คลังเก็บป้ายกำกับ: SCBX

เดินหน้า Virtual Bank! SCBX จับมือ KakaoBank พร้อมเข้าชิงใบอนุญาตธนาคารไร้สาขา

บมจ. เอสซีบี เอกซ์ หรือ SCBX ประกาศยืนยันความพร้อมเตรียมยื่นขอใบอนุญาตจัดตั้งธนาคารไร้สาขา หรือ Virtual Bank จากธนาคารแห่งประเทศไทย พร้อมลงนามความร่วมมือกับ KakaoBank ผู้นำด้านธนาคารดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ จัดตั้ง Consortium ยกระดับเทคโนโลยีตอบโจทย์ลูกค้า

SCBX

SCBX จับมือ KakaoBank รุก Virtual Bank

อาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCBX เปิดเผยว่า จากปัญหาความไม่เท่าเทียมทางรายได้ยังคงเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีคนไทยอีกจำนวนมากที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงินในระบบ

เรื่องดังกล่าวนับเป็นหนึ่งในโจทย์หลักที่กลุ่ม SCBX ตระหนัก และให้ความสำคัญ ซึ่งการถือกำเนิดของ Virtual Bank จะช่วยแก้ปัญหาและเพิ่มโอกาสให้กลุ่มคนที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงินในระบบนี้ให้สามารถเข้าถึงได้มากขึ้น และการจัดตั้ง Virtual Bank ให้แข็งแรงต้องอาศัยเทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์

ล่าสุด SCBX ประกาศร่วมมือกับ KakaoBank พันธมิตรระดับโลกซึ่งเป็นธนาคารดิจิทัล 100% ที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการบริหารธุรกิจ Virtual Bank เพื่อจัดตั้ง Consortium และเตรียมความพร้อมเพื่อยื่นขอใบอนุญาตจัดตั้งธนาคารไร้สาขา หรือ Virtual Bank จาก ธปท.

ทั้งนี้การจัดตั้ง Consortium ดังกล่าว SCBX จะมีสัดส่วนการถือหุ้นเป็นส่วนใหญ่ และ KakaoBank จะมีสัดส่วนการถือหุ้นอย่างน้อย 20% นอกจากนี้ทั้งคู่อยู่ระหว่างพิจารณาหาพันธมิตรเพิ่มเติมเพื่อเสริมความสามารถในการแข่งขัน และยกระดับองค์กรสู่การรขอใบอนุญาตเพื่อจัดตั้ง และประกอบธุรกิจ Virtual Bank ในประเทศไทย

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post เดินหน้า Virtual Bank! SCBX จับมือ KakaoBank พร้อมเข้าชิงใบอนุญาตธนาคารไร้สาขา first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/scbx-kakao-bank-virtual-bank/

SCBX ประกาศความร่วมมือกับ Stanford HAI สถาบันการศึกษาชั้นนำด้านงานวิจัยระดับโลก

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX ตอกย้ำเป้าหมายสำคัญสู่การเป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินชั้นนำในระดับภูมิภาค ล่าสุดประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ Stanford Institute for Human-Centered AI (HAI) สถาบันการศึกษาชั้นนำระดับโลก โดย SCBX นับเป็นสมาชิกระหว่างประเทศรายแรก (international member) ในโครงการ Financial Services & AI Corporate Affiliate Program ด้วยความมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่บริษัทแถวหน้าในการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้าน AI และฟินเทค ซึ่งมีเป้าหมายสูงสุดในการเป็นผู้ขับเคลื่อนนวัตกรรมในอุตสาหกรรม ความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นการสานต่อยุทธศาสตร์ “ยานแม่” ในการสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันและนำหน้าคู่แข่งในอุตสาหกรรม พร้อมเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่แท้จริงในที่สุด

SCBx

จากความร่วมมือในครั้งนี้ SCBX จะสามารถเข้าถึงงานวิจัยที่ทันสมัย การแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของเทคโนโลยีทางการเงิน ซึ่งจะครอบคลุมหัวข้อในหลากหลายมิติ ได้แก่ โมเดลขั้นพื้นฐาน (Foundation Models), ความปลอดภัยด้าน AI (AI safety), ฟินเทค (Fintech), บล็อกเชน (Blockchain), ความยั่งยืน (Sustainability) และประกันภัย (Insurance) ตลอดจนโอกาสในการเยี่ยมชมเชิงวิชาการที่ Stanford HAI ประเทศสหรัฐอเมริกา อีกด้วย

ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เป้าหมายสำคัญของ SCBX คือ การนำพาองค์กรสู่การเป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินชั้นนำในระดับภูมิภาค ซึ่งการจะเป็นบริษัทเทคโนโลยีได้นั้น การทดลองเรื่องใหม่จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการเปลี่ยนผ่านสู่องค์กรด้านเทคโนโลยี เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ประกาศความร่วมมือกับ Stanford Institute for Human-Centered AI (HAI) สถาบันการศึกษาชั้นนำระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญและโดดเด่นในเรื่องของงานวิจัยเชิงลึกที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี โดยความร่วมมือในครั้งนี้สอดคล้องและเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ “ยานแม่” ของ SCBX และสอดคล้องกับแผนงานขององค์กรในภาพรวม ที่จะเปลี่ยนผ่านไปสู่การเป็นบริษัททางด้านเทคโนโลยีที่แท้จริง”

ด้าน มร.เจมส์ แลนเดย์ (James Landay) Vice Director and Director of Research, Stanford HAI กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ SCBX เข้าร่วมเป็นสมาชิกของโครงการ Financial Services & AI Corporate Affiliate Program โดยเราเล็งเห็นว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมธนาคาร เราจึงต้องการให้นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมได้พูดคุยและร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้นเพื่อให้มั่นใจว่าเทคโนโลยีนี้ได้รับการออกแบบ สร้างขึ้น และถูกนำไปใช้ด้วยแนวคิดที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง”

มร.เดนนิส ทอร์สเทน ทรานิทสเชค (Dennis Thorsten Trawnitschek) Chief Technology Officer บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “ความร่วมมือครั้งนี้เป็นก้าวแรกในความมุ่งมั่นของ SCBX เพื่อก้าวสู่การเป็นกลุ่มเทคโนโลยีทางการเงินชั้นนําระดับภูมิภาค ความร่วมมือกับ Stanford HAI จะช่วยให้สามารถทดลองเทคโนโลยีใหม่ๆ พร้อมยกระดับขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติที่เราให้ความสนใจ เช่น บล็อกเชน (Blockchain), เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ เทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Climate Technology) เป็นต้น โดยความร่วมมือนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทำงานวิจัยและศึกษาเทคโนโลยีเชิงลึกร่วมกัน พร้อมต่อยอดในการสร้างนวัตกรรมและโซลูชันใหม่ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจและพัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินแห่งโลกอนาคต นอกจากนี้ยังรวมถึงการยกระดับการพัฒนาด้านทรัพยากรบุคคล พร้อมช่วยดึงดูดผู้มีความสามารถให้กับกลุ่ม SCBX ต่อไป”

