คลังเก็บป้ายกำกับ: BLUETOOTH

5 เมาส์บลูทูธยี่ห้อไหนดี? เพื่อคนทำงานโดยเฉพาะ จับทั้งวันไม่เมื่อย ถูกหลักสรีรศาสตร์

เมาส์บลูทูธยี่ห้อไหนดีถึงจะดีต่อสายทำงานกันนะ?

7MouseBluetooth 1 1

 

Advertisementavw

เมาส์บลูทูธยี่ห้อไหนดีเป็นคำถามยอดนิยมในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้เพราะผู้ใช้หลายๆ คนที่ทำงาน Work From Home แล้วหาข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ มาจัดโต๊ะคอมให้บรรยากาศดีถ่ายรูปสวยขึ้น แล้วหลายคนก็คิดต่อว่าจะซื้อเมาส์บลูทูธยี่ห้อไหนดีถึงจะถนอมข้อมือและดีต่อสุขภาพ ไม่ให้อาการ Office syndrome ถามหาในอนาคตด้วย ซึ่งปัจจัยหลายๆ ข้อนี้รวมกันก็ทำให้ผู้ใช้หลายคนหันมาซื้อเมาส์บลูทูธที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์มากยิ่งขึ้น ซึ่งเมาส์เหล่านี้จะมีคำว่า Ergonomic ตามท้ายมาด้วยเสมอ

ด้านดีไซน์ของเมาส์บลูทูธที่ออกแบบมาให้ถูกหลักสรีรศาสตร์ที่มีขายในท้องตลาด ณ ตอนนี้มี 2 แบบหลักๆ ได้แก่เมาส์แบบ Ergonomic ซึ่งออกแบบมาให้เข้ากับรูปมือและการวางมือมากที่สุด ตัวเมาส์จะยกเฉียงขึ้นเล็กน้อยให้เข้าอุ้งมือของผู้ใช้ยิ่งขึ้นและมีปุ่มใช้งานต่างๆ ติดตั้งมาให้พร้อมเสริมฟีเจอร์ต่างๆ มาให้ใช้อีกเพียบ และในช่วงนี้เมาส์แนวตั้ง (Vertical Ergonomic Mouse) ก็ได้รับความนิยมมากขึ้น ซึ่งเมาส์ทรงนี้ออกแบบให้ตัวเมาส์เป็นครีบแนวตั้งขึ้นมาเกือบตั้งฉาก 90 องศา ทำมุมเข้ามือได้พอดีไม่ต้องบิดข้อมือเข้ากับเมาส์ให้ใช้งานได้เป็นธรรมชาติไม่ปวดข้อมือ ซึ่งเมาส์แนวตั้งเหล่านี้ปัจจุบันราคาเพียงหลักร้อยไปจนถึงพันบาทต้นๆ ก็หาซื้อมาใช้งานได้แล้ว

เมาส์บลูทูธยี่ห้อไหนดี

ด้านข้อดีของเมาส์บลูทูธแบบ Ergonomic จะมีข้อดีหลายอย่างและดีต่อคนทำงานอย่างมากแถมยังพกไปไหนมาไหนได้ง่าย ซึ่งถ้าจะจำกัดความข้อดีเป็นข้อๆ จะมีดังนี้

  1. ดีไซน์เมาส์เข้ากับสรีระร่างกาย – เมาส์แนวตั้งหรือเมาส์ Ergonomic ถูกออกแบบมาให้เข้ากับทรงมือของผู้ใช้และลดอาการกล้ามเนื้อล้าเมื่อใช้ต่อเนื่องนานหลายชั่วโมง ยิ่งถ้าเป็นเมาส์แนวตั้งก็ยิ่งดี เพราะทำให้การวางแขนจับเมาส์เป็นธรรมชาติที่สุดเหมือนวางมือแนบข้างลำตัวนั่นเอง
  2. ลดอาการโรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ (carpal tunnel syndrome) – แม้เมาส์ทั่วไปจะจับใช้งานได้ แต่ถ้าใช้ต่อเนื่องหลายชั่วโมงก็จะค่อยๆ สะสมอาการล้าที่แขนและข้อมือขึ้นเรื่อยๆ จนพัฒนาเป็นอาการชาจนก่อปัญหาต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งเมาส์เหล่านี้ลดอาการกล้ามเนื้อล้าที่แขนและข้อมือไปได้
  3. มีฟีเจอร์ติดมาให้ใช้งานหลากหลาย – ถ้าถามหาเมาส์บลูทูธยี่ห้อไหนดีที่เหมาะกับการทำงาน ณ ตอนนี้หลายๆ แบรนด์นอกจากดีไซน์แล้วยังเสริมฟีเจอร์ต่างๆ เข้ามาให้เพียบทั้งปุ่มเสริมต่างๆ นอกจากการคลิ๊ก Forward/Backward หรือปุ่มปรับ DPI แล้ว บางรุ่นก็ติดสกรอล์เมาส์ในแนวนอน, ปุ่มเสริมรวมไปถึงเซนเซอร์แบบพิเศษสำหรับใช้งานบนกระจกใสได้และยังมีโปรแกรมตั้งค่าเมาส์ให้โหลดมาใช้งานได้อีกด้วย
  4. ช่วยให้ท่านั่งทำงานดียิ่งขึ้น – เชื่อว่าหลายคนอาจสงสัยว่าเมาส์ตัวเดียวจะทำให้เปลี่ยนท่านั่งให้ดีขึ้นได้จริงหรือ? ซึ่งเมาส์ Ergonomic เหล่านี้ถูกดีไซน์ให้เข้ากับทรงมือของมนุษย์ แต่ถ้านั่งไม่เข้าที่หรือวางแขนไม่ถูกท่าก็จะจับเมาส์ไม่ถนัดเท่าที่ควร ซึ่งวิธีจับเมาส์ที่ถูกต้องจะต้องจับแขนตรงเข้าเมาส์แล้วศอกทำมุมกับแขนให้ได้ 90 องศา ซึ่งพอตั้งศอกเข้าที่ให้จับเมาส์ได้ถูกต้อง ก็จะต้องนั่งให้หลังตรงทำให้เราต้องปรับท่านั่งไปโดยปริยายนั่นเอง
  5. รองรับหลากหลายระบบปฏิบัติการ – เมาส์บลูทูธหลายๆ รุ่นในปัจจุบันสามารถใช้งานได้หลากหลายระบบปฏิบัติการ ไม่ว่าจะ macOS, Windows, Linux ไปจน Chrome OS ก็เชื่อมต่อใช้งานได้ทันที และยังโหลดโปรแกรมสำหรับตั้งค่ามาติดตั้งใช้งานได้ทันทีอีกด้วย

จะเห็นว่าแค่ตั้งคำถามว่าจะเลือกเมาส์บลูทูธยี่ห้อไหนดีที่ถูกหลักสรีรศาสตร์เอาไว้ทำงาน ก็จะส่งผลต่อไปเป็นทอดๆ ให้ผู้ใช้ทำงานได้ดีแล้วลดอาการ Office syndrome ไปโดยปริยายและยังมีฟังก์ชั่นเสริมให้ทำงานได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย ถ้าใครนั่งทำงานหน้าคอมต่อเนื่องหลายชั่วโมงก็น่าลงทุนซื้อมาใช้มากๆ จะได้ทำงานได้รวดเร็วและสะดวกยิ่งขึ้น แถมเมาส์เหล่านี้แบตเตอรี่ยังทนทานใช้งานได้หลายวัน ตั้งแต่ 10 วันไปจน 1-2 เดือน แถมบางรุ่นยังมีฟีเจอร์ชาร์จไวติดมาให้ใช้อีกด้วย จัดว่าล้ำสมัยมากๆ

สรุปสเปคเมาส์บลูทูธยี่ห้อไหนดีทั้ง 5 รุ่น เด็ดดีน่าใช้มีเอาไว้ใช้สะดวกดี!

สเปคเมาส์บลูทูธยี่ห้อไหนดี Connectivity

Device

DPI Battery Life Program

Supported OS

ราคา
(บาท)
Delux M618XSD Seeker Bluetooth 4.0

Bluetooth 5.0

USB 2.4GHz

USB-C

4 อุปกรณ์

800 / 1,200 / 1,600 / 2,400 / 4,000 DPI 2 สัปดาห์

ชาร์จด้วย USB-C

โปรแกรมของ
Delux

Windows

1,499
Logitech Lift Vertical Ergonomic Mouse Bluetooth

Logi Bolt

3 อุปกรณ์

400~4,000 DPI แบตเตอรี่ AA x 1

ใช้ได้ 2 ปี

Logi Options+

Windows

macOS

Chrome OS

Linux

1,859
Logitech MX Master 3S Bluetooth

Logi Bolt

3 อุปกรณ์

เซนเซอร์ Darkfield

200~8,000 DPI

70 วัน

ชาร์จไว 1 นาที
ใช้ได้ 3 ชั่วโมง

ชาร์จด้วย USB-C

Logi Options+

Windows

macOS

Linux

Chrome OS

iPadOS 14

Android 8.0

3,390
Microsoft Bluetooth Ergonomic Mouse Bluetooth 5.0

3 อุปกรณ์

สูงสุด
2,400 DPI
แบตเตอรี่ AAA x 2

ใช้ได้ 15 เดือน

Mouse and Keyboard Center

Windows

1,349
Razer Orochi V2 Bluetooth

Razer HyperSpeed

สูงสุด
18,000 DPI
Bluetooth
950 ชั่วโมง

Razer HyperSpeed
425 ชั่วโมง

แบตเตอรี่
AA หรือ AAA
2 ก้อน

Razer Synapse 3

Windows

2,490

เมาส์บลูทูธยี่ห้อไหนดี? รวม 5 รุ่นเด็ดถูกหลักสรีรศาสตร์ ถูกใจคนทำงานแน่นอน!

ถ้าใครคิดว่าจะซื้อเมาส์บลูทูธยี่ห้อไหนดีมาทำงานแล้วกำลังหาข้อมูลอยู่หรือคิดว่าจะเลือกจากบทความนี้ไปเลย ผู้เขียนก็มีเมาส์บลูทูธให้เลือก 5 รุ่นจากแบรนด์ชั้นนำที่ผู้ใช้หลายๆ คนรู้จักดีให้เลือกดังนี้

  1. Delux M618XSD Seeker (1,499 บาท)
  2. Logitech Lift Vertical Ergonomic Mouse (1,859 บาท)
  3. Logitech MX Master 3S (3,390 บาท)
  4. Microsoft Bluetooth Ergonomic Mouse (1,349 บาท)
  5. Razer Orochi V2 (2,490 บาท)
1. Delux M618XSD Seeker (1,499 บาท)

07c96aaff18b6e7532eab1ce2c01467d

สำหรับเมาส์บลูทูธแบรนด์ที่อยู่คู่ตลาดคอมพิวเตอร์มานานเช่น Delux ก็มี Delux M618XSD Seeker เมาส์บลูทูธแนวตั้งติดที่รองสันมือแบบถอดได้ให้เลือก โดยจุดเด่นของมันคือที่ขอบเมาส์ด้านที่หันเข้าหาผู้ใช้มีจอ OLED ติดมาให้แสดงผลด้วย ว่าตอนนี้เมาส์เซ็ตค่า DPI เอาไว้เท่าไหร่และเชื่อมต่อแบบไหนอยู่ เพราะมันเชื่อมต่อด้วย Bluetooth 4.0, Bluetooth 5.0, USB 2.4GHz Dongle ได้ เชื่อมต่อได้มากสุด 4 เครื่องด้วยกัน มี Thumb Scroll Wheel เอาไว้เลื่อนขึ้นลงได้ เอาไว้เลื่อนจอไปด้านซ้ายและขวาได้และตั้งค่าเมาส์ได้ 6 ปุ่ม ปรับค่า DPI ได้สูงสุด 800 / 1,200 / 1,600 / 2,400 / 4,000 DPI และเปลี่ยนกริพหลังเมาส์ได้ว่าเป็นแบบหน้าเรียบหรือเจาะรูให้ไฟ RGB ลอดก็ได้ ชาร์จแบตเตอรี่ผ่านพอร์ต USB-C ที่ตัวเมาส์ใช้งานได้นานสุด 2 สัปดาห์ มีโปรแกรมตั้งค่าเมาส์ให้โหลดไปตั้งค่าได้อีกด้วย แต่จะรองรับ Windows เป็นหลัก ถ้าใครไม่รู้ว่าจะซื้อเมาส์บลูทูธยี่ห้อไหนดีก็ซื้อเมาส์ Delux ตัวนี้ไปใช้ได้และมันก็มีฟีเจอร์ให้ใช้เยอะทีเดียว

สเปคของ Delux M618XSD Seeker
Connectivity & Device Bluetooth 4.0, Bluetooth 5.0, USB 2.4GHz, USB-C
รวม 4 อุปกรณ์
DPI 800 / 1,200 / 1,600 / 2,400 / 4,000 DPI
Battery Life 2 สัปดาห์ ชาร์จผ่าน USB-C
Program

Supported OS

โปรแกรมของ Delux

Windows

Price 1,499 บาท (delux.th Shopee)
2. Logitech Lift Vertical Ergonomic Mouse (1,859 บาท)

lift intro pink tablet 1

Logitech Lift Vertical Ergonomic Mouse ตัวนี้เป็นเมาส์บลูทูธรุ่นที่ออกแบบและพัฒนาใน Logi Ergo Lab และได้รับการรับรองจากสถาบันด้านสรีรศาสตร์ชั้นนำ ทำให้ผู้ใช้จับได้สบายมือและเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น โดยตัวเมาส์จะเอียงทำมุม 57 องศาซึ่งเข้ากับมือของมนุษย์ที่สุด ได้สกรอล์เมาส์ SmartWheel แบบเลื่อนหน้าจอตามความเร็วการเลื่อนของผู้ใช้ มีโปรแกรม Logi Options+ เอาไว้ตั้งค่าตัวเมาส์ โหลดไปใช้ได้ทั้ง Windows, macOS, Chrome OS, Linux ใช้ปรับค่า DPI ก็ตั้งได้ตั้งแต่ 400~4,000 DPI เซ็ตปุ่มลัดทั้ง 6 ปุ่มบนเมาส์ได้ตามถนัด รองรับ Logitech Flow ใช้เมาส์คีย์บอร์ด Logitech Master Series เซ็ตเดียวคุมคอมพิวเตอร์ที่จับคู่กับเมาส์นี้ได้ 3 เครื่อง แถมรับส่งไฟล์ข้ามเครื่องได้ เชื่อมต่อ Bluetooth และ USB 2.4GHz Dongle “Logi Bolt” ใช้แบตเตอรี่ AA เพียง 1 ก้อน ใช้งานได้นานสุด 2 ปี จัดเป็นเมาส์ฟีเจอร์ดีล้นตัวเพื่อสายทำงานโดยเฉพาะ ยิ่งถ้าใครใช้คอมพิวเตอร์หลายเครื่องต่างระบบปฏิบัติการกันก็น่าใช้เมาส์ตัวนี้มากๆ แถมมันยังดีต่อสรีระของเราอีกด้วย

สเปคของ Logitech Lift Vertical Ergonomic Mouse
Connectivity & Device Bluetooth, USB 2.4GHz Dongle “Logi Bolt”
เชื่อมต่อได้ 3 อุปกรณ์
DPI 400~4,000 DPI
Battery Life แบตเตอรี่ AA x 1 ก้อน ใช้งานได้นานสุด 2 ปี
Program

