คลังเก็บป้ายกำกับ: SOCIAL_MEDIA_MARKETING

ชวนติดอาวุธ Social Media Marketing ให้กับแบรนด์ เพื่อต่อยอดการเข้าถึงลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วงนี้ใครๆ ก็อยู่บนโลก Social Media กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Twitter หรือ LINE ดังนั้นการให้แบรนด์เข้าไปมีส่วนร่วมในพื้นที่ตรงนี้ก็จำเป็น แต่จะเข้าไปอย่างไรให้ไม่รบกวนผู้บริโภคจนเกินไปล่ะ?

ภาพ pixabay.com

Video-Native-Big Data ต้องใช้ให้เป็น

เทรนด์การใช้ Social Media Marketing ในปีหน้าจะเดินไปที่ Video Ads กับ Native Ads ผ่านการประมวลผลโดย Big Data เพื่อเพิ่มความถูกต้องในการสร้างสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายต้องการมากที่สุดอย่างถูกที่ และถูกเวลา แต่ใช่ว่าใช้ 3 เครื่องมือข้างต้นจะประสบความสำเร็จในทันที เพราะต้องวางแผนให้ลึกมากกว่านั้น

Stefan Kiess ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Airpush Inc. ผู้ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการโฆษณา เล่าให้ฟังว่า กลุ่มเป้าหมายเป็นเรื่องที่แบรนด์ต้องกำหนดมาให้ชัดเจนก่อน เพื่อประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูล ก่อนที่จะลงมือซื้อสื่อ ซึ่งปัจจุบันก็มีช่องทางที่หลากหลาย และจะมาใช้รูปแบบเดียวกันก็คงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนัก

ภาพ pixabay.com

“One Size Fit All เริ่มใช้ไม่ได้กับโลกโฆษณาดิจิทัลมาระยะหนึ่งแล้ว ตัวอย่างง่ายๆ คือการนำโฆษณาโทรทัศน์มาแสดงบน YouTube ดังนั้นการปรับความคิดภายในองค์กรเองก็ค่อนข้างจำเป็น ประกอบกับเรื่อง Native Ads หรือโฆษณาที่เหมือนไม่ใช่โฆษณา ก็เป็นอีกวิธีที่หลายแบรนด์เริ่มเลือกใช้ เพราะทำได้หลากรูปแบบ และผลตอบรับดี”

Engagement คือผลลัพธ์ที่ทุกแบรนด์ต้องการ

ขณะเดียวกันเอเยนซี่ต่างๆ เริ่มเห็นพ้องต้องกันว่า Engagement คือเป้าหมายสำคัญ และเป็นจุดชี้วัดว่าแต่ละแคมเปญการตลาดที่ส่งออกไปประสบความสำเร็จหรือไม่ เพราะเพียงยอด Like เพียงอย่างเดียว อาจส่งผลอะไรกลับมาไม่ได้มากนัก แต่การจะได้ Engagement กลับมาก็ต้องอาศัยการใช้เครื่องมือให้เป็น และลงทุนให้ถูกต้อง

มณทิรา เจริญวัลย์ เจ้าของร้าน Lobster Gangster ผู้จำหน่ายสินค้าทะเลสด เสริมว่า ด้วยตนไม่มีหน้าร้าน และอาศัย Facebook กับหน้าเว็บไซต์ในการทำตลาด ซึ่งก็ค่อนข้างประสบความสำเร็จ เพราะเลือกใช้เครื่องมือ และเอเยนซี่ที่ถูกต้อง จนกลายเป็นอีกทางเลือกของผู้บริโภคในการสั่งซื้ออาหารทะเลสดนำเข้าจากต่างประเทศ

นอกจากนี้ในยุค Smartphone ครองเมือง ทำให้การหันมาทำตลาดในช่องทาง Mobile ก็มีความจำเป็นมากขึ้น แต่จะทำเพียงช่องทางนี้อย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีการผสมผสาน เช่นนำสื่อ Out-of-Home เช่นป้าย Digital Signage ต่างๆ มาประยุกต์ใช้กับเรื่อง Location เพื่อให้ทั้งโฆษณาบนโทรศัพท์มือถือ และป้ายเป็นตัวเดียวกันได้

