คลังเก็บป้ายกำกับ: GOOGLE_ANDROID

Google เปิดตัว Android 12L สำหรับ Tablet หรือมือถือที่พับหน้าจอได้

Google ได้ประกาศเปิดตัว Android 12L สำหรับ Tablet หรือโทรศัพท์มือถือที่พับหน้าจอได้

การเปิดตัว Android 12L ในครั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่า Google กำลังพัฒนา Pixel Phone แบบพับได้ และอุปกรณ์นี้จะมาพร้อม Android 12L ปัจจุบัน Android 12L นั้นเปิดให้นักพัฒนาได้ทดสอบสร้างและพัฒนาแอพพลิเคชันแล้ว ในแบบ Developer Preview โดยสามารถจำลองการทำงานของหน้าจอพับได้ผ่านทาง Android 12L emulator ในรุ่นนี้จะเน้นแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในการใช้อุปกรณ์ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ให้สามารถทำงานแบบ Multitask ได้ดีขึ้น เช่น การเปิดหลาย app แบบ split-screen mode โดยสามารถเลือก app ได้จากหน้าจอด้านล่าง นอกจากนี้ยังมี compatibility mode เพื่อช่วยให้แอพพลิเคชันที่ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับหน้าจอที่พับได้ สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์

Google มีแผนจะปล่อย Android 12L เวอร์ชัน Beta Release ในเดือนธันวาคม และจะปล่อย Final Release ในช่วงต้นปี 2022

Credit: Google

ที่มา: https://www.zdnet.com/article/google-announces-android-12l-designed-specifically-for-tablets-and-foldable-phones/

from:https://www.techtalkthai.com/google-releases-android-12l-for-foldable-tablet-and-smartphone/

Apple จับมือ Google พัฒนาระบบแจ้งเตือนความเสี่ยง COVID-19 บน iPhone และ Android

เพื่อรับมือกับ COVID-19 ที่กำลังแพร่ระบาดทั่วโลกในเวลานี้ Apple จึงได้จับมือกับ Google เพื่อพัฒนาให้ Smartphone ของตนเองนั้นสามารถแจ้งเตือนผู้ใช้งานได้หากผู้ใช้งานคนนั้นเคยมีประวัติเข้าใกล้ผู้ที่ติด COVID-19

Credit: ShutterStock.com

เทคโนโลยีดังกล่าวนี้มีชื่อเรียกว่า Contact-Tracing โดยผู้ใช้งานจะต้องเปิดใช้ความสามารถนี้ด้วยตนเอง และหากพบว่าผู้ใช้งานมีความเสี่ยงจากการเคยเข้าใกล้ผู้ติดเชื้อ ก็จะทำการแจ้งเตือนให้ทำการกักกันตนเอง ซึ่งทั้งสองคาดว่าเทคโนโลบยีดังกล่าวนี้จะสามารถช่วยตรวจสอบความเสี่ยงให้กับหนึ่งในสามของประชากรทั้งโลกได้

Apple และ Google ระบุว่าเทคโนโลยีนี้จะถูกเปิดตัวออกมา 2 ขั้นบน iOS และ Android โดยในขั้นแรกช่วงกลางเดือนพฤษภาคมนี้ iPhone และ Android จะสามารถส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบความเสี่ยงโดยไม่ระบุตัวตนไปยังตัวกลางด้านสุขภาพผ่านทาง App ได้ และจะมี Framework เพื่อให้พัฒนา App สำหรับจัดการกับความสามารถดังกล่าวได้ ดังนั้นหากในระยะแรกนี้มีผู้ที่ตรวจพบว่าตนเองติดเชื้อ COVID-19 และมีข้อมูลอยู่ภภายในระบบ ระบบก็จะสามารถทำการแจ้งเตือนคนอื่นๆ ในระบบที่เคยเข้าใกล้ผู้ติดเชื้อได้ทันทีโดยไม่สามารถระบุตัวตนคนเหล่านั้นได้เพื่อคงความเป็นส่วนตัวเอาไว้

ในขั้นถัดมา Apple และ Google จะเพิ่มความสามารถของการทำ Contact-Tracing เข้าไปที่ระดับของระบบปฏิบัติการเลย ทำให้ถึงแม้ไม่ต้องเปิด App ก็สามารถติดตามได้ แต่ผู้ใช้งานต้องทำการเปิดใช้งานและยินยอมให้มีการส่งข้อมูลด้วยตนเอง

ก็ถือเป็นอีกก้าวที่น่าสนใจในการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้งานเพื่อรับมือกับภัยโรคระบาดครับ

