คลังเก็บป้ายกำกับ: NOTE_7

Redmi Note 7 ที่ถูกส่งขึ้นยังอวกาศ ยังคงล่องลอยที่นอกโลกอยู่หรือเปล่า?

เชื่อว่าหลายคนคงได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ “ภารกิจพิชิตอวกาศ” ของเสียวหมี่ และได้เห็นภาพถ่ายของโลกที่น่าทึ่งจากเจ้า Redmi Note 7 ที่ถูกส่งขึ้นไปแล้ว หลายคนคงมีคำถามมากมายเกี่ยวกับภารกิจดังกล่าว ในวันนี้เราจะมาบอกเล่าถึงรายละเอียดเพิ่มเติมของภารกิจนี้ แต่ก่อนอื่นขออัพเดทเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ทุกท่านได้รับทราบก่อน

หากคุณมีเพื่อนที่มักจะทำอะไรนอกเหนือความคาดหมายตลอดเวลาเหมือนอย่าง Redmi Note 7 ที่พึ่งเสร็จสิ้นภารกิจกลับสู่พื้นโลก และอาจกำลังตั้งข้อสงสัยว่าตอนนี้ Redmi Note 7 จะมีสภาพเป็นอย่างไรบ้าง

เรามีความยินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่า Redmi Note 7 ยังคงสภาพดีอยู่

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เจ้า Redmi Note 7 ยังคงสภาพยอดเยี่ยมเหมือนกับเมื่อคราวที่มันถูกส่งออกไปยังนอกโลก! แม้ว่าจะต้องเผชิญกับสภาพอากาศแปรปรวนและอุณหภูมิที่ติดลบก็ตาม

เที่ยวบินของ Redmi Note 7 ใช้เวลาการเดินทางทั้งหมด 2 ชั่วโมง 3 นาที เป็นระยะทาง 193 กิโลเมตร  ซึ่งเดินทางกลับมาจากอวกาศแบบไร้รอยขีดข่วน และยังคงใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพสมกับเป็นสมาร์ทโฟนเทียบเท่ารุ่นเรือธงได้ดังเดิม กับฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ Redmi Note 5 อย่าง

·       กล้องหลังคู่ความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล + 5 ล้านพิกเซล ที่สุดของกล้องถ่ายภาพในสมาร์ทโฟนระดับเดียวกัน 

·       ประสิทธิภาพทรงพลัง ขับเคลื่อนด้วยหน่วยประมวลผล  Qualcomm® Snapdragon™ 660 

·       คุณภาพเหนือระดับ ครอบด้วยกระจก  Corning® Gorilla® Glass 5 ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

·       จอแสดงผล Dot Drop ขนาดใหญ่  6.3  นิ้ว ให้หน้าจอที่สวยสะดุดตา ด้วยความละเอียดระดับ FHD+

·       แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ความจุ 4000mAh สามารถรับชมวีดิโอต่อเนื่องยาวนาน 13 ชั่วโมง และเล่นเกมส์ต่อเนื่องยาวนาน 7 ชั่วโมงอีกด้วย

ท่านอาจสงสัยว่าทำไมเราถึงได้ส่ง Redmi Note 7 ขึ้นไปบนอวกาศ! จริงๆ แล้วเราไม่ได้มีเหตุผลใดเป็นพิเศษ นอกจากการเปิดตัว Redmi Note 7 ที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งเราอยากให้มีอะไรที่น่าตื่นเต้นและพิสูจน์ศักยภาพของมือถือรุ่นนี้ นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเราถึงส่ง Redmi Note 7 ขึ้นสู่อวกาศ และในที่สุดเราก็พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่า Redmi Note 7 มีความโดดเด่นด้านความทนทานถึงขีดสุด ซึ่งการพิสูจน์ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า Redmi Note 7 ไม่เพียงฝ่าด่านสภาพอากาศที่แปรปรวน และอุณหภูมิติดลบถึง -58 องศาเซลเซียส ในอวกาศเท่านั้น แต่ยังสามารถถ่ายภาพที่สวยงามน่าทึ่งของอวกาศได้ออกมาสวยงามอีกด้วย  ต้องขอบคุณกล้องประสิทธิภาพสูงของเสียวหมี่และเซ็นเซอร์ซึ่งให้ภาพความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล

ท่านที่อาจจดจำรายละเอียด “ภารกิจพิชิตอวกาศ” ได้ไม่ครบถ้วน เราขอนำเสนอข้อมูลและตัวเลขที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

·       Redmi Note 7 จำนวน 5 เครื่อง ที่ถูกส่งขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศเป็นเครื่องทั่วไปที่เราวางจำหน่าย ไม่ได้มีการปรับแต่งหรือเสริมความทนทานใดๆเพื่อภารกิจนี้ และ 3 ใน 5 เครื่อง ที่ถูกส่งไปในอวกาศได้กลับลงมาได้ถูกนำมามอบให้กับ Mi Fans ชาวอังกฤษอีกด้วย

·       บอลลูนตรวจอากาศที่บรรจุแก๊สฮีเลียม จำนวน 1 ลูกถูกนำมาใช้ในภารกิจครั้งนี้

·       เครื่องโทรศัพท์ที่ใช้สำหรับถ่ายภาพถูกบรรจุไว้ในกล่องโฟม XPS ที่มีความหนาแน่นสูง ออกแบบขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับภารกิจครั้งนี้

