คลังเก็บป้ายกำกับ: IBEACONS

อะโดบี ปรับปรุง “โมบายล์มาร์เก็ตติ้ง” และพัฒนา “โมบายล์แอพฯ” ครั้งใหญ่ [Official News]

adobe_logo

จับมือกับผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นชั้นนำหลายราย สร้างกระบวนการใหม่ๆ  ในการพัฒนา และบริหารจัดการโมบายล์แอพฯ “แบบครบวงจร”

กรุงเทพฯ, 11 มีนาคม 2558 – ในงาน Adobe Summit ซึ่งเป็นงานสัมมนาประจำปีด้าน Digital Marketing ของอะโดบีที่จัดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา ทางบริษัทอะโดบี (Nasdaq: ADBE) ประกาศการปรับปรุงครั้งยิ่งใหญ่ด้าน “โมบายล์เซอร์วิส” ของอะโดบีที่ได้รวมเอา framework สำหรับการพัฒนาและจัดการโมบายล์แอพฯ ไว้อย่างครบวงจร โดยโมบายล์เซอร์วิสของอะโดบีในที่นี้เป็นหนึ่งใน Core Service ของ Adobe Marketing Cloud ที่จะช่วยให้การบริหารจัดการ lifecycle ของโมบายล์แอพฯ ทั้งหมดกลายเป็นเรื่องง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาโมบายล์แอพฯการสร้างฐานผู้ใช้งานใหม่ๆ ให้แก่ โมบายล์แอพฯ, ระบบวิเคราะห์การใช้งานของผู้ใช้งานโมบายล์แอพฯ และการสร้างความผูกพันกับผู้ใช้งานของโมบายล์แอพฯ ซึ่ง โมบายล์เซอร์วิสนี้ถือเป็นโซลูชันที่มีความสมบูรณ์ที่สุดในวงการ และยังเป็นโซลูชันแรกที่ถูกออกแบบมาเพื่อมุ่งเน้นการแก้ปัญหาของนักการตลาดที่เคยต้องใช้งานโซลูชันที่หลากหลายซึ่งไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ ด้วยการนำเสนอโซลูชันที่รวมเอาทั้งการพัฒนาและการบริหารจัดการโมบายล์แอพฯ เอาไว้ภายในโซลูชันเดียว ซึ่งในเวลาเดียวกันนี้ ทางอะโดบียังได้ประกาศรายชื่อของพาร์ทเนอร์ที่เป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีสำหรับ โมบายล์แอพฯ ชั้นนำ ที่จะนำเครื่องมือใหม่ๆ มาใช้งานร่วมกันใน framework สำหรับการพัฒนาและบริหารจัดการ โมบายล์แอพฯ นี้อีกถึง 6 ราย

adobe_bg-mobile-services-overview-diagram-940x364

“ข้อมูลจาก Adobe Digital Index data ได้แสดงให้เห็นถึงการทำลายสถิติครั้งใหม่ในการใช้งานอุปกรณ์พกพา แต่ในขณะเดียวกัน การสร้างประสบการณ์การใช้งานโมบายล์แอพฯ ที่ดีก็ยังคงเป็นปริศนาสำหรับนักการตลาดหลายราย” มร. แมท อะเซย์, รองประธานกรรมการด้านกลยุทธ์โมบายล์ของอะโดบี กล่าว “เหล่านักการตลาดต้องวุ่นวายกับการทำความคุ้นเคยในการใช้งาน mobile tools ต่างๆ สำหรับการแก้ปัญหาเฉพาะทางในแต่ละเรื่อง  แต่ด้วย “โมบายล์เซอร์วิส” ของอะโดบี เราจะทำให้งานทั้งหมดนี้กลายเป็นกระบวนการที่ง่ายมากขึ้น และทำให้นักการตลาดสามารถสร้างและใช้ประโยชน์จากแอพฯ ของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย”

Framework ของ โมบายล์แอพฯในโมบายล์เซอร์วิสของอะโดบีนี้ จะรวบรวมเอาเทคโนโลยีสำหรับการพัฒนาและปรับปรุงโมบายล์แอพฯ จาก Adobe Marketing Cloud เอาไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Adobe Experience Manager Apps, AdobePhoneGap Enteprise, Adobe Analytics – Mobile Apps และ Adobe Target ในขณะเดียวกันการทำงานร่วมกันกับเครื่องมือสำหรับการพัฒนาและจัดการโมบายล์แอพฯ จากพาร์ทเนอร์ก็จะช่วยให้การบริหารจัดการ lifecycle ของโมบายล์แอพฯ เป็นไปได้อย่างยืดหยุ่นและครบวงจรสูงสุด ดังนี้:

