คลังเก็บป้ายกำกับ: VOOC

OPPO Reno5 Series 5G สมาร์ทโฟน 5G ถ่ายวิดีโอสวย ชาร์จไวสุดๆ ปลอดภัยมั่นใจ ชาร์จเต็ม 100% ในเวลาแค่ 30 นาที!!!

OPPO Reno5 Series 5G สมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายวิดีโอได้สวย ฟังก์ชั่นแปลกตา คุณภาพสวยงามให้กล้องถ่ายภาพมาในระดับน่าประทับใจครับ และมากับฟังก์ชั่นการชาร์จพลังงานที่โดดเด่นที่สุดในตลาดด้วย มีระบบการชาร์จ 65W SuperVOOC 2.0 ระบบที่ชาร์จแบตได้ไวสุดๆ สามารถชาร์จได้เต็ม 100% ในเวลาแค่ 30 นาที!!! และยังมีความปลอดภัยสูงมาก

ใช้งานได้ทันใจและไว้ใจไดนี่คือสิ่งที่สมาร์ทโฟน 5G ในราคาไม่แรงของ OPPO มีให้ ใน OPPO Reno5 Series 5G

OPPO เป็นแบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องของระบบการชาร์จมาช้านานครับ โดยเฉพาะระบบ “VOOC” ที่สร้างชื่อและพัฒนามาต่อเนื่อง จนเป็นระบบชาร์จที่มีความไวสูง และความปลอดภัยสูง เป็นหนึ่งจุดเด่นในการใช้งานของสมาร์ทโฟน OPPO ในหลายๆ รุ่น โดยเฉพาะรุ่นระดับเรือธงราคาสูง

แต่ใน OPPO Reno5 5G และ OPPO Reno5 Pro 5G ได้มีการนำเทคโนโลยีการชาร์จนี้มาใส่ให้ใช้กันด้วย ทำให้เราสามารถใช้งานสมาร์ทโฟนสองรุ่นนี้ได้คล่องตัวมากแม้แต่ในจังหวะที่เราอาจจะลืมชาร์จแบตหรือพลังงานใกล้หมดครับ

แบตเตอรี่ของ OPPO Reno5 5G และ OPPO Reno5 Pro 5G มีขนาดรวมที่ 4,300 mAh แต่จริงๆ แล้วภายในของเครื่อง ทาง OPPO ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่เรียกว่า “ระบบ Dual-Cell Battery” หรือแบตเตอรี่ภายในแบบสองเซล

OPPO Reno5 5G และ OPPO Reno5 Pro 5G มีการใช้เซลล์พลังงานที่ใส่ไว้สองชุด เทคนิคนี้ถูกออกแบบเพื่อเพิ่มภาครับกระแสไฟเข้าได้เป็นสองเท่า มันจะช่วยลดภาระการผ่านของกระแสไฟแรงดันสูงที่จะเกิดความร้อน เพิ่มท่อรับท่อส่ง

ส่งผลให้เทคโนโลยี 65W SuperVOOC 2.0 สามารถชาร์จแบตเตอรี่ของสมาร์ทโฟน 4,300 mAh ได้เต็ม 100% ในเวลาแค่ 30 นาทีเท่านั้นเองครับ และทำได้โดยไม่เกิดความร้อนสะสม ไม่เกิดอันตราย และส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่จะไม่เสื่อมสภาพก่อนอายุการใช้งาน เป็นปัญหาสำคัญที่พบได้จากเทคโนโลยีการชาร์จแบบอัดไฟกระแสแรงๆ เพื่อเพิ่มความไวในการชาร์จไฟเพียงอย่างเดียว แบตร้อน อายุแบตเตอรี่สั้น ส่งผลให้เครื่องร้อนและมีโอกาสเกิดความไม่ปลอดภัยในการใช้งานได้ครับ

นอกจากความไวในการชาร์จแบตเตอรี่ได้เต็มภายใน 30 นาทีแล้ว ต้องบอกว่าในช่วงต้นของชาร์จมันยิ่งกว่าโคตรเร็วซะอีก!

เรื่องระบบไฟเป็นเรื่องสำคัญและอันตรายมากๆ ของอุปกรณ์สมาร์ทโฟนครับ อาจจะเรียกได้ว่าสำคัญมากเป็นอันดับต้นเลยแต่หลายคนกลับลืมและไม่คาดคิดถึงมัน

ข่าวความเสียหายที่เกิดขึ้นกับระบบไฟฟ้าและความร้อน ไม่ได้ส่งผลเสียแค่ต่อตัวอุปกรณ์เท่านั้น เพราะบางครั้งมันหมายถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของเราด้วย! สำคัญและควรระวังไว้ให้มาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานเองแบบที่หลายคนชอบเสียบชาร์จไฟทิ้งไว้ หรือใช้งานไปชาร์จไปด้วย รวมถึงการปล่อยให้ลูกหลานของเรานอนเล่นสมาร์ทโฟนในขณะที่เสียบไฟทิ้งไว้ ถ้าระบบชาร์จของมือถือไม่ได้มาตรฐานที่ดีมากพอ อันตรายครับ!

ฉะนั้นเรื่องของมาตรฐานในการชาร์จไฟจึงเป็นสิ่งที่ผมพูดถึงเสมอในการรีวิวทุกๆ อุปกรณ์

นอกจากความปลอดภัยที่ดีแล้ว ความไวในการชาร์จก็จะต้องยอดเยี่ยมด้วย เพราะระยะเวลาการเติมพลังงานมันทำให้เราเสียเวลาชีวิตครับ โดยเฉพาะในจังหวะเร่งรีบหรือเราพลาดไป ไม่ได้ตรวจสอบการชาร์จแบตไว้เมื่อคืน

ฉะนั้นงานด่วน จังหวะเร่ง ช่วงตัดสินชีวิต ชี้เป็นชี้ตาย ^^ ไม่มีคำว่าพลาดครับ ชาร์จแป๊บเดียวใช้งานต่อได้เป็นชั่วโมงๆ

OPPO Reno5 Series 5G เขาออกแบบเพื่อตอบโจทย์และลดการเกิดปัญหาเฉพาะหน้าที่อาจจะเกิดขึ้นในชีวิตครับ เพราะนอกจากระบบชาร์จไวแล้ว มีการเน้นความปลอดภัยด้วยการตรวจสอบผ่านเซนเซอร์ 5 ขั้นตอน ทั้งการตรวจสอบกระแสไฟผิดปกติและการรักษาอุณหภูมิ ดูแลกันตั้งแต่หัวปลั๊กเสียบ ไปจนขั้วต่อและสายไฟ มีการออกแบบพิเศษด้วยมาตรฐานที่สูงและพร้อมรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดในการใช้งานของแต่ละวันด้วยครับ

เขายังมีการใส่ฟีเจอร์อื่นด้านพลังงานเข้ามาอีกมากครับ เช่นระบบการจัดสรรพลังงานให้แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานระหว่างวันได้มากขึ้น ระบบถนอมแบตเตอรี่ขั้นวิกฤต ลดการใช้งานให้เหลือเพียงแอพพลิเคชั่นสำคัญที่เราเลือกไว้ ยืดอายุแบตที่เหลือให้ใช้งานได้มากขึ้นเป็นสองเท่า มันคือ Super Power Saving Mode แต่ผมเรียกมันว่า “โหมดกันตาย”