Supported OS

Logi Options+

Windows, macOS, Chrome OS, Linux

Price 1,859 บาท (Hardware Corner Shopee)
3. Logitech MX Master 3S (3,390 บาท)

mx master 3s mouse top side view graphite

ถ้าคิดว่าจะลงทุนซื้อของดีมาใช้งานแต่ยังคิดไม่ออกว่าจะซื้อเมาส์บลูทูธยี่ห้อไหนดี ส่วนตัวผู้เขียนอยากแนะนำให้ลงทุนซื้อ Logitech MX Master 3S รุ่นใหม่ที่พัฒนาจาก MX Master 3 มาใช้ เพราะเมาส์นี้จับถนัดมือมากและมีฟีเจอร์ให้ใช้ล้นตัวไม่ว่าจะปรับค่า DPI ได้ตั้งแต่ 200~8,000 DPI ตั้งค่าปุ่มบนตัวเมาส์ทั้ง 7 ปุ่มได้ด้วยโปรแกรม Logi Options+ และเซนเซอร์เมาส์เป็น Darkfield ความแม่นยำสูงและใช้บนกระจกใสที่มีความหนาระดับหนึ่งได้อีกด้วย ถ้าเป็นโต๊ะกระจกร้านกาแฟไม่มีปัญหาแน่นอน ใช้งานได้ทั้ง Windows, macOS, Linux, Chrome OS, iPadOS 14, Android 8.0 สกรอล์เมาส์ของ MX Master 3S มี 2 ตัว แยกเป็นสกรอล์เลื่อนจอแนวนอนและแนวตั้งเป็น MagSpeed ไว้เลื่อนบรรทัดบนหน้าจอได้อย่างรวดเร็วถึง 1,000 บรรทัดใน 1 วินาที แบตเตอรี่ในตัวเมื่อชาร์จเต็มใช้งานได้นานสุด 70 วัน รองรับชาร์จไว 1 นาที ใช้งานได้ 3 ชั่วโมงด้วยสาย USB-C เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ได้มากสุด 3 เครื่องด้วย USB 2.4GHz Dongle “Logi Bolt” และ Bluetooth รองรับ Logitech Flow สำหรับคุมคอมพิวเตอร์ 3 เครื่องด้วยเมาส์คีย์บอร์ด Logitech Master Series ชุดเดียว เป็นรุ่นในใจที่ผู้เขียนขอแนะนำให้ลองซื้อมาใช้งานหากคิดว่าจะซื้อเมาส์บลูทูธยี่ห้อไหนดีเอาไว้ทำงาน

สเปคของ Logitech MX Master 3S
Connectivity & Device USB 2.4GHz Dongle “Logi Bolt”, Bluetooth เชื่อมต่อได้ 3 เครื่อง
DPI เซนเซอร์ Darkfield 200~8,000 DPI
Battery Life 70 วัน รองรับชาร์จไว 1 นาที ใช้งานได้ 3 ชั่วโมง
ชาร์จด้วยสาย USB-C
Program

Supported OS

 Logi Options+

Windows, macOS, Linux, Chrome OS, iPadOS 14, Android 8.0

Price 3,390 บาท (Hardware Corner Shopee)
4. Microsoft Bluetooth Ergonomic Mouse (1,349 บาท)

7cc66928b61b2c2c545a93dba403837e

 

แม้จะมีชื่อเสียงด้านซอฟท์แวร์และเป็นระบบปฏิบัติการแรกของใครหลายคน แต่เมาส์ Microsoft Bluetooth Ergonomic Mouse ก็เป็นเมาส์ Ergonomic น่าใช้อีกรุ่นหากใครกำลังคิดว่าจะซื้อเมาส์บลูทูธยี่ห้อไหนดี โดยทางบริษัทออกแบบตัวเมาส์ให้เข้ากับสรีรศาสตร์ของมือมนุษย์และใช้บอดี้เป็นพลาสติกเนื้อเดียวต่อเนื่องและเลือกได้หลากหลายสี จับถนัดมือไมหลุดง่ายแถมยังมีปีกเมาส์ไว้พักนิ้วโป้งติดมาให้ด้วย ตัวเมาส์เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ได้มากสุด 3 เครื่อง ผ่าน Bluetooth 5.0 และกดสลับตัวเครื่องไปมาได้ง่ายๆ ใช้แบตเตอรี่ AAA x 2 ก้อน ใช้งานได้นานสุด 15 เดือน รองรับระบบปฏิบัติการ Windows เป็นหลัก ปรับค่า DPI ได้สูงสุด 2,400 DPI ด้วยโปรแกรม Mouse and Keyboard Center ของ Microsoft เอง จัดเป็นเมาส์สายทำงานหน้าตาเรียบง่ายแต่สีสวยที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ Windows โดยเฉพาะ หากใครใช้คอมพิวเตอร์ Windows เป็นหลักก็น่าซื้อมาใช้งานมาก

สเปคของ Microsoft Bluetooth Ergonomic Mouse
Connectivity & Device Bluetooth 5.0 เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ได้ 3 เครื่อง
DPI  สูงสุด 2,400 DPI
Battery Life แบตเตอรี่ AAA x 2 ก้อน ใช้งานได้นาน 15 เดือน
Program

Supported OS

Mouse and Keyboard Center

Windows

Price 1,349 บาท (pchanakarn. Shopee)
5. Razer Orochi V2 (2,490 บาท)

393636d4d01a0a0c15b8312c32856996

Razer Orochi V2 เป็นเมาส์บลูทูธเกมมิ่งน้ำหนักเบาสำหรับเกมเมอร์ที่อยากซื้อเมาส์ตัวเดียวเอาไว้ใช้กับเกมมิ่งพีซีที่บ้านแล้วพกไปทำงานหรือเล่นเกมที่ไหนก็ได้ ตัวเมาส์จับถนัดทั้ง Claw, Palm, Fingertip Grip และน้ำหนักเบาเพียง 60 กรัมเท่านั้น เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ใช้งานได้นานสุด 950 ชั่วโมง ส่วน USB 2.4GHz Dongle “Razer HyperSpeed” จะเหลือ 425 ชั่วโมง แต่เหมาะกับตอนเล่นเกมเป็นพิเศษ ใช้แบตเตอรี่ AA หรือ AAA x 2 ก้อนเท่านั้น ใช้โปรแกรม Razer Synapse 3 ตั้งค่า DPI เมาส์ได้สูงสุด 18,000 DPI ซึ่งเมาส์นี้จาก Razer จัดเป็นเมาส์ลูกผสมที่เน้นใช้งานได้รอบด้าน ทำงานดีเล่นเกมก็ได้และยังประหยัดแบตเตอรี่ด้วยแต่เหมาะกับระบบปฏิบัติการ Windows เป็นหลัก หากใครคิดอยู่ว่าจะซื้อเมาส์บลูทูธยี่ห้อไหนดีเอาไว้ใช้ได้หมดทั้งทำงานและเล่นเกมล่ะก็ Razer Orochi V2 ตัวนี้ก็จัดว่าน่าสนใจมากๆ เช่นกัน

สเปคของ Razer Orochi V2
Connectivity & Device  Bluetooth, USB 2.4GHz Dongle “Razer HyperSpeed”
DPI  สูงสุด 18,000 DPI
Battery Life Bluetooth 950 ชั่วโมง, Razer HyperSpeed 425 ชั่วโมง

ใช้แบตเตอรี่ AA หรือ AAA x 2 ก้อน

Program

Supported OS

Razer Synapse 3

Windows

Price 2,290 บาท (Razer Shopee Mall)

yasin hasan RwLX8q5Y2qQ unsplash 1

จะเห็นว่ายุคนี้เมาส์บลูทูธดีๆ มีให้เลือกมากมายหลายรุ่น มีทั้งดีไซน์ทั่วไป, แบบ Ergonomic หรือจะหาเอาไว้เผื่อเล่นเกมก็มีให้เลือกเช่นกัน ขอแค่พีซีเครื่องนั้นมีตัวรับสัญญาณ Bluetooth ติดไว้ก็พอ หรือไม่ก็ซื้อตัวรับสัญญาณ WiFi ไปติดเพิ่มก็ใช้งานได้เช่นกัน แถมไม่ต้องห่วงว่าตัว USB 2.4GHz Dongle หายแล้วจะใช้งานไม่ได้ด้วย เชื่อว่าใช้สะดวกถูกใจใครหลายๆ คนแน่นอน


บทความที่เกี่ยวข้อง

ตัวรับWifi

8หูฟังไอโฟน

8ตัวปล่อยสัญญาณWiFi 1

from:https://notebookspec.com/web/690854-5-recommend-ergonomic-bluetooth-mouse

Advertisement

รีวิว Razer Naga V2 Pro เปลี่ยนกรอบได้เล่นเกมก็เทพ งานก็รุ่ง! ปุ่มมาโครเพียบ เร็วสะใจ 30,000 DPI ราคา 7,490 บาท

Razer Naga V2 Pro พญานาคปุ่มมาโครรุ่นใหม่ ดุดันไม่เกรงใจใคร! เล่นเกมก็เทพทำงานก็รุ่ง!!

Razer Naga V2 Pro 1

Razer Naga V2 Pro เกมมิ่งเมาส์รุ่นใหม่ในตระกูล Naga ซึ่งตั้งต้นจากการเป็นเมาส์เพื่อเกม MOBA โดยเฉพาะ แต่เมื่อเทคโนโลยีและดีไซน์ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ดีไซน์ของเมาส์ตระกูล Naga ก็ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ จากเมาส์พร้อมปุ่มมาโคร 12 ปุ่มข้างตัวแบบเดียว ก็สามารถแกะถอดฝาเปลี่ยนจำนวนปุ่มให้ลดลงเป็น 6 หรือ 2 ปุ่มให้เหมาะกับสไตล์เกมที่เล่นได้ง่ายๆ ตั้งค่าไฟ RGB หรือการทำงานของปุ่มแต่ละปุ่มบนตัวเมาส์ได้ในโปรแกรม Razer Synapse 3 และ Razer Chroma ได้ด้วย

Advertisementavw

ด้านจุดเด่นน่าสนใจของเมาส์นี้ นอจากการเปลี่ยนกรอบฝาข้างแล้วทาง Razer ได้เสริมฟีเจอร์ดีๆ เข้ามาใน Razer Naga V2 Pro อีกเพียบ ทั้งปุ่มเปลี่ยนไฟ RGB ออนบอร์ดบนตัวเมาส์, ปุ่มปรับโหมดสกรอล์เมาส์ Razer HyperScroll Pro ให้สัมผัสตอนใช้งานต่างจากลูกล้อทั่วไปถึง 6 แบบ ได้แก่ Standard ใช้ตามแบบสกรอล์เมาส์ทั่วไป, Distinct ลูกล้อมีความแข็งฝืนนิ้วมาก, Ultra-fine สกรอล์มีความลื่นต่อเนื่องตามการเลื่อนนิ้ว, Adaptive สกรอล์เมาส์มีความแข็งฝืนนิ้วเล็กน้อยคล้ายการหมุนลูกบิด, Smooth Scroll หรือ Custom ปรับการตอบสนองได้ตามใจของผู้ใช้ว่าต้องการความแข็งและความต่อเนื่องเท่าไหร่ ก็ปรับเซ็ตได้ตามถนัดเลย

ส่วนอื่นๆ ที่ได้รับการอัพเกรด คือ Razer Naga V2 Pro ได้เปลี่ยนหัวพอร์ตของสาย Razer Speedflex จาก MicroUSB มาเป็น USB-C แทนแล้ว ทำให้หาสายชาร์จแบตให้เมาส์ได้ง่ายขึ้นและเชื่อมต่อไร้สายได้ด้วย Bluetooth หรือ Razer HyperSpeed Wireless USB Dongle ก็ได้ เปลี่ยนเซนเซอร์เป็นรุ่นใหม่ประสิทธิภาพสูงอย่าง Razer Focus Pro 30K ซึ่งตอบสนองได้เร็วและต่อเนื่องและละเอียดยิ่งขึ้น คมยิ่งกว่าเซนเซอร์ Razer Focus+ รุ่นก่อนอย่างชัดเจนแถมยังซื้ออุปกรณ์เสริมอย่าง Razer Mouse Dock Pro หรือแท่นวางเมาส์มาใช้ชาร์จแบตเมื่อใช้งานเสร็จแล้วได้ด้วยแถมยังมีลูกเล่นอย่าง Razer Wireless Charging Puck หรือเหรียญแปลงระบบเมาส์ให้ใช้กับแท่นชาร์จไร้สายหลายๆ รุ่นในปัจจุบันได้ โดยใส่แทนฝาปิดขั้วใต้เมาส์แล้วใช้งานได้ทันที จัดว่า Naga V2 Pro ตัวนี้มีลูกเล่นน่าสนใจให้เกมเมอร์ใช้งานเพียบ!

Razer Naga V2 Pro

NBS Verdicts

Razer Naga V2 Pro DSC01194

Razer Naga V2 Pro เป็นเมาส์เกมมิ่งที่แม้จะเริ่มจากเมาส์สาย MOBA แต่มันก็ถูกพัฒนาดีไซน์ให้เปลี่ยนเพลตข้างให้มีจำนวนปุ่มน้อยลงให้เข้ากับเกมสไตล์ต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะ RPG, FPS หรือจะเซ็ตคีย์ลัดเอาไว้ใช้ทำงานก็สะดวกทีเดียว ดังนั้นเจ้าของเมาส์ Razer ตัวนี้เมื่อตั้งค่ามันใน Razer Synapse 3 เสร็จก็เซฟโปรไฟล์เก็บเอาไว้ออนบอร์ดได้และกดเปลี่ยนด้วยปุ่มสลับโปรไฟล์ใต้เมาส์ได้อีกด้วย ดังนั้นถ้าใครจะใช้เมาส์ตัวเดียวเหมาทุกหน้าที่ Naga V2 Pro ก็รับหน้าที่นั้นได้สบายๆ เวลาไปทำงานก็สลับเข้าโหมด Bluetooth ต่อโน๊ตบุ๊คทำงานแล้วกลับมาบ้านก็สับสวิตช์เปลี่ยนโหมดต่อ HyperSpeed USB Dongle เปลี่ยนโปรไฟล์แล้วเล่นเกมต่อได้ทันที จ่ายทีเดียวใช้ได้ทุกหน้าที่อย่างนี้ก็ถือว่าคุ้ม

การตอบสนองของเมาส์ไม่ว่าจะใช้ Razer HyperSpeed Wireless USB หรือ Bluetooth ก็ยังตอบสนองได้รวดเร็วทันใจไม่ต่างกับการต่อด้วยสาย Razer Speedflex USB-C แม้แต่นิดเดียว ต้องถือว่าเทคโนโลยีการรับส่งข้อมูลแบบไร้สายนั้นมาถึงจุดที่ดีมากจนแทบไม่ต่างกับการใช้สาย USB แถมระยะเวลาใช้งานยังอยู่นานถึง 150~300 ชั่วโมง หากแบตเตอรี่ใกล้จะหมดก็ต่อสาย Razer Speedflex USB-C แล้วเล่นเกมต่อหรือจะซื้อแท่นชาร์จมาตั้งเอาไว้ พอจะนอนก็วางทิ้งไว้บนแท่นแล้วหยิบออกมาใช้ตอนเช้าต่อได้เลย นอกจากนี้ทางบริษัทยังออกแบบให้ Razer HyperSpeed Wireless USB ตัวเดียวรับสัญญาณจากเมาส์และคีย์บอร์ดเกมมิ่งของ Razer ได้พร้อมกัน ไม่ต้องต่อแยกให้เปลืองช่อง USB และได้ความสะดวกไปเต็มๆ