  • การพัฒนาโมบายล์แอพฯ: ด้วย Adobe Experience Manager Apps และ Adobe PhoneGap Enterprise องค์กรต่างๆ จะสามารถสร้างโมบายล์แอพฯ ที่ทำงานได้บนอุปกรณ์พกพาทุกๆ แพลตฟอร์มผ่านการใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาเว็บไซต์ซึ่งได้แก่ HTML, CSS และ Javascript  โดยโมบายล์แอพฯ ที่ถูกสร้างขึ้นนี้จะสามารถทำงานร่วมกับ Adobe Experience Manager เพื่อให้สามารถทำการบริหารจัดการการแสดงผลเนื้อหาต่างๆ ภายในโมบายล์แอพฯ ได้ถูกต้องตรงกัน โดยไม่ต้องกังวลถึง App Stores ที่มีหลายแห่ง, ระบบปฏิบัติการต่างๆ จำนวนมาก และขนาดของอุปกรณ์ที่หลากหลายอีกต่อไป ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น Adobe Experience Manager Apps ยังช่วยให้เหล่านักการตลาดสามารถสร้างความผูกพันให้กับผู้ใช้งานโมบายล์แอพฯ เหล่านั้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากที่โมบายล์แอพฯ เหล่านั้นเปิดตัวให้สามารถดาวน์โหลดไปใช้งานได้แล้ว ทีมการตลาดและทีมธุรกิจจะสามารถทำการอัพเดตทั้งเนื้อหาและความสามารถในการทำงานของโมบายล์แอพฯ ทั้งหมดนั้น แล้วทำการอัพเดตไปยังอุปกรณ์ต่างๆ ที่ติดตั้งโมบายล์แอพฯ นั้นๆ ได้ทันทีโดยไม่ต้องอาศัยนักพัฒนาโมบายล์แอพฯ อีกต่อไป ในขณะที่นักพัฒนาโมบายล์แอพฯ เองก็ยังคงสามารถออกแบบและพัฒนาโมบายล์แอพฯ ให้มีความสวยงามเพิ่มขึ้นได้ผ่านการเรียกใช้งาน Ionic ซึ่งเป็น framework สำหรับการพัฒนา HTML5 นั่นเอง
  • การสร้างฐานผู้ใช้งานโมบายล์แอพฯ (User Acquisition): การเป็นพันธมิตรกันระหว่างอะโดบี กับ Fiksu ที่ช่วยเสริมความสามารถให้กับ Adobe Analytics นั้น ทำให้องค์กรต่างๆ มีหนทางในการสร้างฐานผู้ใช้งานใหม่ๆ ให้กับโมบายล์แอพฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น  โดยระบบจะทำการสร้างและติดตาม brand awareness ผ่านทางสื่อโฆษณา, การค้นหาโมบายล์แอพฯ, การติดตั้งโมบายล์แอพฯ และอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมทั้งความสามารถในการทำ A/B testing บน Adobe Target ก็จะช่วยให้นักการตลาดสามารถปรับปรุงเนื้อหาให้ตรงกลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้นโดยสามารถทำการจำแนกกลุ่มของผู้ใช้งานตามเงื่อนไขต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์พกพา เช่น ประเภทของอุปกรณ์ และระบบปฏิบัติการ และด้วยความสามารถในการทำงานร่วมกันกับโซลูชันของ Kochava ก็จะทำให้แบรนด์ต่างๆ ได้รับรู้ว่าการโฆษณาทางสื่อใดสามารถสร้าง Conversion ได้บ้าง และการโฆษณาบนอุปกรณ์พกพาที่ลงทุนไปมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด
  • ระบบวิเคราะห์การใช้งานโมบายล์แอพฯ (App Analytics): ด้วย Adobe Analytics-Mobile Apps นักการตลาดทั้งหลายจะได้รับรู้พฤติกรรมการใช้งานโมบายล์แอพฯ จริงๆ ของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นความถี่ในการเข้าใช้งานโมบายล์แอพฯ ของผู้ใช้งาน, ผู้ใช้งานเข้าใช้งานหน้าจอใดในโมบายล์แอพฯ บ้าง, ผู้ใช้งานคลิกที่ URL ใดจนนำมาสู่การดาวน์โหลด และใช้งานโมบายล์แอพฯ ได้สำเร็จ และอื่นๆ อีกมากมาย โดยถ้าหากทำการพัฒนาโมบายล์แอพฯ โดยการฝัง Mobile SDK ของอะโดบีเข้าไปด้วย ก็จะช่วยให้โมบายล์แอพฯ เหล่านั้นมีความสามารถในการปรับเปลี่ยนประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้งานได้ทันที และสามารถส่ง in-app message ไปยังผู้ใช้งานได้โดยตรง  ทั้งนี้ด้วยการทำงานร่วมกันกับโซลูชันในการบริหารจัดการประสิทธิภาพของแอพฯ จาก Crittercism องค์กรต่างๆ ก็จะได้รับข้อมูลที่มีละเอียดเพิ่มเติมไปจากรายงานการเกิด crash แบบทั่วๆ ไป และทำให้เข้าใจความผิดพลาดและการกระทำที่เกิดขึ้นได้ในเชิงลึก  นอกจากนี้ การทำงานร่วมกันระหว่างอะโดบี กับระบบ App Store Analytics จาก appFigure ก็ยังช่วยให้แบรนด์สามารถรวบรวมและแสดงผลข้อมูลของเหตุการณ์ต่างๆ ได้โดยอัตโนมัติ เช่น ยอดขายและยอดดาวน์โหลดของโมบายล์แอพฯ, ลำดับที่ของโมบายล์แอพฯ ใน app store และอื่นๆ อีกมากมาย
  • การสร้างความผูกพันกับผู้ใช้งานโมบายล์แอพฯ (User Engagement): การสนับสนุนการใช้งาน GPS และ iBeacons แบบ native ภายใน Adobe Analytics นี้ จะช่วยให้ผู้ใช้งานโมบายล์แอพฯ ได้รับเนื้อหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์อย่างแม่นยำทันทีที่แบรนด์เข้าถึงผู้ใช้งาน โดยการเป็นพันธมิตรกับ Vibes ได้ช่วยเพิ่มเครื่องมือต่างๆ สำหรับการสร้างความผูกพันกับผู้ใช้งาน และส่งมอบประสบการณ์ในการใช้งานหรือโปรโมชั่นที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์และสภาพแวดล้อมรอบด้านไปยังผู้ใช้งาน  รวมถึงการทำงานร่วมกันระหว่างความสามารถในการจัดการ Mobile Wallet ของ Vibes กับ Adobe Campaign ก็ทำให้แบรนด์สามารถสร้าง “บัตรผ่าน” พิเศษที่สามารถจัดเก็บและใช้งานได้จาก Apple Passbooks และ Google Wallet สำหรับผู้ใช้งานแต่ละรายได้ ทำให้นักการตลาดสามารถสร้างบัตรผ่านแบบติจิตอลสำหรับดึงดูดผู้ใช้งาน โมบายล์แอพฯ แทนคูปองกระดาษ, ใบราคาเสนอขาย และบัตรผ่านแบบเดิมๆ ได้ทันที