มีระบบการชาร์จที่ออกแบบมาเพื่อยืดอายุตัวแบตเตอรี่ให้ใช้ได้ยาวนาน ไม่ใช่แค่อยู่ได้ถึงแค่หมดอายุประกันแล้วก็ตายจากไป โดยตัวเครื่องจะชาร์จแบตทั้งไว้ก่อน 80% แล้วค่อยมาชาร์จให้ไฟเต็มก่อนคุณจะตื่นนอน โดยตัว AI มันรู้ครับว่าปกติเราจะตื่นนอนตอนประมาณกี่โมง ลักษณะการเก็บประจุไฟแบบนี้ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของตัวแบตเตอรี่ในระยะยาวได้นั้นเองครับ


OPPO Reno5 Series 5G ยังเป็นสมาร์ทโฟนที่เหมาะกับติดตัวไว้เพื่อสร้างคอนเทนต์อีกด้วยนะครับ เพราะมันมีกล้องและฟีเจอร์การถ่ายภาพที่มีคุณภาพสูงเลยแหละ ทั้งสามรุ่นในซีรี่ส์เลย กล้องหลัง 4 ตัวความละเอียดสูง 64 ล้านพิกเซล และกล้องมุมกว้างความละเอียด 8 ล้านพิกเซล กล้องที่สามแบบมาโคร 2 ล้านพิกเซล และสุดท้ายเลนส์ Mono 2 ล้านพิกเซล

OPPO Reno5 เจ้าตัวนี้ครีเอทวิดีโอเก่ง ฟังก์ชั่นเด็ดๆ เยอะครับในราคาเบา 10,990 บาท สายสร้างสรรค์สายอาร์ท เพราะสามารถเล่นกับภาพแปลกๆ ตาเช่น AI Mixed Portrait ซึ่งเป็นรุ่นแรกของโลกที่สามารถนำเทคนิคภาพวีดีโอสองภาพซ้อนกัน Double exposure effect มาใช้จากตัวกล้องของมันเอง

หรือเล่นกับสีแบบ AI Color Portrait ตัดสีฉากหลังให้เป็นขาวดำ เป็นการตัดสีแบบเรียลไทม์ในทั้งภาพนิ่งและถ่ายภาพวีดีโอเคลื่อนไหว

ลองดูการใช้งานจริงของฟังก์ชั่นวีดีโอเด็ดๆ ในคลิปวีดีโอด้านล่างนีัได้เลยครับ

อ่านรีวิว OPPO Reno5 <<<

ถ้าใครอยากสัมผัสประสบการณ์ 5G ในราคาที่เขยิบขึ้นไปหน่อย ก็แนะนำ OPPO Reno5 5G เป็นสมาร์ทโฟน 5G ราคาเบามาพร้อมฟังฟ์ชั่นครบเช่นเดิม ในราคา 13,990 บาท

สเปคแรง Snapdragon 765G RAM 8GB และ ROM 128GB ระบบปฏิบัติการ Android 11 มากับระบบ Color OS 11.1 ซึ่งเป็น UI เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดของ OPPO รองรับ 5G ทั้งแบบ SA และ NSA

หรือรุ่นพรีเมี่ยมสุดของซีรี่ส์ OPPO Reno5 Pro 5G แรงจากชิปเซ็ตเรือธงของ MediaTek ในยุค 5G Dimensity 1000+ เปิดจำหน่ายในราคา 19,990 บาท

ตัวเครื่องของซีรี่ส์นี้สวยงามครับ เครื่องบาง เบา ขอบจอเล็ก เช่นรุ่น OPPO Reno5 มีความบางแค่ 7.8 มม. แล้เบาเพียง 171กรัม มีเข้ามาจำหน่ายรุ่นละสองสี โดยจะชื่อของสีดำร่วมกันว่า Starry Black

แต่ในอีกสีจะใช้ชื่อต่างกัน นั้นคือ Fantasy Silver ในรุ่น 4G และ Galactic Silver สำหรับรุ่น 5G แม้จริงๆ แล้วจะเป็นสีที่เหมือนกันมากแทบจะเป็นสีเดียวกัน แต่ในเนื้อผิวและขั้นตอนการผลิต ตัว Galactic Silver ของรุ่น 5G จะมีพื้นผิวที่มีความวิบวับมากกว่า Fantasy Silver เล็กน้อยครับ

สีเดียว Fantasy Silver และ Galactic Silver เป็นสีที่สวย มันสามารถสะท้อนแสงเงารอบตัวได้เป็นพันเฉดสี เปลี่ยนไปตามแต่มุมแสงที่มากระทบ ^^ สวยงามมากครับ

OPPO Reno5 Pro 5G ก็เป็นซีรี่ส์เด่นของ OPPO ที่มีความสวยงาม สเปคแรง รองรับ 5G มีระบบชาร์จที่ทั้งไวและปลอดภัยสูง วางใจได้ไม่ว่าจะใช้งานเองหรือให้ลูกหลานใช้ครับ กล้องถ่ายภาพคุณภาพระดับสูงเลยทั้งงานภาพนิ่งและงานวีดีโอ

ออกแบบมาได้ครบเครื่องครับ แนะนำสำหรับแฟนๆ OPPO และใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟน 5G มาใช้งานในช่วงนี้ครับ

ข่าว: OPPO Reno5 Series 5G สมาร์ทโฟน 5G ถ่ายวิดีโอสวย ชาร์จไวสุดๆ ปลอดภัยมั่นใจ ชาร์จเต็ม 100% ในเวลาแค่ 30 นาที!!! มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.
from:https://www.appdisqus.com/oppo-reno5-series-5g-best-smartphone-video-65w-supervooc-2-0/

OPPO โชว์เทคโนโลยีมือถือจอม้วน, 5G , IoT และระบบ Wireless Air Charge ในงาน MWC SHANGHAI 2021

ในงาน Mobile World Congress (MWC 2021) ที่จัดขึ้น ณ กรุงเซี่ยงไฮ้ ในสาธารณรัฐประชาชนจีนวันนี้ ทาง OPPO ก็ขนเทคโนโลยีต่าง ๆ ไปโชว์ในงานกันแบบจัดเต็มไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย 5G สุดแรง พร้อมที่จะช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น รวมถึงสมาร์ทโฟนแห่งอนาคตอย่าง OPPO X 2021 ก็มาในงานกับเขาด้วยเช่นกันครับ

OPPO 5G CPE Omni เร้าเตอร์ 5G อัจฉริยะ

ปัจจุบันเทคโนโลยี 5G ถือว่าก้าวขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของใครหลาย ๆ คนไปแล้ว โดยในไทยเรา หัวเมืองใหญ่ ๆ ก็ต่างมีเสารับส่งสัญญาณ 5G กันแทบจะทุกพื้นที่แล้ว แบบนี้เองทาง OPPO เลยได้พัฒนาเร้าเตอร์ 5G CPE Omni ที่จะเปลี่ยนสัญญาณ 5G ให้กลายเป็น WiFi ความเร็วสูงสำหรับใช้งานกับอุปกรณ์ IoT (Internet of Things)