ในขณะที่ มร. ปาโนส มาดาโมปูโลส-มอเรริส (Panos Madamopoulos-Moraris) Managing Director for Industry Programs and Partnerships, Stanford HAI กล่าวว่า “หนึ่งในเป้าหมายหลักของโครงการที่ร่วมกับภาคธุรกิจ คือ การช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถลดช่องว่างระหว่างการวิจัยและการพัฒนาที่รวดเร็วของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) กับความเร็วที่เทคโนโลยีนี้สามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสิ่งนี้อาจเป็นความท้าทายที่มากขึ้นสำหรับอุตสาหกรรมดั้งเดิมโดยเฉพาะองค์กรที่อยู่นอกประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยเหตุนี้เราจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ SCBX ในฐานะสมาชิกระหว่างประเทศรายแรกของเรา”

from:https://www.thumbsup.in.th/scbx-stanford-hai?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=scbx-stanford-hai

SCBX คว้าตัว “โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล นักกอล์ฟหญิงมือ 1 ของโลก ปูทางสู่การเป็น Regional Tech Company ในอนาคต

SCBX (เอสซีบี เอกซ์) ดึงโปรจีนอาฒยา ฐิติกุล นักกอล์ฟสาวชาวไทยมือ 1 ของโลก ที่สร้างประวัติศาสตร์ก้าวสู่ LPGA ในขณะที่มีอายุเพียง 19 ปี  ขึ้นแท่น Brand Ambassador คนแรก ด้วยภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ที่มีพัฒนาการอันโดดเด่น เต็มไปด้วยความกล้า มุ่งมั่น ทุ่มเท มีขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีระดับโลก และศักยภาพที่จะเติบโตสู่การเป็นนักกีฬาชั้นนำที่สามารถส่งต่อและสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนไทยและคนรุ่นใหม่ทั่วโลก มาสะท้อนถึงความเชื่อและสื่อถึง Brand DNA ของกลุ่ม SCBX ได้เป็นอย่างดี นับเป็นก้าวแรกในการนำพาแบรนด์องค์กร SCBX ปรากฏสู่สายตาชาวโลก ในการร่วมเดินสายแข่งขันใน LPGA Tour 2023 ตลอดปี 2566 ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่การเป็น Regional Tech Company ชั้นนำในอนาคต

scbx

อาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า SCBX มีเป้าหมายสำคัญในการนำพาองค์กรสู่การเป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินชั้นนำในระดับภูมิภาค นอกเหนือจากการพัฒนาขีดความสามารถทางธุรกิจแล้ว การสร้างแบรนด์องค์กรให้เป็นที่รู้จักและจดจำในเวทีสากลก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องดำเนินการควบคู่กันไป ซึ่งเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ให้การสนับสนุนโปรจีนและร่วมงานกันในฐานะ Brand Ambassador คนแรกของ SCBX และใช้ขีดความสามารถทางเทคโนโลยีของกลุ่มในการเพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันของโปรจีนให้ทัดเทียมกับคู่แข่งในระดับโลก

การเป็นต้นแบบของความกล้าที่พร้อมจะก้าวขึ้นสู่เวทีระดับโลก และพัฒนาขีดความสามารถใหม่ของตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง สอดรับกับ DNA ของ SCBX ได้อย่างลงตัว เรามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าโปรจีนจะสามารถนำพาและสื่อสารภาพลักษณ์การเป็น Regional Tech Company ของ SCBX สู่สายตาชาวโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เราเชื่อมั่นว่าทุกย่างก้าวแห่งการเติบโตของโปรจีนจะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้มีความกล้าที่จะลุกขึ้นมาทำความฝันและมุ่งมั่นเดินทางตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้สำเร็จต่อไป

อาฒยา ฐิติกุล หรือโปรจีนกล่าวว่า ในปี 2566 นี้ จะเป็นปีที่ท้าทายยิ่งขึ้นสำหรับจีนในฐานะสมาชิกของ LPGA Tour ปีที่สอง ทำให้ต้องพัฒนาตัวเอง หมั่นฝึกซ้อมอยู่เสมอให้ขีดความสามารถของเราก้าวไปเทียบชั้นกับโปรระดับโลก ต้องไม่หยุดที่จะเชื่อมั่นในตัวเอง พยายามให้เต็มที่ในทุกสนาม และการที่กลุ่ม SCBX ให้การสนับสนุนในปีนี้ จีนรู้สึกเป็นเกียรติและดีใจเป็นอย่างมากที่มีองค์กรชั้นนำของไทยที่มีชื่อเสียงระดับโลกเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเรา และมีความเชื่อที่เหมือนกันว่าคนไทยก็มีความสามารถที่จะไปแข่งขันในระดับสากลได้

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post SCBX คว้าตัว “โปรจีน” อาฒยา ฐิติกุล นักกอล์ฟหญิงมือ 1 ของโลก ปูทางสู่การเป็น Regional Tech Company ในอนาคต first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/scbx-regional-tech-company-in-the-future/

เริ่มแล้ว! SCB และ KBank ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝาก เงินกู้ มีผล 30 มกราคม 66 นี้

ธนาคารเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลัง กนง. มีมติเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จากเดิม 1.25% ต่อปีเป็น 1.50% ต่อปี เมื่อ 25 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ล่าสุดมี SCB และ KBank เริ่มทยอยปรับอัตราดอกเบี้ยแล้ว

scb

ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB เริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ย ดังนี้

  • ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย MLR MOR และ MRR 0.10% – 0.20% ต่อปี โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.520% เป็น 6.620% ต่อปี
  • อัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (Minimum Loan Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.150% เป็น 6.350% ต่อปี
  • อัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate) จากปัจจุบันอยู่ที่ 6.745% เป็น 6.895% ต่อปี

โดบอัตราดอกเบี้ยใหม่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2566 เป็นต้นไป

KBank, กสิกรไทย

ขณะเดียวกัน KBank หรือธนาคารกสิกรไทย ก็ปรับขึ้นดอกเบี้ยเช่นกัน ดังนี้

  • ธนาคารกสิกรไทยปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำให้สูงขึ้น 0.10-0.25%
  • ทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายย่อย 0.10% และปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประเภทอื่น ดังนี้
  • อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ปรับจาก 6.37% เป็น 6.57%
  • อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับจาก 6.74% เป็น 6.89%
  • อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ปรับจาก 6.50% เป็น 6.60%

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ให้มีผลในวันที่ 30 มกราคม 2566 เป็นต้นไป

ที่มา – SCB, KBank

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post เริ่มแล้ว! SCB และ KBank ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝาก เงินกู้ มีผล 30 มกราคม 66 นี้ first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/scb-and-kbank-raise-interest-rate-in-q1-2023/

กำไรอู้ฟู่: ธนาคารกสิกรไทยและธนาคารไทยพาณิชย์รายงานผลประกอบการประจำปี 2565

ธนาคารกสิกรไทยและธนาคารไทยพาณิชย์รายงานผลประกอบการและกำไรสุทธิ ประจำปี 2565 พบว่ากำไรสูงมาก อยู่ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท และ 3.7 หมื่นล้านบาทตามลำดับ

KBank, SCBX

ธนาคารกสิกรไทย

มีกำไรสุทธิจำนวน 35,770 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนจำนวน 2,283 ล้านบาท หรือ 6.00%

