คลังเก็บป้ายกำกับ: GALAXY_A6

ฉลองปีใหม่กับ Samsung 2019 Celebration พบโปรส่วนลดมือถือ Galaxy S9, Note 9, Galaxy A9 และรุ่นยอดฮิต สูงสุดถึง 6,780 บาท

เริ่มต้นปี 2019 กันแบบนี้ ใครที่ยังไม่ได้หาของขวัญปีใหม่ให้ตัวเองก็เตรียมตัวกันได้เลย เพราะ Samsung จัดโปรโมชั่น 2019 Celebration ฉลองปีใหม่ ด้วยส่วนลดมือถือรุ่นฮิตติดลมบนทั้ง Galaxy Note 9, Galaxy S9, Galaxy A9, Galaxy A6+ และ Galaxy J6+ ที่ให้ส่วนลดสูงสุดถึง 6,780 บาท เลยทีเดียว 

โปรโมชั่น Galaxy Note 9

เริ่มด้วยมือถือเรือธงปากกาเทพ Galaxy Note 9 ซึ่งปกติวางขายอยู่ที่ 33,900 บาท แต่ถ้าซื้อในช่วง 2019 Celebration จะได้รับสิทธิ์ผ่อน 0% นาน 10 เดือน แถม Samsung ยังใจดีผ่อนให้ฟรีๆ ไปเลย 2 เดือน มูลค่า 6,780 บาท (เป็นเครดิตเงินคืนผ่านบัตรเครดิตที่ชำระ) > รายละเอียดเพิ่มเติม

โปรโมชั่น Galaxy S9

Galaxy S9 / S9+ ถ้าซื้อในช่วง 2019 Celebration ก็จะได้รับสิทธิ์ผ่อน 0% นาน 10 เดือน พร้อม Samsung ผ่อนให้ฟรี 2 เดือน มูลค่าสูงสุด 5,980 บาท (เป็นเครดิตเงินคืนผ่านบัตรเครดิตที่ชำระ) > รายละเอียดเพิ่มเติม

โปรโมชั่น Galaxy A9

Galaxy A9 ราคาปกติอยู่ที่ 19,990 บาท Samsung ใจดีลดให้ 2,000 บาท เหลือเพียง 17,990 บาท แถมยังได้รับ Fast Charge Power Bank มูลค่า 1,290 บาท ติดมือกลับไปอีกด้ว > รายละเอียดเพิ่มเติม

โปรโมชั่น Galaxy A6+

Galaxy A6+ ราคาปกติ 10,900 บาท ก็ได้ส่วนลดไปถึง 3,410 บาท เหลือเพียง 7,490 บาท เท่านั้น > รายละเอียดเพิ่มเติม

 

โปรโมชั่น Galaxy J6+

ข้อมูลเพิ่มเติม : โปรโมชั่น Galaxy J6+

Galaxy J6+ (64GB)ราคาปกติ 6,990 บาท รับส่วนลด 500 บาท เหลือเพียง 6,490 บาท ส่วนรุ่น 32GB เหลือเพียง 5,490 บาท > รายละเอียดเพิ่มเติม

 

ใครสนใจอยากถอยมือถือใหม่ราคาพิเศษก็อย่าช้าเพราะ Samsung จัดให้ราคาดีขนาดนี้แล้วนะ โดยไปหาซื้อกันที่ Samsung Brand Shop ทุกสาขาทั่วประเทศได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

 

ข้อมูลเพิ่มเติม : Samsung 2019 Celebration

from:https://droidsans.com/samsung-celebration-2019-special-price/

มือถือกล้องดีที่สุดในราคาต่ำกว่าหมื่น จากผลการโหวต, OPPO F7 ชนะภาพกลางวัน, Galaxy A6+ แชมป์ภาพแสงน้อย

หลังจากเปรียบเทียบภาพถ่ายจากมือถือ 4 รุ่น ได้แก่ Galaxy A6+ , OPPO F7 , Moto G6 Plus และ Nova 3e ในช่วงราคา 10,000 บาท ไปเมื่อเดือนที่แล้วพร้อมเปิดให้โหวดลงคะแนนรุ่นที่ชอบกัน ว่าชอบภาพจากรุ่นไหน กล้องไหนใน 4 หัวข้อที่นำมาเปรียบเทียบ ซึ่งผลคะแนนจากเพื่อนๆออกมาเป็นเอกฉันท์ค่อนไปทางเดียวกันซะส่วนใหญ่ มาดูผลโหวดกันค่ะ

ก่อนจะสรุป ย้อนกลับไปกระทู้เก่า เปรียบเทียบภาพถ่ายจาก Galaxy A6+ , OPPO F7 , Moto G6 Plus และ Nova 3e  เพื่อประกอบกับผลโหวตกันได้ หลังจากภาพแล้วก็แอบให้คะแนนไว้ในใจตัวเองตอนนี้ก็ยังทัน ก่อนจะมาดูสรุปโหวตด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ

ภาพในที่มีแสง : OPPO F7

สำหรับหัวข้อแรกคือภาพมีแสง ภาพในที่แสงจ้า กลางแดด แบบแสงดีดี ถ่ายสวยได้สบายๆ ผลโหวตส่วนใหญ่ 42.9% เกือบครึ่งนีงเทให้กับ OPPO F7 มือถือกล้องเดี่ยว หนึ่งเดียวในโพล ชนะไปแบบใสใส เทียบกับ Galaxy A6+ ที่ผลเป็นอันดับสองห่างกันประมาณ 11%  จะเห็นว่าสิ่งที่แตกต่างได้ชัดๆเลยคือโทนสี และ ความคมชัด ความละเอียดของรูปภาพ ที่ทำให้ OPPO F7 ชนะใจคนโหวตไปได้ไม่ยากเลย

 

ภาพอาหาร : OPPO F7

สำหรับภาพอาหารผลโหวตมีความสูสีกันสำหรับสามรุ่นรอง แต่ที่ชนะโหวตไปเกินกว่าครึ่งก็คือ OPPO F7 อีกแล้วจ้าา อันนี้ต้องยอมเค้าจริงๆ ด้วยเพราะมี AI มาช่วยด้วยเลยทำให้ภาพอาหารออกมาน่ากินกว่ารุ่นอื่นๆ อย่างที่เคยบอกไว้ในกระทู้แรก กับความน่ากินของเจ้าปูในภาพ อมชมพู มีความปูสุขภาพดีกว่าเพื่อนเค้าจริงๆ แล้วรูปอื่นๆก็ยังเติมสี หรือ ดึงสีให้เหมาะกับภาพอาหารได้ดีกว่าของรุ่นอื่นๆอย่างเห็นได้ชัดเลย

 

ภาพบุคคล + โหมดหน้าชัดหลังเบลอ : Galaxy A6+

สลับกันบ้าง หัวข้อนี้โหมด Live Focus ของ Samsung เอาชนะใจชาวโหวตได้ไปครึ่งนึงเลย การตัดขอบ ความเนียนของเค้าที่ทำออกมาได้ดีสมชื่อ ซึ่งนอกจากโหมดเบลอแล้ว การช่วยดึงสีภาพที่เพี้ยนไปก็ทำได้ดีเช่นกัน อย่างภาพสีส้มรูปสุดท้ายถ้ายังจำกันได้ในกระทู้ก่อน คาดว่าภาพนั้นน่าจะได้ใจหลายๆคนไปไม่มากก็น้อย เพราะเป็นรุ่นเดียวที่ปรับแสง ปรับสีมาให้ภาพดูดีมากกว่ารุ่นอื่น

 

ภาพในที่แสงน้อย : Galaxy A6+

ภาพในที่มืด ที่แสงน้อย โจทย์ทดสอบของมือถือทุกตัว ชาวโหวตส่วนใหญ่ลงคะแนนให้ Galaxy A6+ ไป 46.7% กล้องที่มืดของฝั่ง Samsung ส่วนใหญ่ทำออกมาได้ดีอยู่แล้ว ด้วยประการฉะนี้ตัว A6+ ก็ทำออกมาได้ดีเช่นกัน มีความดึงให้สว่างขึ้น แต่ก็ไม่ได้เพิ่มความคมชัดแบบโหดจนภาพดูอึดอัด และ สีมีความสบายตากว่าเพื่อน สำหรับของ OPPO F7  ที่ได้ผลโหวดรองลงมา รูปที่ได้ก็มีความความคมชัดในที่มืดใช้ได้เลย อาจจะต่างในเรื่องของโทนสีที่บางรูปออกจะจัดกว่าของ A6+ ไปซักนิด อันนี้ก็อยู่กับคนโหวตด้วยเนอะว่าชอบแบบไหน

 

สำหรับอีก 2 รุ่น Huawei Nova 3e และ Moto G6 Plus นั้น ภาพที่ออกมายังอาจจะไม่ถูกใจชาวโหวตมากนัก หลักๆก็เรื่องความชัด สี และ แสงเนี่ยแหละ ที่พอเอามาเทียบกัน 4 รุ่น แล้วอาจจะยังสู้อีกสองรุ่นแรกไม่ได้ แต่ถ้าอยู่เดี่ยวๆ เราอาจจะไม่ได้เห็นความแตกต่างมากนัก

เปรียบเทียบกล้องมือถือ

ทั้งนี้ทั้งนั้น นี่เป็นเพียงผลรวมจากเพื่อนๆที่ผ่านเข้ามาโหวตเท่านั้น ขึ้นอยู่กับรสนิยม ความชอบส่วนตัวของผู้โหวตด้วยนะคะ เอาเป็นว่าใครที่สนใจ สามารถดูรูปที่เราถ่ายเทียบกันมาเพื่อประกอบการตัดสินใจ และ พิจารณาผลโหวตกันก่อนซื้อได้น้าาา

from:https://droidsans.com/oppo-f7-galaxy-a6plus-wins-camera-comparison/

เปรียบเทียบภาพถ่ายจาก Galaxy A6+ , OPPO F7 , Moto G6 Plus และ Nova 3e รุ่นไหนสวยสุด [เชิญโหวต]

เปรียบเทียบภาพถ่ายของสมาร์ทโฟน 4 รุ่น ในช่วงราคา 10,000 บาท จัดมาให้แล้วสำหรับ Galaxy A6+ , OPPO F7 , Moto G6 Plus และ Huawei Nova 3e ที่ราคามีความใกล้กันมาก เชื่อว่าหลายคนน่าจะอยากรู้เรื่องกล้องรองลงมาจากสเปค หรือ อาจจะอยากรู้เรื่องกล้องก่อนสเปคอีกสำหรับบางคน เอาเป็นว่ามาดูรูปที่ถ่ายมาได้เลยจ้าา

ครั้งนี้ภาพเจ้า 4 เครื่องนี้ไปเที่ยวไต้หวันมาด้วย แต่สภาพอากาศช่างไม่เป็นใจสุดๆ เจอวันฟ้าเปิดแค่วันสุดท้ายเท่านั้น นอกนนั้นฝนตกรวด T__T แต่ก็เก็บภาพมาเทียบให้ดูกันนะ ก่อนอื่นเลยมาดูสเปคกล้องของทั้ง 4 ตัวนี้กันค่ะ

  • Galaxy A6+ : กล้องคู่ 16MP AF (F1.7) + 5MP FF (F1.9)
    ราคา 10,900 บาท
  • OPPO F7 : กล้องเดียว 16MP, f/1.8 พร้อม A.I. Scene
    ราคา 10,900 บาท
  • Moto G6 Plus : กล้องคู่ 12 MP (f/1.7) + 5 MP (f/2.2)
    ราคา 9,990 บาท
  • Huawei Nova 3e : กล้องคู่ 16 MP (f/2.2) + 5 MP (f/2.2)
    ราคา 10,900 บาท

ทุกเครื่องจะถูกเปิด Auto HDR ไว้ และถ่ายแบบไม่มีการแตะโฟกัสเพื่อวัดแสง เราจะยกเครื่องขึ้นมาเล็ง แล้วถ่ายในมุมเดียวกันมาเทียบกับกันค่ะ พยายามถ่ายให้เท่ากันที่สุด อาจจะมีคลาดเคลื่อนเล็กน้อย หรือ หากใครอยากห็นรูปภาพตัวเต็มทั้งหมด ของทั้ง 4 รุ่น เราอัพโหลดไว้ให้ดูกันใน Google Photo แล้วนะคะ กดเข้าไปดูกันได้เลยจ้าาา

