Windows 10 เพิ่มโปรแกรมโปรดลงใน Startup ให้ทำงานได้ทันที

สำหรับการ รันโปรแกรมตอนเปิดเครื่อง win10 บางโปรแกรมที่เราได้ติดตั้งลงไปในคอมพิวเตอร์นั้น ไม่ใช่ว่าทุกโปรแกรมจะรันขึ้นมา เมื่อเราเปิดเครื่องทุกครั้ง เพราะตามอัลกอริทึมแล้ว โปรแกรมบางตัวไม่จำเป็นต้องรันขึ้นมาพร้อมกับระบบ แต่สำหรับบางโปรแกรมที่ใช้งานอยู่บ่อยๆ บางครั้งเราก็ไม่อยากจะคลิกหรือเรียกโปรแกรมขึ้นมาทุกครั้งที่ต้องการใช้งาน และอยากให้เปิดขึ้นทุกครั้งเมื่อเปิดเครื่อง ซึ่งแน่นอนว่าจะก็จำเป็นที่จะต้องเข้าไปจัดการในส่วนของ Startup Program เสียใหม่ เพื่อให้โปรแกรมเปิดขึ้นมาอัตโนมัติ เมื่อคุณเปิดเครื่องหรือล็อกอินเข้ามา ก็จะสามารถใช้โปรแกรมที่ต้องการได้ทันที

โดยวิธีการนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการใช้งานของโปรแกรมที่อยู่เบื้องหลังหรือเป็นเครื่องมือที่ใช้บ่อย แต่คุณยังสามารถเพิ่มการใช้งานแอพฯ บนเดสก์ทอปและป็อปอัพขึ้นทันที เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว

สำหรับบน Windows 7 และ Windows ก่อนหน้านี้ Start Menu ที่มีอยู่จะเป็นการเริ่มต้นในการเข้าถึง Folder “Startup” ที่ง่ายมากๆ เพียงแค่เข้า Windows ดังกล่าวนี้ ก็สามารถเปิดเมนู Startup และหาทางลัด โดยไปยังโปรแกรมที่ต้องการ ที่จะให้เริ่มต้นการทำงานโดยอัตโนมัติ จากนั้นคลิกขวาและเลือก Copy แล้วค้นหาโฟลเดอร์ Startup เสร็จแล้วนำแอพที่ต้องการไปวางไว้ในโฟลเดอร์นั้น ด้วยการคลิกขวาแล้ว Paste ก็เป็นอันเสร็จสิ้น

อย่างไรก็ดีโฟลเดอร์นี้จะไม่สามารถเข้าถึงได้ง่ายนักบน Windows 8 หรือ 8.1 รวมถึง Windows 10 แต่ก็ยังคงสามารถเรียกใช้งานได้ ด้วยการกดปุ่ม Windows + R จากนั้นพิมพ์ “shell:startup” ในช่องหน้าต่าง Run จากนั้นกด Enter เพียงเท่านี้คุณก็จะเข้าถึงโฟลเดอร์นี้ได้แล้ว เพียงแต่คุณจะยังไม่สามารถเพิ่มชอร์ตคัตจาก Task Manager บนหน้าต่าง Startup นี้ได้

โดยชอร์ตคัตที่คุณจะเพิ่มเข้าไปในโฟลเดอร์ “shell:startup” จะเปิดขึ้นเมื่อเข้าสู่ระบบด้วยบัญชีหรือ User account ของตัวคุณเอง หากต้องการชอร์ตคัตใดที่เปิดขึ้นเอง เมื่อผู้ใช้เข้าสู่ระบบ ให้พิมพ์ “shell:common startup” ในช่องไดอะลอกของ Run นั่นเอง

จากนั้น Paste ชอร์ตคัตวางลงไปในโฟลเดอร์นี้ และ Windows จะโหลดสิ่งที่ต้องการให้โดยอัตโนมัติ เมื่อคุณ Sign-in สู่คอมพิวเตอร์ โดยที่บน Windows 10 คุณสามารถ Drag and Drop ชอร์ตคัตจาก “All Apps” ในรายการเข้าสู่ Start menu ลงในโฟลเดอร์ได้โดยตรง แล้วสามารถเลือก รันโปรแกรมตอนเปิดเครื่อง win10 ได้ง่ายอีกด้วย
ที่มา : howtogeek

from:https://notebookspec.com/windows-10-startup-program/313482/

นักพัฒนาห้ามพลาด ! กับงาน Code Mania 1010 “All about passion”

Code Mania 1010 โดยสมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย ในรอบนี้มาพร้อมกับคีย์เวิร์ด “ความหลงใหล” ที่จะเล่าประสบการณ์ตรงจากใครหลายคนที่กำลังลองเล่นอะไรใหม่ๆ หรืออินกับอะไรแบบสุดๆ เปิดกว้างในหัวข้อที่หลากหลาย ทั้ง Data Science, Data Engineering , NLP, Quantum, AI/ML และเรื่องราวอีกมากมายที่เหล่านักพัฒนาซอฟแวร์จะมารวมตัวและแชร์ความรู้สุดเอ็กซ์คลูซีฟให้กับทุกคน โดยมีหัวข้อที่น่าสนใจ พร้อมเวิร์กช้อปต่างๆ อย่างเช่น