รายได้สุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 13,608 ล้านบาท หรือ 11.40% ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อตามการเติบโตของเงินให้สินเชื่อใหม่ในกลุ่มลูกค้าบุคคล และกลุ่มลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอีโดยเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัลเพิ่มขึ้น ควบคู่การนำข้อมูลมาวิเคราะห์ในการปล่อยสินเชื่อตามยุทธศาสตร์ธนาคาร

รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 3,700 ล้านบาท หรือ 8.42% ส่วนใหญ่เกิดจากค่าธรรมเนียมรับจากการจัดการกองทุนค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์และรายได้สุทธิจากการรับประกันภัยที่ลดลงซึ่งเป็นไปตามสภาวะตลาด

ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ เพิ่มขึ้นจำนวน 3,709 ล้านบาท หรือ 5.22% หลักๆ จากค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณธุรกิจและค่าใช้จ่ายทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้า

ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2565 มีจำนวน 51,919 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 28.73% เพื่อรองรับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงที่จะกลายเป็นภาวะเศรษฐกิจถดถอยในอนาคต

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ธนาคารและบริษัทมีสินทรัพย์รวมจำนวน 4,246,369 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2564 จำนวน 142,970 ล้านบาท หรือ 3.48% หลักๆ เป็นการเติบโตของเงินให้สินเชื่อสุทธิตามยุทธศาสตร์ของธนาคารและสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ

เงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (NPL gross) อยู่ที่ระดับ 3.19%

ภาพรวมเศรษฐกิจไทย ปี 2566

เศรษฐกิจโลกเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย แม้จีนจะเริ่มทยอยเปิดประเทศ แต่การฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนอาจหนุนท่องเที่ยวไทยได้เพียงระดับหนึ่ง การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทยจึงยังไม่สามารถกลับเข้าสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนโควิดระบาดได้

ดังนั้น เศรษฐกิจไทยปี 2566 ยังมีความเปราะบาง ยังต้องติดตามแรงกดดันด้านต้นทุนการผลิต ค่าจ้างแรงงาน อัตราเงินเฟ้อ ปัญหาค่าครองชีพ อัตราดอกเบี้ยในประเทศยังขยับขึ้นต่อเนื่อง ธนาคารและบริษัทย่อยยังต้องดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังรอบคอบ

ธนาคารไทยพาณิชย์

SCBX มีกำไรสุทธิ 37,546 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.5% จากปีก่อน

ปี 2565 มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 107,865 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.3% จากปีก่อน เป็นผลจากการขยายตัวของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิภายใต้กลยุทธ์การเติบโตที่เน้นคุณภาพสินเชื่อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น สินเชื่อโดยรวมขยายตัว 3.3% จากปีก่อน

รายได้ค่าธรรมเนียมและอื่นๆ จำนวน 44,866 ล้านบาท ลดลง 4.7% จากปีก่อน เป็นผลจากการชะลอตัวของธุรกิจการบริหารความมั่งคั่ง ทั้งรายได้จากการลงทุนและการค้ามีจำนวน 1,689 ล้านบาท ลดลง 79.1% จากปีก่อน เนื่องจากความผันผวนสูงของตลาดเงินและตลาดทุนที่ผ่านมา

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจำนวน 69,874 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.9% จากปีก่อน ผลจากกิจกรรมธุรกิจที่เพิ่มขึ้นตลอดการปรับโครงสร้างองค์กรภายใต้ยุทธศาสตร์ยานแม่ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้อยู่ระดับที่ 45.2% ในปี 2565 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย

อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นปี 2565 อยู่ที่ 3.34% ปรับตัวลดลงจาก 3.79% ในปีก่อน การบริหารสินเชื่อด้อยคุณภาพและเงินกองทุนตามกฎหมายอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 18.9%

ที่มา – KBank, SCBX

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post กำไรอู้ฟู่: ธนาคารกสิกรไทยและธนาคารไทยพาณิชย์รายงานผลประกอบการประจำปี 2565 first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/kbank-and-scb-announce-profit-in-2022/

ออโต้ เอ็กซ์ ส่ง เงินไชโย บริการสินเชื่อจำนำทะเบียน ชิงตลาดรากหญ้า หวัง 3 ปี มีลูกค้า 1 ล้านราย

ออโต้ เอกซ์ บริษัทในเครือ บมจ. เอสซีบี เอกซ์ ส่ง เงินไชโย บุกบริการสินเชื่อจำนำทะเบียน ชิงแชร์ตลาดรากหญ้า ทุ่มเงินจัดคอนเสิร์ตโปรโมททั่วประเทศ หวังปี 2568 มีลูกค้า 1 ล้านราย กำไรแตะ 3,000 ล้าน ขึ้นท็อป 3 ตลาดนี้

เงินไชโย

ออโต้ เอ็กซ์ ปั้น เงินไชโย ชิงแชร์จำนำทะเบียน

อภิพันธ์ เจริญอนุสรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ออโต้ เอกซ์ จำกัด เล่าให้ฟังว่า แม้คนไทยจะมีบัญชีธนาคารมากกว่า 95% ของจำนวนประชากร แต่กว่า 55% ของจำนวนนี้ หรือราว 36 ล้านคน ไม่สามารถเข้าถึงบริการสินเชื่อได้ ทำให้เกิดการกู้เงินนอกระบบเพื่อนำมาใช้จ่ายในยามจำเป็น

เพื่อแก้ปัญหานี้ ออโต้ เอกซ์ จึงเริ่มให้บริการ เงินไชโย บริการสินเชื่อจำนำทะเบียน และวงเงินพร้อมใช้ ตั้งแต่เดือน ก.ค. 2565 ผ่านจุดเด่นเรื่องสินเชื่อที่ไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่มีคนค้ำ แถมประกันฟรีในทุกสัญญา และอนุมัติภายใน 1 ชม. ทั้งมีสาขาให้บริการกว่า 1,200 แห่งทั่วประเทศ และมี บัตรเงินไชโย ให้กดเงินฟรีทุกตู้เอทีเอ็ม

“ตั้งแต่เริ่มให้บริการ เงินไชโย คาดว่าสิ้นปี 2565 จะมีลูกค้ากว่า 80,000 ราย ปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนได้กว่า 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อรถจักรยานยนต์ 50%, รถยนต์ 25% และรถเชิงพาณิชย์ 25% ทั้งตั้งเป้ามีลูกค้าดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน และเป็นเพื่อนกับ เงินไชโย ในไลน์รวมกว่า 2 แสนราย”

สื่อสารผ่านคอนเสิร์ต หวังขึ้นท็อป 3 ประเทศ

ออโต้ เอกซ์ มีแผนสื่อสาร เงินไชโย ผ่านกลยุทธ์ มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง ผ่านการสร้างเพลง ไชโย ป๊าดป๊าด ที่ร้องโดย จินตรา พูนลาภ ทั้งร่วมมือกับ ล้อมวงมันส์ เพื่อเดินสายจัดงานคอนเสิร์ตทั่วประเทศ ต่อยอดจากการสื่อสารไปถึงผู้บริโภคโดยตรง เช่น ให้พนักงานเดินไปหาลูกค้าที่ตลาดสด