Google Photos Fullres

ภาพในที่กลางแจ้ง




เริ่มต้นด้วยภาพในที่กลางแจ้ง มีแสงสว่างเพียงพอ จากรูปแรก บรรยากาศจริงคือหลังฝนตก ฟ้าก็จะเทานิดๆ ซึ่งรูปนี้จากโทนสี และ ความสว่าง ดูเหมือนเค้ามากันเป็นคู่ระหว่าง galaxy A6+ กับ Nova 3e และ OPPO F7  กับ Moto G6plus ที่จะออกไปในทางเดียวกัน แต่พอกดดูรูปใหญ่แล้วความคมชัดที่ได้ออกมาไม่เหมือนกันเลย ทั้ง 2 คู่ ตัว Galaxy A6+ กับ OPPO F7 ค่อนข้างจะมีความคมชัดมากกว่า สังเกตุจากต้นไม้ต้นเล็กด้านซ้ายมือได้เลย อีกสองรุ่นถ้ากดดูแบบเต็มไซส์จะเห็นว่าใบมันจะเบลอๆ รวมถึงต้นไม้ข้างหลังด้วย ไม่ได้ชัดเท่าสองรุ่นแรก




สำหรับรูปท้องฟ้า เป็นภาพที่แดดดีที่มาก ฟ้าเปิด จะเห็นเลยว่าเกือบทุกรุ่นทำออกมาได้ดี เก็บดีเทลของเมฆขาวๆบนฟ้าได้คล้ายกันหมด แต่ว่าตัว Nova 3e สีจะมีความแตกต่างจากเพื่อน ท้องฟ้ามีการไล่สีตั้งแต่ม่วง ฟ้า ไปจนถึงฟ้าอ่อน เห็นได้ชัดเลยค่ะ สังเกตุจากรูปทั้งหมดดูจะเห็นว่ารุ่นนี้ค่อนข้างดึงสี ดึงความสว่างขึ้นมากว่ารุ่นอื่น และ Galaxy A6+ จะค่อนข้างสีอ่อนกว่ารุ่นอื่นๆ




รูปนี้ถ่ายตอนฟ้าเปิดเหมือนกัน แดดยังดี แสงมาจากด้านขวา ไม่ได้ถ่ายย้อนแสง สังเกตุได้จากเงาคน ภาพนี้เราชอบ Moto g6 plus เพราะถ่ายออกมาแล้วดูเหมือนบรรยากาศจริงมากที่สุด ทั้งแสง ทั้งสี แต่รุ่นอื่นๆ อย่าง galaxy a6+ น่าจะถูกสีเหลืองของแดดย้อมไปทำให้กล้องปรับฟ้ามาชดเชยให้แบบนี้ , OPPO F7 ให้อารมณ์คล้ายๆกับ moto g6 plus อยู่ แต่ก็ยังไม่จริงเท่าของ moto และ ตัว nova 3e อันนี้ถ่ายออกมากลายเป็นเหมือนภาพ under ซะงั้น คนดูเข้มไปหมดเลย

 

ภาพอาหาร

เรื่องสีและรายละเอียดของรูปอาหารรวมๆแล้วขอยกให้ OPPO F7 ค่ะ เพราะหลายๆจานถ่ายออกมาได้ดูน่ากินคาดว่า AI ที่ให้มาน่าจะช่วยได้ดีเลยทีเดียว ตามมาด้วย Moto G6 plus  และ Galaxy A6+ กับ Nova 3e ที่เราก็ยังมีความเห็นว่าสองตัวนี้ทำออกมาได้ค่อนข้างคล้ายกันอยู่นิดหน่อย




  • Galaxy A6+ อันนี้ชมปู และ ซีดไปกว่าใครเพื่อนเลย เห็นได้ชัดเจนว่าของเพื่อนแอบน่ากินกว่า
  • OPPO F7 สีปูจะออกมาส้มไปทางแดงๆชมพูๆ ตอนแรกลังเลระหว่างปูนี้ กับ ปู moto แต่ปูนี้ดูน่ากินกว่านิดนึง รายละเอียดตรงก้ามปูก็ออกมาดูชัดกว่าเพื่อน
  • Moto G6 plus ปูตัวนี้จะออกไปทางส้มเหลือง ถ่ายออกมายังคงความน่ากินของเจ้าปูไว้อยู่ ชอบความแบ่งเลเยอร์ของปูตัวแรกกับปูตัวหลังๆ สังเกตุดีดีจะเห็นว่าปูตัวหลังเบลออยู่นิดๆ
  • Huawei Nova 3e อันนี้สีจะอ่อนกว่า moto อยู่นิดนึง จะเห็นว่าสีอ่อนกว่าแต่ดึงแสงให้สว่างกว่าอยู่นะ




รูปรวมปลาดิบ เป็นโต๊ะที่มีโคมไปส่องเป็นวงตรงกลาง มันเลยสว่างสุดตรงนั้น ซึ้งอันนี้ OPPO F7 เราทำดีทั้งสี ดีทั้งรายละเอียดเลย ปลาแซลม่อนด้านขวามือดูมีลาย และ จานอื่นๆก็มีรายละเอียดที่ดูน่ากินกว่าของตัวอื่นค่ะ จากเซ็ทนี้ก็ยังคงเห็นว่าสีของ Galaxy A6+ และ Nova 3e ออกมาซีดนิดๆคล้ายกัน




ข้าวสเต็กเนื้อจานนี้ คาดว่าคงมีการไปจับเอาสีแดงของมะเขือเทศ เลยจัดการชดเชยสีฟ้าเข้ามาแทนสีแดง กลายเป็นภาพขาวๆ ไม่ค่อยน่ากิน อย่าง Moto G6 plus และ Nova 3e แต่ส่วนของ Galaxy A6+ อันนี้ถ่ายออกมาได้มาตรฐาน โทนสีอาหาร เส้นยังมีความเหลืองให้ได้เห็น แต่ของ OPPO F7 จะเหลืองทั้งภาพเลย ทำให้ภาพอาหารที่ถ่ายออกมาดูน่ากิน คาดว่า AI จะทำงานได้ดีทีเดียวเลย




ภาพบุคคล + โหมดหน้าชัดหลังเบลอ

โดยรวมของโหมดภาพบุคคล หรือ เบลอหลัง แต่ละรุ่นจะมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันไปซึ่งในที่ที่แสงสว่างเพียงพออย่างรูปพี่กิมเนี่ย ก็ทำออกมากันได้ค่อนข้างดีกันเลยทีเดียว

  • Galaxy A6+ ความเบลอของโหมด Live Focus การตัดขอบใช้ได้เลย ไม่ได้มีรอยขอบตามตัวให้หงุดหงิดใจ แอบถูกใจสีผิวของคนมากกว่ารุ่นอื่นๆ เราว่าเค้าทำออกมาดูดีเลย ไม่ได้ปลอม หรือ หลอก มีความชมพูเบาๆ เกลี่ยเนียนให้ด้วยนิดหน่อย
  • OPPO F7  รูปพี่ภัทรดูสว่างเว่อร์เกินไปทั้งฉาก ทั้งคน น่าจะเพราะว่าแสงตอนที่ถ่ายคือช่วยเย็น หลังฝนตก ด้วยสภาพอากาศที่อึมครึมเลยทำให้มันชดเชยแสงออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ การตัดขอบก็ยังแปลกๆ แต่ว่าในรูปพี่กิมทำได้ดีเลยนะ เพิ่มความสว่างให้ผิว และ เกลี่ยให้ด้วยนิดหน่อยค่ะ
  • Moto G6 plus ทั้งสองรูปที่ออกมาดูจะมืดกว่าความเป็นจริง (ซึ่งตอนถ่ายมันเลือกปรับความสว่างได้นะแต่เราไม่ได้ปรับ) การตัดขอบตัวบุคคลกับฉากก็เนียนใช้ได้ ติดตรงที่ภาพมืดถ้าไม่ปรับนี่แหละ
  • Huawei Nova 3e ความเบลอของตัวนี้มีควมต่างจากเพื่อนเลย ด้วยความพยายามโบเก้เบาๆจางๆที่มีให้เห็นทั้งสองภาพ ทำให้ดูต่างไปจากเพื่อนอยู่เหมือนกัน และการตัดขอบกับฉากยังมีรอยให้เห็นกันอยู่ ตรงช่วงตัวพี่ภัทร และ ช่องแขนพี่กิมก็เห็นได้ชัดว่าเก็บยังไม่หมดน้าา




















รูปสีส้มอันสุดท้าย อันนี้ชอบการปรับสีของ Galaxy A6+ มากกว่าใครเลย เห็นความแตกต่างของรูปอย่างชัดเจน จะเอาไปแต่งภาพต่อก็ดูจะง่ายกว่ารูปอื่นๆ ที่ส้มไปทั้งรูปจะแต่งทีคงแก้เยอะเลย

 

ภาพในที่แสงน้อย

ส่วนใหญ่รูปที่ถ่ายจะเป็นตอนฟ้าเกือบมืดสนิทแล้ว คือช่วงหกโมง – ทุ่ม หลังฝนตก มีเมฆฝนประปราย อีมครึมโดยประมาณ โดยรวมหลายๆภาพแล้ว Galaxy A6+ ทำให้ภาพดูสว่างขึ้นเห็นรายละเอียดของภาพเยอะ แต่ว่าไม่ได้คมชัดมากนัก  ในขณะที่อีกตัวที่ทำดีไม่แพ้กันคือ OPPO F7 รายละเอียดภาพค่อนข้างจะคมชัดกว่า ไฟเป็นดวงๆ ไม่ฟุ้งมากจนมองไม่รู้เรื่อง ส่วน Moto G6 plus จะมีความมืดนิดๆ แต่ว่ารายละเอียดก็ยังมาให้เห็น แตกต่างจาก Huawei Nova 3e ที่ภาพออกมาจะมีความมืดในจุดทึบๆ ไม่ได้ดึงให้สว่าง ให้เห็นรายละเอียด ความคมชัด และ โทนสีจะมีความแตกต่างกับรุ่นอื่นๆค่ะ




















ภาพตัวอย่างที่ลองเอามาเทียบให้ดูกันก็จะประมาณนี้นะคะ แต่ว่านอกจากความเห็นของเราที่เล่าผ่านบล็อคนี้แล้ว ความเห็นของคนอื่นๆคิดว่ายังไงกันบ้าง ตัวไหนมีจุดเด่นตรงไหนที่เห็นต่าง หรือ ชอบรุ่นไหน ภาพไหนมากกว่ากัน ลองมาโหวต และ แชร์ความเห็นกันได้นะคะ



from:https://droidsans.com/compare-galaxya6plus-oppof7-motog6plus-nova3e/

รีวิว Samsung Galaxy A6 และ A6+ สมาร์ทโฟนฟีเจอร์แฟลกชิป บอดี้โลหะ ในราคาสุดประหยัด

เปิดตัวและวางจำหน่ายกันไปเรียบร้อยแล้วในประเทศไทยกับสมาร์ทโฟน 2 รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Samsung นั่นก็คือ Galaxy A6 และ Galaxy A6+ สมาร์ทโฟนระดับกลาง ที่มีคุณสมบัติหลายอย่างที่ถอดแบบมาจากรุ่นแฟลกชิป เริ่มจากจอแสดงผลแบบ Infinity Display ที่ให้อัตราส่วนภาพ 18.5:9 และติดตั้งกล้องดิจิตอล 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง F1.7 ขณะที่ Galaxy A6+ จะเสริมด้วยกล้องตัวที่สอง 5 ล้านพิกเซลสำหรับถ่ายภาพหน้าขัดหลังเบลอ Live Focus ที่โดดเด่นของ 2 รุ่นนี้คือบอดี้โลหะ และไฟแฟลชด้านหน้าที่ปรับความสว่างได้ 3 ระดับเหมาะสำหรับคนที่ชอบเซลฟี่ในที่แสงน้อยหรือกลางแจ้งก็ไม่มีปัญหาเรื่องเงาบนใบหน้า

Samsung Galaxy A6 และ Galaxy A6+ ใช้ดีไซน์ร่วมกัน มุมมองด้านหน้าอาจจะดูคล้าย Galaxy A8 (2018) series ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ แต่ด้านหลังแตกต่างอย่างชัดเจน ด้วยเส้นเสาอากาศรูปตัว U ทั้งด้านบนและด้านล่าง ส่วนความแตกต่างระหว่าง Galaxy A6 กับ Galaxy A6+ ดูได้จากขนาดบอดี้ A6+ จะมีขนาดใหญ่กว่า และมาพร้อมกล้องคู่หลัง