·       มีการใช้งานแอปพลิเคชัน intervalometer สำหรับตั้งเวลาถ่ายภาพ ควบคุมจากระยะไกลในการบันทึกภาพทุก 10 วินาที

·       ภารกิจครั้งนี้ใช้เวลาทั้งสิ้น 2 ชั่วโมง 3 นาที โดยใช้เวลาในการลอยขึ้นไปผ่านชั้นบรรยากาศทั้งสิ้น 1 ชั่วโมง27 นาที และหล่นลงสู่พื้นดินทั้งสิ้น 36 นาที

·       ระยะทางตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดภารกิจ 193 กิโลเมตร

·       จุดที่มีอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ -58 องศาเซลเซียส 

·       บอลลูนสำรวจอากาศสามารถขึ้นไปในชั้นบรรยากาศสูงถึง 35,375 เมตร ก่อนที่บอลลูนจะแตกและดิ่งลงพื้นด้วยอุปกรณ์ร่มชูชีพที่ติดไปกับบอลลูน

·       ภาพถ่ายโลกถูกถ่ายที่ชั้นความสูงประมาณ 35,100 เมตร ซึ่งมีสภาพอากาศ -55 องศาเซลเซียส 

·       ไม่มีการชาร์จแบตเตอรี่เครื่องโทรศัพท์ทั้งหมดตลอดระยะเวลาในการทำภารกิจ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจพบว่ามีแบตเตอรี่สำหรับใช้งานในเครื่องถึง 60% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความอึดของแบตแม้จะถูกถ่ายรูปทุกๆ 10 วินาที ตามภารกิจพิชิตอวกาศ

หากท่านต้องการเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนพิชิตอวกาศตระกูลเดียวกันนี้ Redmi Note 7 มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ Space Black, Neptune Blue และ Nebula Red จำหน่ายใน Mi Authorized Store ทั่วประเทศ  โดยรุ่น RAM 3GB/32GB วางจำหน่ายในราคา 4,999 บาท รุ่น RAM 4GB/64GB ราคา 6,599 บาท และรุ่น RAM 4GB/128GB ราคา 6,799 บาท

from:https://www.flashfly.net/wp/250943

“ดีเจ โกห์” ประธาน Samsung เยือนไทยกับ 5 ประเด็นสำคัญที่นักการตลาดควรทราบ

คุณดีเจ โกห์ ประธานธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด

เป็นอีกหนึ่งครั้งของการมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของคุณดีเจ โกห์ ประธานธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ซึ่งในการมาเยือนครั้งนี้ ได้มีการจัดเซสชั่นพบปะผู้สื่อข่าว เพื่ออัปเดตความเคลื่อนไหวของแบรนด์ Samsung ในด้านต่าง ๆ ที่น่าสนใจมากมาย รวมถึงการเตรียมเปิดตัวผู้ช่วยดิจิทัลอย่าง Bixby ในสหรัฐอเมริกาวันที่ 18 กรกฎาคมนี้ และจะเปิดตัวทั่วโลกในวันที่ 22 ตุลาคมที่จะถึงนี้ด้วย 

โดยทีมงานขอสรุปประเด็นที่น่าสนใจจากเซสชั่นดังกล่าวไว้ใน 5 หัวข้อ ดังนี้

Samsung Pay คือเทคโนโลยีสำหรับช่วยสร้าง Cashless Society ในไทย

ในจุดนี้คุณดีเจ โกห์ ชี้ว่า นโยบาย Thailand 4.0 ของภาครัฐที่ต้องการผลักดันให้เกิด Digital Transformation ขึ้นในประเทศไทยนั้น เทคโนโลยีของ Samsung ได้เข้ามามีบทบาทในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นบริการ Samsung Pay ที่คุณดีเจ โกห์ เผยว่าปัจจุบันมีการทำธุรกรรมผ่าน Samsung Pay แล้วกว่า 240 ล้านครั้งทั่วโลก และมีความร่วมมือกับธนาคารกว่า 870 แห่ง ซึ่ง Samsung มองว่าเทคโนโลยีนี้จะสามารถตอบสนองนโยบายของรัฐบาลไทยที่ต้องการสร้าง Cashless Society ให้เกิดขึ้นได้อีกทางหนึ่ง

ทั้งนี้ การเปิดตัว Samsung Pay ในไทยนั้นถือเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจาก 6 สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของประเทศอย่างดี แสดงให้เห็นว่าภาคธุรกิจเห็นถึงความต้องการ และมีความพร้อมที่จะผลักดันให้เกิดบริการกระเป๋าเงินดิจิทัลนี้ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

Samsung Galaxy Note 7 ไม่มีรุ่น refurbish

สำหรับกระแสข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศที่มีการรายงานว่า Samsung ได้นำ Galaxy Note 7 ที่เคยเกิดปัญหาด้านแบตเตอรี่มาทำการ Refurbish ใหม่และออกวางจำหน่ายในชื่อรุ่น Fan Edition นั้น ทางคุณดีเจ โกห์ได้ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง Samsung ไม่เคยผลิต Galaxy Note 7 รุ่น Refurbish ออกมาแต่อย่างใด จะมีก็แต่รุ่น Galaxy Note 7 Fan Edition ซึ่งเป็นการผลิตเพื่อแฟน ๆ และจำหน่ายในประเทศเกาหลีใต้เท่านั้น ไม่มีแผนที่จะนำมาวางจำหน่ายในประเทศอื่น ๆ

