คลังเก็บป้ายกำกับ: EXOSKELETON

จีนทดสอบชุด Exoskeleton แนว Death Stranding เพิ่มพลังคนส่งของ

ลองนึกง่ายๆ ว่า ถ้าในอนาคตการส่งสินค้ากันแบบบุคคลต่อบุคคลกลายเป็นเรื่องอันตราย หรืออยู่ในช่วงที่เกิดหายนะ ทางเดียวในการส่งมอบสิ่งของให้ถึงมือได้ ก็คงหนีไม่พ้นการใช้หุ่นยนต์ในการจัดส่งหรือจะเป็นผู้กล้าที่ได้รับมอบหมายในการส่งสินค้า ตามจริงก็ไม่ใช่เรื่องอนาคต เพราะปัจจุบันในปี 2020 จากวิกฤตไวรัส COVID-19 นี้ สถานการณ์ก็แทบไม่ต่างกันอยู่แล้ว และยิ่งเกมอย่าง Death Stranding ที่ออกมา ก็แทบจะดูเหมือนเป็นการล้อเลียนปัญหาในยุคปัจจุบันได้อย่างเหมาะเจาะ

Death Stranding

ภาพจาก: Steam-Death_Stranding

ดังนั้นนึกภาพว่า แม้จะมีรถยนต์หรือยานพาหนะอื่นๆ สำหรับการเดินทางเพื่อนำสินค้าไปในแต่ละจุด แต่สินค้าจะไปถึงมือลูกค้าได้ ก็ต้องอาศัยกำลังคน นำไปส่งมอบ แต่จะทำอย่างไร ให้สามารถขนของจำนวนมากๆ และเดินไปจัดส่งด้วยจำนวนรอบที่น้อยลง จากในวีดีโอที่ปรากฏบน ทวิตเตอร์ ULS Robotics บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านชุดสูท Exoskeleton ที่เป็นเครื่องทุ่นแรง เพื่อลดภาระให้กับแรงงานในการทำงานหนัก ทำการทดสอบชุด Suits ดังกล่าวถูกประกอบเข้ากับตัวคน ที่ใช้แรงงานในการขนสิ่งของที่มีจำนวนมากบนหลังให้บรรทุกได้มากยิ่งขึ้น เพื่อการขนส่งด้วยตัวบุคคลที่มีประสิทธิภาพ

จากภาพที่ปรากฏนั้นก็เป็นการทดสอบจริง และไม่ได้เป็นการคอสเพลย์แต่อย่างใด ส่วนภาพที่มาจาก Weibo ที่เป็นโซเชียลมีเดียของจีนเอง ก็เป็นการนำเสนอผ่านทางโซเชียลมีเดีย โดยมี Naomi Wu เป็นผู้นำเสนอชุด Exoskeleton suits นี้ลงใน Twitter ก่อนหน้านี้ เราอาจคิดว่าเรื่องของชุด Suit ที่ทำให้คนกลายเป็นกึ่งโรบอท น่าจะเป็นแค่จินตนาการในหนังไซไฟ ซึ่งยังห่างไกลจากชีวิตประจำวัน แต่ถ้ามองจากสถานการณ์ในเวลานี้ แทบจะกลายเป็นสิ่งที่บรรดาผู้ให้บริการด้านการขนส่งต่างๆ ต้องการอยู่อย่างแน่นอน

ที่มา: Exoskeleton

from:https://notebookspec.com/demo-exoskeleton-suits-death-stranding/518193/

Delta Airlines โชว์ชุดหุ่น Guardian XO สวมแล้วมีพลังเพิ่ม 20 เท่า เหมือนในหนัง Edge of Tomorrow

นี่มันชุดแห่งอนาคตชัดๆ เมื่อสายการบิน Delta Airlines ได้นำชุดหุ่นยนต์ Guardian XO มาโชว์สาธิตการใช้งานที่ CES 2020 ซึ่งเป็นชุดแบบ Full Exoskeleton สำหรับสวมใส่ทั้งตัว โดยถูกแบบมาเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับผู้สวมใส่ ทำให้ยกของหนักได้แบบไม่เหนื่อย มีแรงเยอะกว่าเดิมถึง 20 เท่า ซึ่ง Guardian XO นี้ถูกผลิตโดยบริษัท Sarcos ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาหุ่นยนต์มากว่า 25 ปี