Galaxy A6 ใช้จอแสดงผล Super AMOLED ความละเอียด 720 x 1480 พิกเซล ขนาด 5.6 นิ้ว แต่ Galaxy A6+ มากับความละเอียด 1080 x 2220 พิกเซล ขนาด 6 นิ้ว ขนาดเมื่อถืออยู่ในมือแลดูมีขนาดใกล้เคียงกัน

เหนือจอแสดงมีการติดตั้งกล้องเซลฟี่ความละเอียดสูง ลำโพงสนทนา เซ็นเซอร์ Proximity Sensor หรือ RGB Light Sensor และ แฟลช LED ช่วยถ่ายภาพในที่แสงน้อย ปรับความสว่างได้ 3 ระดับใช้งานได้แม้กลางแจ้ง

ด้านหลังจะเห็นความแตกต่างได้จากตำแหน่งกล้อง Galaxy A6 ใช้กล้องเลนส์เดียว ส่วน Galaxy A6+ ได้รับกล้องคู่ โดยติดตั้งแฟลช LED และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้เหมือนกัน ภายในก็แตกต่างกันที่แบตเตอรี่ Galaxy A6 มีความจุ 3,000mAh ส่วนอีกรุ่นมีความจุ 3,500mAh

มุมมองด้านข้างของทั้งคู่ ไม่ได้มีความแตกต่างเท่าไรนัก แม้แต่ความบาง Galaxy A6 บาง 7.7 มิลลิเมตร ส่วน Galaxy A6+ บาง 7.9 มิลลิเมตร

Samsung Galaxy A6 และ Galaxy A6+ ติดตั้งลำโพงไว้ที่ขอบด้านข้าง ฝั่งเดียวกับปุ่มเพาเวอร์

อีกข้างหนึ่งติดตั้งปุ่มเพิ่มและลดความดังของลำโพง ถัดลงมามีถาดใส่การ์ด MicroSD และ ซิมการ์ด

ด้านล่างจะพบกับพอร์ต Micro USB รูไมโครโฟนและช่องเสียบแจ็คหูฟัง

Samsung Galaxy A6 และ Galaxy A6+ มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 8.0 Oreo แต่ให้ชิปประมวลผลแตกต่างกัน Galaxy A6 ได้รับ 1.6GHz Octa Core ขณะที่ Galaxy A6+ มากับ 1.8GHz Octa Core แต่ทั้งสองรุ่น มีความจำ RAM กับ ROM ขนาดเท่ากัน คือ RAM 3GB หรือ 4GB และ ROM 32GB หรือ 64GB และรองรับการ์ด Micro SD สูงสุด 256GB

ขณะที่ Galaxy A6+ จะโดดเด่นเรื่องกล้องหลังมากกว่าที่เพราะมากับกล้องคู่หลัง ตัวหลัก 16 ล้านพิกเซล (F1.7) กล้องรอง 5 ล้านพิกเซล (F1.9) รองรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ Live Focus ที่มีมาในรุ่นแฟลกชิป

รวมถึงยังมีลูกเล่นต่างๆในการถ่ายภาพมาครบทั้งสติ้กเกอร์ ปรับโบเก้เป็นรูปทรงต่างๆได้อาทิ หัวใจหรือดาว

สำหรับกล้องเซลฟี่ด้านหน้าของ Galaxy A6+ นั้นมาพร้อมความละเอียดสูงถึง 24 ล้านพิกเซล (F1.9) มีไฟแฟลชที่ปรับระดับความสว่างได้ 3 ระดับใช้งานได้ทั้งในที่แสงน้อยหรือกลางแจ้งก็ไม่ต้องพบปัญหาเรื่องเงาต่างๆบนใบหน้าอีกต่อไป

ทางด้านรุ่นน้อง Galaxy A6 นั้นมีกล้องหลังตัวเดียวความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (F1.7) ส่วนกล้องเซลฟี่ด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล (F1.9) ฟีเจอร์การใช้งานเหมือน A6+

Samsung Galaxy A6 และ Galaxy A6+ ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่างการปลดล็อคด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ หรือใช้ระบบจดจำใบหน้า (Face Recognition) ฟีเจอร์ App Pair สำหรับจับคู่แอพพลิเคชั่นที่ใช้งานพร้อมกันบ่อยๆ ซึ่งก็เป็นฟีเจอร์ที่มาจากรุ่นแฟลกชิปเช่นเดียวกัน

ส่วนจอแสดงผลก็รองรับ Always on Display แสดงข้อมูลและการแจ้งเตือนได้ทันทีโดยไม่ต้องปลดล็อค รองรับบริการชำระเงิน Samsung Pay และสนับสนุน Bixby ผู้ช่วยส่วนตัวทั้ง Bixby Vision, Home และ Reminder

ในภาพรวม Galaxy A6 และ Galaxy A6+ ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ให้ความคุ้มค่าสำหรับแฟนๆ ที่ชื่นชอบแบรนด์ Samsung โดยเฉพาะคุณภาพกล้องที่มากับรูรับแสง F1.7 ถือได้ว่าเป็นขนาดรูรับแสงที่ Samsung เคยนำมาใช้กับกล้องเรือธง Galaxy S series เลยทีเดียว และด้วยดีไซน์ Infinity Display ยังช่วยให้การออกแบบของทั้งคู่ดูดีขึ้นมา อย่างไรก็ตาม Galaxy A6+ ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าอย่างชันเจน ทั้งกล้องคู่หลัง จอแสดงผลที่ใหญ่กว่า แบตเตอรี่มีความจุมากกว่า

สำหรับราคาค่าตัวของ Galaxy A6 อยู่ที่ 8,900 บาทมี 2 สีให้เลือก ได้แก่ สีดำ และสีทอง ส่วน Galaxy A6+ ราคาอยู่ที่ 10,900 บาทเท่านั้นมี 3 สีให้เลือก ได้แก่ สีดำ สีทอง และสีน้ำเงิน วางจำหน่ายแล้ววันนี้พร้อมกันทั่วประเทศ

ตัวอย่างภาพถ่ายด้วย Galaxy A6 และ Galaxy A6+

บทความโดย – www.flashfly.net

from:http://www.flashfly.net/wp/219433

ผลตอบรับล้นหลาม! ผู้คนแห่ซื้อ Samsung Galaxy A6 / A6+ กล้องหน้าก็ปัง กล้องหลังก็แป๊ะ กับโปรสุดคุ้ม ถึงพรุ่งนี้เท่านั้น!ในงาน ‘ไทยแลนด์ โมบาย เอ็กซ์โป 2018’!

บรรยากาศสุดคึกคัก ผู้บริโภคต่อแถวซื้อเครื่องซัมซุง “กาแลคซี่ เอ6/เอ 6 พลัส” (Samsung Galaxy A6 / A6+) รุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันก่อน ภายใต้แนวคิด“ภาพสวยสว่างชัด – กล้องหน้าก็ปัง กล้องหลังก็เป๊ะ” (More Than Selfie) บรรยากาศในงาน ยังคราคร่ำไปด้วยเหล่าแฟนคลับและลูกค้าซัมซุง ที่มาร่วมเซลฟี่ด้วยกล้องหน้าสุดล้ำอย่างใกล้ชิดกับพรีเซ็นเตอร์หนุ่มมาดเท่ “นาย-ณภัทร เสียงสมบุญ” ตัวแทนคนรุ่นใหม่ พร้อมแชร์ประสบการณ์สุดประทับใจผ่านฟีเจอร์เด่นของ “กาแลคซี่ เอ 6/เอ 6 พลัส” ณ บูธซัมซุง ภายในงาน “ไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซ์โป 2018” จัดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

“กาแลคซี่ เอ 6/เอ 6 พลัส” โดดเด่นด้วยฟีเจอร์ใหม่สุดล้ำไม่เหมือนใครกับ “3-Step Lighting” ปรับแสงได้ถึง 3 ระดับ ในกล้องหน้าสำหรับการถ่ายเซลฟี่ ตอบโจทย์การถ่ายภาพให้สวยและคมชัดทุกช็อตในทุกสภาพแสง พร้อมเอาใจผู้บริโภคกลุ่มวัยรุ่นและผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ประสิทธิภาพสูง ดีไซน์ พรีเมี่ยมในราคาสุดคุ้มค่า มาพร้อมโปรโมชั่นสุดโดนใจภายในงานครั้งนี้ มอบสิทธิ์รับฟรี!กระเป๋าสะพายสไตล์ยุโรปและ FUJIFILM Instax Share SP-2 มูลค่า 5,990 บาท จำกัด 260 สิทธิ์ต่อวันเท่านั้น สำหรับลูกค้าที่ซื้อสมาร์ทโฟนรุ่น “กาแลคซี่ เอ 6 พลัส” แจกตลอด 4 วัน! รวมทั้งสิ้น 1,040รางวัล! โดยผู้บริโภคสามารถเตรียมมาต่อแถวเพื่อลงทะเบียนรับบัตรคิว ณ บริเวณหน้าห้องบอลรูม (จุดแลกของสมนาคุณ) ตั้งแต่เวลา 9.30 น.โดยวันนี้ยังคงมีผู้บริโภคมาต่อแถวรับสิทธิ์กันเป็นจำนวนมากสำหรับใครที่สนใจ สามารถลุ้นรับสิทธิ์ฟรีได้อีก 1 วัน หมดเขตวันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคมนี้! และซัมซุงยังส่งโปรโมชั่นเด็ดๆ สุดเร้าใจมากมาย อาทิ โปรโมชั่นเก่าแลกใหม่ แลกซื้อสมาร์ทโฟนเรือธงยอดฮิตจากตระกูลกาแลคซี่ “เอส” “โน้ต” และ “เอ” ในราคาสุดพิเศษ พร้อมลุ้นรับของรางวัลสุดคุ้มในช่วง ‘นาทีทอง’ และกิจกรรมสนุกๆ มากมาย!

ซัมซุง กาแลคซี่ เอ 6 ราคา 8,900 บาท มี 2 สีให้เลือก ได้แก่ สีดำ และสีทอง และ ซัมซุง กาแลคซี่ เอ 6พลัส ในราคา 10,900 บาท มี 3 สีให้เลือก ได้แก่ สีดำ สีทอง และสีน้ำเงิน วางจำหน่ายแล้ววันนี้พร้อมกันทั่วประเทศ พบกับโปรโมชั่นสุดคุ้มเมื่อจองหรือซื้อในงาน “ไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซ์โป 2018” วันที่ 24-27 พฤษภาคม นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สามารถดูรายละเอียดของผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่www.samsung.com/th/galaxya6 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับศูนย์บริการซัมซุง สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.samsung.com/th/support  และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน ซัมซุง คอลเซ็นเตอร์ โทร 1282

from:http://www.flashfly.net/wp/219104

โปรโมชั่น Samsung ในงาน Mobile Expo 2018 เปิดตัว Galaxy A6/A6+ ,แคมเปญ “เก่าแลกใหม่”และแจก INSTAX ฟรี 260 สิทธิ์ต่อวัน!

ซัมซุง’ เตรียมส่งโปรโมชั่นสุดยิ่งใหญ่ในงาน “ไทยแลนด์ โมบายล์เอ็กซ์โป 2018” พบไฮไลท์เปิดตัว “กาแลคซี่ เอ 6/เอ 6 พลัส” ใหม่ พร้อมแจก INSTAX ฟรี 260 สิทธิ์ต่อวัน!