ไม่หวั่นคู่แข่งจากแบรนด์จีน

การเพิ่มจำนวนขึ้นของแบรนด์คู่แข่งจากจีนเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจทำให้การแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนของไทยดุเดือดมากขึ้น รวมถึงอาจทำให้ Samsung ทำตลาดได้ยากมากขึ้น ซึ่งในจุดนี้ คุณดีเจ โกห์กล่าวว่า Samsung ให้ความสำคัญกับการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคได้ พร้อมกันนั้นยังมองว่าจีนเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับ Samsung เช่นกัน ซึ่งในจุดนี้ เป็นไปได้ว่า Samsung อาจมีการพิจารณาถึงความสามารถของสมาร์ทโฟนจากจีนร่วมด้วยเพื่อให้ทราบถึงความต้องการของลูกค้าชาวจีนให้มากขึ้นก็เป็นได้

Galaxy S8 และ S8+ เติบโตสูงกว่า Galaxy S7

ในจุดนี้แม้กระแสจะปรากฏออกมาล่วงหน้า แต่การได้รับคำยืนยันจากประธานธุรกิจโทรคมนาคมเองย่อมชัดเจนกว่า โดยคุณดีเจ โกห์ระบุว่า แม้ Samsung ยังไม่สามารถเปิดเผยยอดขายทั้งหมดได้ แต่ต้องยอมรับว่า Galaxy S8 และ S8+ มียอดขายที่ดีกว่าตอนเปิดตัว Galaxy S7 แน่นอน

Bixby ยังไม่มีเวอร์ชันภาษาไทย

สุดท้ายเป็นเรื่องของผู้ช่วยดิจิทัล Bixby ที่สื่อทั่วโลกให้ความสนใจ โดยคุณดีเจ โกห์กล่าวแต่เพียงว่า Bixby จะมีการเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการครั้งแรกในวันที่ 18 กรกฎาคมนี้ และจะเปิดตัวทั่วโลกในวันที่ 22 ตุลาคม ทว่า ความพร้อมในการใช้งานเป็นภาษาไทยนั้นยังไม่มีการเปิดเผยให้ทราบในขณะนี้

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2017/07/dj-koh-samsung/

ด่วน!! สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ยกเลิกการประกาศห้ามนำ Galaxy Note 7 ขึ้นเครื่องแล้ว

note7-recall

สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ประกาศแจ้งหน่วยงานกำกับดูแลความปลอดภัยด้านการบินพลเรือนของประเทศ ผู้ดำเนินการเดินอากาศ และเจ้าหน้าที่ประจำอากาศยาน ให้ยกเลิกการประกาศแจ้งเตือนผู้โดยสารก่อนขึ้นเครื่องบินว่าสมาร์ทโฟนซัมซุง กาแลคซี่ โน้ต 7 เป็นวัตถุที่ห้ามนำขึ้นเครื่องบิน

note7-hands-on

สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ประกาศยกเลิกข้อบังคับให้ต้องประกาศเตือนผู้โดยสารเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนซัมซุง กาแลคซี่ โน้ต 7 ก่อนผู้โดยสารขึ้นเครื่องบินโดยให้เหตุผลว่าสมาร์ทโฟนซัมซุง กาแลคซี่ โน้ต 7 ได้ถูกเรียกกลับคืนโดยผู้ผลิตมาแล้วจำนวนมากกว่าร้อยละ 96 ของจำนวนที่จำหน่ายทั่วโลก ประกอบกับ ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือทั่วโลกให้ความร่วมมือกับซัมซุงเพื่อส่งเฟิร์มแวร์ไปยังสมาร์ทโฟนที่ยังไม่ถูกส่งกลับคืนมา ส่งผลให้สมาร์ทโฟนเหล่านี้ไม่สามารถประจุไฟฟ้าใหม่ได้ และในประเทศไทยมิได้มีการจัดจำหน่ายสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าว โดยประกาศยกเลิกนี้มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=177414

เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ! โรงงานผลิตแบตเตอรี่ Galaxy Note 7 ของซัมซุงระเบิด !!

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา แบตเตอรี่ที่มีปัญหา และฮาร์ดแวร์ที่ไม่ได้คุณภาพอื่นๆ ที่เก็บอยู่ในศูนย์รีไซเคิลในโรงงาน Samsung SDI ในเมืองอู่ฉิง เทียนจิน ประเทศจีน มีควันขึ้นขโมง โดยยังไม่มีรายงานผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ แม้ว่ามีการเรียกเจ้าหน้าที่ด้านสิ่งแวดล้อมเข้ามาตรวจสอบคุณภาพของอากาศแล้ว โรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตชานเมือง ซึ่งมีรถดับเพลิงกว่า 19 คัน และนักดับเพลิงกว่า 110 คนเข้าไปในที่เกิดเหตุหลังจากมีเพลิงไหม้ช่วงหกโมงเช้า

เพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นนี้อยู่เฉพาะบริเวณโกดังที่จัดเก็บของเสียและแบตเตอรี่มีปัญหาที่รอการรีไซเคิลเท่านั้น โดยไม่ได้กระทบกับส่วนอื่นของโรงงาน อย่างสายการผลิตแต่อย่างใด

