หลังจากที่ Lenovo ได้กลายเป็นผู้ผลิต Server อันดับหนึ่งสำหรับตลาด Top 500 ของระบบ High Performance Computing หรือ HPC ได้เร็วกว่าแผนการที่วางเอาไว้ถึง 2 ปี และในไตรมาสล่าสุดมีการเติบโตของ Data Center Group มากถึง 67.8% นั้น ก็ได้มีการเผยถึงวิธีการที่ทำให้ Lenovo ก้าวเข้ามาสู่จุดนี้ได้อย่างรวดเร็ว นั่นก็คือกลยุทธ์ที่มีชื่อว่า ODM+ นั่นเอง
ODM+ คือกลยุทธ์ที่ Lenovo ใช้ในการเจาะลูกค้ากลุ่มที่เป็น Data Center ระดับ Hyperscale โดยเฉพาะ ซึ่ง Lenovo ได้นิยามตลาด Hyperscale เอาไว้ว่าเป็นธุรกิจที่มี Data Center ซึ่งมี Server จำนวนอย่างน้อย 5,000 เครื่อง และมีพื้นที่ของ Data Center อย่างน้อย 10,000 ตารางฟุต ซึ่งธุรกิจที่มีขนาดนี้ทั่วโลกนั้นมีเพียงประมาณ 250 ราย และ 60 รายในนั้นก็อยู่ในสหรัฐอเมริกา โดยธุรกิจกลุ่มนี้มีการลงทุนในการจัดซื้ออุปกรณ์ถึงหลายแสนล้านเหรียญต่อปี
ธุรกิจกลุ่ม Hyperscale นี้ปกติแล้วมักจะใช้ Server ในรูปแบบที่มีชื่อว่า Original Device Manufacturer หรือ ODM ซึ่งก็เป็น Server ที่ผลิตโดยบริษัทอย่างเช่น Quanta, Tyan, Inventec, Foxconn และ Wiwynn โดยผู้ผลิตเหล่านี้จะสามารถทำการออกแบบ Server ได้อย่างรวดเร็ว หรือนำการออกแบบที่บริษัทต่างๆ กำหนดเอาไว้มาผลิตจำนวนมาก และส่งมอบในคุณภาพระดับที่รับประกันเอาไว้ได้ ในขณะที่ธุรกิจระดับ Hyperscale นั้นบางทีก็จะมีการซื้อ Hardware จากผู้ผลิต OEM อย่าง Supermicro, Huawei, Dell EMC, ZT Systems, Inspur หรือ Sugon เพื่อใช้ Server คุณภาพสูงและมีทีมผลิตและดูแลหลังการขายกระจายอยู่ทั่วโลกบ้างเช่นกัน
เป็นที่รู้กันว่าก่อนหน้านี้ Lenovo ได้เข้าซื้อกิจการในส่วน x86 Server มาจาก IBM มาได้ระยะหนึ่งแล้ว และหลังจากที่ Lenovo ได้ค่อยๆ ทะยอยปรับเปลี่ยนนโยบายการดำเนินงานต่างๆ ให้เข้ากับความต้องการของลูกค้า พร้อมๆ กับการจัดทัพผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นสำหรับ Data Center ให้ตอบโจทย์ได้อย่างครอบคลุม ทำให้ปัจจุบัน Lenovo มีผลิตภัณฑ์ฝั่ง Data Center ครบถ้วนทั้ง Server, Storage, Network, Power Distribution Unit และ Management Software แล้ว เรียกได้ว่าเป็นการปูพื้นฐานเพื่อการต่อยอดเติบโตในตลาดของ Data Center ในอนาคตนั่นเอง
และแน่นอนว่าด้วยความที่ Lenovo ถือเป็นน้องใหม่ในวงการ Data Center ดังนั้น Lenovo จึงไม่ได้ผูกติดกับแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ใดเป็นหลัก และสามารถจับมือกับ 3rd Party Partner ชั้นนำได้ทุกยี่ห้อเพื่อนำเสนอ Solution ที่ดีที่สุดแก่องค์กรลูกค้า รวมถึงการ OEM ผลิตภัณฑ์ต่างๆ