สรุป

การลงทุน และศึกษาอย่างจริงจัง น่าจะเป็นวิธีที่ทำให้แบรนด์ธุรกิจต่างๆ สามารถประสบความสำเร็จด้วยการใช้ Social Media Marketing ได้มากกว่าเดิมที่ทำกันงูๆ ปลาๆ และเผาเงินไปกับโฆษณาดิจิทัลโดยใช่เหตุ และส่วนตัวคิดว่าหากไม่เชี่ยวชาญจริงๆ การเพิ่มเงินอีกเล็กน้อยเพื่อจ้างเอเยนซี่ ก็น่าจะได้ผลตอบรับกลับมาที่ดีกว่า

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

from:https://brandinside.asia/social-media-marketing-tools/

6 วิธีชักจูงเจ้านายที่ยังไม่ค่อยอินกับการใช้โซเชียลมีเดีย

หลายครั้งนักการตลาดอยากทำเหลือเกิน แต่เจ้านายไม่เข้าใจ ลองมาดู 6 วิธีที่จะช่วยพูดจูงใจให้เจ้านายคล้อยตามและยอมเซ็นต์อนุมัติง่ายขึ้น

businessman-fashion-man-person

แม้ดูเหมือนจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับนักการตลาดทุกวันนี้ เพราะแทบทุกแบรนด์เข้าสู่โลกโซเชียลกันหมดแล้ว แต่ในงาน Spark Conference 2016 ที่ Thumbsup Thailand จัดขึ้นในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ก็ยังมีคำถามว่า เจ้านายหัวโบราณ มีวิธีการพูดชักจูงอย่างไร จึงคิดว่าบทความนี้น่าจะพอมีประโยชน์สำหรับนักการตลาดในบางบริษัทอยู่บ้าง กับ 6 กลยุทธ์โน้มน้าวใจเจ้านาย

1. อธิบายพฤติกรรมของผู้บริโภค

แม้แต่ผู้คนในธุรกิจ B2B แต่ละคนยังใช้โซเชียลมีเดียด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน และการสื่อสารให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายก็เป็นเรื่องที่สำคัญ

ลองทำเป็นตารางที่สามารถเข้าใจได้ง่ายๆ โดยใช้คอลัมน์เป็นแพลตฟอร์มต่างๆ และใส่กลุ่มเป้าหมายเรียงลงมาเป็นแถว แล้วใส่ key message ที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายในแต่ละแพลตฟอร์มลงไป เพื่ออธิบายว่าแต่ละแพลตฟอร์มมีวิธีการที่แตกต่างกัน และมันจะสามารถก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยวิธีการใด

2. ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ

อธิบายให้เจ้านายเห็นภาพว่าโซเชียลมีเดียสอดแทรกอยู่ในทุกช่องทางการตลาด ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็น eBook รายงานวิชาการ หรือการออกสินค้าตัวใหม่ ช่องทางโซเชียลคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยส่งข้อมูลเหล่านี้ออกไป

วาดภาพใหญ่ให้เจ้านายเห็น ไม่ใช่แค่อธิบายว่าช่องทางนี้สำคัญ แต่ต้องให้เห็นด้วยว่ามันจะช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างไร

3. กำหนด KPI ที่สามารถวัดได้

เราทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่า หลายครั้งแค่โซเชียลมีเดียอย่างเดียว ไม่สามารถก่อให้เกิดการตัดสินใจซื้อได้ทันที มันแค่ช่วยส่งสารของแบรนด์ เพื่อให้เกิด engagement และทำให้คนที่อินกับคอนเทนต์กลายเป็นผู้บริโภคในอนาคต

การให้ข้อมูลที่ทำให้คนอ่านรู้สึกฉลาด นอกจากจะช่วยให้พวกเขารู้สึกมีส่วนร่วมกับแบรนด์ ยังทำให้อยากแชร์ต่อด้วย ดังนั้นควรสร้าง KPI ที่วัดผลจากการเคลื่อนไหวของผู้บริโภค และจำนวนลูกค้าใหม่ที่เข้ามาจากช่องทางโซเชียล