– Toward Virtual People: A Case Study on Fake Obama โดยคุณศุภศรณ์ สุวจนกรณ์ – Former Google Brain Researcher จากบริษัท Google

– Personal Data Protection Act B.E. 2562(2019) PDPA โดย คุณอภิเชฏฐ์ วงศ์สันติสุข – Co-founder & Legal expert จาก ทนายแมน

– Real-time Bot Detection using Machine Learning at Agoda โดย คุณภวิศ พรกิจประสาน – Lead Software Engineer จาก Agoda

– Serverless Architecture with AWS โดย คุณพงศกร ธีรภาพวงศ์ – CTO & Co-founder จาก Indy Dish

– DevOps 101 – what the heck DevOps is? โดย คุณอิศเรศ ประจิตต์มุทิตา – MD จาก AiPEN Studio

– และหัวข้ออื่นๆ ที่น่าสนใจ อีกมากมาย

นอกจากนั้นแล้วคุณจะได้พบกับเวิร์กช้อป ที่น่าสนใจ

Workshop 1 : Flutter for Beginner โดย คุณพิชญ ศรีฟ้า – CTO จากบริษัท GetLinks
Flutter เป็น mobile sdk ใหม่จาก Google ที่ทำให้การพัฒนา mobile application ประสิทธิภาพสูงกลายเป็นเรื่องง่าย ถูกใช้งานโดยบริษัทใหญ่ๆ มากมาย และในอนาคต Flutter จะกลายเป็นตัวเลือกหลักอีกตัวในการพัฒนา mobile application ”

Workshop 2 : Building Bank on Ethereum Blockchain with Smart Contracts โดยคุณนัฐพล นิมากุล – CTO จากบริษัท KULAP.io
Workshop ที่จะพาคุณลงมือทำระบบธนาคารบน Public Blockchain ที่เราเรียกสั้นๆ ว่า DeFi (Decentralized Finance) โดยใช้ภาษา Solidity ที่เป็นภาษายอดนิยมในการเขียน Smart Contract ในปัจจุบัน ใน Workshop นี้จะได้เรียนรู้ Crypto Wallet และ Smart Contract ไปพร้อมๆ กัน

กำหนดการ
วันจัดงาน : วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2562
เวลา : 08:30 – 17:50 น.
สถานที่ : True Digital Park (BTS ปุณณวิถี )

คลิกดูรายละเอียดและวิธีการชำระเงิน – ได้ที่นี่
คลิกลงทะเบียนที่นี่

 

from:https://www.enterpriseitpro.net/code-mania-1010-all-about-passion/

Software – หลุดข้อมูล Winamp 5.8 Beta โปรแกรมฟังเพลงในตำนาน ที่อาจจะกลับมาผงาดอีกครั้ง

เชื่อว่าหลายคนที่ใช้คอมพิวเตอร์ในช่วง 10 กว่าปีที่แล้ว ไม่มีใครไม่รู้จักโปรแกรมสามัญประจำเครื่องอย่าง Winamp ที่ใช้ในการเปิดเพลง ด้วยหน้าตาที่หลาสสิก และความนิยมใช้งานเป็นวงกว้าง แต่หลังจากปี 2014 ก็ไม่ได้มีการพัฒนาต่ออีก แต่เชื่อว่าหลายคนก็ยังคงใช้อยู่!! มาในวันนี้ได้มีการพบข้อมูลว่ามี Winamp เวอร์ชันใหม่ออกมา ซึ่งนับจากวันที่หยุดพัฒนาไปก็ร่วม 4 ปี แล้ว หรือว่าจะเป็นการปลุกผีกลับมาอีกครั้งหนึ่งกันแน่

ได้มีการพบข้อมูลว่ามีผู้ใช้นิรนามบนเว็บฝากไฟล์คนหนึ่งทำการอัพโหลดตัวโปรแกรม Winamp รุ่น Beta ที่มีวันที่การแก้ไขล่าสุดเมื่อปี 2016 โดยได้พบความเปลี่ยนแปลงหลักๆ คือ การเพิ่มฟีเจอร์, แก้ปัญหา, พัฒนาเพิ่มเติม และลบสิ่งที่มีออกบางอย่าง เช่น การนำเวอร์ชั่น Pro ออก และทำให้มันกลายเป็น Freeware 100% แต่ที่น่าสนใจคือ จะเป็นการอัพเดตให้รองรับ Windows 8 และ Windows 10 มากกว่า

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ข้อมูลอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด ทำให้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในภายหลังได้ และแน่นอนว่าใครที่อยากลองเวอร์ชัน Beta นี้ก็สามารถเข้าไปดาว์นโหลดได้ตรงที่มาได้เลยนะครับ แต่ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงในการใชงานโปรแกรมด้วยนะ

