รู้จัก MAN แบรนด์รถบรรทุก และยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์จากเยอรมนี ที่ก่อตั้งมากว่า 200 ปี

MAN ที่ไม่ได้อ่านว่า “แมน” แต่อ่านว่า “เอ็ม-เอ-เอ็น” คือแบรนด์รถบรรทุก และยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์ชั้นนำของโลก และตอนนี้ทางบริษัทตัดสินใจเข้ามาบุกตลาดไทยเต็มตัว ดังนั้นลองมาทำความรู้จักกับ MAN มากขึ้นกัน

แบรนด์ที่มีประสบการณ์กว่า 200 ปี

ตลาดรถบรรทุก และรถเพื่อการพาณิชย์เป็นอีกตลาดรถยนต์ที่น่าสนใจ เพราะรถยนต์กลุ่มนี้คือรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมต่างๆ ผ่านการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นตลาดนี้จึงมีค่ายรถยนต์มากมายเข้ามาทำตลาด หนึ่งในนั้นคือ MAN แบรนด์รถบรรทุก และยานพาหนะเพื่อการพาณิชย์ที่อยู่ใต้กลุ่ม Volkswagen ตั้งแต่ปี 2554

ทั้งนี้ MAN ไม่ได้เพิ่งมามีชื่อหลังอยู่ใต้กลุ่ม Volkswagen เพราะก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2301 หรือราว 260 ก่อน ช่วงแรกใช้ชื่อว่า St. Antony Ironworks ทำธุรกิจเกี่ยวกับการหลอมเหล็กเพื่อไปใช้สร้างสิ่งต่างๆ ก่อนเริ่มเปลี่ยนแปลงธุรกิจไปผลิตเครื่องยนต์ พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น Maschinenfabrik Augsburg Nürnberg

ชื่อดังกล่าวนั้นแปลเป็นไทยว่า ผู้ผลิตเครื่องจักรในเมือง Augsburg และ Nürnberg เพราะโรงงานหลักอยู่ที่นั่น แต่จะให้เรียกอย่างนั้นมันคงยาวเกินไป บริษัทจึงตั้งชื่อสั้นๆ ว่า MAN เพื่อทำตลาดรถบรรทุก และรถเพื่อการพาณิชย์ ที่สำคัญ MAN ยังมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซล เพราะร่วมกับ Rudolf Diesel เพื่อสร้างเมื่อปี 2440

ใหญ่ในยุโรป พร้อมบุก APAC เต็มกำลัง

อย่างไรก็ตามเมื่อมาดูในประเทศไทย และประเทศอื่นๆ ย่านเอเชียแปซิฟิคจะพบว่า MAN ค่อนข้างถูกพบเห็นตามท้องถนนได้ยาก และเป็นแบรนด์ที่ไม่คุ้นตาเท่าไรนัก แต่ไม่ใช่กับในตลาดยุโรปที่ MAN เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำของตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ทั้งรถบรรทุก, รถบัส และอื่นๆ

แต่ด้วยภาพรวมเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิคมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และกลุ่มรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ประสิทธิภาพสูงเริ่มเป็นที่ต้องการเช่นเดียวกัน ทำให้ MAN ตัดสินใจเข้ามาบุกตลาดนี้เต็มตัว จากเดิมที่แต่งตั้งตัวแทนนำเข้า มาเป็นบริษัทแม่ตั้งบริษัทย่อยในพื้นที่นี้ด้วยตัวเอง

ไทยคือหนึ่งในประเทศที่ MAN เข้ามาบุกตลาดด้วยตัวเอง หลังแต่งตั้งตัวแทนนำเข้ามาตั้งแต่ปี 2538 และการเข้ามาทำตลาดครั้งนี้จะประกอบด้วยรถบรรทุกหัวลาก, รถบรรทุกแบบมีกระบะ และโครงรถบัส โดยตัวบอดี้ หรือห้องโดยสารของรถบัส MAN จะให้ตัวแทนในประเทศต่างๆ ผลิต และตรวจสอบเรื่องความปลอดภัยจาก MAN

เป็นเบอร์หนึ่งในแบรนด์ยุโรปที่ไทย

เช่นเดียวกับตลาดรถยนต์ทั่วไปในไทยที่มีรถแบรนด์ญี่ปุ่น กับยุโรป เพราะรถบรรทุกก็เป็นอย่างนั้น ผ่านการมีแบรนด์ญี่ปุ่นที่บุกตลาดทั่วไป และครองใจผู้ใช้งาน Medium Duty หรือบรรทุกระยะสั้น ส่วนแบรนด์ยุโรปจะเน้น Heavy Duty หรือการใช้งานสมบุกสมบัน และเน้นความปลอดภัยในการใช้งาน

จักรพงษ์ ศานติรัตน์ ผู้อำนวยการเอ็ม เอ เอ็น ทรัค แอนด์ บัส ประเทศไทย เล่าให้ฟังว่า ภาพรวมตลาดรถบรรทุกในไทยเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 17,000 คัน/ปี จำนวนดังกล่าวเป็นรถบรรทุกยุโรป 3-5% และในปี 2562 มีทั้งหมด 632 คัน แบ่งเป็น 2 แบรนด์ที่ครองตลาด 90% ส่วนอีก 3 แบรนด์ซี่ง MAN คือหนึ่งในนั้นกินส่วนแบ่งที่เหลือ

จักรพงษ์ ศานติรัตน์ ผู้อำนวยการเอ็ม เอ เอ็น ทรัค แอนด์ บัส ประเทศไทย

แต่หลังจากบริษัทแม่เข้ามาทำตลาดด้วยตัวเอง MAN ตั้งเป้าเป็นเบอร์หนึ่งในแบรนด์รถบรรทุกยุโรปของไทย จากปัจจุบันอยู่อันดับ 3 เบื้องต้นตั้งเป้าวางขายรถบรรทุกทั้งหมด 120 คันในปี 2564 หรือเป็น 20% ของตลาด เพราะเวลานั้นคาดว่าตลาดรถบรรทุกยุโรปจะลดลง 35% หรือเหลือราว 500 คัน

อยากเข้ามานานแล้ว COVID-19 จึงไม่กระทบ

“จริงๆ แผนการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย และเอเชียแปซิฟิคมีมาระยะหนึ่งแล้ว ดังนั้นถึงจะมี COVID-19 เข้ามา แผนนี้ก็ไม่หยุด ผ่านการที่ MAN เห็นว่าตลาดนี้เติบโต และเมื่อสอบถามลูกค้าก็พบว่า กลุ่มบริษัทขนส่งก็ไม่กระทบเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มขนส่งโครงสร้างอาคาร ดังนั้นเราจึงมั่นใจในการบุกตลาดเวลานี้”

เบื้องต้นรถบรรทุกหัวลากของ MAN ราคาเริ่ม 4.2 ล้านบาท เป็นการนำเข้า 100% จากเยอรมนี ราคานี้สามารถแข่งขันกับแบรนด์ยุโรปรายอื่นได้ และสามารถปรับแต่งได้อย่างอิสระ เช่นเพิ่มประสิทธิภาพของเพลา, ตัวรองรับแรงกระแทก หรืออื่นๆ ดังนั้นราคา และคุณสมบัติเหล่านี้สามารถแข่งขันกับเจ้าตลาดรายอื่นได้

