คลังเก็บป้ายกำกับ: #BINEWS

ช่วงเป็นเมนส์ส่งผลให้ ‘ผู้หญิงทำอาหารไม่อร่อย’

ช่วงเป็นเมนส์ส่งผลให้ ‘ผู้หญิงทำอาหารไม่อร่อย’ ไม่ใช่แค่อารมณ์หงุดหงิด แต่การรับรู้รสชาติอาหารก็เปลี่ยนไป 

การมีประจำเดือนเป็นเรื่องปกติของผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งฮอร์โมนส่งผลทำให้มีอารมณ์แปรปรวน  หงุดหงิดง่าย ร้องไห้ง่าย ซึ่งผู้ชายส่วนใหญ่ก็มักจะไม่เข้าใจ กลายเป็นข้ออ้างหรือเหตุผล(ขำ ๆ ) เวลาที่คู่รักทะเลาะกัน ผู้หญิงมักอ้างว่า ช่วงนี้เราเป็นเมนส์ 

แต่รู้หรือไม่…ช่วงมีประจำเดือนของผู้หญิง ยังส่งผลให้การทำอาหารและปรุงอาหาร มีรสชาติที่ผิดเพี้ยนไปจากรสฝีมือเดิม เหตุผลก็เพราะว่า ช่วงที่ผู้หญิงมีประจำเดือนนั้น 

ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการทำอาหารของผู้หญิงไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย หากแต่ว่า ฮอร์โมนช่วงที่มีประจำเดือน ส่งผลทำให้การรับรสเปลี่ยนไป 

โดยในงานวิจัยของ Journal of Nutrition & Food Sciences  พบว่าจากการติดตามผู้หญิงที่มีรอบประจำเดือนเป็นเวลา 3 เดือน โดยศึกษาการรับรสในช่วง “ระยะเวลาหลังตกไข่” luteal phases (LP) และ “ระยะเวลาก่อนตกไข่” follicular phases (FP) นำมาเปรียบเทียบกัน

พบว่าในช่วง LP นั้นนอกจากฮอร์โมนทางเพศอย่าง androgens/ estrogen และ progesterone นั้นจะหลั่งออกมา เพื่อให้มดลูกเริ่มเตรียมตัวสำหรับการตั้งครรภ์ที่เป็นไปได้ ก็ยังส่งผลทำให้การรับรสนั้นเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ผลจากการเปลี่ยนแปลงของระดับปริมาณ insulin และ ghrelin 

โดยในการศึกษาครั้งนี้จะพบว่าในช่วงที่ผู้หญิงมีประจำเดือนจะมีการ “รับรสเปรี้ยว” (acid taste perception) ที่เปลี่ยนแปลงไป จึงอาจจะทำให้มนุษย์เมนส์หลายคนนั้นแสวงหาของเปรี้ยวมาตอบสนองความต้อง (ถ้าใครมีแฟนทำอาหารบ่อย ๆ ลองสังเกตดูนะ)

และแน่นอนว่าการรับรสเปรี้ยวที่เปลี่ยนไปก็จะทำให้โอกาสที่จะรับรสอื่นทั้งรสเค็ม/ หวานนั้นเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย จึงทำให้การปรุงอาหารประเภทที่ “ปรุงไปชิมไป” นั้นมีรสชาติที่เพี้ยนไปจากเดิม

อ้างอิง Journal of Nutrition & Food Sciences

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ช่วงเป็นเมนส์ส่งผลให้ ‘ผู้หญิงทำอาหารไม่อร่อย’ first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/during-menstruation-who-woman-cooks-badly/

อินทัชส่งหนังสือแจงตลาดหลักทรัพย์ จะเร่งตรวจสอบตัวเอง

อินทัชส่งหนังสือแจงตลาดหลักทรัพย์ จะเร่งตรวจสอบตัวเอง กรณีการประชุมผู้ถือหุ้น บมจ. ไอทีวี บริษัทย่อยของอินทัช

ตามที่มีข่าวที่เกี่ยวข้องกับ บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) (ไอทีวี) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท) ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 52.92 ปรากฏตามสื่อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประชุมผู้ถือหุ้นของ ไอทีวีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่สนใจต่อสาธารณชนจำนวนมากในขณะนี้ ทางบริษัทได้รับทราบข้อมูล และได้ให้ทางคณะกรรมการและฝ่ายจัดการของไอทีวี ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าวที่เกิดขึ้นและหากมีประเด็น ใดๆ ที่จะต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ทางไอทีจะดำเนินการให้เร็วที่สุด เพื่อให้มีความโปร่งใสเป็นไปตาม หลักธรรมาภิบาลและกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post อินทัชส่งหนังสือแจงตลาดหลักทรัพย์ จะเร่งตรวจสอบตัวเอง first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/intouch-explains-to-the-set-will-expedite-self-examination/

รับจ้างทำวิทยานิพนธ์ผิดกฎหมายหรือไม่?