Samsung SDI เป็นบริษัทลูกของยักษ์ใหญ่เกาหลีใต้เพื่อผลิตแบตเตอรี่โดยเฉพาะ โดยผลิตแบตเตอรี่สำหรับอุปกรณ์ของซัมซุง รวมถึงแบตเตอรี่สำหรับยานพาหนะ และแบตเตอรี่สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมทั่วไปด้วย

โรงงานที่เทียนจินนี้เป็นหนึ่งในสองโรงงานที่ผลิตแบตเตอรี่ที่มีปัญหาให้กับ Note 7 จนเกิดปัญหาลุกไหม้ตัวเองตามมา ถือเป็นปัญหาเรื้อรังของซัมซุงในช่วงนี้ที่ยังไม่รวมถึงปัญหาอันตรายของเครื่องซักผ้า, ภาวะความเสียหายทางการเงินมหาศาล, และกรณีที่ผู้บริหารถูกจับในคดีคอรัปชั่น

ที่มา : https://www.theregister.co.uk/2017/02/08/samsung_battery_factory_catches_fire/

from:https://www.enterpriseitpro.net/?p=5481

Samsung เปรย ! ที่ Note 7 ระเบิดลุกไหม้ตัวเอง อาจเป็นเพราะความผิดพลาดของการผลิตแบตเตอรี่

จากแหล่งข่าววงในเปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ซัมซุงจะออกมาแถลงถึงผลการสืบสวนสาเหตุของการที่ Galaxy Note 7 ลุกไหม้ตัวเองได้ ว่าเป็นเพราะความผิดพลาดของการผลิตแบตเตอรี่ ที่ทำให้แบตเตอรี่ส่วนหนึ่งมีขนาดผิดปกติ จนทำให้ร้อนเกินกว่าอุปกรณ์จะทนได้

ซัมซุง บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่มียอดจำหน่ายมากที่สุดในโลก มีแผนจะแถลงข่าวถึงผลสรุปการสืบสวนเรื่องนี้ในวันจันทร์ โดยจะอธิบายถึงเหตุการณ์ที่ยักษ์ใหญ่ด้านไอทีนี้จำเป็นต้องเรียกคืนสินค้า ซึ่งเป็นการสร้างความเสียหายกับแบรนด์ และเกิดความเสียหายกับบริษัทคิดเป็นมูลค่าอย่างต่ำถึง 5 พันล้านดอลลาร์ฯ

Note 7 ใช้แบตเตอรี่จากทั้งบริษัทในเครือ Samsung SDI Co. และบริษัทในฮ่องกงอย่าง Amperex Technology Ltd. ซึ่งมีโรงงานอยู่ในประเทศจีน ซึ่งตอนที่เกิดเหตุการณ์เรียกคืนครั้งแรก ซัมซุงเชื่อว่าเกิดจากแบตเตอรี่ของบริษัทในเครือของตัวเองที่มีขนาดผิดปกติจนประกอบลงโทรศัพท์ได้ไม่พอดี แต่เมื่อหลังจากเรียกคืนสมาร์ทโฟนล็อตที่ใช้แบตจากโรงงานดังกล่าวแล้ว ก็ยังมีเหตุการณ์ลุกไหม้เช่นเดิมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทำให้การอธิบายสาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าว นอกจากเรื่องขนาดของแบตเตอรี่แล้ว จะมีการอ้างในเรื่องของปัญหาการผลิตจากโรงงานในฮ่องกง ที่มาจากการรีบผลิตเติมสต็อคทดแทนเครื่องที่เรียกคืนจากลูกค้าในเวลาอันรวดเร็วด้วย ทั้งนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยลักษณะปัญหาการผลิตดังกล่าวแต่อย่างใด

ซัมซุงมีการเข้าพบเจ้าหน้าที่รัฐในกรุงดีซีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่ออธิบายผลการสอบสวนก่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่ค่อนข้างพอใจในการนำเสนอของซัมซุง ที่บริษัทจะตั้งกระบวนการ 8 ขั้นตอนที่รวมถึงการทดสอบ, ตรวจสอบ, และประกันคุณภาพการผลิตเพิ่มเติม

ที่มา : http://www.wsj.com/articles/samsung-investigation-blames-battery-size-for-galaxy-note-7-fires-1484906193

from:https://www.enterpriseitpro.net/?p=5151

ซัมซุงเตรียมแถลงสาเหตุที่ Note 7 ลุกไหม้ อย่างเป็นทางการในวันที่ 23 มกรานี้

ทาง Samsung Electronics เตรียมประกาศผลการสืบสวนสาเหตุที่ Galaxy Note 7 ลุกไหม้ ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ โดยจัดงานแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชนในเกาหลีใต้ ก่อนที่จะมีการเปิดตัว Galaxy S8

โดย DK Koh หัวหน้าฝ่ายธุรกิจอุปกรณ์พกพา จะเป็นผู้อธิบายสาเหตุอย่างละเอียด พร้อมประกาศแผนการป้องกันเหตุการณ์ลักษณะนี้ในอนาคต

ยักษ์ใหญ่ด้านไอทีของเกาหลีใต้นี้ ได้ยุติการจำหน่าย Note 7 เมื่อเดือนตุลาคมในปีที่แล้ว หลังจากได้รับรายงานซ้ำอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับกรณีโทรศัพท์ลุกไหม้ขึ้นเอง ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นการจำหน่ายในปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