ขณะเดียวกันยังเตรียมแต่งตั้งดีลเลอร์ 10 รายภายใน 5 ปีข้างหน้า เพื่อขยายบริการไปทั่วประเทศไทย จากปัจจุบันมี 2 รายเพื่อทำตลาดรถบรรทุก และรถบัสตามลำดับ ส่วนแผนการนำรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาทำตลาดในไทย MAN ยังอยู่ระหว่างศึกษา เนื่องจากปัจจุบันผู้ใช้ในประเทศไทยมองว่าเครื่องยนต์ดีเซลยังคุ้มค่าอยู่

สรุป

การเข้ามาของ MAN ในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าภาพรวมตลาดรถบรรทุกไทยยังน่าสนใจ เพราะการก่อสร้าง และการขนส่งระดับพรีเมียมยังมีความต้องการสูง และ MAN ก็พร้อมเข้ามาแย่งชิงตลาดนี้ด้วยราคา และคุณภาพนำเข้าจากเยอรมนี จึงน่าสนใจว่า MAN จะสำเร็จได้มากแค่ไหน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/man-truck-and-bus/

Wongnai จับมือ LINE-Alipay-TrueMoney เปิด 3 บริการใหม่สู่ Lifestyle Platform เต็มรูปแบบ

(จากซ้ายไปขวา) คุณสราญรัตน์ ศรีจิรารัตน์, คุณพิภาวิน สดประเสริฐ, คุณยอด ชินสุภัคกุล และ คุณอริยะ พนมยงค์

Wongnai ผู้นำด้านเว็บไซต์และแอปพลิเคชันค้นหาและรีวิวร้านอาหารเผยแผนธุรกิจไตรมาส 2 ของปีด้วยการเดินหน้าขยายฐานลูกค้าทั้งใน–นอกประเทศ พร้อมเปิดตัวบริการใหม่ Wongnai Cooking ตอบโจทย์คนรักการทำอาหาร ด้าน LINE ประเทศไทยเปิดให้บริการ Wongnai LINEMAN Delivery เอาใจคนเมืองที่ไม่สะดวกในการเดินทางสามารถสั่งอาหารได้ง่ายสะดวกและรวดเร็ว พร้อมจับมือ Alipay และ TrueMoney เปิดบริการ E-wallet  นักท่องเที่ยวชาวจีน หวังขึ้นแท่น Lifestyle Platform เต็มรูปแบบ

คุณยอด ชินสุภัคกุล กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งบริษัท วงใน มีเดีย จำกัด หรือ Wongnai เปิดเผยถึงแผนธุรกิจในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2560 ว่า Wongnai ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับสามบริษัทยักษ์ใหญ่ ได้แก่ LINE Thailand เปิดให้บริการ Wongnai LINEMAN Delivery สั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ออนไลน์บน Wongnai เอาใจคนเมืองที่ไม่สะดวกในการเดินทางสามารถสั่งอาหารออนไลน์ได้ง่ายสะดวกและรวดเร็ว โดย Wongnai เป็นผู้สนับสนุนข้อมูลร้านอาหารและติดต่อร้านอาหารทั้งหมดให้กับ LINEMAN Delivery

พร้อมกันนี้ Wongnai ยังได้ร่วมทำธุรกิจกับ Alipay ผู้ให้บริการจ่ายเงินออนไลน์ของจีนในเครือ Alibaba  และ TrueMoney ในการจ่ายเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E–payment ให้กับร้านอาหารผ่านแอปพลิเคชันที่เปิดให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาท่องเที่ยวในไทย เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีนสามารถใช้จ่ายผ่าน Alipay wallet กับร้านอาหารในประเทศไทย

นอกจากนี้ยังมีบริการใหม่  Wongnai Cooking  คือช่องทางใหม่ที่ตอบโจทย์คนรักการทำอาหารภายในแอปพลิเคชัน Wongnai โดยผู้ที่อยากค้นหาสูตรอาหารสามารถเข้ามาค้นหาได้ทั้งตามประเภทอาหาร วัตถุดิบ วิธีทำ และในแต่ละสูตรอาหารจะมีบอกทั้งส่วนผสม วิธีทำ รวมทั้งมีวิดีโอสอนทำอีกด้วย รวมทั้งในอนาคตจะเปิดให้สมาชิก Wongnai ส่งสูตรอาหารกันเข้ามา ให้คะแนน และรีวิวสูตรอาหาร เพื่อให้เป็น community คนรักอาหารภายใน Wongnai อีกด้วย

“การทำธุรกิจในปี 2559 ที่ผ่านมา Wongnai มีอัตราการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องของรายได้ที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว และจำนวนผู้ใช้และสมาชิกที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ผมมั่นใจว่าการจับมือกับสามบริษัทยักษ์ใหญ่ครั้งนี้จะทำให้ Wongnai เติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น และเป็นก้าวสำคัญที่จะพาเราไปสู่ Lifestyle Platform เต็มรูปแบบ” นายยอดกล่าว

คุณอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการ LINE ประเทศไทย ผู้นำด้าน Mobile Platform เผยว่า ในปีที่ผ่านมามีผู้ใช้บริการสั่งอาหารผ่าน LINEMAN มากกว่า 400,000 คนต่อเดือน และมีร้านอาหารที่มาจาก Wongnai ให้เลือกสั่งกว่า 20,000 ร้าน ทำให้ตอนนี้ LINEMAN ก้าวขึ้นเป็นผู้นำบริการ delivery อันดับ 1 เป็นที่เรียบร้อย และล่าสุด Wongnai ได้เป็นหนึ่งใน ‘LINE Chat BOT’ ภายใต้ชื่อ Wongnai’s Official Account เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้คนมีประสบการณ์การค้นหาร้านอาหารบน LINE นอกจากนี้ Wongnai ได้ร่วมเป็นหนึ่งใน ‘LINE TV’ โดยนำ video content ของ Wongnai Beauty เข้าร่วมเป็นหนึ่งกำลังสำคัญในการผลิต content ดี ๆ ให้คนไทยได้ดูกัน

นอกจากนี้ Wongnai ยังประกาศเปิดตัวความเป็นพันธมิตรกับ Alipay ผู้ให้บริการจ่ายเงินออนไลน์ของจีนในเครือ Alibaba (อาลีบาบา) และ TrueMoney เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมาเที่ยวเมืองไทย ที่มีจำนวนสูงถึงประมาณ 10 ล้านคนต่อปี

คุณพิภาวิน สดประเสริฐ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย – ANT Financial Service Group, ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ Alipay กล่าวว่า Alipay เป็นแอปพลิเคชันที่ใช้ในการตอบสนองไลฟ์สไตล์ดิจิทัลสำหรับผู้ใช้ชาวจีนของเรา  ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้ Alipay อยู่เป็นประจำ (active users) มากถึง 450 ล้านคน  และในจำนวนนี้ก็มีผู้ใช้ของเราจำนวนเป็นล้าน ๆ คนซึ่งรักในการท่องเที่ยวและมีโอกาสใช้เวลาในประเทศไทย