ซัมซุงเตรียมส่งมอบความพิเศษสุดยิ่งใหญ่ให้กับผู้บริโภคชาวไทยภายในงาน “ไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซ์โป 2018” ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 – 27 พฤษภาคม 2561 นี้ โดยมีไฮไลท์เป็นการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด “กาแลคซี่ เอ 6 / เอ 6 พลัส 2018” มุ่งเจาะตลาดกลุ่มวัยรุ่นระดับกลางและผู้รักการถ่ายภาพที่ให้ผลลัพธ์สวย คมชัด ถ่ายได้ง่ายและสนุกสนาน ภายใต้งบประมาณสบายกระเป๋า โดยครั้งนี้ ซัมซุงยังใจป้ำสุดๆ มอบสิทธิ์รับฟรี! FUJIFILM Instax Share SP-2 มูลค่า 5,990 บาท จำกัด 260 สิทธิ์ต่อวัน! สำหรับลูกค้าที่จองสมาร์ทโฟนรุ่น “กาแลคซี่ เอ 6 พลัส 2018” แจกตลอด 4 วัน รวมทั้งสิ้น 1,040 รางวัล! เตรียมมาต่อแถวเพื่อลงทะเบียนรับบัตรคิว ณ บริเวณหน้าห้องบอลรูม (จุดแลกของสมนาคุณ) เวลา 9.30 น. ของแต่ละวันงาน ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

นอกจากนี้ ซัมซุงยังจัดหนักความพิเศษอย่างต่อเนื่องกับแคมเปญ “เก่าแลกใหม่” ซึ่งครั้งนี้ เปิดโอกาสเป็นครั้งแรก! ให้ผู้บริโภคที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ในราคาสุดคุ้ม สามารถนำสมาร์ทโฟนเครื่องเก่า ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ และทุกสภาพ* แม้สภาพเครื่องจะไม่สมบูรณ์ อาทิ หน้าจอแตกร้าว มีรอยบุบหรือขีดข่วน ฯลฯ มาแลกซื้อสมาร์ทโฟนซัมซุงในตระกูล “กาแลคซี่” ได้ในราคาพิเศษ โดยหากนำมาแลกซื้อสมาร์ทโฟน “กาแลคซี่” 3 รุ่นพิเศษ ทั้ง “เอส 9 / เอส 9 พลัส” , “โน้ต 8” และ “เอ 8 / เอ 8 พลัส” จะได้รับส่วนลดเพิ่มจากราคาประเมินอีกเป็นพิเศษ ตั้งแต่ 2,000 – 3,000 บาท* โดยสามารถนำเครื่องเก่าของคุณเข้ามารับสิทธิ์ดังกล่าวได้เลยในงาน “ไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซ์โป 2018” ณ บูธซัมซุง ภายในเพลนารี ฮอลล์

ยังไม่หมดเพียงเท่านี้! ลูกค้าสมาร์ทโฟนซัมซุงยังจะได้ร่วมลุ้นสุดตัวไปกับโปรโมชั่นนาทีทอง! เมื่อซื้อ “กาแลคซี่ เอส 9 / เอส 9 พลัส” ภายในงาน ลุ้นรับฟรี! ทีวีซัมซุง HD 32 นิ้ว มูลค่า 7,900 บาท หรือบัตรกำนัลมูลค่า 5,000 บาท เพื่อใช้จับจ่ายที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล นอกจากนี้ ซัมซุงยังจัดหนักปล่อยโปรโมชั่นชุดใหญ่ ขนกองทัพสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตในตระกูล “กาแลคซี่” และแอ็คเซสเซอรี่ต่างๆ มอบส่วนลด ของแจก ของแถมพิเศษ อีกมากมาย พร้อมข้อเสนอที่ให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ได้ง่ายๆ ผ่อนสบายๆ กับบัตรเครดิตของธนาคารที่ร่วมรายการ พิเศษสุดๆ ตลอด 4 วัน ภายในงานนี้เท่านั้น!

และเพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของซัมซุงในการพัฒนาบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยมสำหรับลูกค้าของเรา ในครั้งนี้ ซัมซุงเตรียมเนรมิตรพื้นที่ศูนย์บริการสุดพรีเมี่ยม “Galaxy Premium Service” ที่เป็นการนำความครบครันและสะดวกรวดเร็วของศูนย์บริการซัมซุงมาให้บริการแก่ลูกค้าสมาร์ทโฟนภายในงาน “ไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซ์โป 2018” อีกด้วย โดยจะเปิดให้บริการเปี่ยมมาตรฐานอย่างครบวงจรสำหรับลูกค้าที่นำสมาร์ทโฟนเข้ามาซ่อมแซมหรือแก้ไขปัญหาด้านการใช้งาน ใน 3 รูปแบบการบริการสุดประทับใจ ประกอบด้วย Fast Service, Smart Service และ Premium Service เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความสะดวก รวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมแซมผลิตภัณฑ์หรือเพียงแค่ขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ เพียงทำการแจ้งเรื่องที่จุดบริการก็จะสามารถดำเนินการได้ภายในงานทันที! พร้อมกันนี้ยังเตรียมประกาศหมายเลขศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ใหม่ของซัมซุง โทร 1282 ที่เน้นอีกระดับของความใส่ใจสำหรับลูกค้าสมาร์ทโฟน และแท็บเบล็ตในตระกูล “กาแลคซี่” รวมทั้งบริการ Live chat แชทสบายได้ทุกที่ กับบริการตอบคำถามและให้คำแนะนำ ตลอด 24 ชั่วโมง และบริการสุดล้ำ Remote Service บริการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาผ่านหน้าจอจากทางไกล ช่วยประหยัดเวลาได้โดยไม่ต้องนำเครื่องเข้าศูนย์บริการ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับศูนย์บริการซัมซุงสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.samsung.com/th/support

เตรียมพบกับสุดยอดข้อเสนอและโปรโมชั่นสุดยิ่งใหญ่จากซัมซุงได้ที่มหกรรม “ไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซ์โป 2018” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 – 27 พฤษภาคม 2561 นี้ ณ เพลนารี ฮอลล์ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เปิดให้ผู้บริโภคเข้าชมงานตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น.

*เพื่อเข้าร่วมโปรเก่าแลกใหม่ และบริษัทรับซื้อ เป็นผู้มีสิทธิ์ขาดแต่เพียงผู้เดียวในการตรวจ ประเมินสภาพและราคา และรับซื้อเครื่องเก่า (มือสอง) อีกทั้งเครื่องเก่า (มือสอง) ต้องเป็นเครื่องที่ใช้งานได้ตามปกติ และไม่มีปัญหาหรือข้อบกพร่อง หรือสามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้ที่ https://www.kaitorasap.com/tradeinprogram/

**บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า กรณีมีข้อพิพาทหรือโต้แย้ง คำตัดสินของบริษัทฯ ถือเป็นที่สิ้นสุด

***ส่วนลดไม่สามารถแลกเปลี่ยน หรือทอนเป็นเงินสดได้

from:http://www.flashfly.net/wp/218624

Samsung ปล่อยโปรโหด “TME 2018” เปิดตัว Galaxy A6 และ A6+ แถม INSTAX ไปเลย 260 สิทธิ์ต่อวัน!

ซัมซุงเตรียมส่งมอบความพิเศษสุดยิ่งใหญ่ในงาน ไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซ์โป 2018” ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 – 27 พฤษภาคม 2561 นี้ โดยมีไฮไลท์เป็นการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด กาแลคซี่ เอ 6 / เอ พลัส 2018” 

และใจป้ำสุดๆ มอบสิทธิ์รับฟรี! FUJIFILM Instax Share SP-2 มูลค่า 5,990 บาท โดยจำกัด 260 สิทธิ์ต่อวัน! สำหรับลูกค้าที่จองสมาร์ทโฟนรุ่น กาแลคซี่ เอ พลัส 2018

แจกตลอด 4 วัน รวมทั้งสิ้น1,040 รางวัล! ใครสนใจเตรียมมาต่อแถวเพื่อลงทะเบียนรับบัตรคิว ณ บริเวณหน้าห้องบอลรูม (จุดแลกของสมนาคุณ) เวลา 9.30 น. ของแต่ละวันงาน ณ  ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

นอกจากนี้ ซัมซุงยังจัดต่อเนื่องกับแคมเปญ เก่าแลกใหม่” ซึ่งครั้งนี้ เปิดโอกาสเป็นครั้งแรกที่สามารถนำสมาร์ทโฟนเครื่องเก่า ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ และทุกสภาพ* แม้สภาพเครื่องจะไม่สมบูรณ์ เช่น หน้าจอแตกร้าว มีรอยบุบหรือขีดข่วน ฯลฯ มาแลกซื้อสมาร์ทโฟนซัมซุงในตระกูล “กาแลคซี่” ได้ในราคาพิเศษ

โดยหากนำมาแลกซื้อสมาร์ทโฟน “กาแลคซี่” 3 รุ่นพิเศษ ทั้ง “เอส 9 / เอส 9 พลัส” , “โน้ต 8” และ “เอ 8 / เอ8 พลัส” จะได้รับส่วนลดเพิ่มจากราคาประเมินอีกเป็นพิเศษ ตั้งแต่ 2,000 – 3,000 บาท* โดยสามารถนำเครื่องเก่าของคุณเข้ามารับสิทธิ์ดังกล่าวได้เลยในงาน ไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซ์โป 2018” ณ บูธซัมซุง ภายในเพลนารี ฮอลล์

ยังไม่หมด! ลูกค้าซัมซุงยังจะได้ร่วมลุ้นสุดตัวไปกับโปรโมชั่นนาทีทองเมื่อซื้อ กาแลคซี่ เอส 9 / เอส 9 พลัส” ภายในงาน ลุ้นรับฟรี! ทีวีซัมซุง HD 32 นิ้ว มูลค่า 7,900 บาท หรือบัตรกำนัลมูลค่า 5,000 บาท เพื่อใช้จับจ่ายที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล นอกจากนี้ ซัมซุงยังจัดหนักปล่อยโปรโมชั่นชุดใหญ่ ขนกองทัพสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตในตระกูล “กาแลคซี่” และแอ็คเซสเซอรี่ต่างๆ มอบส่วนลด ของแจก ของแถมพิเศษ อีกมากมาย พร้อมข้อเสนอที่ให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ได้ง่ายๆ ผ่อนสบายๆ กับบัตรเครดิตของธนาคารที่ร่วมรายการ พิเศษสุดๆ ตลอด 4 วัน ภายในงานนี้เท่านั้น!

และซัมซุงยังย้ำให้ทุกคนได้เห็นพัฒนาบริการหลังการขาย ซึ่งซัมซุงเตรียมเนรมิตรพื้นที่ศูนย์บริการสุดพรีเมี่ยม “Galaxy Premium Service”  โดยจะเปิดให้บริการครบวงจรสำหรับลูกค้าที่นำสมาร์ทโฟนเข้ามาซ่อมแซมหรือแก้ไขปัญหาด้านการใช้งาน ใน 3 รูปแบบการบริการสุดประทับใจ ประกอบด้วย Fast Service, Smart Service และ Premium Service เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับความสะดวก รวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมแซมผลิตภัณฑ์หรือเพียงแค่ขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ เพียงทำการแจ้งเรื่องที่จุดบริการก็จะสามารถดำเนินการได้ภายในงานทันที!

พร้อมกันนี้ยังเตรียมประกาศหมายเลขศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ใหม่ของซัมซุง โทร 1282 ที่เน้นสำหรับลูกค้าสมาร์ทโฟน และแท็บเบล็ตในตระกูล “กาแลคซี่” รวมทั้งบริการ Live chat กับบริการตอบคำถามและให้คำแนะนำ ตลอด 24 ชั่วโมง และบริการ Remote Service บริการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาผ่านหน้าจอจากทางไกล ช่วยประหยัดเวลาได้โดยไม่ต้องนำเครื่องเข้าศูนย์บริการ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับศูนย์บริการซัมซุงสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์www.samsung.com/th/support

พบกับซัมซุงได้ที่ ไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซ์โป 2018” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 – 27 พฤษภาคม 2561 นี้ ณ เพลนารี ฮอลล์ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เปิดให้เข้าชมงานตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น.