แนวความคิดเบื้องต้นของ Guardian XO คือออกแบบมาเพื่อช่วยทุ่นแรงอาชีพที่ใช้แรงงานเยอะๆ เช่น คนยกกระเป๋าสนามบิน คนงานก่อสร้าง เป็นต้น โดยมีความสามารถหลักๆ ดังนี้ คือ

  • ช่วยยกของได้หนักสุด 91 กิโลกรัม (200 ปอนด์)
  • แบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนได้
  • ใช้งานต่อครั้งได้นานสุด 8 ชั่วโมง
  • ใส่แล้วมีแรงเยอะขึ้น 20 เท่า
  • ใช้เวลาสวมใส่เพียง 30 วินาที
  • สามารถเปลี่ยนหัวที่มือได้
  • เชื่อมต่อระบบกับสมาร์ทโฟนเช็คค่าสถานะต่างๆ

Click to view slideshow.

และล่าสุดทางบริษัท Sarcos ก็ได้ส่งเจ้า Guardian XO ไปให้กองทัพสหรัฐฯ ทดลองใช้งานตั้งแต่เดือนที่ผ่านมา พร้อมกับลือกันว่าจะเริ่มวางจำหน่ายชุดนี้ภายในปี 2020 ด้วย ส่วนราคายังไม่มีการเปิดเผยออกมาแต่อย่างใดคงต้องรอติตามกันต่อไปครับ ว่าแต่ดูเผินๆ นี้มันหุ่นในหนังเรื่อง Edge of Tomorrow ชัดๆ ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจจะมีหุ่นกันดั้มที่ให้คนขึ้นไปขับจริงๆ ก็เป็นได้ 

 

ที่มา : newatlas

from:https://droidsans.com/delta-air-lines-guardian-xo-ces-2020/

Samsung โชว์ GEMS Exoskeleton อุปกรณ์ช่วยเดิน + ฟีเจอร์ออกกำลังกาย ใช้งานร่วมกับแว่น AR สุดล้ำ

เรียกได้เป็นหนึ่งไฮไลท์อุปกรณ์สุดเจ๋งในงาน CES 2020 เลยก็ว่าได้กับบูธ Samsung ที่เอาเจ้า GEMS Exoskeleton (GEMS ย่อมาจาก Gait Enhancing and Motivation System) มาโชว์สาธิตการใช้งาน ซึ่งเป็นอุปกรณ์สวนใส่เหมือนชุดเกราะ ช่วยเพิ่มความสามารถในการเดินได้ไกลขึ้น โดยล่าสุดสามารถใช้งานร่วมกับแว่น AR เพื่อออกกำลังกายฟิตเนส โดยจะมีโค้ชคอยสอนท่าต่างๆ แล้วเราคอยทำท่าตาม

ซึ่งในใช้เจ้า GEMS Exoskeleton ในการออกกำลังกายที่ใช้งานร่วมกับแว่น AR นี้ จะต้องใช้งานผ่านแอปมือถือของตัว Samsung เอง โดยจะมีให้เลือกว่าจะออกกำลังกายโหมดไหน เช่น ฟิตเนสในร่ม, ปีนเขา หรือเดินบนน้ำ พร้อมกับการเลือกโค้ชที่เลือกได้ด้วยว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง รวมถึงมีตารางวิเคราะห์บันทึกสุขภาพด้วย

ส่วนสำหรับการใช้ GEMS Exoskeleton ในการเดิน เบื้องต้นทาง Samsung เองระบุว่าใส่แล้วจะเดินได้มั่นคงขึ้น โดยเฉพาะการขึ้นบันไดและรู้สึกตัวเบาขึ้นด้วย โดยเราเดินได้เร็วขึ้นประมาณ 20% ใช้พลังงานน้อยลง 23% และที่สำคัญคือช่วยแก้เดินหลังค่อม ปรับสรีระการเดินของเราให้ถูกต้อง