 

เกี่ยวกับ Adobe Marketing Cloud

Adobe Marketing Cloud ช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถใช้ข้อมูลบิ๊กดาต้า เพื่อเข้าถึงและดึงดูดลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการนำเสนอคอนเทนต์ด้านการตลาดที่ปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละบุคคลหรือกลุ่มเป้าหมายผ่านอุปกรณ์และช่องทางดิจิตอลที่หลากหลาย  โซลูชั่นที่ผนวกรวมเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน 8 โซลูชั่นช่วยให้นักการตลาดมีชุดเทคโนโลยีการตลาดที่ครบถ้วนสมบูรณ์ มุ่งเน้นการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก การจัดการประสบการณ์ผ่านเว็บและแอพ การทดสอบ และการเจาะกลุ่มเป้าหมาย การโฆษณา Social Engagement และการผสมผสานแคมเปญต่างๆ การเชื่อมโยงกับ Adobe Creative Cloud ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน Creative Assets ผ่านทุกช่องทางด้านการตลาด  หลายพันแบรนด์ทั่วโลกรวมถึงสองในสามของบริษัทระดับชั้นนำที่ติดอันดับ Fortune 50 ใช้ Adobe Marketing Cloud ในการทำธุรกรรมผ่านโมบายล์กว่า 2.5 ล้านล้านรายการต่อปี