รับจ้างทำวิทยานิพนธ์ผิดกฎหมายหรือไม่? เมื่อแค่เสิร์ชหาข้อมูลในกูเกิลก็เจอกับธุรกิจนี้ และธุรกิจนี้ส่งผลอย่างไรต่อวงการวิชาการ 

ใครที่เคยผ่านการเรียนในระดับ ปริญญาโท ปริญญาเอก จะรู้ว่าการอดหลับ อดนอน การเสียน้ำตาให้กับการทำ IS ธีสิส และ งานวิจัย ซึ่งเป็นเรื่องปกติของนิสิต นักศึกษา กว่าจะไปถึงเส้นทางแห่งการคว้าใบปริญญาไม่ง่ายนัก บางคนหมดพลังกาย หมดพลังใจกลางทางก็มีเช่นกัน 

หลายคนมุ่งมั่นตั้งใจทำธีสิส ออกมาเพื่อที่ตัวเองจะได้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ แต่ก็มีคนหัวใสเห็นว่าการทำธีสิสมีหลายขั้นตอน เหนื่อย กว่าจะผ่านไปแต่ละบท ค่อนข้างยาก จึงเกิดเป็นธุรกิจรับจ้างทำวิทยานิพนธ์ ค่าจ้างทำวิทยานิพนธ์เริ่มตั้งแต่หลักพัน หลักหมื่น ไม่จนถึงหลักแสน 

วิธีง่ายๆ…ลองเสิร์ชหาข้อมูลในกูเกิล ก็จะพบว่า ปรากฏเว็บไซต์รับจ้างทำวิทยานิพนธ์ หลากหลายเว็บไซต์สนราคาก็ต่างกัน ขึ้นอยู่กับหัวข้อที่เลือก คณะที่เรียน ความยากง่ายในการหาข้อมูล ทั้งนี้ธุรกิจรับจ้างเหล่านี้ยังมีการติวเข้มให้ผู้เรียนจะเข้าไปสอบปากเปล่ากับทางคณะกรรมการ และ อาจารย์ที่ปรึกษาอีกด้วย 

การจ้างทำวิทยานิพนธ์ผิดกฎหมายหรือไม่??

ทีมงาน Brand Inside สำรวจข้อมูลพบว่ามีหนึ่งในเว็บไซต์ที่รับจ้างทำวิทยานิพนธ์ ระบุข้อความว่า

“การจ้างทำวิทยานิพนธ์ไม่ผิดกฎหมาย หลายคนที่เคยได้ยินว่ามีการจ้างทำวิจัยหรือวิทยานิพนธ์ ก็คงสงสัยกันอยู่บ้างสินะว่า การจ้างทำวิทยานิพนธ์เป็นสิ่งผิดกฎหมายหรือป่าว เราจะตอบให้เข้าใจตรงกัน ว่าการจ้างทำวิจัยหรือวิทยานิพนธ์ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอกนั้นไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด

เนื่องจากการจ้างทำวิทยานิพนธ์เป็นเพียงเครื่องมือในการช่วยทำรูปเล่มเนื้อหาของงานวิจัยหรือวิทยานิพนธ์เท่านั้น ไม่ได้ถึงการซื้อวุฒิการศึกษาแต่อย่างใด เพราะนักศึกษาที่จ้างทำงานวิจัยหรือวิทยานิพนธ์นั้นยังต้องเข้าเรียนให้ครบตามกำหนดของหลักสูตร ต้องส่งงานให้กับทางอาจารย์ประจำวิชาให้ครบ เพื่อให้ได้คะแนนเก็บของแต่ละรายวิชาเหมือนเดิม”

แต่เมื่อเปิดดูข้อกฎหมายก็จะพบว่า การจ้างทำงานวิจัย ผลงานวิทยานิพนธ์ เป็นความผิดทางอาญาตามมาตรา 70 แห่ง พ.ร.บ. อุดมศึกษา พ.ศ.2562 ซึ่งระบุว่า 

“ห้ามมิให้ผู้ใด จ้างวาน ใช้ให้ผู้อื่นทำผลงานทางวิชาการเพื่อไปใช้ในการเสนอเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาในหลักสูตรการศึกษาระดับอุดมศึกษาหรือเพื่อไปใช้ในการทำผลงานซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขอตำแหน่งทางวิชาการ หรือเสนอขอปรับปรุงการกำหนดตำแหน่ง การเลื่อนตำแหน่ง การเลื่อนวิทยฐานะหรือการให้ได้รับเงินเดือนหรือเงินอื่นในระดับที่สูงขึ้น 

ทั้งนี้ไม่ว่าจะมีประโยชน์ตอบแทนหรือไม่ก็ตาม และห้ามมิให้ผู้ใดรับจ้างหรือรับดำเนินการตามวรรคหนึ่ง เพื่อให้ผู้อื่นนำผลงานนั้นไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง เว้นแต่เป็นการช่วยเหลือโดยสุจริตตามสมควร  หากผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” 

จะเห็นว่าตามกฎหมายแล้ว ผู้ใด จ้างวาน ใช้ให้ผู้อื่นทำผลงานทางวิชาการเพื่อไปใช้ในการเสนอเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา ผิดกฎหมายอาญา