ดีไซน์ Naga V2 Pro ยังคงเหมือนกับ Naga Pro รุ่นก่อนหน้าที่ยังเอื้อมือขวาเป็นหลักและมีสันโค้งเอาไว้พาดนิ้วนางให้มีที่วางได้ถนัดมือแล้วเกมเมอร์ก็สามารถหนีบนิ้วโป้งกับก้อยเข้าหาตัวเมาส์ให้จับได้กระชับมือและนิ้วไม่พาดลงมาถึงแผ่นรองเมาส์เลย ดังนั้นตอนลากเมาส์ไปมาจึงเร็วทันใจไม่สะดุดแม้แต่น้อย แต่อย่างไรก็ตาม ตัว Razer Naga V2 Pro มีขนาดค่อนข้างใหญ่ จึงเหมาะกับเกมเมอร์มือใหญ่สักนิดถึงจะจับได้ถนัด ผิดกับ Razer Naga รุ่นก่อนๆ ที่ยังออกแบบให้เหมาะกับเกมเมอร์มือเล็กจับได้ถนัดมือด้วย ส่วนของน้ำหนักเฉพาะตัวเมาส์ 134 กรัมนั้น หากเทียบกับเมาส์เกมมิ่งแบรนด์คู่แข่งต้องถือว่ามันเป็นเมาส์เกมมิ่งที่มีน้ำหนักพอควร ไม่เหมาะกับคนจับแบบ Fingertip Grip นัก

ข้อดีของ Razer Naga V2 Pro
  1. เปลี่ยน Side Plate ข้างเมาส์ได้ 3 แบบ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้หลากหลาย
  2. ตั้งมาโครให้ปุ่มข้างเมาส์ได้มากสุด 20 ปุ่ม เหมาะกับการเล่นเกมหรือใช้กดคีย์ลัดตอนทำงานก็ได้
  3. ดีไซน์เมาส์จับถนัดมือมาก มีที่รองนิ้วนางไม่ให้ตกไปจนแตะพื้นโต๊ะจึงใช้งานได้สะดวก
  4. ตั้งโปรไฟล์ออนบอร์ดได้ 5 แบบ แยกได้ตามเกมหรือเอาไว้ทำงานก็ได้
  5. สกรอล์เมาส์สามารถปรับสไตล์การหมุนเลื่อนหน้าจอได้ 6 แบบตามต้องการ
  6. เซนเซอร์ปรับค่า DPI ได้สูงมากถึง 30,000 DPI และปรับค่า DPI ได้ละเอียดมาก
  7. แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 150~300 ชั่วโมง จัดเป็นอันดับต้นๆ ของกลุ่มเกมมิ่งเมาส์ไร้สาย
  8. มีหัวแปลง USB-C to A แถมมาให้หัวรับสัญญาณ USB ใกล้เมาส์ให้รับส่งสัญญาณได้ดีขึ้น
  9. ใช้แท่นชาร์จ Razer Mouse Dock Pro หรือ Wireless Charging Puck เพื่อชาร์จแบตได้
  10. Razer HyperSpeed Wirelesss USB ใช้รับสัญญาณจากเมาส์และคีย์บอร์ด Razer พร้อมกันได้
  11. มีโปรแกรม Razer Cortex พ่วงมาช่วยจัดการทรัพยากรเครื่องตอนเล่นเกม ช่วยเพิ่มเฟรมเรทได้
ข้อสังเกตของ Razer Naga V2 Pro
  1. ดีไซน์เน้นเกมเมอร์ถนัดมือขวาเท่านั้น ไม่ใช่ทรง Ambidextrous ที่จับถนัดได้ทั้งสองมือ
  2. เมาส์มีขนาดใหญ่และมีน้ำหนัก 136 กรัม เทียบกับแบรนด์คู่แข่งแล้วจัดว่าหนัก
  3. ราคาเมาส์ 7,490 บาท เมื่อเทียบกับแบรนด์คู่แข่งแล้วราคาสูงแต่ก็ได้ฟีเจอร์เยอะ

รีวิว Razer Naga V2 Pro

Specification

Razer Naga V2 Pro DSC01138

Razer Naga V2 Pro เป็นเมาส์เกมมิ่งรุ่นปรับแต่งดีไซน์บางส่วนจาก Razer Naga Pro ซึ่งวางขายไปก่อนหน้านี้ หากนำสเปคมาเทียบกันจะเห็นว่าบอดี้ภายนอกค่อนข้างเหมือนกันแต่รายละเอียดที่ต่างไป คือฟีเจอร์ภายในตัวเมาส์ซึ่ง Naga V2 Pro มีความโดดเด่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัดตามสเปคในตารางข้างล่างนี้

เทียบสเปค Razer Naga Naga Pro Naga V2 Pro
Dimension
(ยาว x กว้าง x สูง)
4.69″ x 2.93″ x 1.69″ 4.7″ x 2.97″ x 1.72″
Weight 134 กรัม
(เฉพาะเมาส์)
Connectivity Razer HyperSpeed
Wireless USB

Bluetooth

สาย Razer Speedflex USB

Razer HyperSpeed Wireless USB

Bluetooth

สาย Razer Speedflex USB-C

Battery Life 150 ชั่วโมง 150 ชั่วโมง (HyperSpeed)

300 ชั่วโมง (Bluetooth)

Button 10 /14 / 20 ปุ่ม เปลี่ยนฝาข้างได้ 3 แบบ

เซฟโปรไฟล์ออนบอร์ดได้ 5 แบบ

DPI สูงสุด Razer Focus+ 20,000 DPI Razer Focus Pro 30K
30,000 DPI
Speed 650 750
Acceleration 50 70
Software Razer Chroma RGB

Razer Synapse 3

Razer Chroma RGB

Razer Synapse 3

Price 3,390 บาท
(c2p_gaming gear Shopee)

*หาได้ตามร้านตัวแทนจำหน่ายเท่านั้น ปัจจุบัน Razer Official Store ยกเลิกการจำหน่ายแล้ว*

7,490 บาท
(Razer Shopee Mall)

Unboxing

Razer Naga V2 Pro DSC01140

Razer Naga V2 Pro DSC01141
Razer Naga V2 Pro DSC01142
Razer Naga V2 Pro DSC01138

กล่องเมาส์ Razer Naga V2 Pro จะมีคุณสมบัติของตัวเมาส์เขียนติดเอาไว้ด้านข้างและหลังของกล่องว่าจุดเด่นของเมาส์ตัวนี้จะมีเซนเซอร์ใหม่, สกรอล์เมาส์ HyperScroll Pro และ Optical Mouse Switch ซึ่งตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและมีวิธีการเปลี่ยนกรอบข้างเพิ่มลดปุ่มมาโครของตัวเมาส์สกรีนเอาไว้ให้ แต่เมื่อเทียบหน้ากล่องจะเห็นว่าตัวกล่องรุ่นเก่าและใหม่ไม่ได้ต่างกันมาก ยกเว้นโลโก้ Razer HyperSpeed มุมบนขวามือที่หายไปและเพิ่มคำว่า V2 และทำภาพสกรีนบนกล่องให้เป็นแบบพลาสติกเนื้อมันแทนการสกรีนภาพติดลงไปตามปกติ

Razer Naga V2 Pro DSC01176

Razer Naga V2 Pro DSC01143
Razer Naga V2 Pro DSC01144
Razer Naga V2 Pro DSC01146
Razer Naga V2 Pro DSC01147

นอกจาก Razer Naga V2 Pro ในกรอบพลาสติกกับเพลตข้างเมาส์อีก 2 ชิ้นแล้ว จะมีคู่มือ, สติ๊กเกอร์, หัวแปลง USB-C to A สำหรับลากสาย Razer Speedflex USB-C เข้าแล้วต่อกับหัว USB Dongle “Razer HyperSpeed” เพื่อให้หัวรับสัญญาณ USB อยู่ใกล้กับเมาส์ที่สุดพร้อมสลักชื่อแบรนด์เอาไว้ด้วย หรือถ้าแบตเตอรี่เมาส์ใกล้หมดก็สามารถถอดสายแล้วชาร์จเมาส์ไปเล่นไปได้ด้วย ซึ่งข้อดีของมันทำให้เวลาต่อคอมพิวเตอร์ด้วย HyperSpeed สามารถรับส่งข้อมูลได้เร็วเหมือนใช้เมาส์สายแบบปกติ

ด้านอุปกรณ์เสริมที่ได้กล่าวไปข้างต้น อย่างแท่นชาร์จเมาส์ Razer Mouse Dock Pro หรือเหรียญแปลงให้รองรับการชาร์จไร้สาย Razer Wireless Charging Puck เป็นสินค้าขายแยกต่างหาก จึงไม่มีแถมมาให้ในกล่อง ซึ่งถ้าต้องการซื้อมาใช้งานก็ยังสั่งผ่านทางหน้าเว็บไซต์ Razer แล้วให้ Ship สินค้าส่งเข้ามาในประเทศไทยก็ได้เช่นกัน

Design, Weight, Grip

Razer Naga V2 Pro DSC01155

Razer Naga V2 Pro DSC01153
Razer Naga V2 Pro DSC01154
Razer Naga V2 Pro DSC01152
Razer Naga V2 Pro DSC01165
Razer Naga V2 Pro DSC01170
Razer Naga V2 Pro DSC01161

ดีไซน์ของ Razer Naga V2 Pro จะเป็นเมาส์เกมมิ่งสำหรับเกมเมอร์ถนัดขวาเท่านั้น บอดี้เมาส์จะมีปุ่มบนตัวเมาส์ทั้งหมด 8 ปุ่ม พอนับรวมกับเพลตเปลี่ยนด้านข้างก็จะมีจำนวนปุ่มเพิ่มเป็น 10 / 14 / 20 ปุ่มตามที่นำมาเปลี่ยนใช้งาน โดยทาง Razer จะติดเพลตข้าง 12 ปุ่มมาจากโรงงาน และสามารถถอดเปลี่ยนได้ตามสะดวก ส่วนด้านขวาจะเป็นกริ๊บกันลื่นติดเอาไว้และเมื่อมองด้านหน้าเมาส์จะเป็นช่องสำหรับต่อสาย USB-C เพื่อชาร์จไฟหรือต่อคอมใช้งานได้

ปุ่มบนตัวเมาส์ นอกจากคลิ๊กซ้ายขวาแล้ว จุดที่เป็นปุ่มกดใช้งานได้จะมีสกอรล์เมาส์ที่สามารถกดคลิ๊กลงตรงๆ หรือดันซ้ายขวาก็ได้ และปุ่มที่ถัดเข้ามาจากสกรอล์เมาส์จะมี 2 ปุ่ม โดยปุ่มแรกที่มีเครื่องหมายลูกศรชี้วนคล้ายเครื่องหมาย Refresh เอาไว้เปลี่ยน Scroll Wheel Stages หรือสไตล์การหมุนตอบสนองของลูกล้อได้ 6 แบบ ปรับแต่งใน Razer Synapse ได้ ส่วนปุ่มถัดลงมาเป็นปุ่มเปลี่ยนค่า DPI ของเมาส์ ทำงานแบบ Toggle กดแล้วเปลี่ยนทันทีและเปลี่ยนได้ 5 ระดับและจะมีหน้าต่างบอกค่า DPI ขึ้นตรงมุมล่างขวาของหน้าจอด้วย

ด้านใต้เมาส์ จะเห็นว่ามี Glide สีขาวทำจาก Polytetrafluoroethylene (PTFE) หรือเทฟล่อน 100% ให้ผู้ใช้สามารถลากเมาส์ไปมาได้อย่างลื่นไหล โดยจะติดไว้เป็นคู่บนใต้ปุ่มคลิ๊กซ้ายขวา, ล้อมกรอบเซนเซอร์ Razer Focus Pro 30K เอาไว้และรองใต้ส่วนล่างสุดของเมาส์เป็นเส้นโค้งอีกหนึ่งเส้น ซึ่ง Glide เดิมจากโรงงานก็ถือว่าลื่นกำลังดี ลากเมาส์ไปมาได้ถนัดมือมากไม่สาก และสังเกตจะเห็นว่าด้านซ้ายของเซนเซอร์จะเป็นสวิตช์เลื่อนเปลี่ยนการเชื่อมต่อระหว่าง Razer HyperSpeed USB Dongle, Bluetooth ถ้าสับเข้าตรงกลางจะเป็น OFF เพื่อปิดเมาส์ ฝั่งขวาเป็นปุ่ม Profile สามารถกดเพื่อเปลี่ยนโปรไฟล์ออนบอร์ดไปมาได้ตามถนัด หากใครใช้เมาส์ตัวเดียวทั้งทำงานและเล่นเกมก็เซฟแยกโปรไฟล์แล้วกดสลับด้วยปุ่มนี้ได้

ส่วนที่ถอดเข้าออกได้ คือแผ่นจานด้านล่างสุดสำหรับปิดขั้วสำหรับใส่เหรียญแปลงเป็นชาร์จไร้สายหรือไว้ต่อแท่นชาร์จเมาส์ก็ได้ และฝั่งขวามือของเมาส์จะมีร่องตะเข็บให้เอาเล็บเกี่ยวดึงฝาเพลตข้างออกเพื่อเปลี่ยนเป็นอันที่ต้องการได้ และ Razer ก็เอา USB 2.4GHz “HyperSpeed” มาเก็บไว้ในนี้โดยวางเป็นแนวตั้งตามภาพที่สลักเอาไว้ด้านใน

Razer Naga V2 Pro DSC01157

Razer Naga V2 Pro DSC01160
Razer Naga V2 Pro DSC01159
Razer Naga V2 Pro DSC01158
Razer Naga V2 Pro DSC01162

เพลตข้างของ Razer Naga V2 Pro จะดูดติดเข้ากับเมาส์ด้วยแม่เหล็กแรงดูดสูง 2 เม็ดซึ่งติดไว้ขอบแผ่นทั้งสองด้าน ตรงกลางเป็นหน้าสัมผัสทองเหลืองไว้เชื่อมต่อระหว่างปุ่มมาโครกับเมาส์เข้าหากันโดยมีด้านข้างตั้งแต่ 2, 6, 12 ปุ่ม โดยเฉพาะแบบ 2 ปุ่มเมื่อติดเข้ากับเมาส์แล้วจะดึงคำสั่ง Back, Forward มาใช้งานโดยอัตโนมัติ ถ้าเป็น 6, 12 ปุ่ม ต้องตั้งค่าด้วย Razer Synapse 3

เมื่อเป็นหน้าสัมผัสทองเหลืองก็อาจจะเกิดคราบความสกปรกติดขึ้นมาได้ ดังนั้นถ้าไม่ได้ใช้งานถอดเปลี่ยนบ่อยๆ ก็ขอแนะนำให้เอาเพลตที่ไม่ได้ใช้เก็บเข้ากรอบพลาสติกใส่กล่องเพื่อป้องกันความชื้นและแนะนำให้หาสเปรย์ Contact Cleaner ติดโต๊ะเอาไว้พ่นทำความสะอาดหน้าสัมผัสทองเหลืองนี้ด้วย

Razer Naga V2 Pro DSC01166

Razer Naga V2 Pro DSC01164
Razer Naga V2 Pro DSC01163
Razer Naga V2 Pro DSC01167
Razer IMG20230118124807 Copy 1

