คลังเก็บป้ายกำกับ: INFINIX_NOTE_30_5G

REVIEW I รีวิว Infinix Note 30 5G กล้อง 108MP ชิป Dimensity 6080 เล่นเกมลื่น ชาร์จไว ลำโพง JBL คู่ ราคาเริ่มต้น 7,499 บาท

Infinix ได้เปิดตัว Note 30 Series ซึ่งรุ่นที่เราได้มาลองนั้น ก็คือ Infinix NOTE 30 5G คอลเลกชันพิเศษเอาใจแฟนเกมด้วยธีมตัวละครจาก ROV และเร็วแรงด้วยชิป Dimensity 6080 เล่นเกมสบาย ดูหนังไม่กระตุก กล้องหลัก 108MP ถ่ายภาพออกมาสวยละลายใจ ชาร์จไวด้วยระบบ Bypass แถมอัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์อีกมากมาย ราคาเริ่มต้น 7,499 บาท

Infinix Note 30 5G มาในธีมตัวละคร Bright สกิน Hack Trasher สุดเท่ แกะกล่องออกมาก็จะมีเคสใสและสติ๊กเกอร์ของตัวละครมาให้ ส่วนธีม UI และ Wallpaper จะมีการเปิดให้อัปเดต OTA ในช่วงกลางเดือนเป็นต้นไปค่ะ

ดีไซน์สวย ละลายใจ 

เครื่องที่เราได้มารีวิวนั้น คือสี Interstellar Blue เป็นสีฟ้าที่สวยละลายใจสุด ๆ เมื่อเข้ามาดูใกล้ ๆ เครื่อง พบว่าวัสดุมีความระยิบระยับวิ้ง ๆ เล่นกับแสงสุด มีโมดูลกล้องสี่เหลี่ยมใหญ่สวยโดดเด่น ซึ่งกรอบหลังของตัวเครื่องให้ความแตกต่างทั้งตอนอยู่ในร่มและกระทบกับแสงแดด ดีไซน์สี่เหลี่ยมขอบโค้ง มีความเพรียวยาวและบาง ดูพรีเมียม ไม่ก๊องแก๊ง และกรอบหลังสัมผัสแล้วเป็นรอยนิ้วมือได้ยาก ใช้งานทั่วไปก็จับได้ถนัดมือ จะถือสายโทรศัพท์ เซลฟี่หรือจะเล่นเกมยาว ๆ ก็สบาย

ส่วนรอบ ๆ ตัวเครื่อง มีปุ่มเพิ่ม – ลดเสียงและปุ่ม Power จะอยู่ที่ด้านข้างด้านเดียวกันทั้งหมด ใต้เครื่องและมีรูหูฟัง 3.5 มม.มาให้ และลำโพงอีก 2 ตัว

จอ FHD+ รีเฟรชเรทลื่นสุด 

Infinix Note 30 5G ใช้จอขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ใหญ่เต็มตา พร้อมรีเฟรชเรทลื่น ๆ 120Hz ความสว่างสูงสุด 580 นิต ใช้งานกลางแดดจ้าได้ไม่มีปัญหา และยังมีโหมดถนอมสายตาอย่าง Eye-Care Mode มาให้ จะเล่นเกมยาว ๆ แค่ไหนก็ไม่ปวดตาค่ะ

สเปค Infinix Note 30 5G

  • หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2460 x 1080)
  • CPU : Dimensity 6080
  • RAM : 8GB
  • ความจุ : 128GB / 256GB รองรับ microSD Card
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก ISOCELL HM6 108MP (f/1.75)
    – กล้อง Depth 2MP (f/2.4)
    – กล้อง AI QVGA
  • กล้องหน้า : 16MP (f/2.0)
  • การเชื่อมต่อ : 5G, WiFi 5, NFC, USB-C 2.0
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ด้านข้าง), accelerometer, gyro, proximity, compass
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอ จูนเสียงโดย JBL, รูหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตเตอรี่ : 5000 mAh รองรับชาร์จไว 45W
  • ระบบ: Android 13 ครอบทับด้วย XOS 13
  • ขนาด / น้ำหนัก : 168.5 x 76.5 x 8.5 มม. / 205 กรัม

ชิป Dimensity 6080 เล่นเกมกราฟิกหนัก ๆ  ได้

ด้วยความที่ Infinix Note 30 5G เค้ามาในธีม ROV แน่นอนว่าจุดเด่นแรกของเจ้าเครื่องนี้ ก็คือการเล่นเกมนี่แหละ ซึ่งด้วยพลังของชิป Dimensity 6080 ที่ช่วยให้เล่นเกมได้เร็วขึ้น 20% ความถี่ ARM Cortex-A76 สูงสุด 2.4 Hz ที่ทำให้แอปตอบสนองได้เร็วขึ้นและเล่นเกมได้ลื่นขึ้น 