ที่มา: https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-04-10/apple-google-bring-covid-19-contact-tracing-to-3-billion-people

from:https://www.techtalkthai.com/apple-and-google-will-add-contact-tracing-function-to-their-mobile-devices/

Google เปิดตัว Adiantum เทคโนโลยี File/Disk Encryption ประสิทธิภาพสูงสำหรับ Android

เพื่อให้อุปกรณ์ Android ทั้งหมดในอนาคตสามารถทำ Disk Encryption และ File Encryption ได้ทั้งหมดโดยไม่ติดปัญหาคอขวดทางด้านประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลและไม่ต้องใช้ Hardware เร่งการเข้ารหัสโดยเฉพาะ ทาง Google จึงได้ทำการพัฒนา Adiantum และเปิดตัวออกมาในครั้งนี้

Credit: Google

ในปัจจุบันนี้ Android ยังทำ Storage Encryption ด้วยการใช้ Advanced Encryption Standard (AES) ซึ่งสามารถเร่งการเข้ารหัสข้อมูลได้ด้วยการใช้ ARMv8 Cryptography Extension แต่อุปกรณ์จำนวนมากก็ไม่ได้มี Hardware ในส่วนนี้ รวมถึงอุปกรณ์อย่าง Android Go, Smart Watch หรือ Smart TV เองก็ไม่มี Hardware เพื่อเร่งการเข้ารหัสนี้เช่นกัน

ในการเข้ารหัสของ HTTPS นั้น ปัญหาเรื่องประสิทธิภาพการเข้ารหัสข้อมูลได้ถูกแก้ไขด้วยการใช้ ChaCha20 Stream Cipher ซึ่งมีความเร็วสูงกว่า AES เป็นอย่างมากในการใช้ CPU ทั่วไปเพื่อประมวลผล ทำให้ Google เลือกที่จะใช้ ChaCha20-Poly1305 สำหรับ HTTPS

อย่างไรก็ดี เมื่อกลับมามองเรื่องการเข้ารหัสข้อมูลที่จัดเก็บบน Storage นั้น สิ่งทีต้องคำนึงถึงก็คือการเข้ารหัสนั้นจะต้องอาศัยพื้นที่เล็กน้อยเพิ่มเติมเพื่อเก็บ Nonce และข้อมูลสำหรับตรวจสอบ Integrity ซึ่งประเด็นนี้เองที่จะสร้างปัญหาให้กับระบบ Filesystem ที่จะต้องถูกออกแบบอย่างซับซ้อนยิ่งขึ้น และใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้มีประสิทธิภาพน้อยลง อีกทั้ง AES เองก็ยังกินประสิทธิภาพสูงหากประมวลผลด้วย CPU ทั่วไป

Adiantum ได้ถูกออกแบบมาให้เป็น Encryption Mode ใหม่บน Android โดยใช้ ChaCha Stream Cipher แบบ Length-Preserving Mode ทำให้สามารถทำการเข้ารหัสได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงบน CPU ทั่วๆ ไป ซึ่งทาง Google ก็ระบุว่าเมื่อทดสอบบน ARM Cortex-A7 แล้ว Adiantum สามารถทำการเข้ารหัสและถอดรหัสข้อมูลของ Sector ขนาด 4096-byte ได้ด้วยความเร็วสูงกว่าการใช้ AES-256-XTS ประมาณ 5 เท่าเลยทีเดียว

ผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Adiantum สามารถศึกษาข้อมูลได้ที่ https://source.android.com/security/encryption/adiantum ครับ

ที่มา: https://security.googleblog.com/2019/02/introducing-adiantum-encryption-for.html

from:https://www.techtalkthai.com/google-adiantum-is-announced/

Google เปิดคอร์สออนไลน์ฟรี สอนวิธีพัฒนา Mobile App บน Google Play ให้ประสบความสำเร็จ

เพื่อช่วยให้เหล่า Android Developer สามารถพัฒนา Mobile Application ที่มีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จในเชิงธุรกิจได้มากขึ้น ทาง Google จึงได้ออกมาประกาศเปิดตัวคอร์สออนไลน์ฟรีที่จะช่วยสอนแนวทางสู่ความสำเร็จบน Google Play ให้เราได้เข้าไปเรียนฟรีกันแล้วภายใต้ Google Play Academy

 

Credit: Google

 