ในฐานะนักท่องเที่ยวคำแนะนำจากคนท้องถิ่นถึงสิ่งที่ควรจะ ชม ชิม ช้อป นับว่าเป็นหัวใจสำคัญและมีความจำเป็นสำหรับนักท่องเที่ยวยิ่งกว่าเวลาที่เราอยู่ในที่ ๆ คุ้นเคยอย่างในประเทศบ้านเกิดของเราเสียอีก ทาง Alipay รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่งในการจับมือร่วมเป็นพันธมิตรกับทาง Wongnai และหวังว่า Alipay จะเป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายในร้านค้าในเครือของ Wongnai เพื่อที่ผู้ใช้ของ Alipay จะสามารถเข้าถึง “วงใน” ของอาหารไทยและสามารถใช้ชีวิตสไตล์ดิจิทัลด้วยการชำระเงินผ่านระบบ Alipay อย่างที่ผู้ใช้ของเราเคยชินในทุก ๆ ร้านที่ผู้ใช้ของเรามีโอกาสได้ใช้บริการ ซึ่งเราเชื่อว่าการร่วมมือในครั้งนี้นอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ของ Alipay แล้ว ยังจะเป็นตัวแปรสำคัญในการช่วยฟื้นฟูธุรกิจท่องเที่ยวของไทยรวมถึงพัฒนาสังคมไทยไปสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบในเวลาอันใกล้นี้ด้วย

คุณสราญรัตน์ ศรีจิรารัตน์ กรรมการผู้จัดการ – ประเทศไทย บริษัท True Money (ทรูมันนี่) จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำของการให้บริการ E-payment ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ TrueMoney มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่จะร่วมมือกับ Wongnai ซึ่งเป็นผู้นำในด้านเว็บไซต์และแอปพลิเคชันแนะนำร้านอาหารในไทย เป็นสื่อกลางในการเชื่อมต่อบริการ E-wallet ระดับโลกอย่าง Alipay เพื่อเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนสามารถใช้จ่ายผ่าน Alipay wallet (อาลีเพย์ วอลเล็ท) กับร้านอาหารทั่วไทย”

โดยร้านอาหารในไทยจะได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาเที่ยวไทยในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้ True Money กับ Wongnai มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความร่วมมือ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคชาวไทยในปลายปีนี้ ดังเช่นวิสัยทัศน์ของทรูมันนี่ ที่ต้องการให้ทุกคนสามารถเข้าถึงนวัตกรรมทางการเงิน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น”

ในปัจจุบัน Wongnai ครองตลาดระบบค้นหา และรีวิวร้านอาหารในไทยโดยมีจำนวนสมาชิกลงทะเบียนกว่า 2,500,000 ราย และมีฐานข้อมูลร้านอาหารกว่า 200,000 ร้านในไทย

 

 

Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2017/04/wongnai-line-alipay-truemoney-to-lifestyle-platform/

LINE ครองตลาดไทย 83% พบ LINE MAN – LINE TODAY บริการใหม่ขึ้นแท่นอันดับ 1

LINE ประเทศไทย ขึ้นแท่นตลาดใหญ่อันดับ 2 ของ LINE ทั่วโลก ด้วยจำนวนผู้ใช้มากกว่า 83% ของจำนวนประชากรไทย มุ่งหน้าสู่การเป็น Smart Portal ประกาศไฮไลท์เรื่องเด่นและบริการต่างๆ  ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ

คุณอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า “ปี 2559 LINE ได้ประกาศการเป็นมากกว่าแชท พัฒนาจากแอปพลิเคชันสู่แพลตฟอร์ม โดยสติกเกอร์ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของคนไทยในการสื่อสารและส่งต่อความรู้สึก และไม่เพียงแต่สติกเกอร์ 500 ล้านเซ็ตที่ถูกดาวน์โหลดในปีที่ผ่านมาเท่านั้น ยังมีคอนเทนต์ซีรีส์ฮิตบน LINE TV ที่เป็นที่กล่าวถึงอย่าง I HATE YOU I LOVE YOU, ไดอารี่ตุ๊ดซี่ส์, เป็นต่อ และบริการใหม่อย่างแอปพลิเคชัน LINE MAN ที่ขึ้นครองอันดับ 1 บริการส่งอาหาร และ LINE TODAY ที่ขึ้นสู่อันดับ 1 แหล่งรวมคอนเทนต์บนมือถือภายในเวลาไม่ถึงปี”

หากมาดูตัวเลขก็จะพบว่า LINE MAN ซึ่งเป็นบริการรูปแบบ O2O (ออนไลน์สู่ออฟไลน์) แรกของ LINE ประเทศไทย ปัจจุบันขึ้นอันดับ 1 ด้านบริการส่งอาหาร และรองรับร้านอาหารมากกว่า 20,000 แห่ง ขณะที่ในด้านคอนเทนต์ บริการใหม่อย่าง LINE TODAY ก็ขึ้นแท่นอันดับ 1 อย่างงดงาม

นอกจากนี้ LINE ยังเป็นผู้นำด้านแพลตฟอร์มในประเทศไทยที่มีผู้ใช้เวลามากที่สุดเป็น 1 ใน 3 ของเวลาที่ใช้บนสมาร์ทโฟนต่อวัน (แหล่งข้อมูลจาก Nielsen) และยังเป็นแหล่งรวมความบันเทิง ยกตัวอย่างเช่น LINE TV ที่เปิดตัวเมื่อเดือนตุลาคม 2557 ปัจจุบันมียอดดาวน์โหลด 12 ล้านครั้ง ในปีที่ผ่านมา มีซีรีย์ฮิตอย่าง “เป็นต่อ” ที่มียอดวิวทะลุ 230 ล้านวิว และ “I HATE YOU I LOVE YOU” ที่มียอดวิวทะลุ 10 ล้านวิว ภายใน 24 ชั่วโมง ส่วน LINE GAME ที่ครองอันดับ 1 ของตลาดเกมมือถือในประเทศไทย (แหล่งช้อมูลจาก App Annie) LINE WEBTOON แหล่งรวมคอนเทนต์การ์ตูน มีผู้อ่านเฉลี่ยต่อเดือน 3 ล้านคน โดยมีคุณแม่วัยใสเป็นท็อปคอนเทนต์ในปีที่ผ่านมาเช่นกัน

ในส่วนของพันธมิตรทางธุรกิจ แบรนด์ที่มีเพื่อนติดตามมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ PTT Group, เมืองไทยประกันชีวิต, TrueMove H, AIS และ dtac ต่อมา คือ สติกเกอร์ โดยจุดเด่นในปีที่ผ่านมา มีผู้ใช้ดาวน์โหลดสติกเกอร์มากกว่า 500 ล้านเซ็ต โดย 3 เซ็ตขายที่ขายดีที่สุด ได้แก่ ตัวกลมน้องแว่นแสนซนป๊อปอัพ, บราวน์&โคนี่ ป๊อปอัพสุดเลิฟ, หนูหิ่น โนนหินแห่ นอกจากนี้ยังมีการจับมือเป็นพันธมิตรของช่องทางการจ่ายเงิน Rabbit LINE Pay ที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 2 ล้านคนในประเทศไทยด้วย

“LINE รู้สึกภูมิใจที่บริการของเรามีส่วนในการสนับสนุนคนไทยด้วยกันอย่างเช่น LINE TV ที่สนับสนุนคอนเทนต์และพันธมิตรคนไทย LINE MAN และ LINE FINANCE ที่ทาง LINE ได้มีการจับมือกับ start-up คนไทยต่างๆ และในปี 2560 LINE จะดำเนินตามนโยบายเพื่อช่วยสนับสนุนการเติบโตของวงการดิจิตอลแบบครบวงจรพร้อมสรรหาบริการที่มีประโยชน์เพื่อมอบให้กับคนไทย” คุณอริยะ กล่าวทิ้งท้าย

ที่มา: LINE Corp

 

Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2017/02/line-thailand-goal-smart-platform/