ซึ่งได้ทดสอบทั้งดู Netflix, Youtube ความละเอียดสูง ๆ ก็ยังดูได้ ไม่มีสะดุด และก็ได้ทำการโหลดเกมมาเล่น ซึ่งผลที่ได้มีดังนี้

ROV

ทดสอบเล่นแบบเปิดลำโพงดังสุด หน้าจอ 50% พร้อมปรับกราฟิกสูงสุด ตัวเกมสามารถปรับภาพ HD, พาร์ติเคิล และแสงว่างไปสูงสุดได้ แต่…ตัวเครื่องไม่อนุญาตปรับจอแสดงผลไปที่สูงสุดได้ค่ะ ในการทดสอบได้เปิดเล่นในโหมด Rank ก่อน ผลลัพธ์ที่ได้คือ ตีป้อม ตีศัตรูได้สบาย มีกระตุกบ้างเมื่อเล่นไปได้ 15 นาที ซึ่งได้เล่นติดต่อกัน 3 ตาใน 30 นาที ก็สามารถเล่นต่อได้ยาว ๆ จนจบ แบตเตอรี่เมื่อตอนเริ่มเล่น 59% และจบลงที่แบต 45% ลดไปเพียง 14% เท่านั้น

จากนั้นได้ทดสอบต่อที่โหมด 10 vs 10 อีก 30 นาที ซึ่งตั้งค่าทุกอย่างเหมือนกับโหมด Rank เลย ก็ยังสามารถเล่นได้จนจบ มีหน่วงบ้างตอนที่โดนรุมเยอะ ๆ และจากตอนเริ่มเล่นแบตเตอรี่อยู่ที่ 42% และจบลงที่แบต 35% ลดไปเพียง 7 % เท่านั้น ในการทดสอบความร้อนของเครื่อง พบว่าผ่านไป 15-20 นาทีตัวเครื่องเริ่มอุ่น และอุณหภูมิอุ่นคงที่ตลอดที่เล่นเกม 1 ชั่วโมง 

Genshin Impact

จากนั้นก็เปิดเล่น Genshin Impact ต่อเลย ในการทดสอบเล่นแบบเปิดลำโพงสูงสุดและความสว่างจอ 50% ด้วยเช่นกัน พร้อมทั้งปรับกราฟิกสูงสุดทุกอัน ซึ่งจากที่ทดลองเล่นทำเควสต่าง ๆ แบบไม่พักเป็นเวลา 30 นาที มีความหน่วงอยู่ตอนที่เล็งธนูโจมตีในเวลาที่โดนรุม แต่ก็ยังสามารถเล่นได้จนจบภารกิจ จากแบตเตอรี่ในตอนเริ่มอยู่ที่ 35% ลดเหลือ 23% ลดไปเพียง 12% เท่านั้น ส่วนอุณหภูมิคือร้อนขึ้นกว่าเดิม แต่ไม่มากจนรบกวนการใช้งาน และจะไปร้อนจี๋อยู่ตรงโมดูลกล้อง 

กล้องหลัก 108MP ถ่ายภาพสวยสะดุดตา

อีกหนึ่งจุดเด่นของรุ่นนี้เลย ก็คือกล้องถ่ายภาพนี่แหละ โดย Note 30 5G ให้กล้องหลังมา 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลัก 108MP (f/1.75) กล้อง Depth 2MP (f/2.4) และกล้อง AI ที่เป็นตัวช่วยถ่ายภาพออกมาสวยสด จากที่ลองใช้งานดูเหมือนว่ากล้องจะแอบติดแดงนิดหน่อย แต่ข้อดีก็คือถ่ายภาพอาหารออกมาได้สวยสดน่ากินสุด ๆ 









นอกจากนี้ ยังถ่ายภาพ Portrait เบลอหลังออกมาให้สวยละลาย ตัวบุคคลยังคมชัด ซึ่งได้ปรับค่า F ที่ F1.0, F4.0 และ F16 ผลที่ได้ออกมาก็จะเบลอประมาณนี้เลย



ในโหมดการซูม infinix Note 30 5G สามารถซูมได้สูงสุด 10 เท่า ซึ่งเราได้ทำการซูมแบบ 1x, 5x และ 10x สามารถเห็นต้นใบไม้บนต้นไม้ได้ชัดเป็นใบ ๆ 



กล้องหน้า 16MP เซลฟี่ทำออกมาได้ดี ซึ่งขอเปรียบเทียบให้เห็นชัด ๆ ระหว่างถ่ายกล้องธรรมดาแบบปิด AI เพิ่มประสิทธิภาพสี กับเซลฟี่แบบ Beauty ปรับค่าไปที่ 50% ทุกอัน ภาพที่ได้ก็จะสวยเนียนเป็นธรรมชาติประมาณนี้เลย




