ทีมงาน TechTalkThai มีโอกาสได้ไปร่วมงานสัมมนา Rethinking Networking for a Hybrid Cloud World ที่จัดขึ้นโดย Citrix เพื่ออัปเดตถึงแนวโน้มการมาของ Hybrid Cloud และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับการออกแบบระบบเครือข่ายและความมั่นคงปลอดภัยในธุรกิจองค์กร พร้อมเล่าถึงโซลูชันใหม่ล่าสุดของ Citrix ทางด้าน Application Delivery Controller, SD-WAN และ Security ที่จะมาช่วยตอบโจทย์ความท้าทายใหม่ๆ ในระบบเครือข่ายที่ธุรกิจองค์กรต้องเผชิญ จึงขอหยิบยกนำเนื้อหาต่างๆ มาสรุปดังนี้ครับ
![](https://www.techtalkthai.com/wp-content/uploads/2019/08/citrix_event_banner_01-600x338.jpg)
เมื่อ Cloud เปลี่ยนไป Network และ Security ก็ต้องเปลี่ยนตาม
ในงานสัมมนาครั้งนี้ ทีมงาน Citrix ได้เริ่มต้นด้วยการนำตัวเลขสถิติและแนวโน้มของ Workload รูปแบบต่างๆ ในระบบ IT ของธุรกิจองค์กร ที่ชี้ให้เห็นว่าระบบ On-Premises นั้นมีสัดส่วนการใช้งานที่น้อยลงเรื่อยๆ ในขณะที่การใช้งานระบบแบบ Off-Premises และการใช้งานระบบจาก Cloud Provider นั้นเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณ Traffic ภายในระบบเครือข่ายของธุรกิจองค์กรนั้นลดน้อยลง แต่ Traffic ที่เชื่อมต่อออกไปยังภายนอกนั้นสูงขึ้นอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ก็ยังมีการนำเสนอข้อมูลด้านการเติบโตของ Public Cloud ที่จะเติบโตถึง 100% ภายในปี 2021 และ True Private Cloud ที่จะเติบโตสูงถึง 200% ภายในปี 2021 ซึ่งก็ทำให้เราเห็นภาพของการที่ธุรกิจองค์กรต่างๆ นั้นจะต้องใช้งานทั้ง Public Cloud และ Private Cloud ควบคู่กันมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต
![](https://www.techtalkthai.com/wp-content/uploads/2019/08/citrix_banner_01-600x300.jpg)
จากแนวโน้มเหล่านี้ ทำให้ได้ข้อสรุปว่าในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้นี้ แนวคิดของ Hybrid-Multi Cloud จะกลายมาเป็นทางเลือกหลักของธุรกิจองค์กร และการออกแบบระบบเครือข่ายสำหรับธุรกิจองค์กรนั้นก็จะได้รับผลกระทบจากแนวคิดดังกล่าว ส่งผลให้ระบบเครือข่ายนั้นต้องถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองแนวโน้มหลักๆ 3 ประการ ได้แก่
- Application Transformation การเปลี่ยนแปลงสถาปัตยกรรมการออกแบบของระบบ Application สมัยใหม่
- Cloud Transitions การย้ายระบบต่างๆ ไปสู่ Cloud และการเลือกใช้บริการ Cloud มากขึ้นในอนาคต
- Intelligent and Secure Workspaces การออกแบบระบบเพื่อรองรับการทำงานได้อย่างชาญฉลาดและมั่นคงปลอดภัย
ทางด้าน IDC เองก็ได้ออกมาสรุปถึงประเด็นเหล่านี้ในแนวทางที่สอดคล้องกัน โดย IDC นั้นเชื่อว่าแรงขับเคลื่อนหลักคือการทำ Digital Transformation ของภาคธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ ได้ทำให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ในฝั่งของ Data Center เพื่อมาตอบโจทย์รูปแบบใหม่ๆ อีกทั้งยังทำให้เกิดการใช้งาน Cloud และ IoT มากขึ้น ส่งผลย้อนกลับมาให้เหล่าธุรกิจนั้นต้องลงทุนในระบบ IT Infrastructure ทั้งในส่วนของ Compute, Storage และ Network มากขึ้นไปด้วยในช่วงที่ผ่านมา ส่วน Workload ที่จะมีอยู่ในธุรกิจองค์กรนั้น IDC มองว่าสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆ ได้แก่
- Steady-State Workload กลุ่มที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เน้นความมั่นคงทนทาน, ความมั่นคงปลอดภัย และความคุ้มค่าในการใช้งาน
- Elastic Workload กลุ่มที่ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและต้องการความยืดหยุ่นเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นมาใช้งาน
- Edge Workload กลุ่มที่ต้องการความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพสูงในระดับ Cloud แต่มี Latency ที่ต่ำและสามารถควบคุมเองได้
ด้วยเหตุนี้ IDC จึงมองว่าระบบ Application Delivery Controller นั้นจึงต้องสามารถใช้งานได้บนทั้ง On-Premises และ Cloud เพื่อรองรับ Workload รูปแบบต่างๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงและโยกย้ายอยู่อย่างต่อเนื่องให้ได้ เพื่อให้ผู้ดูแลระบบ IT นั้นยังคงสามารถตรวจสอบการทำงานของ Application และ Network ได้อยู่เสมอในทุกแง่มุม
ทั้งนี้ในมุมของ Citrix เอง ก็ได้มีการปรับให้ Application Delivery Controller สามารถตอบโจทย์ของการควบคุมและจัดการ Software สมัยใหม่และ Cloud ได้ดีขึ้น, การเชื่อมต่อ WAN เข้ากับบริการ Cloud ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย SD-WAN และการให้บริการ Application และข้อมูลต่างๆ ได้อย่างมั่นคงปลอดภัยและยังคงง่ายดายผ่านโซลูชันด้าน Workspace โดยสำหรับการบริหารจัดการระบบ Application ต่างๆ ที่กระจายอยู่บน Hybrid-Multi Cloud นั้น ก็ตกเป็นหน้าที่ของ Citrix Application Delivery Management หรือ Citrix ADM ไป
สถาปัตยกรรมเบื้องหลัง Application มีความซับซ้อนสูงขึ้น การออกแบบระบบเครือข่ายเพื่อรองรับ Workload ภายใน Data Center จึงต้องสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างยืดหยุ่น
การมาของ Digital Transformation นั้นโดยภาพรวมแล้วก็คือการนำเทคโนโลยีและข้อมูลมาใช้งานให้เกิดประโยชน์ต่อภาคธุรกิจสูงสุด และแนวคิดนี้เองก็ได้ส่งผลให้สถาปัตยกรรมของระบบ Application นั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เพราะการที่ระบบใดๆ จะมีข้อมูลเป็นศูนย์กลางและสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างยืดหยุ่นคล่องตัวนั้น สถาปัตยกรรมแบบ Monolithic แบบเดิมย่อมไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป ในขณะที่สถาปัตยกรรมแบบ Decentralized และ Microservices นั้นได้เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากต่อ Application สมัยใหม่แทน
![](https://www.techtalkthai.com/wp-content/uploads/2019/08/citrix_hybrid_multi-cloud-600x337.jpg)
หากนึกภาพไม่ออก ลองจินตนาการถึง Mobile Application ที่มีความสามารถหลากหลายดู ความสามารถย่อยต่างๆ ทั้งในส่วนของการอัปโหลดไฟล์, การวิเคราะห์รูปภาพ, การเชื่อมต่อข้อมูลแผนที่ และอื่นๆ อีกมากมายนั้น ต่างก็ถูกออกแบบให้เป็นระบบย่อยภายใน Microservices ทั้งสิ้นเพื่อให้สามารถทำการปรับแต่งแก้ไขและเพิ่มขยายประสิทธิภาพได้อย่างสะดวกโดยไม่เกิด Downtime ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าเบื้องหลังของ Application สมัยใหม่นี้มีความซับซ้อนสูงกว่าในอดีตเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ดี สำหรับธุรกิจองค์กรขนาดใหญ่ การใช้งาน Application ที่มีสถาปัตยกรรมเบื้องหลังหลากหลายร่วมกันนั้นก็จะกลายเป็นภาพของอนาคตร เพราะ Business Application สำคัญนั้นก็มักเป็นระบบแบบ On-Premises ในขณะที่ระบบ Application บางระบบนั้นก็อาจเลือกใช้ Hybrid-Multi Cloud หรือ Cloud Native ก็ได้ ดังนั้น Application Delivery Controller จึงต้องรองรับการทำงานร่วมกับสถาปัตยกรรมทั้งหมดนี้ให้ได้ในหนึ่งเดียว