หนุ่มนิรนามถูกรวบคาสนามบิน ฐานใช้เคส iPhone ที่มีรูปทรงคล้ายปืน

เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เกิดเหตุก่อการร้ายที่สนามบินอตาเติร์กในเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก สนามบินหลายแห่งจึงต้องยกระดับความปลอดภัยให้สูงขึ้น และเมื่อไม่นานมานี้มีชายหนุ่มนิรนามได้นึกสนุกอย่างไรไม่ทราบ จึงพกเคส iPhone ที่มีรูปทรงคล้ายปืนเข้ามาภายในสนามบินลอนดอนสแตนสเต็ด

เคสรูปทรงปืน เมื่อพกไว้ในประเป๋า จะเห็นเฉพาะส่วนของด้ามปืนที่โผล่ออกมา ซึ่งจะสร้างความรู้สึกไม่ปลอดภัยให้กับคนรอบข้างได้ และยิ่งในสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยงต่อภัยก่อการร้ายขณะนี้ ยิ่งไม่ควรนำมาใช้งานอย่างยิ่ง ถึงแม้จะตั้งใจพกไว้เพื่อความสนุก แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้มองเป็นเรื่องตลกด้วย และชายคนดังกล่าวจะถูกดำเนินคดีในข้อหาพกพาปืนเลียนแบบในสถานที่สาธารณะ และจะต้องเสียค่าปรับด้วย

เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ขอความร่วมมือกับร้านค้าออนไลน์อย่าง Amazon และ eBay ใช้ช่วยแบนสินค้าที่เป็นเคสรูปทรงปืน เพื่อป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ผิด

ที่มา – @EssexPoliceSTN

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=151116

Facebook ประเดิมแคมเปญวิดีโอโฆษณาเล่นอัตโนมัติบน News Feed

ทั้งที่ Sheryl Sandberg แห่ง Facebook ออกมาประกาศว่า Facebook ยังไม่มีแผนขยายธุรกิจโฆษณา Auto-Play Video Ads เต็มที่ปีนี้ แต่ล่าสุดชาวอเมริกันหลายคนได้เห็นแคมเปญชิมลางของ Facebook กันถ้วนหน้าแล้วในชื่อ ‘Baby Man’ ซึ่งเป็นวิดีโอโฆษณาของบริษัทประกันภัยที่ต้องการทดลองบุกพื้นที่ News Feed ก่อนใคร

บริษัทประกันภัยที่ตัดสินใจประเดิมทำแคมเปญด้วยวิดีโอโฆษณาบน News Feed ของผู้ใช้ Facebook มีชื่อว่า Progressive Insurance ซึ่งนอกจากบริษัทนี้ ยังมีอีกหลายบริษัทที่อยู่ในกลุ่มบริษัทแรกที่ร่วมทดลองลงทุนกับโฆษณาวิดีโอรูปแบบใหม่กับ Facebook

วิดีโอโฆษณาของ Progressive Insurance นั้นมีความยาว 15 วินาที ชื่อชุดโฆษณาคือ Baby Man เนื้อหาของโฆษณาถ่ายทอดภาพของผู้ใหญ่ที่มีลักษณะเหมือนเด็กน้อยที่ถูกดูแลอยู่ตลอดเวลา แถมผู้เล่นบทแม่ในโฆษณาชุดนี้ยังมองแล้วให้ความรู้สึกเหมือนเป็นภรรยาของชายกลางคนในร่างเด็กน้อย ทั้งหมดนี้สร้างความรู้สึกขัดแย้งที่น่าติดตาม

แม้โฆษณาในแคมเปญนี้จะเล่นอัตโนมัติบนพื้นที่ News Feed ของผู้ใช้ Facebook แต่ Facebook ยังเคารพความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ด้วยการปิดเสียงโฆษณาไว้จนกว่าผู้ใช้จะแสดงความอยากชมด้วยการคลิกบนโฆษณา ซึ่งจะทำให้โฆษณาถูกเล่นอย่างเต็มที่พร้อมกับที่ผู้ใช้เต็มใจชม

เบื้องต้น ข้อมูลจาก The Wall Street Journal ระบุว่าโฆษณารูปแบบนี้ของ Facebook มีค่าใช้จ่ายราว 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 32 ล้านบาทต่อวัน โดยนอกจาก Progressive Insurance รายงานจาก The Wall Street Journal ย้ำว่ายังมีอีก 7-15 บริษัทที่ต่อคิวทดลองทำแคมเปญลักษณะเดียวกันกับ Facebook ในขณะนี้

หนึ่งในบริษัทที่เข้าคิวคือ NBC ซึ่งจะลงวิดีโอโฆษณาบน Facebook เพื่อโปรโมทรายการทีวี Rosemary’s Baby, The Night Shift และ Undateable ทั้งหมดนี้รายงานจากสำนักข่าว Variety ยังไม่มีการยืนยันข้อเท็จจริงจากแหล่งข่าวที่เปิดเผยนามแต่อย่างใด

ที่มา : Mashable

from:http://thumbsup.in.th/2014/05/progressive-insurances-baby-man-is-one-of-facebooks-first-video-ads/

[PR] ออราเคิลช่วยให้ทุกคนได้ประโยชน์จาก Data Discovery อย่างทั่วถึง

เนื่องจากการดำเนินธุรกิจมีความรวดเร็วคล่องตัวมากขึ้น องค์กรต่างๆ จึงพยายามค้นหาวิธีการที่จะได้มาซึ่งข้อมูลเชิงลึกอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและประสิทธิภาพของธุรกิจ แต่ผู้ใช้ที่เป็นองค์กรธุรกิจส่วนมากจำเป็นต้องเลือกระหว่าง Business Intelligence ระดับองค์กร ซึ่งรวดเร็ว ปลอดภัย และและทรงพลัง แต่ต้องอาศัยการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับฝ่ายไอที กับเครื่องมือประเภท self-service desktop discovery ที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งทำให้ธุรกิจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและการกำกับดูแล (governance) ทั้งนี้ Oracle Endeca Information Discovery 3.1 รุ่นล่าสุด ประกอบด้วยขีดความสามารถด้าน self-service discovery ระดับองค์กรใหม่ๆ สำหรับผู้ใช้ที่เป็นองค์กรธุรกิจ เอื้อให้พวกเขาสามารถตัดสินใจทางธุรกิจบนพื้นฐานของข้อมูลข่าวสารได้ง่าย ด้วยระดับความสำเร็จ ความปลอดภัย และความมั่นใจที่มากขึ้น

เนื้อหาข่าว

·         เพื่อนำพลังของความเข้าใจเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลไปสู่ผู้ใช้ที่เป็นองค์กรธุรกิจ ออราเคิลจึงเปิดตัว Oracle Endeca Information Discovery 3.1

·         แพลตฟอร์ม data discovery ระดับองค์กรรุ่นล่าสุดของออราเคิล มาพร้อมขีดความสามารถด้าน self-service data mashup และ data discovery ที่มากขึ้น ทั้งยังขยายขีดความสามารถที่รองรับ unstructured analytics และแม้แต่การเชื่อมที่กระชับขึ้นกับซอฟต์แวร์ Oracle Business Intelligence ที่ถือว่าเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้