การทดสอบการเซลฟี่ในที่แสงน้อยแบบเปิด AI ซึ่งภาพที่ได้ออกมายังรอดอยู่ถึงแม้แสงจะดรอปไป และเซลฟี่ในที่แสงรำไรก็ยังไหว แต่ว่าผิวที่ได้จะออกมาดูฉ่ำมันชัดเจน ทั้งนี้อยู่ที่ผิวหน้าแต่ละคนแล้วว่าจะดูดิวอี้ หรือดูเหมือนคนเพิ่งออกกำลังกายมา 

โหมด Super Night เก็บภาพในที่มืดได้ครบ

ภาพถ่ายกลางคืนถ่ายออกมาได้คมชัด ด้วยโหมด Super Night เก็บรายละเอียดได้ครบถ้วนแม้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยมาก ๆ หรือในที่มืดสุด ๆ เลยก็ถ่ายออกมาได้เห็นเป็นรายละเอียดเช่นกัน ดูจากภาพคือ ในตอนแรกแทบไม่เห็นเลยว่ามีแมวเหมียวอยู่ในดงหญ้าตรงนั้นเลย แต่กล้องสามารถจับภาพได้ค่ะ


ส่วนการใช้โหมด Super Night ในที่แสงน้อย สีก็จะมีความซีดกว่าถ่ายโหมดปกติ แต่จะเห็นเป็นรายละเอียดต่าง ๆ อย่างครบถ้วน 


ฟีเจอร์แน่น ถ่ายสนุกด้วยกล้อง AI ทั้งงานภาพและงานวิดีโอ

กล้องมีฟังก์ชันให้เลือกค่อนข้างครบ มาพร้อม AI CAM สุดฉลาด ที่สามารถปรับภาพให้ออกมาสวยชนิดที่เราแทบไม่ต้องทำอะไรเอง ไม่ว่าจะถ่ายภาพบุคคลย้อนแสง ภาพอาหารหรือถ่ายภาพวิว แต่จุดที่น่าสนใจในฟีเจอร์กล้องก็คือการปรับ Beauty นี่แหละ สำหรับใครที่ไม่ได้แต่งหน้าแต่อยากเซลฟี่กับเพื่อน ทางโหมด Beauty เค้าก็มีฟิลเตอร์ Make Up ให้เรียบร้อย เลือกเลยว่าอยากจะแต่งหน้าแบบไหน โทนอะไร และที่ชอบสุด ๆ คือ เวลาที่เราใช้โหมดนี้ถ่ายรูปกับเพื่อน มันจะแยกการปรับแต่งให้ ซึ่งถ้าเพื่อนเราเป็นผู้ชายก็จะไม่มีขนตา หรือปากแดงโผล่มา



ในงานวิดีโอก็ทำออกมาได้ดี ภาพคมชัดทั้งวิดีโอแบบกลางวันและกลางคืน แต่ด้วยความที่กล้องไม่ได้มีกันสั่นมาให้ เวลาถ่ายวิดีโอตอนเดินจึงมีความสั่นไหวอยู่ตามปกติ 

สำหรับวิดีโอแบบ Portrait ก็ปรับเบลอมาให้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ต้องเดินเข้าไปใกล้บุคคลที่ถ่ายในระยะเมตรครึ่งถึงจะเบลอให้ ส่วน Portrait แบบวิดีโอเซลฟี่ก็ออกมาดีเช่นกัน และถึงแม้จะอยู่ร่วมเฟรม 2 คน ก็เบลอให้เช่นกันค่ะ

 

นอกจากนี้ ยังมีโหมด Film ถ่ายวิดีโอสนุก เหมือนถ่าย MV อยู่ทุกที่ มีให้เลือกทั้งถ่ายวิดีโอวินเทจ, ภาพเคลื่อนไหว, วิดีโอปาร์ตี้, การเดินทาง, ครอบครัว, การจราจร, จังหวะ, กีฬา, งานเลี้ยง ฯลฯ เพียงแค่เลือกกดถ่ายเท่านั้น วิดีโอก็จะตัดต่อและใส่เพลงมาให้ พร้อมอัปลงโซเชียล

ลำโพงคู่ JBL Hi-Res

infinix Note 30 5G ได้ร่วมจับมือกับ JBL ที่จะมาช่วยปรับจูนเสียง มาพร้อมกับลำโพงคู่อยู่ในตำแหน่งด้านบนและด้านล่างของเครื่อง ให้เสียงดังกังวาน ซึ่งจากการทดสอบเปิดเสียงสุดวางเครื่องไว้ในห้องและเดินออกมาระยะห่าง 3 เมตร ก็ยังได้ยินเสียงอยู่ ตอนที่ดูหนังฟังเพลงด้วยเสียงระดับกลาง ก็พบว่าเสียงดีตามสไตล์ของ JBL คือเสียงใส ๆ ชัดเเจ๋ว

