลังทำงานอยู่เมื่อต้องการ แตกต่างจากการอัปเดตอย่างเป็นทางการของ Windows ซึ่งจะแทนที่ไฟล์ปฏิบัติการทั้งหมด – แพตช์ 0patch มีขนาดเล็กมากและแก้ไขโค้ดที่ตรงเป้าหมายมากเพื่อลบช่องโหว่แต่ละรายการเท่านั้น โดยองค์กรต่างๆ สามารถทดสอบไมโครแพตช์ของ 0patch กับกลุ่มคอมพิวเตอร์ได้ และสามารถลบ micropatch สามารถออกได้อย่างง่ายดายโดยที่ไม่ต้องรีบูตเครื่องพีซี เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นในหน่วยความจำ และไม่จำเป็นต้องรีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์หรือแม้แต่เปิดแอปพลิเคชันที่กำลังดำเนินการแพตช์ใหม่ micropatch ไม่ได้จัดการเปลี่ยนแปลงไฟล์ปฏิบัติการของ Microsoft”
 
ไม่มีเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับโซลูชันของเรา เนื่องจากสิ่งที่เราทำนั้นเป็นที่รู้จักมานานหลายทศวรรษแล้ว เพียงแต่ว่าเราได้สร้างบริการราคาไม่แพงและใช้งานง่ายซึ่งตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ Windows จำนวนมาก
 
0patch ตอบคำถามเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อกำหนดระดับองค์กร :
 
“มาตรฐานและระเบียบข้อบังคับที่องค์กรต่างๆ ต้องปฏิบัติตามมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันสำหรับการแพตช์และการบรรเทาผลกระทบ แต่ไม่มีข้อมูลใดที่เราทราบกล่าวถึงแพตช์ที่ไม่เป็นทางการหรือของบุคคลที่สามอย่างชัดเจน ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับผู้สอบบัญชีที่จะตัดสินใจว่าจะจัดหมวดหมู่ 0patch อย่างไรในบริบทของข้อกำหนดเหล่านี้ ซึ่งพวกเขายังทำในกรณีของการบรรเทาที่องค์กรต่างๆ วางไว้เพื่อป้องกันการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ที่ไม่ได้แก้ไข”
 
สามารถศึกษาข้อจำกัดของ micropatch เพิ่มเติมได้ที่ https://0patch.zendesk.com/hc/en-us/articles/360011047979
 
สำหรับ Licensing ของ micropatch :
 
0patch นำเสนอบริการไมโครแพตช์บนพื้นฐานการสมัครสมาชิก ทั้งแบบรายปีและรายเดือน
  • “PRO” license มีราคา 24.95 ยูโร/ปี (2.50 ยูโร/เดือน) เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่ต้องการการจัดการจากส่วนกลาง
  • “Enterprise” license มีราคา 34.95 ยูโร (3.50 ยูโร/เดือน) เพิ่มเติมในส่วนการจัดการจากส่วนกลางมาด้วย การจัดการกลุ่ม การติดตั้งแบบอัตโนมัติ การลงทะเบียนอัตโนมัติกับกลุ่มที่เลือก SAML single sign-on
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ 0Patch : https://0patch.zendesk.com/hc/en-us/articles/202706632-Understanding-0patch
 

from:https://www.techtalkthai.com/new-helper-0patch-announces-two-more-years-of-patching-support-for-windows-7-and-windows-server-2008-r2/

ไมโครซอฟท์แจ้งชัด! สิ้นสุดการอัปเดตด้านความปลอดภัยบนวินโดวส์ 7 แล้ว

วินโดวส์ 7 ทั้งรุ่น Professional และ Enterprise จะไม่ได้รับการอัปเดตด้านความปลอดภัย และแพ็ตช์ช่องโหว่สำคัญๆ อีกตั้งแต่วันที่ 10 มกราคมนี้ โดยโอเอสโบราณคลาสสิกตัวนี้เริ่มใช้กันตั้งแต่ตุลาคม 2009 จนสิ้นสุดการซัพพอร์ตเมื่อมกราคม 2015 รวมไปถึงสิ้นสุดการขยายเวลาซัพพอร์ตเมื่อมกราคม 2020

โดยหลังจากนั้นมีแค่ผู้ที่ใช้บริการโครงการ Extended Security Update (ESU) ที่จะยังได้รับการซัพพอร์ตต่อเนื่องในฐานะที่ยังมีความจำเป็นต้องใช้ระบบวินโดวส์ 7 อยู่จนหมดเวลาในวันที่ 10 นี้เอง นอกจากวินโดวส์ 7 แล้ว วินโดวส์ 8.1 ที่เปิดตัวมาเก้าปีตั้งแต่พฤศจิกายน 2013 ก็ถึง EOS ในวันเดียวกันนี้ด้วย

