เมื่อไม่กี่วันมานี้ เกิดกรณีความขัดแย้งเรื่องการจอดรถบนขวางทางเข้าบ้านจนวิดีโอที่คู่กรณีถกเถียงกันถูกเผยแพร่ลงในโซเชียลมีเดียจนเกิดการตั้งคำถามเรื่องความเหมาะสม
กรณีจอดรถขวางทางพื้นที่ของผู้อื่นไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่เรื่องรถและที่จอดรถเป็นปัญหาหนักที่กวนใจใครหลายคนมาตลอดแม้ว่าอาจจะไม่ใช่ปัญหาคอขาดบาดตายอย่างเรื่องปากท้อง
ยิ่งในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมาณรถยนต์ส่วนตัวมีมากเกินกว่าพื้นที่ถนนจะรับไหวจนภาพการจอดรถซ้อนคันทั้งตามท้องถนนในพื้นที่ชุมชน ที่จอดรถในห้างสรรพสินค้า ไปจนถึงที่จอดรถในบริเวณหมู่บ้านและที่พักอาศัย
ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UddC) เผยรายงานว่า เมืองควรมีสัดส่วนพื้นที่ถนนต่อพื้นที่ทั้งหมดของเมืองไม่ต่ำกว่า 20%-25% แต่ในกรุงเทพฯ สัดส่วนของพื้นที่ถนนและพื้นที่เมืองมีอยู่แค่ 7% เท่านั้น
ปัญหามีรถแต่ไม่มีที่จอดรถไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทยที่เดียว ลองมาดูญี่ปุ่นที่มีกฎหมายแก้ปัญหาจอดรถขวางทางมาตั้งแต่ปี 1962 และฟิลิปปินส์ที่ยังคงเป็นร่างกฎหมายแต่ก็ถือว่าก้าวนำไทยไปอีกก้าว รวมทั้งสิงคโปร์ที่มีการเก็บค่าธรรมเนียมพื้นที่การจราจรหนาแน่น
ญี่ปุ่น – “Shako shomei sho” ใบรับรองว่ามีที่จอดรถ
หากอยู่ในประเทศไทยแล้วอยากจะมีรถสักคัน สิ่งที่ต้องมีก็คงจะเป็นความสามารถในการจ่ายเงินซื้อรถ แต่ในญี่ปุ่น แม้ว่าจะมีเงินเพียงพอ ก็ไม่สามารถซื้อรถยนต์ได้หากไม่มี “Shako shomei sho” หรือใบรับรองว่ามีที่จอดรถ
แม้ว่าจะเป็นประเทศผู้นำการผลิตรถยนต์เจ้าใหญ่อย่าง Toyota, Honda หรือจะเป็น Isuzu แต่ภายใต้กฎหมาย 1962 Garage Act ผู้ที่ต้องการจะซื้อรถยนต์ส่วนตัวหรือผู้ที่เป็นเจ้าของรถยนต์และต้องการย้ายที่อยู่อาศัยจะต้องมีใบรับรองว่ามีที่จอดรถที่ออกโดยสำนักงานตำรวจในท้องถิ่น โดยกฎหมายกำหนดว่าที่จอดรถจะต้องอยู่ภายในระยะทาง 2 กิโลเมตรนับจากที่พักอาศัย
![](https://assets.brandinside.asia/uploads/2023/04/car-parking-1-scaled.jpg)
ส่วนเอกสารที่จำเป็นสำหรับการขอใบรับรองที่จอดรถ ก็อย่างเช่น แผนที่ที่จอดรถและสถานที่โดยรอบที่มีตราประทับรับรอง นอกจากใบรับรองว่ามีที่จอดรถแล้ว หากต้องการจะเช่าหรือซื้อรถยนต์อย่างถูกกฎหมายในญี่ปุ่นก็จำเป็นจะต้องมีใบขับขี่ของญี่ปุ่นหรือใบขับขี่สากลที่มีอายุเกิน 3 เดือนและได้รับการอนุมัติจากเจ้าหน้าที่ของญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม ที่จอดรถที่ได้รับการรับรองไม่จำเป็นว่าผู้ซื้อหรือเจ้าของรถยนต์จะต้องเป็นเจ้าของที่จอดรถนั้น ๆ จะเป็นที่จอดรถให้เช้าก็ได้ เมื่อได้รับใบรับรองว่ามีที่จอดรถแล้ว จึงจะสามารถนำใบรับรองไปยื่นต่อผู้ขายรถยนต์เพื่อซื้อรถยนต์ได้
ส่วนใหญ่แล้วที่จอดรถในญี่ปุ่นจะต้องเสียค่าช่าที่เป็นรายเดือน โดยค่าเช่าที่จอดรถจะแตกต่างกันไปในแต่ละสถานที่ ขณะที่การจอดรถบริเวณริมถนนเป็นไปได้ยากมากที่จะไม่เสียค่าปรับและถูกล็อกล้อ ส่วนการจอดรถซ้อนคันแบบในประเทศไทยเรียกได้ว่าแทบเป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้ ระบบขนส่งสาธารณะของญี่ปุ่นถือว่าครอบคลุมและมีประสิทธิภาพอย่างมากจนการใช้รถยนต์ไม่ได้เป็นวิธีหลักที่คนใช้ในการเดินทาง