ที่มา neowin

from:https://notebookspec.com/llamas-not-dead-winamp-5-8-beta-leaks-online/455728/

5 อันดับแรกของภาษาเขียนโปรแกรมที่โหดมากที่สุด

นักพัฒนาแอพทุกคนย่อมผ่านประสบการณ์เขียนโปรแกรมมามากกว่า 1 ภาษา ซึ่งภาษาส่วนใหญ่ในปัจจุบันจัดอยู่ในระดับสูงหรือ High-Level ในเชิงที่คำสั่งต่างๆถูกพัฒนาขึ้นมาให้มนุษย์เข้าใจได้ง่ายมากที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีภาษาโปรแกรมมิ่งที่อยู่ระดับต่ำ หรืออีกนัยหนึ่งคือมนุษย์อ่านทำความเข้าใจได้ยาก

ซึ่งแน่นอนว่ามีภาษากลุ่มหนึ่งที่อยู่ระดับล่างชนิดต่ำกว่านรกชนิดที่ไม่อยากให้คนบนโลกเข้าใจโดยสิ้นเชิง ภาษาเหล่านี้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า Esoteric Programming Language หรือชื่อสั้นๆ ว่า Esolangแม้จะดูแทบไม่มีประโยชน์ในการใช้งานวงกว้างปัจจุบัน แต่กลับเป็นที่นิยมของเหล่าแฮ็กเกอร์หรือผู้ที่คลั่งไคล้การเขียนโปรแกรมแบบพิสดารมากจนน่าแปลกใจ

ทั้งนี้ ทาง TechNotification.com ได้รวบรวมภาษาเขียนโปรแกรมที่ได้ชื่อว่ามนุษย์ทั่วไปอ่านยากมากถึงมากที่สุด จำนวน 5 ภาษามาให้เปิดหูเปิดตาดังต่อไปนี้

1. Malbolge
เป็นหนึ่งในภาษาที่ยากที่สุดของโลก แบบที่หลังจากภาษานี้เปิดตัว ต้องใช้เวลากว่า 2 ปีถึงจะมีคนที่สามารถเขียนโปรแกรมด้วยภาษาดังกล่าวขึ้นเป็นครั้งแรก มีข่าวลือว่าคนที่คิดค้นภาษา Malbolgeนี้ไม่เคยเขียนโปรแกรมใดๆ มาก่อนเลย ขอให้จดจำชื่อคนสร้างภาษานี้ไว้เป็นเกียรติประวัติว่าชื่อ Ben Olmsted ที่มโนภาษานี้ขึ้นมาตั้งแต่ปี 2541 สำหรับโค้ดโปรแกรมโคตรเบสิกอย่าง Hello World ในภาษา Malbolgeนั้นมีดังนี้:

(=<`#9]~6ZY32Vx/4Rs+0No-&Jk)”Fh}|Bcy?`=*z]Kw%oG4UUS0/@-ejc(:’8dc

2. Cow Programming Language
หรือภาษาวัว เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2556 คาดว่าคนคิดจะอยู่ในฟาร์มวัวและชอบการร้องประสานเสียงของวัวเป็นพิเศษ จนทำให้โค้ดของภาษานี้ไม่มีคำอื่นนอกจากคำว่า moo โดยใช้ความแตกต่างของตัวพิมพ์ใหญ่และตัวพิมพ์เล็กในคำดังกล่าวแทน เช่น

MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO MoO Moo MoO MoO

3. Brainfuck
ดูจากชื่อแล้วก็ไม่น่ายื่นสมองเข้าไปใกล้เลยทีเดียว ด้วยความซับซ้อนที่ต้องเรียงคำสั่งที่มีแค่ 8 คำสั่งหรือสัญลักษณ์ออกมาเป็นโปรแกรม ลองดูความ Fuck จากโค้ดโปรแกรม Hello World ดังต่อไปนี้:

++++++++++[>+++++++>++++++++++>+++>+<<<<-]>++.>+.+++++++..+++.>++.<<+++++++++++++++.>.+++.——.——–.>+.>.

4. INTERCAL
เป็นภาษาสำหรับตัวแปลงหรือ Compiler ที่แทบไม่มีคำสั่งที่อ่านและเข้าใจเลย เนื่องจากใช้เป็นรหัสตัวเลขจำนวนมาก แม้จะอ่านเผินๆ เหมือนภาษาโปรแกรมมิ่งง่ายๆ อื่นๆ ก็ตาม ต้องขอบคุณคนคิดอย่าง Don Woods และ James M. Lyonที่สร้างภาษาที่เหมือนจะไม่งงแต่งงดังเช่น