ตอนนี้ OPPO ไปกำลังทดสอบการใช้งาน 5G บนคลื่น mmWave กับพาร์ทเนอร์อย่าง Qualcomm และ Ericsson อยู่ เพื่อให้แน่ใจว่าเทคโนโลยี 5G CPE Onmi นี้ สามารถใช้งานได้จริง และทำผลงานออกมาได้ตามที่ควรจะเป็น โดยจากผลการทดลอง OPPO ได้เผยว่า พวกเขาสามารถทำความเร็ว Downlink ด้วยการใช้คลื่น 5G ได้สูงสุดที่ 4.06 Gbps โดยเทคโนโลยี 5G CPE Omni ของ OPPO จะเข้ามาอำนวยความสะดวกดังนี้ (ต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีสัญญาณและซิมรองรับ 5G ด้วย)

  • เล่นเกมได้ไม่จำกัดผ่านระบบคลาวด์ ไม่ต้องติดตั้งลงเครื่อง
  • เปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า IoTs ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ง่าย ๆ ทุกที่ทุกเวลา
  • ทำงานแบบไม่มีสะดุด และทุกที่ทุกเวลา
  • ไม่มีการแย่ง Bandwidth

นอกจากนี้ OPPO ยังมีเทคโนโลยี O-Reverse 5G Antenna ที่จะใช้คลื่นความถี่ Sub-6GHz 5G โดยเลือกเสาสัญญาณ 4 เสา (จาก 8 เสา) ที่มีอัตราการรับส่งสัญญาณที่ดีที่สุด เพื่อให้อุปกรณ์ที่ใช้ได้รับการเชื่อมต่อที่เสถียรและแรงที่สุดนั่นเอง อีกทั้งยังมีระบบ O-Motion 5G Antenna ที่จะเข้ามาทำให้ตัวรับสัญญาณหมุนรอบตัวเองได้ 360 องศา ทำให้ตัวอุปกรณ์สามารถรับสัญญาณการเชื่อมต่อได้ดีที่สุด

ก่อนหน้านี้ OPPO ก็ได้เปิดตัวโครงการ 5G Landing Project ที่มุ่งเน้นไปที่การทำงานร่วมกับโอเปอร์เรเตอร์ชั้นนำต่าง ๆ ทั่วโลก สำหรับการเตรียมความพร้อมในการใช้งาน 5G ซึ่งปัจจุบันพวกเขาได้ทำงานร่วมกับโอเปอร์เรเตอร์มากกว่า 80 แห่ง ไม่ว่าจะเป็น China Telecom, Orange, Vodafone, Deutsche Telekom, China Mobile, Telefonica หรือ Telcel

ระบบ VOOC Flash Charge กับพาร์ทเนอร์ทั่วโลก

ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน OPPO ได้เปิดตัวเทคโนโลยีชาร์จไว VOOC Flash Charge ความเร็ว 20W ที่ตอนนั้นต้องบอกว่ามันว้าวมาก ๆ ใช้เวลาชาร์จไม่กี่นาที ก็ได้แบตมาใช้งานมือถือแบบเพลิน ๆ แล้วเกือบทั้งวัน จนเวลาล่วงเลยมาถึงปี 2021 ที่ระบบชาร์จความเร็ว 20W แทบจะถูกมองว่าเป็นค่ามาตรฐานไปแล้ว

โดยตอนนี้เทคโนโลยี VOOC Flash Charge ของ OPPO ถือว่ามาไกลมาก ๆ แล้ว จากตอนแรกเริ่มต้นที่ 20W ตอนนี้มาถึง 125W ที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ซึ่ง OPPO เคลมว่าเทคโนโลยีตัวใหม่นี้สามารถชาร์จแบตมือถือ 4000 mAh จาก 0% – 100% ในเวลาเพียงแค่ 20 นาทีเท่านั้น แถมยังมากับเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิ 10 ตัว สำหรับตรวจสอบและรักษาความปลอดภัยอีกต่างหาก

ซึ่งล่าสุด OPPO ก็ได้ออกมาประกาศว่า เขาได้นำเทคโนโลยีชาร์จไว VOOC Flash Charge นี้ไปให้พาร์ทเนอร์ชื่อดังต่าง ๆ หลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น Volkswagen ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า, Anker ผู้ผลิตพาวเวอร์แบงก์และเครื่องชาร์จแบบพกพา และในภาคอุตสาหกรรมชิปเซ็ตอย่าง NXP

นอกจากนั้นยังมีระบบชาร์จไร้สาย OPPO Wirleess Air Charge ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้แม้ตัวเครื่องจะไม่สัมผัสกับแท่นชาร์จเลย ซึ่งถูกนำมาโชว์ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่สุดล้ำ OPPO X 2021

OPPO X 2021 มือถือจอม้วน ยืด-หดได้

เมื่อปลายปีที่ผ่านมาทาง OPPO ได้โชว์นวัตกรรม Concept Phone สมาร์ทโฟนจอม้วนได้อย่าง OPPO X  ล่าสุดทางบริษัทก็ได้พัฒนาต่อกับ OPPO X 2021 ที่จะมากับหน้าจอ OLED ขนาด 6.7 นิ้ว ที่สามารถยืดขนาดไปได้เป็น 7.4 นิ้วแบบไร้รอยต่อ ด้วยเทคโนโลยี Warp Track พร้อม Roll Motor ที่เข้ามาทำให้การยืดหดนั้นทำงานได้อย่างลื่นไหล (ในทางทฤษฎีดีกว่ามือถือจอพับในตลาดตอนนี้เสียอีก)

และทาง OPPO ยังใส่ใจกับการออกแบบตัวเครื่องสมาร์ทโฟนจอม้วนให้แข็งแรงกว่าสมาร์ทโฟนจอพับทั่วไปด้วยระบบแผ่นเลื่อนหน้าจอสองแผ่นและมีกรอบแบบไดนามิกที่เสริมความแข็งแรงให้กับตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี

นอกจากเทคโนโลยีดังกล่าวแล้ว อีกสิ่งนึงที่ทาง OPPO อยากจะนำเสนอคือเทคโนโลยีด้านการชาร์จแบบใหม่ล่าสุดอย่าง Wireless Air Charging ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Magnetic Resonance ทำให้ OPPO X 2021 นั้นสามารถชาร์จแบบไร้สายอย่างแท้จริงได้เมื่อเข้าใกล้แผ่นรองชาร์จภายในระยะ 10 ซม. ด้วยกำลังไฟ 7.5W ทำให้จะชาร์จไปเล่นมือถือได้แบบง่ายดาย

 

source : OPPO Newsroom

from:https://droidsans.com/oppo-technology-in-mwc-2021-shanghai/

มาทำความรู้จัก VOOC Flash Charge 3.0 ใน OPPO F11 Pro ชาร์จไวขึ้นแค่ไหนและดีกว่าเดิมยังไง 

ขึ้นแท่นเป็นสมาร์ทโฟนมาแรงกันไปเรียบร้อยแล้วสำหรับ OPPO F11 Pro สมาร์ทโฟนน้องใหม่ล่าสุดในตระกูล F Series ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นสมาร์ทโฟนที่ขายดีเป็นอันดับ 1 ต่อเนื่อง 3 วันในตลาดสมาร์ทโฟนที่มีช่วง ราคา 10,000 – 15,000 บาท โดยนับตั้งแต่วันแรกที่เปิดขาย หลังจากที่ ทางทีมงาน @flashfly ได้เคยนำเสนอเรื่องราวของเทคโนโลยีและนวัต กรรมของ OPPO F11 Pro และรีวิวการใช้งาน OPPO F11 Pro ให้ได้เห็นกันไปก่อน หน้านี้แล้ว 