ขณะเดียวกันภายในปี 2568 บริษัทยังเตรียมขยายสาขา เงินไชโย กว่า 3,000 แห่ง พร้อมตั้งเป้าฐานลูกค้ากว่า 1 ล้านราย มียอดสินเชื่อคงค้าง 70,000 ล้านบาท และสามารถสร้างกำไรได้กว่า 3,000 ล้านบาท และมี ROE ถึง 25% ขึ้นเป็น 3 อันดับแรกของตลาดผู้ให้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียน

“เรามีหลายทางเลือกในการผ่อนชำระ เช่น นำรายได้จริงของผู้กู้มาคำนวณ และมีการแบ่งชำระตามฤดูกาล เช่น ชำระตามฤดูกาลเกี่ยวข้าว ถ้ายังไม่อยู่ในฤดูก็เว้นการจ่ายได้ และไม่ถูกมองว่าผิดนัดชำระ และเพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต เราเตรียมนำ ออโต้ เอกซ์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ผ่านวิธี IPO ภายในปี 2570”

เพิ่มดีกรีแข่งขันสินเชื่อจำนำทะเบียน

นับตั้งแต่โรคโควิด-19 ระบาด จนถึงปัจจุบันที่เกิดเงินเฟ้อ และภาพรวมเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนเติบโต และมีผู้เล่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น บมจ. เงินติดล้อ และ บมจ. ศรีสวัสดิ์ เป็นต้น ที่ต่างเปิดเกมรุกตลาดในระดับอำเภอเพื่อเข้าหาลูกค้าที่เข้าถึงบริการสินเชื่อได้ลำบาก

ทั้งถือเป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดนี้เมื่อ บมจ. เอสซีบี เอกซ์ ส่ง ออโต้ เอกซ์ ลงมาในสนาม กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ของกลุ่มธนาคารที่เข้ามาบุกตลาดนี้อีกราย เพราะก่อนหน้านี้มี เงินติดล้อ ที่อยู่กับธนาคารกรุงศรี และ สมหวัง เงินสั่งได้ ในกลุ่มธนาคาร ทิสโก้

“สินเชื่อจำนำทะเบียนรถเป็นสินเชื่อแบบมีหลักประกัน และหลักประกันเหล่านั้นผู้กู้ใช้เพื่อทำมาหากิน ดังนั้นโอกาสที่พวกเขาจะผิดนัดชำระ และกลายเป็นหนี้เสียจึงน้อย ต่างกับพวกสินเชื่อไม่มีหลักประกันที่ทุกธนาคารทำ ส่วนเรื่องอันดับจริง ๆ เราก็หวังไว้ที่ 3 อันดับแรก และจะทำตลาดโดยไม่มีความเกี่ยวข้องกับธนาคารไทยพาณิชย์”

สรุป

ตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถมีการเติบโตแบบเงียบ ๆ มาระยะหนึ่งแล้ว และมีผู้เล่นที่แข็งแกร่งเป็นกลุ่ม Non-Bank ดังนั้นเมื่อธนาคารลงมาในตลาดนี้มากขึ้น การแข่งขันก็ย่อมดุเดือดกว่าเดิมแน่นอน ซึ่งต้องดูกันว่า เงินไชโย จะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายหรือไม่ และผู้นำในตลาดนี้จะรับน้องใหม่อย่างไร

อ่านเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ออโต้ เอ็กซ์ ส่ง เงินไชโย บริการสินเชื่อจำนำทะเบียน ชิงตลาดรากหญ้า หวัง 3 ปี มีลูกค้า 1 ล้านราย first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/autox-chaiyo/

InnovestX แอปรวมทุกจักรวาลการลงทุน มีครบทั้ง สินทรัพย์ดิจิทัล หุ้นไทย หุ้นนอก กองทุนไทย กองทุนนอก ตราสารหนี้ และข้อมูลน่ารู้อีกเพียบ

เดี๋ยวนี้การลงทุนกลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมาก หลังมีแอปซื้อขายสินทรัพย์ กองทุนมาให้เลือกอยู่หลายตัว แทนที่จะเอาเงินไปออมเพื่อดอกเบี้ยจิ๋วๆ หลายคนก็เลือกเอาไปลงทุนกันมากกว่า รวมถึงจะซื้อสินทรัพย์ดิจิทัล ลงทุนในเหรียญต่างๆ แต่บางคนก็อาจจะมีคำถามว่าเห็นตัวเลือกเยอะไปหมดจะใช้แอปไหนดี เราเลยอยากจะขอแนะนำ Innovestx แอป ที่รวมทุกจักรวาลการลงทุนมาไว้ให้ครบ จบในแอปเดียว จากหลักทรัพย์อินโนเวสท์ เอกซ์ 

บทความนี้จัดทำโดย Droidsans ซึ่งถูกว่าจ้างโดย บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด

เกี่ยวกับ Innovestx | เป็นของใคร น่าเชื่อถือขนาดไหน

Innovestx เป็นบริษัทในกลุ่ม SCBX ชื่อเดิมคือ บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ ซึ่งเหล่านักลงทุนจะรู้จักกันในนาม SCBS เดิมให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านแอปที่ชื่อ SCBS Easy Invest และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยหลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของทางธนาคาร บริษัท SCBS ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Innovestx (อินโนเวสท์ เอกซ์) และออกแอปเวอร์ชั่นใหม่ ที่นอกจากจะเปลี่ยนชื่อแอปตามชื่อบริษัทแล้ว ก็พัฒนาฟีเจอร์เพิ่มเติม ปรับปรุงดีไซน์ต่างๆ ทำให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น รองรับการลงทุนที่หลากหลาย มีสาระความรู้ด้านการลงทุนมากมาย และที่สำคัญคือรวมการลงทุนเกือบทุกแบบให้มาอยู่ในแอปเดียว ตอบโจทย์นักลงทุนได้ดีขึ้นกว่าเดิมมาก

Innovestx ลงทุนอะไรได้บ้าง

หลายคนรู้จักแอป SCBS Easy Invest จากบริการซื้อกองทุนต่างๆ เช่น SSF RMF เพื่อใช้ในการลดหย่อนภาษี แต่ตัวแอปเองยังรองรับการซื้อหุ้นไทย และหุ้นต่างประเทศ รวมถึงตราสารหนี้ด้วย และในเวอร์ชั่นใหม่หลังเปลี่ยนเป็น Innovestx ตัวแอปยังรองรับการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล อย่างสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ ด้วย

กองทุน-ตราสารหนี้ เหมือนไกลตัว แต่ใกล้ผลตอบแทน

สำหรับใครที่ไม่คุ้นชินกับคำว่ากองทุน-ตราสารหนี้ และรู้สึกว่ามันไกลตัว อยากบอกว่ามันไม่ได้ยาก และน่าศึกษาเอาไว้ เพราะในระยะยาวมักได้ผลตอบแทนดีกว่าการนำเงินไปฝากรอดอกเบี้ยจิ๋วๆ และจัดการความเสี่ยงได้ดี โดยอธิบายแบบพอสังเขปคือ “กองทุน” จะเป็นเหมือนการนำเงินไปฝากให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ให้ ซึ่ง Innovestx มีกองทุนให้เลือกกว่า 1,800 กองทุน จาก 21 บลจ. ซึ่งถ้าใครลงทุนในกองทุนก็จะต้องติดตามสภาวะตลาดและปรับพอร์ตตามสถานการณ์ แต่สำหรับมือใหม่หรือคนที่ไม่มีเวลา Innovestx ก็มีบริการ Intelligent Portfolios ที่บริหารและปรับพอร์ตให้อัตโนมัติ (รายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนถัดไป)