ข่าว: Samsung ปล่อยโปรโหด “TME 2018” เปิดตัว Galaxy A6 และ A6+ แถม INSTAX ไปเลย 260 สิทธิ์ต่อวัน! มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/2018/05/21/samsung-tme-2018-galaxy-a6-promotion.html

Review | รีวิว Galaxy A6+ ใครรอมือถือราคาหมื่นต้น กล้องดีๆ แบตอึดๆ ให้มารวมกันตรงนี้

Samsung ส่งลูก Galaxy A6+ ลงสนามมาสู้กับค่ายอื่น ชนทั้งราคา 10,900 และ กล้องหน้าหลัง ที่รอบนี้ให้กล้องหน้ามาเยอะกว่าทุกรุ่นที่เคยมี กับความละเอียด 24 ล้านพิเซลเพื่อไปสู้กับบรรดามือถือเซลฟี่  และกล้องหลังสองตัว พร้อมโหมดหน้าชัดหลังเบลอ และปรับ Art Bokeh ได้แบบ S9+ อีกต่างหาก มาดูกันว่าราคานี้ สเปคนี้ รีวิวหลังจากการใช้งานมาจริงจังจะเป็นอย่างไร

ดีไซน์

หน้าตาของเจ้า Galaxy A6+ เนี่ยมีความคล้ายคลึงกับ Galaxy J7 Pro พอสมควร ทั้งบอดี้โลหะ และ หน้าตาลายเส้นบนตัวเครื่องด้านหลัง

หน้าจอ AMOLED FullHD ขนาด 6 นิ้ว สัดส่วน 18.5:9 Full Frontal Display กระจก Gorilla Glass เว้นพื้นที่ขอบข้างนิดนึง แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับการใช้งาน  ด้านบนมีกล้องหน้า ลำโพง และ แฟลชค่ะ ซึ่งรุ่นนี้แฟลชกล้องหน้าสามารถปรับได้ถึง 3 ระดับ

ด้านหลังมีการเปลี่ยนแปลงจาก Galaxy A รุ่นก่อนๆ ทั้งวัสดุโลหะ และแถบเส้นสัญญาณ มีกล้องหลังคู่ ความละเอียดกล้องอยู่ที่ 16MP AF (F1.7) และ 5MP FF (F1.9) แฟลช และที่สแกนลายนิ้วมือค่ะ

ตัวเครื่องด้านบนของรุ่นนี้ ไม่มีสิ่งใดใดอยู่เลย โล่งๆ เรียบๆ เพราะย้ายที่ใส่ซิมไปไว้ด้านข้างแทน และสำหรับด้านล่างมีช่องชาร์จแบต Micro USB และ ช่องเสียบหูฟัง 3.5 mm

ด้านข้างฝั่งซ้ายนี่ฮ็อตมาก เอาทุกอย่างมากองกันตรงนี้ ทั้งปุ่มเพิ่ม-ลด ระดับเสียง ช่องใส่ซิม 1 และ ช่องใส่ซิม 2 + SD Card

ช่องใส่ซิมและ SD Card มาแบบแยกกันแบบนี้ ซิม 1 /  ซิม 2 + SD Card สแตนบายเป็น 4G + 3G/2G จ้าาา

ส่วนด้านขวาโล่งยาวๆเหลือไว้ให้เพียงปุ่น Power และ ลำโพงเท่านั้น

ส่วนตัวแล้วเครื่องขนาด 6 นิ้วอาจจะใช้เล่นมือเดียวยากไปซักนิด เพราะจอก็ใหญ่พอควรเลย ต้องมีเอื้อมเพื่อแตะจอกันบ้าง ส่วนปุ่มสแกนนิ้วมือเป็นตำแหน่งที่เอื้อมนิ้วไปถึง ใช้เวลาราวๆ 1 วินาทีในการปลดล็อค ไม่ได้เร็วจี๋ แต่ก็ไม่ได้ช้า อ้ออ น้ำหนักก็ไม่หนักเหมือนตอนจับ Galaxy A8 ด้วยนะ

 

การใช้งาน และ ประสิทธิภาพ

Galxy A6+ มาพร้อม Android 8.0 และ UI Samsung Experience 9.0 หน้าตาสไตล์ Samsung ที่คุ้นเคย ไม่มี App drawer ใช้วืธีลากจอขึ้น หรือ ลง เพื่อเข้าหน้า icon และ ลากอีกทีเพื่อออกไปหน้า Home

แถบการแจ้งเตือนอยู่ด้านบนเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือถ้าไม่อยากให้ Always On Display แสดงตลอดเวลา เลือกตั้งเวลาแสดงผลได้ด้วย

ฟีเจอร์ที่เคยให้รุ่นก่อนๆก็ให้มาเหมือนกันไม่ว่าจะ ปลดล็อคด้วยใบหน้า(ใช้การจดจำเหมือนเดิม) ,  Multi windows ใช้งานแบ่งสองหน้าจอ, Pop-up View ลากเป็นจอลอยๆขึ้นมาได้ หลายแอพเลย อันนี้ดีมากเวลายุบเป็นไอค่อนกลมๆไม่รกจอด้วย  , Dual Messenger ใช้แอพโซเชียลได้ 2 บัญชี  , App pair จับคู่แอพไว้เป็นคู่ เรียกใช้งานทีเดียว 2 หน้าจอได้สะดวกๆ มีมาให้ใช้ครบเลย

แบตเตอร์รี่ที่ให้มา 3,500 mAh คือความประทับใจที่แท้จริง ดูวีดีโอชั่วโมงนึงลดไป 7 – 8% น้ำตาจะไหลเพราะแบตเราไม่ไหลแล้ว อยู่ได้วันนึงสบายมาก เช้ายันเย็นมีเหลือ 40 – 50% ได้เลย นอนเล่นได้อีกคืนนึงค่อยชาร์จตอนจะนอนตอนจะหลับ

ผลทดสอบอยู่ที่ 69,748 คะแนน สำหรับ Galaxy A6+ ตัวนี้ใช้ชิป Snapdragon 450 ให้มา RAM 4 GB ลองเข้าเกมดู สำหรับ ROV เฟรมเรทปกติ 30 fps นั้น อาจจะมีต้องรอตอนโหลดเข้าเกมซักแปป แต่หลังจากนั้นเล่นได้ไม่กระตุกแม้ตอนบวก (แต่ถ้าอัดวีดีโอไปด้วยไม่รอดนะ กระตุกตอนบวกแล้วไปกองตรงนั้นเยย)

แล้วก็มีลองเปิดสูตรเฟรมเรทสูงเล่น 60 fps ดู(ที่ปกติรุ่นนี้เปิดไม่ได้) วิ่งได้ถึง 59 – 60 เลยนะ แต่ส่วนใหญ่ก็เฉลี่ยที่ 40 – 50 เวลาบวกกันยกทีมเคยลงไปต่ำสุดคือ 24 แต่ไม่กระตุกค่ะ ส่วนเกม PUBG เล่นได้ลื่นที่ความละเอียดต่ำสุด ปานกลางก็ยังไหว แต่แบบต่ำจะเซฟกว่า

กล้องหลัง

กล้องหลังคู่ 16MP AF (F1.7) + 5MP FF (F1.9) ที่มาช่วยทั้งความเบลอ และ เพิ่มประสิทธิภาพของรูปถ่าย แน่นอนว่ามีกล้องคู่ ฟีเจอร์ Live Focus ก็มา ชอบตรงที่เราเลือกโหมดนี้แล้ว มันไม่ซูมเข้าไปให้เราต้องถอยไกลๆ เหมือนรุ่นก่อนๆนี่แหละ ส่วนเรื่องของความเบลอก็เริ่ด ถ่ายแก้วน้ำหลอดไม่ขาด ฝาครอบแก้วไม่เบลอกลืนไปกับฉาก เค้าใส่โหมดโปรมาให้ด้วยนะ ปรับได้ 3 อย่าง ชดเชยแสง , iso และ white balance ค่ะ

ด้วยความที่มี 2 กล้องและ รูรับแสงก็ช่วยเพิ่มความสามารถในการถ่าย ถ่ายตอนกลางวันนี่หายห่วงไปได้เลย ดีไม่แพ้ใคร เรื่องสีถ่ายออกมาค่อนข้างใกล้สีจริงแต่จะออกสว่างกว่านิดหน่อยค่ะ แต่พอเจอสีแดงจัดๆแล้วกล้องก็จะเพี้ยนๆหน่อยแบบรูปดอกเข็ม 














กล้องในที่แสงน้อย/มืด

ถ่ายรูปตอนกลางคืน หรือ แสงน้อย ด้วยกล้องคู่ที่ให้มานั้น มีการปรับให้สว่างขึ้นกว่าตาเห็น ดึงความคม ความสว่างขึ้นมา ทำให้ภาพมีนอยซ์ แต่ว่าภาพที่ได้ออกมาทำได้ดีเลยนะ ชอบภาพที่ถ่ายริมถนน แสง สี และเงา ออกมาดูมีมิติดี แต่อย่างรูป Kengkawis ดูเหมือนถ่ายในที่พอมีแสงทำไมมันเบลอ แต่จริงๆ มันมืดกว่านั้นอีก นี่คือสว่างกว่าที่ดาเห็น












 

Live Focus + Art Bokeh

Live Focus ความดีอย่างแรกคือ เราไม่ต้องถอยหลังไปเพราะเลนส์มันซูมเข้าอีกแล้ว เคยถ่ายอยู่มุมไหน กดใช้ฟีเจอร์นี้ก็ภาพจะยังอยู่มุมเดิม แต่ก็มีต้องขยับเข้า-ออก ให้มันเบลอหลังจนกว่าจะขึ้นว่า Live Focus พร้อมใช้งานนะ ส่วนความยากง่ายในการให้มันโฟกัสพร้อมใช้งานเราว่าอยู่ที่มุมถ่าย ขยับๆ ดีดี องศาได้ก็จะถ่ายได้ง่ายๆเลย









ที่ชอบอีกอันคือมีฟีเจอร์ Art Bokeh มาให้ นับเป็นน้องๆ Galaxy S9+ เลย ถ่าย Live Focus เสร็จ มาแต่งโบเก้ให้เบลอเป็นรูปทรงต่างๆได้ต่อ แต่รูปที่จะทำอาร์ทโบเก้ได้ ส่วนใหญ่ต้องเป็นรูปที่ถ่ายออกมาแล้วเห็นความโบเก้เป็นจุดๆอยู่ก่อนแล้ว ไม่งั้นเลือกปรับแล้วมันจะไม่มีขึ้นมาให้เลือกรูปทรง เลือกได้แค่ความเบลออย่างเดียว จากรูปที่ถ่ายมา ทำได้ทั้งกลางวันและกลางคืนเลย จากที่เคยคิดว่ากลางคืนแสงน้อยอาจจะไม่รอด แต่ก็นังได้อยู่ (รูปตอนกลางวันที่ถ่ายกับต้นไม้ ชอบความเบลอและความอาร์ทนั้นมาก)






ลองเอามาแต่งในแอพแต่งรูปต่อ อันนี้แล้วแต่ความชอบเลยว่าชอบโทนแบบไหน ที่อยากจะบอกคือรูปที่ถ่ายได้ เอาไปปรับแสง ปรับสีต่ออีกก็ยังได้ ความโบเก้ที่ได้มา รูปที่ได้มามันสวยดี จนอยากจับมันไปแต่งเติมอีกนิดให้เป็นสไตล์เรา

 

กล้องหน้า + Selfie Focus + AR Sticker

กล้องหน้า กล้องหน้า 24MP(F1.9) ให้มาชนค่ายอื่นโดยเฉพาะ เยอะที่สุดเท่าที่เคยให้แล้วจ้าา ปรับแต่งบิวตี้โหมดได้ ปรับสี ความเนียน หน้าวี ตาโต ครบหมด หลังๆ Samsung ก็ทำออกมาไม่ปลอม ไม่เอเลี่ยนแล้วแต่ถ้าปรับสุดก็จะดูออกอยู่ดีว่าปรับบิวตี้ แต่คราวนี้มีแฟลชกล้องหน้าให้มาด้วย ปรับได้ 3 ระดับ เป็นตัวช่วยเวลาถ่ายในที่แสงน้อยได้แจ่มมาก

Selfie Focus ถ่ายกล้องหน้าเบลอหลังก็ทำได้ หลายคนก็ได้นะ ลองสองคนมาแล้ว แต่ตรงนี้จะปรับความเนียน หรือ บิวตี้ไม่ได้ คือเนียนมาให้อัตโนมัติเลย บางรูปจมูกน้อยๆของเราก็จะหายไป (จากที่น้อยอยู่แล้ว บ้าจริง) ลองใช้แล้วชอบนะ เค้าไม่ได้เกลี่ยหน้าจนเป็นเอเลี่ยน ดูหน้าสุขภาพดีจังคะ ฮ่าๆ เบลอหลังก็เอาอยู่หมด

AR Sticker อันนี้มีมาหลายรุ่นแล้วไม่ต้องอธิบายมาก รุ่นนี้ก็ต้องให้มาอยู่แล้วเนอะ สติ๊กเกอร์ดุ๊กดิ๊กๆ หูแมว หูกระต่าย ถ่ายได้ทั้งวีดีโอ และ ภาพนิ่ง

ลองมาดูภาพชุดเซลฟี่หลายๆ แบบ ทั้งบิวตี้ระดับ 0 – 4 – 8 / แฟลชเซลฟี่ 3 ระดับ / เซลฟี่ โฟกัส (เบลอหลัง) / AR Sticker












สเปค GALAXY A6+ (2018)

  • ระบบปฏิบัติการณ์ Android 8.0 บน Samsung UX 9.0
  • หน้าจอ 6 นิ้ว  Super AMOLED Full HD+ (2220×1080) อัตราส่วน 18.5:9
  • ชิปประมวลผล Snapdragon 450
  • ชิปกราฟิค Adreno 506
  • RAM 3GB / 4GB
  • ROM 32GB / 64GB
  • รองรับการเพิ่มหน่วยความจำด้วย microSD
  • กล้องหลังคู่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/1.7 + 5 ล้านพิกเซล f/1.9 ใช้ในการทำละลายหลัง
  • กล้องหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล f/1.9 + LED Flash
  • แบตเตอรี่ 3,500 มิลลิแอมป์
  • ระบบเสียง Dolby Atmos
  • รองรับการสแกนลายนิ้วมือ, Bluetooth 5.0, NFC, Samsung Pay