จะเห็นได้ว่าสาเหตุที่ OPPO F11 Pro ได้รับกระแสตอบรับที่ดี ขนาดนี้นั้น เป็นเพราะว่า OPPO F11 Pro มาพร้อมดีไซน์ตัวเครื่องที่สวย งามในระดับพรีเมียม จอแสดงผลไร้กรอบแบบ Panoramic Screen กล้องเซลฟี่ Rising Camera ที่สามารถสไลด์ขึ้น-ลงได้อัตโนมัติ กล้องหลัง แบบคู่ Dual Camera ความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล ถ่าย Portrait สวยแม้แสงน้อย แบตเตอรี่ก้อนใหญ่ 4000mAh พร้อมระบบชาร์จไวกว่า เดิมแบบ VOOC 3.0 ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องของแบตเตอรี่และระบบการชาร์จ แบบใหม่ของ OPPO F11 Pro นั้นถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีใหม่ที่ ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และในวันนี้ทางทีมงาน @flashfly จะขอ มาเจาะลึกเทคโนโลยีนี้กัน ว่าจะมีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง

ในปีที่ผ่านมาเชื่อว่าแฟนๆ OPPO ต้องคุ้นเคยกับสโลวแกน “ชาร์จ 5 นาทีคุยได้ 2 ชั่วโมง” ของ OPPO F9 กันไปทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว สำหรับในปีนี้กับรุ่น OPPO F11 Pro ทาง OPPO ก็จัดสเป็คในเรื่องของแบตเตอรี่มาให้ได้ใช้งานกันอย่าง เต็มที่ โดยมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,000mAh ซึ่งเพียงพอสำหรับ การใช้งานตลอดทั้งวัน สามารถให้พลังงานยาวนานสูงสุด 15.5 ชั่วโมง สำหรับการใช้งานทั่วไป หรือชมวีดีโอนานสูงสุด 12 ชั่วโมง และเล่นเกม นานต่อเนื่อง 5.5 ชั่วโมง แต่ไม่เพียงแค่เรื่องของการใช้แบตเตอรี่ได้ยาว นานเท่านั้นที่น่าสนใจเพราะ OPPO F11 Pro ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี ชาร์จเร็วเวอร์ชั่นใหม่ VOOC Flash Charge 3.0 ที่ดีกว่าเดิมถึง 20% อีกด้วย 

เทคโนโลยี VOOC Flash Charge 3.0 คือเทคโนโลยีชาร์จเร็วเวอร์ชั่น ใหม่ที่ OPPO ได้บรรจุมาไว้ใน OPPO F11 Pro โดยจะเป็นเทคโนโลยี ที่ใช้แรงดันไฟฟ้าต่ำแต่รองรับกำลังไฟฟ้าสูง ได้รับมาตรฐานและการันตี เรื่องความปลอดภัย ผ่านการรับรองความปลอดภัยจาก TÜV SÜD จึงมั่น ใจได้ในความปลอดภัยอย่างแน่นอน โดยจะสามารถชาร์จแบตเตอรี่ของ OPPO F11 Pro จนเต็มในเวลาเพียง 80 นาทีเท่านั้นซึ่งตัวอุปกรณ์ทั้งสายชาร์จและอแดปเตอร์ทาง OPPO ก็แถมมาให้ในกล่องเป็นที่เรียบร้อยไม่ต้องเสียเงินไปซื้อเพิ่มแต่อย่างใด

ข้อดีและความแตกต่างของ เทคโนโลยี VOOC Flash Charge 3.0 จาก เทคโนโลยีการชาร์จเร็วของรุ่นก่อน นั่นก็คือ VOOC Flash Charge 3.0 สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วกว่าเทคโนโลยีการชาร์จเร็วรุ่นก่อนถึง 20% หรือชาร์จเร็วกว่าแบบเดิมถึง 20 นาที รวมไปถึงเรื่องของความมั่นใจใน การใช้งานที่มาพร้อมกับ 5 ขั้นตอนเพื่อป้องกันความปลอดภัย เริ่มจากอะแดปเตอร์ไปจนถึงช่องเสียบชาร์จและวงจรภายในตัวเครื่องสมาร์ทโฟน ดังนี้

  • ขั้นตอนที่ 1 กับการป้องกันการใช้ไฟเกินกำลังของตัวอะแดปเตอร์
  • ขั้นตอนที่ 2 การป้องกันการโอเวอร์โหลดของกระแสไฟที่จุดเชื่อมต่อ ป้องกันการใช้ไฟเกินกำลัง
  • ขั้นตอนที่ 3 ป้องกันการโอเวอร์โหลดของ กระแสไฟ
  • ขั้นตอนที่ 4 ควบคุมดูแลในส่วนของการโหลดเข้าของแรงดัน ไฟฟ้า ให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมและปลอดภัย  
  • ขี้นตอนที่ 5 ระดับ การป้องกันความปลอดภัยในตัวฟิวส์แบตเตอรี่ ในกรณีที่เกิดความผิด ปกติ ตัวฟิวส์ในแบตเตอรี่จะตัดไฟทันที และกระแสไฟจะหยุดการใหลเวียน ในระบบ

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วเชื่อว่าหลายคนคงอยากได้เห็นผลทดสอบการใช้งานจริงๆกันแล้วว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง มาเริ่มทดสอบใช้งานจริงกันดีกว่าโดยทีมงาน @flashfly ได้นำเอา OPPO F11 Pro มาเริ่มชาร์จตอนที่มีแบตเตอรี่เหลืออยู่เพียง 1% มาดูกันว่ากว่าจะถึง 100% จะใช้เวลาไวกว่าเดิมแค่ไหน 

ส่วนวิธีสังเกตว่าตัวเครื่องชาร์จไฟแบบ VOOC อยู่หรือไม่นั้นให้ดูหน้าจอล็อกสกรีนตรงวงกลมจะมีคำว่า VOOC ปรากฎขึ้น และตรงไอคอนรูปแบตเตออรี่มุมขวาบนจะเห็นรูปสายฟ้าสีทองปรากฎอยู่นั่นเอง

ชาร์จไปเพียง 8 นาทีก็ได้แบตเตอรี่มา 10% แล้ว ผ่านอีก 13 นาทีได้แบตเตอรี่ 23% และอีก 9 นาทีต่อมาแบตเตอรี่ก็เพิ่มมาถึง 35% แล้ว อีก 11 นาทีต่อมาก็ได้แบตเตอรี่มา 51% เกินครึ่งเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเท่านี้ก็เพียงพอต่อการใช้งานเร่งด่วนระหว่างวันแล้ว โดยรวมแล้วใช้เวลาชาร์จตั้งแต่ 1% ไปถึง 51% ไปราวๆ 40 นาทีเท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีระบบป้องกันการใช้ไฟเกินกำลัง จึงทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ไปพร้อมกับเล่นเกมได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเครื่องร้อน อีกด้วย เหมาะสำหรับคอเกมตัวจริงโดยเฉพาะที่ไม่ต้องการพลาดแมชสำคัญๆหรือปล่อยให้เสียเวลาไปกับการชาร์จแบตเตอรี่ไปนานๆ