ขนาดของ Razer Naga V2 Pro ถือว่ามีขนาดใหญ่และอ้วนทีเดียว น้ำหนักจากหน้าสเปค 134 กรัม เมื่อชั่งน้ำหนักด้วยตาชั่งดิจิตอลแล้วได้น้ำหนักเมาส์อยู่ห 129 กรัม ถ้าเทียบกับเมาส์เกมมิ่งของแบรนด์คู่แข่งต้องถือว่าค่อนข้างหนัก แต่ผู้เขียนมั่นใจว่าเมาส์นี้จะตอบโจทย์เกมเมอร์บางกลุ่มอย่างแน่นอน เพราะมันจับแล้วไม่โหวงได้ความมั่นคงมาก

อย่างไรก็ตาม ขนาดตัวทรวดทรงของ Naga V2 Pro จากที่ผู้เขียนลองจับเมาส์ดูแล้วจะเหมาะกับสไตล์การจับแบบ Palm หรือ Claw Grip ที่สุด แต่คนจับแบบ Fingertip Grip เอาปลายนิ้วจับลากไปมาอาจจะรู้สึกหนักอยู่ระดับหนึ่ง ซึ่งข้อดีของ Naga V2 Pro ที่ออกแบบมาเน้นมือขวาเป็นหลัก คือเราสามารถพาดมือลงเมาส์แล้วนิ้วนางมีสันฝั่งขวามือให้ทาบนิ้วไม่ให้ลงไปถูกพื้นโต๊ะแล้วผู้เขียนสามารถหนีบนิ้วโป้งและก้อยเข้าข้างตัวเมาส์ได้เลย จึงลากเมาส์ไปมาได้เร็วไม่เหมือนกับเมาส์เกมมิ่งหลายๆ รุ่นที่ดีไซน์มาให้ใช้ถนัดทั้งมือซ้ายและขวา (Ambidextrous) เลยทำสันข้างเมาส์เสริมเข้ามาไม่ได้ ดังนั้น Naga V2 Pro จึงเหมาะกับเกมเมอร์ส่วนใหญ่ที่ถนัดขวามาก

Razer Naga V2 Pro DSC01174

Razer Naga V2 Pro DSC01168
Razer Naga V2 Pro DSC01169
Razer Naga V2 Pro DSC01172
Razer Naga V2 Pro DSC01175
Razer Naga V2 Pro DSC01173
Razer Naga V2 Pro DSC01171
Razer Naga V2 Pro DSC01138
Razer Naga V2 Pro DSC01139

ด้านความแตกต่างของ Razer Naga Pro กับ Naga V2 Pro ไม่ว่าจะกล่องหรือตัวเมาส์นั้นจะมีจุดแตกต่างกันเล็กน้อย ซึ่งหน้ากล่องของสินค้านั้นแทบไม่ต่างกันอย่างที่คิด ซึ่งวิธีการใช้งานและเลย์เอ้าท์ของภาพต่างๆ เรียกว่ายังคล้ายเดิม แต่จะมีโลโก้บางส่วนที่ถูกขยับตำแหน่งและถอดออกบ้าง ด้านตัวเมาส์จะมีจุดแตกต่างดังนี้

  • ส่วนบน : Naga V2 Pro ใช้ขอบสกรอล์เมาส์สีดำแทนสีเงิน แต่ดีไซน์โดยรวมคล้ายกัน
  • ด้านใต้ : Naga Pro มี Glide แผ่นเล็ก 4 แผ่นติดตามมุมและมี Glide กรอบสี่เหลี่ยมตรงกลางเมาส์, ปุ่มสลับโหมดการเชื่อมต่อและเปลี่ยนโปรไฟล์ติดไว้ฝั่งซ้ายถัดจากร่องสำหรับวางบนแท่นชาร์จและเปิดกรอบโชว์จุดเชื่อมต่อชาร์จเมาส์ไว้
  • ฝั่งซ้ายและขวา : ฝั่งขวาเป็นกริพกันลื่นสำหรับจับเมาส์และด้านซ้ายภายนอกเป็นชุดปุ่มมาโครเหมือนกัน แต่ภายในจะเปลี่ยนดีไซน์ที่เก็บ Razer HyperSpeed USB Dongle จากแบบเสียบแนวนอนเป็นแนวตั้งแทน
  • ด้านหน้า : เปลี่ยนพอร์ตเป็น USB-C จากสาย MicroUSB 

หากเทียบต้องถือว่าดีไซน์ของทั้งรุ่นแรกและ V2 นั้นแตกต่างกันไม่มาก ยกเว้นด้านใต้ที่เปลี่ยนดีไซน์ไปมากทีเดียว แต่ยังคงมีปุ่มสำคัญอย่างการเปลี่ยนโปรไฟล์และสลับโหมดการเชื่อมต่อติดตั้งมาให้ครบ ซึ่งจุดต่างของเมาส์ทั้งสองตัวจะเป็นสเปคภายในเมาส์เสียมากกว่า

Software

Screenshot 2023 01 18 102343

Screenshot 2023 01 18 102418
Screenshot 2023 01 18 102432

ซอฟท์แวร์ Razer Synapse 3 สำหรับปรับแต่งเกมมิ่งเกียร์ของทางบริษัททั้นสามารถโหลดมาติดตั้งแล้วเซ็ตอัพ Razer Naga V2 Pro ให้เข้ากับสไตล์การใช้งานได้ละเอียด โดยในหน้าแรกหลังจากเลือกเมาส์แล้ว หน้า UI ถือว่าสะอาดมองเข้าใจได้ง่าย ถ้ากดไอคอนรูปเมมโมรี่การ์ดข้างชื่อ Profile ก็สามารถโหลดโปรไฟล์ที่เซฟออนบอร์ดแยกไว้ทั้ง 5 แบบขึ้นมาใช้งานได้ทันที ถัดลงมาจะมีฟังก์ชั่นเปิด/ปิด Razer HyperShift ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นเพิ่มคำสั่งเมาส์พิเศษเข้าไปอีกคำสั่งหนึ่งนอกเหนือจากที่เซ็ตเอาไว้แล้ว เช่น ถ้าปุ่มมาโครหมายเลข 1 ถูกเซ็ตให้เอาไว้กดเพิ่มเสียง เมื่อเปิด HyperShift แล้วเราสามารถเพิ่มคำสั่งพิเศษเข้าไปได้อีกคำสั่งหนึ่งเป็นลดเสียงก็ได้ แต่ผู้ใช้ต้องเซ็ตปุ่มสำหรับสลับระหว่างโหมด Standard หรือ HyperShift เอาไว้ด้วย

Screenshot 2023 01 18 102504

Screenshot 2023 01 18 102515
Screenshot 2023 01 18 102531
Screenshot 2023 01 18 102539
Screenshot 2023 01 18 102645
Screenshot 2023 01 18 102653
Screenshot 2023 01 18 102708

การเซ็ตคำสั่งให้เพลตข้างเมาส์แต่ละแบบของ Razer Synapse 3 ทำมาได้ดีและใช้สะดวกมาก โดยหน้า UI จะมีให้ผู้ใช้เลือกเลยว่าเราต้องการเซ็ตคีย์ลัดและคำสั่งใดให้เพลตไหนของ Razer Naga V2 Pro ซึ่งเราเลือกเพลตในหน้าโปรแกรม กดตัวเลขปุ่มมาโครแล้วเซ็ตได้ตามต้องการ พอเปลี่ยนเพลตแล้วเมาส์จะโหลดคำสั่งนั้นๆ ขึ้นมาใช้งานให้โดยอัตโนมัติ

ในหน้าต่างคำสั่งคีย์ลัดของ Naga V2 Pro จะมีคำสั่งให้เลือกหลากหลายแบบมาก ทั้งคำสั่งใช้งานบนคีย์บอร์ดหรือใช้ตั้งค่าการทำงานของเมาส์ก็ได้ นอกจากนี้ยังใช้สลับโปรไฟล์, ใช้กดคีย์ลัดเปิดโปรแกรมที่ต้องการใช้งาน, กด Shortcut ของ Windows หรือกดคีย์ลัดเพื่อส่งข้อความที่เซฟเอาไว้ใช้โดยเฉพาะ อย่างเช่นเอาไว้พิมพ์ประโยคใช้งานบ่อยตอนเล่นเกมกับเพื่อนก็ได้เช่นกัน

Screenshot 2023 01 18 102720

Screenshot 2023 01 18 102824
Screenshot 2023 01 18 102837

หมวด Performance จะเป็นหน้าตั้งค่า DPI ของเมาส์ว่าต้องการให้เมาส์เลื่อนเร็วหรือช้าแค่ไหน ในตัวโปรแกรมตั้งค่าพื้นฐานมาเป็น Sensitivity Stage แยกความเร็วเป็นขั้นบันไดทั้งหมด 5 ระดับ ตอนตั้งค่าให้กดกรอบ Stage ที่ต้องการแล้วจะเลื่อนค่า DPI ที่เส้นด้านล่างหรือพิมพ์ตัวเลขเข้าไปเลยก็ได้เช่นกัน

Lighting จะเอาไว้ตั้งค่าไฟ RGB ตรงโลโก้ของ Razer Naga V2 Pro ว่าจะให้สว่างหรือมืดระดับไหน โดยปรับได้ตั้งแต่ 0~100 และเลือกได้ว่าจะให้ไฟ RGB ปิดตามหน้าจอคอมหรือไม่ได้ใช้งานนานเท่าไหร่ โดยตั้งได้ตั้งแต่ 1~15 นาที รวมทั้งเซ็ตเอฟเฟคของไฟที่โลโก้ Razer ได้ด้วย

Screenshot 2023 01 18 102747
Screenshot 2023 01 18 102913

ส่วนของสกรอล์เมาส์ซึ่งเป็นจุดเด่นของ Razer Naga V2 Pro เอง ทาง Razer ก็ทำหน้าต่างแยกเอาไว้ให้โดยเฉพาะ โดยมี Scroll Wheel Stages ให้เลือก 5 แบบที่เป็นค่าจากโรงงานและ 1 โหมดเป็น Custom ให้ผู้ใช้ตั้งค่าได้ตามต้องการ ฝั่งขวาเป็นกราฟโชว์อัตราการหมุนสกรอล์ต่อความตึงของลูกล้อ (Tension) ว่าเราต้องออกแรงหมุนเยอะหรือเปล่า ซึ่งผู้ใช้สามารถดูจากกราฟด้านข้างได้เลยและถ้าจะใช้หรือไม่ใช้โปรไฟล์ไหน ก็สามารถกดเปิดปิดได้ตามต้องการ

โปรไฟล์ Custom จะเป็นโปรไฟล์พิเศษซึ่งทาง Razer ทำมาให้ผู้ใช้ปรับรูปแบบการหมุนสกรอลเมาส์ได้ด้วยตัวเอง ในตอนแรกโปรไฟล์นี้จะถูกปิดอยู่ต้องมาเปิดและตั้งในโปรแกรมถึงจะใช้งานได้ ตอนตั้งค่าจะใช้วิธีเลื่อนเพิ่มลดค่า Scroll Tension, Scroll Steps ด้านข้างหรือดึงจุดพล็อตกราฟเองเลยก็ได้ จัดว่าใช้งานได้ดีปรับสไตล์ได้ตามความชอบของผู้ใช้แต่ละคนได้เลย

Screenshot 2023 01 19 130510

จุดน่าสนใจนอกจากซอฟท์แวร์ Razer Synapse 3 แล้ว ตัวโปรแกรมจะพ่วง Razer Cortex ซอฟท์แวร์จัดการทรัพยากรคอมมาช่วย Optimize ลดการใช้แรมและจัดการโปรแกรมเบื้องหลังให้ไม่แย่งทรัพยากรตัวเครื่องเวลาเล่นเกมด้วย โดยตัวซอฟท์แวร์จะขึ้นเป็นหน้าต่าง Notificaition มุมขวาล่างของหน้าจอเพื่อบอกผู้ใช้ว่าตอนนี้ตัวซอฟท์แวร์ลดการใช้แรมในเครื่องไปแล้วกี่ GB จัดการ Optimize ไปแล้วกี่โปรแกรม ซึ่งจากที่ทดลองใช้พบว่ามันเพิ่มเฟรมเรทตอนเล่นเกมได้ระดับหนึ่ง ราว 5~10 Fps ซึ่งถือว่ามีประโยชน์ดีทีเดียว อาจนับเป็นลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ จากทาง Razer ก็ได้

User Experience

Razer Naga V2 Pro DSC01193

Razer Naga V2 Pro เป็นเมาส์เกมมิ่งที่ขนาดตัวใหญ่และออกแบบมาให้ใช้กับมือขวาโดยเฉพาะ ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนเคยใช้ Razer Naga รุ่นแรกๆ เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ พอข้ามมาจับรุ่นปัจจุบันก็รู้สึกว่าเมาส์รุ่นนี้ได้รับการพัฒนามาไกลมาก จากเมาส์ที่มีขนาดค่อนข้างเล็กจับถนัดมือและผู้หญิงใช้งานได้สบายไม่หนักมาก เป็นเมาส์เกมมิ่งตัวใหญ่เต็มมือจับถนัดและยังเปลี่ยนกรอบข้างเมาส์ได้ตามสไตล์และความถนัดได้เลย โดยเฉพาะสันเมาส์สำหรับรองรับนิ้วนางขวาในรุ่นปัจจุบันโก่งรับมือได้ดีมากแล้วนิ้วไม่ลากไปกับแผ่นรองเมาส์หรือพื้นโต๊ะ ทำให้หนีบนิ้วโป้งและก้อยเข้าข้างเมาส์แล้วลากกวาดได้สะดวกขึ้นมาก แต่ขนาด, น้ำหนัก 129 กรัมและดีไซน์ตัวเมาส์เมื่อจับแล้ว โครงเมาส์ก็แทบจะบังคับให้จับแบบ Palm หรือ Claw Grip ไปโดยปริยาย ส่วน Fingertip Grip แม้จะจับได้แต่น้ำหนักเมาส์นั้นทำให้ดึงเมาส์ไปมาไม่สะดวกเท่าที่ควร

จุดแข็งที่น่าพูดถึง คือปุ่มมาโครข้างเมาส์ซึ่งเซ็ตตั้งค่าเรียกโปรแกรมหรือคำสั่งต่างๆ ได้ตามต้องการ ซึ่งผู้เขียนได้เซ็ตเอาไว้เรียกโปรแกรมใช้งานบ่อยผสมกับคีย์ลัดของ Windows อีกนิดหน่อยก็ช่วยประหยัดเวลาตอนทำงานได้ดีมาก นับว่า Razer Naga V2 Pro เป็นเมาส์เกมมิ่งซึ่งสามารถเปลี่ยนตัวเองมาทำงานได้ดีไม่แพ้เมาส์สำหรับสายทำงานโดยเฉพาะเลย และได้เปรียบกว่าเมาส์สายทำงานตรงปุ่มมาโครมีให้ใช้เยอะ ถ้าใครทำงานกับโปรแกรมที่มีคีย์ลัดมากๆ โดยเฉพาะโปรแกรมสาย Adobe ไม่ว่าจะ Photoshop, Lightroom หรือ Premier Pro น่าจะได้ใช้ประโยชน์จากมันได้มากทีเดียว

