คลังเก็บป้ายกำกับ: SUNNY

iPhone 12 อาจมากับเลนส์กล้องชุดใหม่ ระบบ Autofocus ดีกว่าเดิม คาด iPhone ปี 2022 อาจมีกล้อง Periscope ซูมไกล

เหลืออีกไม่กี่เดือนก็จะถึงวันเปิดตัวของ iPhone 12 แล้ว ที่คาดว่าปีนี้น่าจะมาพร้อมกับสเปคแบบจัดเต็มสุดๆ จอ OLED ทุกรุ่น และรองรับการใช้งาน 5G ล่าสุดนักวิเคราะห์ชื่อดังก็ออกมาเปิดเผยว่า iPhone 12 อาจมากับเลนส์กล้องชุดใหม่ ที่จะเข้ามาช่วยให้ประสิทธิภาพการใช้งานของระบบ Autofocus ดีกว่าเดิม แต่ใครที่รอๆ กล้อง Periscope ใน iPhone 12 ก็อาจจะต้องอกหัก เพราะเทคโนโลยีนี้น่าจะใส่มาให้ใน iPhone 14 หรือ 2 ปีข้างหน้า

Ming-Chi Kuo ได้ออกมาเปิดเผยว่า Apple ได้ติดต่อกับบริษัทผลิตเลนส์กล้องอย่าง Semco และ Sunny เตรียมนำไปใช้กับ iPhone 12 Series ที่กำลังจะเปิดตัวในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคมที่จะถึงนี้ โดยเลนส์ของ Semco และ Sunny จะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายรูปให้ดีขึ้นกว่าเดิม รวมไปถึงทำให้ระบบ Autofocus สามารถทำงานได้แม่นยำขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย 

ส่วนใครที่ลุ้นๆ ให้ Apple ใส่กล้อง Telephoto แบบ Periscope เพื่อที่จะทำให้การ Optical Zoom หรือการซูมแบบไม่เสียรายละเอียด และ Digital Zoom ดันไปได้ไกลที่สุด ก็อาจจะต้องอกหักรอต่อไปอีกอย่างน้อย 1 ปี เพราะทาง Ming-Chi Kuo กล่าวว่า ทาง Apple น่าจะใส่กล้องชุดนี้เข้าไปไว้ใน iPhone ปี 2022 หรือ iPhone 14 แทน

นอกจากนี้ ก็มีภาพหลุดของสายชาร์จ Lightning แบบถัก ที่คาดว่าน่าจะแถมในกล่อง iPhone 12 Series อีกด้วย 

คาดว่า Apple น่าจะขน iPhone 12 Series ทั้งหมดมาเปิดตัวในช่วงปลายๆ เดือนตุลาคม (ไม่ใช่เดือนกันยายนเหมือนทุกปี) ก่อนจะวางขายในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ซึ่งก็ต้องมารอดูว่าจะเข้าไทยเราในช่วงเดือนไหน ไม่แน่ว่า Apple อาจจะเซอร์ไพรส์นำ iPhone 12 Series มาเปิดตัวพร้อมกับสโตร์ใหม่ Apple Central World ก็ได้

 

ที่มา: gsmarena

from:https://droidsans.com/apple-iphone-12-new-camera-lenses-improve-autofocus/

Sunny ประกันรูปแบบใหม่ ที่มาแรงหวังแย่งแชร์ธุรกิจประกันแบบเดิม

Sunday (ซันเดย์) แพลตฟอร์มประกันรูปแบบใหม่ที่เรียกว่าเป็น InsurTech ก่อต้ังขึ้นเมื่อสิงหาคม 2560 ด้วยการดึงเทคโนโลยี AI และ Machine Learning  เข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Real-Time ทำให้เกิดนวัตกรรมทางด้านประกันภัย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า หลังเป็นหลังบ้านให้ Grab ในการคุ้มครองพาร์ทเนอร์ผู้ขับของแกร็บ ขณะรับ –ส่ง ผู้โดยสาร ประกันสุขภาพ และประกันรถยนต์ราคาพิเศษสำหรับแกร็บโกลด์ (GrabGold) ล่าสุดก็ได้ลงทุนหลังบ้านเพิ่มเติมโดยใช้โซลูชั่นจาก Amazon Web Services หรือ AWS ในการเชื่อมระบบผ่าน Cloud Computing

