คลังเก็บป้ายกำกับ: INTERNET_OF_THINGS_CLOUD

ผลสำรวจชี้ AWS และ MS Azure เป็นผู้นำตลาด IoT Cloud, องค์กรยังกังวลเรื่อง IoT Security

Eclipse Foundation ได้ออกมาเผยแพร่ผลสำรวจแนวโน้มต่างๆ ของบริการ IoT Cloud จากเหล่า IoT Developer และพบว่า AWS กับ Microsoft Azure ขึ้นเป็นผู้นำในตลาดนี้ โดยมีประเด็นต่างๆ ที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

 

Credit: Eclipse Foundation

 

  • สัดส่วนการใช้ IoT Cloud ของ AWS อยู่ที่ 51.8%, MS Azure อยู่ที่ 31.2% และ Private/On-premises Cloud อยู่ที่ 19.3% ตามลำดับ
  • ประเด็นที่ถูกคำนึงถึงในการเลือกใช้ระบบ IoT นั้น Security มาเป็นอันดับหนึ่งที่ 39% ตามมาด้วยเทคโนโลยีการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล 18.5% และการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย 15.5%
  • ภาษาที่ใช้ในการพัฒนาระบบ IoT อันดังหนึ่งคือ Java 66.5% ตามมาด้วย C 56.9%, JavaScript 47.1%, Python 46% และ C++ 45.7%
  • IoT Database ที่ถูกใช้งานอันดับหนึ่งคือ MySQL 44.6% ตามมาด้วย MongoDB 29.8%, InfluxDB 15.7%
  • ข้อมูลแบบ Time Series ถูกรวบรวมจัดเก็บมากเป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วยข้อมูล Device Information และ Log
  • ระบบ IoT Platform ถูกพัฒนาเพื่อรองรับการทำ Home Automation เป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วย Industrial Automation, Smart City, Energy Management และการเกษตร
  • OS ที่ใช้ในระบบ IoT สูงสุดได้แก่ Raspbian, Ubuntu และ Debian โดย Linux มีสัดส่วนนับเป็น 71.8% ของทั้งหมด

 

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถศึกษารายงานฉบับเต็มได้ดังนี้

 

ที่มา: https://www.zdnet.com/article/developers-favoring-aws-microsoft-azure-for-cloud-iot-platforms/

from:https://www.techtalkthai.com/researcher-says-aws-and-microsoft-azure-are-iot-cloud-leaders/

Satya Nadella: Cloud อัจฉริยะสำหรับทุกธุรกิจ และการจับมือกับ GE ให้บริการ IoT Cloud #Microsoft #WPC16

ในงาน Microsoft Worldwide Partner Conferrence 2016 (#WPC16) นี้ Satya Nadella ได้เล่าถึงอีกหนึ่งแนวทางของ Microsoft ในการช่วยเหลือธุรกิจทั่วโลกเพื่อก้าวไปสู่การทำ Digital Transformation ในแง่มุมของการ Build หรือการสร้างระบบ Cloud อัจฉริยะเพื่อตอบสนองต่อความต้องการเชิงธุรกิจขององค์กรทั่วโลก ให้ทุกๆ องค์กรเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็น Digital Business พร้อมทั้งเปิดเผยความร่วมมือกับ GE บริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการการผลิตที่ทุกวันนี้ได้เปลี่ยนธุรกิจของตนเองเป็น Digital แล้วด้วยการเปิดตัวระบบ Predix – Platform-as-a-Service สำหรับการสร้าง IoT Application บน Microsoft Azure และทางทีมงาน TechTalkThai ที่ร่วมอยู่ในงานด้วยก็ขอสรุปเนื้อหาเอาไว้ดังนี้ครับ

microsoft_wpc16_with_ge_jeff_immelt
Jeff Immelt ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO/Chairman แห่ง GE นั่งพูดคุยกับ Satya Nadella ท่ามกลางผู้คนในงาน Microsoft WPC16 กว่า 16,000 คน

 

Build the Intelligent Cloud Platform: ให้ Cloud เป็นทางออกของทุกการทำ Digital Transformation