แนวทางหนึ่งที่ Citrix ได้ทำเพื่อช่วยให้ธุรกิจองค์กรสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น ก็คือแนวคิด TriScale2 ที่ทำการคิด License ในการใช้งาน Citrix NetScaler ในแบบ Pool แทน ดังนั้นธุรกิจองค์กรจึงสามารถใช้งาน NetScaler Appliance หรือ Instance จำนวนมากพร้อมๆ กันได้ภายใต้ License กลางชุดเดียว และนับรวม Capacity ในการใช้งานทั้งหมดรวมกัน และโยกย้าย Capacity เหล่านี้ได้ตามต้องการ ทำให้ธุรกิจองค์กรมีอิสระในการเลือกใช้งาน Application บน Platform ที่ต้องการได้อย่างยืดหยุ่น ไม่ต้องลงทุนใน License เกินความจำเป็น
นอกจากนี้ Citrix เองก็ยังมีระบบ Analytics เพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลการทำงานหรือปัญหาที่เกิดขึ้นบน NetScaler ที่กระจัดกระจายอยู่ตามส่วนต่างๆ ของระบบ IT ในแต่ละธุรกิจองค์กรได้ อีกทั้งยังมี API ชุดเดียวกันทั้งหมดไม่ว่าจะใช้งาน NetScaler บน Platform ใดก็ตาม เพื่อให้ง่ายต่อการทำ Automation ในอนาคตด้วย
Application กระจายอยู่หลากหลายแห่ง องค์กรต้องจัดการทุกการเชื่อมต่อให้มีประสิทธิภาพด้วย SD-WAN
เมื่อฝั่ง Application พร้อมให้บริการได้อย่างต่อเนื่องไม่ว่าเบื้องหลังจะถูกติดตั้งใช้งานอยู่บน Platform ใดๆ ก็ตามแล้ว โจทย์ถัดมาก็คือการทำให้พนักงานภายในองค์กรนั้นสามารถเชื่อมต่อไปยัง Application ทั้งภายในระบบ On-Premises และบน Cloud ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคงปลอดภัย ซึ่ง SD-WAN ก็คือเทคโนโลยีที่ Citrix นำมาตอบโจทย์นี้นั่นเอง
![](https://www.techtalkthai.com/wp-content/uploads/2019/08/citrix_banner_02-600x335.png)
Citrix นั้นเห็นว่าตลาด SD-WAN กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลก และใน Asia-Pacific เองก็มีการทำนายว่า SD-WAN จะเติบโตอย่างรวดเร็วถึง 57.9% ต่อปีโดยเฉลี่ยเลยทีเดียว
Citrix SD-WAN นี้เป็นเทคโนโลยีที่สร้าง Software-Defined Overlay ขึ้นมาครอบชั้นของ WAN ที่มีอยู่เดิม และทำการบริหารจัดการ Bandwidth และความมั่นคงทนทานในการเชื่อมต่อไปยังภายนอกองค์กรหรือต่างสาขาให้มีประสิทธิภาพและความคุ้มค่าสูงที่สุด พร้อมเสริมด้วยเทคโนโลยี WAN Optimization ที่มีอยู่ เร่งประสิทธิภาพการเชื่อมต่อให้สูงขึ้นกว่าเดิมอีกชั้นหนึ่ง
จุดหนึ่งที่น่าสนใจของ Citrix SD-WAN นั้น ก็คือการที่ระบบสามารถเข้าใจถึงเงื่อนไขและประสิทธิภาพการทำงานของ WAN แต่ละแบบที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น MPLS, Internet, LTE, Satellite หรืออื่นๆ ซึ่ง SD-WAN นี้ก็จะทำการตรวจสอบทั้งค่า Latency, Loss, Jitter, Congestion และ Availability ของแต่ละการเชื่อมต่ออยู่ตลอดเวลา เพื่อนำมาใช้ในการคำนวนและเลือกเส้นทางที่เหมาะสมสำหรับ Traffic แต่ละรูปแบบ อีกทั้งยังสามารถทำการ Failover ได้โดยอัตโนมัติหากพบปัญหาเกิดขึ้นในการเชื่อมต่อใดๆ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งานด้วย
