คลังเก็บป้ายกำกับ: INFINIX_NOTE_30

สเปค Infinix Note 30 VIP ตัวท็อปสุดแรง ใช้ชิป Dimensity 8050 ราคาราว 8,600 บาท ยืนยันเข้าไทย เร็ว ๆ นี้

Infinix Note 30 VIP 5G มือถือสุดแรงตัวท็อปสุดของซีรีส์เปิดตัวในประเทศฟิลิปปินส์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาพร้อมสเปคโคตรคุ้มได้ทั้งชิปใหม่ Dimensity 8050 รองรับชาร์จไว All-Round Fast Charge เร็วที่สุดในซีรีส์ 68W ผ่านสาย / 50W ไร้สาย ได้ลำโพงคู่เสียงดีปรับจูนเสียงโดย JBL โดยเปิดราคามาที่ 13,999 เปโซ หรือราว ๆ 8,600 บาทเท่านั้น

Infinix Note 30 VIP

Infinix Note 30 VIP มาพร้อมกับตัวเครื่องดีไซน์เดียวกับทั้ง 4 รุ่นที่เปิดตัวมาก่อนหน้านี้ แต่พิเศษที่รุ่นนี้ฝาหลังจะใช้วัสดุกระจก ที่รองรับมาตรฐานทนฝุ่น ทนละอองน้ำ IP53 นอกจากนี้ยังได้ปิด Pain Point ของหลาย ๆ รุ่นด้วยการเพิ่มไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนมาแล้ว ด้านระบบเสียงก็จัดเต็ม เพราะยังคงมาพร้อมกับลำโพงคู่ JBL เหมือนเดิม อีกทั้งยังมีมอเตอร์กันสั่น Z-Axis เพื่อเพิ่มความสมจริงในการเล่นเกมด้วย

จอแสดงผล 10-bit AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว บนความละเอียด Full HD+ (2400 x 1080 พิกเซล) มาตรฐานสี DCI P3 ครอบคลุม 100% รองรับรีเฟรชเรทระดับสูง 120Hz และรองรับ Touch Sampling Rate ที่ 360Hz สามารถดันความสว่างสูงสุดได้ที่ 900 nits รองรับการสแกนนิ้วใต้หน้าจอ

สำหรับการถ่ายภาพนั้น ในรุ่นนี้ยังคงมาพร้อมกับสเปคกล้องที่คล้ายกับรุ่นอื่น ๆ ให้กล้องหลัก 3 ตัวความละเอียด 108MP + กล้อง Depth 2MP + กล้อง AI QVGA รองรับการถ่ายวิดีโอที่ 4K@30FPS ส่วนกล้องหน้ามาในดีไซน์เจาะรูความละเอียด 32MP รองรับการถ่ายวิดีโอที่ 1080P@30FPS

ด้านประสิทธิภาพในรุ่นนี้มาพร้อมกับชิป Dimensity 8050 (รีแบรนด์มาจาก Dimensity 1300) ประกบคู่มากับรุ่นความจุเยอะสะใจ 12GB + 256GB แถมยังรองรับฟีเจอร์เพิ่ม RAM จำลอง Extended RAM สูงสุด 9GB รวมเป็น 21GB นอกจากนี้ยังมีระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว Vapor Chamber เพื่อช่วยลดอุณหภูมิในขณะเล่นเกมด้วย

จุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ที่ระบบชาร์จไว All-Round Fast Charge ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้จัดเต็ม 260W แบบที่เคยเอามาโชว์ไว้ แต่ก็ถือว่าให้มาจัดเต็มใช้ได้ โดยตัวเครื่องสามารถชาร์จผ่านสายได้ที่ 68W ชาร์จจาก 1 – 80% ใช้เวลาเพียง 30 นาที นอกจากนี้ยังรองรับชาร์จไวไร้สาย 50W ชาร์จจาก 1 – 50% ในเวลา 30 นาทีเท่านั้น ซึ่งถือว่าคุ้มมาก ๆ เพราะปกติแล้วมือถือราคาต่ำหมื่นมักจะไม่ค่อยได้เห็นระบบชาร์จไร้สายสักเท่าไหร่

นอกจากนี้ตัวเครื่องยังรองรับระบบ Reverse Charging จ่ายไฟให้เมนบอร์ดโดยตรงเหมาะสำหรับการเล่นเกม และเมื่อทำงานร่วมกับระบบระบายความร้อน จะช่วยลดอุณหภูมิตัวเครื่องได้ถึง 7 องศาเซลเซียสขณะเล่นเกม พร้อมจ่ายไฟตรงไปด้วย แถมแบตเตอรี่ยังทนมาก ๆ เมื่อชาร์จครบ 1000 รอบ Cycles แบตเตอรี่จะยังคบเก็บไฟได้ถึง 80% การันตีใช้ได้ต่ำ ๆ ถึง 3 ปีเลยทีเดียว