Satya Nadella ได้เปิดเผยว่า Microsoft นั้นได้ทำการพัฒนาระบบ Cloud ที่มีคุณสมบัติ 4 ประการ ได้แก่ Scale, Hybrid, Trusted และ Productive เพื่อให้องค์กรต่างๆ สามารถนไปต่อยอดพัฒนาเทคโนโลยีทางด้าน Mobile, Web, Internet of Things (IoT), Software-as-a-Service (SaaS) และ Big Data ได้อย่างครบถ้วน โดยเทคโนโลยีต่างๆ ที่ Microsoft ได้ผลักดันออกมานั้นก็เพื่อตอบโจทย์เหล่านี้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น Microsoft Azure CloudStack ที่จะช่วยให้องค์กรสามารถสร้าง Hybrid Cloud ได้ง่ายขึ้นสำหรับตอบรับกับ Infrastructure ให้แก่ Application ในอนาคต หรือ Visual Studio ที่ถูกพัฒนามาเพื่อให้องค์กรต่างๆ สามารถสร้าง Technology และ Application ของตนเองได้อย่างง่ายดายที่สุด

Satya Nadella มองว่าท้ายที่สุดแล้ว ทุกๆ ธุรกิจบนโลกนี้จะต้องกลายเป็นธุรกิจ Digital ทั้งหมด เพื่อให้ตอบโจทย์ต่อความต้องการของลูกค้าในทุกวันนี้ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา และสามารถแข่งขันกับธุรกิจอื่นๆ บนโลกนี้ได้ และเพื่อให้การนี้ลุล่วงไปได้ด้วยดี ระบบ Cloud นั้นก็คือ Infrastructure ที่เหมาะสมที่สุดต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของธุรกิจทั่วโลกในครั้งนี้ที่ต้องการทั้งความเร็ว, ความยืดหยุ่น, ความทนทาน และความปลอดภัย

 

GE กับการเปลี่ยนธุรกิจการผลิตให้กลายเป็น Digital Business

ในระหว่าง Session ทาง Satya Nadella ได้เชิญคุณ Jeff Immelt ผู้ดำรงตำแหน่ง Chairman/CEO แห่ง GE ขึ้นมาเล่าถึงประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงบริษัท GE จากการเป็นผู้ผลิตสู่การเป็นธุรกิจ Digital Business อย่างเต็มตัวในครั้งนี้ เพื่อให้ GE ยังคงตอบสนองต่อความต้องการของทั้งลูกค้าและ Partner รายต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง การนำข้อมูลปริมาณมหาศาลที่มีอยู่ภายในองค์กรมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการทำธุรกิจ และเปลี่ยนแปลงกระบวนการการทำงานภายในองค์กรทั้งหมดในทุกระดับไป โดยได้รับความร่วมมือจากทีมงานของ Microsoft เป็นอย่างดี

Jeff Immelt ให้แสดงความเห็นเอาไว้ว่า Internet นั้นได้เข้ามามีบทบาทต่อธุรกิจการผลิตเป็นอย่างมาก เพราะทำให้สาขาต่างๆ ขององค์กรสามารถเชื่อมถึงกันได้ และทำให้เกิดโอกาสใหม่ๆ ขึ้นมามากมาย ซึ่งในจังหวะนี้การมาของ Cloud ก็เป็นอีกตัวเร่งที่ช่วยให้ธุรกิจการผลิตขนาดใหญ่ระดับโลกอย่าง GE นั้นเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว

การมาของ Cloud นี้มีบทบาทเป็นอย่างมากต่อธุรกิจข้ามชาติอย่าง GE เพราะนอกจากจะช่วยให้การทำงานของพนักงานภายในองค์กรสะดวกขึ้นและเข้าถึงได้จากทุกที่แล้ว การตัดสินใจเพิ่มขยายธุรกิจด้วยการเปิดสาขาใหม่ๆ หรือเปลี่ยนแปลงปรับปรุงสาขาเก่าๆ นั้นก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย อีกทั้งการปรับแต่งระบบของทาง GE บน Cloud ให้การเรียกใช้งานจากแต่ละประเทศให้มีความแตกต่างกันตามข้อกำหนดทางกฎหมายหรือการตลาดในแต่ละประเทศได้อย่างคล่องตัวนั้น ก็เป็นอีกประเด็นที่สำคัญเช่นกัน

 

ธุรกิจที่ Outsource การพัฒนาเทคโนโลยีหรือความรู้ทางด้าน IT จะตายไปจากตลาด

Jeff Immelt ได้แนะนำว่าสุดท้ายแล้วทุกๆ ธุรกิจการผลิตนั้นก็จะต้องมีการปรับตัวให้กลายเป็นธุรกิจ Digital ให้ได้ และเทรนด์ที่เคยได้รับความนิยมสูงอย่างการทำ Outsource ทางด้านระบบ IT ทั้งหมดนั้นก็อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีอีกต่อไป เพราะในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจให้เป็น Digital Business หรือการทำ Digital Transformation นั้น หัวใจคือองค์ความรู้เฉพาะทางและเทคโนโลยีบนระบบ IT ขององค์กรเองที่แต่ละองค์กรจะต้องพัฒนาขึ้นมาให้ตอบโจทย์ต่อตลาดที่ตนเองถนัด เพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งรายอื่นๆ และยังคงชนะใจของลูกค้าเอาไว้ให้ได้ อีกทั้งยังทิ้งท้ายเอาไว้ว่า ผู้ชนะในวงการนี้คือผู้ที่สามารถปรับตัวไปสู่การเป็น Digital Business ให้ได้เร็วที่สุด