ซึ่งการแถลงข่าวก่อนหน้านี้ของ Koh เมื่อเดือนกันยายนนั้น กล่าวว่าต้นเหตุมาจากแบตเตอรี่ไม่ได้คุณภาพ พร้อมทั้งประกาศเรียกคืนล็อตแรกทั้งหมด อย่างไรก็ดี ล็อตต่อมาก็ยังเกิดเหตุลุกไหม้เองอย่างต่อเนื่อง บีบให้ทางบริษัทต้องหยุดการจำหน่ายโทรศัพท์รุ่นนี้ไปโดยปริยาย

ซัมซุงมีแผนจะประกาศสาเหตุที่แท้จริงภายในสิ้นปี 2559 แต่ก็ถูกเลื่อนออกมา แต่ถึงกระนั้น ซัมซุงก็อย่างเคลียร์ตัวเองให้เสร็จก่อนจะเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่ที่เป็นตัวหลักของบริษัทอย่าง Galaxy S8 ในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ เพื่อคลายความวิตกในหมู่ผู้บริโภค

อ่านเพิ่มเติมที่นี่ : http://www.zdnet.com/article/samsung-to-announce-note-7-fire-cause-on-january-23/

from:https://www.enterpriseitpro.net/?p=5118

Samsung เตรียมนำเทคโนโลยีหน้าจอแสดงผล Y-OCTA จาก Note 7 ไปใช้ใน Galaxy S8

มีรายงานว่า Samsung กำลังพิจารณานำเทคโนโลยีหน้าจอแสดงผล Y-OCTA ที่เคยนำไปใช้งานบน Galaxy Note 7 กลับมาใช้ใหม่อีกครั้งบน Galaxy S8 ว่าที่สมาร์ทโฟนระดับ Flagship รุ่นใหม่ของบริษัท ที่เตรียมจะไปตัวในช่วงไตรมาสแรกของปี 2017

Samsung Galaxy S8 จะยังคงได้รับการคาดเดาถึงข้อมูลต่างๆ อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา แต่ความน่าสนใจในตอนนี้คงจะหนีไม่พ้น เรื่องของการนำหน้าจอแสดงผลแบบเดียวกับของ Galaxy Note7 สมาร์ทโฟน Flagship อีกรุ่นที่ถูกเรียกคืนทั่วโลกและยุติการจำหน่ายไปกลับมาใช้อีกครั้ง 

ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่ Samsung จะเลือกนำหน้าจอแสดงผลที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี Y-OCTA กลับมาใช้ใหม่บน Galaxy S8 ด้วยเหตุผลด้านต้นทุนการผลิต โดยตัวหน้าจอจะยังคงใช้พาแนลเป็น Super AMOLED RGB ความละเอียดระดับ QHD แต่ในด้านขนาดยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า Samsung จะติดตั้งขนาดหน้าจอแบบไหนระหว่าง 5.7″ กับ 6.2″ ลงบน Galaxy S8 กันแน่

สำหรับหน้าจอแสดงผล Y-OCTA นั้น เป็นหน้าจอแสดงผลที่ผ่านกระบวนการผลิตแบบใหม่ ที่มีการตัดชั้นฟิลม์และกระจกระหว่าง Panal ออกไป เพื่อให้ตัวหน้าจอมีความบางลงให้มีพื้นที่ในการนำเซ็นเซอร์สัมผัสฝังลงไปบนหน้าจอแทนตำแหน่งของฟิลม์ที่ถูกตัดออกไป และจากเทคโนโลยีการผลิตแบบใหม่นี้ ก็จะทำให้ Samsung ลดการพึ่งพาการผลิตจากบริษัทภายนอก สามารถทำได้ด้วยตนเองทั้งหมดของขั้นตอนการผลิตอีกด้วย ส่วนจริงหรือไม่นั้น เราก็คงต้องติดตามกันต่อละครับ เพราะช่วงนี้น่าจะยังข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับ Galaxy S8 หลุดออกมาเรื่อยๆ อย่างแน่นอน

ที่มา : GSMArena

from:http://droidsans.com/samsung-galaxy-s8-will-feature-y-octa-screen-from-note-7

Samsung เตรียมแบ่งตัวเองเป็นบริษัทย่อยๆ ภายในปีหน้า

Samsung ได้ให้ข่าวเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ว่ากำลังวางแผนที่จะเปลี่ยนบริษัทตัวเองเป็นโฮลดิ้ง หรือบริษัทแม่เครือใหญ่ที่คอยถือหุ้นบริษัทลูกๆ แทน โดยกำหนดที่จะแตกบริษัทตัวเองออกเป็นบริษัทย่อยต่างๆ ในปีหน้านี้

ทั้งนี้ถือเป็นแนวคิดจากข้อเสนอของ Elliott Management ที่ออกมาหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ หลังจากโดนวิกฤติเรื่อง Note 7 ซึ่งทาง Elliott มองว่าจะเป็นการยกระดับมูลค่าของหุ้นเนื่องจากแต่ละบริษัทย่อยจะสามารถบริหารจัดการได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ก่อนหน้านี้ ตระกูล Lee ผู้ก่อตั้งซัมซุงได้ควบคุมกิจการในเครือทั้งหมดมาเป็นเวลาหลายสิบปี แต่ในไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่เริ่มมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ เกี่ยวกับอุปสรรคในความคล่องตัวทั้งด้านการแข่งขัน และการบริหารจัดการ ทำให้แนวคิดในการแตกบริษัทย่อยโดยทำตัวเองเป็นโฮลดิ้งแทนนี้ จะทำให้ตระกูล Lee ยังคงฐานอำนาจในบริษัทได้ ขณะที่สามารถยกระดับความโปร่งใสและประสิทธิภาพในการบริหารได้ไปพร้อมกัน