ทั้งนี้ นาย เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า จากที่มีเพจเฟซบุ๊ก เว็บไซต์ ที่โฆษณารับทำวิจัยและวิทยานิพนธ์ปรากฏในสื่อออนไลน์และออฟไลน์ต่างๆ จึงได้ให้กระทรวง อว. ตรวจสอบข้อมูล 

เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวผิดกฎหมายและจริยธรรมการวิจัย ส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือของระบบการศึกษาและวิจัย จึงให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมถึงผู้ที่จ้างวาน ผู้รับจ้างและผู้ร่วมไม่ว่าจะเป็นนักวิจัย อาจารย์หรือนักศึกษาก็จะต้องถูกดำเนินคดีให้ได้รับโทษตามกฎหมายเช่นกัน

คำถามที่น่าสนใจคือ จริง ๆ แล้วการเรียนในระดับปริญญาโท ปริญญาเอก ของนิสิต นักศึกษา คืออะไร ต้องการแค่ใบปริญญาในการเบิกทางต่อยอดไปสู่การอัพเงินเดือน เชิดชูหน้าตา ฐานะ ชื่อเสียง หรือว่า ต้องการมาเรียนรู้หาเพื่อความรู้ความเชี่ยวชาญ เพราะสุดท้ายจะย้อนกลับไปที่คำพูดเดิม ๆ ที่เราเคยได้ยินคือ “การศึกษาไทยย่ำอยู่กับที่” 

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post รับจ้างทำวิทยานิพนธ์ผิดกฎหมายหรือไม่? first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/is-it-illegal-to-hire-a-thesis-worker/

เท่าพิภพ ถกสุราก้าวหน้า ดีลไม่ลับกับ ต๊อดปิติ แห่ง “บุญรอด”

เท่าพิภพ ถกนโยบายสุราก้าวหน้า ดีลไม่ลับกับ ต๊อดปิติ แห่ง “บุญรอด” ชี้รัฐออกกฎเองและบังคับใช้เอง-พร้อมลั่น “นี่มันประเทศอะไรวะเนี่ย”

กระแสนโยบายสุราก้าวหน้ากลายเป็นที่พูดถึงมาตลอดตั้งแต่พรรคก้าวไกลได้รับคะแนนเสียงจำนวนมากจากประชาชน กระทั่งกลายประเด็น “สุราก้าวหน้า” เป็นกระแสช่วงข้ามวันเมื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อและแคนดิเนตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ออกรายการข่าวเช้าของ สรยุทธ และพูดถึงสุราพื้นบ้านหลากหลายยี่ห้อ ส่งผลให้สุราพื้นบ้านในหลายพื้นที่ไม่พอจำหน่าย

ไม่เพียงเท่านั้น วันนี้(7 มิ.ย.2566) นาย เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล ผู้ขับเคลื่อนนโยบายสุราก้าวหน้า ได้เข้าพบปะพูดคุยกับผู้บริหารบริษัท บุญรอด พร้อมถกประเด็นปัญหาเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่จำหน่ายในเมืองไทย 

โดย นาย เท่าพิภพโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า 

หากท่านได้ติดตามผมมาก่อน จะเห็นว่าในการดำเนินนโยบาย #สุราก้าวหน้า ผมมีความพยายามที่จะวางตัวเป็นคนกลางระหว่าง กลุ่มรณรงค์ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอลฮอล์ และกลุ่มผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยผมเริ่มตะเวนพบปะตัวแทนของทั้งสองฝั่งอยู่บ่อยครั้ง หรือก่อนหน้านี้ก็ได้มีการพูดคุยของเหล่า brewer เพื่อหาข้อสรุป “ตรงกลาง” ของสายพานธุรกิจ #สุรา #คราฟท์เบียร์ #ไวน์ #สุราแช่ และครั้งนี้ ก็เป็นคิวของ #บุญรอด เป็นเพราะผมจะได้ทราบว่าเขาคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับ กฎของบ้านเก่าหลังนี้

ซึ่งเนื้อหาการพูดคุยสรุปได้ดังนี้

บทสนทนาเริ่มขึ้นถึงเรื่องของหน่วยงานบางหน่วยงานทันที หน่วยงานที่ออกกฎมาด้วยตัวเองและตั้งให้ตัวเองเป็นผู้บังคับใช้กฎนั้น หลังจากสิ้นสุดการกล่าวถึงนั้น เราต่างสบถออกมาพร้อมเพรียงกันว่า “นี่มันประเทศอะไรวะเนี่ย” เพราะมันเป็นเรื่องแปลกมาก ๆ ไม่มีที่ไหนเขาทำกัน

การพูดคุยจุดประสงค์คือการแลกเปลี่ยนจากมุมมองที่ต่างกัน โดยที่ทั้งคู่มาเพื่อจะรับฟังและโต้แย้งกันด้วยเหตุผล เพราะเราทั้งคู่เริ่มเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในอนาคต อาจเป็นเพราะพวกเราไม่ใช้กำแพง แต่คือกังหันลม ที่พร้อมโอบรับความเปลี่ยนแปลง