 

Microsoft จับมือ GE ให้บริการ IoT บน Cloud แบบครบวงจร

ในเวลาเดียวกัน Satya Nadella และ Jeff Immelt ก็ได้ประกาศความร่วมมือกันในการให้บริการระบบ Predix ของ GE บน Microsoft Azure โดย Predix นี้เป็นบริการ Platform-as-a-Service สำหรับการใช้งานร่วมกับระบบ IoT ภายในโรงงานโดยเฉพาะที่เหล่านักพัฒนาสามารถเข้ามาปรับแต่งการบริหารจัดการทรัพยากรต่างๆ ภายในโรงงานและการตรวจจับเหตุการณ์ผิดปกติต่างๆ ได้ด้วยตนเอง เพื่อให้ธุรกิจโรงงานและการผลิตทั่วโลกสามารถใช้งาน IoT ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ Microsoft และ GE ก็มีแผนในอนาคตสำหรับ Predix มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการผสานระบบนี้เข้ากับ Microsoft Azure IoT Suite, Microsoft Cortana Analytics Suite, Dynamics 365, Office 365 และ Power BI ต่อไป

 

Cortana Intelligent Suite: บริการ Cognitive สำหรับธุรกิจองค์กรจาก Microsoft

อีกหนึ่งสิ่งที่จะอยู่บน Intelligent Cloud Platform ของ Microsoft เพื่อให้เหล่าธุรกิจองค์กรได้ทำ Digital Transformation อย่างเต็มตัวก็คือ Cortana ที่สามารถเรียนรู้และวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ทั้งภาพ, คำพูด, ข้อความ และองค์ความรู้ต่างๆ ได้โดยอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยีที่ Microsoft พัฒนาต่อเนื่องยาวนานมากว่า 10 ปีนั่นเอง

ตัวอย่างหนึ่งที่ Satya Nadella ยกขึ้นมาให้เห็นภาพนั้นก็คือ McDonald ที่มีบริการ Drive Through ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีประสิทธิภาพมากนักเพราะการใช้คนจับใจความคำสั่งซื้อของลูกค้าแต่ละรายนั้นมีความผิดพลาดได้ง่าย การใช้ Cortana มาทำงานประมวลผลในการฟังคำสั่งซื้อเหล่านี้แทนจะช่วยให้ความผิดพลาดน้อยลง, เวลาที่ใช้ในการขายลดลง และช่วยลดต้นทุนของธุรกิจลงได้ ซึ่งนี่ก็จะเป็นภาพในอนาคตของธุรกิจที่ Microsoft ต้องการจะไปให้ถึง

from:https://www.techtalkthai.com/satya-nadella-on-building-intelligent-cloud-platform-and-partnership-with-ge-predix-for-iot-cloud/

Amazon เปิดตัว AWS IoT beta รองรับการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณมหาศาลจาก Internet of Things

amazon_aws_logo_h50

เพื่อตอบรับการมาของตลาด Internet of Things ที่มีแนวโน้มจะเติบโตอย่างรวดเร็ว Amazon จึงได้ทำการเปิดตัว AWS IoT beta เพื่อให้อุปกรณ์ Internet of Things ทั้งหมดสามารถส่งข้อมูลมายัง Cloud ของ Amazon AWS ได้อย่างปลอดภัยและง่ายดาย พร้อมทั้งนำข้อมูลเหล่านั้นไปจัดเก็บและทำการวิเคราะห์ต่อด้วยเครื่องมือต่างๆ ของ Amazon AWS ไม่ว่าจะเป็น AWS Lambda, Amazon Kinesis, Amazon S3, Amazon Machine Learning และ Amazon DynamoDB