สรุป

สำหรับใครที่ชอบถ่ายภาพ หรือ เน้นกล้อง น่าจะเหมาะกับ Galaxy A6+ เพราะกล้องคู่ ทำ Art Bokeh  ได้ + กล้องหน้าที่ให้มาเต็มๆ ที่ 24 ล้านพิกเซล การใช้งานอื่นๆ ก็ได้สบายๆ เล่นเกมไหว ได้เรื่อยๆ แค่เกมกราฟฟิกหนักมากๆ อาจจะเปิดกราฟฟิกไม่ได้สุด มีติดก็ตรงที่ค่อนข้างหนักด้วยแบตที่ให้มา 3,500 mAh แต่แลกกับความอึดที่ให้มาใช้งานทั่วไปได้เกือบ 2 วันก็ถือว่าดี ส่วนลำโพงของตัวเครื่องนั้นความดังและคุณภาพเสียงมันก็จะครึ่งๆ กลางๆ หน่อย

รีวิวจบแล้วก็ต้องขอบอกว่า Galaxy A6+ กล้องดีกว่าที่คาด(พี่ซุงไม่กั๊ก) แบตอึดกว่าที่คิด เป็นมือถือหมื่นต้นที่แนะนำให้เลือกซื้อกันได้แบบไม่ต้องคิด

from:https://droidsans.com/review-galaxy-a6-plus/

Review | รีวิว Galaxy A6 น้องเล็กตระกูล A ที่มาพร้อมฟีเจอร์ครบครัน ในราคาย่อมเยาว์

ช่วงกลางปีนี้ Samsung ก็ได้ส่ง Galaxy A6│ A6+ ซึ่งถือว่าเป็นน้องเล็กในตระกูล A ลงแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนรุ่นกลาง ซึ่งความน่าสนใจของ 2 รุ่นนี้นอกจากเป็นตระกูล A ที่ถูกปรับโฉมแล้ว ราคายังต่ำหมื่น! เรียกถูกกว่าพี่น้องในปีที่ผ่านๆ มาอีกด้วย วันนี้เราเลยมารีวิวการใช้งาน Galaxy A6 น้องเล็กสุด มาดูกันเลยค่ะ ว่ารุ่นนี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง

ตัวเครื่อง

Galaxy A6 มาพร้อมหน้าจอ super AMOLED ขนาด 5.6 นิ้ว ความละเอียด HD+ 1480 x 720 พิกเซล ในอัตราส่วน 18:5:9 ซึ่งการใช้งานจริง หน้าจอของ Galaxy A6 เครื่องที่ได้มาเหมือนจะติดสีฟ้าไปสักนิด ทำให้เวลาดูคอนเทนต์ หรือรูปภาพอาหารจะดูไม่ค่อยน่ากิน วิธีแก้คือไปปรับตั้งค่าหน้าจอได้ค่ะ (หรือเปิดโหมดตัดแสงสีฟ้าก็จะช่วยดรอปสีฟ้าลง แต่ก็จะติดเหลืองเกินไป)  ส่วนความคมชัดก็ถือว่าพอใช้ได้ในความละเอียด HD+ และเมื่อออกไปเจอแสงสว่างข้างนอกก็สู้แสงได้โอเคเลย

วัสดุของ Galaxy A6 ทำจากโลหะแบบ Unibody ต่างจากรุ่นอื่นๆ ในตระกูล A ที่ทำจากโลหะและกระจก แต่ก็ยังคงความพรีเมี่ยมด้วยฝาหลังสีดำล้วน มีความเงาแบบเหล็ก เวลาจับถือเยอะๆ ไม่ค่อยเห็นรอยนิ้วมือชัดเท่ากระจก (แต่ก็ยังแอบเห็นบ้างนิดหน่อย)

ด้านข้างประกอบด้วย ปุ่ม Power + ลำโพง

ด้วยความเป็น Unibody ขอบด้านข้างของ Galaxy A6 จึงโค้งมนจับพอดีมือ พวกปุุ่มกดต่างๆ ด้านข้างก็ทำได้โอเค แน่นดี ไม่ก๊องแก๊ง  ส่วนลำโพงของ Galaxy A ถือว่าธรรมดา ไม่มีอะไรโดดเด่น ระดับเสียงความดังพอใช้ได้ แต่เสียงก็จะไม่ได้แน่นอะไรมาก ต้องอาศัยความเทพของหูฟังเป็นตัวช่วย บวกกับฟีเจอร์ “Dolby Atmos” ที่ใส่มาให้ก็ช่วยทำให้เสียงดังขึ้นและแน่นขึ้นอีกนิด ถือว่าใช้ได้เลย

ปุ่มเพิ่ม – ลดเสียง + ช่องใส่ซิม 1 + ช่องใส่ซิม 2 และ microSD Card

Galaxy A6 รองรับ 2 ซิมแบบ Dual Stand-by รองรับเครือข่าย 2G/3G/4G (LTE Cat.6, 2CALTE Cat.6, 2CA)

ด้านล่างตัวเครื่อง ประกอบด้วย พอร์ท microUSB + ไมโครโฟน + รูหูฟัง 3.5 มม.

สรุปรวมแล้วความน่าประทับใจ Galaxy A6 ในส่วนของตัวเครื่องคงเป็นเรื่องของขนาด และน้ำหนักที่กำลังพอดี ไม่หนาหรือบางเกินไป จับถือสะดวกด้วยความโค้งมนด้านข้าง พกพาง่ายใส่กระเป๋ากางเกงก็ไม่ปลิ้นออกมา นอนเล่นได้ยาวๆ ไม่เมื่อยมือ และคิดว่าผู้หญิงน่าจะชอบกับมือถือไซส์กลางๆ ประมาณนี้

 

ประสิทธิภาพ

 

Galaxy A6 มาพร้อมชิป Exynos 7870 ชิปเซ็ตรุ่นกลางของซัมซุง ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ใช้ในซีรีส์ J ส่วนผลการทดสอบจาก AndroBench ที่ออกมาก็ได้คะแนนรวมอยู่ที่ 63,012

การใช้งานจริงเจ้า Galaxy A6 ก็สามารถทำได้ดีในระดับใช้งานทั่วๆ ไป เล่มเกม ดูหนัง ฟังเพลง แต่ในพาร์ทนี้ขอเน้นไปที่การเล่นเกมก่อนค่ะ โดยทดลองเล่น ROV ไปหลายตาอยู่ ซึ่งตรงนี้ยังแอบเป็นปริศนาธรรม เพราะตอนแรกที่เล่น กระตุกมากกกก แค่เดินก็ลำบาก ไม่รู้ไปโดนของหรืออะไรมา แต่พอลองเล่นอีกตาสองตาในวันเดียวกัน ก็กระตุกน้อยลง เริ่มดีขึ้น

แต่พอลองกดสูตรเปิดโหมดเฟรมเรทสูง 60 FPS ดู กลายเป็นว่าลื่นกว่าเดิม ไม่กระตุก เล่นได้เนียนๆ แต่เฟรมเรทจะอยู่ราวๆ 30-40 สูงสุดราวๆ 50 และต่ำสุดที่เจอคือ 20 และก็ได้ลอง PUB G ด้วย ซึ่งตัวเกมก็บังคับให้เล่นในโหมดกราฟิกต่ำสุด ก็อย่าไปฝืนมันเลยค่ะ

 

ฟีเจอร์เด่นๆ ของ Galaxy A6

สแกนลายนิ้วมือ และใบหน้า เพื่อยืนยันตัวตน  

เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง

ฟีเจอร์การสแกนใบหน้า (Face Detection)

Galaxy A6 มาพร้อมฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือและสแกนใบหน้า เพื่อทำการยืนยันตัวตน โดยที่สแกนลายนิ้วมือก็อยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับ 2 รุ่นพี่ที่เปิดตัวไปก่อนหน้าในปีนี้ อย่าง Galaxy A8+ │A8 และ Galaxy S9 │S9+ ซึ่งก็สแกนได้สะดวกรวดเร็วทั้งลายนิ้วและใบหน้า ส่วนตัวก็ค่อนข้างประทับใจเลยทีเดียว เพียงแต่ติดตรงที่เวลาจะปลดล็อคนิ้วชอบพลาดไปโดนกล้องเป็นรอยตลอด ต้องคอยเช็ดลายนิ้วมืออกจากกล้องอยู่บ่อยๆ

Multi Window แบ่งหน้าจอใช้งานได้สบายๆ 2 แอป 

ฟีเจอร์ต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ใน Multi Window: Add App Pair to Home Screen > Snap Window > Switch > Pop up Window ตามลำดับ

ฟีเจอร์ Multi Window ใน Galaxy A6 ได้เพิ่มฟีเจอร์ App Pair ที่สามารถจับคู่แอปที่ใช้ประจำแล้วเรียกใช้งานได้พร้อมกัน 2 แอป แล้วสร้างเป็นทางลัดไว้ที่ Home Screen ได้ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งแรก เมื่อกดใช้งาน Multi Window เลยค่ะ

ถัดมาเป็น Snap Window ที่สามารถเลือกส่วนของคอนเทนต์ที่เราต้องการใช้งานเฉพาะส่วนแล้วสลับขึ้นไปไว้ด้านบนจอแทน ถัดจากนั้นมาอีกก็เป็นตัวสลับแอป

สุดท้ายเป็นฟีเจอร์ Pop up Window ที่เราคุ้นเคยกัน โดยฟีเจอร์นี้สามารถเรียกใช้ได้ทั้งลากนิ้วจากมุมจอขวามาซ้ายในแนวตะแคงเพื่อย่อเป็นจอ Pop up หรือ คลิกที่ไอคอนถัดจาก สลับแอป ในฟีเจอร์ Multi Window ก็ได้ค่ะ

Dual Messenger สามารถโคลนนิ่งแอปโซเชียลมีเดีย อย่าง Facebook, Line, Messenger ออกมาได้เป็นสองอัน ทำให้เล่นได้ 2 Account ในเครื่องเดียว

 

แบตเตอรี่

มาถึงไฮไลท์ของ Galaxy A6 ที่น่าประทับใจอีกอย่าง นอกจากขนาดที่กำลังพอดีแล้ว แบตเตอรี่ที่ให้มายังคงทน สามารถใช้งานได้เต็มวันแบบไม่ต้องมานั่งกังวลอีกด้วย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับกิจกรรมของแต่ละคนด้วยค่ะ แต่จากที่ลองใช้มาจากแบตที่ชาร์จเต็มๆ 100% เริ่มใช้ตอนช่วง 7.30 น. ก็เล่นเกม ถ่ายรูป เล่นแอปโซเชียลมีเดีย ทั่วๆ ไป ก็อยู่ลากยาวมาได้ถึงตี 2.15 น. ของวันใหม่ค่ะ

 

กล้องหลัง

กล้องหลัง Galaxy A6 ให้มาที่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.7 และ LED flashที่ด้านหลังตัวเครื่อง ซึ่ง UI ในการใช้งานก็หน้าตาคล้ายคลึงกับสมาร์ท Samsung รุ่นอื่นๆ เลยค่ะ


Galaxy A6 มาพร้อมฟีเจอร์พื้นฐานที่ Samsung จะใส่มาให้ อย่างโหมดโปรก็จะปรับได้ค่ Whith Balance, ชดเชยแสง และ ISO แค่นั้นเลย แล้วก็ยังมีโหมด Sport ที่ช่วยจับภาพที่เคลื่อนไหวเร็วๆ การถ่ายภาพแบบช็อตต่อเนื่อง Panorama โหมดกลางคืน (ที่ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่) และ โหมด HDR (Rich Tone) ที่ช่วยดึงสีและแสงของภาพให้สว่างสดใสได้ ซึ่งช็อตที่ออกมาถือว่าใช้ได้ในระดับหนึงเลยค่ะ

การใช้งานจริงสำหรับกล้องของ Galaxy A6 ถือว่าทำได้ดีพอสมควรสำหรับการถ่ายภาพวัตถุในระยะใกล้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นมาโครแล้วเก็บรายละเอียดอะไรได้มากมาย แต่ก็ทำได้ดีทั้งในสภาพแสงน้อยและกลางแจ้งเลยล่ะค่ะ ส่วนการถ่ายวิว นั้นยังไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ แต่ถ้าในสภาพแสงกำลังดี แดดออกหน่อยๆ ก็ถือว่าโอเคอยู่ค่ะ แต่ที่ไม่ประทับใจเลย คือการถ่ายภาพอาหาร นอกจากหน้าจอของ Galaxy A6 จะติดฟ้าแบบที่ได้บอกได้ข้างบนแล้ว พอมาดูภาพในคอมสีอาหารที่ถ่ายออกมาก็ยังตุ่นๆ สีแปลกๆ อยู่ดี

ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง



































กล้องหน้า

Galaxy A6 ให้สเปคกล้องหน้ามาที่ ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.9 และ LED flash ที่ปรับได้ 3 ระดับ มาพร้อมกับฟีเจอร์พื้นฐานกล้องหน้าซึ่ง Galaxy A6  ก็มีเหมือนกับรุ่นอื่นๆ ทั้ง Beauty Mode (ปรับสีผิว, หน้าเรียว,  หน้าเนียน, ตาโต 8 ระดับ) สติ๊กเกอร์ ฟีลเตอร์ และ Wide Selfie

สำหรับ แฟลชหน้า LED นั้นสามารถปรับได้ 3 ระดับ มาพร้อมกับ Screen Flash  ที่ใช้แสงจากหน้าจอที่สว่างวาบขึ้นมาช่วยเพิ่มแสงให้ตอนถ่ายด้วย

ตัวอย่างภาพของไฟแฟลชปรับ 3 ระดับ

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เอาใจสาวๆ ที่อยากได้ภาพเซลฟี่ที่มีมิติมากขึ้นอย่าง Selfie Focus ปรับหน้าชัด หลังเบลอ ได้ พร้อมกับ Beauty Mode ปรับแสง และความเนียนของหน้า ซึ่งก็ทำได้พอสมควรเลยล่ะ เพียงแต่อาจจะต้องหาแสงและมุมดีๆ หน่อย

     

ตัวอย่างภาพ ด้านซ้ายเซลฟีธรรมดา + ด้านขวา Selfie Focus

ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า








สเปค Galaxy A6

  • ระบบปฏิบัติการ Android OS 8.0 (Oreo) + Samsung UX 9.0
  • หน้าจอ: sAMOLED ขนาด 5.6 นิ้ว ความละเอียด HD+ 1480 x 720 พิกเซล  (~294 ppi) อัตราส่วน 18:5:9
  • CPU: Exynos 7870 Octa-core 1.6 GHz Cortex-A53
  • GPU: Mali-T830 MP1
  • RAM 3GB
  • หน่วยความจำภายใน: 32GB + รองรับ microSD สูงสุด 256GB
  • กล้องหลัง: 16 MP (f/1.7) + LED flash
  • กล้องหน้า: 16 MP (f/1.9) + LED flash 3 ระดับ
  • รองรับเครือข่าย: 2G/3G/4G (LTE Cat.6, 2CALTE Cat.6, 2CA)
  • รองรับ 2 ซิม (Dual stand-by)
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 802.11 a/b/g/n (2.4/5GHz), HT40, Bluetooth® v 4.2 (LE up to 1Mbps), ANT+, USB Type-B, Location (GPS, Glonass)
  • เซนเซอร์: Accelerometer, Fingerprint Sensor, Gyro Sensor, Geomagnetic Sensor, Hall Sensor, Proximity Sensor, RGB Light Sensor
  • แบตเตอรี่: 3,000 mAh (ถอดแบตไม่ได้)
  • ขนาดเครื่อง: 149.9 x 70.8 x 7.7 มม.
  • ราคา 8,900 บาท

ในส่วนสเปคของ Galaxy A6 นั้นถือว่าให้มากลางๆ ค่อนข้างจะไปใกล้เคียงกับตระกูล J เลยด้วยซ้ำ เพียงแต่ได้ดีไซน์ใหม่เอกลักษณ์ความบอดี้โลหะดูพรีเมียมของตระกูล A เอาไว้ ซึ่งเปิดตัวมาพร้อมกับ Galaxy A6+ แฝดพี่ที่สเปคให้มาแตกต่างกันพอสมควร ทั้งกล้อง ชิปประมวลผล  ขนาดหน้าจอ ฟีเจอร์ และสเปคกล้องทั้งหน้า – กล้องหลัง หากใครอยากรู้ว่าเจ้า 2 รุ่นนี้ต่างกันขนาดไหน สามารถกลับไปอ่านได้ที่ เปรียบเทียบสเปค Galaxy A6 และ Galaxy A6+ 

 

สรุปการใช้งาน

การใช้งานโดยรวมสำหรับเจ้า Galaxy A6 นั้นโดยรวมยังไม่เจอปัญหาอะไร การใช้งานโดยรวมก็ถือว่าโอเคกับมือถือราคาต่ำหมื่น เล่นเกมได้ บางเกมโหลดช้าหน่อย แต่ก็ลื่น เกมกราฟิคหนักๆ เปิดความละเอียดสูงๆ ก็อาจจะมีกระตุกบ้างนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่ได้ประทับใจถึงขั้นต้องตัดสินใจซื้อเลยโดยไม่ชั่งใจเลย  ยิ่งถ้าเทียบกับสมาร์ทโฟนร่นกลางในช่วงราคาต่ำกว่าหมื่นในตลาดมือถือก็คงต้องต่อสู้แบบหนักอยู่ และยิ่งมีตัวเปรียบเทียบเป็นแฝดพี่อย่าง Galaxy A6+ ที่ออกมาพร้อมกัน แม้ว่าจะอยู่คนละช่วงราคา แต่ก็ห่างกันไม่มาก แถมปัจจัยความคุ้มค่าทั้งฟีเจอร์และสเปค ก็อาจจะทำให้หลายคนเอนเอียงไปทางนั้นได้ไม่ยากเลยค่ะ

from:https://droidsans.com/review-samsung-galaxy-a6/

รีวิว Samsung Galaxy A6 และ A6+ บอดี้โลหะ จอใหญ่ ราคาไม่แพง

Galaxy A6 และ A6+ สองสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของ Samsung เปิดราคาไทยออกมาแล้วครับ ซึ่งนับว่าราคาไม่แพง Galaxy A6 เปิดจำหน่ายในราคา 8,900 บาท และ A6+ อยู่ที่ 10,900 บาท ซึ่งจุดเด่นของเครื่องคู่นี้อยู่ที่วัสดุและการจับสัมผัสของตัวเครื่องภายนอกเป็นสำคัญเลยครับ

Galaxy A6 และ A6+ ภายนอกแน่นหนามาก ใช้โครงโลหะทั้งตัวผิวสัมผัสดี ถือจับแล้วรู้ได้เลยครับว่ามันแตกต่างกับเครื่องโลหะบางๆ แบบทั่วไป ความโค้งมนและการเก็บงานประกอบทำออกมาได้ดีมาก ตัวเครื่องภายนอกนับเป็นสิ่งแรกเลยสำหรับเครื่องราคาไม่แพงคู่นี้ที่ทำได้เข้าตา การออกแบบไม่แตกต่างไปจากเครื่องในซีรี่ย์ Galaxy A ตัวอื่นๆ มากนักครับ A6 และ A6+ มีความต่างกันภายนอกในเรื่องของขนาดหน้าจอแสดงผล โดย A6 จะเป็นเครื่องหน้าจอขนาด 5.6 นิ้ว ความละเอียด HD+ และ A6+ ขนาดหน้าจอใหญ่กว่า อยู่ที่ 6 นิ้ว ความละเอียด FullHD+ ครับ จอใหญ่สีสันสวยครับ อ่านตัวอักษรได้ง่ายความคมชัดดูด้วยตาเปล่ามองไม่เห็นความแตกต่างกันสักเท่าไหร่

รูปทรงของทั้งคู่ตัวเครื่องไม่ใหญ่ ความกว้างในการถือจับไม่ต่างกันมากนัก เพราะว่าเป็นเครื่องขอบจอเล็ก ถึงจะจอใหญ่แต่เครื่องโดยรวมถือไม่ลำบาก

นอกจากขนาดหน้าจอที่ต่างกัน ก็จะมีด้านหลังที่ให้กล้องถ่ายภาพมาคนละแบบกันด้วยครับ ซึ่ง A6 จะให้มาเป็นกล้องเดี่ยว 16 ล้านพิกเซล และกล้องหน้าในความละเอียดเท่ากัน แต่ส่วนของ A6+ จะอัพเกรดกล้องมาฟลูออฟชั่นมากกว่า โดยมาในกล้องถ่ายภาพด้านหน้าความละเอียด 24 ล้านพิกเซล และกล้องคู่ด้านหลัง 16 ล้านพิกเซล + 5 ล้านพิกเซล แถมมีฟังก์ชั่นไลฟ์โฟกัส สำหรับการใช้งานกล้องในการถ่ายภาพมาให้ด้วย ฟังก์ชั่นนี้เป็นตัวเดียวกับที่มีอยู่ในเครื่องรุ่นใหญ่ของ Samsung ครับ มันจะคอยช่วยควบคุมการทำภาพแบบชัดลึกชัดตื้น หรือที่เราเรียกกันว่าภาพหน้าชัดหลังเบลอนั้นเอง (แต่จริงๆ มันจะทำภาพหน้าเบลอหลังชัดก็ได้นะ ^^)

มีที่สแกนลายนิ้วมืออยู่ใต้กล้องถ่ายภาพ สแกนเข้าใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องปลุกเครื่องก่อนนะครับ แต่ Galaxy A6 และ A6+ มีฟังก์ชั่นการสแกนใบหน้ามาให้ด้วย เราสามารถใช้งานการสแกนใบหน้าหรือการสแกนลายนิ้วมือได้ตามต้องการแล้วแต่สะดวก แม่นยำและทำงานเร็วทั้งคู่ครับ แต่ข้อเสียของสแกนหน้าก็คือการใช้งานในที่มืดมากๆ อาจจะสแกนใบหน้าไม่ได้ครับ เพราะกล้องมองหน้าเราไม่เห็น


ทั้งคู่มีถาดใส่ซิมแบบสามสล็อตมาให้ครับ แยกเป็นสองช่องใส่ซิม เราไม่ต้องสลับซิมที่สองกับ Micro SD Card นะครับสำหรับสองตัวนี้ ใช้งานพร้อมกันได้เลย ซึ่ง Galaxy A6 และ A6+ เป็นเครื่องที่รองรับ DualSim DualStand By นะครับ ใช้งาน 4G และ 3G ได้พร้อมกันในซิมที่สอง

การออกแบบลำโพงของเครื่องจะอยู่ที่ด้านข้างส่วนบน แปลกแตกต่างกับรุ่นอื่นๆ แต่ถือว่าดี เพราะว่าเป็นตำแหน่งที่มือไปบังลำโพงค่อนข้างยากครับเวลาถือจับ ไม่ว่าจะเป็นแนวตั้งหรือแนวนอนในขณะเล่นเกม

ระดับเสียงของลำโพงอยู่ในระดับดังดีทั่วๆ ไป เสียงออกแหลมๆ หน่อยครับ เปิดสุดลำโพงเสียงไม่แตก แต่เมื่อใช้กับหูฟัง เราจะสามารถเปิดฟังก์ชั่น Dolby Atmos ขึ้นมาใช้ได้นะครับ (และจะสามารถเปิดใช้งานแอพวิทยุได้เมื่อเสียบหูฟังเท่านั้นนะครับ)

 



ตัวเครื่องบางแค่ 7 มิลลิเมตรกว่าๆ แต่ว่าแบตเตอรี่ใหญ่ครับ ขนาด 3,000 mAh สำหรับ A6 และ 3,500 mAh สำหรับของ A6+ ก้อนใหญ่มากพอใช้งานได้ทั้งวันครับ โดยเฉพาะหน่วยประมวลผลของทั้งคู่ไม่กินไฟ จะมีใช้แบตหนักๆ ก็เป็นเรื่องของหน้าจอเพียงอย่างเดียว ฉะนั้นถ้าเปิดแสงไฟหน้าจอในระดับ 50% ใช้งานได้ถึงค่ำแน่นอนครับ

โดยรวมแล้วตัวเครื่องภายนอกผ่านมาก ดูแพงและผิวสัมผัสก็รู้สึกดีมากจริงๆ ครับ ผิวโลหะกึ่งด้านๆ แบบนี้ เห็นรอยนิ้วมือยากด้วย  บอกเลยว่าถ้าใครให้น้ำหนักลักษณะของตัวเครื่องภายนอกเป็นสำคัญละก็ เจ้าคู่นี้มีให้แน่นอนโดยไม่ต้องสนใจราคาเลย