·       Oracle Endeca Information Discovery 3.1 (OEID 3.1) มาพร้อมขีดความสามารถใหม่ๆ ที่ช่วยเสริมศักยภาพของผู้ใช้ที่เป็นองค์กรธุรกิจให้สามารถใช้ analyticsได้อย่างง่ายดาย เพื่อผสานความหลากหลายของข้อมูลที่พวกเขาเข้าถึงเพื่อใช้ในการตัดสินใจ เนื่องจาก Oracle Endeca ช่วยให้ ผู้ใช้ที่เป็นองค์กรธุรกิจได้รับประโยชน์จากการลงทุนที่ฝ่ายไอทีได้ดำเนินการในส่วนของการจัดการ ข้อมูลองค์กร การกับกับดูแล และ Business Intelligence การตัดสินใจเหล่านี้สามารถทำได้ด้วยความมั่นใจ ความสำเร็จ และความปลอดภัยที่มากขึ้น ฟังก์ชันการทำงานใหม่ๆ ได้แก่:

o   Self-Service Data Mashup และ Data Discovery Dashboard: ด้วย Self- Service Data Mashup ผู้ใช้ที่เป็นองค์กรธุรกิจสามารถผสานข้อมูลจากหลายแหล่งและทำการวิเคราะห์ได้แบบเบ็ดเสร็จในหนึ่งเดียว OEID 3.1 ทำหน้าที่ขยายแหล่งข้อมูลที่มีไว้สำหรับ data mashup (ในส่วนของผู้ใช้ที่เป็นองค์กรธุรกิจ) นอกเหนือจากExcel เพิ่มช่องทางการเชื่อมต่อระบบที่มีประสิทธิภาพสูงเข้ากับ Oracle BI การเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลที่หลากหลาย ตลอดจนข้อมูลที่เป็น semi-structured data ในฟอร์แมต JSON กระบวนการสร้าง discovery dashboard ต่างๆ ได้ถูกทำให้ง่ายยิ่งขึ้นโดยการลงทุนต่อยอดใน drag-and drop layout อันชาญฉลาดและการปรับตั้งค่าแบบ wizard-based ปัจจุบัน ผู้ใช้ที่เป็นองค์กรธุรกิจสามารถสร้าง discovery application ใหม่ๆ โดยไม่ต้องพึ่งพาฝ่ายไอที เนื่องจากการค้นหาข้อมูลต่างๆ ถูกทำให้ปรากฏและความต้องการใหม่ๆ ถูกระบุ ข้อมูลอื่นๆ จึงง่ายที่จะเพิ่มเข้ามา เอื้อต่อการสร้างต้นแบบและการทำซ้ำอย่างรวดเร็ว ดังนั้น บริบทเบื้องหลังข้อมูลที่ค้นพบจึงสามารถเข้าใจได้ โดยไม่ต้องสร้างรูปแบบที่สมบูรณ์แบบ

o   Deep Unstructured Analysis: ผู้ใช้ที่เป็นองค์กรธุรกิจจะได้มุมมองและความเข้าใจเชิงลึกใหม่ๆ จากการสนทนา ข้อความ และความคิดเห็นหลากหลายที่ที่มีอยู่ในทั้งองค์กรและแหล่งทั่วไป ช่วยให้บริษัทต่างๆ สร้างกลยุทธ์ Big Data ที่นำไปปฏิบัติได้จริง ด้วยการพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่องด้านการสร้างความแตกต่างอย่างยาวนานในการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลส่วนที่ไม่ได้จัดระบบระเบียบของ Oracle Endeca และสร้างความสัมพันธ์ของข้อมูลดังกล่าวกับข้อมูลที่มีการจัดระบบระเบียบ ปัจจุบันผู้ใช้ที่เป็นองค์กรธุรกิจสามารถทำ textual mining ของตนเอง เพื่อระบุแนวความคิดที่ซ่อนอยู่ได้จากแหล่งข้อมูลที่ไม่ได้จัดระบบระเบียบโดยไม่ต้องพึ่งพาฝ่ายไอที พวกเขาสามารถเพิ่มข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ด้วย keyword search และ pattern matching ที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน โดยทั้งหมดอยู่ในบริบทของ visualization แบบinteractive ที่ครบครัน และสรุปผลการวิเคราะห์

o   เสริมประสิทธิภาพการบูรณาการด้วย Oracle BI: ด้วยการใช้ประโยชน์จากพื้นฐานและวิสัยทัศน์การพัฒนาร่วมกัน Oracle Endeca Information Discovery 3.1 ยกระดับการบูรณาการภายในด้วย Oracle Business Intelligence Foundation ดีที่สุดในระดับเดียวกัน  ปัจจุบัน ผู้ใช้ที่เป็นองค์กรธุรกิจสามารถนำข้อมูลจากคลังข้อมูล BIที่เชื่อถือได้ โดยใช้ประโยชน์จากขนาดและคุณสมบัติที่กำหนดไว้ใน Common Enterprise Information Model ของออราเคิล แต่พัฒนาปรับปรุงคุณสมบัติดังกล่าวตามอุปสงค์และความต้องการที่แตกต่างกันที่พวกเขาต้องจัดการเองแบบวันต่อวัน

o   Enterprise-Class Self-Service Discovery: แม้ว่าผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม data discovery ส่วนใหญ่มีรากฐานเป็นทูลประเภทเดสก์ท็อป เทคโนโลยีด้าน discovery ของOracle Endeca เริ่มขึ้นเสมือนเป็นโครงสร้างพื้นฐานขององค์กรที่ใช้โดยฝ่ายไอทีเพื่อขับเคลื่อนแอพพลิเคชั่นสนับสนุนภารกิจสำคัญที่มีปริมาณผู้ใช้และข้อมูลมากด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมและประสิทธิภาพที่รวดเร็วและสามารถปรับขนาดเพื่อรองรับความต้องการในอนาคตได้ โดยในขณะนี้ องค์กรด้านไอทีสามารถให้บริการ self-service discovery platform เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ Business Analytics ที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น ซึ่งรักษามูลค่าของการลงทุนที่มีอยู่ในส่วนของคุณภาพข้อมูล การกำกับดูแล และการรักษาความปลอดภัย ผู้ใช้ที่เป็นองค์กรธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากศูนย์ข้อมูลไอที (IT data center) เพื่อผลักดันการค้นหาข้อมูลในปริมาณและความหลากหลายที่สูงขึ้น ทั้งยังสามารถแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกกับเพื่อนร่วมงานได้ทันทีที่ถูกร้องขอ

·       นอกจากนี้ ปัจจุบันออราเคิลยังให้บริการด้าน data access ในส่วนของเนื้อหาบนเว็บไซต์ที่ดีที่สุดในระดับเดียวกัน ผ่าน Oracle Endeca Web Acquisition Toolkitเพื่อที่จะเก็บเกี่ยวเนื้อหาจาก เว็บดังกล่าว บริการใหม่นี้มาพร้อมอินเตอร์เฟซแบบกราฟิกที่รวดเร็วคล่องตัวสำหรับให้ผู้พัฒนา (developer) เข้าถึงและบูรณาการข้อมูลใดๆ ที่ปรากฏบนหน้าเว็บได้อย่างรวดเร็ว ขณะนี้องค์กรต่างๆ สามารถรวบรวมเนื้อหาจากเว็บไซต์ผู้บริโภค เวทีเสวนาในแวดวงอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเว็บท่าของภาครัฐหรือซัพพลายเออร์ คลาวด์แอพพลิเคชั่น และแหล่งข้อมูลจากเว็บมากมายได้ด้วยค่าใช้จ่ายที่ประหยัดขึ้น ถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์โดยรวมของพวกเขาสำหรับจัดการ data discovery และ unstructured analytics