amazon_aws_iot

ทั้งนี้ Amazon AWS IoT beta นี้จะรองรับการรับข้อมูลจากอุปกรณ์ IoT หรือ Sensor ได้ผ่านทาง HTTP, MQTT และโปรโตคอลอื่นๆ ได้ตามต้องการ พร้อมมีระบบสำหรับการยืนยันตัวตนระหว่าง Sensor และ Cloud ทำให้มั่นใจได้ในตัวตนของอุปกรณ์เหล่านั้น รวมถึงยังมีระบบรองรับสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนา Application เข้าไปควบคุมอุปกรณ์ IoT หรือ Sensor เหล่านั้นให้ปลอดภัยได้ด้วยการเข้ารหัส, การยืนยันตัวตน และการกำหนดสิทธิ์ของผู้ใช้งาน

amazon_aws_iot_authentication

ในแง่การประมวลผล Amazon AWS ได้ทำการปรับปรุง AWS Lambda, Amazon Kinesis, Amazon S3, Amazon Machine Learning และ Amazon DynamoDB ให้รองรับการทำงานในระบบ IoT ได้ดีขึ้น โดยสามารถกำหนดกฎและเงื่อนไขต่างๆ จากข้อมูลที่ได้รับ และการประมวลผลข้อมูลที่มีอยู่ เพื่อส่งข้อมูลกลับไปแสดงผลหรือควบคุมอุปกรณ์ IoT หรือ Sensor ที่มีอยู่ได้ พร้อมทั้งยังมีการจัดเก็บข้อมูลล่าสุดที่อ่านได้จากอุปกรณ์เหล่านั้นอยู่ตลอด สำหรับใช้แสดงผลใน Application ต่างๆ ได้เสมือนว่าอุปกรณ์เหล่านั้น Online พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา

amazon_aws_iot_calculation

สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติม สามารถศึกษาได้ทันทีที่ https://aws.amazon.com/iot/

ที่มา: https://aws.amazon.com/about-aws/whats-new/2015/10/announcing-aws-iot-now-in-beta/

from:https://www.techtalkthai.com/amazon-announced-aws-iot-beta/

[PR] ไอบีเอ็มเปิดคลังความรู้อินเตอร์เน็ตออฟธิงส์ให้นักพัฒนาใช้ประโยชน์

กรุงเทพฯ —  3 ส.ค. 2558: ไอบีเอ็มเปิดตัวคอมมิวนิตี้ IBM developerWorks Recipes ที่ได้รับการออกแบบเพื่อช่วยให้นักพัฒนาตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนถึงขั้นมีประสบการณ์ สามารถเรียนรู้วิธีการเชื่อมต่ออุปกรณ์อินเตอร์เน็ตออฟธิงส์ (Internet of Things: IoT) เข้ากับคลาวด์ รวมทั้งใช้ประโยชน์จากข้อมูลจากอุปกรณ์มากมายที่เชื่อมต่อกันได้ 

IBM-Launches-New-Internet-of-Things-Community-for-Developers

 

แทนที่จะต้องเริ่มต้นจากศูนย์หรือเสียเวลาไปกับการลองผิดลองถูก นักพัฒนาสามารถใช้ประโยชน์จากบทเรียนเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตออฟธิงส์ที่มีอยู่จำนวนมากในคอมมิวนิตี้นี้ ครอบคลุมถึงขั้นตอนโดยละเอียดในการผสานอนาไลติกส์ขั้นสูงและความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตัวเองของเทคโนโลยีคอมพิวติ้ง (machine learning) เข้ากับอุปกรณ์อินเตอร์เน็ตออฟธิงส์และแอพพลิเคชันต่างๆ อาทิ

  • การพัฒนาแอพที่สามารถรับรู้สมรรถนะของยานพาหนะ โดยวิเคราะห์ข้อมูลขณะขับเคลื่อน (On-Board Diagnostic system)
  • การเชื่อมโยงข้อมูลสภาพการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ แบบเรียลไทม์ เข้ากับระบบบริหารจัดการสินทรัพย์ เพื่อมอนิเตอร์อุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือด้านสุขภาพ อุปกรณ์สมาร์ทโฮม หรือแม้แต่ชิ้นส่วนกลไกต่างๆ ของรถไฟ
  • ความสามารถในการดูเทรนด์การทำงานจากข้อมูลย้อนหลังและข้อมูลเรียลไทม์ที่ได้จากอุปกรณ์อินเตอร์เน็ตออฟธิงส์ต่างๆ พร้อมแนวทางการแก้ปัญหาที่มักเจอบ่อยๆ

IBM_Internet-of-Things

ทั้งนี้ การ์ทเนอร์ คาดการณ์ว่าในปี 2558 จะมีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกันถึง 4.9 พันล้านชิ้น เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ และจะมีอุปกรณ์ถึง 2.5 หมื่นล้านชิ้นที่เชื่อมต่อกันในปี 2563