ด้านการเชื่อมต่อ เมาส์นี้ถ้าใช้ Razer HyperSpeed USB 2.4GHz แบตเตอรี่จะอยู่ได้นานสุด 150 ชั่วโมง ถ้าใช้ Bluetooth จะอยู่ได้นาน 300 ชั่วโมง ชาร์จแบตเตอรี่ได้ด้วยสาย USB-C ซึ่งจะใช้สาย Razer Speedflex USB-C ในกล่องต่อชาร์จไปเล่นไปหรือใช้สายชาร์จสมาร์ทโฟนก็สะดวกไม่แพ้กัน และระยะเวลาใช้งานเมาส์จัดว่าน่าประทับใจมาก จากที่ใช้เล่นเกมที่บ้านแล้วพกใส่กระเป๋าไปทำงาน แบตเตอรี่ก็ยังไม่หมดง่ายๆ และเชื่อว่าถ้าใครซื้อไปใช้อาจจะใช้เพลินจนลืมชาร์จไปเลยทีเดียว ดังนั้นในแง่ระยะเวลาใช้งานจัดว่าหายห่วยไม่มีข้อกังขา ส่วนการตอบสนองแม้จะต่อ Bluetooth ก็ยังใช้งานได้ดีมากไม่ต่างกับการใช้ HyperSpeed เลย แต่สันนิษฐานว่าถ้าเป็น Bluetooth จะเหมาะกับการใช้ทำงานมากกว่า ถ้าเล่นเกมอาจมีอาการ Input Lag เล็กน้อย

เซนเซอร์ Razer Focus Pro 30K ของ Naga V2 Pro ณ ตอนนี้นับเป็นเซนเซอร์ที่มีค่า DPI สูงและละเอียดสุดในกลุ่มเกมมิ่งเมาส์ในปัจจุบัน ซึ่งแบรนด์คู่แข่งหลายๆ เจ้ายังอยู่ระดับ 26,000 DPI แต่ของ Razer นั้นสูงจนแตะ 30,000 DPI และยังปรับตั้งค่า DPI ได้ละเอียดมากและลากเคลื่อนเคอร์เซอร์ไปมาได้ดีมาก ตอนเล่นเกม FPS แล้วลองปรับค่า DPI เพียงขยับข้อมือเบาๆ ก็หมุนตัวละครแทบจะในทันที แต่เซนเซอร์ไม่เกิดอาการไหลเลย ลากเมาส์ไปแล้วหยุดตรงไหนก็ไม่มีอาการเคอร์เซอร์ไหลแม้แต่น้อย ซึ่งสำคัญมากเพราะถ้าเล่นเกมลากเมาส์เร็วๆ ตามศัตรูแล้ว หากเซนเซอร์เพี้ยนอาจจะส่งผลต่อรูปเกมได้เลย แต่ Razer Naga V2 Pro ไม่เจอปัญหานี้สักนิด

อย่างไรก็ตาม Razer Naga V2 Pro ยังมีข้อสังเกตหลักๆ คือ เมื่อเทียบกับเมาส์เกมมิ่งไร้สายของแบรนด์คู่แข่งแล้วนับว่ามีน้ำหนักมากสุดในกลุ่ม เพราะหลายๆ แบรนด์ ณ ตอนนี้จะอยู่ช่วง 80~90 กรัม แล้วแข่งกันลดน้ำหนัก แต่ระยะเวลาของแบตเตอรี่ก็น้อยกว่า Razer Naga V2 Pro ถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว อย่างมากอยู่ได้ราว 60~80 ชั่วโมงก็หมดแล้วและมักจะเชื่อมต่อเฉพาะ USB 2.4GHz เท่านั้น ไม่มี Bluetooth ให้ใช้ ดังนั้น Naga V2 Pro จึงได้เปรียบเรื่องรูปแบบการใช้งานที่ยืดหยุ่นและใช้งานต่อเนื่องได้นานกว่าอย่างชัดเจน

จุดสังเกตถัดมาเป็นเรื่องดีไซน์ นั่นเพราะ Naga V2 Pro ออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์มือขวาเท่านั้น ใครที่ถนัดมือซ้ายแต่อยากใช้ฟังก์ชั่นมาโครเยอะๆ ก็จำเป็นต้องปรับตัวอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ทาง Razer ก็เคยทำ Naga Left-Handed Edition ออกมาขายเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา จึงไม่มั่นใจว่าจะมี Naga V2 Pro Left-Handed Edition ออกมาวางขายในอนาคตหรือไม่ แต่ถ้ามีก็เป็นเรื่องที่ดีเพื่อเกมเมอร์ถนัดซ้ายแน่นอน ส่วนจุดน่าสนใจคือ ถ้าใครใช้เมาส์ Ergonomic ที่ออกแบบมาใช้ทำงานโดยเฉพาะจนติดแล้วมาใช้ Razer Naga V2 Pro ในช่วงแรกๆ จะรู้สึกได้ทันทีว่าจะต้องบิดแขนเข้าเยอะกว่าปกติ หากใช้ทำงานทั้งวันอาจจะมีอาการเมื่อยอยู่บ้างเล็กน้อย

Summary

Razer Naga V2 Pro DSC01187

Razer Naga V2 Pro เป็นเกมมิ่งเมาส์ที่แม้จะมีราคา 7,490 บาทก็ตาม แต่เทคโนโลยี, ฟีเจอร์, อุปกรณ์เสริมต่างๆ ของเมาส์นี้ต้องถือว่าคุ้มค่าตัว คุณจะได้เมาส์ที่เซนเซอร์คม, เปลี่ยนโปรไฟล์และมีปุ่มมาโครให้กดได้อย่างจุใจ แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้นานมากจนแทบจะลืมชาร์จแบตฯ และ Naga V2 Pro นี้ นับว่าเป็นตัวเดียวจบได้ จะใช้เล่นเกมที่บ้านต่อด้วย Razer HyperSpeed แล้วมีเพลต 1~2 ชิ้นเอาไว้ พอพกไปทำงานก็เปลี่ยนเพลตแล้วต่อ Bluetooth ใช้ทำงานแล้วกับคอมอีกเครื่องต่อได้สะดวกสุดๆ ไม่ต้องแยกเมาส์ให้เสียเงินสองต่อ เพราะถ้าหารราคา 7,490 บาท ก็จะได้เป็นเงิน 3,745 บาท ไว้ซื้อเมาส์ทำงานอย่างดีและเกมมิ่งที่สเปคไล่เลี่ยกันได้อย่างละตัวก็จริง แต่ก็มีของใช้ซ้ำซ้อนเช่นกัน ดังนั้นสู้ซื้อเมาส์ดีๆ เอาไว้ใช้งานตัวเดียวจบดีกว่า

โดยรวมแล้ว Razer Naga V2 Pro เป็นเกมมิ่งเมาส์ที่พัฒนาตัวเองจากเมาส์สำหรับเกมแนว MMORPG, MOBA เป็นหลัก ให้ก้าวมาเป็นเมาส์มาโครน่าใช้ได้อย่างเต็มภาคภูมิ พอผสานกับฟีเจอร์เปลี่ยนเพลตข้างเมาส์ให้เข้ากับรูปแบบการใช้งานได้แล้ว จึงไม่ต้องยึดโยงว่าตระกูล Razer Naga นั้นจะต้องเอาไว้เล่นแค่เกมแนวนี้เท่านั้นหรือทำงานแบบนี้อย่างเดียว เพราะมันกลายเป็นเมาส์อเนกประสงค์เพื่อคนถนัดขวาโดยเฉพาะไปแล้วโดยสมบูรณ์ น่าลงทุนซื้อมาใช้งานมาก

from:https://notebookspec.com/web/683044-review-razer-naga-v2-pro

Oppo เปิดตัว MariSilicon Y ชิปเสียง Bluetooth ออกแบบเอง เพิ่มแบนด์วิดท์อีก 50%

Oppo เคยเปิดตัวชิปที่ออกแบบเองตัวแรกคือ MariSilicon X ชิปประมวลผลภาพ (imaging NPU) มาก่อนแล้วเมื่อปลายปี 2021 ซึ่งถูกนำไปใช้ใน Oppo Find X5 เรือธงของปี 2022

คราวนี้ Oppo เปิดตัวชิปออกแบบเองตัวที่สองคือ MariSilicon Y ทำหน้าที่ต่างออกไป มันเป็น Bluetooth audio SoC สำหรับจัดการเสียงผ่าน Bluetooth ไปยังหูฟังไร้สายหรืออุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ

Oppo บอกว่าการออกแบบชิปเองทำให้เพิ่มแบนด์วิดท์ได้อีกถึง 50% เทียบกับชิป Bluetooth SoC ในตลาด และสามารถส่งเสียงแบบ loseless ที่ระดับ 24-bit/192kHz ผ่าน Bluetooth ได้เป็นครั้งแรก หากนำมาใช้ร่วมกับ codec URLC ของ Oppo เอง (แปลว่าน่าจะเฉพาะหูฟังไร้สายของ Oppo) จะได้แบนด์วิดท์ถึง 12 Mbps

Oppo ยังไม่ได้บอกว่าจะนำ MariSilicon Y มาใช้ช่วงใด

No Description

ที่มา – Oppo, Oppo

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/131917

ลำโพงคอม เสียงดี 9 รุ่น งบ 2000 บาท ไร้สาย ต่อมือถือได้ เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง ของขวัญปีใหม่

ลำโพงคอม เสียงดี ไซส์มินิ ในงบ 2000 บาท 9 รุ่น ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ประชุมออนไลน์ บลูทูธไร้สาย ของขวัญปีใหม่

ลำโพงคอม เสียงดี

ลำโพงคอม เสียงดี ใครก็อยากได้ วันนี้เรามีลำโพง 9 รุ่นมาแนะนำในช่วงปลายปี 2022 สำหรับเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับตนเอง หรือจะมอบให้คนพิเศษของคุณในปี 2023 ได้เช่นกัน เพราะหลายชีวิตเวลานี้ ยิ่งคนทำงานเป็นหลัก ก็มักอยู่หน้าคอมทั้งวัน จนบางครั้งแทบจะทานข้าวหน้าคอมไปด้วย เพราะทุกวันนี้บางคนยังต้องทำงานออนไลน์อยู่ที่บ้าน จึงรวมเอาทั้งการทำงาน และความบันเทิงไว้ที่เดียวกันเลย นอกจากเรื่องภาพแล้ว เรื่องเสียงก็สำคัญ บางคนอาจจะชอบหูฟัง ช่วงที่ต้องการเป็นส่วนตัว แต่บางครั้งลำโพง ก็ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้มากกว่า ไม่อึดอัด แต่การจะเลือกลำโพงที่ถูกใจ ถูกราคาได้สักรุ่น ก็ไม่ง่าย วันนี้มาดูกันว่า รุ่นไหนจะถูกใจคุณกันบ้างครับ


ลำโพงคอม เสียงดี

  1. BINNIFA Play 2D
  2. Audio Technica AT-SP95
  3. EDIFIER R19BT
  4. Philips MMS2025
  5. Microlab M600BT
  6. Edifier G1500 HECATE
  7. BINNIFA Play 3D
  8. Microlab M200BT
  9. Creative T60
  10. Conclusion

1.BINNIFA Play 2D

ลำโพงคอม เสียงดี

ลำโพงคอมราคาประหยัด แต่จัดว่าน่าสนใจ ขนาดกระทัดรัด ดีไซน์เรียบง่าย แต่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกมก็ตาม เหมาะสำหรับคนที่เน้นความสะดวก ใช้งานง่าย และพกพาไปใช้งานข้างนอกได้ กับการเป็นลำโพงแบบ 2 แชนแนล รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้งแบบไร้สาย ผ่านทางบลูทูธ 5.0 เข้ากับโน๊ตบุ๊ค แท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟน และแบบใช้สายด้วย USB-A to micro-USB ปุ่มไดอัล ปรับเพิ่ม-ลดเสียงได้จากหลังลำโพง เสียงเบสค่อนข้างนุ่ม ความทุ้มกับการดูหนัง เล่นเกมให้เอฟเฟกต์กับความเร้าใจได้ ใครที่ชอบสไตล์ของลำโพงโลหะผสานกับความเป็นไม้แบบคลาสสิค ไม่ควรพลาดกับราคาประมาณ 999 บาท

Advertisementavw
จุดเด่น ข้อสังเกต
ขนาดกระทัดรัด ปรับระดับเสียงด้านหลัง
รองรับบลูทูธ 5.0

รายละเอียดเพิ่มเติม: XIAOMI BINNIFA


2.Audio Technica AT-SP95

ลำโพงคอม เสียงดี

ลำโพงขนาดกระทัดรัด ที่สามารถจัดวางบนโต๊ะคอมได้อย่างลงตัว พร้อมปุ่มบิดปรับระดับเสียง ที่ควบคุมได้อย่างง่ายดาย เป็นแบบ 2 แชนแนล ใช้พลังงานจากพอร์ต USB ซึ่งคุณจะต่อจากพีซี หรือโน๊ตบุ๊คได้ตามสะดวก สายต่อ AUX ที่ยาว 1.5 เมตร ทำให้วางในพื้นที่ห่างจากจอภาพได้ไม่เกะกะ ไดรเวอร์ที่เป็นตัวขับ 2w จำนวน 2 ตัว ช่วยให้ถ่ายทอดพลังเสียงที่โดดเด่น เสียงกลางแน่น ทำให้ได้ยินเสียงนักร้อง หรือการสนทนาได้ชัด สเตจเสียงอยู่ที่ 10Hz – 20,000Hz เท่านี้ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลง การชมภาพยนตร์และการประชุมออนไลน์ได้สะดวก ราคาประมาณ 1,290 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ดีไซน์สวย วัสดุแข็งแรง ใช้งานแบบต่อสายเท่านั้น
ให้ย่านเสียงที่กว้าง

รายละเอียดเพิ่มเติม: Audio Technica


3.EDIFIER R19BT

ลำโพงคอม เสียงดี

ลำโพงบลูทูธขนาดกระทัดรัดรุ่นใหม่ ราคา ใช้ได้ 2 ระบบ ในราคาสบายกระเป๋า จัดเป็นลำโพงคอม เสียงดีอีกรุ่นหนึ่ง ที่มาพร้อมความเรียบง่าย แต่เข้ากับสไตล์การใช้งานในแบบต่างๆ ได้อย่างลงตัว ต่างจากจอรุ่นพี่ๆ เล็กน้อย ตรงที่เปิดโชว์ให้เห็นลำโพงและการออกแบบภายใน จุดเด่นอยู่ที่การใช้งานได้ทั้งแบบไร้สายผ่านบลูทูธ 5.3 ให้การเชื่อมต่อที่รวดเร็ว สำหรับมือถือหรืออุปกรณ์โมบาย และต่อผ่านสาย USB ที่มีซาวด์การ์ดมาในตัว รวมถึงการต่อผ่าน AUX โดยที่ปรับระดับเสียง รวมถึงเปิด-ปิดลำโพงได้จากด้านหน้า เรียกว่าเป็นลำโพงอีกรุ่นที่ไม่น่าพลาด กับราคาประมาณ 1,390 บาทเท่านั้น

จุดเด่น ข้อสังเกต
ดีไซน์ทันสมัย ลงตัว เน้นโทนเสียงกลางเป็นหลัก
ปรับระดับเสียงได้ง่าย