Google Play Academy นี้เป็นคอร์สออนไลน์ที่มีเนื้อหาสั้นๆ เป็นจำนวน 10 ส่วนหลักๆ ที่จะมีทั้ง Learning Path, บทเรียนแบบ Interactive, การวัดผล และ Achievement Badge ให้ผู้ที่เรียนจบคอร์ส โดยเนื้อหาจะครอบคลุมทั้ง Best Practice และความสามารถของ Google Play Console เช่น การทดสอบ Application ให้เรียบร้อย, การประเมินประสิทธิภาพของ Application ในเชิงเทคนิค และแนวทางการสร้างรายได้ผ่าน Application

ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเรียนใน Google Play Academy ได้ฟรีๆ ที่ https://g.co/play/academy ครับ

 

ที่มา: https://android-developers.googleblog.com/2018/10/free-training-for-android-developers.html

from:https://www.techtalkthai.com/google-play-academy-is-launched-to-help-mobile-application-developers/

มรสุม ZTE หลังโดนอเมริกาสั่งแบนห้ามซื้อขายสินค้าจากอเมริกาทุกชนิดเป็นเวลา 7 ปี

ก่อนหน้านี้ได้พูดถึงความเป็นไปได้ที่มือถือรุ่นล่าสุดของ Nubia อย่าง Red Magic โดนผลกระทบเรื่องชิป Snapdragon 845 จากบริษัท Qualcomm ไปทีนึงแล้ว เพราะอเมริกาได้สั่งแบนห้าม ZTE ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Nubia ทำการซื้อขายสินค้าจากอเมริกาทุกชนิดเป็นเวลาถึง 7 ปี และนั่นดูเหมือนจะเป็นปัญหาใหญ่สุดๆ ของ ZTE เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากชิป Snapdragon แล้ว ระบบปฏิบัติการ Android ก็ถือเป็นสินค้าชนิดหนึ่งจากอเมริกาด้วยเช่นกัน

ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ สำหรับแบรนด์มือถือค่ายดังจากจีนอย่าง ZTE และ Nubia ซะแล้ว จากการที่โดนอเมริกาสั่งห้ามทำการซื้อสินค้าทุกชนิดในอเมริกา เนื่องจาก ZTE ทำผิดข้อสัญญา โดยการลักลอบส่งสินค้าด้านเทคโนโลยีการสื่อสารที่ผลิตโดยอเมริกาให้กับประเทศอิหร่าน และเกาหลีเหนือ

ทำให้อเมริกาสั่งแบนห้าม ZTE ซื้อสินค้าจากอเมริกาเป็นเวลานานถึง 7 ปี (ยาวไปจนถึงปี 2025) ทำให้บริษัทลูกอย่าง Nubia โดนหางเลขไปด้วยเต็มๆ จากการที่ไม่สามารถสั่งซื้อชิป Snapdragon รุ่นใหม่ๆ จากบริษัทของอเมริกาอย่าง Qualcomm ได้…แต่นั่นยังถือเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นหากเทียบกับเรื่องที่ระบบปฏิบัติการ Android ก็เป็นหนึ่งในสินค้าประเภทซอฟท์แวร์ที่ผลิตโดยอเมริกาอีกเหมือนกัน

Nubia Red Magic มือถือเกมมิ่งรุ่นล่าสุดจาก Nubia แต่ต้องใช้ชิป Snapdragon 835 ของปีที่แล้ว

และเรื่องนั้นจะต้องส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงให้กับบริษัท ZTE ที่สามารถส่งออกสมาร์ทโฟน Android ในปีที่แล้วไปกว่า 46.4 ล้านเครื่องแน่นอน เพราะแผนกสมาร์ทโฟนของ ZTE ถือเป็นรายได้หลักของบริษัทเลยล่ะ (ZTE เป็นแบรนด์มือถือ Android อันดับ 7 ของโลก)

แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าหาก ZTE ไม่สามารถผลิตมือถือ Android รุ่นใหม่ๆ ออกมาได้อีกถึง 7 ปี ก็ไม่ใช่ว่าจะมีแค่ ZTE ที่เสียผลประโยชน์เท่านั้น แต่เจ้าของระบบปฏิบัติการ Android อย่าง Google ก็จะเสียค่าโฆษณาจาก Google Play ในสมาร์ทโฟนของ ZTE อีกหลายสิบล้านเครื่องเช่นกัน

