คลังเก็บป้ายกำกับ: IOT_SENSOR

ทีม X-Force ของ IBM ทำ Ethical Hacking เข้าไปยัง Smart Building ได้สำเร็จ

ทีม X-Force Ethical Hacking ของ IBM ได้ทำ Penetration Test ไปยังตึกออฟฟิศต่างๆ ที่มีการใช้เทคโนโลยี Building Automation Systems เพื่อควบคุม Sensor และตัววัดอุณหภูมิต่างๆ และพบว่าถึงแม้จะใช้เทคนิคเก่าๆ ในการโจมตีอย่างการเจาะช่องโหว่ของ Firewall ก็ทำให้ทีมของ IBM เข้าถึงระบบเครือข่ายภายในอาคาร ที่เชื่อมต่อกับระบบควบคุมอาคารได้แล้ว

Credit: ShutterStock.com
Credit: ShutterStock.com

จากนั้นทีมของ IBM ก็เจาะช่องโหว่ Remote Execution ต่อเพื่อเข้าถึงไฟล์ที่จัดเก็บ Password สำหรับควบคุมระบบควบคุมอาคารและการตั้งค่าของระบบควบคุมอาคารได้ แต่ก็พบกับปัญหาว่าไม่สามารถ Login เข้าไปได้เพราะระบบมีการทำ White List เอาไว้เพื่ออนุญาตเฉพาะการ Login จาก IP ภายในนั่นเอง

ทีม IBM จึงต้องขับรถไปที่บริเวณอาคารนั้น และทำการทดลองโจมตีต่อจากที่จอดรถจนสามารถเข้าถึงระบบควบคุมอาคารได้ ซึ่งการที่ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบควบคุมอาคารได้แบบนี้ถือเป็นอันตรายที่ร้ายแรงมาก ทาง IBM จึงได้ทำการแจ้งไปยังผู้ผลิตระบบควบคุมอาคารเหล่านี้ถึงปัญหาที่พบ และผู้ติดตั้งระบบควบคุมอาคารนี้ เพื่อแก้ไขช่องโหว่ต่างๆ เหล่านี้ให้เรียบร้อย

นี่เป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างทางด้านความปลอดภัยของ Internet of Things ที่กำลังจะเติบโตอย่างรวดเร็วเท่านั้น โดย Gartner ได้สำรวจมาว่าปัจจุบันมีอุปกรณ์ในระบบ Smart Building อยู่มากถึง 206 ล้านชิ้น และจะเพิ่มเป็น 648 ล้านชิ้นในปี 2017 ทั่วโลก ซึ่งนับว่าอันตรายมากหากปล่อยเอาไว้ให้ถูกโจมตีได้แบบนี้

IBM แนะนำว่าในโครงการ Smart Building เหล่านี้ควรจะมีส่วนของข้อกำหนดทางด้านความปลอดภัยที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการตัดการเชื่อมต่อจาก Internet ภายนอก, การควบคุมความปลอดภัยในการเข้าถึงจาก VPN, การใช้ Two-factor Authentication, การทำ Audit, การทำ Penetration Test และการทำ Security Assessment เข้าไปด้วย อีกทั้งยังควรทบทวนสัญญาส่วนนี้เพิ่มได้เรื่อยๆ เพื่อให้การรับมือกับภัยคุกคามหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์

ที่มา: http://www.networkworld.com/article/3031247/security/ibms-x-force-team-hacks-into-smart-building.html#tk.rss_all

from:https://www.techtalkthai.com/ibm-x-force-ethically-hacks-smart-building/

ท่ามกลางภาวะราคาน้ำมันตกต่ำ Internet of Things จะทำให้อุตสาหกรรมพลังงานเติบโต

Peter Reynolds จาก ARC Advisory Group ได้ออกมาให้ความเห็นถึงอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซที่กำลังประสบปัญหาจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำลงนี้ ว่า Internet of Things จะเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับอุตสาหกรรมนี้ให้สามารถเติบโตขึ้นได้ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายในในอุตสาหกรรมลง

Credit: ShutterStock.com
Credit: ShutterStock.com

ในโลกของวงการน้ำมันและก๊าซนั้นเต็มไปด้วยสินทรัพย์ต่างๆ ที่จับต้องได้มากมาย ทั้งในส่วนของเครื่องจักร, แท่นขุดเจาะ, ท่อส่ง รวมถึงน้ำมันและก๊าซเอง ซึ่งถึงแม้จะดูเหมือนว่าอุตสาหกรรมนี้เป็นธุรกิจแบบเดิมๆ แต่เหล่าผู้บริหารก็ควรจะคิดให้แตกต่างจากเดิม ด้วยการนำเทคโนโลยี Internet of Things เข้าไปช่วยพัฒนาสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้น

ประการแรกคือเรื่องของการดูแลรักษาอุปกรณ์ต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการนำ Sensor เข้าไปใช้ในการติดตามการทำงานของอุปกรณ์ทั้งหมดพร้อมๆ กัน และส่งข้อมูลเหล่านั้นผ่านระบบเครือข่าย ทำให้การตรวจสอบความถูกต้องในการทำงานของอุปกรณ์นับหมื่นชิ้นเป็นจริงขึ้นมาได้อย่างง่ายดายในค่าใช้จ่ายที่ต่ำลง

ในมุมกลับกันเหล่าผู้ผลิตอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับแท่นขุดเจาะ, ท่อขนส่ง จนถึงโรงกลั่นเองก็สามารถที่จะสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งด้วยการติดตั้ง Sensor ต่างๆ ลงไปยังอุปกรณ์ของตน พร้อมส่งข้อมูลทั้งหมดมายังระบบ Analytics เพื่อให้สามารถให้บริการบริษัทเหล่านี้ให้ดีขึ้นได้ และมีขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น

สิ่งที่ทำให้ Internet of Things ในวงการน้ำมันและก๊าซต่างจากวงการอื่นก็คือ IoT จะเข้ามามีบทบาทเพียงแค่การเสริมให้สิ่งที่มีอยู่เดิมดีขึ้นเท่านั้น ไม่ได้ถึงขั้นเปลี่ยนแปลงรูปแบบของธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ไปอย่างที่อุตสาหกรรมอื่นๆ เป็น แต่ในขณะเดียวกันระบบเครื่องจักรในอุตสาหกรรมนี้ก็มีมูลค่ามากถึง 65,000 ล้านเหรียญ ถือว่ามีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นการที่ IoT จะแทรกซึมเข้าไปได้จนทั่วถึงทั้งอุตสาหกรรมก็คงต้องใช้เวลาบ้างเช่นกัน

ที่มา: http://news.sap.com/low-oil-prices-prime-oil-and-gas-industry-for-iot-adoption/

from:https://www.techtalkthai.com/internet-of-things-to-enhance-oil-and-gas-industry/

Gartner เผย Internet of Things จะมีบทบาทในกระบวนการทางธุรกิจแบบใหม่เกินกว่าครึ่ง ภายในปี 2020

Credit: ShutterStock.com
Credit: ShutterStock.com

Gartner ได้ออกมาเผยถึงผลการทำนายเกี่ยวกับแนวโน้มทางด้าน Internet of Things (IoT) เอาไว้ดังต่อไปนี้

  • ภายในปี 2020 Internet of Things จะเข้าไปมีบทบาทภายในระบบและกระบวนการทางธุรกิจแบบใหม่ๆ มากกว่าครึ่ง โดยบางส่วนนั้น IoT ก็อาจไม่ใช่ตัวหลักในระบบหรือกระบวนการ แต่ก็ช่วยหนุนเสริมการทำงานให้มีประสิทธิภาพขึ้นได้ด้วยข้อมูล
  • ภายในปี 2018 75% ของโครงการทางด้าน IoT จะใช้เวลายาวนานกว่าที่วางแผนเอาไว้ โดยอาจใช้เวลาเกินไปถึง 2 เท่าจากที่กำหนดไว้ในตอนแรก และส่งผลให้ค่าใช้จ่ายบานปลายกว่าที่คิด เพราะความซับซ้อนของเทคโนโลยีและธุรกิจ รวมถึงการต้องใช้เวลาในการลองผิดลองถูก
  • ภายในปี 2020 ตลาดมืดที่มีมูลค่ามากกว่า 5,000 ล้านเหรียญจะเกิดขึ้นจากการขายข้อมูล Sensor และวิดีโอปลอม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรม หรือการปกป้องความเป็นส่วนตัวของบุคคลแต่ละราย
  • ช่องโหว่ทางด้านความปลอดภัยที่เกิดจาก IoT จะทำให้การลงทุนทางด้านความปลอดภัยเติบโตขึ้น จากเดิมที่มีไม่ถึง 1% จากงบประมาณรวมทางด้านการลงทุนทางความปลอดภัยในปี 2015 กลายเป็น 20% ภายในปี 2020