 

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง

 

เกี่ยวกับ บริษัท อะโดบี ซิสเต็มส์ อินคอร์เปอเรทเต็ด

อะโดบีเปลี่ยนโลกใบนี้ด้วยประสบการณ์ดิจิตอล สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ http://www.adobe.com/sea

 

กลุ่มผู้ใช้ผลิตภัณฑ์อะโดบีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถติดต่อกับทีมงานของอะโดบีและบุคลากรด้านครีเอทีฟผ่าน Facebook ได้โดยตรง เพื่อรับทราบข่าวคราวความเคลื่อนไหว ข้อมูลอัพเดต และโปรโมชั่นได้ที่ http://facebook.com/AdobeSEA

from:https://www.techtalkthai.com/adobe-streamlines-mobile-marketing-and-mobile-app-development/

GranataPet ผู้ผลิตอาหารสุนัข ส่งเสริมให้เจ้าตูบออกกำลังด้วยเทคโนโลยี iBeacon

จากที่มีการพูดถึงเทคโนโลยีเบคอนกันเป็นจำนวนมาก หรือชื่อทางการตลาดจาก Apple คือ iBeacon ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้สื่อสารกันด้วย Bluetooth 4.0 ทำให้อุปกรณ์สมาร์ทโฟนที่รองรับเทคโนโลยีนี้สามารถระบุตำแหน่งได้แถมยังสามารถส่งข้อมูลได้อีกด้วย ซึ่งมีธุรกิจหัวใสนำเทคโนโลยีนี้ไปประยุกต์ใช้กับร้านค้า ยกตัวอย่างเช่น เวลาลูกค้าเดินผ่านหน้าร้านที่วาง Beacon เอาไว้ สมาร์ทโฟนของลูกค้าที่รองรับเทคโนโลยีจะแสดงโปรโมชั่นหรือส่วนลดต่างๆ ของร้านค้า ช่วยดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามาในร้านได้อย่างง่ายดาย โดยที่ร้านไม่ต้องลงทุนโฆษณาโปรโมทอะไรมากมาย

GranataPet

คราวนี้ GranataPet บริษัทอาหารสุนัขจากประเทศเยอรมัน เอาใจเจ้าของสุนัขโดยการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ด้วยเช่นกัน โดยการใช้ iBeacon มาสร้างเกมกลางแจ้งสำหรับสุนัข ส่งเสริมให้สุนัขออกกำลังกายก่อนที่จะได้รับอาหารมื้อพิเศษจากทาง GranataPet เป็นรางวัล จะเป็นอย่างไรนั้นท่านผู้อ่านสามารถรับชมคลิปวิดีโอจากด้านล่างได้เลย

//player.vimeo.com/video/93651786?title=0&byline=0&portrait=0

เพราะสุนัขเป็นเพื่อนที่ดีของมนุษย์ การให้มันออกกำลังเพื่อให้มีสุขภาพดีก็เป็นเรื่องที่เจ้าของเต็มใจอยู่แล้ว และ GranataPet ก็ได้ส่งเสริมทัศนคติที่ดีนี้โดยการวางเครื่องที่เรียกว่า SnackBall โดยใช้เจ้าของทำการเช็คอิน และติด Hashtag คำว่า “#SnackBall” เครื่อง SnackBall ที่อยู่ด้านหน้าคุณก็จะทำงานโดยโยนลูกเบสบอลออกมาให้สุนัขของคุณวิ่งไปคาบ หากวิ่งกลับมาใส่ลูกบอลที่เครื่องได้ทันเวลา ถาดอาหารก็จะถูกดันออกมาโดยอัตโนมัติ เพื่อเป็นรางวัลแก่สุนัขของคุณ