![](https://assets.brandinside.asia/uploads/2023/04/car-parking-3-scaled.jpg)
ฟิลิปปินส์ – No Garage, No Registration Act
หลังจากดูญี่ปุ่นที่มีกฎหมายใบรับรองที่จอดรถมาตั้งแต่ปี 1962 มาแล้ว ลองมาดูร่างกฎหมายของฟิลิปปินส์กันบ้าง ที่แม้ตอนนี้จะยังไม่ได้เป็นกฎหมายบังคับใช้จริง แต่ก็อาจเป็นตัวอย่างให้ไทยได้เพราะมีสภาพการคมนาคมคล้ายกัน
ฟิลิปปินส์เป็นอีกประเทศที่คนใช้รถยนต์เป็นหลักเพราะระบบขนส่งสาธารณะที่ไม่มีประสิทธิภาพมากพอ จนปริมาณรถยนต์มีมากและพื้นที่จอดรถไม่เพียงพอ ภาพการจอดรถริมถนนจนกินพื้นที่ถนนเข้ามาที่เราเห็นในกรุงเทพฯ ก็เห็นได้ในฟิลิปปินส์เช่นเดียวกัน
รัฐบาลได้พยายามแก้ไขปัญหาเรื่องจอดรถริมถนนและในที่ห้ามจอด เมื่อปีที่แล้ว Lord Allan Velasco สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของฟิลิปปินส์ได้เสนอร่างกฎหมาย House Bill No.31 หรือ No Garage, No Registration Act
![](https://assets.brandinside.asia/uploads/2023/04/car-parking-2-scaled.jpg)
ร่างกฎหมายกำหนดให้ผู้ที่ต้องการซื้อรถยนต์ที่อาศัยหรือมีธุรกิจอยู่ในเมืองใหญ่ ๆ อย่างเช่น กรุงมะนิลา แองเจลลิส ดาเบา จะต้องยื่นเอกสารแสดงหลักฐานว่ามีที่จอดรถซึ่งอาจจะเป็นรูปแบบโรงจอดรถหรือพื้นที่จอดรถให้เช่าก็ได้เพื่อซื้อรถยนต์และยื่นขอทะเบียนรถกับกรมการขนส่งทางบกของฟิลิปปินส์
ภายใต้กฎหมาย No Garage, No Registration Act หากผู้ใดปลอมแปลงทะเบียนรถยนต์จะถูกระงับไม่ให้จดทะเบียนรถยนต์ในชื่อของตนเองเป็นระยะเวลา 3 ปี และต้องจ่ายค่าปรับ 50,000 เปโซหรือราว 31,000 บาท
![](https://assets.brandinside.asia/uploads/2023/04/car-parking-4-scaled.jpg)
ร่างกฎหมายในลักษณะนี้เคยถูกยื่นต่อรัฐสภาในปี 2016 และ 2019 แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ หลังจากที่มีการยื่นร่างกฎหมาย No Garage, No Registration Act ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาวฟิลิปปินส์ บางคนก็มองว่าร่างกฎหมายนี้ควรได้รับการอนุมัติจากรัฐสภา ขณะที่บางคนมองว่าสาเหตุที่คนอยากจะซื้อรถยนต์ส่วนตัวกันก็เป็นเพราะระบบขนส่งสาธารณะของฟิลิปปินส์ที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ
กรณีของฟิลิปปินส์อาจเหมือนกับสภาพการเดินทางในประเทศไทยมากกว่าญี่ปุ่น เพราะการขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพยังขาดแคลนทำให้คนเลือกใช้รถยนต์เป็นหลักเพราะสะดวกกว่า
สิงคโปร์ – Electronic Road Pricing ค่าธรรมเนียมเดินทางบนเส้นทางที่รถแน่น
นอกจากกฎหมายขอใบรับรองว่ามีที่จอดรถก่อนจะซื้อรถของญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์แล้ว ทางฝั่งสิงคโปร์ก็มีกฎหมายจูงใจให้คนหลีกเลี่ยงการใช้รถยนต์เพื่อมาใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะเช่นเดียวกัน