การแปลงบริษัท Samsung Electronics เป็นบริษัทโฮลดิ้ง ถือเป็นสิ่งจำเป็นในการถ่ายเทอำนาจสู่รุ่นที่สามของตระกูล ทำให้ตระกูลผู้ก่อตั้งดั้งเดิมมีอำนาจควบคุมได้อย่างมั่นคงเหนือบริษัทต่างๆ ในเครือ ซึ่งถือเป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดในการแบ่งบริษัทครั้งนี้ กระบวนการดังกล่าวจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน

ที่มา : https://www.bloomberg.com/news/articles/2016-11-29/samsung-electronics-is-heading-for-a-split

from:http://www.enterpriseitpro.net/?p=4636

[ข่าวลือ] ซัมซุงเตรียมนำ Note 7 รุ่นแก้ระเบิดแล้ว (Refurbished) ออกมาจำหน่ายอีกครั้ง

เว็บไซต์ The Investor จากประเทศเกาหลีใต้รายงานข้อมูลจากแหล่งข่าวว่าทางบริษัทซัมซุงกำลังพิจารณาเพื่อนำ Galaxy Note 7 รุ่นที่แก้ปัญหาอาการแบตเตอร์รี่ระเบิดแล้วมาจำหน่ายอีกรอบ ประมาณช่วงต้นปีหน้า (2017) ในรูปแบบของเครื่องที่เป็น Refurbished หรือเครื่องที่ถูกนำไปซ่อมเพื่อให้ใช้งานได้ตามปกติแล้วนำกลับมาขายใหม่ในราคาที่ถูกกว่าการซื้อมือหนึ่งตอนเปิดตัว โดยทางแหล่งข่าวมีการระบุด้วยว่า Note 7 รุ่น Refurbished นี้ จะวางขายในเฉพาะบางประเทศเท่านั้น เช่น เวียดนาม หรืออินเดีย

สำหรับ Galaxy Note 7 นั้น ต้องถือเป็นมหากาพย์และบทเรียนครั้งใหญ่ของทางซัมซุง เนื่องจากมีผู้ใช้หลายรายพบปัญหาสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวระเบิด จนเป็นเหตุให้ทางซัมซุงต้องเรียกสินค้าที่ขายออกไปแล้วกว่า 2.5 ล้านเครื่องกลับคืนมาถึง 2 ครั้ง

ที่มา – TheInvestor ผ่าน BGR

…สมมุติว่าข่าวลือนี้เป็นจริงๆ หากซัมซุงประเทศไทยนำมาขายในราคาหมื่นต้นๆ จะยังกล้าซื้อกันหรือเปล่าครับ ?

from:http://www.9tana.com/node/note-7-refurbished/

SAMSUNG mobile กำไรหดกว่า 96% จากปัญหา Note 7 แต่ iPhone 7 ก็ไม่ได้ขายดีขึ้น !

GALAXY Note 7 burn

น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของทาง SAMSUNG ในส่วนของ SAMSUNG Mobile(กิจการด้านมือถือ)เลยก็ว่าได้ จากวิกฤต GALAXY Note 7 ระเบิดในช่วงเวลาที่ผ่านมากับการที่จะต้องมีการเรียกคืนตัวสินค้าถึงสองครั้งสองครา ครั้งแรกเรียกคืนเพื่อตรวจสอบหาสาเหตุและเปลี่ยนตัวใหม่ให้ลูกค้า ส่วนในครั้งที่สองคือเรียกคืนเพราะประกาศยกเลิกการขายไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งมันก็ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อตัวบริษัทสำหรับเรื่องของผลกำไรในช่วงไตรมาสล่าสุด จากที่ทาง SAMSUNG เพิ่งออกมาประกาศผลประกอบการล่าสุดก็แจ้งให้ทราบว่า ผลกำไรโดยรวมของบริษัท SAMSUNG(ทั้งหมด) ลดลงไปกว่า 16.8% หรือมีกำไรเพียง 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ และถ้ามองกันในส่วนของแผนกโทรศัพท์มือถือหรือ SAMSUNG mobile นั้นอ่วมอรทัยเลยทีเดียวด้วยกำไรสุทธิที่ลดลงไปมากถึง 96% เลยทีเดียว สำหรับผลประกอบการในตระมาสเดียวกันของปีนี้เปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยมันลดลงไปจาก 2,100 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2015 เหลือเพียง 88 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้นเอง !