ดูเหมือนว่าสุนัขบางตัวในช่วงท้ายของคลิปโฆษณาจะขี้เกียจออกกำลังกายไปหน่อย เพราะเอาแต่นั่งรอคอยอาหารอย่างเดียว แต่ก็นับเป็นแคมเปญสนุกๆ จากทางแบรนด์โดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเบคอนกับการโปรโมตสินค้า ที่สามารถดึงดูดผู้คนให้เข้ามาสนใจได้เป็นอย่างดี

ที่มา : digitalbuzzblog

from:http://thumbsup.in.th/2014/05/granatapet-snackball-ibeacon-fitness-for-dogs/

iBeacons: ความเป็นมา, คู่แข่ง และการนำไปใช้งาน

ในงาน WWDC 2013 มีคำศัพท์ที่ปรากฏใน Keynote หลักคำหนึ่งนั่นคือ iBeacons ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ใน iOS 7 แต่จนถึงทุกวันนี้เราอาจจะสงสัยว่ามันหลบอยู่ตรงส่วนใดของอุปกรณ์ iOS เวลาผ่านไปกว่าครึ่งปี คำนี้ปรากฏขึ้นอีกครั้งในข่าวการเปิดตัวร้านค้ารวมถึงสิทธิบัตรต่าง ๆ เรามาทำความรู้จักกับมันให้มากขึ้น ไม่แน่ว่ามันอาจจะอยู่ใกล้ตัวเรากว่าที่คิดก็เป็นได้

 

ลองนึกภาพการเดินชมในบางพิพิธภัณฑ์ที่เราจะได้รับแจก PDA มาเพื่อฟังคำบรรยายเสียงเมื่อเดินไปถึงสิ่งที่แสดง ด้วยเทคโนโลยีในอดีต จะเห็นว่านี่เป็นการลงทุนที่ค่อนข้างแพงหากจะนำมาใช้งานในร้านค้า แต่ด้วยยุคสมัยที่ปัจจุบันโทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ต้นทุนของการใช้งานลักษณะนี้จึงถูกลงมากเหลือแค่ระบบจัดการหลังบ้านและการพัฒนาแอปซึ่ง iBeacons นี้ก็เป็นวิธีหนึ่งที่แอปเปิ้ลนำมาใช้ต่อกรกับคู่แข่งทางฝั่ง Android

ความเป็นมา

จากเอกสารของแอเปิ้ล (ภาษาไทย) ได้ระบุว่า iBeacons คือส่วนเสริมของบริการหาที่ตั้ง ที่จะ “เตือนแอปต่าง ๆ” เมื่อ “ถึงหรือออกจากตำแหน่งที่ตั้งอุปกรณ์ iBeacon” จากคำที่เน้นในข้อความนี้ จะเห็นภาพว่า ผู้ใช้ (เปิด Location Service แล้ว) ไม่จำเป็นต้องทำกระบวนการใดพิเศษ เพียงแค่ไปอยู่ใกล้กับอุปกรณ์ iBeacons แล้วอุปกรณ์มันจะติดต่อกันเอง เทคโนโลยีเบื้องหลัง iBeacons นั้นคือ Bluetooth Low Energy (BLE) ทำให้อุปกรณ์ที่สนับสนุนการใช้งาน คืออุปกรณ์ iOS ที่ระบุว่าเป็น Bluetooh 4.0 นั่นเอง

ibeacons_03

รูปภาพ : blog.nerdery.com

 

ทำไมต้อง BLE? แอปเปิ้ลมองว่าความสามารถของ BLE นั้นว่าเพียงพอแล้วในการนำมาใช้งาน (ข้อสนับสนุนอยู่ในหัวข้อต่อไป) จึงไม่มีการเพิ่ม NFC (Near Field Communication) เข้ามาซึ่งมักจะถูกใช้โฆษณาบนอุปกรณ์ของคู่แข่ง ประกอบกับคุณลักษณะ “การสื่อสารระยะใกล้” ทำให้อุดช่องโหว่ของ GPS ที่เก่งในพื้นที่ใหญ่ ๆ (กรณีนี้คือแผนที่โลก) จากการค้นดูสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องพบว่าแอปเปิ้ลเริ่มจดสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องราวปี ค.ศ. 2010 ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับการจำหน่าย iPad 3 (Bluetooth 4.0) พอดี

 