รายละเอียดเพิ่มเติม: Edifier


4.Philips MMS2025

ลำโพงคอม เสียงดี

ลำโพงคอม เสียงดี ปี 2022 อีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจ ในราคาไม่เกิน 2,000 บาท เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ออกแบบมาในรูปลักษณ์ที่ทันสมัย ในสไตล์ของ 2.1 วัสดุแข็งแรง โครงสร้างขนาดกลางๆ ให้การเชื่อมต่อได้ทั้งแบบไร้สายผ่านบลูทูธ 5.0 หรือจะต่อสาย AUX ร่วมกับสมาร์ททโฟน พีซีหรือโน๊ตบุ๊คที่มีช่องเอาท์พุต 3.5mm ก็ได้เช่นกัน ย่านความถี่เสียง 40Hz – 20KHz จึงค่อนข้างเก็บรายละเอียดได้ดี เน้นที่ความบันเทิงเป็นหลัก ทั้งการดูหนังและฟังเพลง ด้วยการให้เสียงเบสที่จุใจ ปรับระดับเสียงได้จากด้านหน้าของ Sattlelite รวมถึงมี USB Direct เพื่อใช้ในการเล่นเพลง MP3 ได้ทันที และมีตัวรับสัญญาณ FM ในตัว เรียกว่าสะดวกครบครัน สนุกได้ทุกที่ในงบ ประมาณ 1,490 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
เป็นลำโพงคอม 2.1 ที่ราคาโดดเด่น ต่อ USB Direct ได้
รองรับทั้งบลูทูธและต่อสาย

รายละเอียดเพิ่มเติม: Philips


5.Microlab M600BT

ลำโพงคอม เสียงดี

ลำโพงคอมที่ตอบโจทย์ทั้งต่อสายและไร้สายผ่านบลูทูธได้สะดวก กับดีไซน์ของ Microlab ที่เรียกว่า เข้าสไตล์กับการใช้งานในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง หรือการเล่นเกมก็ตาม เพราะคุณจะเล่นเกมผ่านพีซี โน๊ตบุ๊ค ก็สะดวก หรือจะเพิ่มความมันส์กับการเล่นบนมือถือก็ทำได้ ขนาดกระทัดรัด ในสไตล์ของลำโพง 2.1 และมีตัวควบคุมเสียงเป็นสายต่อมาในตัว หรือจะปรับจากทางด้านหลังลำโพงก็ได้ โดยเป็นชุดลำโพงที่มีตัวขับด้านหน้า พร้อม Tweeter ข้างละ 1 ตัว ให้เสียงย่านกลางได้ค่อนข้างดี ย่านความถี่อยู่ที่ 40Hz-20KHz ให้เบสที่นุ่มนวลดีพอสมควร ราคาประมาณ 1,890 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
มี Dial ให้ปรับระดับเสียงแยกมาด้วย
Tweeter ประหยัดพื้นที่

รายละเอียดเพิ่มเติม: Microlab


6.Edifier G1500 HECATE

ลำโพงคอม เสียงดี

เป็นลำโพงคอม เสียงดีที่ออกแบบมาในสไตล์ของเกมมิ่งน่าสนใจ ไซส์กระทัดรัด เล็ก พกพาไปใช้งานข้างนอกได้ แถมยังมีแสงไฟ RGB สวยสะดุดตา เพิ่มความล้ำสมัยน่าใช้มากยิ่งขึ้น จุดเด่นอยู่ที่การปรับแต่งแสงไฟได้ รองรับทั้งการเล่นเกม ดูหนัง และฟังเพลง โดยมีโหมดเสียงที่แตกต่างกันให้ใช้งาน 3 รูปแบบ รูปทรงในแบบ Hexagon ทำให้ดูเหมือนกับยานอวกาศ รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้งพีซี โน๊ตบุ๊คผ่านทาง 3.5mm AUX หรือ USB และใช้ร่วมกับมือถือ แท็ปเล็ตแบบไร้สายด้วย Bluetooth 5.3 แม้จะเป็นลำโพงแบบ 2 แชนแนลแต่ให้พลังขับได้ถึง 10W, 5W + 5W เรียกว่าความมันส์มาแบบจัดเต็ม ปรับระดับเสียงได้จากด้านหน้าลำโพง จัดจ้านกับซาวด์การ์ดที่ติดตั้งในตัว ย่านความถี่สัญญาณ 93Hz – 20KHz แม้เสียงต่ำจะไม่ได้ลงลึกมาก แต่ยังเก็บเสียงกลางที่แน่นไว้ได้ สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 1,990 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ดีไซน์สวย มีไฟ RGB เน้นเสียงกลาง
ต่อพ่วงได้หลายช่องทาง

รายละเอียดเพิ่มเติม: Edifier


7.BINNIFA Play 3D

ลำโพงคอม เสียงดี

ลำโพงคอมในแบบ 2.1 แชนแนลที่มีขนาดกระทัดรัด แต่จัดฟีเจอร์มาได้อย่างน่าสนใจ สำหรับคนที่รักความบันเทิง รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้งแบบไร้สาย Bluetooth 5.0 สำหรับใช้กับพีซี โน๊ตบุ๊คและเครื่องเล่นโมบาย แต่ก็สนับสนุนการต่อสายด้วย AUX ได้อีกด้วย กับดีไซน์ที่ดูทันสมัย แต่ก็เรียบง่าย เน้นโทนสีที่เป็นไม้ ให้ความนุ่มนวล ระบบเสียงที่แยกรายละเอียดได้แม่นยำมากขึ้น เช่นเดียวกับระบบเสียง DSP ที่ให้ความแม่นยำ ซับวูเฟอร์ที่เสียงแน่นให้ความกระหึ่มสะใจ เน้นเสียงกลางชัด เสียงสูงมีความชัดเจน ปรับเพิ่ม-ลดเสียงได้จากด้านหลังของลำโพง ให้ย่านความถี่เสียงระดับ 60Hz – 20KHz สนนราคาอยู่ที่ 1,990 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ดีไซน์ทันสมัย สวยงาม ระบบเสียง DSP
ปรับระดับเสียงง่าย

รายละเอียดเพิ่มเติม: BINNIFA


8.Microlab M200BT

ลำโพงคอม เสียงดี

เป็นลำโพงอีกรุ่นหนึ่งของค่าย Microlab ในแบบ 2.1 แชนแนล ที่มีความทันสมัยไม่น้อย กับการออกแบบที่เข้ากันได้ทั้งในเรื่องความบันเทิง และการทำงาน โดยรองรับการเชื่อมต่อได้ทั้งแบบมีสาย เข้ากับพีซี โน๊ตบุ๊คหรือเครื่องเล่นอื่นๆ ได้ ผ่านทางแจ๊ค 3.5mm Audio และการเชื่อมต่อไร้สายด้วย Bluetooth 4.2 เหมาะกับคนที่ชอบความสนุกสนาน และการทำงานจริงจัง ด้วยชุดลำโพง พร้อมแอมป์ 40W และ Tweeter 12W x2 รองรับย่านความถี่เสียง 30Hz – 20kHz ให้โทนเสียงต่ำ และกลางได้แน่น เน้นความกระหึ่มของเอฟเฟกต์ในการเล่นเกม และดูหนัง รวมถึงเสียงดนตรี ที่จัดมาได้แบบใสๆ เคาะราคามาที่ 2,350 บาท

จุดเด่น ข้อสังเกต
ชุดลำโพง พลังขับสูง ขนาดค่อนข้างใหญ่
การเชื่อมต่อสะดวก

รายละเอียดเพิ่มเติม: Microlab


9.Creative T60

ลำโพงคอม เสียงดี

ลำโพงคอม เสียงดี ดีไซน์ว้าวจากทาง Creative ที่มาในแบบ 2 แชนแนล ชุดปรับระดับเสียงด้านหน้า ให้ความหรูหรา ลงตัวกับทุกสไตล์ ประหยัดพื้นที่วางบนโต๊ะ ที่เป็นชุดลำโพง พร้อมแอมป์ดิจิตอลในตัว เป็นแบบ 2 x15W RMS กับการเชื่อมต่อได้ทั้งแบบไร้สายผ่าน Bluetooth 5.0 สำหรับสมาร์ทโฟน และโน๊ตบุ๊ค รวมถึงสายต่อ USB-C เพื่อใช้กับพีซี รวมถึง AUX-in ที่ต่อจากเครื่องเล่นในแบบอื่นๆ ให้ย่านความถี่ระดับ 50Hz–20KHz พร้อมเทคโนโลยี BasXPort และระบบลดเสียงรบกวนโดยรอบแบบอัตโนมัติ รองรับทั้งการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม และการสนทนา เสียงที่คมชัด เหมาะกับการใช้งานในด้านต่างๆ แม้ราคาจะค่อนข้างสูง คือขยับไปที่ 2,750 บาท แต่หากมองจากการออกแบบ ฟีเจอร์และคุณภาพเสียง ก็ถือว่าน่าลงทุนไม่น้อยเลย

จุดเด่น ข้อสังเกต
ต่อได้หลากหลาย 2 แชนแนล ราคาสูงสุดในครั้งนี้
การออกแบบล้ำสมัย

รายละเอียดเพิ่มเติม: Creative


Conclusion

Channel Driver Input Bluetooth Frequency Price
1.BINNIFA Play 2D 2 2.5W x2 AUX 5.0 20Hz–20KHz 999
2.Audio Technica AT-SP95 2 2W x2 AUX 100Hz–20KHz 1,290
3.EDIFIER R19BT 2 2W x2 AUX 5.3 80Hz – 19KHz 1,390
4.Philips MMS2025 2.1 25W AUX 5.0 40Hz – 20KHz 1,890
5.Microlab M600BT 2.1 12W AUX 3.0 40Hz – 20KHz 1,890
6.Edifier G1500 HECATE 2 5W x2 AUX 5.3 93Hz – 20KHz 1,990
7.BINNIFA Play 3D 2.1 15W AUX 5.0 60Hz – 20KHz 1,990
8.Microlab M200BT 2.1 12W x2 AUX 4.2 30Hz – 20kHz 2,350
9.Creative T60 2 15W x2 AUX 5.0 50Hz–20KHz 2,750

ก็น่าจะครบถ้วนกันไปแล้ว สำหรับลำโพงคอม เสียงดีขนาดกระทัดรัด น่าใช้ในสไตล์ของเกมเมอร์ และสายบันเทิง ที่รองรับทั้งการเล่นเกม ชมภาพยนตร์ และฟังเพลง ในงบประมาณ 2,000 บาทนี้ ซึ่งเกือบทั้งหมด จะเป็นลำโพงที่เชื่อมต่อบลูทูธ สำหรับการใช้งานแบบไร้สายได้ จะมีเพียง Audio Technica รุ่นเดียว ที่ต่อกับ AUX ส่วนถ้าคุณชอบเรื่องดีไซน์ กระทัดรัด พกพาไปใช้งานได้ 2 แชนแนล เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยรุ่นที่เล็กๆ ก็จะมีทั้ง BINNIFA, Creative และ EDIFIER เป็นต้น ส่วนถ้าจะเน้นสเตจเสียงที่กว้าง ก็มีทั้ง BINNIFA และ Microlab ส่วนถ้าต้องการสีสันแบบล้ำๆ มีไฟสวย Edifier G1500 HECATE ก็ตอบโจทย์คุณได้เช่นกัน แต่ถ้าชอบสไตล์แบบเรียบง่าย เข้าได้ทุกโต๊ะทำงาน ก็มีด้วยกันหลายรุ่น เช่น Creative, Microlab และ EDIFIER เป็นต้น แต่ละรุ่นก็จะมีเรื่องของฟังก์ชั่นการปรับจูน และต่อพ่วงใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต่างกันออกไป ชื่นชอบแบบไหน ก็เลือกสรรกันได้ตามสะดวกครับ สุดท้ายนี้ใครถูกใจเลือกใช้รุ่นไหนกันไปแล้วบ้าง ก็อย่าลืมคอมเมนต์เอาไว้แนะนำเพื่อนๆ กันบ้างครับ เผื่อจะได้เป็นแนวทางให้เพื่อนๆ ได้ตัดสินใจกัน ขอให้เต็มอิ่มไปกับความบันเทิงในช่วงปีใหม่ที่จะถึงนี้ครับ

from:https://notebookspec.com/web/678338-10-pc-speaker-2022

[คลิป VDO] พบวิธีย้อนรอยสัญญาณบลูทูธเพื่อหาตำแหน่งอุปกรณ์ได้

มีงานวิจัยใหม่จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานดิเอโก้ ที่ออกมาตีแผ่วิธีย้อนรอยสัญญาณบลูทูธในการตรวจติดตามตำแหน่งของสมาร์ทโฟนเป้าหมายได้ อันเป็นผลมาจากช่องโหว่บนฮาร์ดแวร์ชิปเซ็ตบลูทูธที่มาตั้งแต่กระบวนการผลิต

ช่องโหว่นี้ทำให้มี “ลักษณะเฉพาะตัวของสัญญาณที่มาจากลำดับชั้นฟิสิคอล” ที่ผู้โจมตีใช้ตัวจับสัญญาณคลื่นวิทยุที่ปรับแต่งด้วยซอฟต์แวร์เป็นพิเศษ ที่สามารถบันทึกคลื่นวิทยุ IQ ที่ลอยอยู่บนอากาศได้ โดยมีการอธิบายวิธีนี้ในเอกสารวิจัยชื่อ “การวิเคราะห์วิธีโจมตีที่ตรวจหาตำแหน่งของ BLE ระดับฟิสิคอลบนอุปกรณ์พกพา”

การโจมตีนี้ทำได้ด้วยธรรมชาติของการกระจายสัญญาณของตัว Bluetooth Low Energy (BLE) ที่ส่งออกมาจากอุปกรณ์อย่างต่อเนื่อง ที่จริงๆ ใช้สำหรับฟังก์ชั่นที่สำคัญอย่างการตรวจสอบการสัมผัสโรคติดต่อในช่วงที่มีวิกฤติด้านสาธารณสุขที่ผ่านมา

จุดอ่อนนี้มาจากตัวฮาร์ดแวร์ ที่มาจากข้อเท็จจริงที่ว่าส่วนของไวไฟและ BLE มักทำงานบน “คอมโบ้ชิป” เดียวกัน จึงทำให้บลูทูธมีค่าบางอย่างที่นำไปใช้เป็นร่องรอยสัญลักษณ์จำเพาะของอุปกรณ์ไวไฟแต่ละเครื่องได้ เช่น ค่าออฟเซ็ตความถี่จากเครือข่าย และค่าความไม่สมดุลของ IQ

อ่านเพิ่มเติมที่นี่ – THN

//////////////////

สมัครสมาชิก Enterprise ITPro เพื่อรับข่าวสารด้านไอที

form#sib_signup_form_4 {
padding: 5px;
-moz-box-sizing:border-box;
-webkit-box-sizing: border-box;
box-sizing: border-box;
}
form#sib_signup_form_4 input[type=text],form#sib_signup_form_4 input[type=email], form#sib_signup_form_4 select {
width: 100%;
border: 1px solid #bbb;
height: auto;
margin: 5px 0 0 0;
}
form#sib_signup_form_4 .sib-default-btn {
margin: 5px 0;
padding: 6px 12px;
color:#fff;
background-color: #333;
border-color: #2E2E2E;
font-size: 14px;
font-weight:400;
line-height: 1.4285;
text-align: center;
cursor: pointer;
vertical-align: middle;
-webkit-user-select:none;
-moz-user-select:none;
-ms-user-select:none;
user-select:none;
white-space: normal;
border:1px solid transparent;
border-radius: 3px;
}
form#sib_signup_form_4 .sib-default-btn:hover {
background-color: #444;
}
form#sib_signup_form_4 p{
margin: 10px 0 0 0;
}form#sib_signup_form_4 p.sib-alert-message {
padding: 6px 12px;
margin-bottom: 20px;
border: 1px solid transparent;
border-radius: 4px;
-webkit-box-sizing: border-box;
-moz-box-sizing: border-box;
box-sizing: border-box;
}
form#sib_signup_form_4 p.sib-alert-message-error {
background-color: #f2dede;
border-color: #ebccd1;
color: #a94442;
}
form#sib_signup_form_4 p.sib-alert-message-success {
background-color: #dff0d8;
border-color: #d6e9c6;
color: #3c763d;
}
form#sib_signup_form_4 p.sib-alert-message-warning {
background-color: #fcf8e3;
border-color: #faebcc;
color: #8a6d3b;
}

from:https://www.enterpriseitpro.net/researchers-find-bluetooth-signals-can-be-fingerprinted-to-track-smartphones/