ไมโครซอฟท์อธิบายเพิ่มว่า “เนื่องจากอุปกรณ์ที่ใช้วินโดวส์ 7 ตอนนี้มักไม่ได้มีสเปกฮาร์ดแวร์สูงเพียงพอที่จะอัพเกรดไปใช้เวอร์ชั่นล่าสุดอย่างวินโดวส์ 11 เราจึงแนะนำให้อัพเกรดพีซีที่พร้อมขึ้นมาเป็นวินโดวส์ 10 ด้วยการซื้อและติดตั้งซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นเต็ม”

“และก่อนตัดสินใจซื้อเพื่อัพเกรดเป็นวินโดวส์ 10 นั้น ให้ตระหนักด้วยว่าวินโดวส์ 10 เองก็จะถึงกำหนดสิ้นสุดการซัพพอร์ตในวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ที่จะถึงนี้ด้วย จึงแนะนำให้ผู้ที่อุปกรณ์ที่ยังไม่รองรับรีบหาเปลี่ยนใหม่เพื่อใช้วินโดวส์ 11 ที่ใช้ประโยชน์จากฮาร์ดแวร์ใหม่ล่าสุดได้อย่างเต็มที่”

อ่านเพิ่มเติมที่นี่ – BPC

from:https://www.enterpriseitpro.net/microsoft-ends-windows-7-extended-security-updates/

Windows 7 และ 8.1 สิ้นระยะซัพพอร์ตอย่างสมบูรณ์ 10 ม.ค. 2023 จ่ายเงินซื้อแพตช์ก็ไม่ได้แล้ว

วันนี้ 10 มกราคม 2023 เป็นวันที่ระบบปฏิบัติการ Windows 7, Windows 8.1 สิ้นอายุขัยอย่างสมบูรณ์ นั่นคือหมดระยะซัพพอร์ตพิเศษแบบเสียเงิน Extended Security Update (ESU) เท่ากับว่าหลังจากนี้ไมโครซอฟท์ไม่มีแพตช์ใดๆ ให้อีกแล้ว (แพตช์สุดท้ายจะออกวันนี้)

Windows 7 และ Windows 8.1 หมดระยะซัพพอร์ตแบบปกติตั้งแต่ 14 มกราคม 2020 ผู้ใช้ทั่วไปไม่มีแพตช์ใหม่มานาน 3 ปีแล้ว แต่องค์กรที่ยังไม่พร้อมเปลี่ยน ยังสามารถจ่ายเงินซื้อการอัพเดตแพตช์จากไมโครซอฟท์ต่อได้อีก 3 ปี

คำแนะนำของไมโครซอฟท์คืออัพเกรดไปใช้ระบบปฏิบัติการที่ใหม่ขึ้นอย่าง Windows 10 หรือ 11 แทน เพราะจะเกิดความแตกต่างเมื่อช่องโหว่ความปลอดภัยที่ค้นพบใหม่ในภายหลัง (อาจกระทบ Windows ทุกเวอร์ชัน) แฮ็กเกอร์เห็นข้อมูลช่องโหว่เท่ากัน แต่ระบบปฏิบัติการกลุ่มหนึ่งป้องกันได้ ในขณะที่ระบบปฏิบัติการอีกกลุ่มไม่มีแพตช์อุดช่องโหว่เดียวกันให้อีกแล้ว (ตัวอย่างช่องโหว่ที่ค้นพบ)

จากสถิติของ StatCounter ยังมีผู้ใช้ Windows 7 อยู่ราว 11% ของผู้ใช้พีซีทั้งหมด และ Windows 8.1 อีกราว 2.6% เทียบกับ Windows 10 มีผู้ใช้ 68% และ Windows 11 มี 17%

ซอฟต์แวร์ยอดนิยมหลายตัวก็ประกาศหยุดซัพพอร์ตตามเส้นตายของไมโครซอฟท์ เช่น Chrome บอกว่าจะออกเวอร์ชัน 109 ให้เป็นเวอร์ชันสุดท้าย, Adobe Creative Cloud, NVIDIA และ AMD หยุดออกไดรเวอร์ให้แล้ว รวมถึงซอฟต์แวร์ของไมโครซอฟท์เองอย่าง Office และ OneDrive