ที่มา: http://www.gartner.com/newsroom/id/3185623

from:https://www.techtalkthai.com/gartner-prediction-on-internet-of-things-2016-2020/

Gartner คาด Smart City จะเชื่อมต่ออุปกรณ์ Internet of Things ถึง 1,600 ล้านชิ้นในปี 2016

Gartner คาดว่าจำนวนอุปกรณ์ Internet of Things ที่ใช้ใน Smart City นั้นจะเติบโตขึ้นถึง 39% จากปี 2015 และมีปริมาณการใช้งานรวมที่ 1,600 ล้านชิ้นในปี 2016 และเติบโตต่อไปเรื่อยๆ จนถึง 3,300 ล้านชิ้นในปี 2018 ทั้งนี้โครงการ Smart Commercial Building จะมีการใช้งานอุปกรณ์ IoT เป็นอันดับหนึ่งในปี 2017 และปี 2018 นั้นจะเป็นปีของ Smart Home ที่ใช้อุปกรณ์ IoT เกินกว่า 1,000 ล้านชิ้น

Credit: ShutterStock.com
Credit: ShutterStock.com

Smart Commercial Buidling หรืออาคารพาณิชย์ที่มีการติดตั้ง Sensor นั้นจะได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยี Internet of Things เป็นอย่างมาก เนื่องจากจะสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาและซ่อมแซมอาคารลงไปได้ถึง 30% สำหรับสถานที่ที่มีขนาดกว้าง ไม่ว่าจะเป็นนิคมอุตสาหกรรม, ห้างสรรพสินค้า, สนามบิน หรือแม้แต่ท่าเรือก็ตาม

ทางด้าน Smart Home หรือบ้านอัจฉริยะนั้น จะแบ่งอุปกรณ์ IoT ออกเป็นสามกลุ่มได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและอุปกรณ์ต่างๆ, อุปกรณ์สำหรับความบันเทิง และเซ็นเซอร์สำหรับติดตั้งภายในบ้าน

สำหรับการใช้งานจริงในปัจจุบันก็มีตัวอย่างที่น่าสนใจดังนี้

  • ในงานประชุม COP21 ที่กรุงปารีสเกี่ยวกับสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมโลก ก็ได้มีการเปิดเผยถึงการเก็บข้อมูลมลภาวะต่างๆ ได้ผ่าน Internet of Things
  • ที่ประเทศสิงคโปร์ก็ได้มีการนำ Internet of Things มาประยุกต์ใช้เข้ากับระบบรถบัส ที่จะช่วยเตือนให้คนขับสามารถรู้ว่าคนที่จะขึ้นรถเป็นใครบ้าง และถ้ามีผู้สูงอายุอยู่ ผู้ขับรถบัสก็อาจจอดรอนานขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น
  • ที่เมืองมะละกาหรือแมดริด ก็มีการติดเซ็นเซอร์ตรวจจับมลภาวะบนรถมอเตอร์ไซค์และรถส่งจดหมาย เพื่อให้ประชาชนรับทราบถึงตัวเลขทางด้านมลภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแหล่งชุมชนเพื่อทำการปรับปรุง และให้บริษัทต่างๆ มองหาโอกาสในการสร้างคุณค่าสู่สังคมได้

ที่มา: http://www.gartner.com/newsroom/id/3175418

from:https://www.techtalkthai.com/gartner-predicted-smart-city-would-use-1600-million-iot-devices-in-2016/