4. เก็บผลลัพธ์ทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง

ลองแอบทำเงียบๆ ไปก่อน เช่น ปล่อยแคมเปญแล้ววัดผลดูว่า ถ้ามีช่องทางโซเชียลช่วยโปรโมทด้วย แคมเปญนั้นจะส่งผลดีกว่ารึเปล่า การวัดผลเหล่านี้ นอกจากจะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่ามาถูกทางแล้ว ยังสามารถคาดการณ์ผลลัพธ์ในอนาคตได้อีกด้วย

เชื่อเถอะว่าเจ้านายทุกคนชอบนักการตลาดที่สามารถพยากรณ์อนาคต และสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนได้

5. อธิบายวิธีการดำเนินงาน

จำเอาไว้เสมอว่า เจ้านายจะมองที่ภาพใหญ่เป็นหลัก ช่องทางโซเชียลเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการทำการตลาดทั้งหมดและมักจะต้องใช้พาร์ทเนอร์เข้ามาช่วย ดังนั้นควรอธิบายให้เจ้านายเห็นว่า เราสามารถใช้ประโยชน์จากคนนอกเพื่อช่วยเพิ่มผลตอบแทนกลับมาได้อย่างไร

6. สร้างกระดานแสดงผล

แสดงผลเป็นรายสัปดาห์ (หรือรายเดือน) ไม่จำเป็นให้เห็นทุกๆ ขณะ แต่ให้เห็นเป็นแนวโน้ม เปรียบเทียบยอด engagement และผลลัพธ์ที่กลับมา การสร้างความเชื่อมั่นให้กับช่องทางโซเชียล ต้องแสดงทุกอย่างให้เห็นเป็นตัวเลข สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เจ้านายเห็นผลตอบแทนชัดเจนมากขึ้น

ที่มา : SocialTimes

 
Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2016/07/6-ways-persuading-boss-to-use-social-strategy/

สถิติน่ารู้ (และไม่น่ารู้) เกี่ยวกับการตลาดบนโซเชียลมีเดีย [Infographic]

บ่อยครั้งที่คนทำงานด้านการตลาดดิจิทัลอาจจะถูกตั้งคำถามจาก CMO (Chief Marketing Officer) หรือผู้บริหารระดับสูงๆ ว่าสื่อออนไลน์เหล่านี้จะช่วยให้แบรนด์เชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างไร คำถามลักษณะนี้ทำให้ OutMarket บริษัทที่ให้บริการด้านการตลาดออกมาสำรวจแง่มุมต่างๆ ของการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งผลที่ได้ก็มีทั้งด้านดี และด้านที่ไม่ค่อยจะดี โดยสรุปแล้ว จุดแข็งหลักๆ ของโซเชียลมีเดียจะมีอยู่ 5 ประเด็น ได้แก่

1. ลูกค้ากว่า 80% มองหารีวิวเมื่อตัดสินใจซื้อสินค้า

2. งบประมาณในการโฆษณาบนโซเชียลและการทำตลาดเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ถูกคาดหวังว่าควรจะโตมากกว่านี้ 69%

3. ผู้ใช้งานที่มีอายุระหว่าง 16 – 24 ปี จำนวน 74% รู้สึกว่าขาดสมาร์ตโฟนไม่ได้ และต้องมีติดตัวไว้เสมอ

4. 90% ของสถิติโลกในหลายๆ ด้าน เพิ่งจะได้รับการจัดทำในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ต้องขอบคุณสิ่งที่เรียกว่าโซเชียลเน็ตเวิร์กที่ทำให้งานเหล่านี้ง่ายขึ้น

5. ผู้ชมโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกาจำนวน 25% รู้เท่าทันเนื้อหาในรายการโทรทัศน์มากขึ้นหลังจากใช้โซเชียลมีเดีย