นอกจากความสามารถในการตรวจสอบสถานะของ WAN แล้ว Citrix SD-WAN เองก็ยังสามารถจำแนก Application ที่ผู้ใช้งานต้องการเข้าถึงและทำความเข้าใจพฤติกรรมของ Application ได้มากกว่า 4,000 รูปแบบ เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการ Optimize เส้นทางของเครือข่ายให้ดีที่สุด หรือทำ QoS เพื่อให้ Application สำคัญของธุรกิจนั้นสามารถถูกเข้าถึงและใช้งานได้อย่างต่อเนื่องลื่นไหลได้
ส่วนการใช้งาน Cloud Application ใดๆ นั้น Citrix SD-WAN เองก็สามารถช่วยให้การเชื่อมต่อไปยังผู้ให้บริการ Cloud แต่ละรายมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นได้ อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับ API ของผู้ให้บริการแต่ละรายเพื่อให้การเชื่อมต่อตรงไปยัง Cloud ของผู้ให้บริการแต่ละรายเป็นไปได้โดยอัตโนมัติและมีประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้น
สำหรับธุรกิจที่มีการใช้งาน Desktop Virtualization หรือ Application Virtualization ผ่านโปรโตคอล ICA นั้น Citrix SD-WAN ก็สามารถทำการวิเคราะห์ Traffic ลงลึกได้ถึงระดับ Application ย่อยของแต่ละผู้ใช้งาน และทำการ Optimize Traffic ได้โดยอัตโนมัติ
ภายใน Citrix SD-WAN นี้ยังมีเทคนิคอีกหลากหลายที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความมั่นคงทนทานในการเชื่อมต่อ Application ต่างๆ อีกมากมาย และด้วยความสามารถที่หลากหลายที่รองรับภายในโซลูชันเดียวนี้ ก็ทำให้ธุรกิจองค์กรต่างๆ สามารถลดการลงทุนในระบบที่สาขาขององค์กรทั้ง WAN Optimizer, Router และ Firewall ให้มาอยู่ภายในระบบเดียวที่สามารถบริหารจัดการได้อย่างง่ายดายและไม่ซับซ้อนได้ในตัว
Citrix พร้อมผลักดันการเติบโตในตลาดไทย ด้วยเป้าหมายเดิมคือ “การทำให้ธุรกิจองค์กรสามารถใช้งาน Application ได้อย่างมีรวดเร็ว, ง่ายดาย และมั่นคงปลอดภัย”
นอกเหนือจากสองผลิตภัณฑ์ดังกล่าวแล้ว Citrix เองก็ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมายที่ตั้งเป้าจะขยายตลาดในไทย ไม่ว่าจะเป็น Citrix Workspace ซึ่งถือเป็นการพลิกโฉมของระบบ Desktop Virtualization และ Application Virtualization ให้สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดายด้วยประสบการณ์ที่ดีกว่าเดิมและยังคงมีความมั่นคงปลอดภัยที่สูงอยู่, Citrix ShareFile สำหรับการแบ่งปันข้อมูลไฟล์งานต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์กรได้จากทุกที่ทุกเวลาและทุกอุปกรณ์อย่างปลอดภัย หรือ Citrix Endpoint Management ที่สามารถบริหารจัดการทั้ง Desktop, Notebook, Mobile และ IoT Device จากศูนย์กลางได้
หลักสำคัญของ Citrix ประการหนึ่งก็คือในทุกๆ ผลิตภัณฑ์นั้น ความมั่นคงปลอดภัยถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ Citrix จะไม่มองข้าม เพื่อให้เหล่าธุรกิจองค์กรได้นำโซลูชันของ Citrix ไปใช้งานได้อย่างมั่นใจนั่นเอง
ติดต่อทีมงาน Citrix ได้ทันที
ผู้ที่สนใจในโซลูชันด้านระบบ Application Delivery Controller, SD-WAN, Security, Single Sign-On หรือ Digital Workspace สามารถติดต่อทีมงาน Citrix เพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม, นัดเพื่อเข้าไปนำเสนอโซลูชัน หรือขอใบเสนอราคาได้ที่คุณ Narisara Wongchanteuk (Mai) narisara.wongchanteuk@citrix.com หรือโทร 063-923-9936
from:https://www.techtalkthai.com/citrix-rethinking-networking-for-a-hybrid-cloud-world-seminar-summary/