การบริหารหลังบ้าน จากมุมมองนักธุรกิจอย่างพี่ต๊อด เขามองว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญและเป็นสิ่งที่ควรปรับเปลี่ยนเป็นอันดับแรก ๆ ถ้าหากมีไอเดียดีแค่ไหน ถ้าคนทำไม่ทำ ค่าก็เท่าเดิม

ต่อมาเรื่องผลิตภัณฑ์ของ SME เรามองตรงกันว่าควรมีการควบคุมคุณภาพ ด้วยกฎเกณฑ์ที่จำเป็นและไม่ยากจนเกินไป แต่ต้องสามารถบังคับใช้ได้จริง เพื่อควบคุม “ความปลอดภัย” ของผลิตภัณฑ์ เพราะนั่นคือสิทธิขั้นพื้นฐานที่ผู้บริโภคควรได้รับ

ต่อมาในระดับผู้บริโภค ปัญหาที่คนธรรมดาไม่ได้มีผลประโยชน์โดนฟ้อง เพราะเผยแพร่สิ่งที่ตนเองชอบและให้ความสนใจ ซึ่งมันควรเป็นสิทธิของบุคคลนั้น ๆ มากกว่า

สุดท้ายนี้ผมขอเปรียบพี่ต๊อด เป็นหนึ่งในผู้อาศัยที่อยู่บ้านหลังนี้มานานตั้งแต่รุ่นพ่อ และรับรู้ถึงปัญหามาอย่างยาวนาน

พี่ต๊อดจึงเป็น “หนึ่งคน” ที่สามารถชี้จุดปัญหาใหญ่ ๆ ในวงการนี้ได้เป็นอย่างดีและสมควรที่เราจะต้องรับฟัง

ผมก็คือผู้รับเหมา ที่หวังจะมาปรับปรุงบ้านเก่าหลังนี้ให้ทันสมัยขึ้น เหมาะสมกับการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและมีวุฒิภาวะ การที่ผมได้มาถามข้อมูลจากผู้ที่เคยอาศัยอยู่มาก่อน ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี ที่จะเข้าใจถึงปัญหาต่าง ๆ ภายในบ้านที่สมควรได้รับการปรับปรุงหลังนี้

ที่ผมเลือกที่จะเดินเข้าไปหาที่ต๊อดและบุญรอดในวันนี้ เพราะผมอยากแสดงให้เห็นว่า ผมไม่ได้ตั้งใจมาเพื่อทุบบ้านหลังนี้ทิ้ง แต่ไม้เก่าผุพัง ถึงเวลารื้อ เราก็ต้องทำ รีบปรับเปลี่ยนเป็นวัสดุอย่างอื่น ก่อนที่มดปลวดจะกัดกินจนบ้านนี้ไม่เหลืออะไร

เพื่อความโปร่งใส และตรวจสอบได้ ผมอยากจะขอยืนยันว่าบทสนทนาระหว่างเราในวันนี้ ไม่มีคำว่า “ขอ” ออกจากปากใครสักครั้ง เพราะจุดประสงค์ในการพูดคุยครั้งนี้ ไม่มีสิ่งที่เราต้องร้องขอกันเลย และคำพูดที่ถูกใช้มากที่สุดคือ “ผมเจอแบบนี้ คุณเจอมาแบบไหน? เพื่อนผมเจอมาแบบนี้ เพื่อนคุณเจอมาแบบไหน?” ซะมากกว่า โดยผมยืนยันได้ว่าพวกเราไม่ได้มีผลประโยชน์ ใต้โต๊ะ มอบให้แก่กันแต่อย่างใด แต่สิ่งที่มอบให้กันคือมุมมองของแต่ละคนเสียมากกว่า

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post เท่าพิภพ ถกสุราก้าวหน้า ดีลไม่ลับกับ ต๊อดปิติ แห่ง “บุญรอด” first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/thao-phiphob-discusses-liquor-in-progress-a-no-secret-deal-with-todpiti-of-boon-rawd/

ญี่ปุ่นประเทศแห่งความสะอาดประสบปัญหาเจ้าของบ้านสะสมขยะจนเดือดร้อน

ญี่ปุ่นประเทศแห่งความสะอาดประสบปัญหาเจ้าของบ้านสะสมขยะจนเดือดร้อนเพื่อนบ้านพบบ้านขยะมากสุดในกรุงโตเกียวกว่า 880 หลังคาเรือน

ปัญหา “บ้านขยะ” ที่เพิ่มขึ้นในญี่ปุ่นทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับการขาดการสนับสนุนทางสังคม ‘โกมิ-ยาชิกิ’ คือบ้านที่มีกองขยะวางเต็มหน้าบ้านจนเกลื่อนถนนโดยรอบ ดึงดูดสัตว์รบกวน และสร้างปัญหาให้กับรัฐบาลท้องถิ่น