ซินดี้ กัว ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของซันเดย์ อินส์

จุดกำเนิดของ Sunday

Sunday เป็นดิจิตอลแพลตฟอร์มที่ให้บริการประกันภัยรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ของบริษัทที่ต้องการเป็นอินชัวร์เทค (InsurTech) ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย มายกระดับการให้บริการด้านประกันภัยที่สะดวกและเป็นมิตรกับผู้ใช้ซึ่งแตกต่างจากประสบการณ์ที่ลูกค้าได้จากประกันภัยแบบเดิม โดยการใช้เทคโนโลยีอย่างเช่น AI (Artificial Intelligence) และ Machine Learning พร้อมทั้งดิจิตอลแพลตฟอร์มที่ทันสมัยเพื่อทำให้ประกันภัยเข้าถึงง่าย และมีความยืดหยุ่นเหมาะสมกับไลฟ์ไสตล์ยุคดิจิตอล

ปัจจุบันผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการเติบโตและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้รูปแบบการประกันภัยแบบปัจจุบัน   ไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม ประกอบกับธุรกิจปัจจุบันต้องเร่งปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิตอลทรานส์ฟอร์มเมชัน (Digital Transformation) ที่ต้องนำเทคโนโลยีดิจิตอลเข้ามาใช้เจาะตลาดลูกค้า ทำให้เราเล็งเห็นว่าเทคโนโลยีมีส่วนสำคัญในการสร้างความแตกต่างในธุรกิจประกันภัย

เทคโนโลยีที่ทันสมัยคือจุดแข็งของซันเดย์ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการประกันภัยที่เหนือกว่า อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่น และตอบโจทย์ความต้องการทั้งแบบเฉพาะบุคคล หรือองค์กรธุรกิจได้อย่างลงตัว แพลตฟอร์มของซันเดย์สร้างขึ้นโดยยึดลูกค้าเป็นหลัก โดยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเชิงลึกและฐานข้อมูลสถิติด้านอื่นๆ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าทั้งรายย่อย และลูกค้าองค์กร (Corporate Clients)

“จุดเด่นของซันเดย์คือ ลูกค้าจะได้รับราคาที่เหมาะสม โดยลูกค้าสามารถเลือกความคุ้มครองได้ด้วยตนเองทำให้ได้รับผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ลูกค้าพอใจในงบประมาณที่กำหนดเอง ซึ่งเหนือกว่าการซื้อประกันภัยแบบแพ็คเกจที่ไม่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เลือก”

อีกจุดเด่นคือ ระบบการวิเคราะห์ข้อมูลที่ทันสมัย โดยการใช้ Big data analytics มาวิเคราะห์ทำให้สามารถเข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้น และออกแบบโปรโมชั่นและผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจลูกค้า อีกทั้งยังทำให้ลูกค้าได้รับการบริการที่รวดเร็วแบบบูรณาการ ทั้งระบบการขายและการเคลม สุดท้ายนี้เราต้องการให้ทำให้ ประกันภัยเป็นเรื่องง่าย และประหยัดเวลาเพื่อให้ลูกค้าได้ใช้เวลากับสิ่งอื่นๆที่สำคัญในชีวิต

เพิ่มโซลูชั่นรองรับการใช้งาน

การเลือกใช้โซลูชั่นจากอะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services) หรือ AWS ซึ่งเป็นผู้นำการให้บริการระบบ Cloud Computing จะช่วยให้ซันเดย์สามารถนำเทคโนโลยี Machine Learning มาช่วยประมวลผลบน AWS Cloud Services เพื่อผสานกับแนวคิดการบริการประกันภัยที่ล้ำสมัย ทำให้บริษัทเป็นผู้นำทางตลาด InsurTech และยังเป็นรายแรกในไทย