PLEASE DO ,1 <- #13

DO ,1 SUB #1 <- #238
DO ,1 SUB #2 <- #112
DO ,1 SUB #3 <- #112
DO ,1 SUB #4 <- #0
DO ,1 SUB #5 <- #64
DO ,1 SUB #6 <- #238
DO ,1 SUB #7 <- #26
DO ,1 SUB #8 <- #248
DO ,1 SUB #9 <- #168
DO ,1 SUB #10 <- #24
DO ,1 SUB #11 <- #16
DO ,1 SUB #12 <- #158
DO ,1 SUB #13 <- #52

PLEASE READ OUT ,1
PLEASE GIVE UP

5. Whitespace
เป็นภาษาที่เอาช่องว่างอันได้แก่ การเว้นหรือกด Space, การกด Tab, หรือการขึ้นบรรทัดใหม่ มาใช้ตีความเป็นคำสั่ง โดยมองข้ามอักขระอื่นที่ไม่ใช่ช่องว่างเป็นที่น่าสังเกตว่าภาษานี้เปิดตัวในวันที่ 1 เมษายน 2546 หรือเอพริลฟูลเดย์นั่นเอง

ที่มา : https://www.technotification.com/2018/04/difficult-programming-language.html

from:https://www.enterpriseitpro.net/5-program-language/

Facebook จะลงทุนหลักสิบล้านดอลล์ ดึงผู้นำชุมชน

รายงานล่าสุดระบุ เจ้าพ่อเครือข่ายสังคมอย่าง Facebook จะให้เงินอุดหนุนมากกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ ผ่านโครงการที่เน้นชุมชนเข้มแข็ง เพื่อให้ประชาชนสามารถสร้างกลุ่มหรือคอมมูนิตี้ที่เหนียวแน่น

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ Facebook เกิดขึ้นระหว่างการประชุมชุมชนหรือ Communities Summit ในยุโรปเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดย Facebook เปิดตัวโครงการผู้นำของชุมชนหรือ Communities Leadership Program ภายใต้แนวคิดการเน้นลงทุนกับผู้ที่ริเริ่มการสร้างชุมชน

เม็ดเงินที่เจ้าพ่อโซเชียลเตรียมไว้สำหรับโครงการนี้อยู่ที่หลักสิบล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะรวมถึงเงินช่วยเหลือจำนวนมากกว่า 10 ล้านเหรียญสำหรับสนับสนุนโครงการต่างๆที่เสนอโดยผู้ได้รับรางวัลแต่ละราย โดยแต่ละชุมชนสามารถเลือกผู้นำได้ 5 คนสำหรับท้องถิ่น ในขณะที่สมาชิกผู้เข้าร่วมทีมงานสามารถมีจำนวนสูงสุด 100 คน จุดนี้ผู้คนในชุมชนจะได้รับเงินสนับสนุนสูงสุด 1 ล้านเหรียญ สำหรับข้อเสนอหรือแผนสร้างกิจกรรม ในขณะที่ทีมงานมีโอกาสได้รับเงิน 50,000 เหรียญสำหรับโครงการเพื่อชุมชนที่เฉพาะเจาะจง

นอกจากนี้ Facebook ระบุว่าบริษัทจะขยายโครงการ Community Leadership Circles ซึ่งคล้ายกับงานประชุมสำหรับสมาชิกที่อาศัยในท้องถิ่นละแวกเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าชุมชนเหล่านี้จะต้องเริ่มต้นสร้างกลุ่มบนเฟซบุ๊กก่อนจึงจะมีโอกาสรับสิทธิ์สนับสนุนหรือไม่ แต่คำแถลงของ Facebook ย้ำว่าต้องการเพิ่มขีดความสามารถ ให้ผู้นำชุมชนจากทั่วโลกสร้างชุมชนผ่านแอพพลิเคชันและบริการของ Facebook ได้อย่างเข้มแข็ง

ไม่แน่ การอัดฉีดเงินการกุศลนี้อาจเป็นวิธีหนึ่งในการดึงดูดชาวอเมริกัน ให้เข้าสู่เครือข่ายสังคมซึ่งมีจำนวนผู้ใช้งานประจำวันลดลงจาก 185 ล้านคนเป็น 184 ล้านคน ในการสำรวจครั้งล่าสุด

อย่างไรก็ตาม Facebook แสดงจุดยืนชัดเจนเรื่องความพยายามเปิดตัวเครื่องมือการระดมทุนสำหรับผู้ใช้ เพื่อให้เกิดเป็น “สังคมที่ดีขึ้น” ผู้สนใจสามารถคลิกสมัครได้ที่นี่

ที่มา: Engadget

 

Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2018/02/facebook-community-leadership-program/

Facebook พร้อมชน YouTube และ Amazon ด้วยโครงการนำร่องครีเอเตอร์เกม

หลังจากเริ่มเปิดตลาดตั้งแต่ปี 2011 บริการอย่าง Twitch นั้นทำให้ Amazon ครองตลาดไลฟ์สดซึ่งทำให้บุคลากรวงการ eSports สามารถทำเงินให้ content ได้เป็นกอบเป็นกำ วันนี้ Facebook อยากได้บ้าง และกำลังเปิดโครงการนำร่องเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาด

แผนนี้ของ Facebook สะท้อนว่าเครือข่ายสังคมยักษ์ใหญ่ของโลกกำลังพร้อมชนธุรกิจของ Amazon เต็มที่ โดยตั้งชื่อเรียกโครงการนี้ว่า Gaming Creator Pilot Program ซึ่งจะชนช้างกับบริการอย่าง Twitch เต็มตัว

จุดนี้ Leo Olebe ผู้อำนวยการพันธมิตรเกมระดับโลกแห่ง Facebook เผยว่าโปรแกรมนี้จะช่วยเหลือและสนับสนุนเหล่าเกมเมอร์ที่ชื่นชอบการสตรีมสดผ่านระบบออนไลน์ กลุ่มคนเหล่านี้ Facebook เรียกรวมว่า eSport live streaming content creators ซึ่งคนกลุ่มนี้จะสามารถควบคุมชุมชนแฟนคลับผู้ติดตามการถ่ายทอดสดได้ดีกว่าเดิม

เบื้องต้น ยังไม่ชัดเจนว่า Facebook ต้องการให้ชาวครีเอเตอร์คนแคสเกมทำวิดีโอไลฟ์สด eSport เฉพาะกับ Facebook หรือไม่ ซึ่งหากไม่มีการกำหนด เชื่อว่าโครงการนี้จะขยายตัวต่อเนื่องและสามารถไล่ตามทัน Twitch ที่เริ่มบุกเบิกตลาดมาตั้งแต่ 7 ปีที่แล้ว

ในแถลงการณ์ Facebook มั่นใจว่า Gaming Creator Pilot Program จะได้รับการตอบรับที่ดี เพราะสามารถรองรับการสตรีมวิดีโอสดที่ระดับความละเอียด 1080p ด้วยอัตรา 60 เฟรมต่อวินาที และจะมีการช่วยเหลือให้เนื้อหาวิดีโอไลฟ์สดของนักแคสเกม สามารถถูกค้นพบ และเปิดชมได้ง่าย ผ่านทั้ง Facebook, Instagram หรือแม้กระทั่ง Oculus

ข่าวนี้ทำให้เกิดการตื่นตัวในวงการนักแคสเกมไม่น้อย โดยเฉพาะความชัดเจนว่าครีเอเตอร์ผู้สร้างวิดีโอทุกคนทั้งที่อยู่และไม่ได้อยู่ในวงการ eSport ล้วนต้องตื่นตัว และไม่ควรมองข้ามการลงทุนเพื่อสร้างแพลตฟอร์มของตัวเอง เพื่อให้ไม่หลงพากลุ่มแฟนไปสู่แพลตฟอร์มใหม่ ซึ่งมีตัวเลขผลตอบแทนที่มากกว่าประเดี๋ยวประด๋าวมาเป็นตัวล่อ

ที่มา: Campaignasia

 

Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2018/02/facebook-gaming-creator-pilot-program/

Amazon ขยาย Influencer Program รอบใหม่ลุยดาวรุ่ง YouTube

บริการในเครือ Amazon อย่าง Influencer Program นั้นเป็นบริการที่ทำให้เน็ตไอดอลหรือเซเลบฯออนไลน์สามารถรับค่านายหน้าจากสินค้าบน Amazon ที่แต่ละคนโปรโมทให้ ล่าสุด Influencer Program เปิดกว้างให้ดาวเด่นบน YouTube สามารถลงชื่อเข้าร่วมโครงการได้ด้วย ทำให้ Amazon ถูกมองว่ากำลังเริ่มหาทางขยายธุรกิจบน YouTube อย่างยั่งยืน

เมื่อไม่มีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ Amazon จึงถูกรายงานว่าได้เริ่มเปิดเครื่องมือใหม่นี้อย่างเงียบเชียบ โดยผู้สร้างวิดีโอที่มีคนติดตามสูงบน YouTube จะสามารถกรอกข้อมูลตัวเองเพื่อร่วมโครงการนี้ได้ง่ายผ่านแบบฟอร์มออนไลน์

อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ยังอยู่ในช่วงทดลองหรือ beta ซึ่งเป็นสถานะคงที่ตั้งแต่โครงการนี้เริ่มนำร่องเมื่อมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้ไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า social media influencer ที่ลงทะเบียนกับโครงการนี้มีจำนวนเท่าใดแล้ว

หากมองในภาพรวม โครงการ Influencer Program นี้แตกออกมาจาก Amazon Affiliate ได้อย่างชาญฉลาดและตอบโจทย์ชาวเน็ตในยุคนี้ เนื่องจากการสำรวจมากมายชี้ว่าเซเลบฯออนไลน์นั้นมีอิทธิพลมากในการดลใจให้ผู้บริโภคซื้อสินค้า ซึ่งกรณีของ Amazon นั้นจะสามารถหยิบความฮอตของ Influencer เข้ามาส่งเสริมกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้อย่างสวยงาม