ส่วน “ตราสารหนี้” เป็นเหมือนการเอาเงินเราไปปล่อยให้รัฐ (พันธบัตร) หรือเอกชน (หุ้นกู้) ยืมเอาไปใช้จ่ายลงทุนต่างๆ แล้วเราก็รอรับดอกเบี้ยพร้อมเงินต้นคืนตามเวลาที่กำหนด ซึ่งเราสามารถเลือกผลตอบแทนพร้อมระดับความเสี่ยงของกองทุนและตราสารหนี้ได้ตามความต้องการของเรา จะเลือกเสี่ยงน้อยผลตอบแทนแน่นอน หรือเสี่ยงมากผลตอบแทนสูง ก็มีให้เลือก



เลือกกองทุนตามสไตล์ โดยจะมีรายละเอียดที่จำเป็น เช่น ความเสี่ยง อัตราการเจริญเติบโต แสดงให้ดูง่ายๆ

“ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน(SSF หรือ RMF) ก่อนตัดสินใจลงทุน กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุน ”

ลงทุนในหุ้นดังระดับโลก Apple, Google, Tesla ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

Innovestx สามารถซื้อหุ้นได้ทั้งในไทยและต่างประเทศ เปิดทางเลือกให้เราลงทุนได้หลากหลายธุรกิจ กระจายความเสี่ยง และหาผลตอบแทนได้ดีกว่าเดิม โดยเราเลือกเข้าไปลงทุนในตลาดสหรัฐและฮ่องกงได้โดยตรง โดยไม่มีวงเงินขั้นต่ำ, ค่าคอมมิชชันถูก และไม่มีค่าธรรมเนียมการโอน การแลกเงินอีกด้วย เริ่มต้นด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพียง  “แลกเงิน เติมเงิน ลงทุน” และเทรดสะดวก ครบ จบในแอปได้เลย

แลกเงินแล้วซื้อหุ้นที่ต้องการได้เลย มีให้เลือกเป็นตัวที่ชอบ หรือแบ่งเป็นตามธีมที่ต้องการ

หรือถ้าใครยังไม่รู้จะลงทุนหุ้นต่างประเทศตัวไหนดี? จะลองซื้อตามปู่ Warran Buffet นักลงทุนสาย VI ระดับโลกก็ได้นะ ตรงส่วนนี้ก็จะมีกล่องหุ้น Top 10 ของปู่อยู่ในแอปให้เราเข้าไปกดดูกันได้ 

 

Notes

  • ตลาดสหรัฐ ค่าธรรมเนียม 0.08 USD ต่อหุ้น และค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ 4.99 USD ต่อรายการ
  • ตลาดฮ่องกง ค่าธรรมเนียม 0.20% และค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ 100 HKD ต่อรายการ
  • อาจจะมีค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่เรียกเก็บจากตลาดหลักทรัพย์ประเทศนั้น ๆ
  • แต่ช่วงนี้ Innovestx เค้ามีแคมเปญ Zero Gravity ปลดล็อคค่าธรรมเนียม 0 บาท สำหรับการลงทุนในหุ้นนอก 100,000 บาทแรก* (รับคืนค่าธรรมเนียมเป็นโค้ดส่วนลดกองทุนรวม สูงสุดไม่เกิน 600 บาท)
  • และฟรีค่าสมัครบริการ W-8BEN โดยยังมีความพิเศษอื่นๆ อีกมาก สามารถอ่านรายละเอียดได้ในช่วงท้ายของบทความ

ส่วนหุ้นไทยที่ใช้เทรดผ่านแอปกลาง Streaming สามารถใช้งานได้ง่ายๆ ผ่าน แอป Innovestx เช่นกัน เพียงแค่ One Click ระบบก็จะพาเราเข้าแอป Streaming ได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องมานั่งกรอก Username / Password กันใหม่แบบวิธีปกติ เมื่อสมัครบัญชีต่างๆ เรียบร้อย ก็พร้อมเริ่มซื้อขายได้เลย และมูลค่าพอร์ตก็จะถูกเชื่อมต่อมาแสดงผลในแอป Innovestx ได้อีกด้วย ภายในแอปก็จะมีเครื่องมือและข้อมูลข่าวสารเชิงลึกเรื่องการลงทุนอย่าง Inno Radar และ Efinance เพื่อช่วยให้ข้อมูลการลงทุนเพิ่มเติมให้ได้ใช้กัฟรีๆ อีกด้วย

ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ที่น่าเชื่อถือ ร่วมกับสินทรัพย์อื่นๆ ได้ในที่เดียว

สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) อย่างหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงจากเหล่านักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยเหรียญที่อยู่ใน Innovestx ทั้งหมด เขาจะมีเกณฑ์การคัดสรร หรือ listing rule ที่เข้มข้น เพื่อเลือกสินทรัพย์ที่มีคุณภาพ พื้นฐานดีต่อนักลงทุน ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น white paper, smart contract หรือ use case ของเหรียญเพื่อความปลอดภัยต่อนักลงทุน โดยเกณฑ์ทั้งหมดนี้ก็เผ่านการกำกับดูแลของทางก.ล.ต. ด้วย

ส่วนฟีเจอร์ต่างๆ ในการเทรดก็มีให้เทียบเท่ากับบริการของเจ้าอื่นในตลาด ที่พิเศษกว่าก็ด้วยความน่าเชื่อถือของบริษัท, การปฎิบัติตามกฎเกณฑ์ของ กลต.อย่างเคร่งครัด และการเชื่อมต่อกับ partners ระดับโลกและ local ที่มีเป้าหมายในการเพิ่มสภาพคล่องให้นักลงทุนสูงสุด จึงทำให้ Innovestx เป็นทางเลือกหนึ่งของการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่น่าสนใจสำหรับหลายๆคน

เหรียญยอดนิยมที่ได้การยอมรับ ถูกนำมาให้ซื้อขาย และมีฟีเจอร์จำเป็นมาให้ครบ

สอบถามข้อมูลการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล Facebook: InnovestX

 

ศัพท์น่ารู้จากในแอป Innovestx

เชื่อว่าเพื่อนๆ ที่เริ่มใช้งาน Innovestx น่าจะมีงงกับศัพท์ทางการของการลงทุนรูปแบบต่างๆ เลยขอเอาคำเหล่านั้นมาแปลความให้ได้เข้าใจง่ายๆ กันนะ

  • สินทรัพย์ดิจิทัล: ความหมายจริงครอบคลุมทรัพย์สินหลากหลายแบบ แต่ในแอปนี้จะหมายถึงเหรียญคริปโท utility token และ investment token เป็นหลัก
  • กองทุน/กองทุนรวม: เอาเงินทุนไปกองให้ผู้เชี่ยวชาญ ในที่นี้ก็คือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนต่างๆ บริหารจัดการให้
  • ตราสารหนี้: หรือที่เรียกกันว่าบอนด์(Bond) พันธบัตร หุ้นกู้ ซึ่งจะถูกออกโดยภาครัฐ หรือเอกชน เพื่อระดมทุนไปใช้ในกิจกรรมต่างๆ ใครที่ซื้อไปก็จะได้รับผลตอบแทนตามที่กำหนด
  • ตราสารทุน: หรือที่เรียกกันว่า หุ้น
  • สินทรัพย์สภาพคล่อง: สินทรัพย์ที่เปลี่ยนเป็นเงินสดได้ง่าย เช่น เงินฝากและดอกเบี้ย
  • สินทรัพย์ทางเลือก: เป็นสินทรัพย์ที่นอกเหนือจากข้างต้น ไม่ได้ซื้อขายในตลาดทุนเป็นวงกว้าง เช่น ทองคำ อสังหาฯ งานศิลปะ ฯลฯ