หนังสือพิมพ์โตเกียวฉบับหนึ่ง กล่าวว่า บ้านขยะกว่า 5,200 แห่งทั่วประเทศ ปัญหานี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ปัญหาระดับชาติ”

ญี่ปุ่นมีปัญหาเรื่องขยะ และมีชื่อเรียกว่า โกมิยาชิกิ หรือบ้านขยะ ขยะในท้องถิ่นที่เจ้าของทิ้งกองขยะลงบนถนนและทรัพย์สินโดยรอบ ดึงดูดสัตว์รบกวน ก่อให้เกิดปัญหากับรัฐบาลท้องถิ่นทั่วประเทศ

บ้านสามชั้นหลังหนึ่งในย่าน Isogo ของโยโกฮาม่ามีกล่อง เฟอร์นิเจอร์ และถุงพลาสติกวางซ้อนกันบนหลังคาโรงรถในตัว ลังไม้ยังกองพะเนินเทอะทะบนทางเท้า พร้อมด้วยตะกร้าช้อปปิ้ง เก้าอี้พับ ผ้าใบกันน้ำ และเศษไม้ที่กระจัดกระจาย เศษขยะยังรุกล้ำเข้าไปในที่จอดรถของเพื่อนบ้าน

ที่อยู่อาศัยดังกล่าวเป็นหนึ่งในบ้านขยะกว่า 5,200 หลังที่ระบุว่าเป็นปัญหาของชุมชนท้องถิ่นโดยเฉพาะ จากการศึกษาปัญหาทั่วประเทศซึ่งจัดทำโดยกระทรวงสิ่งแวดล้อม อสังหาฯ ที่เต็มไปด้วยขยะจำนวนมากที่สุดอยู่ในโตเกียวมี 880 หลัง รองลงมาคือจังหวัดไอจิทางตอนกลางของญี่ปุ่นซึ่งมีปัญหา 538 หลัง และ 341 แห่งในจังหวัดชิบะ ทางตะวันออกของโตเกียว

บทบรรณาธิการในหนังสือพิมพ์โยมิอุริเมื่อวันจันทร์ เรียกร้องให้รัฐบาลแห่งชาติออกกฎหมายใหม่เพื่อจัดการกับสิ่งที่ “ตอนนี้กลายเป็นปัญหาระดับชาติ” แทนที่จะปล่อยให้เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ชาวบ้านบ่นเรื่องกลิ่นเหม็นที่เล็ดลอดออกมาจากที่พักบางแห่งซึ่งเต็มไปด้วยขยะ 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูร้อน ขณะที่บางแห่งกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของสัตว์รบกวน เช่น แมลงสาบและหนู ที่อื่น ๆ สวนที่ไม่ได้ดูแลสามารถทะลักเข้าพื้นที่ใกล้เคียงได้ และมีความเป็นไปได้ที่บ้านไม้เก่า ๆ พังทลายลงภายใต้น้ำหนักของขยะที่กองอยู่ภายใน

การศึกษาของกระทรวงได้รับคำตอบจากเทศบาลกว่า 1,700 แห่ง ซึ่ง 101 แห่งระบุว่ามีกฎหมายท้องถิ่นที่กำหนดให้เจ้าของบ้านต้องดูแลทรัพย์สินของตนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ในขณะที่ 114 ได้จัดตั้งโครงการเพื่อช่วยเหลือผู้ที่มีพฤติกรรมกักตุนจนเกินเหตุ รวมถึงให้การสนับสนุนทางการเงินหรือให้เจ้าหน้าที่เทศบาลกำจัดขยะส่วนเกิน

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ญี่ปุ่นประเทศแห่งความสะอาดประสบปัญหาเจ้าของบ้านสะสมขยะจนเดือดร้อน first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/japan-encounters-a-problem-of-homeowners-collecting-garbage-until-they-are-in-trouble/

ไทยเปิดสอนวิชา “ป้องกันตัวจากศาสตร์มืด”

โรงเรียนไทยเปิดสอนวิชา “ป้องกันตัวจากศาสตร์มืด” สร้างภูมิคุ้มกันให้กับเยาวชน เอาตัวรอดจากสังคมที่ไม่แน่นอน

ในโลกของหนังสือและภาพยนตร์แฟน ๆ ของเหล่าบรรดาพ่อมดแม่มด“แฮร์รี่ พอตเตอร์” ที่ภาพยนตร์ถูกดัดแปลงมาจากนวนิยายชื่อดังของเจ เค โรว์ลิ่ง

ภาพยนตร์เรื่องนี้มีหลักสูตรที่สอนโดยศาสตราจารย์ที่เป็นพ่อมด แม่มดโดยตรง หนึ่งในนั้นคือวิชา “ป้องกันตัวจากศาสตร์มืด” เพื่อร่ายคาถาป้องกันตัวจากสิ่งอันตรายหรือเป็นสิ่งที่ตัวเองกลัว

ชื่อของวิชา  “ป้องกันตัวจากศาสตร์มืด” จากภาพยนตร์ชื่อดัง นำมาสู่การปรับปรุงหลักสูตรและสามารถใช้สอนได้จริง 