พบเทคนิคแฮ็กบลูทูธใหม่ที่ใช้ปลดล็อกกุญแจและรถยนต์อัจฉริยะได้

การโจมตีแบบบลูทูธรีเลย์ใหม่นี้ทำให้อาชญากรไซเบอร์สามารถปลดล็อกและควบคุมรถยนต์ ปลดล็อกประตูอัจฉริยะตามบ้าน หรือแม้แต่ใช้ลอบเข้าไปในเขตหวงห้ามได้ง่ายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยการใช้จุดอ่อนจากระบบ Bluetooth Low Energy (BLE) ปัจจุบัน

BLE เป็นเทคโนโลยีที่ใช้กับอุปกรณ์บลูทูธสำหรับยืนยันตนเมื่ออยู่ในระยะใกล้เคียงกับอุปกรณ์เป้าหมาย ซึ่งช่องโหว่นี้ทำให้ปลอมการยืนยันตนในระยะของ Bluetooth LE (BLE) บนอุปกรณ์หนึ่งไปยังอีกอุปกรณหนึ่งได้

ทางบริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของอังกฤษ NCC Group กล่าวว่า “ด้วยวิธีนี้ทำให้สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ที่ใช้ระบบยืนยันตนในระยะใกล้แบบ BLE โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน” สำหรับการโจมตีแบบ Relay Attack นี้มีเรียกกันอีกชื่อว่า Two-Thief Attack

จัดเป็นการโจมตีอีกรูปแบบหนึ่งของ Man-in-the-Middle ที่เป็นการเข้าขวางการสื่อสารระหว่างสองฝั่ง โดยที่อีกฝั่งหนึ่งก็เป็นผู้โจมตีเหมือนกัน จากนั้นจึงรีเลย์หรือส่งข้อมูลเดิมอีกครั้งหนึ่งไปยังอุปกรณ์เป้าหมายโดยไม่ได้ปรับแต่งใดๆ

อ่านเพิ่มเติมที่นี่ – THN

//////////////////

สมัครสมาชิก Enterprise ITPro เพื่อรับข่าวสารด้านไอที

form#sib_signup_form_4 {
padding: 5px;
-moz-box-sizing:border-box;
-webkit-box-sizing: border-box;
box-sizing: border-box;
}
form#sib_signup_form_4 input[type=text],form#sib_signup_form_4 input[type=email], form#sib_signup_form_4 select {
width: 100%;
border: 1px solid #bbb;
height: auto;
margin: 5px 0 0 0;
}
form#sib_signup_form_4 .sib-default-btn {
margin: 5px 0;
padding: 6px 12px;
color:#fff;
background-color: #333;
border-color: #2E2E2E;
font-size: 14px;
font-weight:400;
line-height: 1.4285;
text-align: center;
cursor: pointer;
vertical-align: middle;
-webkit-user-select:none;
-moz-user-select:none;
-ms-user-select:none;
user-select:none;
white-space: normal;
border:1px solid transparent;
border-radius: 3px;
}
form#sib_signup_form_4 .sib-default-btn:hover {
background-color: #444;
}
form#sib_signup_form_4 p{
margin: 10px 0 0 0;
}form#sib_signup_form_4 p.sib-alert-message {
padding: 6px 12px;
margin-bottom: 20px;
border: 1px solid transparent;
border-radius: 4px;
-webkit-box-sizing: border-box;
-moz-box-sizing: border-box;
box-sizing: border-box;
}
form#sib_signup_form_4 p.sib-alert-message-error {
background-color: #f2dede;
border-color: #ebccd1;
color: #a94442;
}
form#sib_signup_form_4 p.sib-alert-message-success {
background-color: #dff0d8;
border-color: #d6e9c6;
color: #3c763d;
}
form#sib_signup_form_4 p.sib-alert-message-warning {
background-color: #fcf8e3;
border-color: #faebcc;
color: #8a6d3b;
}

from:https://www.enterpriseitpro.net/new-bluetooth-hack-could-let-attackers-remotely-unlock-smart-locks-and-cars/

NCC Group สาธิตดึงสัญญาณ Bluetooth ไปสตาร์ตรถ Tesla ได้สำเร็จ

NCC Group แจ้งเตือนช่องโหว่ร้ายแรงปานกลางในแอป Tesla ที่สามารถปลดล็อกและสตาร์ตรถได้เมื่อโทรศัพท์ผู้ใช้หรือกุญแจไร้สายอยู่ใกล้รถ โดยการโจมตีใช้ relay attack ดึงสัญญาณเชื่อมต่อรถกับโทรศัพท์แม้จะอยู่ไกลกัน โดยการโจมตีแบบนี้อาจจะใช้กับการปลดล็อกอุปกรณ์อื่นๆ ที่อาศัยการประมาณระยะห่างของโทรศัพท์กับอุปกรณ์ด้วยความแรงสัญญาณได้เหมือนกัน

รถรุ่นใหม่ๆ, คอมพิวเตอร์, หรือประตูดิจิทัลหลายรุ่นมีฟีเจอร์ปลดล็อกได้เอง เมื่ออุปกรณ์ Bluetooth เช่นโทรศัพท์มือถืออยู่ใกล้ โดยผู้ใช้ไม่ต้องเปิดแอปหรือกดอะไรเลย โดยตัวอุปกรณ์ที่ล็อกอยู่เช่นรถยนต์นั้นจะวัดความแรงสัญญาณตอบกลับจากโทรศัพท์ว่าแรงพอหรือไม่ หากแรงพอก็จะถือว่าอยู่ในระยะใกล้และปลดล็อก

ทาง NCC Group สร้างอุปกรณ์พิเศษสำหรับส่งต่อสัญญาณไปมา โดยอุปกรณ์นี้เพิ่มระยะเวลาเชื่อมต่อเพียง 8ms เท่านั้น ขณะที่ช่วงเวลาที่ยอมรับได้สำหรับการเชื่อมต่อ Bluetooth Low Energy นั้นอยู่ที่ 30ms ข้อจำกัดของการโจมตีแบบนี้คือคนร้ายต้องมีอุปกรณ์ดักสัญญาณวางไว้ใกล้ๆ กับเจ้าของรถพร้อมกับอุปกรณ์รับสัญญาณอีกชิ้นอยู่ใกล้รถเพื่อส่งต่อสัญญาณ ทีมงานทดสอบการโจมตีกับ Tesla Model 3 โดยวาง iPhone ห่างจากตัวรถไป 25 เมตร พ้นรัศมีปลดล็อก แล้วใช้อุปกรณ์ส่งต่อสัญญาณมายังตัวรถ

การโจมตีแบบนี้อาจจะค่อนข้างจำกัด แต่ทาง NCC ก็ระบุว่าพอลดความเสี่ยงได้ เช่น ตัวแอปอาจจะไม่ตอบแพ็กเก็ตยืนยันเจ้าของรถหากโทรศัพท์ไม่มีความเคลื่อนไหว (แปลว่าเจ้าของรถไม่ได้กำลังเดินทางมายังรถ) ตัวรถอาจจะจำกัดเวลาหน่วงที่แอปตอบกลับแพ็กเก็ตให้สั้นลง ทำให้ relay ได้ยากขึ้น รวมไปถึงการวัดระยะห่างด้วยเทคโนโลยีอื่น เช่น Ultra Wide Band ตัวผู้ใช้เองอาจจะเลือกเปิดฟีเจอร์ PIN to Drive เพื่อปลดล็อกรถ

ทาง NCC Group แจ้งการโจมตีนี้ให้กับทั้ง Tesla และ Bluetooth SIG ทาง Bluetooth SIG ระบุว่ากำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาแนวทางยืนยันระยะห่างระหว่างอุปกรณ์ให้ดีขึ้น

ที่มา – NCC Group

_Tesla Model Y | ภาพโดย Tesla_

from:https://www.blognone.com/node/128523

กูเกิลปรับ Android ให้สลับอุปกรณ์กับหูฟังไร้สายอัตโนมัติ, รองรับมาตรฐาน LE Audio

กูเกิลประกาศแนวทางปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานหูฟังไร้สายบน Android สองเรื่อง

อย่างแรกคือการสลับอุปกรณ์อัตโนมัติ เช่น จากสมาร์ทโฟนย้ายไปใช้แท็บเล็ต ตอนนี้ระบุว่าจะเริ่มจากหูฟังไร้สาย 3 แบรนด์คือ Sony, JBL, Pixel ของกูเกิลเอง โดยจะออกอัพเดตในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และจะร่วมมือกับ Qualcomm ทำให้หูฟังแบรนด์อื่นๆ ที่ใช้ชิป Qualcomm รองรับฟีเจอร์นี้ด้วย

อย่างที่สองคือ กูเกิลร่วมมือกับ Qualcomm รองรับมาตรฐาน LE Audio ที่ใช้ codec ใหม่ LC3 ให้คุณภาพเสียงดีขึ้น, อัตราหน่วง (latency) น้อยลง และสามารถกระจายสัญญาณเสียงให้หลายคนพร้อมกันได้ ตอนนี้มีระบุชื่อพาร์ทเนอร์แล้วคือ Samsung, OnePlus, Sony

No Description

ที่มา – Google

from:https://www.blognone.com/node/128476

รีวิว Fender NEWPORT 2 ตัวเล็กเสียงดังลั่นบ้าน ในสไตล์เรโทร

ลำโพง Bluetooth เป็นอุปกรณ์ที่ต้องมีทุกบ้านก็ว่าได้ เพราะไม่ได้ไว้ใช้แค่ในบ้านเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปใช้ภายนอก ในงานปาร์ตี้ ลุยป่าอย่าง Fender NEWPORT 2 ที่ไม่ได้มีดีแค่เสียงดัง แต่ยังมาพร้อมดีไซน์ย้อนยุด สวยงามไม่เหมือนใคร จากแบรนด์เจ้าตลาดเครื่องเสียง

Fender NEWPORT 2

Advertisementavw

Fender NEWPORT 2 เป็นลำโพง Bluetooth ไร้สายที่มาพร้อมสไตล์เรโทร ดูย้อนยุค คลาสสิกเหมือนตูแอมป์ ขนาดเหมาะมือแต่ยังให้เสียงกระหึ่มด้วยกำลังขับถึง 30 W พร้อมแบตเตอรี่ในตัวที่ใช้งานได้ถึง 12 ชั่วโมง พร้อม ปุ่ม DUO ที่สามารถ Pair เชื่อมต่อกับ Newport 2 ได้อีกเครื่องพร้อมกันด้วย ในราคา 10,900 บาท สูงอยู่ แต่จะคุ้มค่าสมราคาไหมต้องไปชมรีวิวกัน

Fender NEWPORT 2

Type Portable Bluetooth Speaker
Power output 30W
Subwoofer RMS Power 30W
Frequency Response 2402 MHz – 2480 MHz
Power Requirement 100 – 240 V
Signal to Noise Ratio N/A
Maximum Input Power 15V – 2.8A
Battery Type Lithium-ion
Battery Lifetime 12 hr.
Power Consumption N/A
Dimensions W x D x H 7.5 x 18.4 x 13.3 cm
Weight 1.9 Kg.
Color Black/Gold
Warranty 1 Year

 

Fender NEWPORT 2 01

Fender NEWPORT 2 02 Fender NEWPORT 2 03

กล่อง Fender Newport 2 เป็นโทนสีขาว โชว์สเปคและหน้าตาครบครัน โดย Fender Newport 2 มีให้เลือกทั้งหมด 4 สีได้แก่

  • Black Champagne Gold (ตัวที่ทีมงานได้มาทดสอบ)
  • Black Gunmetal
  • Burgundy Gunmetal
  • Burgundy Champagne Gold

Fender NEWPORT 2 04

อุปกรณ์ภายในกล่องได้แก่

  • ลำโพง Fender Newport 2 1 ตัว
  • Adapter ชาร์จไฟ
  • สาย 3.5 mm to 3.5 mm
  • สาย Micro USB to USB-A
  • คู่มือการใช้งาน 1 ชุด

Fender NEWPORT 2 05

Fender NEWPORT 2 07 Fender NEWPORT 2 08

Fender NEWPORT 2 เป็นลำโพงพกพาไร้สาย ดีไซน์สุดคลาสสิคแบบเรโทร แบบยุด 60 70 ด้วยการใช้รูช่องลำโพงปิดด้วยแผ่นอลูมิเนียม พร้อมโลโก้ Fender วัสดุคุณภาพดี ตัวเครื่องเป็นพลาสติกหน้าผิวแบบทราย มีวูฟเฟอร์ 2 ตัว และ ทวีตเตอร์ 1ตัว ภายในแผ่นอลูมิเนียมที่เจาะช่องปิดไว้ เรียบๆ แต่ดูหรูหราน่าใช้

Fender NEWPORT 2 09

ด้านล่างจะมียางรอง 4 จุด ช่วยดูซับแรงสั่นสะเทือนได้เป็นอย่างดี พร้อมสกรีนรายละเอียดสเปคอย่างชัดเจน

Fender NEWPORT 2 06

ด้านหลังจะมีสกรีนรายละเอียด พร้อมพอร์ตชาร์ต AUX in แบบ 3.5 mm และ USB A สำหรับชาร์ตอุปกรณ์อื่นจากแบตเตอรี่ของตัวลำโพงได้ด้วย

Fender NEWPORT 2 11

ดีไซน์แผ่นอลูมิเนียม พร้อมโลโก้ Fender สีทองสวยงาม

Fender NEWPORT 2 12

Fender NEWPORT 2 21 Fender NEWPORT 2 22

ปุ่มควบคุมหลักจะอยู่ด้านบนสไตล์คลาสสิกเหมือนตู้แอมป์ ได้แก่

  • ปุ่มเชื่อมต่อ Bluetooth
  • ไมโครโฟน
  • ปุ่ม Duo เชื่อมต่อ Newport 2 ตัวอื่น
  • ปุ่ม เพิ่ม-ลด เสียง
  • ปุ่มปรับเสียงแหลม (TREBLE)
  • ปุ่มปรับเสียงเบส (BASS)
  • ไฟ LED บอกสถานะ
  • สวิตซ์ เปิด-ปิด เครื่อง

Fender NEWPORT 2 27 Fender NEWPORT 2 สามารถเชื่อมต่อได้ง่ายมาก เพียงแค่กดปุ่ม PAIR ค้างไว้ และค้นหาในสมาร์ทโฟนได้เลย

คุณภาพเสียง

เด่นแรกเลยคือเสียงดังมาก ดังกว่าลำโพงตั้งโต๊ะต่อสายไฟบางรุ่นเสียอีก ไปตั้งแคมป์ เดินป่า เปิดดังๆ อาจจะรบกวนคนรอบข้างได้เลย นอกจากนั้นยังสามารถปรับเบส และเสียงแหลมได้ด้วย ซึ่งลำโพงไร้สายส่วนใหญ่ทำไม่ได้ ทำให้เหมาะกับท่านที่ต้องการเน้นรายละเอียดเสียงตามที่ต้องการ