 

จุดเด่นอื่นๆของ Innovestx

นอกจากตัวเลือกการลงทุนแบบครบ ๆ แล้ว Innovestx ยังมีฟีเจอร์อื่นที่ทำให้น่าใช้กว่าแอปอื่นอีก เช่น

ระบบการบริหารพอร์ตอัตโนมัติ

สำหรับมือใหม่ หรือใครที่ยังไม่สันทัดกับการลงทุนรูปแบบต่างๆ และไม่มีเวลาศึกษาหาข้อมูลมากนัก หรือ ไม่รู้จะลงทุนด้วยตัวเองยังไงดี แต่ก็อยากจะนำเงินไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนมากกว่าฝากธนาคาร ก็สามารถเลือกใช้บริการ Intelligent Portfolios ที่เป็นบริการบริหารพอร์ตอัตโนมัติกัน ที่มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญจาก Innovestx คอยดูแลให้ โดยจะมีระบบให้เราเลือกเป็นตัวช่วยได้ 2 รูปแบบใหญ่คือ Robo Advisor ออกแบบสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมาย และความเสี่ยงและ Portfolio Advisor จัดการโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ซึ่ง Portfolio Advisor ยังมีให้เลือกอีก 3 แบบย่อย คือ

    Guru: บริการจัดพอร์ตการลงทุนบนความร่วมมือของ Innovestx และ Guru การลงทุนชั้นนำไม่ว่าจะเป็น Andrew Stotz, ดร. จิติพล พฤกษาเมธานันท์ และท่านอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเป็นตัวที่พิเศษและน่าสนใจที่สุด เพราะแต่ก่อนถ้าอยากมีผู้เชี่ยวชาญบริหารพอร์ตให้  จะต้องเป็นลูกค้าที่มีเงินลงทุนเยอะๆ เท่านั้น แต่ด้วยการจัดพอร์ตแบบนี้จะเหมือนมี Digital Relationship Manager (RM) มาช่วยดูพอร์ตให้เป็นการส่วนตัวแบบใกล้ชิดเลยทีเดียว

    Goal-Based: พอร์ตการลงทุนแบบตั้งเป้าหมาย ว่าอยากให้ปลายทางเราได้รับเงินเท่าไหร่ ซึ่งจะมีการประเมินความเป็นไปได้ รวมถึงความเสี่ยงที่จะได้รับมาให้ และสามารถตั้งชื่อพอร์ตนั้นได้ตามวัตถุประสงค์ที่เราต้องการ เช่น เกษียณ การศึกษา เป็นต้น

    Thematic: จัดธีมการลงทุนตามเทรนด์ต่างๆ เช่น กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจในประเทศต่างๆ เช่น จีน เวียดนาม ไทย หรือจะเลือกหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงโลก แต่ถ้าเป็นสายอนุรักษ์อยากช่วยโลกก็มีธีมเพื่อสิ่งแวดล้อมให้เลือกได้เช่นกัน นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงรายประเทศที่น่าสนใจมีโอกาสเติบโต เช่น จีน เวียดนาม ไทย ด้วย

ไม่มีเวลาดูแลพอร์ตลงทุนเอง ก็ใช้บริการ Intelligent Portfolios ได้เลย บริการบริหารและปรับพอร์ตกองทุนให้อัตโนมัติ เหมาะมากสำหรับมือใหม่ หรือคนไม่มีเวลา

เหล่ากูรูผู้ให้มุมมองการลงทุนร่วมกับ Innovestx ทีมงานบริหารพอร์ตการลงทุน 

ลงทะเบียนครั้งเดียวใช้ได้ครบ ไม่ต้องสลับแอป เห็นภาพรวมการลงทุนครบทุกสินทรัพย์ 

จากที่อ่านมาทั้งหมด น่าจะพอเห็นภาพรวมของ Innovestx กันไปแล้ว ว่าสามารถทำอะไรได้เยอะแยะเต็มไปหมด ซึ่งถ้าเราอยากไปสมัครใช้บริการอื่นให้ได้จำนวนเท่ากัน ต้องทำการสมัครหลายต่อหลายแอป ลงทะเบียนไม่รู้กี่รอบ แต่ใน Innovestx ลงทะเบียนเพียงแค่ครั้งเดียว ด้วย bank-grade onboarding process เพื่อให้มั่นใจในเรื่องของความปลอดภัย มั่นใจได้ในระบบตรวจสอบธุรกรรม ก็พร้อมลงทุนได้ในทุกรูปแบบ เช่น ซื้อหุ้นไทยผ่านแอป Streaming ก็ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ แค่กดก็ผ่าน Innovestx ก็เข้าแอปพร้อมล็อคอินให้พร้อมซื้อขายได้ทันที หรือจะแลกเงินต่างประเทศเพื่อลงทุนก็ทำได้ไม่ต้องยื่นเอกสารสมัครใหม่ให้วุ่นวาย

และที่สำคัญที่สุดสามารถดู Single-view Portfolio ภาพรวมพอร์ตของสินทรัพย์ต่างๆ ที่ลงทุนผ่านแอปได้ตั้งแต่หน้า Home หรือคลิก My Total Portfolio ก็จะแสดงพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ที่ลงทุนกับ บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ เช่น หุ้นไทย Structured note หรือ Private Fund 

ทั้งหมดนี้ทำให้เราสามารถเห็นภาพรวมของพอร์ต เลือกสัดส่วนการลงทุนได้เหมาะสม และในกรณีฉุกเฉิน มีความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เราก็สามารถปรับพอร์ตได้รวดเร็วทันสถานการณ์ด้วย

วันนี้มีโปรแรง Zero Gravity Promotion

อ่านจนถึงตอนนี้ เพื่อนๆน่าจะเริ่มสนใจ อยากลองใช้งาน Innovestx กันแล้ว ซึ่งถ้าใครยังไม่เคยลองก็แนะนำในช่วงนี้ได้เลย โดยเค้ามีโปรโมชั่น Zero Gravity ต้อนรับการเปิดตัวแอปใหม่  ปลดล็อกค่าธรรมเนียมให้ใช้งานกันได้แบบสบายใจกันไปเลย ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธ.ค. 65

  • Zero Entry: เปิดบัญชีลงทุนฟรี เริ่มที่ 0 บาท
  • Zero Professional fee: ค่าธรรมเนียม 0 บาท สำหรับบริการบริหารพอร์ตกองทุนรวมอัตโนมัติ Intelligent Portfolios*
  • Zero Go inter: ค่าธรรมเนียม 0 บาท ในการลงทุนหุ้นนอก สำหรับ 100,000 บาทแรก** และฟรีค่าสมัครบริการ W-8BEN (มูลค่า 2,000 บ.)
  • Zero Commission fee: ลดพิเศษ! ค่าธรรมเนียม 0 บาท ในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล

*ไม่รวมค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากกองทุนรวมตาม Fund Fact Sheet

**สำหรับการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (หุ้นต่างประเทศ และ ETF) ผ่านแอป Innovestx รับคืนค่าธรรมเนียมเป็นโค้ดส่วนลดกองทุนรวม สูงสุดไม่เกิน 600บาท

 

ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

สอบถามข้อมูลการลงทุน Facebook : InnovestX และศึกษาเงื่อนไขโปรโมชันเพิ่มเติมได้ที่ www.InnovestX.co.th

from:https://droidsans.com/innovestx-scbx/

InnovestX ออกโปรเทรดคริปโตและซื้อหุ้นต่างประเทศแบบไม่มีค่าธรรมเนียม

ใครที่ซื้อกองทุนหรือลงทุนในตลาดทุน น่าจะเคยผ่านตากับแอป SCB Easy Invest กันอยู่บ้าง ซึ่งเมื่อวานนี้เค้าได้มีการเปิดตัวเวอร์ชั่นใหม่เปลี่ยนชื่อแอปตามชื่อบริษัทที่เปลี่ยนไป เป็น InnovestX (อินโนเวสท์ เอ็กซ์) และยังมีการปรับปรุงหน้าตาและฟีเจอร์เพิ่มเติม จนกลายเป็นซูเปอร์แอปด้านการลงทุน ซึ่งที่หลายคนให้ความสนใจกันมากคือ เปิดบริการตัวแทนเทรดเหรียญคริปโต โดยมีโปรชวนให้ลองใช้งาน เทรดได้แบบไม่คิดค่าธรรมเนียม

โดยภายในแอป InnovestX นอกจากจะสามารถเทรดเหรียญได้แล้ว ยังรองรับการลงทุนรูปแบบอื่นอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ กองทุน ตราสารหนี้ เรียกว่าเป็นซูเปอร์แอปที่รวมสินทรัพย์ทุกประเภทมาให้เราเลือกลงทุนได้ง่ายๆ และความที่รวมทุกอย่างเข้ามาอยู่ในที่เดียว ก็ทำให้เราบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนได้ง่ายกว่า ไม่ต้องสลับแอปไปมาเพื่อการเทรดสินทรัพย์แต่ละชนิด และมีภาพรวมของพอร์ตให้เห็นได้ทันที ไม่ต้องมานั่งคำนวณเองอีกรอบ

จุดเด่นของ Innovest X

สำหรับมือใหม่ ที่ความรู้ในการลงทุกยังจำกัด และยังไม่มีเวลาศึกษามากนัก แต่ก็ไม่อยากจะเอาเงินไปฝากธนาคารเพื่อดอกเบี้ยจิ๋วๆ ตัวแอปก็จะมีฟีเจอร์ช่วยบริหารจัดการ ทั้งจากการใช้ AI, คัดเลือกสินทรัพย์ที่น่าสนใจ, รวมถึงกูรูในวงการที่จะมาช่วยดูแลพอร์ตให้สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง หรือถ้ารับความเสี่ยงได้ ก็เลือกรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นก็ได้เช่นกัน



กลับมาที่เรื่องการเทรดคริปโต ปัจจุบัน InnovestX จะยังไม่เป็นตลาดกลาง (Exchange) แต่เป็นนายหน้า (Broker) ในการซื้อขายเหรียญต่างๆ เท่านั้น โดยทำการพาร์ทเนอร์กับ Exchange ชื่อดังอย่าง FTX, Coinbase และ Bitkub ทำให้มีสภาพคล่อง (Liquidity) สูงสุด ซึ่งใครที่เคยลงทุนด้านนี้อยู่แล้ว จะพอทราบว่าค่าธรรมเนียมเป็นเรื่องที่ต้องคำนวณให้ดี แม้จำนวนเหมือนจะน้อยแต่ถ้าไม่ระวังก็ทำให้ขาดทุนได้เหมือนกัน

เชื่อมต่อกับ Exchange ชั้นนำ เพื่อให้มี Liquidity ของเหรียญต่างๆสูง

โปร Zero Gravity ปลดล็อกค่าธรรมเนียม และขั้นต่ำในการลงทุน จึงน่าสนใจ และเหมาะกับทั้งมือใหม่และมือเก๋าให้ได้ลองเข้ามาใช้งานเลย ซึ่งประกอบไปด้วย

  • 0 บาท เปิดบัญชีฟรีไม่มีขั้นต่ำ
  • 0 บาท ค่าธรรมเนียมบริหารพอร์ต ด้วยบริการ IntelligentPortfolios
  • 0 บาท ค่าธรรมเนียมลงทุนในหุ้นต่างประเทศ 100,000บาท และค่าสมัครบริการยื่นแบบภาษี W8-BEN
  • 0 บาท ค่าธรรมเนียมการซื้อ ขายสินทรัพย์ดิจิทัล

หมดเขตโปรโมชั่น 31 ธันวาคม 2565 และแอปเปิดให้อัปเดตตัวเองเรียบร้อยตั้งแต่วันนี้ (8 ตุลาคม เป็นต้นไป)

InnovestX เรียกได้ว่าเป็นซูเปอร์แอปทางด้านการลงทุนแอปแรกของไทย และเตรียมจะขยายตลาดไปในกลุ่มประเทศอาเซียน อาทิ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย โดยหวังจะขึ้นเป็น Top 5 ของธุรกิจด้านการลงทุนและสินทรัพย์ดิจิทัลในอาเซียน เตรียม IPO เข้าตลาดภายในปี 2025 นี้

เท่าที่ใช้ดูเบื้องต้น ตัวแอปทำมาได้ดีทั้งในเรื่องของความเสถียร UX ลื่นไหล UI ใช้ง่ายดีไซน์สวย ซึ่งหลังจากที่ลองแอปนี้แบบเต็มๆแล้วจะมาแนะนำแอปทั้งหมดให้ได้ทราบอีกทีครับ

from:https://droidsans.com/innovestx-launched-zero-gravity-promotion/

SCBX Group จับมือกับ WeLab ร่วมลงทุนในธุรกิจธนาคารดิจิทัลประเทศอินโดนีเซีย

“กลุ่มเอสซีบี เอกซ์” ประกาศร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์ทางอ้อมในธนาคาร Jasa Jakarta (BJJ) มูลค่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ผ่าน WeLab Sky Limited ตอกย้ำวิสัยทัศน์มุ่งสู่กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินระดับภูมิภาค

 กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ (SCBX Group) ประกาศร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์ทางอ้อมมูลค่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในธนาคาร Jasa Jakarta (BJJ) ธนาคารพาณิชย์ในประเทศอินโดนีเซีย ผ่าน WeLab Sky Limited  ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่มีอำนาจควบคุมร่วมกับ PT Sedaya Multi Investama (Astra Financial) บริษัทในเครือของ PT Astra Internation Tbk (Astra) พร้อมที่จะเปลี่ยนแพลตฟอร์มและเปิดตัวเป็นธนาคารดิจิทัล 