แบตเตอรี่ 5000 mAh ชาร์จไว 45W มีระบบ Bypass 

นอกจากจะให้แบตมาเยอะแล้ว ตัวเครื่องยังมาพร้อมจุดเด่นระบบชาร์จ Bypass ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่จ่ายไฟเข้าเครื่องโดยตรงแบบไม่ผ่านแบต ทำให้เครื่องไม่ร้อนในเวลาที่เล่นมือถือขณะที่ชาร์จแบตไปด้วย แถมยังเป็นการถนอมแบตไปในตัวด้วย นอกจากนี้ ยังรองรับ PD 3.0 สามารถใช้อแดปเตอร์อื่นชาร์จได้สูงสุด 35W

ด้านความอึดของแบตเตอรี่ จากที่ชาร์จเต็ม 100% ก็ได้นำมาใช้งานทั่วไป ทั้งดูหนัง เล่นเกม ด้วยการเปิดแสงจอ 50% และลำโพง 50% แล้วก็มีออกไปถ่ายรูปบ้าง โดยใช้งานรวมในระยะเวลา 23 ชั่วโมง พบว่างานแบตเตอรี่ลดไป 50% เท่านั้น จากนั้นก็ใช้งานสแตนด์บายเครื่องไว้ตอบข้อความ ดูคลิปใน Tiktok บ้าง ยาว ๆ ถึง 1 วัน 6 ชั่วโมง พบว่าแบตเตอรี่ลดเหลือ 35% และสามารถชาร์จไวด้วยความเร็ว 45W ชาร์จจากแบตเตอรี่ 15% – 50% ในเวลาเพียง 30 นาทีค่ะ 

การใช้งานแบตเตอรี่เมื่อผ่านไป 23 ชั่วโมง

การใช้งานแบตเตอรี่เมื่อผ่านไป 1 วัน 6 ชั่วโมง

สรุปการใช้งาน

Infinix Note 30 5G ทำออกมารองรับการใช้งานทุกรูปแบบเลย ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป ถ่ายรูป แอปโซเชียลต่าง ๆ, ดูหนังฟังเพลง YouTube, Tiktok, Netflix ตลอดจนเล่นเกมกราฟิกหนัก ๆ ซึ่งถือว่ารุ่นนี้เป็นอีก 1 มือถือระดับกลางตัวคุ้ม ที่ให้ฟังก์ชันมาคุ้มราคาจริง ๆ เหมาะกับทุกกลุ่มการใช้งานเลย ทั้งวัยรุ่น วัยทำงานที่เป็นสายเกม สายถ่ายรูป หรือสายคุ้มที่ต้องการใช้มือถือ 5G แรง ๆ แต่ราคาไม่สูง แถมชาร์จไว เสียบสายแปปเดียวก็พร้อมลุยงานต่อได้สบาย ตอบโจทย์ชีวิตในยุคเร่งรีบแบบนี้สุด ๆ

ข้อดี

  • ฟังก์ชันครบในราคาประหยัด
  • ตัวเครื่องจับถนัดมือ
  • ถ่ายรูปสวย
  • ฟีเจอร์ถ่ายรูปให้มาครบ
  • สุดยอดโหมดถ่ายภาพกลางคืน
  • เล่นเกมกราฟิกหนัก ๆ ได้ เครื่องไม่ร้อนจี๋
  • ฟังก์ชันชาร์จแบตจัดเต็ม
  • ลำโพงเสียงใส
  • วัสดุเครื่องทำให้เป็นรอยนิ้วมือได้ยาก

ข้อสังเกต

  • กล้องถ่ายภาพออกมาติดโทนแดงนิดหน่อย
  • ใครเป็นสายใช้งานกลางแจ้งจ๋า อาจรู้สึกว่าจอให้ความสว่างน้อยไปหน่อย

ราคาจำหน่าย 

Infinix Note 30 5G นำเข้ามาจำหน่ายในไทย 2 สี คือ Magic Black และ Interstellar Blue เปิดตัวมาในราคาและรุ่นความจุดังนี้

  • 8GB + 128GB ราคา 7,499 บาท
  • 8GB + 256GB ราคา 7,999 บาท

from:https://droidsans.com/review-infinix-note-30-5g-with-108mp-camera-and-dimensity-6080/

เปิดตัว Infinix Note 30, Note 30 5G, Note 30 Pro มาพร้อมจอ 120Hz และรองรับชาร์จเร็วสูงสุด 68W

Infinix ประกาศเปิดตัว Infinix Note 30 Series อย่างเป็นทางการในตลาดโลก ประกอบด้วย Infinix Note 30, Infinix Note 30 5G และ Infinix Note 30 Pro 5G โดยทั้ง 3 รุ่นมาพร้อมจุดเด่นด้วยเทคโนโลยี All-Round FastCharge ของ Infinix นำการชาร์จความเร็วสูงทั้งแบบมีสายและไร้สายมาสู่ตระกูลนี้