ฟังดูก็น่าสนใจดี แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วโซเชียลมีเดียก็ยังเป็นช่องทางที่ผู้บริหารระดับสูงๆ ให้ความสำคัญเป็นอันดับท้ายๆ จากการสำรวจแล้วพบว่า CMO ประมาณ 50% ไม่เชื่อในพลังของโซเชียลมีเดีย และการทำตลาดบนโซเชียลมีเดียอยู่ในอันดับที่ 6 ของรายการกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับกลยุทธ์ทางการตลาด นี่คือสิ่งที่ไม่อยากจะรู้ แต่มันเป็นเรื่องจริง

นอกจากนี้ มีบริษัทจำนวน 85% ที่ไม่เชื่อมโยงกิจกรรมทางการตลาดบนโซเชียลมีเดียเข้ากับรายได้ของธุรกิจ พูดง่ายๆ คือไม่มีการประเมินผลอย่างเป็นรูปธรรมนั่นเอง

แล้วสิ่งที่แบรนด์ควรจะทำคืออะไร? อินโฟกราฟิกนี้แนะนำเคล็ดลับง่ายๆ ที่ทำได้อย่างรวดเร็วเพื่อรวมเอาแผนการตลาดบนโซเชียลมีเดียเข้าไปรวมไว้กับแผนการตลาดในภาพใหญ่ และสามารถเห็นผลตอบแทนจากการใช้โซเชียลมีเดียได้ชัดเจนมากขึ้น มีทั้งหมด 3 วิธี ได้แก่

  • ใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางหนึ่งในการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าหรือ CRM โดยอาจจะใช้ในการติดตามและรับฟังความคิดเห็นของลูกค้า
  • รวมเอาโซเชียลมีเดียไปไว้ในเว็บไซต์ อีเมล จดหมายข่าว และแพลตฟอร์มทางการตลาดอื่นๆ
  • ใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางในการมอร์นิเตอร์และพูดคุยกับกลุ่มที่มีแนวโน้มว่าจะซื้อสินค้า

ที่มา : Social Times

from:http://thumbsup.in.th/2014/09/the-good-and-bad-of-social-media-marketing/

Twitter เปิดตัว App Install Ads อย่างเป็นทางการ สามารถเชื่อมโยงโฆษณาจากทั่วโลกไปยังร้านค้าได้โดยตรง

แม้จะไม่ได้เป็นข่าวใหม่ล่าสุด เพราะเมื่อ 6 เดือนก่อนหน้านี้ Twitter ได้เผยข้อมูลเรื่อง App Install มาอย่างคร่าวๆ แล้ว แต่ในวันนี้ ทางบริษัทได้ประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพราะ Twitter ได้มองหาแหล่งสร้างกำไรก้อนใหญ่จากธุรกิจการติดตั้ง mobile app ทางบริษัทได้เปิดตัว mobile app promotion ของตัวเองอย่างเป็นทางการสู่สายตาชาวโลกเป็นที่เรียบร้อย

untitled

โดยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ล่าสุดจากทาง Twitter นี้ยังอยู่ในเวอร์ชั่นเบต้าโดยบริษัท Lyft และ EA ซึ่งจะช่วยการโฆษณาและโปรโมตทวีตต่างๆ นั้น สามารถเชื่อมโยงได้โดยตรงกับ App stores ของ iOS และ Android นอกจากนี้ผู้ใช้ Twitter ที่ทำการคลิกยังสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ทันที โดยผู้ใช้อุปกรณ์ระบบปฏิบัติการแบบ iOS จะได้รับการแจ้งเตือนเมื่อทำการติดตั้งแอปฯเสร็จสิ้น

เห็นได้ชัดว่าวิธีการโฆษณาในรูปแบบใหม่ดังกล่าวได้กลายเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรม digital marketing ไปแล้ว เพราะจากรายได้ของการโฆษณาบน Facebook ผ่านทางมือถือนั้น มีถึง 59% ของรายได้รวมทั้งหมดบนโซเชียลเน็ตเวิร์ค อีกทั้ง Google ได้เข้าร่วมกับ app install รูปแบบใหม่สำหรับการค้นหาเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างจาก YouTube และ Google Display Network อีกด้วย