คู่แข่ง

คู่แข่งสำคัญของ iBeacons นั้นคือ NFC – Near Field Communication (ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่ม RFID) ที่จากชื่อก็ชัดเจนในจุดประสงค์ของมันคือ “การสื่อสารระยะใกล้” สิ่งที่ Bluetooth มีความได้เปรียบกว่า NFC คือระยะทำการ เนื่องจาก Bluetooth นั้นสามารถใช้งานได้ระดับสิบเมตรซึ่งต่างจาก NFC ที่ใช้งานได้แค่ระดับเมตร รวมถึงปริมาณข้อมูลที่ Bluetooth ให้มากกว่า NFC กว่าหลายสิบเท่า (wiki: NFC)

nfc-icon

รูปภาพ : androidbeat.com

 

หากมีการผลิตอุปกรณ์ที่สนับสนุนทั้ง iBeacons และ NFC ขึ้นมาก็คงจะมีปัญหาการใช้งานน่าดู เนื่องจากข้อจำกัดข้างต้น อาจจะทำให้ประสบการณ์การใช้งานของอุปกรณ์ฝั่ง NFC ไม่ดีเท่าใดนัก

 

การนำไปใช้งาน

การลงทุนกับ iBeacons นั้น ต้องมีการวางแผนระบบหลังบ้าน รวมไปถึงต้องสำรวจสภาพพื้นที่ในสถานที่ที่จะนำไปใช้งาน มันเหมาะที่จะใช้งานกับร้านค้าซึ่งมีพื้นที่พอสมควร มีการจัดสรรพื้นที่ในบริเวณร้านเป็นสัดส่วนแอปที่ใช้งานคู่กับระบบต้องมีโจทย์การใช้งานที่มากเพียงพอ

qualcomm-gimbal

 

จุดที่น่ากังวลกับการนำ iBeacons มาใช้งานนั่นก็คือฟีเจอร์หลักของมัน นั่นก็คือการแจ้งเตือนนั่นเอง เนื่องจากหากใช้งานเพียงฟังก์ชั่นนี้อย่างเดียวโดยไม่มีการผูกโยงเรื่องราวการใช้งานให้เหมาะสม มันจะดูไม่ต่างอะไรกับการใช้ Flash บนโฆษณาในเว็บไซต์ อาจจะเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของผู้นำไปใช้งานเลยก็ได้ สำหรับตัวอย่างผู้ประกอบการที่ได้นำ iBeacons มาใช้งานสามารถอ่านได้จาก networkworld.com

สุดท้าย ผมเชื่อว่าเราอาจจะได้เห็นร้านค้าในห้างสรรพสินค้าใหญ่ นำ iBeacons มาใช้งาน แต่ก็คงไม่แพร่หลายไปอย่างรวดเร็วมากอันเนื่องจากมันไม่ได้เป็นเพียงการวางแผนพัฒนาซอฟท์แวร์เท่านั้นแต่รวมไปถึงการสำรวจพื้นที่และตีโจทย์ของ App ที่จะให้ผู้ใช้งานได้ใช้ หากการลงทุนนี้สูงมากก็คงไม่สามารถนำมาขายสินค้าราคาถูกได้ แต่เมื่อผ่านการทดสอบทดลองจนเกิดเป็นแนวปฏิบัติขึ้นมา ต้นทุนต่าง ๆ ที่ว่ามาก็จะถูกลง จนสุดท้ายถึงแม้ว่าจะมาไม่ถึงร้านสะดวกซื้อ แต่อย่างน้อยร้านค้าที่มีสภาพสถานที่เหมาะสมก็น่าจะนำมันมาใช้งานได้

อุปกรณ์ iOS ที่สามารถใช้งาน iBeacons ได้ในปัจจุบัน

  • iPhone 4s หรือใหม่กว่า
  • iPad (รุ่นที่ 3) หรือใหม่กว่า
  • iPad mini หรือใหม่กว่า
  • iPod touch (รุ่นที่ 5) หรือใหม่กว่า

 

—————————

เผื่อใครนึกภาพไม่ออกว่า iBeacons จะนำไปใช้งานอะไรได้บ้าง ด้านล่างเป็นวิดีโอโปรโมทเทคโนโลยี Gimbal ของ Qualcomm ที่เป็นลักษณะเดียวกับ iBecons ของแอปเปิ้ล ที่ช่วยให้เห็นภาพเกี่ยวกับ iBeacons ตามบทความข้างต้นได้มากขึ้น