ปรากฏอยู่ในหลักสูตรการเรียนการสอน “วิชาเลือกเสรี” ในหมวดสังคมศึกษา ของนักเรียนมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 5 โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม

โดยข้อความบนเฟซบุ๊กของ “สังคมศึกษา โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายมัธยม” ระบุว่า รหัสวิชา ส32244 การป้องกันตัวจากศาสตร์มืด ม.5 (Protect yourself from social dangers) ระยะเวลาเรียน 2 คาบ/สัปดาห์

วิชานี้เกิดครั้งแรกในปี พ.ศ. 2564 เป็นวิชาเลือกเสรีในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาฯ ในกลุ่มส่งเสริมสมรรถนะการจัดการตนเอง ซึ่งประกอบด้วย

วิชา ปรัชญาเพื่อการดำรงชีวิต

วิชา กิจกรรมพัฒนาทักษะชีวิต

วิชา ศาสตร์ความสุขและการมองโลก

วิชา มนุษยสัมพันธ์

วิชา ติดอาวุธทางใจด้วยวิถีพุทธ

ทำไมถึงเกิดวิชานี้

ปัจจุบันการสร้าง ภูมิคุ้มกันทางสังคม แก่เยาวชนเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก จะทำอย่างไรให้สามารถป้องกันและจัดการตนเองเพื่อใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ในยุคที่สังคมเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แปรปรวน ไม่ใช้ความรู้มาใช้ในทางที่ผิดหรือเอาเปรียบผู้อื่น ไม่ตกเป็น เหยื่อของอารมณ์และความเครียด ของตนเองและผู้อื่น เรียนรู้วิธีการปฏิเสธ และการป้องกันตนเองจากการ ถูกกลั่นแกล้งและคุกคามในทุกรูปแบบ  การรู้ทัน สื่อและข่าวสารในทางเท็จ การถูกโกงในรูปแบบต่าง ๆ และการถูกชักชวนในทางที่ไม่ควร

วิชานี้สอนอะไร

การฝึกฝนให้รู้จักตน ความคิดและอารมณ์ การสร้างความเข้มแข็งในอารมณ์จากภาวะวิกฤติการเรียนรู้ความผิดหวังท่ามกลางการเปลี่ยนแปลง การยับยั้งชั่งใจและการจัดลำดับความสําคัญของชีวิต การรับฟังด้วยใจ จะช่วยให้อยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมอย่างมีความสุข

วิชานี้วัดผลอย่างไร

การสร้างหรือจำลองสถานการณ์เรื่องราวต่าง ๆ เพื่อให้นักเรียนแสดงความรู้สึก ว่าตนเองจะกระทำ หรือมีความคิดเห็นอย่างไรต่อสถานการณ์ท่ีกำหนดขึ้น

วิชานี้จะมีคาถาผู้พิทักษ์ คาถาต่อกร คาถาคุ้มครองป้องกันตัวอย่างไรบ้างต้องลองมาเรียน

สรุป

ตามข่าวที่ปรากฏสังคมทุกวันนี้ เราอาจเห็นว่ามีการใช้ความรุนแรงต่อกันมากขึ้น ปัจจัยที่เลี่ยงไม่ได้มาจากดูและเสพพฤติกรรมรุนแรงต่าง ๆ บนสื่ออินเทอร์เน็ตที่ทุกวันนี้เข้าถึงง่าย อาวุธ ปืน มีด รวมไปถึงยาอันตราย ๆ ก็สามารถซื้อผ่านออนไลน์ได้อย่างสะดวกสบาย เมื่อรู้สึกโกรธ หรือโดนกระทำอาวุธเหล่านี้กลายเป็นเครื่องมือต่อกรกับความรุนแรงนำมาซึ่งความสูญเสีย

นอกจากผู้ปกครองหรือพ่อแม่ที่จะคอยอบรมสั่งสอนแล้ว โรงเรียนก็เป็นอีกสังคมหนึ่งที่จะช่วยขัดเกลา สั่งสอน ให้นักเรียนได้ใช้ชีวิตอย่างรู้จักป้องกันตัวเอง เอาตัวรอดจากสังคมที่ไม่แน่นอน อยากให้โรงเรียนทั่วประเทศให้ความสำคัญกับ “หลักสูตรป้องกันตัวจากศาสตร์มืด”

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ไทยเปิดสอนวิชา “ป้องกันตัวจากศาสตร์มืด” first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/thai-teaching-courses-defense-against-the-dark-arts/

ชินคันเซ็นซูชิ ลดราคา ซูชิหอยเชลล์เหลือ 29 บาท

ชินคันเซ็นซูชิ ปรับลดราคา ซูชิประเภทหอยเชลล์เหลือ 29 บาท เนื่องจากต้นทุนวัตถุถูกลง แต่ยังคงคุณภาพ เพจเฟซบุ๊ก ชินคันเซ็นซูชิ ประกาศลดราคาซูชิประเภทหอยเชลล์ ทุกสาขา มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