แม้ว่าจะยังไม่ประกาศราคา แต่ Infinix ยืนยันว่าสมาร์ตโฟนทั้ง 3 รุ่นจะมีราคาต่ำกว่า 300 ดอลล่าร์หรือประมาณ บาท ในขณะที่รุ่นที่ถูกที่สุดอย่าง Note 30 จะมีราคาเพียง 230 ดอลล่าร์หรือประมาณ บาท

สเปก Infinix Note 30

ตัวเครื่องมีขนาด 168.6 x 76.6 x 8.6 มม. และน้ำหนัก 219 กรัม หน้าจอแสดงผล Punch Hole Display แบบ IPS LCD ความละเอียด FHD+ 1080 x 2460 พิกเซล ขนาด 6.78 นิ้ว อัตราส่วน 20:9 และมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz, อัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 240Hz และความสว่างสูงสุด 580nits

ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.2GHz ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ท Mediatek MT8781 Helio G99 (6nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G57 MC2 จับคู่กับ RAM 8GB และหน่วยความจำภายใน 128GB/256GB เพิ่มได้ด้วย microSD Card สูงสุด 256GB และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย XOS 13

ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera พร้อมไฟแฟลชคู่ Quad LED ประกอบด้วย

  • กล้องหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ OmniVision OV64B รูรับแสง f/1.7, (wide), 1/2″, 0.7µm และระบบ PDAF
  • กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
  • กล้องตัวที่ 3 ความละเอียด QVGA

ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0

Infinix Note 30

รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างเครื่อง, ลำโพงสเตอริโอคู่ที่ขับเคลื่อนด้วย JBL, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G LTE, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, Bluetooth 5.0, NFC, ช่องหูฟัง 3.5 มม., พอร์ต USB Type-C และแบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh พร้อมรองรับการเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 45W และชาร์จแบบย้อนกลับ

ทั้งนี้ Infinix Note 30 มีให้เลือก 3 เฉดสี ได้แก่ Magic Black, Interstellar Blue และ Sunset Gold

สเปก Infinix Note 30 5G

ตัวเครื่องมีขนาด 168.5 x 76.5 x 8.5 มม. และน้ำหนัก 205 กรัม หน้าจอแสดงผล Punch Hole Display แบบ IPS LCD ความละเอียด FHD+ 1080 x 2460 พิกเซล ขนาด 6.78 นิ้ว อัตราส่วน 20:9 และมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz, อัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 240Hz และความสว่างสูงสุด 580nits

ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.4GHz ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ท Mediatek Dimensity 6080 (6 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G57 MC2 จับคู่กับ RAM 4GB/8GB และหน่วยความจำภายใน 128GB/256GB เพิ่มได้ด้วย microSD Card สูงสุด 256GB และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย XOS 13

ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera พร้อมไฟแฟลชคู่ Quad LED ประกอบด้วย

  • กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL HM6 รูรับแสง f/1.75, 26mm (wide), 1/67″, 0.64µm และระบบ PDAF
  • กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
  • กล้องตัวที่ 3 ความละเอียด QVGA

ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0

รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างเครื่อง, ลำโพงสเตอริโอคู่ที่ขับเคลื่อนด้วย JBL, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G LTE/5G dual band (SA/NSA), Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, Bluetooth 5.0, NFC, วิทยุ FM, ช่องหูฟัง 3.5 มม., พอร์ต USB Type-C และแบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh พร้อมรองรับการเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 45W ชาร์จที่ 10V/4.5A และชาร์จแบบย้อนกลับ

ทั้งนี้ Infinix Note 30 5G มีให้เลือก 3 เฉดสี ได้แก่ Magic Black, Interstellar Blue และ Sunset Gold

สเปก Infinix Note 30 Pro

ตัวเครื่องมีขนาด 168.5 x 76.5 x 8.5 มม. และน้ำหนัก 205 กรัม หน้าจอแสดงผล Punch Hole Display แบบ AMOLED ความละเอียด FHD+ 1080 x 2460 พิกเซล ขนาด 6.78 นิ้ว อัตราส่วน 20:9 และมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz, อัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 360Hz และความสว่างสูงสุด 900nits

ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.2GHz ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ท Mediatek MT8781 Helio G99 (6nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G57 MC2 จับคู่กับ RAM 8GB และหน่วยความจำภายใน 128GB/256GB เพิ่มได้ด้วย microSD Card สูงสุด 256GB และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย XOS 13

ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera พร้อมไฟแฟลชคู่ Quad LED ประกอบด้วย

  • กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL HM6 รูรับแสง f/1.75, 26mm (wide), 1/67″, 0.64µm และระบบ PDAF
  • กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
  • กล้องตัวที่ 3 ความละเอียด QVGA

ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0

รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างเครื่อง, ลำโพงสเตอริโอคู่ที่ขับเคลื่อนด้วย JBL, ติดตั้งระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว Vapor Chamber ซึ่งมีพื้นที่ผิว 2,000 ตร.มม., รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G LTE, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, Bluetooth 5.0, NFC, วิทยุ FM, ช่องหูฟัง 3.5 มม., พอร์ต USB Type-C และแบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh พร้อมรองรับการเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 67W ชาร์จ 0-80% ภายใน 30 นาที, ชาร์จเร็วแบบไร้สาย 15W และชาร์จแบบย้อนกลับ

ทั้งนี้ Infinix Note 30 Pro มีให้เลือก 2 เฉดสี ได้แก่ Magic Black และ Variable Gold

อย่างไรก็ดี Infinix Note 30 Series ยังรวมถึง Infinix Note 30 VIP ซึ่งยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ และ Infinix Note 30i ที่ขับเคลื่อนด้วย Helio G85 ซึ่งประกาศเปิดตัวไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ที่มา : Gsmarena

.fb-background-color {
background: #ffffff !important;
}
.fb_iframe_widget_fluid_desktop iframe {
width: 100% !important;
}

from:https://www.mobileocta.com/infinix-note-30-note-30-5g-note-30-pro-launched/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=infinix-note-30-note-30-5g-note-30-pro-launched

สเปค Infinix Note 30, Note 30 Pro และ Note 30 5G มือถือซีรีส์คุ้ม ชูจุดเด่นระบบชาร์จไว พร้อมลำโพงคู่ JBL สุดแจ่ม

หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ก่อน Infinix เพิ่งส่งรุ่นน้องอย่าง Note 30i มาชิงพื้นที่เปิดตัวก่อน วันนี้ Infinix Note 30 Series รุ่นพี่อีก 3 รุ่นก็ได้เรียงขบวนกันมาเปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วพร้อมกันถึง 3 รุ่น ได้แก่ Note 30, Note 30 Pro และ Note 30 5G โดยได้ชูจุดเด่นอย่างระบบ All Round Fast Charge ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มาพร้อมกับความเร็วทุบสถิติ แต่ก็ได้ใส่กันมาครบ ๆ ให้ทุกรุ่น นอกจากนี้ยังได้ระบบเสียงจาก JBL ด้วย

เปิดตัว Infinix Note 30

Infinix Note 30

Infinix Note 30 (4G) รุ่นมาตรฐานมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล IPS LCD ขนาดใหญ่เต็มตา 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับรีเฟรชเรทที่ 120Hz และรองรับ Touch Sampling Rate ที่ 240Hz สว่างสูงสุด 580 nits ส่วนดีไซน์กล้องหน้าใช้เป็นแบบเจาะรู Punch-Hole

ในรุ่นนี้มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว โดยกล้องหลักจะใช้เซนเซอร์ Omnivision OV64B ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล + กล้อง Depth 2MP + กล้อง AI Lens ความละเอียด QVGA รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 1440p@30FPS ส่วนกล้องหน้าให้มาที่ 16MP รองรับการถ่ายวิดีโอที่ 1080p@30FPS

ด้านประสิทธิภาพ รุ่นนี้ใช้ชิปประมวลผล Helio G99 รองรับ 4G มาพร้อม RAM 8GB พ่วงด้วยตัวเลือกความจุ 2 ขนาด 128GB / 256GB ให้แบตเตอรี่มาที่ 5,000 mAh รองรับระบบชาร์จไว All Round Fast Charge ชาร์จผ่านสาย USB-C 2.0 ที่ความเร็ว 45W โดยได้ผ่านการทดสอบการชาร์จสูงสุดถึง 1,000 รอบ (Cycles) รองรับ PD 3.0 และการชาร์จให้อุปกรณ์อื่น

ในรุ่นนี้มาพร้อมกับลำโพงคู่สเตอริโอที่ได้จับมือร่วมกับ JBL เพื่อมาช่วยในการปรับจูนเสียง มีช่องเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มม. รองรับการเพิ่มความจุผ่าน microSD Card  และมี NFC ติดตั้งมาพร้อมกับ Android 13 ตัวเครื่องมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ Magic Black, สีฟ้า Interstellar Blue และสีส้ม Sunset Gold ที่ใช้ฝาหลังวัสดุหนังเทียม

สเปค Infinix Note 30

Infinix Note 30

  • หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2460 x 1080)
  • CPU : Helio G99
  • RAM : 8GB
  • ความจุ : 128GB / 256GB รองรับ microSD Card
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก Omnivision OV64B 64MP (f/1.7)
    – กล้อง Depth 2MP (f/2.4)
    – กล้อง AI QVGA
  • กล้องหน้า : 16MP (f/2.0)
  • การเชื่อมต่อ : 4G, WiFi 5, NFC, USB-C 2.0
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ด้านข้าง), accelerometer, gyro, proximity, compass
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอ จูนเสียงโดย JBL, รูหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตเตอรี่ : 5000 mAh รองรับชาร์จไว 45W
  • ขนาด / น้ำหนัก : 168.6 x 76.6 x 8.6 มม. / 219 กรัม