ก็ต้องรอลุ้นกันต่อไปว่า ทาง Google และ ZTE จะหาทางออกให้กับเรื่องนี้ยังไง เพราะเราอาจไม่ได้เห็นสมาร์ทโฟน Android จาก ZTE และ Nubia ออกมาอีกจนกว่าจะถึงปี 2025 (ดีไม่ดี ZTE ได้ถึงคราวปิดกิจการเลยรึเปล่าไม่รู้) หรือไม่แน่ว่า ZTE อาจจะพัฒนาระบบปฏิบัติการใหม่ขึ้นมาโดยใช้ระบบพื้นฐานจาก Android เหมือนอย่างที่ Amazon ทำมาแล้วในระบบ Fire OS ก็ได้…แต่ผู้ใช้ก็จะไม่สามารถเข้าถึง Google Play Store เพื่อดาวน์โหลดหรือซื้อแอปต่างๆ มาใช้ได้เลย

 

ที่มา : BGR

from:https://droidsans.com/google-android-ban-zte/

ศาลตัดสิน Oracle ชนะคดี Google กรณีใช้ Java ใน Android ให้ชดเชยค่าเสียหาย 281,600 ล้านบาท

ศาลอุทธรณ์ของสหรัฐอเมริกาได้ออกมาตัดสินให้ Oracle ชนะคดีที่เรียกร้องค่าเสียหายจาก Google เนื่องจากการนำ Java API ไปใช้บน Android เป็นมูลค่าความเสียหายถึง 8,800 ล้านเหรียญหรือราวๆ 281,600 ล้านบาท

 

Credit: Oracle

 

คดีนี้เป็นคดีที่ฟ้องร้องต่อเนื่องกันมายาวนานตั้งแต่ปี 2010 โดยเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมาคณะลูกขุนได้มีความเห็นว่า Google ไม่มีความผิดเนื่องจากเป็นการใช้งานภายใต้สิทธิ์แบบ Fair Use แต่ในครั้งนี้ศาลอุทธรณ์ได้กลับคำพิพากษา ให้ Oracle ชนะแทน เนื่องจากการใช้ Java API ของ Google นั้นไม่เข้าข่ายการนับเป็น Fair Use ตามเงื่อนไขของกฎหมาย

อย่างไรก็ดี โค้ดในส่วนของ Java API ที่เป็นปัญหาในครั้งนี้มีเพียง 11,500 บรรทัด ซึ่งถือว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับโค้ดจำนวนหลายล้านบรรทัดใน Android อย่างไรก็ดีประเด็นนี้ก็ไม่ได้ส่งผลใดๆ ในการตัดสินคดีความครั้งนี้ โดยเอกสารของศาลนั้นได้ระบุด้วสยว่า Google สร้างรายได้ในโฆษณาบน Android มากถึง 42,000 ล้านเหรียญหรือราวๆ 1.344 ล้านล้านบาท

ทางด้าน Google นั้นยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะออกมาสู้คดีต่อหรือไม่ นอกจากออกมาแสดงความผิดหวังในคำตัดสินของศาลครั้งนี้ ส่วนทาง Oracle นั้นก็ออกมาแสดงความยินดีในชัยชนะครั้งนี้

คาดว่าคงต้องติดตามกันอีกนานครับกว่าเรื่องจะจบ

 

ที่มา: https://www.theregister.co.uk/2018/03/27/oracle_apple_copyright_reversal/

from:https://www.techtalkthai.com/oracle-won-google-on-java-api-in-android-case/

Android แอบส่งพิกัดผู้ใช้ออกอย่างลับๆ แม้ปิด Location Service

รายงานจาก Quartz  เว็บข่าวสารซึ่งรายงานข่าวเกี่ยวกับแท็บเล็ตและมือถือเป็นหลัก ได้ทำการทดลองโดยทดสอบไม่ใส่ซิมการ์ดและปิด Location Services ผลปรากฏว่า Google มีการเก็บพิกัดตำแหน่งผู้ใช้งานจริง ทั้งนี้โฆษกของ Google ได้ออกมายอมรับเรื่องดังกล่าวว่าเป็นความจริง

Credit: ShutterStock.com

โฆษกของ Google สารภาพว่าอุปกรณ์ Android มีการส่งที่อยู่ของเสาที่อยู่ใกล้หรือ Cell ID เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความเร็วของระบบที่ Google ใช้เพื่อทำการแจ้งเตือนและข้อความ โดยมีการเริ่มทำการดังกล่าวตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2017 อย่างไรก็ดีโฆษกอ้างว่าข้อมูลนี้ไม่ได้ถูกนำไปใช้หรือบันทึกเอาไว้และยังอ้างเพิ่มเติมว่านี่เป็นความตั้งใจที่สร้างขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการส่งข้อความไม่ใช่ Bug แต่อย่างใด อีกทั้งกำลังจะสิ้นสุดการใช้ข้อมูลจากระบบดังกล่าวในเวลาอันใกล้นี้ แต่ก็ไม่ได้กล่าวว่ามีบริการอื่นใน Android ทำแบบนี้อีกหรือไม่