อย่างไรก็ตามสำหรับ GEMS Exoskeleton ยังอยู่ในช่วงการพัฒนาอยู่ยังไม่มีราคา หรือวันจำหน่ายออกมาแต่อย่างใด คงต้องรอติดตามกันต่อไป ไม่แน่ว่าอนาคตอาจจะมีชุดแบบในเกม Death Stranding ที่ทำให้เรายกของหนักเป็นร้อยๆ กิโลก็เป็นได้ครับ

from:https://droidsans.com/samsung-gems-exoskeleton-ces-2020/

lex เก้าอี้สวมใส่ได้ นั่งสบายทุกที่ ท่าทางดีต่อสุขภาพ

Astride Bionix พัฒนา lex เก้าอี้ที่สวมใส่ได้ สามารถกางเพื่อนั่งในที่ใด ๆ ก็ได้ด้วยท่านั่งที่ดีต่อสุขภาพ และเมื่อไม่ต้องการใช้ ก็สามารถพับเก็บโดยไม่เกะกะ ไม่รบกวนการเคลื่อนไหว ขึ้นระดมทุนบน Kickstarter

lex เป็น exoskeleton แบบ passive นั่นหมายถึง lex ทำงานด้วยกลไกและโครงสร้างทางกลเท่านั้น ไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนกลไก lex ถูกผลิตด้วยอลูมิเนียม 6061 (ตามสมัยนิยมที่อุปกรณ์ไอทีต่าง ๆ นิยมใช้กัน) บวกกับสายรัดที่เป็นผ้า ผู้ใช้สามารถสวมใส่ lex โดยการรัดสายรัดที่เอวและต้นขา 2 ข้าง เมื่อต้องการนั่งก็ดึงขาลง เมื่อไม่ต้องการนั่งก็สามารถดึงขาขึ้นมาเก็บไว้ได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถเคลื่อนไหว เดินไปมา หรือนั่งลงเมื่อไหร่ก็ได้

ตัวผมเองรู้จักกับผู้พัฒนาและได้มีโอกาสทดสอบอุปกรณ์รุ่นต้นแบบเป็นเวลาสั้น ๆ ความรู้สึกแรกที่เห็นคือ ไม่น่าจะนั่งได้สบายเลย แต่เมื่อได้ลองสวมแล้วนั่งดูก็พบว่านั่งได้สบายกว่าที่เห็นมาก ตัวผมเองเป็นวิศวกรที่ต้องนั่งทำงานใช้คอมพิวเตอร์และสลับไปลุก ๆ นั่ง ๆ ทำงานในเวิร์กชอปพบว่า lex สามารถตอบโจทย์ในที่ทำงานได้ดี

มีหลายคนให้ความเห็นว่า ผู้ที่สวมใส่ lex ขณะรอรถสาธารณะแล้วเมื่อขึ้นรถจะสามารถนั่งเก้าอี้ได้ตามปกติหรือไม่ นี่น่าจะเป็นหนึ่งในข้อจำกัดของผลิตภัณฑ์รุ่นนี้ แต่ก็เหมือนผลิตภัณฑ์รุ่นบุกเบิกอื่น ๆ ที่คงไม่สามารถตอบโจทย์ทุกอย่างได้ในครั้งแรก แต่ถ้าได้รับการตอบรับจากสังคมที่ดีก็น่าจะถูกปรับปรุงต่อไปได้อีกมาก

ขณะนี้ lex ได้รับการระดมทุนถึงประมาณ 250% แล้ว คือเป็นโครงการที่ผ่านแล้วแน่นอน ผ่าน stretch goal ที่ 1 ที่จะมอบถุงใส่ lex ให้ผู้สนับสนุน หากถึง 300% จะถึง stretch goal ที่ 2 ที่จะมอบปลายเท้า lex รุ่นปรับปรุงให้สามารถใช้กับพื้นที่ขรุขระ ร่วนซุย เปียกชื้นได้ดีขึ้น

สำหรับใครที่คิดว่าผลิตภัณฑ์นี้น่าจะเป็นประโยชน์กับตัวเองก็สามารถสนับสนุนเพื่อให้ได้รับ lex ได้ แต่ใครที่คิดว่าแนวคิดนี้น่าสนใจ แต่ยังไม่เหมาะกับการใช้งานของตน ก็สามารถสนับสนุนเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับทีมงานได้