ในปี 1998 สิงคโปร์ได้บังคับใช้กฎหมาย Electronic Road Pricing ที่ให้รัฐบาลเก็บค่าธรรมเนียมจากรถยนต์ที่เดินทางผ่านพื้นที่ที่การสัญจรแออัด ภายใต้กฎหมายนี้ทำให้สิงคโปร์มีระบบอัตโนมัติที่สามารถคำนวณอัตราค่าธรรมเนียมของรถยนต์แต่ละคนโดยคิดจากพื้นที่ เวลาที่เดินทาง ประเภทยานพาหนะและอัตราความเร็วของรถยนต์
![](https://assets.brandinside.asia/uploads/2023/04/car-parking-scaled.jpg)
กฎหมาย Electronic Road Pricing ช่วยลดความหนาแน่นของการจราจรในพื้นที่ที่การจราจรแออัด รวมทั้งทำให้สามารถคำนวณระยะเวลาในการเดินทางได้แม่นยำขึ้น อย่างไรก็ตาม กฎหมายนี้บังคับใช้เพื่อแก้ปัญหาจากกฎหมาย Area Licensing Scheme ที่บังคับเก็บค่าธรรมเนียมในลักษณะเดียวกันสำหรับพื้นที่ที่รถยนต์หนาแน่นในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนวันจันทร์-วันเสาร์ แต่ระบบที่ยังไม่มีมาตรฐานทำให้เกิดปัญหาหลายอย่าง เช่น ผู้ที่จำเป็นต้องเดินทางในพื้นที่แออัดหลายครั้งอย่างรถส่งของก็จะต้องเสียค่าบริการหลายรอบ
นอกจากนี้ รัฐบาลยังสร้างแรงจูงใจให้คนใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้นผ่านราคารถยนต์และค่าธรรมเนียมการขอใบรับรองรถยนต์ หรือ COE ที่เมื่อรวมกันแล้วแพงกว่าราคารถยนต์ปกติมาก ใบ COE คือใบอนุญาติให้เป็นเจ้าของและขับรถยนต์ได้ในระยะเวลา 10 ปี
ราคารถยนต์ในสิงคโปร์ถือเป็นราคาที่แพงที่สุดในโลก Budget Direct เว็บไซต์ด้านการเงินของสิงคโปร์เผยว่าโดยเฉลี่ยแล้ว รถยนต์ในสิงคโปร์มีราคาสูงกว่าในสหรัฐอเมริกาถึง 5 เท่า ในปี 2022 กรมการขนส่งทางบกของสิงคโปร์เผยว่า ราคาเฉลี่ยของใบ COE สำหรับรถยนต์ทั่วไปอยู่ที่ 53,407 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 1.8 ล้านบาท
![](https://assets.brandinside.asia/uploads/2023/04/car-parking-5-scaled.jpg)
ยกตัวอย่าง รถยนต์ Mercedes-AMG E53 ที่มีราคาในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 75,000 ดอลาร์หรือราว 2.56 ล้านบาท แต่ในสิงคโปร์มีราคาอยู่ที่ 368,652 ดอลลาร์ หรือราว 12.57 ล้านบาทเมื่อราวกับค่าธรรมเนียมออกใบ COE แล้ว
การซื้อรถยนต์ยังต้องเสียภาษีสรรพสามิต ภาษีมูลค่าเพิ่ม ค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนรถยนต์เพิ่มเติม รวมถึงค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมที่ขึ้นอยู่กับปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมทั้งมีการกำหนดโควต้าขอขอใบรับรองรถยนต์จากกรมการขนส่งทางบกของสิงคโปร์ทำให้มีการประมูลใบรับรองด้วย
ที่มา – AutoJosh, Parking Reform Atlas, Vietnam Posts English, CNN Philippines, Manila Bulletin, Moneymax, Yugatech, UDDC, Singapore Business, CMAP, Business Insider
อ่านเพิ่มเติม
ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา
The post จะซื้อรถต้องมีที่จอดก่อน! ส่องกฎหมายประเทศในเอเชีย ย้อนร้อยกรณีจอดรถขวางทางเข้าบ้านคนอื่น first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/asian-laws-to-solve-traffic-congestion/