เปิดตัว Infinix Note 30 Pro

Infinix Note 30 Pro

รุ่น Pro จะได้อัปเกรดพาเนลจอแสดงผลเป็น AMOLED มาตรฐานสี 10 bits ในขนาดใหญ่เท่ากันที่ 6.78 นิ้ว บนความละเอียด Full HD+ รองรับรีเฟรชเรทระดับสูง 120Hz และ Tounch Sampling Rate อยู่ที่ 360Hz สว่างสูงสุด 900 nits ส่วนกล้องหน้าก็มาในดีไซน์แบบเจาะรูเช่นกัน

ด้านประสิทธิภาพโดยรวมแล้วยังคงคล้ายกับรุ่นมาตรฐาน ให้ชิป Helio G99 (4G) และ RAM 8GB พ่วงด้วยตัวเลือกความจุ 2 ขนาด 128GB / 256GB มีระบบระบายความร้อน Vapoส่วนแบตเตอรี่ให้มาที่ 5,000 mAh รองรับ All Round Fast Charge ผ่านสาย USB-C 2.0 ที่เร็วกว่านิดหน่อย 68W ชาร์จจาก 1 – 80% ใช้เวลาเพียง 30 นาที นอกจากนี้ยังรองรับชาร์จไร้สายที่ 15W และรองรับ Reverse Charging ทั้งผ่านสาย และไร้สายด้วย

ส่วนกล้องในรุ่นนี้ได้อัปเกรดมาใช้กล้องหลักความละเอียด 108MP ที่ไม่ระบุเซนเซอร์ แต่คาดว่าน่าจะเป็น ISOCELL HM6 + กล้อง Depth 2MP + กล้อง AI QVGA ส่วนกล้องหน้าก็อัปเกรดความละเอียดจาก 16MP เป็น 32MP

ในรุ่นนี้ยังคงมาพร้อมกับลำโพงคู่สเตอริโอที่ได้จับมือร่วมกับ JBL มีช่องเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มม. รองรับการเพิ่มความจุผ่าน microSD Card  และมี NFC ติดตั้งมาพร้อมกับ Android 13 ตัวเครื่องมีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ Black และสีทอง Variable Gold

สเปค Infinix Note 30 Pro

Infinix Note 30 Pro

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2460 x 1080)
  • CPU : Helio G99
  • RAM : 8GB
  • ความจุ : 128GB / 256GB รองรับ microSD Card
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก 108MP
    – กล้อง Depth 2MP
    – กล้อง AI QVGA
  • กล้องหน้า : 32MP
  • การเชื่อมต่อ : 4G, WiFi 5, NFC, USB-C 2.0
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ด้านข้าง), accelerometer, gyro, proximity, compass
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอ จูนเสียงโดย JBL, รูหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตเตอรี่ : 5000 mAh รองรับชาร์จไวผ่านสาย 68W / ไร้สาย 15W
  • มาตรฐานทนน้ำ: IP53
  • ระบบ: Android 13 ครอบทับด้วย XOS 13
  • ขนาด / น้ำหนัก : 168.5 x 76.5 x 8.5 มม. / 205 กรัม

เปิดตัว Infinix Note 30 5G

Infinix Note 30 5G

สำหรับรุ่น 5G ต้องบอกว่าสเปคโดยรวมนั้นคล้ายกับรุ่นมาตรฐานเกือบ 100% เปลี่ยนเพียงแค่ชิปที่ใช้จาก Helio G99 เป็นชิป 5G อย่าง Dimensity 6080 (รีแบรนด์มาจาก Dimensity 810) และมีการอัปเกรดกล้องหลักไปใช้เซนเซอร์ความละเอียดสูง 108MP ISOCELL HM6

ด้านดีไซน์มีการสลับตำแหน่งแฟลช LED นิดหน่อย และนำกล้องรองทั้งสองตัวไปรวมกันอยู่ในโมดูลเดียว ตัวเครื่องมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ Magic Black, สีฟ้า Interstellar Blue และสีส้ม Sunset Gold ที่ใช้ฝาหลังวัสดุหนังเทียมซึ่งคล้ายกับรุ่น 4G แบบเป๊ะ ๆ

สเปค Infinix Note 30 5G

Infinix Note 30 5G

  • หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2460 x 1080)
  • CPU : Dimensity 6080
  • RAM : 8GB
  • ความจุ : 128GB / 256GB รองรับ microSD Card
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก ISOCELL HM6 108MP (f/1.75)
    – กล้อง Depth 2MP (f/2.4)
    – กล้อง AI QVGA
  • กล้องหน้า : 16MP (f/2.0)
  • การเชื่อมต่อ : 5G, WiFi 5, NFC, USB-C 2.0
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ด้านข้าง), accelerometer, gyro, proximity, compass
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอ จูนเสียงโดย JBL, รูหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตเตอรี่ : 5000 mAh รองรับชาร์จไว 45W
  • ระบบ: Android 13 ครอบทับด้วย XOS 13
  • ขนาด / น้ำหนัก : 168.5 x 76.5 x 8.5 มม. / 205 กรัม