Kickstarter : LEX: Bionic Chair that Enhance Posture, Comfort & Life!

lex

from:https://www.blognone.com/node/105481

Ford ทดลองให้พนักงานสายการผลิตใส่ชุด exoskeleton เพื่อลดการบาดเจ็บจากการทำงาน

Ford ทดลองโครงการให้พนักงานในสายการประกอบรถยนต์ สวมใส่ exoskeleton ในขณะปฏิบัติงาน โดยเป้าหมายของโครงการนี้ก็เพื่อช่วยลดอาการเหนื่อยล้าและการบาดเจ็บจากการทำงาน

โดยธรรมชาติของสายการประกอบรถยนต์ของ Ford ตัวโครงรถจะถูกเคลื่อนไปตามสถานีประกอบชิ้นส่วนต่างๆ ซึ่งในบางตำแหน่งมันจะถูกยกสูงเหนือศีรษะเพื่อให้พนักงานประกอบสามารถทำงานกับชิ้นส่วนบริเวณใต้ท้องรถได้ ด้วยลักษณะของสายการประกอบที่ว่ามาพนักงานประกอบจึงต้องปฏิบัติงานโดยจะยกเคลื่อนย้ายชิ้นส่วนต่างๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า รวมทั้งยกแขนขึ้นสูงเพื่อทำงานประกอบ ซึ่ง Ford ประเมินว่าพนักงานบางรายอาจต้องยกแขนเพื่อทำงานมากถึง 4,600 ครั้งต่อวัน อันจะส่งผลให้เกิดอาการบาดเจ็บบริเวณไหล่, คอและท่อนแขนได้

ด้วยเหตุนี้ Ford จึงพิจารณาทดลองนำเอาเทคโนโลยี exoskeleton เข้ามาช่วยเพื่อลดความเสี่ยงอาการบาดเจ็บของผู้ปฏิบัติงาน โดยพนักงานในโรงงานประกอบรถยนต์ 2 แห่งในสหรัฐอเมริกา จะได้ชุด EksoVest มาไว้ใช้สวมใส่ขณะทำงาน

alt="upic.me"

EksoVest คือชุด exoskeleton แบบครึ่งลำตัวท่อนบนที่ผลิตโดย Ekso Bionics ตัวอุปกรณ์ออกแบบมาให้ช่วยเสริมกำลังในการขยับท่อนแขน และการยกสิ่งของต่างๆ โดยในจังหวะที่สปริงของ EksoVest ทำงาน มันจะช่วยเสริมแรงยกให้แขนแต่ละข้างโดยปรับค่าสปริงเพื่อเสริมแรงได้ตั้งแต่ 2.2 ถึง 6.8 กิโลกรัม สามารถใช้ได้กับผู้ปฏิบัติงานที่มีช่วงส่วนสูง 152-193 เซนติเมตร

โดย EksoVest เอง ไม่มีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ไม่มีเซ็นเซอร์หรือระบบประมวลผลเพื่อตรวจสอบการขยับหรือเคลื่อนตัวของผู้ใช้แต่อย่างใด หลักการทำงานสำคัญของมันคือการใช้สปริงช่วยทุ่นแรงของกล้ามเนื้อช่วงแขนและไหล่ และถ่ายเทน้ำหนักของแขนหรือเครื่องมือลงไปยังบริเวณสะโพกของผู้ใช้แทน และเนื่องจากน้ำหนักของอุปกรณ์ทั้งหมดยังคงตกลงบนร่างขายของผู้ใช้งาน จึงมีการเลือกใช้วัสดุอย่างตาข่ายคาร์บอนไฟเบอร์มาเป็นส่วนหนึ่งของ EksoVest ด้วย โดยน้ำหนักรวมของมันอยู่ที่ 4.3 กิโลกรัม

alt="upic.me"