twitter-mobile-app-card

ทั้งนี้ Twitter ได้กล่าวในบล็อกของบริษัทว่า การโฆษณาในรูปแบบใหม่ของ Twitter นั้น จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการกำหนดเป้าหมาย คีย์เวิร์ด กำหนดกลุ่มผู้รับชมทาง TV นอกจากนี้ยังสามารถเจาะลึกไปถึง เพศ ภูมิศาสตร์ ภาษา และสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายของแพลตฟอร์มบนมือถือ เพื่อช่วยระบุว่าผู้ใช้รายใดเหมาะกับ app ได้ดีที่สุด และ Twitter ยังได้แนะนำวิธีการคิดราคาในรูปแบบใหม่ หรือ “cost-per-app-click” ที่จะคิดค่าบริการโฆษณาเมื่อมีผู้ใช้ทำการคลิกเพื่อเยี่ยมชมช้อมูลเพิ่มเติมใน app stores หรือเปิด app เหล่านั้นผ่านโดยตรงจากทาง Twitter

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเชื่อมโยงทุกสิ่งบนโลกออนไลน์ให้มาอยู่ในที่แห่งเดียวบนมือถือของผู้ใช้นั้น เป็นสิ่งที่นักการตลาดปัจจุบันต้องการสร้างและพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อให้เกิดแพลตฟอร์มในอุดมคตินี้ เห็นได้จากรูปแบบการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จากหลายบริษัทได้มีการประยุกต์ใช้แนวคิดนี้มาในเชิงธุรกิจเป็นที่เรียบร้อย คงต้องคอยดูกันต่อไปว่าจะมีลูกเล่นทางการตลาดอะไรใหม่ๆ มาสร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้บริโภคบนโลกออนไลน์อันกว้างใหญ่แห่งนี้อีก

ที่มา : Marketingland

from:http://thumbsup.in.th/2014/07/twitter-rolls-out-app-install-engagement-ads-globally/

งานวิจัยจาก Starcom พบ Twitter ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรับชมโฆษณาบน TV ได้

เพราะ Twitter ต้องการเป็นตัวเลือกแรกของการเป็นหน้าจอที่สองสำหรับผู้ชม และในวันนี้มีงานวิจัยที่ช่วยสนับสนุนสิ่งนี้แล้ว จากการศึกษาโดย Starcom MediaVest Group มีเดียเอเยนซี่ร่วมกับ Twitter’s Social TV Lab ได้เสนอข้อมูลที่แสดงการควบรวมของ Twitter และ TV ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจเพราะช่วยในด้านการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงผู้ชมสามารถจำ TV ad เพิ่มขึ้น ช่วยในการมีส่วนร่วมกับ TV show และช่วยเพิ่มยอดขาย

social tv lab

ผลการศึกษาได้ยืนยันว่า Social TV นี้ยังเป็นโอกาสในการใช้ช่องทางนี้เพื่อเพิ่มและขยาย Brand Experiences ให้แก่ผู้ชม โดย Twitter และ Starcom MediaVest Group (SMG) ได้ประกาศว่า ผลจากการศึกษาแสดงให้เห็นถึงความสามารถของ Twitter ที่ช่วยขยายช่วงเวลาการรับชมไปได้ไกลเกินกว่าการออกอากาศแบบเดิมๆ

Social TV Lab ยังได้รวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ รวมถึง Nielsen’s Brand Effect สำหรับ Twitter, แบบจำลองของ Datalogix’s matched และผลสำรวจจาก Twitter’s in-tweet เพื่อดูผลสำหรับแคมเปญจากลูกค้าจำนวน 15 ราย ในการมีส่วนร่วมกับ social TV ซึ่งผลที่ออกมานั้นตรงข้ามกับคำกล่าวของผู้บริหารจากสถานี NBCUniversal ที่ก่อนหน้านี้ได้กล่าวว่าโซเชียลมีเดียไม่มีผลต่อการผลักดันเรทติ้งของ TV