จากนั้นชาร์จต่ออีก 13 นาทีแบตเตอรี่ก็มาถึง 70% แล้ว 7 นาทีต่อมาก็ถึง 80% ชาร์จต่อไปอีก 11 นาทีก็ได้แบตเตอรี่ 90% ใกล้เต็มแล้ว ช่วงนี้จะเป็นการชาร์จช้าแล้วเพื่อตัวเครื่องไม่ร้อนจนเกินไปอีก 20 นาทีต่อมาก็พอว่าแบตเตอรี่ของ OPPO F11 Pro เต็มเป็นที่เรียบร้อยแล้วใช้เวลาทั้งหมดไปราวๆ 80 นาทีเท่านั้น ถือว่าตรงตามที่ OPPO เคลมไว้ว่าเร็วๆกว่าแบบเดิม

โดยสรุปแล้วจะเห็นได้ว่า เทคโนโลยี VOOC Flash Charge 3.0 นั้นเป็น เทคโนโลยีการชาร์จเร็วแบบใหม่ ที่ OPPO ได้บรรจุมาไว้บน OPPO F11 Pro ซึ่งจะมาช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันสะดวกสบายยิ่งขึ้น สามารถชาร์จ แบตเตอรี่ได้เต็มในเวลาเพียงแค่ 80 นาทีเท่านั้น แน่นอนว่าการชาร์จที่เร็ว ขึ้นกว่าเดิมย่อมทำให้สะดวกขึ้น ไม่ต้องเสียเวลามานั่งรอชาร์จแบตเตอรี่ ให้เต็มโดยใช้เวลานานเหมือนเดิม 

ในกรณีที่ต้องการชาร์จแบตเตอรี่เพื่อใช้งาน OPPO F11 Pro เร่งด่วนก็สามารถทำได้เร็วขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีที่แบตเตอรี่เหลือน้อย แบตเตอรี่ใกล้หมด แล้วมีเวลาเพียงไม่มากนัก ก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่แล้วนำไปใช้งานต่อได้อย่างรวดเร็ว หรือ อย่างคอเกมที่กำลังมีเล่นเกมกันอย่างมันส์ๆ คอซีรีย์ที่ดูละครกำลังถึงตอน สนุก แล้วแบตใกล้หมด ก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่ไป ใช้งานไปได้โดยที่ เครื่องไม่ร้อน และไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยกันเลย ดังนั้นจึงอาจ เรียกได้ว่า เทคโนโลยี VOOC Flash Charge 3.0 นั้นเป็นอีกหนึ่งเทค โนโลยีที่จะมาช่วยเสริมให้ OPPO F11 Pro นั้นเป็นสมาร์ทโฟนที่มา พร้อมสเป็คและเทคโนโลยีใหม่ๆที่ครบครัน ในราคาเพียง 10,990 บาท ใครที่ สนใจสามารถอ่านรีวิว OPPO F11 Pro เพิ่มเติมได้ที่นี่เลย

from:https://www.flashfly.net/wp/247266

รู้จักระบบ VOOC Flash Charge กันดีหรือยัง ว่ามันแจ่มแค่ไหน?

“ชาร์จ 5 นาที คุยสายได้นานถึง 2 ชั่วโมง” คำนี้ช่วงนี้อาจจะได้ยินกันบ่อยครับ เพราะเป็นคุณสมบัติเด่นของระบบชาร์จ VOOC Flash Charge ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของทาง OPPO เขานั้นเองครับ และตอนนี้มันได้ถูกใส่เข้ามาสู่เครื่องราคาตลาดกลางอย่าง OPPO F9 แล้ว ซึ่งกำลังเปิดจองก่อนจำหน่ายจริงอยู่ในขณะนี้ ฉะนั้นระบบ VOOC Flash Charge จึงถูกพูดถึงอยู่บ่อยครั้งในการโปรโมท OPPO F9 นั้นเองครับ

และเจ้าระบบชาร์จไวตัวนี้ มันมีดีอย่างไร?

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ระบบชาร์จไวในโลกสมาร์ทโฟนทุกวันนี้มีอยู่หลายระบบครับ โดยแต่ระบบก็จะมีเทคโนโลยีที่มาที่ต่างกัน ส่วนใหญ่ใช้ร่วมกันไม่ได้ ซึ่งระบบ  VOOC Flash Charge จะมีจุดเด่นที่เป็นระบบชาร์จด้วยแรงดันไฟฟ้าต่า แต่รองรับกาลังไฟฟ้าสูง ซึ่งเป็นสูตรพัฒนาเฉพาะของ OPPO เลยครับ ส่งผลให้เกิดไฟ 20W ซึ่งเร็วกว่าการชาร์จปกติถึง 4 เท่า

แล้วทำไม VOOC ถึงเลือกใช้เทคนิคแรงดันไฟฟ้าต่ำแต่รองรับกาลังไฟสูง?

การพัฒนาเทคนิคการชาร์จไว หากเราอ้างอิงจากสูตร “Power (P) = voltage (U) x current (I)” เราก็จะสามารถเพิ่มความเร็วในการชาร์จได้ด้วยสามวิธีครับ

  • วิธีที่ 1 : กระแสไฟฟ้าคงที่ แต่เพิ่มแรงดันไฟฟ้า
  • วิธีที่ 2 : แรงดันไฟฟ้าคงที่ แต่เพิ่มกระแสไฟฟ้า
  • วิธีที่ 3 : เพิ่มทั้งแรงดันไฟฟ้า และเพิ่มกระแสไฟฟ้าพร้อมกัน

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการเพิ่มแรงดันไฟฟ้าเป็นสาเหตุให้เครื่องร้อนเร็วขึ้น ทาง OPPO จึงเลือกวิธีเพิ่มกระแสไฟฟ้าขณะที่แรงดันไฟฟ้าคงที่ เพื่อป้องกันปัญหาเครื่องร้อนแบบที่หลายๆ คนกังวัลนั้นเองครับ

แล้วหลังจากนั้น OPPO ก็ได้เพิ่มชิปอัจฉริยะ MCU ไว้ในระบบ VOOC Flash Charge เพื่อป้องกันการใช้ไฟเกินกาลังเอาไว้ครับ ซึ่งการทำงานพิเศษจะแบ่งเป็นห้าขั้นตอนตามนี้