ซึ่งธุรกรรมดังกล่าวถือเป็นธุรกรรมการควบรวมกิจการ (M&A) ที่เกี่ยวข้องกับธนาคารดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2565 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการลงทุนและการมีส่วนทำให้อุตสาหกรรมธนาคารของอินโดนีเซียทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล โดยการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของกลุ่ม SCBX ในครั้งนี้ เป็นการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเติบโตอย่างมหาศาลของธุรกิจธนาคารดิจิทัลในประเทศอินโดนีเซีย และเป็นการประกาศก้าวใหม่ในการปฏิวัติธนาคารดิจิทัลอีกด้วย

WeLab เป็นแพลตฟอร์มฟินเทคชั้นนำในเอเชีย ประกอบธุรกิจในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง จีน และอินโดนีเซีย ได้พัฒนาความเป็นผู้นำตลาดด้วยผลงานความสำเร็จในการเปิดตัว WeLab Bank ธนาคารดิจิทัลในฮ่องกง 

สำหรับ Astra เป็นหนึ่งในบริษัทมหาชนที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย ด้วยรูปแบบธุรกิจที่หลากหลายสร้างการทำงานร่วมกันและโอกาสระหว่างภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ บริการทางการเงิน เครื่องจักรกลหนัก การก่อสร้างเหมืองแร่และพลังงาน ธุรกิจการเกษตร โครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และอสังหาริมทรัพย์ การผสานจุดแข็งของสององค์กรพันธมิตร ด้วยระบบนิเวศทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ประสบการณ์อันยาวนาน ตลอดจนเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวางในภาคบริการทางการเงินในประเทศอินโดนีเซียของ Astra และองค์ความรู้และเทคโนโลยีอันทันสมัยของ WeLab ในการสร้างและเป็นผู้ให้บริการธนาคารดิจิทัล  

คุณอารักษ์ สุธีวงศ์ Deputy CEO บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กลุ่ม SCBX ตระหนักถึงโอกาสด้านการเติบโตของธุรกิจธนาคารดิจิทัลในประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากตลาดนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและยังไม่มีผู้นำตลาดที่ชัดเจน จึงเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนในแพลตฟอร์มสินเชื่อธนาคารดิจิทัลออนไลน์ชั้นนำที่ใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ในการประมวลผลในอินโดนีเซีย เพื่อรองรับความต้องการในการใช้บริการธนาคารดิจิทัลในอินโดนีเซียที่มีประชากรจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะกับประชากรกลุ่มที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน และกลุ่มที่เข้าถึงบริการทางการเงินแค่ผิวเผิน รวมไปถึงกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี  การลงทุนในครั้งนี้เป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ของกลุ่ม SCBX เพื่อสร้าง footprint ที่แข็งแกร่งในธุรกิจธนาคารดิจิทัลในระดับภูมิภาค”

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post SCBX Group จับมือกับ WeLab ร่วมลงทุนในธุรกิจธนาคารดิจิทัลประเทศอินโดนีเซีย first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/scbx-group-joins-hands-with-welab-to-reach-digital-banking/

กลุ่มเอสซีบี เอกซ์” ร่วมลงทุนในธนาคาร Jasa Jakarta (BJJ) มูลค่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐ มุ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีการเงินระดับภูมิภาค

กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ (SCBX Group) เดินหน้ายุทธศาสตร์ “ยานแม่” มุ่งสู่การเป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดประกาศร่วมลงทุนเชิงกลยุทธ์ทางอ้อมมูลค่า 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในธนาคาร Jasa Jakarta (BJJ) ธนาคารพาณิชย์ในประเทศอินโดนีเซีย ผ่าน WeLab Sky Limited  ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่มีอำนาจควบคุมร่วมกับ PT Sedaya Multi Investama (Astra Financial) บริษัทในเครือของ PT Astra Internation Tbk (Astra)

พร้อมแผนที่จะเปลี่ยนแพลตฟอร์มและเปิดตัวเป็นธนาคารดิจิทัล ซึ่งธุรกรรมดังกล่าวถือเป็นธุรกรรมการควบรวมกิจการ (M&A) ที่เกี่ยวข้องกับธนาคารดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2565

สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการลงทุนและการมีส่วนทำให้อุตสาหกรรมธนาคารของอินโดนีเซียทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล โดยการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของกลุ่ม SCBX ในครั้งนี้ เป็นการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเติบโตอย่างมหาศาลของธุรกิจธนาคารดิจิทัลในประเทศอินโดนีเซีย และเป็นการประกาศก้าวใหม่ในการปฏิวัติธนาคารดิจิทัลอีกด้วย

WeLab เป็นแพลตฟอร์มฟินเทคชั้นนำในเอเชีย ประกอบธุรกิจในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง จีน และอินโดนีเซีย ได้พัฒนาความเป็นผู้นำตลาดด้วยผลงานความสำเร็จในการเปิดตัว WeLab Bank ธนาคารดิจิทัลในฮ่องกง สำหรับ Astra เป็นหนึ่งในบริษัทมหาชนที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย ด้วยรูปแบบธุรกิจที่หลากหลายสร้างการทำงานร่วมกันและโอกาสระหว่างภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ บริการทางการเงิน เครื่องจักรกลหนัก การก่อสร้างเหมืองแร่และพลังงาน ธุรกิจการเกษตร โครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และอสังหาริมทรัพย์

การผสานจุดแข็งของสององค์กรพันธมิตร ด้วยระบบนิเวศทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง ประสบการณ์อันยาวนาน ตลอดจนเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวางในภาคบริการทางการเงินในประเทศอินโดนีเซียของ Astra และองค์ความรู้และเทคโนโลยีอันทันสมัยของ WeLab ในการสร้างและเป็นผู้ให้บริการธนาคารดิจิทัล นับเป็นปัจจัยความสำเร็จที่สำคัญในการขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลง BJJ เข้าสู่โลกดิจิทัล ให้กลายเป็นธนาคารดิจิทัลที่สามารถตอบสนองความต้องการทางการเงินของชาวอินโดนีเซียด้วยโซลูชันที่เข้าถึงได้และที่เป็นนวัตกรรมใหม่

ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ Deputy CEO บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กลุ่ม SCBX ตระหนักถึงโอกาสด้านการเติบโตของธุรกิจธนาคารดิจิทัลในประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากตลาดนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและยังไม่มีผู้นำตลาดที่ชัดเจน จึงเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนในแพลตฟอร์มสินเชื่อธนาคารดิจิทัลออนไลน์ชั้นนำที่ใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ในการประมวลผลในอินโดนีเซีย เพื่อรองรับความต้องการในการใช้บริการธนาคารดิจิทัลในอินโดนีเซียที่มีประชากรจำนวนมหาศาล

โดยเฉพาะกับประชากรกลุ่มที่เข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน และกลุ่มที่เข้าถึงบริการทางการเงินแค่ผิวเผิน รวมไปถึงกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี  การลงทุนในครั้งนี้เป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ของกลุ่ม SCBX เพื่อสร้าง footprint ที่แข็งแกร่งในธุรกิจธนาคารดิจิทัลในระดับภูมิภาค”

from:https://www.thumbsup.in.th/scbx-jasa-jakarta-invest?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=scbx-jasa-jakarta-invest