สำหรับแบบฟอร์มออนไลน์ในโครงการ Influencer Program จะวิเคราะห์ความฮอตของเหล่า influencer ผ่านการวัดผลสถิติการเข้าถึงต่างๆ เช่น จำนวนผู้ติดตาม, สถิติ engagement, คุณภาพของโพสต์ และความสอดคล้องกับเป้าหมายของ Amazon ทั้งหมดนี้ Amazon ให้ข้อมูลกับสำนักข่าว TechCrunch ว่าเครื่องมือใหม่นี้มีไว้สำหรับ influencer บน YouTube เท่านั้น ซึ่งอาจทำให้ขั้นตอนการตรวจสอบ influencer ทำได้ดีขึ้น

TechCrunch ยังระบุในรายงานว่า “Style Code” รายการโชว์ออนไลน์ของ Amazon เองได้ถูกยกเลิกไปเมื่อเดือนพฤษภาคม ความจริงนี้ชี้ให้เห็นว่า Amazon สามารถ outsource งานสร้างวิดีโอคลิปเพื่อขายสินค้าให้กับ influencer บน YouTube และทำให้ Amazon สามารถจัดการหรือเลือก influencer ชั้นดีได้ง่ายขึ้นผ่านโปรแกรม Influencer Program นี้

ที่มา: MarketingDive

 

Source: thumbsup

from:http://thumbsup.in.th/2017/09/amazon-influencer-program-youtube/

[Recommend] เบื่อไหม !!! ค้นหาไฟล์ในเครื่องไม่เจอหรือหาเจอช้า มาค้นหาไฟล์แบบเร็วขั้นเทพกันเถอะ

ในบทความนี้เราจะมาแนะนำโปรแกรม Everything ซึ่งเป็นโปรแกรมค้นหาไฟล์ภายในเครื่อง ที่จะช่วยเราในการค้นหาไฟล์ที่เราต้องการภายในเครื่องคอมของเรา หากข้อมูลหรือไฟล์ในเครื่องคอมฯของเรามีจำนวนมากมาย และไม่ได้ถูกจัดวางให้เป็นระบบ ระเบียบ มันก็จะหายากมากๆ หากต้องการไฟล์ใดไฟล์หนึ่ง

แต่หากมีโปรแกรมนี้ปัญหาเหล่านี้ก็จะหมดไป เพราะโปรแกรมนี้มีระบบ Find ข้อมูลด้วยความเร็วสูง และยังฉลาดสุดๆ อีกด้วย แบบเร็วกว่า Windowsearch ที่ติดมาในตัวเครื่องเสียอีก

โดยโปรแกรมค้นหาไฟล์ Everything ตัวนี้ช่วยคุณได้อย่างแน่นอน นอกจากจะมีขนาดเล็ก โหลดได้รวดเร็วแล้ว โปรแกรมค้นหาไฟล์ นี้ยังสามารถทำการค้นหาไฟล์ที่คุณต้องการได้ทันใจอีกด้วย เพราะมันมีการสร้างระบบ Indexing หรือการสร้างสารบัญของไฟล์เก็บไว้ในฐานข้อมูลแยกต่างหาก

ทำให้เวลาค้นหาข้อมูลต่างๆ นั้นก็มาค้นจากไฟล์สารบัญตัวนี้แทนที่จะไปเริ่มนับหนึ่งค้นหาใหม่ทั้งหมด แถมยังเพิ่มฟังก์ชั่นเรียกใช้งานการค้นหาในแถบเมนูคลิกขวา (Right-click Context Menu) เพื่อให้เข้าถึงฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆ ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ โปรแกรมค้นหาไฟล์ นี้ยังสามารถทำงานได้รวดเร็วกับฮาร์ดไดร์ฟที่ทำการฟอแมต (Format) ข้อมูลแบบ NTFS ก็หาข้อมูลที่ต้องการได้เร็วจู๊ดๆ เลยทีเดียวละ

สามารถดาวน์โหลดได้ ที่นี่

from:https://notebookspec.com/everything-search-fast-recommended/412975/

ข่าวดี!! Apple ประกาศเปลี่ยนแบตเตอรี่ iPhone 6s ล็อตเดือนกันยายน – ตุลาคม 2558 ฟรีไม่มีมีค่าใช้จ่าย

Apple ได้ออกมาประกาศรับทราบเรื่องที่เจ้าของ iPhone 6s จำนวนหนึ่งได้ประสบกับปัญหาเครื่องดับเองแบบไม่มีสาเหตุ โดยเจ้าของอุปกรณ์ไม่ได้ทำการสั่งปิดเครื่อง ซึ่งปัญหานี้ไม่ได้เป็นกับทุกเครื่องแต่จะเป็นกับเครื่องที่ถูกผลิตระหว่างเดือนกันยายน – ตุลาคม 2558 (September – October 2015) ทาง Apple ยินดีที่จะเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