แต่กระนั้นแม้ว่า Note 7 จะส่งผลกระทบหนักแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะเลวร้ายไปเสียทั้งหมด โดยกิจการในส่วนของ NAND Flash เช่น 3D NAND และ V-NAND นั้นยังคงเดินหน้าได้สวยและยังมีการแจ้งให้ทราบอีกด้วยว่าในปีหน้านี้คาดว่า SAMSUNG น่าจะสามารถเริ่มผลิต NAND Flash ที่มีชั้นเลเยอร์ได้มากถึง 64 ชั้นอย่างเต็มตัวได้ ทั้งนี้ผลกระทบอีกหนึ่งจุดที่ได้รับมาจากปัญหาของ Note 7 ก็จะเป็นกิจการในส่วนของจอ flexible OLED (จอภาพที่โค้งงอได้) แต่ก็ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะสมาร์ทโฟนในรุ่นอื่น ๆ ของทาง SAMSUNG เองก็มีการใช้งานจอ OLED อยู่หลากหลายรุ่น 

496911-samsung-galaxy-s7-640x360

นอกจากนี้ทางผู้บริหารสูงสุดหรือ CEO ของ SAMSUNG, Shin Jong-kyun ก็ได้มีการพบปะกับผู้ถือหุ้นของตนเองเพื่อชีแจงข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการสืบสวนหาสาเหตุปัญหาของ GALAXY note 7 โดยมีข้อมูลเปิดเผยออกมาว่าทาง SAMSUNG ได้ทำการเรียกคืน Note คืนในจำนวนกว่า 2.5 ล้านตัว(ที่ผลิตไปทั้งหมด) รวมทั้งตัวที่ได้เตรียมเอาไว้สำหรับจะเปลี่ยนให้ลูกค้าจำนวน 1.47 ล้านตัว และจากรายงานที่มีแจ้งเข้ามาจากลูกค้าว่าโทรศัพท์ของตนเองมีปัญหาในจำนวน 220 รายเกี่ยวกับปัญหาเรื่องของความร้อนผิดปรกติ และได้ทำการเปลี่ยนเครื่องใหม่ไปให้แล้วทั้งหมด 119 ตัว ขณะเดียวเดียวทาง SAMSUNG ก็ยังได้มีการสุ่มตรวจสอบ Note 7 ของตนเองจำนวน 117 ตัวรวมทั้งตัวที่ได้ทำการเรียกคืนกลับมาจำนวน 90 ตัว ซึ่งทาง SAMSUNG ก็กล่าวว่าจากการตรวจสอบก็พบว่ามี Note 7 จำนวน 85 ตัว(ที่เป็นของใหม่)และ 55 ตัวของเครื่องที่เปลี่ยนมา มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของความร้อนที่ผิดปรกติหรือร้อนจัดจริง ๆ และนอกจากนี้ยังมีอีกจำนวน 47 เครื่องที่ไม่สามารถระบุได้ว่ามีปัญหาหรือไม่

แม้ว่าทาง SAMSUNG และ Underwriters Laboratories (UL) ได้พยายามสืบสวนสอบสวนเพื่อหาสาเหตุถึงต้นตอของปัญหาที่เกิดขึ้น จนถึงบัดนี้ทาง SAMSUNG เองก็ยังไม่สามารถหาต้นตอที่แท้จริงได้ว่ามันเกิดมาจากจุดไหน อย่างไร อะไรคือต้นเหตุที่แท้จริง ซึ่งทาง SAMSUNG ก็จะยังคงเดินหน้าตรวจสอบเพื่อค้นหาสาเหตุต่อไปว่ามันมันมีต้นเหตุมาจากอะไร เพื่อที่จะได้สามารถป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของตนเอง ซึ่งหากว่าทาง SAMSUNG ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ก่อนที่จะมีการเดินหน้าเปิดสายพานการผลิต S8 หรือ Note 8 ทาง SAMSUNG ก็อาจจะกลับมาเผชิญกับปัญหาในลักษณะเดียวกันกับ Note 7 อีกครั้งก็เป็นได้ 

iphone-7

ทั้งนี้จากปัญหาของ Note 7 ที่ถือได้ว่าเป็นปัญหาใหญ่ และหลาย ๆ คนก็อาจจะคิดว่าปัญหานี้คงจะสร้างความไม่มั่นใจให้กับผู้ใช้งานหรือขาดความเชื่อมั่นในตัว SAMSUNG แต่รายงานที่ออกมากลับเป็นไปในทางตรงกันข้ามเพราะยอดขายของ GALAXY S7 ไม่มีผลกระทบใด ๆ ยังคงขายดี และในอีกด้านก็อาจจะมีการมองกันว่าประเด็นนี้ก็อาจจะไปช่วยให้ Apple iPhone 7 นั้นขายดีขึ้น แต่มันก็ไม่เป็นเช่นนั้นแต่อย่างใดในทางกลับกันตัว Apple เองก็ดุเหมือนว่าจะมีปัญหาของตนเองเช่นกันกับในเรื่องของปริมาณสินค้าที่มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งตาข้อมูลแจ้งว่า iPhone 7 Jet Black จะต้องมีการรอสินค้าราว 2-3 สัปดาห์ส่วน iPhone 7 Plus จะต้องรอนานกว่า 4-6 สัปดาห์เลยทีเดียว

google-pixel

สำหรับเหตุผลที่มีการมองกันว่ามันคือสาเหตุที่เป็นไปได้กับการที่ Apple มี iPhone 7 ไม่เพียงพอต่อการจัดส่งน่าจะมาจากปัญหาความสำเร็จในการผลิตของตัวชิบที่ผลิตบนกระบวนการผลิต 14nm แต่ก็ไม่มีข้อมูลยืนยันว่ามันคือปัญหาจากจุดดังกล่าวนี้หรือไม่ และทางด้านของ Google Pixel และ Pixel XL เองก็ประสบปัญหากับสินค้าไม่พอจัดส่งเช่นเดียวกัน แทนที่เราจะมองเห็นว่ามีผู้ผลิตรายอื่น ๆ สามารถใช้โอกาสที่ SAMSUNG พลาดในครั้งนี้สร้างรายได้ให้กับตนเองมากขึ้น เพราะต่างก็มีปัญหาไปด้วยกันทั้งหมด แต่ก็มีรายงานที่ยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับ HTC ที่ดูเหมือนว่าตนเองจะมียอดขายเพิ่มสูงขึ้นจากวิกฤตของทาง SAMSUNG ในครั้งนี้