Quartz ได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวว่า Google ได้ทำการเก็บข้อมูลเสาสัญญานหลังจากที่เปลี่ยน Firebase Cloud Messenger Service ที่ Google เป็นเจ้าของและรันอยู่บน Android เป็นค่าเริ่มต้น นอกจากนี้ Quartz สังเกตุพบว่ามีข้อมูลพิกัดถูกแชร์แม้จะทำการคืนค่าเป็นค่าจากโรงาน (Factory Reset) หรือไม่ใส่ซิมการ์ด ซึ่งก็ยังสามารถตรวจจับสัญญานได้ถึงจะโทรออกไม่ได้ก็ตาม ดังนั้น Google จะได้รับข้อมูลพิกัดทุกครั้งเมื่ออุปกรณ์ย้ายไปอยู่ใกล้เสาสัญญานตัวใหม่และตราบใดที่ต่ออินเทอร์เน็ตหรือแม้แต่ใช้เครือข่ายไร้สาย Google ก็สามารถได้รับข้อมูลนั้นได้

อย่างไรก็ตามไม่ปรากฏหลักฐานว่า Google ได้ใช้ข้อมูลไปในทางที่ไม่ดี ดังนั้นก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่เชื่อคำกล่าวของ Google ว่าข้อมูลที่ถูกส่งไปไม่ได้ถูกนำไปใช้ แม้ว่ามีตัวอย่างที่เกิดขึ้นในอดีตจากกรณีของ Edward Snowden ที่ได้ออกมาเปิดเผยเมื่อปี 2013 ว่า NSA สามารถแกะรอยโทรศัพท์ได้แม้ว่ามันปิดอยู่

ที่มา : https://nakedsecurity.sophos.com/2017/11/23/androids-caught-secretly-reporting-location-data-regardless-of-opt-out/

from:https://www.techtalkthai.com/android-stealthly-call-home-cell-id/

Bill Gates เผย ตอนนี้ใช้โทรศัพท์ Android ที่ติดตั้ง Microsoft App จำนวนมาก

ก่อนหน้านี้เป็นที่รู้กันดีว่า Bill Gates เองนั้นก็ได้เลิกใช้ Windows Phone ไปแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยมีการเปิดเผยมาก่อนว่า Bill Gate ใช้โทรศัพท์อะไรกันแน่ จนล่าสุดนี้ในการให้สัมภาษณ์กับทาง Fox News เกี่ยวกับประเด็นของ Steve Jobs และ iPhone รุ่นล่าสุด ทาง Bill Gates ก็ได้เผยมาว่าตอนนี้หันมาใช้ Android แล้ว

อย่างไรก็ดี Bill Gates ยังคงไม่ทิ้งความเป็น Microsoft ในตัว เขาติดตั้ง Application จำนวนมากจาก Microsoft ลงไปยัง Android ที่เขาใช้งาน และทิศทางนี้ก็สอดคล้องกับทิศทางของ Satya Nadella ที่ต้องการนำ Microsoft กลับมาเป็นบริษัท Software ที่มีความรวดเร็ว คล่องตัว และมีความเปิดกว้างมากยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน

อันที่จริงแล้ว Microsoft นั้นได้หันมาให้คุณค่ากับตลาด Android สูงขึ้นเรื่อยๆ โดยก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือน ทาง Microsoft เองก็ได้เริ่มวางจำหน่าย Samsung Galaxy S8 Microsoft Edition ในสหรัฐอเมริกามาก่อนแล้ว

อย่างไรก็ดีในบทสัมภาษณ์เดียวกันนี้ Bill Gates ยังได้ระบุด้วยว่าเขายังคงใช้เครื่อง PC ที่เป็น Windows อยู่เหมือนเคย ยังไม่ได้ย้ายไปใช้ค่ายอื่นแต่อย่างใด

 

ที่มา: https://www.onmsft.com/news/bill-gates-now-uses-an-android-phone-with-lots-of-microsoft-software

from:https://www.techtalkthai.com/bill-gates-is-now-using-android-with-microsoft-apps/

Google เปิดตัว Nearby Connections 2.0 บน Android สื่อสารแบบ P2P ระหว่างอุปกรณ์ได้ด้วยความเร็วสูง