“การผสานเทคโนโลยี AWS Cloud Computing และ Machine Learning ช่วยทำให้ซันเดย์สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วผ่านดิจิตอลแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซด์ หรือแอพพลิเคชั่น เมื่อลูกค้าใส่ข้อมูลเข้ามาในระบบ ระบบจะทำการประมวลผลข้อมูลหลายล้านหน่วยที่จัดเก็บบน AWS ในทันที เพื่อทำการคำนวณเบี้ยประกันที่เหมาะสมตามความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละราย”

นอกจากนี้ ระบบฃยังสามารถรองรับลูกค้าได้แบบเรียลไทม์จำนวนหลายหมื่นรายได้พร้อมกัน ส่งผลให้ลูกค้าได้รับข้อเสนอในราคาที่ดีกว่าประกันภัยแบบเดิมๆ ถึง 20% และยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยรูปแบบใหม่ๆ ที่มีความสร้างสรรค์ สำหรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของลูกค้าได้ อาทิ ประกันการเดินทางที่จ่ายชดเชยกรณีความล่าช้าของสายการบินแบบเรียลไทม์ (Flight Delay) โดยซันเดย์เชื่อมต่อกับฐานข้อมูลทางสภาพอากาศ และการบิน ทำให้สามารถจ่ายค่าชดเชยให้ลูกค้าได้ทันทีที่มีการล่าช้าตามเงื่อนไขที่กำหนด, บริการประกันสุขภาพรายเดือน หรือบริการประกันภัยการเดินทางขนาดย่อย (Micro Travel Insurance) ที่คิดเบี้ยประกันตามวันเวลาที่มีการเดินทางและประเทศที่ไป ซึ่งซันเดย์เป็นรายแรกที่สามารถเสนอความคุ้มครองแบบดังกล่าว ที่กล่าวมานี้ล้วนเกิดจากความสามารถของเทคโนโลยี AWS Cloud Computing และระบบ Machine Learning ในการคำนวณข้อมูลและรองรับการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทางด้านของการสร้างความแตกต่างจากประกันภัยแบบปัจจุบันเพื่อเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภค ด้วยเทคโนโลยีบนดิจิตอลแพลตฟอร์มที่ล้ำสมัยซึ่งเข้าถึงง่าย และ ใช้งานสะดวก ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ ด้วยราคาที่ประหยัดกว่า ช่วยลดต้นทุนในการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที (IT Infrastructure Cost) ทำให้สามารถเสนอราคาประกันภัยที่ถูกลงให้กับลูกค้า

ในขณะเดียวกันก็สามารถขยายและพัฒนาธุรกิจได้อย่างคล่องตัว ซึ่งเราต้องการจะขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจ นอกเหนือจากลูกค้าทั่วไป ช่วยสนับสนุนธุรกิจของพันธมิตรให้เติบโตและเพิ่มคุณค่าของสินค้าและบริการ ด้วยการมอบบริการประกันภัยที่ดีและคุ้มค่าให้ลูกค้าของพันธมิตรธุรกิจเพื่อร่วมเดินหน้าสร้างความสำเร็จในธุรกิจไปด้วยกัน

โดยที่ผ่านมามีองค์ธุรกิจเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับซันเดย์และนำบริการประกันภัยรูปแบบใหม่ของซันเดย์ไปใช้ในธุรกิจแล้วหลายแหล่ง อาทิ แกร็บ (Grab) และดีแทค (Dtac) นอกจากนี้ ยังวางแผนจะขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจาก Cloud Service ทำให้ไม่ต้องลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบไอทีในตลาดใหม่ ส่งผลให้ซันเดย์กลายเป็นบริษัท Asset-Light ที่สามารถลดต้นทุนการผลิต และเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้อย่างรวดเร็ว อันจะเห็นได้จากฐานลูกค้าภายใน 1 ปีที่เราเริ่มดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2560 มีจำนวนผู้ใช้บริการแล้วกว่า 200,000ราย และ มียอดขายเติบโตถึงกว่า 30% ต่อเดือน