 

from:http://www.siampod.com/2014/03/26/beacons-present-and-future/

iBeacon ถูกนำมาใช้กับ Super Bowl เพื่อการโฆษณา…

31beacon-web1-master675

หลังจากเคยนำเรื่องราวของ iBeacon มานำเสนอไปก่อนหน้านี้ เราต่างเข้าใจถึงความสามารถในการนำมันมาใช้เพื่อประโยชน์ต่างๆ โดยเฉพาะการบอกเล่าอะไรบางอย่าง เกี่ยวกับสถานที่นั้นๆ ที่โทรศัพท์ของคุณเข้ามาอยู่ในอาณาเขต และล่าสุดมันก็ถูกนำไปใช้กับการแข่งขัน Super Bowl แล้วครับ…

กีฬาอเมริกันฟุตบอลนั้น ถือได้ว่าเป็นกีฬาประจำชาติของคนสหรัฐฯ ก็ว่าได้ และแน่นอนว่าคนจำนวนมากเข้ามามีส่วนร่วมกันในทุกๆ สัปดาห์จนกระทั่งจะมีรอบชิงชนะเลิศหรือศึก Super Bowl ประจำปีนี้ในวันพรุ่งนี้แล้ว และเมื่อเป็นที่รวมของคนจำนวนมาก การโฆษณาสำหรับการแข่งขัน Super Bowl จึงถือได้ว่าเป็นแหล่งของเม็ดเงินมหาศาล แต่รูปแบบของการโฆษณาเดิมๆ จะเปลี่ยนไป เมื่อมีการนำ iBeacon ซึ่งนำเอา Location Based มาช่วยให้รูปแบบการโฆษณามีประสิทธิภาพและดึงดูดมากขึ้น

เมื่อผู้เข้าชมการแข่งขัน เดินผ่านจุดที่มี iBeacon ซึ่งตั้งค่าให้แสดงข้อความบนสมาร์ทโฟน ยกตัวอย่างเช่น การแนะนำสินค้าอย่าง ช็อคโกแลตแบรนด์ยอดนิยมในร้านค้า หรือจะเป็นข้อความโปรโมทของที่ระลึกอย่างถ้วยรางวัลจำลองที่ควรค่าแก่การซื้อกลับบ้าน

0131-biz-web-BEACON-artboard_1

ปัจจุบันตัวส่งสัญญาณที่เรียกกันว่า “Beacons” นี้ก็เตรียมที่จะติดตั้งอุปกรณ์ตัวนี้ลงไปที่ร้านค้าปลีกหลายร้อยร้านค้า และตามพื้นที่สาธารณะมากมายอีก ส่วนในพื้นที่สนามกีฬาอย่างสนามเบสบอลของทีมในลีก MLB จำนวน 24 ทีม ร้าน Macy, ร้านเสื้อผ้า American Eagle Outfitters รวมถึง Apple Store ก็มีการติดตั้งอุปกรณ์ iBeacon ไปมากกว่า 250 ร้านค้าแล้ว

อย่างไรก็ตาม ทาง NFL เองก็ได้ออกมาพูดถึงเรื่องที่มีการโต้แย้งจากหลายฝ่ายเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ที่เกิดจากการนำเอาข้อมูลของบุคคลไปใช้กับเทคโนโลยีนี้ว่า จะไม่มีการนำข้อมูลของผู้ใช้งานไปเชื่อมโยงกับระบบอื่นๆ ในขณะที่ระบบนี้เน้นการที่จะให้สิทธิประโยชน์ อย่างเช่นส่วนลดร้านค้า ข้อมูลที่มีประโยชน์ แก่ผู้ใช้งานเสียมากกว่า…

ความคิดเห็นของกองบรรณาธิการ: ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์มากในแง่ของการประชาสัมพันธ์หรือโฆษณา เพราะจริงๆ นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ในการที่จะนำเรื่องของ Location มาใช้ให้เกิดประโยชน์ เพียงแต่ควรต้องคำนึงถึงเรื่องของสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งที่ประเทศสหรัฐฯ ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากๆ หากไม่สามารถหาคำอธิบาย หรือสิทธิประโยชน์ที่มากพอที่จะทำให้ผู้ใช้งาน ยินยอมในสิทธิการเข้าถึงตำแหน่งของผู้ใช้งาน อาจจะกลายเป็นเรื่องราวการฟ้องร้องในระยะย่าวก็ได้