  • 1. การป้องกันการใช้ไฟเกินกาลังของตัวอะแดปเตอร์ : ขณะที่กำลังไฟฟ้าเข้าสู่ตัวอะแดปเตอร์ ระบบเซนเซอร์ในตัวอะแดปเตอร์ก็จะวัดแรงดันไฟฟ้า เมื่อทดสอบแล้วพบว่าปลอดภัย ระบบป้องกัน MOSFET จะเริ่มชาร์จไวโดยอัติโนมัติ ถ้าเกิดความผิดปกติขึ้น เจ้าตัวนี้ก็จะตัดไฟทันที
  • 2. การป้องกันการโอเวอร์โหลดของกระแสไฟที่จุดเชื่อมต่อ : เมื่อกระแสไฟฟ้าไหลผ่านอะแดปเตอร์ ชิพ MCU ก็จะทำการตรวจสอบว่าอุปกรณ์ที่นำมาเสียบรองรับการชาร์จไวหรือไม่ ถ้าหากรองรับการชาร์จไว ระบบถึงจะเปิดการทำงาน และก็จะเปิดการป้องกันการใช้ไฟเกินกาลังในชั้นที่ 2 ไปพร้อมๆกันทันที
  • 3. ตัวบ่งชี้ VOOC ที่ติดตั้งอยู่ในโทรศัพท์ : ในส่วนรอยต่อตรงกลาง ช่วงที่กระแสไฟเข้าสู่โทรศัพท์มือถือ Pin ทั้ง 7 เส้นของ USB จะมี MCU คอยควบคุมสวิตช์ระบบป้องกัน ( MOSFET) ที่ใช้เปิดปิดกระแสไฟ จึงเป็นการป้องกันการโอเวอร์โหลดของกระแสไฟในขั้นตอนที่สาม
  • 4. ตัวป้องกันการโอเวอร์โหลดของแบตเตอรี่ : ในช่วงท้ายของการชาร์จไฟ จะมีสวิทช์พิเศษ IC และ MOSFET ซึ่งอยู่ภายในแบตเตอรี่ ทำหน้าที่ควบคุมดูแลในส่วนของการโหลดเข้าของแรงดันไฟฟ้าให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมและปลอดภัยตามที่กำหนดออกแบบเอาไว้ ถือเป็นขั้นตอนที่ 4 ของการป้องกันนั้นเองครับ
  • 5. การป้องกันความปลอดภัยของฟิวส์แบตเตอรี่ : ในกรณีที่เกิดความผิดปกติ ตัวฟิวส์ในแบตเตอรี่จะตัดไฟทิ้ง และกระแสไฟก็จะหยุดการใหลเวียนในระบบทันทีครับ

 

ปัจจุบันระบบ VOOC มีผู้ใช้อยู่มากกว่า 90 ล้านคนทั่วโลก ตั้งแต่ OPPO เปิดตัวมาเมื่อปี 2014 ก็ได้รับสิทธิบัตรจากทั่วโลกแล้วกว่า 500 ฉบับ และยังคงมีจำนวนผู้ใช้เพิ่มมากขึ้นในทุกวันๆ โดยเฉพาะในช่วงนี้กับ OPPO F9 ก็จะช่วยให้ผู้ใช้ได้สัมผัสระบบชาร์จแบตชั้นดี ที่ชาร์จไว ปลอดภัย ชาร์จไปเล่นเกมไปไม่ต้องห่วงเรื่องเครื่องร้อน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระดับสูงที่มาอยู่ในเครื่องราคาหลักหมื่นต้นๆ ครับ

ก็เป็นเรื่องของเทคโนโลยีตัวหนึ่งที่เราเอาข้อมูลมาแชร์ให้รู้จักกันครับ ซึ่งถ้าเรามีข้อมูลเทคโนโลยีที่น่าสนใจตัวอื่นๆ จะนำมาแชร์ให้รู้จักกันครับ

ข่าว: รู้จักระบบ VOOC Flash Charge กันดีหรือยัง ว่ามันแจ่มแค่ไหน? มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/2018/08/17/you-know-vooc-flash-charge-oppo-f9.html

ลือ.. OPPO Find 9 จะสามารถชาร์จแบตเต็มได้ในเวลา 15 นาที พร้อมภาพหลุด

เมื่องาน MWC ที่ผ่านมา เราได้เห็นทาง OPPO ได้ทำการอวดเทคโนโลยี Super VOOC ที่สามารถชาร์จแบตความจุ 2,500 mAh ได้เต็มในเวลาเพียงแค่ 15 นาที ล่าสุดก็มีข่าวลือมาว่า OPPO Find 9 เรือธงที่หลายๆ คนเฝ้ารอมานานนั้นจะมาพร้อมกับเทคโนโลยี Super VOOC นี้ด้วย พร้อมทั้งยังมีภาพหลุดออกมาให้ได้เห็นกันแล้ว

ในตอนนี้เรายังไม่ข้อมูลว่าแบตเตอรี่ของ Find 9 นั้นจะมีขนาดเท่าไหร่ แต่ในงานสาธิตของ OPPO ที่ MWC นั้น แบตเตอรี่มีขนาดเพียงแค่ 2,500 mAh เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากสำหรับสมาร์ทโฟนในตอนนี้ ก็น่าสนใจว่า OPPO นั้นได้พัฒนาเทคโนโลยี Super VOOC ไปถึงขั้นไหนแล้ว อาจจะสามารถชาร์จแบตที่มีความจุมากขึ้น ในเวลาที่เร็วขึ้นก็เป็นได้

นอกจากนี้ก็ยังมีภาพหลุดของ Find 9 มาเรียกน้ำย่อยอีกด้วย โดยจากรูปจะเห็นได้ว่าปุ่มโฮมนั้นมีขนาดที่ยาวมากๆ ดูแล้วแปลกตา ซึ่งคาดว่าน่าจะมาพร้อมกับเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้วย ส่วนปุ่ม menu และปุ่ม back นั้นใช้เป็นปุ่ม capacitive สำหรับเค้าโครงนั้นมีความคล้ายคลึงกับ Find 7 รุ่นก่อนหน้านี้อยู่ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว

ส่วนสเปคที่หลุดออกมาตอนนี้ของ Find 9 ก็คาดว่าจะมาพร้อมกับ Snapdragon 820, RAM 3GB, ROM 32GB, หน้าจอ Full HD และ กล้อง 16MP/4MP แถมยังมีข่าวว่าจะมีรุ่นท็อปที่จะอัพเกรด RAM เป็น 4GB หรือ 6GB พร้อมกับหน้าจอ 2K อีกด้วยครับ

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ยังเป็นเพียแค่ข่าวลือเท่านั้น คาดว่าเราอาจจะได้เห็น Find 9 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ แต่ก็ยังบอกไม่ได้อยู่ดีว่าเมื่อไหร่ ไว้มีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมจะรีบมาแจ้งให้ทราบนะครับ

 

ที่มา: Gizmochina via Android Authority

from:http://droidsans.com/15-minutes-charge-oppo-find-9

OPPO เปิดตัวสุดยอดเทคโนโลยีชาร์จเร็วอันดับหนึ่งของโลก! Super VOOC ชาร์จเต็มในเวลาแค่ 15 นาที!!!

OPPO จัดงานแถลงข่าวในงาน MWC 2016 ซึ่งจัดขึ้นที่บาร์เซโลนา โดยเปิดตัวอีกขั้นของเทคโนโลยีชาร์จเร็วของตนเอง Super VOOC ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีชาร์จเร็วที่รวดเร็วที่สุดในโลกตอนนี้ โดยสามารถชาร์จแบตเตอรี่ความจุ 2500 mAh ให้เต็มได้ในเวลาเพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้นเอง หรือสามารถชาร์จได้ 45% ในเวลาแค่ 5 นาทีเท่านั้น