Shinkanzen Sushi ขอแจ้งปรับลดราคาซูชิหอยเชลล์ย่าง และซูชิหอยเชลล์สด จากเดิม 45 บาท ปรับลดเป็น 29 บาท

เนื่องจากเราได้สรรหาวัตถุดิบที่มีความคุ้มค่าต้นทุนถูกลง และมีคุณภาพเหมือนเดิม ทำให้เราสามารถปรับราคาของอาหารลงมาเพื่อลูกค้าของเรา พร้อมทั้งยังคงไว้ซึ่งคุณภาพ และมาตรฐานของอาหาร

ชินคันเซ็น ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้การสนับสนุนอย่างอบอุ่นมาโดยตลอด เราคำนึงถึงความคุ้มค่าของลูกค้า และพัฒนาปรับปรุงคุณภาพของอาหารให้ดียิ่งขึ้น เพื่อคุณลูกค้าที่น่ารักของเราต่อไป

ปัจจุบัน Shinkanzen Sushi จดทะเบียนภายใต้บริษัท ฟู๊ด ซีเล็คชั่น จำกัด มีทั้งหมด 43 สาขา รวมแบรนด์ย่อยที่แตกออกมาทั้ง ShinkanzenGo และ Shinkanzen Omakase ด้วย

โดยเมื่อช่วงกลางปี 2565 Shinkanzen Sushi ได้ขายกิจการให้กับ Central Restaurant Group หรือ CRG ผ่านการขายหุ้นจำนวน 51% มูลค่า 510 ล้านบาท

อ้าง Shinkanzen Sushi จากร้านอาหารของนักศึกษา มธ. สู่กิจการมูลค่า 1,000 ล้านบาท

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ชินคันเซ็นซูชิ ลดราคา ซูชิหอยเชลล์เหลือ 29 บาท first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/shinkansen-sushi-discounted-scallop-sushi-to-29-baht/

ต้นทุนเท่าไร ที่พ่อแม่ต้องจ่ายให้ ชุดลูกเสือ-เนตรนารี

ช่วงเวลาของการเปิดภาคเรียนมาถึงแล้ว เด็ก ๆ หลายคนดีใจที่ได้กลับไปเจอเพื่อน ๆ  แต่สำหรับผู้ปกครองหลายคนต้องดิ้นรนหาเงินมาจ่ายค่าเทอม แถมยังต้องแบกรับเรื่องค่าใช้จ่าย “ชุดนักเรียน” อีกด้วย บางคนหมุนเงินไม่ทันต้องนำของมีค่าไปจำนำ

นอกจากชุดนักเรียนที่เป็นเครื่องแต่งกายทั่วไปแล้ว บางโรงเรียนยังให้นักเรียนแต่งชุดไทย แต่งชุดนานาชาติ ประจำสัปดาห์

รวมไปถึงชุดลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ที่มีราคาแพงกว่าชุดนักเรียนปกติ เพราะเนื้อผ้าหนากว่า  ซึ่งคนที่แบกรับค่าใช้จ่ายคือผู้ปกครองของเด็กนักเรียน

Brand Inside พาไปสำรวจราคาชุดลูกเสือสามัญที่มีขายทั่วไป ว่า นักเรียน 1 คน หากแต่งกายชุดลูกเสือแบบครบทั้งชุด ผู้ปกครองจะต้องเสียเงินประมาณกี่บาท

โดยราคาเสื้อลูกเสือสามัญจะมีราคาเดียวกัน แต่แตกต่างไปตามไซส์ คือ 250-640 บาท ส่วนกางเกง 250-550 บาท

นอกจากนี้ยังมีค่าเครื่องแบบอื่นๆ อาทิ หมวกและเข็มหน้าหมวก 80-90 บาท ผ้าพันคอ 30 บาท ว็อกเกิ้ล 10 บาท เข็มติดหน้าอก 10 บาท เข็มขัด 80-100 บาท ป้ายต่างๆ เช่น ป้ายโรงเรียน ป้ายแบ่งหมู่ ราคาป้ายละ 10 บาท นอกจานี้ยังมีป้ายอื่น ๆ ที่นักเรียนต้องปักติดกับชุดเพื่อบ่งบอกว่าผ่านวิชาอะไรมาบ้าง

สรุปราคาค่าใช้จ่ายชุดลูกเสือเฉลี่ยต่อชุดอยู่ที่ 900-1800 บาทโดยประมาณ

หมายเหตุ เป็นการสำรวจราคาจากหลาย ๆ ที่ ราคาแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับ ขนาด คุณภาพ ยี่ห้อของสินค้า

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ต้นทุนเท่าไร ที่พ่อแม่ต้องจ่ายให้ ชุดลูกเสือ-เนตรนารี first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/how-much-cost-do-parents-have-to-pay-boy-scouts-girl-scouts/