แต่ในแง่ของการใช้งาน นี่ถือเป็นรูปแบบการประชาสัมพันธ์แบบ Proactive ซึ่งน่าจะทำให้เกิดการ Recognize จากผู้ใช้งานได้มากอยู่ทีเดียวล่ะครับ…

ที่มา: NYTimes

from:http://thumbsup.in.th/2014/02/for-super-bowl-personalized-phone-alerts/

Apple Store เตรียมนำ iBeacons มาใช้เพื่อพัฒนาบริการและการขาย…

apple-store-fifth-avenue

ภายหลังการเปิดตัวของ iOS 7 นอกจากจะได้รู้ว่าสินค้าใหม่ๆ ของ Apple มีอะไรบ้าง หากใครได้สังเกตจะได้เห็นคำว่า iBeacons ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่จะสามารถให้อุปกรณ์ของ Apple ที่รองรับเทคโนโลยีนี้ ทราบถึงตำแหน่งที่อยู่กันแบบละเอียดๆ แต่สิ่งที่ร้าน Apple Store จะนำไปใช้เพื่อพัฒนาการการให้บริการ รวมถึงเร่งให้ยอดขายเติบโตขึ้น มันคืออะไรกันล่ะ…

ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นเกี่ยวกับเจ้า iBeacons กันก่อน โดยเทคโนโลยีนี้นำเอา BLE (Bluetooth Low Energy หรือ Bluetooth 4.0) มาใช้ในการส่งสัญญาณ เพื่อบอกถึงตำแหน่งที่ตั้งของตัวปล่อยสัญญาณนี้ โดยเจ้าเทคโนโลยีที่ว่าสามารถระบุพิกัดได้อย่างแม่นยำในระดับความผิดพลาดแค่หลักเซนติเมตรกันเลยทีเดียว (หากเคยอ่านบทสัมภาษณ์คุณ อภิสิฐษ์ ทุมภักดี นักพัฒนาไทย ที่เดินทางไปใช้ชีวิตในซานฟรานซิสโก มีช่วงตอนหนึ่งที่ได้พูดถึงเจ้า iBeacons ด้วย)

Apple Store สามารถนำเจ้า iBeacons มาส่งสัญญาณเพื่อเพิ่มประสบการณ์ให้กับลูกค้า ในการเข้าใช้บริการหรือซื้อสินค้าในร้านของพวกเขา โดยที่เครื่อง iPhone ของลูกค้าที่ติดตั้งแอพฯ Apple Store จะสามารถรับทราบถึงโปรโมชันของสินค้า ราคา เงื่อนไข หรือบริการต่างๆ เมื่อพวกเขาเข้ามาอยู่ในบริเวณหรือพิกัดที่ตั้งเอาไว้ได้

ibeacons

ลูกค้าจะได้รับการเตือนบนอุปกรณ์ iOS ของพวกเขา ยกตัวอย่างถ้าลูกค้าเดินผ่านบริเวณร้าน Apple Store ที่กำลังจะมีการอบรมการใช้งานในเวลาอันใกล้ พวกเขาก็น่าจะสามารถเข้าไปรับการอบรมที่ร้านได้ หรือจะเป็นโปรโมชันลดราคาต่างๆ ซึ่งแหล่งข่าวจำนวนมากบอกว่า ทาง Apple เตรียมที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้ในร้านค้าของตัวเองเร็วๆ นี้แน่นอน

ความคิดเห็นของกองบรรณาธิการ: เรียกว่าเป็นการสร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการค้าปลีก และน่าจะทำให้เทคโนโลยีนี้มีประโยชน์อย่างแพร่หลาย รวมถึงสร้างจุดขายให้กับอุปกรณ์ของทาง Apple อีกด้วย งานนี้ Google กับ NFC น่าจะมีคู่แข่งที่น่ากลัวไม่น้อยเสียแล้วล่ะครับ…

ที่มา: 9to5Mac

from:http://thumbsup.in.th/2013/11/apple-stores-to-implement-ibeacon-location-technology-to-improve-service-boost-sales/