ที่มา – The Register

from:https://www.blognone.com/node/132193

Microsoft จะสิ้นสุดการอัปเดต extended security ของ Windows 7 ในวันอังคาร ที่ 10 ม.ค. นี้

ตั้งแต่วันอังคาร ที่ 10 มกราคม 2023 นี้ Microsoft จะหยุดการอัปเดตความปลอดภัยสำหรับ Windows 7 รุ่น Professional และ Enterprise

Image credit : deviantart.com
Microsoft ได้เปิดตัว Windows 7 ในเดือนตุลาคม 2009 ซึ่งต่อมาได้สิ้นสุดการสนับสนุนและขยายวันสิ้นสุดการสนับสนุนในเดือนมกราคม 2015 และมกราคม 2022 ตามลำดับ ซึ่งทำให้ผู้ใช้ Windows 7 สามารถกลับมาใช้โปรแกรม Extended Security Update (ESU) ของ Microsoft สำหรับการอัปเดตความปลอดภัยได้อีกครั้ง สุดท้ายการอัปเดตกำลังจะสิ้นสุดลงในวันอังคารที่ 10 มกราคม 2023
 
ด้วยเหตุนี้ บริษัทซอฟต์แวร์จึงแนะนำให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบอัปเกรดระบบหรืออุปกรณ์ของตน หน้าสนับสนุนของ Microsoft ระบุว่าเจ้าของอุปกรณ์ Windows 7 ปัจจุบันสามารถอัปเกรดเป็น Windows 10 ได้โดยการซื้อและติดตั้งเวอร์ชันเต็ม นอกจากนี้ยังเน้นว่าแม้ว่า Windows 10 จะเป็นโซลูชันที่รวดเร็ว แต่ Windows 11 ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า เนื่องจาก Windows 10 เหลือเวลาอีกเพียง 3 ปีเท่านั้นก่อนจะถึงวันที่สิ้นสุดการสนับสนุน
 
“Windows 10 จะสิ้นสุดการสนับสนุนในวันที่ 14 ตุลาคม 2025”
 
การอัปเกรดเป็น Windows 11 นั่นหมายถึงการซื้อฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ เนื่องจากเป็นเวอร์ชันที่ต่างยุตต่างสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลงฮาร์ดแวร์ค่อนข้างเยอะ ด้วยเหตุนี้เอง Microsoft จึงอธิบายให้ผู้ใช้เครื่อง Windows 7 ทราบถึงประโยชน์ของการมีอุปกรณ์ที่ทันสมัยกว่าพร้อมส่วนประกอบฮาร์ดแวร์ขั้นสูงเมื่ออัปเกรดขึ้นมาใช้ Windows 11 ทดแทน
 
การประกาศยุติการอัปเดต Windows 7 ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นการยกระดับส่วนแบ่งตลาด Windows Desktop ของระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุด ปัจจุบัน Windows 10 คิดเป็น 68.01% ของส่วนแบ่งตลาด Windows desktop ทั้งหมด ในขณะที่ Windows 11 มีส่วนแบ่งทั้งหมดเพียง 16.93% เท่านั้น
 

from:https://www.techtalkthai.com/microsoft-will-end-windows-7-extended-security-updates-on-tuesday-jan-10/

Microsoft เตรียมออกอัปเดต Microsoft Edge เวอร์ชันสุดท้ายที่รองรับ Windows 7 และ 8/8.1

Microsoft เตรียมออกอัปเดต Microsoft Edge เวอร์ชัน 109 โดยเป็นเวอร์ชันสุดท้ายที่รองรับการใช้งานบน Windows 7 และ Windows 8/8.1

Microsoft มีแผนจะออกอัปเดต Microsoft Edge เวอร์ชัน 109 ในวันที่ 12 มกราคม 2023 โดยกล่าวว่าจะเป็นเวอร์ชันสุดท้ายแล้วที่จะรองรับการใช้งานบน Windows 7 และ Windows 8/8.1 ซึ่งจะตรงตามเงื่อนไขการ Support ของ Windows 7 Extended Security Update (ESU) ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 10 มกราคม 2023 นี้ โดยหลังจากนี้ ผู้ที่ใช้งาน Windows 7 หรือ Windows 8/8.1 จะไม่ได้รับการอัปเดตแพตช์ความปลอดภัยและฟีเจอร์ใหม่สำหรับ Microsoft Edge อีกต่อไป นอกจากนี้ Microsoft Edge เวอร์ชัน 109 ก็จะเป็นเวอร์ชันสุดท้ายบน Windows Server 2008 R2, Windows Server 2012 และ Windows Server 2012 R2 เช่นเดียวกัน