 
Source: thumbsup

from:https://thumbsup.in.th/2018/06/sunny-insurtech-aws/

Sunday ประกันรูปแบบใหม่ ที่มาแรงหวังแย่งแชร์ธุรกิจประกันแบบเดิม

Sunday (ซันเดย์) แพลตฟอร์มประกันรูปแบบใหม่ที่เรียกว่าเป็น InsurTech ก่อต้ังขึ้นเมื่อสิงหาคม 2560 ด้วยการดึงเทคโนโลยี AI และ Machine Learning  เข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Real-Time ทำให้เกิดนวัตกรรมทางด้านประกันภัย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า หลังเป็นหลังบ้านให้ Grab ในการคุ้มครองพาร์ทเนอร์ผู้ขับของแกร็บ ขณะรับ –ส่ง ผู้โดยสาร ประกันสุขภาพ และประกันรถยนต์ราคาพิเศษสำหรับแกร็บโกลด์ (GrabGold) ล่าสุดก็ได้ลงทุนหลังบ้านเพิ่มเติมโดยใช้โซลูชั่นจาก Amazon Web Services หรือ AWS ในการเชื่อมระบบผ่าน Cloud Computing

ซินดี้ กัว ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของซันเดย์ อินส์

จุดกำเนิดของ Sunday

Sunday เป็นดิจิตอลแพลตฟอร์มที่ให้บริการประกันภัยรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ของบริษัทที่ต้องการเป็นอินชัวร์เทค (InsurTech) ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย มายกระดับการให้บริการด้านประกันภัยที่สะดวกและเป็นมิตรกับผู้ใช้ซึ่งแตกต่างจากประสบการณ์ที่ลูกค้าได้จากประกันภัยแบบเดิม โดยการใช้เทคโนโลยีอย่างเช่น AI (Artificial Intelligence) และ Machine Learning พร้อมทั้งดิจิตอลแพลตฟอร์มที่ทันสมัยเพื่อทำให้ประกันภัยเข้าถึงง่าย และมีความยืดหยุ่นเหมาะสมกับไลฟ์ไสตล์ยุคดิจิตอล

ปัจจุบันผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีการเติบโตและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้รูปแบบการประกันภัยแบบปัจจุบัน   ไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุม ประกอบกับธุรกิจปัจจุบันต้องเร่งปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิตอลทรานส์ฟอร์มเมชัน (Digital Transformation) ที่ต้องนำเทคโนโลยีดิจิตอลเข้ามาใช้เจาะตลาดลูกค้า ทำให้เราเล็งเห็นว่าเทคโนโลยีมีส่วนสำคัญในการสร้างความแตกต่างในธุรกิจประกันภัย

เทคโนโลยีที่ทันสมัยคือจุดแข็งของซันเดย์ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการประกันภัยที่เหนือกว่า อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่น และตอบโจทย์ความต้องการทั้งแบบเฉพาะบุคคล หรือองค์กรธุรกิจได้อย่างลงตัว แพลตฟอร์มของซันเดย์สร้างขึ้นโดยยึดลูกค้าเป็นหลัก โดยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเชิงลึกและฐานข้อมูลสถิติด้านอื่นๆ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้าทั้งรายย่อย และลูกค้าองค์กร (Corporate Clients)

“จุดเด่นของซันเดย์คือ ลูกค้าจะได้รับราคาที่เหมาะสม โดยลูกค้าสามารถเลือกความคุ้มครองได้ด้วยตนเองทำให้ได้รับผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ลูกค้าพอใจในงบประมาณที่กำหนดเอง ซึ่งเหนือกว่าการซื้อประกันภัยแบบแพ็คเกจที่ไม่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เลือก”