ในส่วนของรายละเอียดเสียงด้วยวูฟเฟอร์ 2 ตัว และ ทวิตเตอร์ 1ตัวทำให้เสียงเบสเด่นมาก ขับได้เป็นลูกๆ ชัดเจน ไม่แพ้ลำโพงตัวใหญ่รายละเอียดของเสียงคมชัด โดยเฉพาะเสียงแหลมที่สามารถปรับแต่งได้เองด้วย รายละเอียดของเสียงร้อง เสียงดนตรีคมชัด ฟังหลายแนวทั้งร๊อค ทั้ง R&B หรือออเคสตร้า ก็ให้รายละเอียดเสียงได้ดี ทำให้เป็นลำโพงที่เหมาะจะฟังเพลงได้เกือบทุกแนว แต่ถ้าแนะนำสายเบส สายร๊อคน่าจะเหมาะที่สุด

แบตอึดมาก ทีมงานทดสอบใช้ในช่วงเวลาทำงานราว 8 ชั่วโมงเปิดดังราว 50% สามารถใช้งานได้โดยไม่มีอาการดับ หรือเตือนแบตเตอรี่ โดยในแอปของสมาร์ทโฟนแจ้งเตือนว่ายังเหลือแบตเตอรี่ราว 20%

Fender NEWPORT 2 16

Fender NEWPORT 2 เหมาะกับเพื่อน ๆ ที่ต้องการลำโพงพกพาไร้สาย เสียงดัง และคุณภาพเสียงดีมาก ไม่แพ้ลำโพงต่อสายไซท์ใหญ่ โดยเฉพาะแนวเพลงร๊อค หรือเน้นเบสหนักๆ น่าจะชื่นชอบเป็นพิเศษ หรือจะแนวเพลงอื่นๆ ก็จัดว่าเหมาะ อีกทั้งยังมีดีไซน์ที่คลาสสิกไม่เหมือนใคร พร้อมออปชั่นพิเศษที่เชื่อมต่อได้ 2 ตัว แบบลำโพงสเตอริโอแบ่งซ้ายขวาได้ จะประดับไว้ร้านกาแฟ หรือจะเอาไปตั้งแคมป์ก็ลงตัว ในราคา 10,900 บาท อาจจะดูสูงไปหน่อย แต่เมื่อได้ฟังเสียงแล้วจะชอบเหมือนที่ทีมงานชอบ เสียงดีจริงๆ

จุดเด่น

  • เสียงดี เบสหนัก
  • ดีไซน์คลาสสิกไม่เหมือนใคร
  • แบตอึด ชาร์ตอุปกรณ์อื่นต่อได้ด้วย
  • วัสดุดี ดูแข็งแรงทนทาน

ข้อสังเกต

  • Adapter ต้องเป็นของที่ให้มา ไม่สามารถชาร์ตผ่าน USB ได้
  • ราคาสูง

from:https://notebookspec.com/web/640373-review-fender-newport-2

รีวิว Sony SRS-NB10 ลำโพงคล้องคอ สบายหู ใช้งานได้จริง ?

ข้อจำกัดของหูฟังส่วนใหญ่เลยคือใส่นานๆแล้วเจ็บหู แต่จะต่อกับลำโพงไร้สาย บางทีก็ไม่ได้สะดวกเพราะไม่ได้อยู่ใกล้ตัว แต่เมื่อใช้ Sony SRS-NB10 ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป ด้วยลำโพงแบบคล้องคอ น้ำหนักเบา สวมใส่สบาย พร้อมไมค์คุณภาพดี แต่จะน่าสนใจอย่างไรไปชมกัน

Sony SRS-NB10

Advertisementavw

อย่างที่เกริ่นไปว่า ปรกติผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องประชุมบ่อยๆ หรือชอบฟังเพลงตลอดทั้งวันมักจะเลือกใช้งานหูฟัง หรือไม่ก็ลำโพงไร้สายมากกว่า แต่ทั้ง 2 อุปกรณ์เองก็มีข้อจำกัดเหมือนกัน เช่นหูฟังเวลาใส่นานๆ ก็เจ็บหู บางครั้งก็ต้องถอดเข้าถอดออกเพื่อสนทนากับคนรอบข้าง ไม่สะดวกเท่าที่ควร หรือจะต่อลำโพงข้างนอก บางที่ก็ไม่สะดวกในการควบคุม บางครั้งเสียงก็ดังจนรบกวนคนรอบข้าง หรือผู้ไม่เกี่ยวข้องอาจจะได้ยินเรื่องลับๆโดยไม่ตั้งใจ จึงเป็นที่มาของลำโพงแบบคล้องคอที่ทีมงานจะมารีวิวในวันนี้

Sony SRS-NB10 เป็นลำโพงแบบคล้องคอรุ่นล่าสุดจากทาง Sony ที่ต่อยอดมาจากรุ่นก่อนที่ทั้งใหญ่ สั่งงานก็ไม่สะดวก มาเป็นรุ่น Sony SRS-NB10 ที่มีขนาดกะทัดรัด และน้ำหนักตัวเหลือเพียง 113 กรัมเท่านั้น พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.1 แบตอึดใช้งานได้ถึง 20 ชั่วโมง ชาร์จไว 10 นาที ใช้ได้ 60 นาที มาตรฐานกันน้ำ IPX4 สามารถ ลำโพงซ้ายขวา 2 ตัว พร้อมไมค์ซ้ายขวา 2 ตัว เพื่อรับเสียงสนทนาที่คมชัด

Sony SRS-NB10

  • เสียง : ฟูลเรนจ์
  • ขนาดและน้ำหนัก : ประมาณ 191 มม. x 49 มม. x 185 มม.
  • การเชื่อมต่อไร้สาย : ได้
  • Bluetooth : เวอร์ชัน 5.1
  • อินเตอร์เฟซ : USB Type-C
  • คุณสมบัติทั่วไป : ประมาณ 20 ชั่วโมง
  • อุปกรณ์ภายในกล่อง
    – Sony SRS-NB10
    – สาย USB-C
    – คู่มือการใช้งาน

Sony NB10 01 Sony NB10 02

หน้าตากล่อง Sony SRS-NB10 ดูโล่งๆ คลีนๆ แต่บอกรายละเอียด หน้าตาของตัวลำโพงชัดเจน

Sony NB10 03

อุปกรณ์ภายในกล่อง จะมีคู่มือ สายชาร์ตแบบ USB-A to USB-C และตัวลำโพง Sony SRS-NB10

Sony NB10 04

Sony NB10 05 Sony NB10 10

ในส่วนของการออกแบบ ลำโพง Sony SRS-NB10 เป็นลำโพงไร้สายแบบสวมคอ หรือคล้องคอ เป็นทรงคล้ายตัว C โค้งเพื่อสวมเข้าไปที่คอได้อย่างสะดวกและง่าย โดยมีตำแหน่งของลำโพงที่อยู่ใกล้หูของเราทั้งซ้ายและขวา พร้อมปุ่มควบคุม บริเวณด้านปลาย วัสดุหลักเป็นพลาสติกซอฟทัชกันลื่น  กันน้ำกันเหงือได้ น้ำหนักเบาเลยทีเดียวใส่ได้ทั้งวันสบายๆ

Sony NB10 06

บริเวณตำแหน่งของลำโพงจะมีผ้าหุ้มมาให้ ช่วยกันเหงือได้ระดับหนึ่ง

Sony NB10 11

ปลายก้านจะมีไมค์ 2 ตัว ช่วยรับเสียงสนธนาได้อย่างคมชัด

Sony NB10 07

Sony NB10 08 Sony NB10 09

บริเวณก้านลำโพงด้านหลังคอจะเป็นวัสดุยางแข็ง ยืดหยุ่นได้ดี แต่ไม่ถึงกับบิดงอจนหักได้ ขนาดโดยรวมไม่ใหญ่ จับถือได้สะดวกดี

Sony NB10 14

Sony NB10 12 Sony NB10 13

ปลายลำโพงด้านขวาจะเป็นตำแหน่งของปุ่มปิดไมค์ ปุ่มเปิด/ปิด  Bluetooth และช่องต่อสายชาร์ตแบบ USB-C ที่มีจุกปิดกันน้ำด้วย

Sony NB10 15

ปลายด้านซ้ายจะเป็นปุ่มเพิ่ม ลดเสียง ปุ่มเล่น/หยุดเพลง หรือรับ/วางสาย

Sony NB10 17

Sony NB10 20 Sony NB10 21

ด้านล่างของตัวลำโพงจะเป็นผิวกันลื่นเรียบๆ โค้งรับกับฐานคอ โดยจะมีช่องสำหรับระบายลมของตัวลำโพง เพื่อให้ลำโพงมีเสียงที่กว้างขึ้น

Sony NB10 27

Sony NB10 25 Sony NB10 26

การสวมใส่สำหรับสุภาพบุรุษตัวใหญ่แบบผม อาจจะรู้สุดคับเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้บีบคอจนเกินไป เพราะวัสดุตัวหูฟังสามารถยืดหยุดได้ดี คล้องคอไปแล้วแน่นหนา ไม่ลื่นหลุดง่ายแน่นอน ใส่วิ่งก็ได้ไม่ถึงกับลื่นหลุดหรือขยับได้ง่ายจนเกินไป

Sony NB10 28

ตำแหน่งของลำโพงจะอยู่บริเวณใต้ใบหูค่อนไปทางด้านหลังเล็กน้อย

Sony NB10 42

การเชื่อมต่อก็ไม่ยุ่งยาก แต่กดปุ่มเปิดค้างไว้ราว 5 วินาที ตัวลำโพงก็พร้อมเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ใหม่แล้ว

Sony NB10 45

Sony NB10 37 Sony NB10 41

อีกหนึ่งจุดเด่นของ Sony SRS-NB10 คือการเชื่อมต่อได้ 2 อุปกรณ์พร้อมกัน เหมาะกับท่านที่ต้องทำงานไปด้วย พร้อมประชุมไปด้วย และเมื่อมีสายเข้ามาทางสมาร์ทโฟน ก็พร้อมรับสายได้ทันที หรือฟังเพลงจากสมาร์ทโฟนอยู่ และมีประชุมเข้ามาทางพีซี ก็พร้อมกดรับสายได้ที่ตัวลำโพงเลย

Sony NB10 amm 01

Sony NB10 amm 02 Sony NB10 amm 13

เมื่อให้น้องแอ๋มได้ลองใช้ ลองคล้างคอดู กลับดูใหญ่ไปเลย ทำให้สามารถคล้องคอได้สบาย ไม่ติดบริเวณฐานคอ เรียกได้ว่าเหมาะสมดีงามเลยทีเดียว ทำให้เจ้า Sony SRS-NB10 น่าจะเหมาะกับสุภาพสตรี หรือบุรุษ ที่ไม่ได้อ้วนหรือตัวใหญ่จนเกินไป

วัสดุเป็นแบบซอฟทัชกันลื่นดี แต่ไม่รู้ใช้งานไปนานๆ จะเหนี่ยวหรือลอกไหม ซึ่งจากประสบการณ์ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ Sony แบบนี้ ไม่ค่อยพบเท่าไร น้ำหนักตัวหูฟังถือว่าเบามาก ยืดหยุ่นได้ดี ไม่บิดหรือหักได้ง่าย

Sony NB10 amm 08

ในส่วนของไมค์สามารถรับเสียงได้ดีคมชัด โดยเฉพาะการประชุมในห้องปิด หรือห้องทำงานที่เสียงรบกวนไม่เยอะ ไม่จำเป็นต้องพูดเสียงดัง ปลายสายก็ได้ยินอย่างคมชัด แต่ถ้าไปในสถานที่มีเสียงรบกวนเยอะ เช่นริมถนน จำเป็นจะต้องเพิ่มเสียงพูดให้ดังขึ้นอีก เพื่อให้ปลายสายได้ยินเสียงสนทนาที่ชัดเจนขึ้น และแม้จะมีเสียงรบกวนเยอะ ปลายสายก็ยังได้ยินเสียงพูดคุยชัดเจน ส่วนหนึ่งเพราะเทคโนโลยี Precise Voice Pickup Technology ที่จะใช้ไมโครโฟนชนิด Beamforming จำนวน 2 ตัว ทำการรับเสียงพูดของผู้ใช้งาน และตัดเสียงรบกวนรอบๆ ตัวออก ทำให้สามารถสื่อสารได้อย่างคมชัดด้วย

Sony NB10 amm 15

Sony NB10 amm 14 Sony NB10 amm 10

ในส่วนของคุณภาพเสียง อยู่ในระดับดีทีเดียว เสียงคมชัดแยกทิศทางชัดเจน เสียงค่อนข้างโปร่งใส่ สว่าง เวทีเสียงไม่กว้างมาก และด้วยตำแหน่งที่อยู่ข้างล่างหู ทำให้ได้ยินเสียงชัดเจนแม้ไม่ได้เปิดเสียงดัง และยังเปิดส่วนตัวมากกว่าการใช้ลำโพงเพราะเสียงจะไม่ไปรบกวนผู้อื่น เวลาเราไปไหนก็เหมือนมีลำโพงตามติดเราไปทุกที จะประชุมไป ทำกับข้าวไปก็ยังได้

แต่ก็มีข้อจำกัดเช่นพื้นที่ใช้งานถ้ามีเสียงรบกวนเยอะ ต่อให้เปิดเสียงดังจนสุดก็อาจจะได้ยินไม่ชัดอยู่ดี จึงเหมาะกับใช้งานในบ้าน ในห้องปิด หรือบริเวณที่เสียงรบกวนไม่เยอะมาก  แบตเตอรี่จัดว่าอืด ทีมงานใช้ต่อเนื่องราว 3 ชั่วโมง แบตก็ยังเหลืออยู่ราว 70 – 80 %

ปุ่มสั่งงานครบครันตามต้องการโดยเฉพาะปุ่มปิดไมค์ เพิ่มความสะดวกสำหรับท่านที่ต้องประชุมบ่อยๆ บางทีก็ต้องพูดในห้องประชุม ก็ไม่จำเป็นต้องยกสมาร์ทโฟนมาปิดเปิดไมค์ให้วุ่นวาย

Sony NB10 amm 18

Sony SRS-NB10 เป็นลำโพงที่เหมาะสำหรับการใช้งานในบ้าน หรือในห้องที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวสักหน่อย เหมาะทั้ง work from home เรียนออนไลน์ หรือจะใช้พร้อมทำงานในบ้านก็ยังสะดวกสบาย เสียงลำโพงคมชัด ไมค์เก็บเสียงพูดได้ดี ใส่ตลอดวันได้อย่างสบาย ด้วยน้ำหนักที่เบาและแบตอึด ทั้งหมดนี้ในราคา 4,990 บาท

ทำให้ Sony SRS-NB10 เหมาะกับท่านที่ต้องประชุมบ่อยๆ แต่ก็ต้องการความเป็นส่วนตัว พร้อมการทำงานอื่นๆไปพร้อมกันด้วย จะประชุมพร้อมทำงานบ้านหรือวิ่งไปด้วยก็ยังได้นะเอาจริงๆ

จุดเด่น

  • วัสดุยืดหยุ่นดี กันน้ำ IPX4
  • น้ำหนักเบา สวมใส่สบาย
  • ลำโพงเสียงโปร่งใส ฟังสบาย
  • ไมค์เก็บเสียงได้ดี พร้อมปุ่มปิดไมค์แยก

ข้อสังเกต

  • น่าจะมีถุงใส่มาให้เก็บหน่อย เพราะพกพาค่อนข้างลำบาก
  • ถ้าใช้ในที่เสียงดังไม่ค่อยเหมาะเท่าไร

from:https://notebookspec.com/web/639766-review-sony-srs-nb10