แต่ถึงกระนั้น Lenovo ก็ไม่ได้ต้องต่อสู้ในตลาด Data Center ด้วยตัวเองเท่านั้น การเข้าซื้อกิจการ x86 Server จากทาง IBM ก็ทำให้ทุกวันนี้ Lenovo เองยังคงมีสัมพันธ์ที่ดีกับ IBM และให้ IBM เป็นหนึ่งในทีมบริการหลักให้แก่โซลูชั่นต่างๆ ของ Lenovo ในขณะที่ทีมงานของ Lenovo เองก็คอยพัฒนาบริการเสริมต่างๆ มาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในตลาดเพิ่มเติม ทำให้ปัจจุบันนี้ Lenovo พร้อมที่จะให้บริการ On-site Service สำหรับ Hardware ต่างๆ ได้ทั่วประเทศไทยแล้ว
ในขณะเดียวกัน การเข้าซื้อกิจการ x86 Server เข้ามา ก็ยังทำให้ Lenovo เองมีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมแบบ End-to-End ไปด้วย เพราะ Lenovo เองถือเป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตที่มีผลิตภัณฑ์ในฝั่งของ Endpoint Device ที่ครอบคลุม ตั้งแต่ PC, Notebook, Tablet, Smartphone, Smartwatch และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้การพัฒนาโซลูชั่นระดับองค์กรนั้นมีความเป็นไปได้ที่หลากหลาย และตอบรับแนวโน้มการมาของ Internet of Things ได้เป็นอย่างดี
บุกตลาด Hyperconverged ด้วย Lenovo HX Series พร้อมเทคโนโลยีจาก Nutanix
เพิ่งเป็นอีกหนึ่งข่าวใหญ่ของ Lenovo เมื่อเร็วๆ นี้ไปกับการจับมือกับ Nutanix เพื่อรุกตลาดทั่วโลกโดยเฉพาะฝั่งเอเชียร่วมกันด้วย Lenovo HX Series ที่นำเทคโนโลยี Server ของ Lenovo มาติดตั้งเข้ากับซอฟต์แวร์ Acropolis ของ Nutanix สร้างระบบ Hyperconverged Infrastructure และรุกสู่ตลาด Data Center ขององค์กรอย่างรวดเร็ว
ในครั้งนี้ทางทีมงาน Lenovo Thailand เองก็ได้ให้ข้อมูลใหม่ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Lenovo HX Series เอาไว้ดังนี้ครับ
Lenovo ได้ออกมาเปิดเผยถึงการทำลายสถิติการทดสอบประสิทธิภาพจากการทดสอบ Lenovo x3950 X6 ซึ่งเป็น Server ขนาด 8 CPU เพื่อเฟ้นหาประสิทธิภาพและความคุ้มค่าต่อการลงทุนของแต่ละระบบ โดย Lenovo x3950 X6 นี้ก็ได้ผลลัพธ์สูงถึง 11,058.99 Trasnsactions per Second E และมีค่า Price/Performance ที่คุ้มค่าสุงสุดที่ 143.91 USD ต่อ Transaction per Second E
สำหรับ Server แบบ 8 CPU ที่ตามมาเป็นอันดับสองนั้นได้แก่ Fujitsu Server PRIMEQUEST 2800E2 ซึ่งมีประสิทธิภาพแตกต่างกันเกือบ 10% ในขณะที่ความคุ้มค่านี้ต่างกันถึง 23%
ก่อนหน้านี้ Lenovo x3850 X6 ซึ่งเป็น Server ขนาด 4 CPU เองก็ได้ครองแชมป์การทดสอบ TPC-E นี้มาแล้วเช่นกันในเหล่า Server ขนาด 4 CPU ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2015 ที่ผ่านมา