Russ Angold ผู้ร่วมก่อตั้งและปัจจุบันเป็น CTO ของ Ekso ได้เปิดเผยว่า Ekso ได้ร่วมมือในการทดสอบและปรับปรุงอุปกรณ์รุ่นต้นแบบจนกลายมาเป็น EksoVest ที่ได้เห็นอยู่ในตอนนี้ เขาเล่าว่าจากแต่เดิม Ekso ได้เน้นพัฒนาอุปกรณ์ exoskeleton เพื่อการใช้งานสำหรับผู้ป่วยอัมมพาต ทว่าในระยะหลัง Ekso ได้รับการติดต่อสอบถามจากผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมหลายรายถึงความเป็นไปได้การพัฒนาอุปกรณ์ exoskeleton เพื่อใช้งานในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมบ้าง และนั่นคือที่มาของ EksoVest

Angold ยังบอกด้วยว่าในอนาคต Ekso อาจจะมีการพัฒนาอุปกรณ์ exoskeleton แบบครึ่งลำตัวท่อนบนแบบใช้พลังงานไฟฟ้าเข้ามาช่วยการขับเคลื่อน เพื่อเพิ่มโอกาสในการประยุกต์ใช้งานกับภาคอุตสาหกรรมให้หลากหลายยิ่งขึ้น

ในตอนนี้ตัว Eksovest มีราคาราว 6,000 ดอลลาร์ต่อชุด แต่ทาง Ford ก็กำลังพิจารณาที่จะดำเนินการสั่งซื้อเพื่อใช้งานจริงในเร็วๆ นี้

ที่มา – IEEE Spectrum, Ars Technica

Topics: 

from:https://www.blognone.com/node/97537

ย้อนมองวงการหุ่นยนต์ปี พ.ศ. 2559

ปี พ.ศ. 2559 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปนับว่าเป็นปีที่เทคโนโลยีหุ่นยนต์ได้ออกจากวงการอุตสาหกรรมและงานเฉพาะทางต่าง ๆ แล้วเข้ามาอยู่ในความสนใจของคนทั่วไปอย่างมาก มาดูกันว่าปีที่ผ่านมานี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง

วงการหุ่นยนต์ในปี 59 นี้คงไม่มีหัวข้อใดร้อนแรงไปกว่าปัญญาประดิษฐ์และรถอัตโนมัติได้อีกแล้ว ทั้ง 2 หัวข้อนั้น เรียกได้ว่าปรากฎอยู่ในข่าวที่ได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วไปแทบทุกสัปดาห์เลยทีเดียว

ปีทองแห่งปัญญาประดิษฐ์

เริ่มจากต้นปีเลยก็คือ ศึกครั้งสำคัญระหว่างปัญญาประดิษฐ์และมนุษย์ในเกมโกะ เกมที่มีความซับซ้อนมาก จนถึงกับมีการทำนายโดยผู้เชี่ยวชาญว่าปัญญาประดิษฐ์คงไม่ชนะมนุษย์ไปเป็นอีก 10 ปี แต่การแข่งขันก็จบลงโดยที่ AlphaGo ปัญญาประดิษฐ์จาก DeepMind สามารถเอาชนะ Lee Sedol แชมป์โลกจากเกาหลีใต้ไปได้ 4 ต่อ 1 กระดาน ข่าวการแข่งขันนี้ถูกนำเสนอโดยสื่อทั่วไปเป็นจำนวนมาก ทำให้ปัญญาประดิษฐ์ได้รับความสนใจโดยผู้คนทั่วไปในวงกว้าง

หลังจากนั้นตลอดทั้งปีก็เรียกได้ว่ามีข่าวการนำปัญญาประดิษฐ์ไปใช้ในงานด้านต่าง ๆ มากมายแทบทุกสัปดาห์เลยทีเดียว ตั้งแต่ วาดภาพ แต่งเพลงป๊อป แต่งเพลงคลาสิก แต่งนิยาย สร้างหนังตัวอย่าง ทำบัญชี พิพากษาคดีความ วิเคราะห์โรค คาดเดาคำพูดจากอ่านความเคลื่อนไหวของปาก เข้ารหัสข้อความ ผู้ช่วยสอน เรียกได้ว่าแทบทุกวงการเลยทีเดียว ใครอยากรู้ว่าอาชีพของตัวเองมีโอกาสถูกหุ่นยนต์/ปัญญาประดิษฐ์มาแทนที่สูงขนาดไหนดูได้จากงานวิจัยของ Oxford ได้เลย

บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านไอทีหลาย ๆ บริษัทก็เริ่มเอาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มาเป็นตัวชูโรง นำโดย IBM ที่นำ Watson ไปให้บริการต่าง ๆ หลายด้าน Google Amazon Microsoft Apple ก็พยายามดันผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์ของตนเองให้มีความสามารถเพิ่มขึ้น

รถไร้คนขับเริ่มให้บริการจริง

หลังจากที่บริษัทต่าง ๆ ได้ทำการทดสอบเทคโนโลยีรถไร้คนขับบนถนนจริงมาซักพักแล้ว ปีนี้เป็นปีที่เริ่มมีการใช้รถไร้คนขับให้บริการผู้โดยสารจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็น nuTonomy ที่เริ่มทดลองให้บริการในสิงคโปร์ Uber เริ่มทดลองให้บริการที่พิตตส์เบิร์ก เพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา รวมถึงรถบรรทุกไร้คนขับจาก Otto ก็เริ่มทดสอบขนส่งสินค้าแล้ว

แน่นอนว่าหนทางการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ย่อมไม่ราบรื่น ย่อมมีความผิดพลาดเกิดขึ้น รถของ Google เองก็ประสบอุบัติเหตุในขณะที่ขับเคลื่อนในระบบอัตโนมัติเป็นครั้งแรก (ก่อนหน้านี้เคยประสบอุบัติเหตุตอนผู้ทดสอบเป็นผู้ควบคุมรถ) Tesla เองซึ่งเป็นเจ้าแรกที่เปิดความสามารถ Autopilot ให้เจ้าของรถได้ใช้กัน ก็ประสบอุบัติเหตุครั้งร้ายแรง เมื่อ Tesla Model S คันหนึ่งวิ่งในระบบ Autopilot ผ่านแยก แล้วมีรถบรรทุกสีขาววิ่งผ่านหน้า ระบบ Autopilot แยกแยะรถบรรทุกสีขาวจากท้องฟ้าไม่ได้ จึงชน ทำให้เจ้าของรถ Tesla เสียชีวิต

เมื่อมีผู้ทดสอบรถไร้คนขับมากขึ้น หน่วยงานด้านความปลอดภัยบนทางด่วนของสหรัฐฯ NHTSA (National Highway Traffic Safety Administration) จึงได้ออกแนวทางการทดสอบเทคโนโลยีไร้คนขับ และได้ส่งจดหมายถึงบริษัท Comma.ai (ก่อตั้งโดย geohot ผู้ที่โด่งดังจากการ jailbreak iPhone)  ซึ่งวางแผนจะจำหน่าย Comma One ระบบอัปเกรดรรถทั่วไปให้เป็นรถไร้คนขับในราคา 999 เหรียญสหรัฐฯ แสดงความกังวลว่าระบบมีความปลอดภัยหรือไม่ และขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบของ Comma One ทำให้ทาง Comma.ai ตัดสินใจยกเลิกการจำหน่าย Comma One ไป

ประเด็นร้อนแรงอื่น ๆ รองลงมาได้แก่

การเข้าซื้อกิจการหุ่นยนต์

บริษัทหุ่นยนต์ถูกเข้าซื้อมาอยู่เรื่อย ๆ แต่ปี 59 นี้มีดีลร้อนแรงมาก ๆ ถึง 2 รายการ คือ GM เข้าซื้อ Cruise Automation บริษัทด้านเทคโนโลยีรถไร้คนขับด้วยมูลค่าสูงถึง 35,000 ล้านบาท ซึ่งนับได้ว่าสูงที่สุดเป็นประวัติกาลของการเข้าซื้อบริษัทด้านหุ่นยนต์ อีกดีลหนึ่งคือ Midea Group บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าสัญชาติจีนซื้อ Kuka บริษัทหุ่นยนต์อุตสาหกรรมสัญชาติเยอรมันที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ด้วยมูลค่ากว่า 1.85 แสนล้านบาท ซึ่งดีลนี้ก็ทำลายสถิติที่ GM เข้าซื้อ Cruise Automation เพิ่งทำไว้หมาด ๆ