อีกจุดเด่นคือ ระบบการวิเคราะห์ข้อมูลที่ทันสมัย โดยการใช้ Big data analytics มาวิเคราะห์ทำให้สามารถเข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้น และออกแบบโปรโมชั่นและผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจลูกค้า อีกทั้งยังทำให้ลูกค้าได้รับการบริการที่รวดเร็วแบบบูรณาการ ทั้งระบบการขายและการเคลม สุดท้ายนี้เราต้องการให้ทำให้ ประกันภัยเป็นเรื่องง่าย และประหยัดเวลาเพื่อให้ลูกค้าได้ใช้เวลากับสิ่งอื่นๆที่สำคัญในชีวิต

เพิ่มโซลูชั่นรองรับการใช้งาน

การเลือกใช้โซลูชั่นจากอะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services) หรือ AWS ซึ่งเป็นผู้นำการให้บริการระบบ Cloud Computing จะช่วยให้ซันเดย์สามารถนำเทคโนโลยี Machine Learning มาช่วยประมวลผลบน AWS Cloud Services เพื่อผสานกับแนวคิดการบริการประกันภัยที่ล้ำสมัย ทำให้บริษัทเป็นผู้นำทางตลาด InsurTech และยังเป็นรายแรกในไทย

“การผสานเทคโนโลยี AWS Cloud Computing และ Machine Learning ช่วยทำให้ซันเดย์สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วผ่านดิจิตอลแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซด์ หรือแอพพลิเคชั่น เมื่อลูกค้าใส่ข้อมูลเข้ามาในระบบ ระบบจะทำการประมวลผลข้อมูลหลายล้านหน่วยที่จัดเก็บบน AWS ในทันที เพื่อทำการคำนวณเบี้ยประกันที่เหมาะสมตามความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละราย”

นอกจากนี้ ระบบฃยังสามารถรองรับลูกค้าได้แบบเรียลไทม์จำนวนหลายหมื่นรายได้พร้อมกัน ส่งผลให้ลูกค้าได้รับข้อเสนอในราคาที่ดีกว่าประกันภัยแบบเดิมๆ ถึง 20% และยังนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยรูปแบบใหม่ๆ ที่มีความสร้างสรรค์ สำหรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของลูกค้าได้ อาทิ ประกันการเดินทางที่จ่ายชดเชยกรณีความล่าช้าของสายการบินแบบเรียลไทม์ (Flight Delay) โดยซันเดย์เชื่อมต่อกับฐานข้อมูลทางสภาพอากาศ และการบิน ทำให้สามารถจ่ายค่าชดเชยให้ลูกค้าได้ทันทีที่มีการล่าช้าตามเงื่อนไขที่กำหนด, บริการประกันสุขภาพรายเดือน หรือบริการประกันภัยการเดินทางขนาดย่อย (Micro Travel Insurance) ที่คิดเบี้ยประกันตามวันเวลาที่มีการเดินทางและประเทศที่ไป ซึ่งซันเดย์เป็นรายแรกที่สามารถเสนอความคุ้มครองแบบดังกล่าว ที่กล่าวมานี้ล้วนเกิดจากความสามารถของเทคโนโลยี AWS Cloud Computing และระบบ Machine Learning ในการคำนวณข้อมูลและรองรับการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทางด้านของการสร้างความแตกต่างจากประกันภัยแบบปัจจุบันเพื่อเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภค ด้วยเทคโนโลยีบนดิจิตอลแพลตฟอร์มที่ล้ำสมัยซึ่งเข้าถึงง่าย และ ใช้งานสะดวก ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ ด้วยราคาที่ประหยัดกว่า ช่วยลดต้นทุนในการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที (IT Infrastructure Cost) ทำให้สามารถเสนอราคาประกันภัยที่ถูกลงให้กับลูกค้า