แม้ว่าประเด็นของเรทติ้ง TV จะไม่ได้ระบุอย่างชัดเจน ในการศึกษาพบว่าผู้ที่ใช้ Twitter ขณะดู TV จะมีส่วนร่วมกับรายการโชว์และโฆษณามากขึ้น จึงเป็นสิ่งที่นักการตลาดควรให้ความสนใจในกลุ่มนี้มากกว่าผู้ชมที่รับชมโดยปราศจาก Twitter และด้านล่างนี้เป็นข้อสรุปจาก Infographic ที่จัดทำขึ้นโดย Twitter และ SMG :

social tv 1 social tv 2

1. ผู้ชมที่ใช้ Twitter + TV = เพิ่ม Brand Awareness vs. ผู้ชมที่รับชม TV อย่างเดียว
สำหรับแบรนด์ที่ใช้ Twitter ควบคู่กับการลงโฆษณาบน TV นั้น การศึกษาพบว่ามีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 6.9% ในการรับรู้แบรนด์ และเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญสำหรับการมีส่วนร่วมของผู้ชมโดยวัดจากความชื่นชอบในตัวแบรนด์

2. การขยายช่องทางบน Twitter = เพิ่มยอดขาย
สำหรับแบรนด์ที่วัดผลจากยอดขาย พบว่ายอดเพิ่มขึ้น 4% จากค่าเฉลี่ยเดิมเมื่อทำการโปรโมตโฆษณาลง Twitter และ TV

3. Twitter/ TV ช่วยในการจดจำมากขึ้น
มีเพียงหนึ่งในสี่ของการทวีตเกิดขึ้นบน Twitter ในระหว่างพักโฆษณา และสูงสุดเมื่ออยู่ในช่วงรายการโชว์ (27%) ซึ่งเป็นการสนับสนุนผลที่ว่าผู้รับชมมีความกระตือรือร้นในการแสดงส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดียขณะรับชม TV โดยให้ความสนใจกับหน้าจอทั้งสอง  โดย TV ad จะช่วยเพิ่มการจดจำสูงขึ้น 13% เมื่อผู้ชมได้รับชมบน Twitter ด้วย ซึ่งมากกว่าผู้รับชม TV อย่างเดียว

4. การมีส่วนร่วมกับเนื้อหาบน TV เกิดขึ้นบน Twitter อย่าง real-time
การทวีตเกี่ยวกับเหตุการณ์/รายการโชว์นั้นพบว่ามีสูงถึง 20% ซึ่งมากกว่าการดูผ่านตาในโพสต์ที่เกี่ยวข้อง (15%) นอกจากนี้การทวีตโดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นเมื่อมีเนื้อหาของโฆษณา/รายการ/เกมโชว์ ที่โดนใจผู้ชม (70%)

ที่มา : Marketingland

from:http://thumbsup.in.th/2014/06/twitter-starcom-mediavest-group-research-shows-that-twitter-is-helping-tv-ad-campaigns/

เกาะกระแสการตลาดฟุตบอลโลก: มีชาวอเมริกันมากถึง 48.9 ล่านคนที่ติดตามเป็นแฟนบอลบน Facebook!

เกาะกระแสฟุตบอลโลกกันสักหน่อย ประเพณีการกีฬาที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลกคงหนีไม่พ้นฟุตบอลโลกที่กำลังเป็นกระแสในทุกๆ ที่ ณ ตอนนี้ รวมไปถึงในสังคมออนไลน์อย่าง Facebook ได้ทำการเน้นย้ำกับนักการตลาดในบล็อกของ Post Today ว่าเขามีสนามกีฬารับชมการถ่ายทอดฟุตบอลโลกที่ใหญ่ที่สุดในโลก! เพราะแฟนบอลจำนวนกว่า 500 ล้านคนมีบัญชีของ Facebook

soccer-info-600x360

ซึ่ง 48.9 ล้านคนนี้เป็นชาวอเมริกัน ตามมาด้วยบราซิลเป็นอันดับสอง และเหล่าแฟนบอลสหรัฐอเมริกาบน Facebook นี้ก็มักมีการใช้งานและการเชื่อมต่อกับ Facebook อย่างต่อเนื่อง เพราะพวกเขาทำการโพสต์จากเดิม 1.7 ครั้ง มาเป็น 1.9 ครั้ง ในรูปแบบข้อความ รูปภาพ วิดีโอ อัพเดทข้อมูลข่าวสาร รวมไปถึงการตอบคอมเมนท์ ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยของผู้ใช้ Facebook ทั่วไปเสียอีก และอีก 62% ยังเฝ้าติดตามในหน้าเพจ Facebook ของทุกๆ วัน พวกเขาเหล่านี้ 60% อายุระหว่าง 18 – 34 ปี มีทั้งแฟนบอลชายและหญิงในอัตราส่วนพอๆ กัน (51 : 49)