แต่เทคโนโลยีหุ่นยนต์นั้นยังใหม่และยังต้องพัฒนาต่อไปอีกไกล ไม่ใช่ว่าถูกซื้อแล้วแปลว่าจะรุ่ง Boston Dynamics เองซึ่งเคยเป็นข่าวดังเมื่อถูกซื้อโดย Google บัดนี้เหมือนว่าแนวทางการดำเนินธุรกิจจะไม่เข้ากัน และมีข่าวว่า Google จะขาย Boston Dynamics ออกไป และบริษัทหนึ่งที่มีแนวโน้มว่าเป็นผู้ซื้อก็คือ Toyota Research Institute

Exoskeleton เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น

exoskeleton หรือชุดหุ่นยนต์ที่ช่วยทำให้ผู้สวมใส่มีความสามารถมากขึ้น เช่น มีแรงเยอะขึ้น หรือช่วยให้ผู้ที่เป็นอัมพาตกลับมาเดินได้ ถูกพัฒนามาเป็นเวลานานแล้ว ผู้พัฒนาที่มีบทบาทมาก ๆ ได้แก่ Ekso Bionics จากสหรัฐอเมริกา (นำทีมโดย Prof. Kazerooni จาก UC Berkeley) ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีพัฒนาไว้ใช้ในทางทหาร แล้วภายหลังนำมาใช้ในทางการแพทย์ ในฝั่งญี่ปุ่นเองก็มี Cyberdyne ที่พัฒนาออกมาใช้ในทางการแพทย์

ปี 59 นี้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมาหลายตัว เช่น Phoenix จาก US Bionics (สปินออฟมาจากห้องวิจัยของ Prof. Kazerooni เช่นกัน) ซึ่งเป็น exoskeleton ที่ราคาถูกที่สุด MAX exoskeleton แบบ modular จากบริษัทเดียวกัน รวมถึงบริษัทใหญ่ ๆ หลายรายก็เข้ามาร่วมวง exoskeleton เพิ่มเติม เช่น Hyundai, Panasonic

นอกจากนี้ในปี 59 นี้ยังมี Cybathlon การแข่งขันโอลิมปิกสำหรับผู้พิการที่ใช้เทคโนโลยีช่วยเหลือ ซึ่ง exoskeleton เป็นหนึ่งในหมวดการแข่งขัน

หุ่นยนต์เพื่อน (companion robot) ยังจุดไม่ติด

ถึงแม้จะได้รับความสนใจอย่างมากในปีก่อนหน้ากับเจ้าหุ่นยนต์ที่จะมีเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน อย่าง Pepper และ Jibo แต่ผ่านไปทั้งปีก็ยังไม่ได้สร้างความนิยมเพิ่มขึ้นซักเท่าไหร่ Jibo เองที่มีกำหนดจำหน่ายในปี 59 สุดท้ายก็ยังไม่ได้วางจำหน่าย ส่วน Pepper เองก็ไม่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ใช้ตามบ้านซักเท่าไหร่ มีใช้กันแค่เป็นกิมมิกหน้าร้านต่าง ๆ เท่านั้น ส่วนหนึ่งมาจากความสามารถที่ยังจำกัดของเทคโนโลยีเซนเซอร์และปัญญาประดิษฐ์ ทำให้ Pepper ยังทำอะไรไม่ได้มาก

Pepper แสดงในงานประชุมที่ชิบะ ญี่ปุ่น
ภาพจาก http://blogs.ft.com/photo-diary/tag/pepper/

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทคโนโลยีด้านปัญญาประดิษฐ์กำลังก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ไอทีทั้งหลายพยายามเอาปัญญาประดิษฐ์ของตัวเองมาให้บริการอำนวยความสะดวกในบ้าน เช่น Amazon Alexa, Google Home, Apple Siri และ HomeKit, Microsoft Cortana อาจจะทำให้หุ่นยนต์ประจำบ้านนั้นมีความสามารถเพิ่มมากขึ้นจนเป็นที่ยอมรับได้

ปี พ.ศ. 2559 นี้ ถือว่าเป็นปีที่เทคโนโลยีหุ่นยนต์ได้รับความสนใจ และมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก ในปีหน้าและปีต่อ ๆ ไปเราคงได้เห็นหุ่นยนต์เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันเรามากขึ้นเรื่อย ๆ

สวัสดีปีใหม่ครับ 🙂


LINE it!