ราคา และวันวางจำหน่าย

ทางแบรนด์ได้ออกมายืนยันว่า Infinix Note 30 Series รุ่นเริ่มต้นจะมีราคาอยู่ที่ 230 เหรียญสหรัฐฯ (ราว ๆ 8,000 บาท ยังไม่รวมภาษี) ส่วนอีก 2 รุ่นจะตั้งราคาไม่เกิน 300 เหรียญฯ (ไม่เกิน 10,000 บาท ยังไม่รวมภาษี) ส่วนราคาแบบเต็ม ๆ และวันวางจำหน่ายต้องรอติดตามกันต่อไป และตอนนี้ยังมีอีก 1 รุ่นท็อปสุดอย่าง Note 30 VIP ที่ยังไม่ได้เปิดตัว ใครสนใจต้องจับตาดูให้ดี

 

ที่มา: GSMArena

from:https://droidsans.com/infinix-note-30-series-officially-unveiled/

Infinix Note 30 Series เผยภาพเครื่องจริง พร้อมสเปค ยืนยันมาพร้อมระบบชาร์จแรง All-Round FastCharge

Infinix แบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความคุ้มค่า เตรียมกลับมาทวงบัลลังก์ในช่วงราคาระดับกลางล่างอีกครั้ง เพราะล่าสุดมีข้อมูลสเปคของ Infinix Note 30 Series หลุดออกมาให้ทราบกันเรียบร้อย โดยในซีรีส์นี้คาดว่าจะเปิดตัวมาด้วยกันถึง 4 รุ่น ได้แต่ Note 30 4G, Note 30 Pro, Note 30 5G และ Note 30 VIP และคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเร็วสุด ภายในเดือนพฤษภาคม 2023

Infinix Note 30 Series

Infinix Note 30 Series ทุกรุ่นคาดว่าจะมาพร้อมจอแสดงผลในดีไซน์กล้องหน้าแบบเจาะรู และจะมีกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวในดีไซน์โมดูลแบบสี่เหลี่ยมคุ้นตา ส่วนชิปเซ็ตประมวลผลจะแตกต่างกันไปในแต่ละระดับราคา โดยข้อมูลเผยว่าจะใช้ชิป Helio G99, Dimensity 810 และ Dimensity 1200 ตามลำดับ

Infinix Note 30 Series
Infinix Note 30 Series

นอกจากนี้ในรุ่นระดับบนของซีรีส์อาจมาพร้อมกับระบบชาร์จไวติดสปีด All-Round FastCharge ที่รองรับการชาร์จผ่านสายที่ความเร็ว 260W และรองรับชาร์จไร้สาย 110W รองรับการจ่ายไฟตรงเข้าตัวเครื่อง Bypass Charging, รองรับการจ่ายไฟให้อุปกรณ์อื่น และรองรับ USB PD 3.0 อย่างไรก็ตามระบบชาร์จที่ว่านี้อาจใส่มาในรุ่น VIP ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดของซีรีส์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น


เพราะล่าสุดมีข้อมูลสเปครุ่น Note 13 Pro มาจากตัวแทนจำหน่ายในเอกวาดอร์ พบว่าให้ระบบชาร์จไวมาแค่ 68W เท่านั้น พร้อมรองรับชาร์จไร้สายที่ 15W ส่วนแบตเตอรี่ให้มาที่ 5,000 mAh มาพร้อมจอแสดงผลขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ รีเฟรชเรท 120Hz ให้กล้องหลังความละเอียดสูง 108MP + 2MP + 2MP ใช้ชิป Helio G99 ความจุ 8GB + 256GB และปรับจูนเสียงลำโพงโดย JBL ตรงตามข่าวครั้งก่อนเป๊ะ ๆ

Infinix Note 30 Series

Infinix Note 30 Series คาดว่าจะเปิดตัวไวสุดภายในเดือน พ.ค. 2023 เพราะตอนนี้ประเทศไนจีเรียก็เริ่มเปิดให้พรีออเดอร์กันแล้ว ด้านราคาสื่อนอกรายงานว่าทางแบรนด์พยายามกดราคาเปิดตัวให้ต่ำกว่า 10,000 บาท ซึ่งก็ดูมีแววเป็นความจริงเพราะในฝั่งเอกวาดอร์ก็เปิดราคารุ่น Pro มาที่ 265 เหรียญ หรือราว ๆ 9,000 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีแผนจะเปิดตัวในฝั่งเอเชียเร็ว ๆ นี้ด้วย

 

ที่มา: GizmoChina, Novicompu, Infinix Nigeria, PassionateGeekz

from:https://droidsans.com/infinix-note-30-series-might-come-with-all-round-fastcharge/