ไปรษณีย์ไทยขี้แจ้ง หลังพบข้อความจ่าหน้าซองบัตรเลือกล่วงหน้าตั้งไม่ชัดเจน

ไปรษณีย์ไทย ชี้แจงกรณีลายมือจ่าหน้าซองบัตรเลือกตั้งไม่ชัดเจน ได้เร่งส่งให้กกต.ตรวจสอบและแก้ไข พร้อมส่งเข้าเขตพื้นที่เลือกตั้งภายในวันที่ 13 พ.ค.นี้
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ชี้แจงกรณีการคัดแยกและขนส่งบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า ที่ได้พบซองบัตรเลือกตั้งที่ระบุตัวเลขรหัสจังหวัดและรหัสเขตไม่ชัดเจน/ อ่านยาก เนื่องจากเป็นลายมือของเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง โดยคิดเป็น 15% ซึ่งสถานะในขณะนี้ได้มีการคัดแยกบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งจากใน – นอกราชอาณาจักรครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว
กรณีบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่อ่านไม่ชัดเจน ไปรษณีย์ไทยได้ประสานงานกับ กกต. ดำเนินการตรวจสอบตามกระบวนการและระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยซองบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่อ่านไม่ชัดเจนได้นำส่งให้เจ้าหน้าที่ กกต. ที่ปฏิบัติงานสังเกตการณ์ประจำ ณ ศูนย์ปฏิบัติการคัดแยกบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า เพื่อวินิจฉัยและ คัดกรองทันที รวมถึงได้มีการตรวจสอบแก้ไข และได้นำส่งคืนให้ไปรษณีย์ไทยนำกลับไปคัดแยกใหม่
ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทยได้คัดแยกบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งใน – นอกราชอาณาจักรเรียบร้อยแล้วและได้ขนส่งบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งหมดไปสู่เขต 400 เขตเลือกตั้งทั่วประเทศ ซึ่งมีกำหนดการจัดส่งถึงทุกพื้นที่ภายในวันที่ 13 พฤษภาคม 2566
ไปรษณีย์ไทย ในฐานะหน่วยงานขนส่งหลักของชาติยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนภารกิจพิเศษเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 โดยยึดถือกฎเกณฑ์มาตรการและความปลอดภัยสูงสุด

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ไปรษณีย์ไทยขี้แจ้ง หลังพบข้อความจ่าหน้าซองบัตรเลือกล่วงหน้าตั้งไม่ชัดเจน first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/thai-post-office-after-finding-the-message-card-envelope-is-unclear/

ไปรษณีย์ไทยพบข้อความจ่าหน้าซองบัตรเลือกล่วงหน้าตั้งไม่ชัดเจน

ไปรษณีย์ไทย ชี้แจงกรณีลายมือจ่าหน้าซองบัตรเลือกตั้งไม่ชัดเจน ได้เร่งส่งให้กกต.ตรวจสอบและแก้ไข พร้อมส่งเข้าเขตพื้นที่เลือกตั้งภายในวันที่ 13 พ.ค.นี้
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ชี้แจงกรณีการคัดแยกและขนส่งบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า ที่ได้พบซองบัตรเลือกตั้งที่ระบุตัวเลขรหัสจังหวัดและรหัสเขตไม่ชัดเจน/ อ่านยาก เนื่องจากเป็นลายมือของเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง โดยคิดเป็น 15% ซึ่งสถานะในขณะนี้ได้มีการคัดแยกบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งจากใน – นอกราชอาณาจักรครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว
กรณีบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่อ่านไม่ชัดเจน ไปรษณีย์ไทยได้ประสานงานกับ กกต. ดำเนินการตรวจสอบตามกระบวนการและระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยซองบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่อ่านไม่ชัดเจนได้นำส่งให้เจ้าหน้าที่ กกต. ที่ปฏิบัติงานสังเกตการณ์ประจำ ณ ศูนย์ปฏิบัติการคัดแยกบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า เพื่อวินิจฉัยและ คัดกรองทันที รวมถึงได้มีการตรวจสอบแก้ไข และได้นำส่งคืนให้ไปรษณีย์ไทยนำกลับไปคัดแยกใหม่
ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทยได้คัดแยกบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งใน – นอกราชอาณาจักรเรียบร้อยแล้วและได้ขนส่งบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าทั้งหมดไปสู่เขต 400 เขตเลือกตั้งทั่วประเทศ ซึ่งมีกำหนดการจัดส่งถึงทุกพื้นที่ภายในวันที่ 13 พฤษภาคม 2566
ไปรษณีย์ไทย ในฐานะหน่วยงานขนส่งหลักของชาติยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนภารกิจพิเศษเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 โดยยึดถือกฎเกณฑ์มาตรการและความปลอดภัยสูงสุด

ติดตามข่าวสารจาก Brand Inside ได้จาก Facebook ของเรา

The post ไปรษณีย์ไทยพบข้อความจ่าหน้าซองบัตรเลือกล่วงหน้าตั้งไม่ชัดเจน first appeared on Brand Inside.
from:https://brandinside.asia/%e0%b9%84%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%a9%e0%b8%93%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b9%8c%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a2%e0%b8%9e%e0%b8%9a%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%88%e0%b9%88/