from:https://www.thairobotics.com/2017/01/02/2016-in-review/

Dexmo ชุดมือกลที่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกถึงวัตถุในโลกเสมือนได้

Dexmo คือชื่อของอุปกรณ์ exoskeleton (อุปกรณ์สวมใส่คล้ายเกราะที่มีโครงสร้างสอดรับตามกายวิภาคของร่างกายผู้ใช้) สำหรับสวมใช้งานที่มือ มันสามารถใช้ประโยชน์เพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวมือและนิ้วของผู้ใช้เพื่อนำไปควบคุมมือของหุ่นยนต์ได้ และยังสามารถให้การตอบสนองด้านสัมผัสแก่ผู้ใช้เมื่อมีการใช้งานกับระบบ VR (virtual reality) เพื่อให้ผู้ใช้รู้สึกถึงสัมผัสของวัตถุในโลก VR นั้นได้

Dexmo เป็นผลงานการพัฒนาของ Dexta Robotics บริษัทสตาร์ทอัพที่เน้นพัฒนาฮาร์ดแวร์สร้างหุ่นยนต์ในราคาที่ไม่สูงจากประเทศจีน โดยขณะนี้ได้มีการพัฒนา Dexmo ตัวต้นแบบสำหรับนักพัฒนาขึ้นมา 2 รุ่นย่อย คือ Dexmo Classic และ Dexmo F2 ซึ่งความสามารถพื้นฐานของทั้ง 2 รุ่นนั้นก็คือการตรวจจับการเคลื่อนไหวนิ้วมือของผู้ใช้งาน โดยมันจะรับรู้ได้ว่าผู้ใช้งอหรือเหยียดนิ้วมือ และพิเศษสำหรับหัวแม่มือนั้นจะสามารถรับรู้การขยับนิ้วหมุนเป็นวงกลมได้ด้วย

ในส่วนของรุ่น F2 จะมีระบบแรงตอบสนองผู้ใช้งานเพิ่มเข้ามา ทำให้เกิดสัมผัสเสมือนการจับต้องวัตถุเมื่อใช้งานควบคู่กับระบบ VR โดยระบบแรงตอบสนองนี้จะอาศัยการเบรกตรงจุดหมุนบริเวณข้อต่อของชิ้นส่วนที่ดามนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ (Dextra Robotics ระบุว่าบริษัทกำลังดำเนินการขอจดสิทธิบัตรระบบเบรกตรงข้อต่ออย่างที่ว่านี้) ทำให้เกิดแรงต้านต่อการขยับปลายนิ้วในทิศทางที่กำหนด

Dextra Robotics ได้ชูฟีเจอร์ของ Dexmo ว่าถูกออกแบบมาให้รองรับการขยับและเคลื่อนไหวของมือตลอดจนนิ้วมือของผู้ใช้อย่างอิสระ ทำให้ไม่เกิดความรู้สึกติดขัดในการใช้มือและนิ้วออกท่าทางต่างๆ นอกจากนี้ Dexmo รุ่นต้นแบบก็สามารถใช้งานแบบไร้สายได้แล้ว โดยการทำงานในโหมดดังกล่าวจะอาศัยการรับ-ส่งข้อมูลต่างๆ ผ่านทางบลูทูธ

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ Dexmo ยังคงอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา และคงใช้เวลาอีกไม่น้อยก่อนจะมีทางกลายเป็นผลิตภัณฑ์จริงสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป โดยในเวลานี้ยังอยู่ในขั้นตอนระดมทุนผ่านทาง Kickstarter เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิต ผู้ที่สนใจอยากลองเล่น Dexmo สามารถเข้าไปร่วมสมทบเงินทุนพัฒนาโครงการได้ (ตัวเลือกราคาต่ำสุดตอนนี้อยู่ที่ชุดละ 179 ดอลลาร์) หากการระดมทุนสำเร็จลุล่วง ก็อาจได้รับชุดเครื่องมือพัฒนาแอพเพื่อใช้งานมาพร้อม Dexmo ในช่วงกลางปีหน้า

ที่มา – SlashGear

Exoskeleton, Kickstarter, Virtual Reality

from:http://www.blognone.com/node/62055