คำกล่าว

·       ”สำหรับผู้ใช้ที่เป็นองค์กรธุรกิจ ความเข้าใจเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลถือเป็นหัวใจของ Business Intelligence ที่แข่งขันได้ ซึ่งยากหรือเป็นไปไม่ได้ที่จะรวบรวมข้อมูลโดยไม่ต้องใช้ความพยายามสูง และมักจะได้รับผ่านช่องทางที่ไม่ปลอดภัย” คีธ จอห์นสัน รองประธานกลุ่มธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์ของออราเคิล กล่าว “Oracle Endeca รุ่นล่าสุดตอบโจทย์ความท้าทายนี้ โดยช่วยให้ผู้ใช้ที่เป็นองค์กรธุรกิจได้รับประโยชน์จาก data discovery ที่ใช้งานง่ายแต่ทรงพลังได้อย่างปลอดภัยตามความเร็วของธุรกิจ ช่วยให้พวกเขาตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม”

·       ”ด้วยการเปิดตัว Oracle Endeca Information Discovery 3.1 ออราเคิลนำเสนอประโยชน์ของ self-service information discovery ด้วยการกำกับดูแลที่จำเป็น มาตรฐาน และความปลอดภัยของสภาพแวดล้อมระดับองค์กร” เวย์น เอ็คเคอร์สัน ประธานของ BI Leader Consulting และเป็นนักวิเคราะห์อุตสาหกรรมประจำTechTarget กล่าว

·       ”Data Discovery ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในตลาด analytics ซึ่งขับเคลื่อนโดยความต้องการที่จะทำให้ผู้ใช้ในทุกระดับของธุรกิจเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น ด้วยการเปิดตัว Oracle Endeca Information Discovery 3.1 ของออราเคิล เราคาดว่าจะมีขีดความสามารถที่ดีขึ้นในการกระตุ้นให้เกิดการยอมรับและร่นระยะเวลาสร้างคุณค่าให้กับ self-service discovery ระดับองค์กร” มาร์ค ริตต์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคนิคของ Rittman Mead กล่าว

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

·        รายละเอียดเกี่ยวกับ Oracle Endeca Information Discovery 3.1

·        Oracle Endeca Information Discovery

·        Product Demo Video

·        Oracle Business Analytics

·        ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับ Oracle Business Analytics ผ่าน Blog, Facebook และ Twitter

from:http://mobiledista.com/pr-oracle-allows-everyone-to-benefit-from-data-discovery-thoroughly/

[PR] โซนี่ไทยส่งผลิตภัณฑ์ Hi-Resolution Audio เอาใจคนรักเสียงเพลงยุคดิจิตอล

บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด วันนี้ถือฤกษ์เปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม  Hi – Resolution Audio (ไฮเรส โซลูชั่น ออดิโอ) หลากหลายรุ่น เอาใจคนรักเสียงเพลงด้วยการยกระดับสุนทรียภาพของการรับฟังดนตรีในรูปแบบไฟล์ดิจิตอลต่าง ๆ ขึ้นไปอีกขั้น ด้วยคุณภาพของเสียงดนตรีที่ดีที่สุดในทุกรายละเอียด ทั้งผลิตภัณฑ์ในกลุ่มหูฟัง วอล์คแมน แอมปลิฟายเออร์แบบพกพา เป็นต้น ทั้งนี้ Hi – Resolution Audio หรือ Hi-Res Audio ก็คือไฟล์เพลงที่ให้รายละเอียดสูงกว่าซีดี เพลงทั่วไป ตั้งแต่ 3 เท่าขึ้นไป จนถึง 8 เท่า นั่นหมายถึง เพลงที่ให้รายละเอียดและคุณภาพที่ใกล้เคียงกับต้นฉบับที่บันทึกจากสตูดิโอ หรือการแสดงสด โดยไม่ผ่านการบีบอัดใดๆ

แม้ว่าการรับฟังดนตรีจากไฟล์เพลงดิจิตอลรูปแบบต่าง ๆ จะเป็นทางเลือกที่สร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้ฟังมากขึ้น และสามารถเพลิดเพลินกับการฟังเพลงได้ทุกที่ทุกเวลา แต่ก็อาจพบข้อจำกัดในเรื่องของคุณภาพเสียงที่สูญหายไปในระหว่างการบีบอัดไฟล์ ส่งผลให้คุณภาพของเสียงดนตรีที่ได้ด้อยลงไปด้วย จึงทำให้ผู้ที่นิยมการฟังเพลงที่ถูกบีบอัดในรูปแบบไฟล์ดิจิตอลต่าง ๆ ยังคงถวิลหาความสุนทรีย์จากการรับฟังเพลงที่มีรายละเอียดครบครันในทุกย่านเสียง ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่ดี และถูกออกแบบมาด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง จึงมีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดรายละเอียดออกมาได้อย่างตรงใจผู้ฟังที่พิถีพิถันในคุณภาพและความเป็นดนตรี

วันนี้ โซนี่ จึงพร้อมมอบประสบการณ์ในการฟังดนตรีคุณภาพสูงที่ใกล้เคียงกับคุณภาพจากห้องบันทึกเสียง หรือการแสดงสดอีกครั้งด้วยผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Hi-Res Audio ซึ่งทั้งศิลปิน โปรดิวเซอร์ และค่ายเพลงมากมายในปัจจุบัน ต่างก็ได้ร่วมกันจับมือทำงานเพื่อสร้างสรรค์ผลงานดนตรีคุณภาพสูงระดับ Hi-Res Audio ออกมาให้แก่ผู้รักเสียงเพลง ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์จากโซนี่ด้วยเช่นกัน

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Hi-Res Audio ที่โซนี่ไทยเปิดตัวในวันนี้ ประกอบด้วย

          MDR-10 Series  – เป็นกลุ่มหูฟังรุ่นใหม่ที่สืบทอดความสำเร็จมาจากหูฟังระดับพรีเมี่ยม MDR-1 Series ที่ได้วางตลาดมาก่อนหน้านี้ และยังวางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน โดยโซนี่ได้ผสมผสานเทคโนโลยีล่าสุดเพื่อถ่ายทอดรายละเอียดเสียงดนตรีคุณภาพสูง กับความสะดวกสบายในการใช้งานให้มีความกระชับพอดียิ่งขึ้น  MDR-10 Series ได้ใช้ตัว Dynamic Driver ขนาด 40 ม.ม. ที่สามารถตอบสนองได้อย่างฉับไว ทั้งในย่านความถี่ต่ำที่ทรงพลัง และย่านความถี่สูงที่กว้างขึ้น  ในกลุ่มหูฟัง MDR-10 ประกอบด้วย 4 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่นมาตรฐาน MDR-10R, MDR-10RC ขนาดกะทัดรัด และสามารถพับเก็บได้, MDR-10RBT ใช้งานแบบไร้สาย และรุ่น MDR-10RNC (ไม่ใช่ Hi-Res Audio) ซึ่งเป็นรุ่นตัดเสียงรบกวน (Noise-Cancelling) โดยทุกรุ่นได้รับการออกแบบให้มีน้ำหนักเบา สวมใส่ได้พอดี และสบายยิ่งขึ้น แม้ว่าต้องใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานาน

• MDR-10R – หูฟัง Hi-Res Audio สามารถถอดเปลี่ยนสายได้ จำหน่ายราคา 5,990 บาท
• MDR-10RC – หูฟัง Hi-Res Audio ขนาดกะทัดรัด และสามารถพับเก็บได้ จำหน่ายราคา 5,990 บาท
• MDR-10RBT – หูฟัง Hi-Res Audio แบบบลูทูธ พร้อมเทคโนโลยี NFC (Near Field Communications) ซึ่งผู้ใช้สามารถฟังเพลงจากอุปกรณ์อื่นๆที่มี NFC เช่นกัน ด้วยการนำหูฟังไปแตะที่เครื่องเท่านั้น อีกทั้งยังสะดวกสบายด้วยการเชื่อมต่อผ่านระบบบลูทูธจากเครื่องเล่นเพลงที่มีระบบบลูทูธสเตอริโอ และโทรศัพท์มือถือ จำหน่ายราคา 6,990 บาท

MDR-10RNC – (ไม่ใช่ Hi-Res Audio) มีระบบตัดเสียงรบกวน (Noise-Cancelling) จำหน่ายราคา 7,990 บาท

          XBA-H Series – เป็นหูฟังแบบ in-ear ที่พัฒนาขึ้นมาจากกลุ่ม XBA เดิมเพื่อยกระดับคุณภาพให้สูงขึ้น เป็นหูฟังแบบไฮบริดโดยมีไดรเวอร์ 2 แบบในตัวเดียวกันทั้ง Dynamic Drivers และ Balanced Armature Drivers ที่ให้มิติรายละเอียดเสียงคมชัด รวมทั้งขับย่านเสียงต่ำให้ทรงพลังยิ่งขึ้น เพื่อสร้างอรรถรส และสุนทรียภาพในการฟังเพลงทุกประเภทได้อย่างดื่มด่ำกว่าเคย

• XBA–H3 หูฟังรุ่นเรื่อธงในซีรี่ส์นี้ เป็นหูฟังที่รองรับคุณภาพเสียงระดับ Hi-Res Audio มาพร้อมไดรเวอร์ 3 ทางแบบไฮบริด ประกอบด้วย dynamic driver ขนาด 16 ม.ม. และไดรเวอร์แบบ Balance Armature 2 ตัว สามารถขับเสียงได้ครอบคลุมทุกย่านความถี่เสียงได้อย่างมีมิติ คมชัด ชุ่มฉ่ำ รวมทั้งขับเสียงในย่านความถี่ต่ำได้อย่างทรงพลัง จำหน่ายราคา 9,990 บาท
• XBA-H2 (ไม่รองรับ Hi-Res Audio) – พร้อมไดรเวอร์ 2 ทางแบบไฮบริด ประกอบด้วย dynamic driver ขนาด 13.5 ม.ม. 1 ตัว และไดรเวอร์แบบ Balance Armature 1 ตัว ให้เสียงร้องที่ชัดใส และเสียงเบสลึกกังวาน จำหน่ายราคา 7,490 บาท

• XBA-1 (ไม่รองรับ Hi-Res Audio) – พร้อมไดรเวอร์ 2 ทางแบบไฮบริด ประกอบด้วย dynamic driver ขนาด 9 ม.ม. 1 ตัว และไดรเวอร์แบบ Balance Armature 1 ตัว ให้น้ำเสียงคมชัดใส ฟังสบาย จำหน่ายราคา 4,490 บาท

Walkman ประกอบด้วยรุ่น NW-ZX1 และ NW-F880

• NW–F880 – ให้ผู้ฟังได้สัมผัสคุณภาพเสียงในระดับ Hi-Res Audio ที่ให้คุณภาพเสียงเหนือกว่าซีดีทั่วไป ด้วยความละเอียดระดับ 192KHz/24bit มาพร้อมภาคขยายเสียงดิจิตอล  S-Master HX ที่ลดสัญญาณรบกวนในทุกย่านความถี่ เทคโนโลยี DSEE (Digital Sound Enhancement Engine) HX ช่วยชดเชยรายละเอียดเสียงที่สูญหายไปในระหว่างการบีบอัดสัญญาณ เพื่อให้ได้รายละเอียดเสียงที่คมชัดเป็นธรรมชาติ เพิ่มคุณภาพสัญญาณที่ถูกบีบอัดให้สูงกว่าซีดีทั่วไป รวมทั้ง Clear Audio+ ย้งช่วยให้น้ำเสียงมีความกระจ่างชัด สมจริงยิ่งขึ้น หน้าจอสัมผัสขนาด 4 นิ้ว แบบ TRILUMINOS Display for Mobile นอกจากนี้ยังมี NFC เพื่อใช้งานเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ ที่รองรับ NFC ได้ด้วย พร้อมรองรับระบบปฏิบัติการ Android 4.1 สามารถฟังเพลงแบบ MP3 ได้อย่างต่อเนื่อง 35 ช.ม. และ 26 ช.ม. สำหรับการฟังเพลงแบบ Hi-Res Audio (99KHz/24bits) วางจำหน่ายปลายเดือนพฤศจิกายน ศกนี้ ราคา 10,590 บาท
• NW-ZX1 เป็นเครื่องเล่นมีเดียระดับเรือธงที่รองรับการเล่นไฟล์เสียงความละเอียดสูงได้ มีความจุ 128 GB มาพร้อมดีไซน์ และวัสดุคุณภาพสูง โดยตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียมแบบชิ้นเดียว หน้าจอคมชัดแบบ TRILUMINOS Display for Mobile ความละเอียด 854 x 480 ขนาด 4 นิ้ว พร้อมเทคโนโลยี OptiContrast Panel ลดช่องว่างระหว่างหน้าจอ แผงเซนเซอร์ และกระจก ภาคขยายเสียง S-MASTER HX พร้อมวงจรเสียงคุณภาพสูง ใช้ตัวเก็บประจุ OS-CON สำหรับวงจรขยาย สายไฟ OFC ในการเชื่อมต่อภายใน และแบตเตอรี่คุณภาพสูง รองรับการเล่นไฟล์ความละเอียดสูงทั้ง WAV, AIFF, FLAC และ Apple Lossless ที่ 24 bit 192 KHz สามารถเลือกโหมดประมวลผลเสียงแบบ DSEE HX และ ClearAudio+ เชื่อต่อใช้งานได้ทั้งแบบ Wi-Fi a/b/g/n, Bluetooth และ NFC สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 32 ชม.ในการเล่นไฟล์ MP3 พร้อมรองรับระบบปฏิบัติการ Android 4.1 มีพอร์ตเชื่อมต่อเฉพาะ (WM-Port) รองรับ USB Audio สามารถเชื่อมต่อกับเครื่อง DAC / แอมป์พกพาของ Sony รุ่น PHA-2 ได้ วางจำหน่ายเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ราคายังไม่กำหนด

PHA-2 – แอมปลิไฟเออร์แบบพกพาสำหรับใช้งานกับหูฟัง รองรับคุณภาพเสียง Hi-Res Audio  (192KHz/24bit) นอกจากรองรับการใช้งานกับหูฟัง ยังรองรับการใช้งานร่วมกับ NW-F880, NW-ZX1 รวมทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS ด้วย ตัวเครื่องทำจากซิงค์อัลลอย พร้อมตัวซับสัญญาณรบกวนจากภาพนอก มีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบบิลท์อินสามารถใช้ฟังเพลงต่อเนื่องได้นานถึง 17 ชั่วโมงเมื่อเชื่อมต่อแบบอนาล็อก และ 6.5 ชั่วโมงเมื่อเชื่อต่อแบบดิจิตอล จำหน่ายราคา 21,990 บาท

นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Hi-Res Audio ยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อาทิ PCM-D100 เครื่องบันทึกเสียงแบบ Hi-Res Audio เป็นต้น ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลโซนี่ โทร 0-2715-6100 หรือเยี่ยมชม www.sony.co.th

from:http://mobiledista.com/pr-sony-thailand-products-hi-resolution-audio-digital-music-lovers/

[PR] ทรูมูฟ เอช แนะนำ “ทรูมูฟ เอช แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด การ์ด”

ทรูมูฟ เอช มอบสิทธิพิเศษ เอาใจสาวกปีศาจแดง ด้วย “ทรูมูฟ เอช แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด การ์ด”  มอบส่วนลดที่ร้านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมกะสโตร์ ทั้ง 8 สาขาในไทย พร้อมสิทธิพิเศษในการร่วมกิจกรรมต่างๆ ของทรูมูฟ เอชตลอดปีเป็นเจ้าของ “ทรูมูฟ เอช แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด การ์ด” ได้ง่ายๆ เพียงซื้อทรูมูฟ เอช แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซิม เลือกได้ทั้งแบบเติมเงิน ราคา 49 บาท และแบบรายเดือน ราคา 69 บาท หาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ร้านทรูช้อป ทรูพาร์ตเนอร์ และร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ทั่วประเทศ

ทรูมูฟ เอช แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซิม ให้โทรหากันในราคาพิเศษ 0.15 บาท/นาที (ตี 5 – 5 โมงเย็น) สำหรับลูกค้าแบบเติมเงิน นอกจากนี้ ยังสนุกกับประสบการณ์กีฬาผ่าน SMS 7 วันไม่ซ้ำ พร้อมรับฟรี เสียงเรียกเข้าจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 10 เพลง นาน 6 เดือน สมัครบริการเสียงรอสายฟรี พร้อมใช้บริการเพลงรอสายจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฟรี 6 เดือน และยังมีสิทธิ์ลุ้นบินไปเชียร์ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มันส์ติดขอบสนาม เพียงกด *201# โทรออก (ค่าบริการครั้งละ 1 บาท) รับ 1 สิทธิ์/ครั้ง ยิ่งส่งมาก ยิ่งมีสิทธิ์มาก วันนี้ – 15 มีนาคม 2557

from:http://mobiledista.com/pr-truemove-h-introduced-truemove-h-manchester-united-defender/

[PR] เอไอเอสรวมพลังบริษัทในเครือ SingTel สร้างคอมมูนิตี้ Startup ระดับภูมิภาค

เอไอเอส โดยนายปรัธนา ลีลพนัง ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานผลิตภัณฑ์และบริการดิจิตอล เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม “Regional Seed Network” ประกาศความร่วมมือถือ รวมพลังบริษัทในเครือ SingTel และพันธมิตร สร้างคอมมูนิตี้ Startup ในระดับภูมิภาค เพื่อร่วมกันหาแนวทางส่งเสริม Startup ให้เติบโตอย่างยั่งยืนและก้าวไกลในตลาดสากล โดยได้เชิญผู้บริหารหน่วยงาน Startup ของทุกโอเปอร์เรเตอร์ ได้แก่ SingTel Innov8 จาก SingTel สิงคโปร์, Kickstart Ventures จาก Globe ฟิลิปปินส์, Teman Dev จาก Telkomsel อินโดนีเซีย, Optus Innov8 Seed จาก Optus ออสเตรเลีย, Maxis มาเลเซีย และ AIS The StartUp จาก AIS มาร่วมกันทำเวิร์คช็อป แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความรู้ทางการตลาด ตลอดจนแผนการทำงานเพื่อสนับสนุน Startup ของแต่ละประเทศ เพื่อหาจุดร่วมกันในการผลักดันสมาชิก Startup ในเครือ SingTel ได้มีโอกาสใหม่ๆ ในการทำธุรกิจ รวมถึงได้รับ  การบ่มเพาะและร่วมลงทุนจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อไป

นอกจากนี้ ยังจัดกิจกรรมพิเศษ โดยเปิดโอกาสให้บริษัทที่อยู่ในโครงการ AIS The StartUp ได้นำเสนอผลงานกับคณะผู้ร่วมประชุม เพื่อร่วมต่อยอดการทำธุรกิจกับโอเปอเรเตอร์อื่นๆ ในเครือ SingTel อีกด้วย ได้แก่ Noonswoon, AIS iBulter by FOURLEAF, AIS Privilege app by Buzzebees, Dolphin I/O, BentoWeb, Molome และ ShopSpot พร้อมทั้งปิดท้ายการประชุมด้วยการรับประทานร่วมกัน เพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสสร้างความสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนไอเดียซึ่งกันและกัน

from:http://mobiledista.com/pr-ais-subsidiary-singtel-forces-create-regional-startup-community/

[PR] ทรูมูฟ เอช คว้า 2 รางวัลใหญ่จากเวที Adman Awards & Symposium 2013

ทรูมูฟ เอช โดย นางรุ่งฟ้า เกียรติพจน์ (ซ้าย) ผู้ช่วยบริหารงานกรรมการผู้จัดการใหญ่ และผู้อำนวยการด้านบริหารแบรนด์และบริหารสื่อโฆษณากลุ่ม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) คว้า 2 รางวัลใหญ่ประเภท Adman Digital and Interactive media 2013 บนเวที Adman Awards & Symposium 2013 จากแคมเปญ “Hplorer ภารกิจพิชิต 1 ล้านกิโลเมตรทั่วไทย ทางออนไลน์” โดยได้รับเกียรติจากนายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ (ขวา)
รองกรรมการบริหารสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 3 เป็นผู้แทนมอบรางวัล ทั้งนี้  รางวัลที่ได้รับคือ

1.    รางวัล Silver award ในหมวด Social Media Application

2.    รางวัล Silver award ในหมวด Best use of Social Media

แคมเปญ “Hplorer ภารกิจพิชิต 1 ล้านกิโลเมตรทั่วไทย ทางออนไลน์” เป็นแคมเปญออนไลน์ที่จัดขึ้นเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทรูมูฟ เอช ที่ชอบการท่องเที่ยว  ตลอดจนเป็นการแสดงศักยภาพของเครือข่ายทรูมูฟ เอช 3G ที่ใหญ่ที่สุด ใช้งานได้จริง และครอบคลุมมากที่สุดในไทย โดยให้ลูกค้าร่วมสนุกโดยการแชร์ภาพประสบการณ์สุดประทับใจในรูปแบบใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเที่ยว กิน ดื่ม ช้อป ทั่วไทย แล้วโพสต์ผ่าน instagram โซเชี่ยลเน็ตเวิร์คยอดนิยมของคนทั่วโลก พร้อมใส่ #TrueMoveH เพื่อช่วยกันสะสมระยะทางให้ครบ 1 ล้านกิโลเมตร แคมเปญนี้ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย โดยผู้เล่นทั้งหมดสามารถพิชิตระยะทาง 1 ล้านกิโลเมตร ในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์ และเมื่อจบแคมเปญ ลูกค้าทรูมูฟ เอช ช่วยกันพิชิตระยะทางได้รวมกว่า 3 ล้านกิโลเมตร โดยมีรูปที่ส่งมาทั้งหมด 210,000 รูป

from:http://mobiledista.com/pr-truemove-h-won-two-major-awards-from-the-adman-awards-symposium-2013/