แต่น่าเสียดายในครับที่ในตอนนี้ยังไม่มีสมาร์ทโฟนรุ่นไหนของ OPPO ที่รองรับ Super VOOC ในตอนนี้ สำหรับเทคโนโลยี Super VOOC รองรับทั้งพอร์ท Micro USB และ USB Type-C โดยจะต้องใช้คู่กับปลั๊ก Super VOOC  Flash Charger และสายเคเบิลแบบพิเศษวัสดุเกรดเดียวกับที่ใช้ในทางทหาร มีความคงทนสูงมาก สำหรับเทคโนโลยี Super VOOC นั้นจะเริ่มทำการผลิตเมื่อมีความพร้อมครับ นั่นแปลว่ายังไม่มีผลิตออกมาให้ใช้กันในตอนนี้แต่ว่าทาง OPPO พัฒนาสำเร็จแล้ว ซึ่งคาดว่าน่าจะมาพร้อมสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อย่าง OPPO Find 9 หรืออาจจะเป็นรุ่นอื่นแต่ก็ไม่น่าจะเกินสิ้นปีนี้ครับ

oppo_supervooc_battery_tech

สำหรับ Super VOOC จะมีการจ่ายไฟอยู่ที่ 5V และจะไม่มีการแปลงแรงดันไฟฟ้าแต่อย่างใด ใครที่กลัวว่าแบตเตอรี่จะเสื่อมก็สบายใจได้นะครับ ว่าไม่มีปัญหาแน่นอน

from:https://www.appdisqus.com/2016/02/24/oppo-super-vooc.html

OPPO เปิดตัว Super VOOC เทคโนโลยี ชาร์จสมาร์ทโฟนเร็วที่สุดในโลก แค่ 15 นาทีแบตเต็ม 100%

OPPO-Super-VOOC-Flash-Charge

ภายในงาน MWC 2016 ที่ประเทศสเปน OPPO ได้เปิดตัว SuperVOOC เทคโนโลยีชาร์จสมาร์ทโฟนเร็วที่สุดโลกด้วยเทคโนโลยีนี้ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ความจุ 2,500 mAh จาก 0% – 100% ได้ภายในเวลา 15 นาทีเท่านั้น รองรับทั้งพอร์ต MicroUSB และ USB Type-C อีกด้วยโดย OPPO ใช้แรงดันไฟฟ้าต่ำทำให้ไม่ตัวเครื่องเกิดความร้อนสูงเกินไปจนเกิดอันตราย

supervooc

ซึ่งถ้าเทียบกับเทคโนโลยี Quick Charge 2.0 ของ Qualcomm ใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่ความจุ 2,750 mAh นาน 30 นาทีถึงจะได้ปริมาณแบตเตอรี่ 60% ส่วน Quick Charge 3.0 ใช้เวลา 35 นาทีได้ปริมาณแบตเตอรี่ 80%

ซึ่งในเร็วๆนี้คาดว่า OPPO ก็น่าจะเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นที่มาพร้อมเทคโนโลยี SuperVOOC อย่างแน่นอนซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าคือรุ่น OPPO Find 9 นั่นเอง

ที่มา –  engadget 

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=139294

OPPO อาจจะเปิดตัวอีกก้าวของเทคโนโลยีชาร์จใว VOOC ในงาน MWC 2016

ต้องบอกว่าจริงแล้วเรื่องชาร์จใวเนี่ยทาง OPPO ชูเป็นจุดขายมาก่อนเจ้าอื่นเลยนะครับ ในชื่อของเทคโนโลยี VOOC และในงาน MWC 2016 นี้ทาง OPPO ก็มีแผนที่จะพัฒนาและมีแนวทางใหม่สำหรับเทคโนโลยีตัวนี้ ซึ่งยังไม่มีข้อม฿ลรายละเอียดใดๆในตอนนี้ นอกจากภาพโปรโมทของทาง OPPO ภาพนี้ครับ

gsmarena_002

VOOC เป็นเทคโนโลยีชาร์จพลังงานอย่างรวดเร็ว โดยทาง OPPO กล่าวว่าสามารถใช้เวลาในการชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ จาก 0 ถึง 75% ในเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น และล่าสุดอาจจะเปิดตัวเทคโนโลยี VOOC แบบไร้สายในงาน MWC 2016

ซึ่งหมายความว่าเราจะสามารถชาร์จอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยี VOOC เพียงแค่วางเครื่องบนที่ชาร์จไร้สายเท่านั้น น่าสนใจมากครับว่าจะสามารถใช้เวลาได้รวดเร็วเทียบเท่าแบบมีสายหรือเปล่า ก็รอลุ้นกันวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ครับ

from:https://www.appdisqus.com/2016/02/20/oppo_said_to_be_unveiling_nextgen_vooc_tech_at_mwc_2016.html

OPPO วางแผนอวดของใหม่ในงาน Mobile World Congress คาดมีทั้ง OPPO Find 9 และ VOOC Wireless fast charge

เป็นอีกค่ายที่เตรียมตัวไปบุกงาน Mobile World Congress กับเค้าด้วย เมื่อ OPPO ได้เริ่มส่งบัตรเชิญสื่อค่ายต่างๆ ให้ไปเตรียมตัวพบกับความว้าวของเทคโนโลยีใหม่ๆ ในงานนี้ โดยคาดว่าทาง OPPO น่าจะมีการแนะนำซีรี่ส์ใหม่อย่าง OPPO F1 รวมถึงการมาของ OPPO Find 9 ที่หลายคนรอคอยกันอยู่

ดูจากบัตรเชิญแล้วงานนี้ OPPO คงไม่ได้กะจะเปิดตัวแค่สมาร์ทโฟนแน่นอน เพราะระบบชาร์จแบตไวอย่าง VOOC Charge version 3 ที่กำลังซุ่มพัฒนาให้เป็นการชาร์จแบตเตอรี่เร็วผ่านระบบไร้สายหรือ wireless fast charging อาจจะถูกเผยโฉมในงานนี้ก็เป็นได้ และอีกอย่างที่คาดการไว้คือ OPPO อาจจะกลับมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆ ของกล้องหมุนได้ อย่างที่เราเคยเห็นไปกันแล้วในรุ่นก่อนๆอย่าง N1 และ N3 คงต้องรอดูกันในงาน MWC2016 พร้อมๆกัน


ถึงแม้ว่าตอนนี้ OPPO จะเป็นที่รู้จักกันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอย่างดี แต่ก็ยังไม่ใช่ผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดสมาร์ทโฟนโลก แต่ก็ประมาทไม่ได้เช่นกัน เพราะถ้าในงาน MWC ครั้งนี้ OPPO สามารถทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของตัวเองออกมาเรียกความเชื่อมั่นในตลาดยุโรปได้มากขึ้น ก็อาจจะได้เห็นการบุกยุโรปและตลาดโลกของ OPPO แบบเต็มที่แน่นอนในปีนี้

 

 ที่มา : phandroid , gizchina

from:http://droidsans.com/oppo-sent-out-invitation-card-to-mobile-world-congress

ทดสอบเวลาในการชาร์จ Oppo Find 7a vs iPhone 6 vs Galaxy Note 4

ในปีนี้นอกจากความพยายามในการเพิ่มความจุของแบตเตอรี่จากแบรนด์ต่างๆ เช่น Huawei Ascend Mate 7 ที่ให้แบตมาเยอะถึง 4100mAh อีกวิธีการแก้ปัญหาเรื่องแบตหมดไวก็จะเป็นเทคโนโลยีการชาร์จแบตเร็ว ซึ่งปัจจุบันมีโทรศัพท์จากสองค่ายที่กำลังโปรโมตความสามารถนี้อยู่ นั่นคือ Oppo Find 7 ที่ใช้ VOOC กับ Samsung Galaxy Note 4 ที่ใช้ Fast Charge ซึ่งวันนี้เดี๋ยวจะลองมาทดสอบกันว่าทั้งสองตัวนี้ชาร์จได้ไวแค่ไหน โดยเปรียบเทียบกับ iPhone 6 ที่ไม่มีเทคโนโลยีชาร์จไวมาให้ด้วยครับ