การใช้งานภายใน

Galaxy A6 และ A6+ เป็นเครื่องที่สเปคการใช้งานไม่สูงครับ ระดับเครื่องกลางๆ ทั่วไป มันเหมาะกับการใช้งานทั่วไปเช่นการอ่าน การดูหนัง การแชต ใช้ในการทำงานติดต่อสื่อสารเป็นหลัก พวกนี้ตัวเครื่องทั้งสองรุ่นตอยสนองการใช้งานได้ไม่มีปัญหาครับ แถมจอใหญ่ ดูหนังได้ชัดเต็มตาดีและสีสวย

แต่สเปคอาจจะน้อยไปสักหน่อยถ้าพูดถึงการนำเอามาเล่นเกมแบบกราฟิกสูงๆ เพราะจะมีอาการกระตุกให้เห็น ซึ่งพวกมินิเกมเล่นได้ลื่นอยู่ครับ หรือตอนผมไปลองใช้เล่น ROV จริงๆ มันก็เล่นได้นะครับ แต่ตอนลุยกันหนักๆ มันจะมีแลคขึ้นมาบ้าง


ฉะนั้นด้วยหน้าตา วัสดุ รูปทรง และสเปคภายใน ผมแนะนำว่าเจ้าคู่นี้เหมาะกับนักศึกษาและวัยทำงานมากกว่าจะซื้อมาเพื่อเล่นเกมจริงจังครับ

หน้า UI ของ Galaxy A6 และ A6+ รองรับ Bixby ผู้ช่วยส่วนตัวของ Samsung และมีธีมสโตร์ให้โหลดเปลี่ยนใช้งาน การออกแบบยังคงเน้นสไตล์ดูเรียบ แต่ครบช็อตคัทครับ ปรับแต่งได้พอประมาณ ใช้การสไลด์นิ้วขึ้นจากด้านล่างเพื่อเรียกหน้ารายการแอพขึ้นมา





Galaxy A6 จะใช้หน่วยประมวลผล Exynos 7870 ของทาง Samsung เอง มีแรมขนาด 3GB แต่ A6+ จะอัพเกรดสเปคขึ้นมาหน่อย ด้วยการใช้หน่วยประมวลผล Snapdragon 450 ของ Qualcomm และให้แรมมา 4GB หน่วยความจำภายในทั้งคู่ที่นำเข้ามาจำหน่ายเป็นขนาด 32GB (เพิ่ม Micro SD card ได้ 256GB และ 400GB ตามลำดับ)

แม้ Galaxy A6 และ A6+ จะเป็นเครื่องราคาไม่สูงมาก แต่ความเป็น Samsung ยังไงก็เป็น Samsung ครับ บริการเสริม แอพพลิเคชั่นพิเศษ และงานบริการให้คนใช้ต้องมา และต้องมีในเครื่องทุกรุ่น ซึ่งเจ้าคู่นี้ก็มีให้มาไม่น้อยครับ



มันมีฟังก์ชั่นการแบ่งหน้าจอทำงานได้สองแอพพร้อมกัน พร้อมคำสั่งแบบ App Pair ที่เราสามารถกดเพียงครั้งเดียวแต่เปิดแอพคู่พร้อมกันขึ้นมาได้ทันที เป็นการตั้งค่าไว้ล่วงหน้าได้ว่าเราต้องการจับคู่แอพใดทำงานร่วมกับแอพใด ซึ่งเป็นระบบแอพคู่ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Samsung ครับ

นอกจากทำงานได้สองแอพพร้อมกันแล้ว มันก็รองรับระบบ Dual Messenger ซึ่งเป็นระบบที่จะแยกบัญชีการใช้งานของแอพ Social ทั้งหลาย ให้กลายเป็นสองแอคเคาท์ได้ในเครื่องเดียว เช่นล็อคอิน Facebook ไว้สองแอคเคาท์ในเครื่องเดียวเป็นต้น ซึ่งสำหรับ Galaxy A6 และ A6+ ทาง Samsung แจ้งไว้ว่ารองรับมากที่สุดถึง 18 แอพ Social ที่เรานิยมใช้งานกันทั้งหมดครับ


ระบบ Samsung Max อันนี้ผมอยากแนะนำสำหรับคนอยากประหยักดาต้าอินเตอร์เน็ต และอยากมั่นใจในความปลอดภัยเป็นพิเศษ ซึ่งระบบ Samsung Max เป็นระบบที่ทาง Samsung ทำบริการ VPN ไว้ให้ ทำการบีบอัดข้อมูลและคัดกรองพฤติกรรมการติดตามข้อมูลส่วนตัวของคุณจากแอพพลิเคชั่นที่แอบทำงานโดยเราไม่รู้ตัวครับ มันทำงานให้เราได้ทั้งขณะใช้งานดาต้าอินเตอร์เน็ต WiFi และเครือข่ายมือถือ





ระบบ Secure Folder (โฟลเดอร์ที่ปลอดภัย) ระบบดีๆ ที่มีมาให้ใช้ และทุกคนควรใช้นะครับ โดยเฉพาะผู้ที่นิยมทำธุรกรรมทางการเงินบนเครื่องโทรศัพท์

ระบบ Secure Folder เป็นระบบรักษาความปลอดภัยในระดับองค์กรที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายๆ อยู่ในสมาร์ทโฟนของเราครับ มันเป็นพื้นที่พิเศษที่ถูกสร้างขึ้นมาอีกหนึ่งชั้นในเครื่อง จะเข้าใช้งานได้ต้องใช้รหัสผ่านซึ่งอาจจะเป็นพินตัวเลขหรือรหัสทางชีวภาพของเราเช่นลายนิ้วมือเป็นต้น ภายในจะแยกเป็นพื้นที่ใหม่ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับส่วนระบบและบัญชีหลักของตัวเครื่อง เหมาะมากที่เราควรนำแอพสำคัญทางการเงินเข้ามาเก็บไว้ในนี้ครับ เพื่อการป้องกันการผิดพลาดของเราหรือการจงใจของบุคคลอื่น เข้ามาแอพใช้งานแอพธุรกรรมของเราโดยเราไม่รู้ตัว พื้นที่ Secure Folder จะปกป้องการเข้าใช้งานไว้ให้เราได้อีกขั้นตอนหนึ่งครับ



ฟังก์ชั่นและบริการอีกมากมายในความเป็น Samsung ก็ถูกใส่เข้ามาให้เต็มเครื่องครับ เช่น Game Tools ระบบสำหรับคนเล่นเกม เป็นระบบที่ป้องกันการรบกวนและให้ความสำคัญสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ มันสามารถบันทึกภาพวีดีโอขณะเราเล่นเกมได้


และใครชอบเล่นเกมแบบเปิดโหมดออโต้ฟาร์มเวลไปเรื่อยๆ แบบผม น่าจะชื่นชอบมากเป็นพิเศษ และผมยังหาในเครื่องยี่ห้ออื่นไม่ได้เลยกับโหมด ล็อคการสัมผัสหน้าจอ ซึ่งเป็นโหมดที่มันจะทำการปิดไฟหน้าจอพร้อมล็อคการทัชที่เราไม่ตั้งใจ เมื่อไฟหน้าจอหรี่ลงมันก็จะช่วยประหยัดแบตพร้อมทั้งกันคนอื่นมองเห็นว่าเราเล่นเกมอยู่ได้ด้วย อีกทั้งไม่ต้องกลัวมือจะไปโดนหน้าจอแล้วเกมจะหยุดเล่นออโต้ให้เราด้วยครับ เพราะหน้าจอสัมผัสมันถูกปิดอยู่ แต่เกมไม่ได้หยุดเล่น เยี่ยม! ^^

บริการ Galaxy Gift บริการที่คุ้มที่สุดในสามโลก แถมเป็นบริการที่แบรนด์มือถือมาให้บริการในประเทศโลกที่สามอย่างเรา มันน้อยซะยิ่งกว่าน้อยที่จะมี แถมทำได้ดีจนขาดไม่ได้แล้วที่จะต้องพกเครื่อง Samsung ไว้ข้างตัวตลอดเวลาอย่างน้อยหนึ่งรุ่น บอกได้แค่ว่าถ้าใช้กันเพลินๆ มันคุ้มค่าเครื่องที่จ่ายไปต่อปีซะอีกครับ




ตอนนี้บริการต่างๆ ของทาง Samsung เขาก็มี Hub ที่รวบรวมเอาไว้ในแอพที่ชื่อว่า Samsung Member แล้วนะ ทั้งสิทธิประโยชน์ ข่าวสารสำคัญ เคล็ดลับน่ารู้ของคนใช้ รวมถึงการดูแลเครื่องและระบบจัดการทั้งหมดที่เราต้องใช้งานบ่อยๆ ถูกรวมเอาไว้ในที่เดียวให้แล้วครับ





บริการต่างๆ ที่มีการพัฒนามาให้อย่างต่อเนื่องของ Samsung นี้คือจุดเด่นที่แบรนด์อื่นต้องถอยให้ครับ นับเป็นจุดสำคัญในประสบการณ์การใช้งาน ซึ่งสำหรับผมให้มูลค่าของมันเอาไว้ไม่น้อยสำหรับสิ่งที่มีให้ใช้ภายในเครื่องนอกจากด้านสเปค  

ผมแอบเห็นว่าเขามีแจกพื้นที่ใช้งาน Microsoft Onedrive ให้ 100GB นานสองปีให้ด้วยครับ แต่ผมยังไม่ได้ลองเข้าไปรับสิทธิ์เพราะเป็นเครื่องเอารีวิวเท่านั้น ^^

การทดสอบต่างๆ

ผลทดสอบต่างๆ ของเครื่อง Galaxy A6




 ผลทดสอบต่างๆ ของ Galaxy S6+




กล้องถ่ายภาพ

ฟังก์ชันการถ่ายภาพของทั้งคู่จะต่างกันนะครับ เพราะว่า A6 มาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพตัวเดียว แต่ A6+ มาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพแบบกล้องคู่ ที่จะมีโหมดไลฟ์โฟกัส สำหรับควบคุมการชัดลึกชัดตื้นได้ในขณะถ่ายภาพ และสามารถกลับมาปรับหลังถ่ายภาพไปแล้วได้ครับ


ซึ่งระบบไลฟ์โฟกัสของ A6+ จะทำการจับวัตถุบนภาพและแยกชัดออกจากฉากหลังหรือส่วนอื่นๆ ของภาพได้ด้วยการทำให้เบลอ โดยไม่จำเป็นว่าวัตถุในภาพนั้นต้องเป็นบุคคลหรือใบหน้ามนุษย์ครับ แต่จะจับจากระยะจากวัตถุ โดยตัวระบบกล้องจะแนะนำระยะที่เหมาะสมโดยให้กล้องห่างจากวัตถุที่ต้องการประมาณ 1 เมตร ถึง 1 เมตรครึ่ง

จะเลือกจุดโฟกัสก่อนทำการถ่ายหรือหลังถ่ายไปแล้วกลับมาแก้ใหม่ก็ได้ครับ และยังสามารถปรับรูปลักษณ์ของแสงไฟในฉากหลังให้เป็นรูปทรงแปลกๆ เช่นหัวใจหรือดาวได้ด้วยนะ โหมดนี้เรียกว่า Art Bokeh ครับ



คุณภาพของกล้องทั้งสองตัวอยู่ในระดับกลางๆ ครับ ถ่ายภาพกลางวันสวย ใช้งานได้ โฟกัสไว ไม่มีปัญหาใดๆ ในการใช้งานครับ ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า (กล้องหน้ามีโหมดเพิ่มความเด่นของการถ่ายเซลฟี่ด้วยการจับโฟกัสหน้าบุคคลให้โดดเด่นได้ด้วยนะครับ)

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Galaxy A6








ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Galaxy A6+




สรุปท้ายรีวิว

สเปคเครื่องไม่แรง แต่ราคาก็ไม่แพง ที่ได้คุณภาพตัวเครื่องสวยแกร่ง และแข็งแรง รู้สึกได้ว่าแตกต่างกับเครื่องโลหะบางๆ ทั่วไปได้โดยทันที หน้าจอใหญ่ สีจอสวย มีฟังก์ชั่นการใช้งานภายในมากมายให้คุ้มค่าเครื่องตามสไตล์มาตรฐานของมือถือจากแบรนด์ Samsung

 

ข่าว: รีวิว Samsung Galaxy A6 และ A6+ บอดี้โลหะ จอใหญ่ ราคาไม่แพง มีที่มาจาก: แอพดิสคัส.

from:https://www.appdisqus.com/2018/05/18/review-samsung-galaxy-a6-a6-plus.html