หลายคนคงมีคำถามว่า แล้วจะเช็คยังไงว่าเครื่องเราผลิตเมื่อไหร่ เช็คได้จากทางข้างหลังกล่อง iPhone เราจะมีวันที่ผลิตระบุอยู่ถ้า iPhone 6s ของเราอยู่ในล็อตผลิตนี้และกำลังมีปัญหาอยู่ ขั้นตอนที่เราจะต้องทำก็คือ

1. Backup ข้อมูลของเครื่องไว้ก่อนที่จะนำไปเข้าศูนย์บริการ
2. ปิด Find My iPhone ใน Settings
3. ให้ล้างข้อมูลในเครื่องก่อนไปศูนย์บริการให้เรียบร้อย

สำหรับ iPhone ของใครที่จอแตก Apple ได้ระบุมาว่าถ้าเราเอาเครื่องเข้ารับบริการการเปลี่ยนแบตเตอรี่อาจจะมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมหรือเปลี่ยนจอของเราด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือติดต่อศูนย์บริการ ได้ที่ http://goo.gl/6WNrYo

ที่มา –  iServe 

from:http://www.flashfly.net/wp/?p=165338

12 ภาษาโปรแกรมมิ่งยอดนิยม ที่ชาวไอทีควรจะต้องลับฝีมือไว้บ้าง !

ภาษาสำหรับเขียนโปรแกรมนั้นไม่ได้จำกัดเฉพาะโปรแกรมเมอร์อีกเต่อไป สารพัดอาชีพที่เกี่ยวข้องทั้งวิศวกรเครือข่าย, แอดมิน, ผู้จัดการสตอเรจ, หรืออาชีพที่ดูแลโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ก็ควรรู้เกี่ยวกับภาษาโปรแกรมมิ่งยอดฮิตเหล่านี้ อย่างน้อย 2 – 3 ภาษา ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานเป็นอย่างมาก

Python สุดยอดโปรแกรมมิ่งท็อปสามที่ผู้ที่ทำงานกับโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีควรเรียนรู้ไว้ เนื่องจากการใช้งานที่ง่าย แถมไม่ต้องเสียเวลาคอมไพล์ ทำให้ดีบั๊กได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย มีการนำมาใช้กับการทำงานได้อย่างรวดเร็ว หรือแม้แต่การผสานโค้ดเข้ากับโค้ดตัวอื่นๆ ได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนำมาใช้กับคอนโทรลเลอร์ SDN ยอดนิยมอย่าง POX และ Ryu

Java เป็นภาษาเขียนโปรแกรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกมาอย่างยาวนาน โดยมีผู้ใช้มากกว่าภาษา C ที่เป็นอันดับสองถึงสองเท่า เนื่องจากการที่รันได้บนทุกแพลตฟอร์ม แม้แต่บนแอนดรอยด์หรือ IoT อีกทั้งจากอายุที่มีมานานมาก ทำให้แหล่งความรู้ต่างๆ มีให้เข้าถึงอย่างมหาศาล แม้จะเรียนรู้ได้ง่ายน้อยกว่า Python แต่จาวาก็มีคุณสมบัติพิเศษตรงที่มีข้อยกเว้นมากมาย ที่ว่าแม้คุณเขียนโค้ดผิดก็ยังเข้าใจและรันต่อได้ ถือเป็นภาษาหลักที่สายอาชีพไอทีทุกคนควรมีทักษะติดตัว

PowerShell ถือเป็นภาษาตัวท็อปสำหรับงานไอทีที่ทำงานกับวินโดวส์ ทำให้คุณสามารถเรียกดูข้อมูลหรือสั่งงานบางอย่างที่ไม่สามารถทำได้ผ่านทูลแอดมินมาตรฐาน อีกทั้งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ไมโครซอฟต์ได้เปิด PowerShell ให้เป็นโอเพ่นซอร์ส ที่สามารถใช้บนแมคและลีนุกซ์ได้ด้วย

Bash ถ้าพาวเวอร์เชลล์สำหรับวินโดวส์ Bash ก็ถือเป็นโปรแกรมมิ่งหลักสำหรับลีนุกซ์ทุกรุ่นทุกแบบ ใช้สั่งงานจัดการระบบแบบอัตโนมัติได้เป็นอย่างดี จนคนกล่าวว่า แอดมินลีนุกซ์จะไม่สามารถทำงานได้ดีถ้าไม่รู้เรื่องภาษา Bash แต่ปัจจุบันคนก็เริ่มมองหาตัวแทนที่ใช้ได้บนหลายแพลตฟอร์มมากกว่าอย่าง Python

TCL (อ่านว่า ทิกเกิ้ล Tickle) เป็นภาษาสำหรับชาวเน็ตเวิร์กโดยเฉพาะ โดยรันได้บนเราเตอร์ซิสโก้ และฮาร์ดแวร์ด้านเครือข่ายหลายชนิด ถือเป็นโอเพ่นซอร์สที่มีประโยชน์ในการจัดการเครือข่ายและความปลอดภัยแบบอัตโนมัติ แถมยังใช้งานร่วมกับภาษา C ได้เป็นอย่างดี