ในด้านของ Google Chrome ก็มีแผนจะยุติการรองรับ Windows 7 และ Windows 8/8.1 เช่นเดียวกัน โดยเริ่มต้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 ตามสถิติจาก Statcounter GlobalStats นั้น ปัจจุบัน Windows 7 มีสถิติการใช้งานอยู่ประมาณ 10.25% เท่านั้น ส่วน Windows 8.1 มีการใช้งานเพียงแค่ 2.53%

ที่มา: https://www.bleepingcomputer.com/news/microsoft/microsoft-edge-109-is-the-last-version-to-support-windows-7-81/

from:https://www.techtalkthai.com/microsoft-plans-to-releases-last-microsoft-edge-supports-windows-7-and-8-1/

Chrome ขึ้นข้อความเตือนหากใช้บน Windows 7, 8.1 ให้อัพเกรดเป็น Windows 10

มีคนพบว่า Chrome เริ่มแสดงข้อความแจ้งเตือนในตัวเบราว์เซอร์เวอร์ชันที่รันบน Windows 7 SP1, Windows 8.1 และ Windows Server 2012 R2 บอกว่าจะไม่มี Chrome เวอร์ชันใหม่บนระบบปฏิบัติการเก่าอีกแล้ว และขอให้อัพเกรดเป็น Windows 10 ขึ้นไปแทน

Windows 7 SP1, 8.1, 2012 R2 จะหมดระยะซัพพอร์ตอย่างสมบูรณ์ (หมดระยะ Extended Security Update ที่ต้องจ่ายเงินซื้อแพตช์) ในเดือนมกราคม 2023 ซึ่ง Chrome ก็ประกาศหยุดซัพพอร์ตวันเดียวกับไมโครซอฟท์ โดยจะออก Chrome 110 ให้เป็นเวอร์ชันสุดท้าย

การขึ้นข้อความเตือนของ Chrome สามารถกดปิดได้ แต่เมื่อเปิดเบราว์เซอร์ขึ้นมาใหม่ก็จะแสดงใหม่อีกครั้งเสมอ

ที่มา – ghacks

No Description

from:https://www.blognone.com/node/131765

หลังปีหน้า Chrome จะไม่มีอัพเดตใหม่สำหรับ Windows 7 และ Windows 8.1 อีกต่อไป

Google ประกาศแผนการปล่อยอัพเดต Chrome เวอร์ชั่น 110 ซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นสุดท้ายที่สนับสนุนการใช้งานบนระบบปฏิบัติการ Windows 7 และ Windows 8.1 ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ปีหน้า

แม้ว่า Windows 7 จะมีอายุนานกว่า 13 ปีมาแล้ว และ Microsoft ได้ประกาศหยุดการอัพเดตเพื่อสนับสนุน Windows 7 ไปตั้งแต่ปี 2020 แต่จากการประเมินเมื่อต้นปี 2021 ยังมีอุปกรณ์ที่รันระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นนี้อยู่มากกว่า 100 ล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งเท่ากับว่าหลังจากปีหน้าไปเครื่องของใครที่ยังรัน Windows 7 อยู่ก็จะขาดการสนับสนุนจากทั้งผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการเองและผู้พัฒนาเว็บเบราว์เซอร์รายใหญ่

ทั้งนี้กำหนดการปล่อย Chrome 110 นั้นถูกกำหนดให้ตามหลังวันสิ้นสุดโปรแกรมขยายเวลาการสนับสนุนด้านความปลอดภัย “Extended Security Update (ESU)” สำหรับ Windows 7 ซึ่ง Microsoft กำหนดวันสิ้นสุดโปรแกรม ESU ในวันที่ 10 มกราคมปีหน้า

โปรแกรม ESU ของ Microsoft นั้นหมายถึงการขยายกรอบเวลาเพื่อช่วยอัพเดตระบบความปลอดภัยให้แก่ระบบปฏิบัติการเก่าที่พ้นกำหนดรับการสนับสนุนระบบหลักไปอีก 3 ปี ซึ่งในช่วงระยะเวลาของโปรแกรม ESU นั้น Microsoft จะไม่ปล่อยการอัพเดตอื่นใดนอกเหนือจากระบบความปลอดภัยเท่านั้น (ไม่มีฟีเจอร์ใหม่ให้, ไม่มีการเปลี่ยนดีไซน์, ไม่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานด้านอื่น)

No Description

ที่มา – The Verge

from:https://www.blognone.com/node/131121