เมื่อปีที่ผ่านมา ไอบีเอ็มลงทุน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐในการพัฒนาแพลตฟอร์มคลาวด์ไอบีเอ็มบลูมิกซ์ (IBM Bluemix) ที่เอื้อให้นักพัฒนาสามารถสร้างสรรค์และเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อินเตอร์เน็ตออฟธิงส์ โดยปัจจุบันมีบริการและเครื่องมือแบบโอเพ่นซอร์สกว่า 100 รายการที่เปิดให้ใช้ ครอบคลุมถึงระบบจัดเก็บข้อมูล เครื่องมืออนาไลติกส์สำหรับการสร้างแบบจำลองเพื่อการพยากรณ์ เครื่องมืออนาไลติกส์สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลภูมิสารสนเทศเชิงพื้นที่ และเครื่องมือต่างๆ สำหรับอินเตอร์เน็ตออฟธิงส์

เกี่ยวกับ IBM developerWorks Recipes: https://developer.ibm.com/recipes/

from:https://www.techtalkthai.com/ibm-developerwork-recipe-internet-of-thing/

จับตามอง Samsara: Startup เกิดใหม่จากทีมงาน Meraki มุ่งตอบโจทย์ Internet of Things ด้วย Sensor นวัตกรรมใหม่

samsara-logo

หลังจากที่ Meraki บริษัทผลิต Cloud Networking สำหรับองค์กรชั้นนำได้ถูก Cisco เข้าซื้อกิจการไปที่มูลค่า 1,200 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 36,000 ล้านบาทไทย ทีมงานผู้บริหารของ Meraki ก็ทำงานให้กับ Cisco จนมาถึงเมื่อต้นปีนี้ที่มีการลาออกมาตั้ง Startup ใหม่กันยกทีมภายใต้ชื่อ Samsara (https://www.samsara.com/) โดยมุ่งหวังที่จะสร้างเทคโนโลยีและ Platform สำหรับ Sensor เพื่อให้การนำแนวคิดของ Internet of Things ไปใช้จริงได้ง่ายและเกิดประโยชน์สูงสุด

samsara-bg

ในการแข่งขันครั้งนี้ Samsara ไม่ได้มองบริษัทผู้ผลิตระบบเครือข่ายสำหรับองค์กรและ Service Provider เป็นคู่แข่งอีกต่อไป แต่ไปจับตามองบริษัทที่ทำการผลิต Sensor สำหรับการใช้งานในโรงงานอย่าง Morristown, Honeywell และ Johnson Control เป็นคู่แข่งแทน และมองบริษัทผู้ผลิตระบบเครือข่ายว่าจะเป็นผู้ที่กระโดดเข้ามามีส่วนแบ่งในตลาด Sensors เหล่านี้ด้วยเทรนด์ของ Internet of Things

ปัจจุบันนี้ Samsara ได้รับการลงทุนจาก Andreessen Horowitz แล้ว 25 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ 750 ล้านบาทไทย โดยมุ่งผลิตระบบที่ทำงานร่วมกันระหว่าง Hardware Sensor, ระบบเครือข่าย และบริการ Cloud เพื่อสร้างเป็นระบบ Sensor ที่สามารถติดตั้งใช้งานได้ง่าย และนำ Sensor มาสร้างสรรค์การใช้งานรูปแบบใหม่ๆ อย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน โดยใช้สถาปัตยกรรมการทำงานร่วมกันระหว่าง Sensor Hardware กับ Cloud หรือเรียกง่ายๆ ว่าทีมงานของ Samsara นี้ต้องการสร้าง Meraki สำหรับเทคโนโลยี Sensor ให้วงการ Internet of Things นั่นเอง

ผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกของ Samsara จะเปิดตัวในอีก 1 หรือ 2 เดือนข้างหน้านี้ และก็เป็นสิ่งที่ถูกจับตามองจากทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Partner ของ Cisco ที่เคยสัมผัสนวัตกรรมของ Meraki มาก่อน ซึ่งมีความมั่นใจเป็นอย่างมากว่าผลิตภัณฑ์จะต้องออกมาน่าสนใจมากๆ อย่างแน่นอน

ที่มา: http://www.crn.com/news/networking/300076875/cisco-partners-take-notice-as-meraki-founders-launch-iot-startup.htm 

from:https://www.techtalkthai.com/samsara-a-startup-company-formed-by-ex-meraki-for-sensor-and-iot/