แน่นอนว่าพวกเขาได้มีส่วนร่วมกับกิจกรรมฟุตบอลโลกผ่านทาง Facebook ตั้งแต่เริ่มฤดูกาลแข่งขันในเดือนมีนาคม วัดได้ 16.8 ล้านกิจกรรมบนโลกออนไลน์แห่งนี้เลยทีเดียว แม้ Facebook ไม่ได้เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของฟุตบอลโลก แต่ทางบริษัทก็ได้เก็บข้อมูลรายงานเกี่ยวกับผู้ใช้ที่เป็นแฟนบอล เพื่อนำเสนอสู่เหล่าบรรดานักโฆษณา หรือลูกค้าของเขาเช่นเดียวกัน เพื่อที่จะได้นำข้อมูลในส่วนนี้มาสร้างแผนการตลาด แบ่งกลุ่มลูกค้า วางกลยุทธ์โฆษณากันต่อไป

ดูเหมือนนักการตลาดที่ไม่อาจวางแผนแคมเปญล่วงหน้า ก็ต้องยอมรับในคำแนะนำบางส่วนจาก Facebook มาใช้ในที่สุด :

  • คุณสามารถเข้าถึงกลุ่มคนที่มีแนวโน้มมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ฟุตบอลโลกได้ เช่น แฟนบอลทั่วๆ ไป หรือแฟนของทีมบอลแต่ละทีม
  • นอกจากนี้คุณยังสามารถกำหนดเป้าหมายได้เฉพาะกลุ่มมากขึ้น เช่น เจาะกลุ่มแฟนบอลจำนวน 10 ล้านคนในสหรัฐอเมริกา และอีก 4 ล้านคนในแคนาดาผู้ซึ่งเป็นแฟนทีมบอลจากสเปน
  • แฟนบอลเหล่านี้ต้องการอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ในระหว่างพวกเขากำลังมีส่วนร่วมอย่างกู่ไม่กลับในการชมกีฬาระดับโลกนี้ ลองกำหนดกลุ่มเป้าหมายและมอบข้อเสนอพิเศษก่อนที่การท้าแข้งจะเริ่มประลอง โดยการเข้าถึงคนเหล่านั้นอิงตามพฤติกรรมของพวกเขาบน Facebook ตรวจสอบประวัติการสั่งซื้อของผู้คนเหล่านี้
  • ในขณะที่คุณได้พัฒนาความคิดสร้างสรรค์มาใช้ทำแคมเปญช่วงนี้ ลองเพิ่มไอเดียจากการมองเห็น ฟังเสียง และดูการเคลื่อนไหวของเกมส์การกีฬาไปกับวิดีโอโฆษณาบน Facebook เพื่อที่จะนำข้อความของคุณใส่ลงไป เพื่อเพิ่มชีวิตชีวาของแคมเปญและอิงกระแสฟุตบอลโลกได้มากยิ่งขึ้น

ที่มา : Marketingland

from:http://thumbsup.in.th/2014/05/there-are-48-9-million-u-s-soccer-fans-on-facebook/

ธุรกิจ B2B เชื่อมั่น Social Media Marketing มีประสิทธิภาพสูงสุดในเวลานี้ (Infographic)

cats

สำหรับใครที่กำลังทำธุรกิจในรูปแบบของ B2B อยู่และยังไม่รู้ว่าในเวลานี้ควรจะต้องทำการตลาดในรูปแบบหรือทิศทางไหน วันนี้เรามีคำแนะนำจากเว็บไซต์ Clearpointagency.com ที่จะมานำเสนอมุมมองของผู้ประกอบการธุรกิจ B2B รายอื่นๆ รวมถึงยังมีสถิติการใช้งานโซเชียลมีเดียในกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจ B2B ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมานำเสนอให้ติดตามชมกันด้วยเช่นกัน