ZoLKoRn Says: ไปมา ๆ ยาวจนได้ ทีแรกก็ว่าจะเอาสรุปแบบสั้น ๆ ข้าม ๆให้รวบรัดที่สุดเอาแค่ที่สำคัญ ๆ แต่ปรากฏว่ามันตัดตอนไม่ได้เลยเพราะทั้งหมดมีความเกี่ยวโยงกันตั้งแต่ต้นจนจบและล้วนแล้วเป็นข้อมูลที่น่าสนใจ ซึ่งมันก็น่าคิดน่าสังเกตไม่น้อยเลยละครับ เพราะแทนที่ว่า SAMSUNG มีปัญหาหนัก ชนิดที่ว่าแผนกมือถือของตนเองแทบจะไม่มีกำไร ลองนึกแบบให้ไกล้ตัวอารมณ์ประมาณว่าเคยขายของได้วันละประมาณ 2000 บาทแต่แล้วจู่ ๆ ก็ขายได้เพียง 88 บาท มันแตกต่างกันมากเสียเหลือเกิน แต่จะอย่างไรแล้วพอดูในภาพรวมของความเป็น SAMSUNG ทั้งหมดก็กระทบเินในกระเป๋าไปเพียง 16.8% จะว่ามากก็มากอยู่แต่ก็ไม่มากจนกระทบต่อกิจการแน่นอน และแทนที่บริษัทอื่น ๆ จะสามารถฉวยโอกาสตรงนี้เข้ามาแย่งส่วนแบ่ง แต่กลับพากันมีปัญหาไปด้วยแม้กระทั่ง Apple หรือเจ้าของ Android เองอย่าง Google

และสิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผมเองคือเรื่องของต้นตอปัญหาที่แท้จริงของ Note 7 ว่ามันมีสาเหตุมาจากอะไร จากเดิมที่เคยมีการประกาศออกมาว่าเกิดจากชั้นเลเยอร์ของแบตเตอร์รีต่างขั้วกันแตะกัน เพราะมันมีชั้นที่ชิดเกินไป เนื่องจากออกแบบมือถือให้บางมากจึงต้องใช้แบตฯที่บางมาก แต่กลังจากที่มีการเปลี่ยนบริษัทผลิตแบตเตอร์รี่ก็ยังพบปัญหาเหมือนเดิม และจนถึงบัดนี้ทาง SAMSUNG ก็ยังไม่อาจจะหาข้อสรุปได้หรือพูดง่าย ๆ ว่า ยังไม่รู้เลยว่า Note 7 มีปัญหาตรงไหน และหากทาง SAMSUNG ไม่สามารถหาสาเหตได้ มันจะเป็นเรื่องใหญ่และเรื่องยากมากสำหรับการพัฒนามือถือในเวอร์ชันต่อ ๆ ไป เพราะตนเองจะไม่รู้เลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง มันจะมีปัญหาเหมือนกับ Note 7 อีกหรือเปล่า เพราะไม่รู้ว่า Note 7 มีปัญหาตรงไหน ซึ่งถ้าหากรู้ก็จะสามารถแก้ไข ปรับปรุงหรือปรับเปลี่ยนรูปแบบของการออกแบบได้

สำหรับส่วนตัวผม ผมเคยได้คุยกับเพื่อน ๆ ว่าถ้า SAMSUNG เปลี่ยนแบตแล้วมันยังเกิดปัญหาอีก ผมบอกเลยว่ามันเป็นความผิดพลาดในขั้นของการออกแบบมาตั้งแต่ต้น แต่จะเป็นในจุดไหนนั้นบอกยาก อาจจะเป็นได้จากหลาย ๆ จุดไม่ว่าจะเรื่องของวัสดุ เรื่องของเลย์เอาท์การจัดวาง บางทีอาจจะเกิดขึ้นจากสิ่งที่คาดไม่ถึงหรือไม่เคยรู้มาก่อนว่าถ้าทำแบบนี้แล้วเกิดสิ่งนี้ขึ้น เช่นสมมติว่า(คิดแบบแปลก ๆ) แบตเตอร์รี่ที่ทาง SAMSUNG ออกแบบมีปัญหากับสนามแม่เหล็กหรือความถี่บางอย่างที่ปล่อยออกมาจากการทำงานของตัวชิบ หรือ อาจจะเกิดจากปัญหาของการสั่นสะเทือนในระดับความถี่ เมื่อถึงจุด ๆ นั้นทำให้แบตฯร้อนขึ้นมาซะเฉย ๆ ในลักษณะที่ทางวิศวกรรมเรียกว่าเรโซแนนซ์ เพราะถ้าเป็นปัญหาในลักษณะที่มองไม่เห็นแบบนี้มันเป็นเรื่องยากมากที่จะหาเจอ


from:http://feedproxy.google.com/~r/zolkorn/~3/xFPGzxPMERw/