บอกไว้ก่อน

– Oppo รุ่นที่นำมาทดสอบเป็นรุ่น Find 7a ที่จะมีแบตน้อยกว่า Find 7 อยู่ 200 mAh

– Galaxy Note 4 ที่นำมาทดสอบเป็นรุ่น Exynos ที่ขายในไทย ซึ่งเป็นชิพเซทที่ Samsung พัฒนาขึ้นมาเอง โดยตามข้อมูลจาก Engadget เห็นว่าจะไม่ได้ใช้เทคโนโลยีของ Qualcomm QuickCharge 2.0 แต่ว่าเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาเองของทาง Samsung  แต่ว่าสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ที่รองรับ Qualcomm QuickCharge 2.0 ได้ทั้งหมด

– แม้ว่าความจุแบตเตอรี่ของทั้งสามเครื่องจะไม่เท่ากัน – Oppo Find 7a (2,800mAh), iPhone 6 (1,810mAh), Galaxy Note 4 (3,220mAh) แต่ว่าน่าจะพอเห็นภาพรวม ความเร็วในการชาร์จของแต่ละรุ่นได้ และเชื่อว่าหลายๆคนก็น่าจะมองเพียงเวลาในการชาร์จเป็นหลัก เพราะจากที่ลองใช้ทั้งสามรุ่นนี้ ความยาวนานของการใช้แบบปกติต่อการชาร์จหนึ่งครั้งไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่นัก

รายละเอียดการทดสอบ

Oppo Find 7a, iPhone 6, และ Galaxy Note 4 ได้ถูกใช้งานจนแบตหมดเกลี้ยงเปิดไม่ขึ้นทั้งสามเครื่อง จากนั้นจึงนำเอาไปเสียบที่ชาร์จไฟและเปิดให้ไฟไหลเข้าพร้อมๆกัน รอจน iPhone 6 เครื่องติด จึงเปิดเครื่องของ Galaxy Note 4 และ Find 7a ตามไป เพื่อทดสอบว่าชาร์จแบบเปิดเครื่องจะใช้เวลาเท่าไหร่

สายชาร์จและอะแดปเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่มากับกล่องของทั้ง 3 เครื่อง เนื่องจากสายไฟมีผลโดยตรงต่อคุณภาพการชาร์จ

ผลการทดสอบออกมาดังนี้

Oppo Find 7a : แบต 2,800 mAh ไฟจากอแดปเตอร์ 5V4.5A

30 นาที ได้แบตมาราวๆ 75% (เท่ากับที่โฆษณาไว้ว่า 75% ใน 30 นาที)
50 นาที แบตเต็มแล้ว
ชาร์จไฟได้คิดเป็นนาทีละ 2.5%
เครื่องไม่ร้อน ไฟไม่ดูด ตลอดการชาร์จ

iPhone 6 : แบต 1,810 mAh ไฟจากอแดปเตอร์ 5V1A

30 นาที ได้แบตมาราวๆ 30%
แบตเต็มใช้เวลามากกว่า 2 ชม.
ชาร์จไฟได้คิดเป็นนาทีละ 1%
เครื่องไม่ร้อน ไฟไม่ดูด ตลอดการชาร์จ

Galaxy Note 4 : แบต 3,220 mAh ไฟจากอแดปเตอร์ 9V1.67A

30 นาที ได้แบตมาราวๆ 40% (น้อยกว่าที่โฆษณาไว้ว่า 50% ใน 30 นาที)
55 นาที ได้แบตมาราว 70%
แบตเต็มใช้เวลาราวๆ 1.45 ชั่วโมง
ชาร์จไฟได้คิดเป็นนาทีละ 1.3%
เครื่องอุ่นๆตอนช่วงต้น และเย็นลงตอนช่วงหลังเข้าไปแล้ว 90% ไฟไม่ดูด

จากการทดสอบจะเห็นได้ว่ากว่าจะที่แบตจะชาร์จเต็มจะกินเวลาเกินจากที่เฉลี่ยเอาไว้เนื่องจากช่วง 10-15% สุดท้ายของการชาร์จแบต แต่ละเครื่องจะมีการลดกำลังไฟลงเพื่อถนอมแบตเตอรี่ ทำให้กินเวลามากขึ้นกว่าที่จะชาร์จแบตจนครบ 100 %ครับ

คลิปการทดสอบ (จะมีช่วงที่ตัดไปแบบแปลกๆ ตรงการชาร์จนาทีที่ 50 ของ Galaxy Note 4 เนื่องจากเมมเต็มนิดหน่อยนะครับ ^^”)

สรุป

– จากผลการทดสอบและประสบการณ์ตรงก็ต้องบอกว่า Oppo Find 7a ชาร์จแบตไวจริงอะไรจริง รอดตัวมีโทรศัพท์ใช้งานจาก VOOC มาหลายรอบอยู่ ข้อติอย่างเดียวของ Find 7a คือเสียดายตรงที่ตัวชาร์จต้องใช้ของมันเองเท่านั้น และก็ใหญ่เสียเหลือเกิน -_-“

– Fast Charge ของ Galaxy Note 4 แม้ว่าจะไม่ได้เร็วปรู๊ดปร๊าดเท่าของ VOOC แต่ก็ถือว่าไวกว่าโทรศัพท์หลายๆตัวที่มีแบตเท่าๆกัน

– น่าผิดหวังกับ iPhone 6 ที่ต้องเสียเวลาชาร์จจนเต็มนานกว่า 2 ชม. และยิ่งถ้าเกิดว่าใช้เป็น iPhone 6 Plus รู้สึกว่าจะนานขึ้นอีกด้วย ลองทดสอบใช้ Charger ของ iPad ที่จ่ายไฟเป็น 5V2A ก็ไม่ได้เร็วขึ้นเท่าไหร่เลย กลายเป็นให้แบตให้มากขึ้นกลับต้องวุ่นวายเสียเวลาชาร์จนานกว่าเดิมต่ออีก

ปล. Oppo Find 7a ลองใช้ที่ชาร์จของ Galaxy Note 4 แล้วก็ไฟเข้าไวเหมือนกัน น่าจะรองรับเทคโนโลยี QuickCharge 2.0 เพราะใช้เป็น Qualcomm Snapdragon 801 แต่ว่าไฟอาจจะเข้าไม่เร็วเท่า VOOC และเครื่องอุ่นด้วย

ปล.2 จริงๆมีทดสอบกับหลากหลายรุ่นมากกว่านี้ มีทั้ง Asus Zenfone 5, iPhone 5s, LG G3 แต่ว่า HDD ที่เก็บไฟล์ดันหายไป เท่าที่จำได้รุ่นที่ชาร์จนานแบบสุดๆ นานกว่าใครเพื่อนน่าจะเป็น Asus Zenfone 5…รอกันเหงือกแห้งกว่าจะเต็ม

ปล.3 ใครเจอ Portable HDD 500GB สีแดง ของ Toshiba ที่หล่นหายไปวานเอามาคืนให้หน่อยนะครับ T__T

เป็นยังไงบ้างครับกับผลการทดสอบนี้ มาแชร์ประสบการณ์ชาร์จไฟของเครื่องเพื่อนๆแต่ละคนกันได้ข้างล่างเลย

 

 

อ่านเพิ่มเติม เรื่อง QuickCharge ได้ที่

from:http://droidsans.com/fast-charge-comparison-oppo-samsung