เว็บไซต์ Clearpointagency.com ได้ทำการสำรวจถึงมุมมองของผู้ประกอบการธุรกิจแบบ B2B (Business to Business) ของสหรัฐฯเกี่ยวกับการทำตลาดในปัจจุบันพบว่า รูปแบบการทำการตลาดที่ได้รับความนิยมและประสิทธิภาพสูงสุดในเวลานี้ คือ Social Media Marketing หรือการทำการตลาดบนโซเชียลมีเดียนั่นเอง โดยนักการตลาดในกลุ่ม B2B ระบุว่าโซเชียลมีเดียเป็นช่องทางที่มีการใช้งานสูงสุด ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 87% ส่วนช่องทางอื่นที่ได้รับความนิยมรองลงมาได้แก่ บทความบนเว็บไซต์ มีสัดส่วนราว 83%, E-Newsletters 78%, บล็อก 77%, กรณีศึกษา (Case Study)  71% และวีดีโอ 70%

สาเหตุที่ทำให้การตลาดแบบโซเชียลมีเดียได้รับความนิยมอย่างมากในสหรัฐฯเนื่องจาก จำนวนผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียที่มีจำนวนมากถึง 54% ของจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั้งหมดในสหรัฐฯ โดยโซเชียลมีเดียที่พบว่าได้รับความนิยมสูงสุดมาเป็นอันดับที่ 1 ในสำหรับนักการตลาดในกลุ่ม B2B ได้แก่ Linkedin ซึ่งมีสัดส่วนการใช้งานอยู่ที่ 83% รองลงมาเป็น Twitter และ Facebook มีสัดส่วนเท่ากันราว 80%, Youtube 61%, Google+ 39% และปิดท้ายด้วย Pinterest 26%

จุดประสงค์หลัก 5 ข้อที่ของผู้ประกอบการธุรกิจแบบ B2B เลือกใช้โซเชียลมีเดียเป็นกลยุทธ์ในการทำการตลาด ก็คือ ต้องการเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากขึ้น (79%), ต้องการหาลูกค้ารายใหม่ (74%), เพิ่ม Lead Generation (71%) รวมถึงเพิ่มความภักดีของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์และสร้างความเป็นผู้นำ (64%)

ส่วนอุปสรรคสำคัญที่ผู้ประกอบการธุรกิจแบบ B2B มักต้องประสบมากที่สุดในการทำ Social Media Marketing ประกอบด้วย การนำเสนอเนื้อหาให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งกลายเป็นปัญหาที่ผู้ประกอบการธุรกิจ B2B กว่า 64% ต้องเผชิญอยู่ในเวลานี้ รวมถึงปัญหาการนำเสนอเนื้อหาที่ช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์ (52%) ปัญหาการนำเสนอเนื้อหาที่มีความหลากหลายเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้อ่าน (45%) และปัญหาขาดเงินลงทุน (39%)

จากข้อมูลทั้งหมดเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของนักการตลาดและผู้ประกอบการธุรกิจในรูปแบบ B2B ได้อย่างชัดเจนว่า “โซเชียลมีเดีย” ยังคงเป็นรูปแบบในการทำตลาดที่ได้รับความนิยมและเชื่อมั่นว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุดในเวลานี้ และหากผู้ประกอบการธุรกิจแบบ B2B รายไหนที่กำลังมองข้ามหรือยังไม่เคยลองทำ Social Media Marketing เชื่อว่าหากได้ลองทำดูอาจเป็นการเพิ่มโอกาสในทำการธุรกิจจำนวนมหาศาลที่ใครหลายคนอาจคาดไม่ถึง

social-media-marketin_51e710ab96f89

ที่มา : Clearpointagency

from:http://thumbsup.in.th/2013/07/b2b-socialmedia-marketing-company-business/