C เหมือนกับจาวาตรงที่เป็นภาษาโปรแกรมมิ่งที่ใช้งานได้ครอบจักรวาล แถมยังเป็นที่นิยมสูงสุดเป็นอันดับสอง (และเคยนำจาวาอยู่หลายปีก่อนหน้านี้) นั่นคือ มีแหล่งข้อมูลให้ศึกษาอย่างมหาศาลเช่นกัน นับเป็นภาษาแรกที่ผู้เรียนวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ต้องรู้ แม้จะไม่ง่ายเท่าจาวาหรือ Python แต่ก็สามารถใช้ควบคุมระบบได้โดยตรง รวดเร็ว ใช้ทรัพยากรน้อย ถือเป็นพื้นฐานของภาษาโปรแกรมมิ่งอื่นๆ บนโลก ถือว่าคุ้มที่จะเรียนสำหรับผู้ที่ต้องการลงลึกกับหลักการโปรแกรมมิ่งอย่างจริงจัง

C++ ด้วยชื่อที่คล้าย C ทำให้เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลกเป็นอันดับสาม แต่ก็ยังคงความซับซ้อนและยากในการเรียนพอๆ กับ C โดย C++ ถือเป็นการพัฒนาแยกยอดออกมา ที่มีทั้งจุดเด่นและจุดด้อยต่างๆ เมื่อเทียบกับ C

Javascript แม้จะเป็นที่รู้จักในการใช้เป็นภาษาสำหรับพัฒนาเว็บไซต์ฝั่งแสดงผล (Front-end) แต่ก็ยังสามารถนำมาใช้ทำงานในเบื้องหลัง (ผ่าน Node.js) หรือนำมาเขียนสคริปต์ที่รันแบบอัตโนมัติได้ด้วย ถือเป็นภาษายอดนิยมอันดับ 6 ของโลก และมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่แปลกที่จะถูกเขียนเป็นหนึ่งในคุณสมบัติเวลารับสมัครงานสายไอทีในปัจจุบัน

Perl มักถูกมองเทียบกับ Python ในแง่ของการเขียนสคริปต์ ซึ่งระบบลีนุกซ์บางตัว (ตัวเก่าส่วนใหญ่) สามารถรันสคริปต์ Perl ได้ นอกจากนี้ยังใช้บ่อยในงานด้านเครือข่ายและความปลอดภัย รวมถึงเป็นสคริปต์ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ที่รันบนเว็บไซต์ (เก่าๆ ที่ยังไม่ใช้ php) ตอนนี้ถือเป็นภาษายอดนิยมอันดับ 9

PHP ภาษาสำหรับเว็บฝั่งเซิร์ฟเวอร์ยอดนิยม จริงๆ ถือเป็นภาษาที่ใช้ได้ครอบจักรวาลเช่นกัน โอเอสส่วนใหญ่บนโลกนี้รองรับ แถมยังทำงานร่วมกับฐานข้อมูล SQL ได้ดีมาก ตอนนี้ติดอันดับ 7 ของโลก แต่ปัจจุบันผู้พัฒนาเว็บมีแนวโน้มย้ายออกไปซบอกภาษา Ruby แทน รวมถึงด้านสคริปต์งานอัตโนมัติก็เริ่มหันไปพึ่ง Python กันมากขึ้น แต่ก็ยังถือว่าเป็นภาษาที่มีประโยชน์มากถ้างานคุณเกี่ยวข้องกับเว็บเซิร์ฟเวอร์เป็นหลัก

Ruby เป็นภาษาที่ได้รับการยกย่องตามชื่อว่า “สวยงาม” และ “ดูเป็นธรรมชาติ” ซึ่งถูกพัฒนาให้คนใช้รู้สึกเพลิดเพลินเวลาโค้ดดิ้ง แถมยังเรียนรู้ได้ง่ายอีกด้วย แม้ตอนนี้จะยังอยู่แค่อันดับ 13 แต่ก็เริ่มแซงขึ้นมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะในงานด้านพัฒนาเว็บ โดยนิยมนำมาใช้ร่วมกับเฟรมเวิร์กที่ชื่อ Rails

Frenetic เป็นภาษาน้องใหม่ล่าสุด เปิดตัวไปเมื่อ 2553 ออกแบบมาใช้สำหรับงานเครือข่ายที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์เป็นหลัก ถือว่าออกมารองรับเทรนด์โครงสร้างพื้นฐานไอทีที่ใช้ซอฟต์แวร์จัดการโดยเฉพาะ ตอนนี้ถือว่ามีประโยชน์เมื่อคุณทำงานกับระบบ SDN แบบ OpenFlow แต่ก็ถือว่าการเรียนรู้ภาษาน้องใหม่นี้จะทำให้คุณมีความแตกต่างที่แข่งกับคนอื่นได้มากในอนาคตอันใกล้

ที่มา : http://www.networkcomputing.com/data-centers/12-hot-programming-languages-infrastructure-pros/1108374113

from:http://www.enterpriseitpro.net/?p=3773