ในขณะเดียวกันก็สามารถขยายและพัฒนาธุรกิจได้อย่างคล่องตัว ซึ่งเราต้องการจะขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจ นอกเหนือจากลูกค้าทั่วไป ช่วยสนับสนุนธุรกิจของพันธมิตรให้เติบโตและเพิ่มคุณค่าของสินค้าและบริการ ด้วยการมอบบริการประกันภัยที่ดีและคุ้มค่าให้ลูกค้าของพันธมิตรธุรกิจเพื่อร่วมเดินหน้าสร้างความสำเร็จในธุรกิจไปด้วยกัน

โดยที่ผ่านมามีองค์ธุรกิจเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับซันเดย์และนำบริการประกันภัยรูปแบบใหม่ของซันเดย์ไปใช้ในธุรกิจแล้วหลายแหล่ง อาทิ แกร็บ (Grab) และดีแทค (Dtac) นอกจากนี้ ยังวางแผนจะขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจาก Cloud Service ทำให้ไม่ต้องลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบไอทีในตลาดใหม่ ส่งผลให้ซันเดย์กลายเป็นบริษัท Asset-Light ที่สามารถลดต้นทุนการผลิต และเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้อย่างรวดเร็ว อันจะเห็นได้จากฐานลูกค้าภายใน 1 ปีที่เราเริ่มดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2560 มีจำนวนผู้ใช้บริการแล้วกว่า 200,000ราย และ มียอดขายเติบโตถึงกว่า 30% ต่อเดือน

 
Source: thumbsup

from:https://thumbsup.in.th/2018/06/sunday-insurtech-aws/

เจาะแนวโน้มพฤติกรรมล่าสุดลูกค้าดีแทค

อัปเดตแนวโน้มพฤติกรรมผู้ใช้ดีแทคปีล่าสุด พบลูกค้าที่ใช้บริการแพคเกจมีสัดส่วนอยู่กับดีแทคนานกว่ากลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้ใช้บริการ ขณะที่เทรนด์ลูกค้าพรีเพดเริ่มเปลี่ยนไปโพสต์เพดมากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าในทุกอุตสาหกรรม

ปัญญา เวชบรรยงรัตน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานพาณิชย์ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค เผยรายละเอียดหนึ่งในแพคเกจร้อนแรงที่ดีแทคภูมิใจอย่าง Go No Limit ว่าเป็นแพคเกจที่ทำให้ลูกค้ากลุ่มเติมเงิน DTAC โตขึ้น 86% ช่วงปี 2017 โดยแพคเกจนี้ช่วยให้รายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายดีแทคเพิ่มขึ้น 28% และ Churn Rate หรืออัตราลูกค้าย้ายออกน้อยลง 2%

ผู้บริหารดีแทคเผยอีกว่า ปีนี้ “ตลาดเติมเงิน” เป็นตลาดที่แข่งขันสูง แต่มีโอกาสรออยู่สูงมาก เนื่องจากมีทั้งตลาดนักท่องเที่ยวซึ่งต้องเปิดใช้ซิมชั่วคราวในไทย ตลาดผู้ใช้เยาวชนที่เริ่มเปลี่ยนมาใช้สมาร์ทโฟนมากขึ้นแต่ยังต้องถูกจำกัดค่าใช้งาน และแรงงานต่างด้าว ซึ่งเป็นส่วนแบ่งตลาดที่ดีแทคครองแชมป์ในขณะนี้

ในภาพรวม ลูกค้ารายเดือนดีแทคเติบโตขึ้น 600,000 หมายเลข ส่งผลให้รายได้เติบโตขึ้น 17.9% และรายได้เฉลี่ยเติบโตขึ้น 3% ขณะที่อัตราการใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น 83% รวมถึงการใช้งานดาต้า (Data usage) เพิ่มขึ้น 96% และผู้ใช้งาน 4G เพิ่มมากขึ้น 34% ด้านจำนวนผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน “ดีแทค” เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านราย (+125% YOY) ซึ่งคิดเป็น 50% ของลูกค้ารายเดือน

สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดเรื่องแนวคิด “ใจดี” ซึ่งดีแทคเปิดตัวพร้อมพรีเซนเตอร์คนใหม่ “ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์” ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการเดินกลับไปเน้นภาพ “ใจดี ขี้เล่น” เหมือนเมื่อครั้งช่วง 10 ปีก่อน การกลับมายืนแนวคิดเดิมนี้ไม่ได้แปลว่าไม่มีอะไรใหม่ เพราะดีแทคจะเพิ่มเติมเรื่องการขยายบริการเสริมให้มากกว่าบริการโทรคมนาคม ซึ่งดีแทคเริ่มเปิดให้ผู้ใช้โรมมิ่งดีแทคซื้อบริการประกันภัยท่องเที่ยวราคาประหยัด 85 บาทคุ้มครอง 10 วัน และวางแผนขยายให้หลากหลายยิ่งขึ้นตลอดปีนี้

นอกจากการเปิดตัวแนวคิด “ใจดี” ที่ดีแทคจะยืดเป็นการตลาดหลักตลอดปี 2018 ดีแทคยังโชว์ผลสำรวจล่าสุดของบริษัทรว่าลูกค้ายกให้ดีแทคเป็นที่หนึ่งในอุตสาหกรรมใน 4 ด้าน ได้แก่ 1 แพ็กเกจและโปรโมชั่นที่คุ้มค่า (ดีแทค 64% คู่แข่ง 52%) 2 ความใส่ใจของพนักงานในการแนะนำรายละเอียดแพ็กเกจและโปรโมชั่น (ดีแทค 42% คู่แข่ง 40%) 3 พนักงานมีความสุภาพ พร้อมส่งมอบบริการอย่างเต็มที่ (ดีแทค 45% คู่แข่ง 41%) และ 4 สิทธิพิเศษที่ตรงกับความต้องการ (ดีแทค 47% คู่แข่ง 42%)

ผู้สนใจ ติดตามชมโฆษณาใหม่ของดีแทค นำแสดงโดย​ “ซันนี่” ได้ด้านล่าง

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2018/03/dtac-consumer/

“Sunny” แอปพลิเคชันนี้บอกคุณได้ว่าจุดที่คุณอยู่รังสี UV แรงแค่ไหน

สำหรับประเทศเมืองร้อน ที่แดดแรงมากๆ อย่างบ้านเรา คงเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าเราจะหลบเลี่ยงการเผชิญแสงแดดได้แบบเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงซัมเมอร์และวันหยุดยาวที่จะถึงนี้ที่หลายๆ คนอาจจะออกไปท่องเที่ยวและทำกิจกรรมกลางแจ้ง

lk3okkhdwuphcmi8xuy6

เพื่อเตือนไม่ให้เราทำร้ายผิวหนังของพวกเรามากเกินไป และให้รู้ว่าตรงที่เราอยู่มีรังสี UV แรงแค่ไหน แนะนำให้ลองดาวน์โหลด Sunny มาลองใช้งานเพื่อวัดปริมาณรังสี UV กันได้จากที่ตั้งที่คุณอยู่ การใช้งานแอปพลิเคชันดังกล่าวก็ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่เปิดแอปพลิเคชันดังกล่าว คุณก็จะได้รับข้อมูลปริมาณรังสี UV จากจุดที่คุณอยู่ในทันที จากภาพถ้าวงกลมสีส้มด้านบนยิ่งใหญ่แสดงว่าปริมาณรังสี UV ในจุดที่คุณอยู่นั้นยิ่งมีปริมาณมาก

แต่อย่างไรก็ตามหากคุณยังมีความจำเป็นต้องออกไปทำกิจกรรมข้างนอก คุณสามารถตรวจสอบปริมาณรังสี UV จากการของแอปพลิเคชันในอีก 2-3 ชั่วโมงข้างหน้าได้อีกด้วย  แต่หากคุณไม่สามารถเลี่ยงแสงแดดที่ร้อนแรงในช่วงนี้ได้จริงๆ ก็อย่าลืมทาครีมกันแดดเพิ่มเติมอย่างสม่ำเสมอนะคะ

ที่มา : Lifehacker

from:http://thumbsup.in.th/2014/04/sunny-uv-location/