Google ประกาศเปิดตัว Nearby Connections API 2.0 อย่างเป็นทางการ สำหรับใช้ในการสื่อสารแบบ P2P ระหว่างอุปกรณ์ Android ด้วยกันเองโดยไม่ต้องเชื่อมต่อ Internet

Credit: Google

 

ความสามารถนี้จะใช้ได้กับอุปกรณ์ Android ที่ติดตั้ง Google Play Services 11.0 ขึ้นไป โดย Nearby Connections นี้จะทำการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ผ่านทาง WiFi, Bluetooth LE และ Classic Bluetooth เป็นหลัก ทำให้แต่ละอุปกรณ์สามารถสื่อสารระหว่างกันได้เองโดยไม่ต้องมี Server กลาง สำหรับใช้ในการส่ง Byte, File หรือ Stream ของ Data ก็ได้ โดยรองรับ 2 สถาปัตยกรรมทั้งแบบ Star ที่เชื่อมต่อแบบ 1:N และ Cluster ที่เชื่อมต่อแบบ M:N

ตัวอย่างการนำ Nearby Connections API 2.0 ไปใช้งานมีดังนี้

  • The Weather Channel สร้าง Mesh Network สำหรับแจ้งเตือนสภาพอากาศฉุกเฉิน
  • Hotstar สร้างระบบ Offline Media Sharing โดยไม่ต้องเชื่อมต่อ Internet
  • GameInsight ใช้ค้นหาผู้เล่นที่อยู่ใกล้กัน และเล่นเกมร่วมกันได้โดยไม่ต้องมี Server กลาง

ผู้ที่สนใจสามารถเริ่มต้นศึกษาได้ที่ https://developers.google.com/nearby/connections/overview และศึกษาตัวอย่างโค้ดได้ที่ https://github.com/googlesamples/android-nearby/tree/master/connections ครับ ส่วน Mailing List สามารถติดตามได้ที่ https://groups.google.com/forum/#!members/google-context-apis/join ครับ

 

ที่มา: http://android-developers.googleblog.com/2017/07/announcing-nearby-connections-20-fully.html

from:https://www.techtalkthai.com/google-nearby-connections-2-0-is-released-on-android/

Google ประกาศออก Patch อุดช่องโหว่ความรุนแรงสูงสุดบน Android นับล้านเครื่อง

Google ได้ประกาศออก Security Patch ล่าสุดมาเพื่ออุดช่องโหว่ความรุนแรงระดับสูงสุดบน Android ที่มีชื่อว่า Broadpwn ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์ Android นับล้านเครื่อง ที่อาจตกเป็นเหยื่อของการโจมตีระยะไกลเพื่อทำ Remote Code Execution ได้

Credit: ShutterStock.com

 

ช่องโหว่ Broadpwn นี้เป็นช่องโหว่ที่เกิดจากบั๊กบนชิปเซ็ต Broadcom BCM43xx ที่นอกจากจะส่งผลกระทบต่อ Android แล้ว ก็ยังส่งผลกระทบต่อ Apple iOS ด้วยเช่นกัน โดยในครั้งนี้ Google ได้ออก Patch มาอุดช่องโหว่นี้สำหรับ Android รุ่น 5.0.2, 5.1.1, 6.0, 6.0.1, 7.0 และ 7.1.1

ในเวลาเดียวกัน Google ยังได้ออก Patch อุดช่องโหว่ความรุนแรงระดับสูงสุดอื่นๆ อีก 10 รายการ ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถนำไปสู่การโจมตีแบบ Remote Code Execution ได้ทั้งสิ้น ในขณะที่ยังมีช่องโหว่ความรุนแรงสูงอีก 94 รายการ รวมทั้งสิ้นแล้วมีช่องโหว่ที่ Google จัดการอุดไปใน Patch ล่าสุดทั้งสิ้น 137 รายการ โดย Patch เหล่านี้จะใช้งานได้บน Google Pixel และ Google Nexus ก่อน ส่วน Patch สำหรับผู้ผลิตรายอื่นๆ จะออกตามมาในภายหลัง

สำหรับรายละเอียดฉบับเต็ม สามารถศึกษาได้ที่ https://source.android.com/security/bulletin/2017-07-01 เลยครับ

 

ที่มา: https://threatpost.com/google-patches-critical-broadpwn-bug-in-july-security-update/126688/

from:https://www.techtalkthai.com/google-releases-july-2017-android-patches/