สเปค INFINIX NOTE 30 VIP

Infinix Note 30 VIP

  • หน้าจอ 10-bit AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080) รีเฟรชเรท 120Hz
  • CPU : Dimensity 8050
  • RAM : 12GB รองรับ Extended RAM รวมสูงสุด 21GB
  • ความจุ : 256GB รองรับ microSD Card
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก 108MP
    – กล้อง Depth 2MP
    – กล้อง AI QVGA
  • กล้องหน้า : 32MP
  • การเชื่อมต่อ : 5G, WiFi 5, BT 5.1, NFC, USB-C 2.0
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ใต้หน้าจอ), G-sensor / E-compass/ L-sensor /Proximity sensor / soft-gyroscope
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอริโอ จูนเสียงโดย JBL, รูหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตเตอรี่ : 5,000 mAh รองรับชาร์จไวผ่านสาย 68W / ไร้สาย 50W
  • ระบบ: Android 13 ครอบทับด้วย XOS 13
  • ขนาด / น้ำหนัก : 162.7 x 75.9 x 8.2 มม. / 190 กรัม

ราคา และวันวางจำหน่าย


 

Infinix Note 30 VIP (12GB + 256GB) วางจำหน่ายแล้วที่ประเทศฟิลิปปินส์ในราคา 13,999 เปโซ หรือราว ๆ 8,600 บาท ส่วนในไทยตอนนี้ตัวเครื่องได้ผ่านการรับรองจาก กสทช. เป็นที่เรียบร้อย ส่วนราคาไทยคาดว่าน่าจะใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะรุ่น 5G ที่เปิดราคามาเมื่อวานสูงสุดอยู่ที่ 7,999 บาท ซึ่งหากตั้งราคาเป็นขั้นบันได ยังไงราคารุ่นนี้ก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ 8,xxx – 9,xxx บาทแน่นอน

ที่มา GSMArena, Shopee (ฟิลิปปินส์), MoCheck (กสทช.)

from:https://droidsans.com/infinix-note-30-vip-officially-unveiled/

เปิดราคาไทย Infinix Note 30 4G/5G สเปคดี ชาร์จไว 45W ลำโพงคู่ JBL เริ่มต้นเพียง 5,499 บาท

Infinix Note 30 Series ที่เปิดตัวในไทยนั้นก็มีทั้งรุ่น 5G และ 4G  มาด้วยจุดเด่นกล้องหลัง 3 ตัว 108MP ระบบชาร์จไว All Round Fast Charge  45W ลำโพงคู่ JBL จูนเสียงใส รุ่น 5G ใช้ชิป Dimensity 6080 เล่นเกมได้เร็วแรงขึ้นกว่าเดิม ส่วนรุ่นธรรมดาใช้เป็น Helio G99 เปิดตัวมาในราคาเริ่มต้นเบา ๆ เพียง 5,499 บาทเท่านั้น 

Infinix Note 30 (4G) และ  (5G) ใช้หน้าจอแสดงผล IPS LCD ขนาดใหญ่เต็มตา 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับรีเฟรชเรทที่ 120Hz และรองรับ Touch Sampling Rate ที่ 240Hz สว่างสูงสุด 580 nits ส่วนดีไซน์กล้องหน้าใช้เป็นแบบเจาะรู Punch-Hole

กล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลักจะใช้เซนเซอร์ Omnivision OV64B 64MP + กล้อง Depth 2MP + กล้อง AI Lens ความละเอียด QVGA รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 1440p@30FPS ส่วนกล้องหน้าให้มาที่ 16MP รองรับการถ่ายวิดีโอที่ 1080p@30FPS

ส่วนรุ่น 5G ได้อัปเกรดกล้องมาให้เป็นกล้องหลัก 108MP + กล้อง Depth 2MP และ กล้อง AI QVGA และมีกล้องหน้าความละเอียดอยู่ที่ 16MP เท่ากันค่ะ

ตัวเครื่อง 4G ใช้ชิปประมวลผล Helio G99 ในขณะที่รุ่น 5G จะใช้เป็น Dimensity 6080 ที่ช่วยให้เล่นเกมได้เร็วขึ้น 20% ความถี่ ARM Cortex-A76 สูงสุด 2.4 Hz  ส่วนแบตเตอรี่มาที่ 5,000 mAh เท่ากันเลย อีกทั้งยังรองรับระบบชาร์จไว All Round Fast Charge  45W ระบบชาร์จ Bypass สามารถเล่นเกมได้ยาว ๆ สบาย ๆ เครื่องไม่ร้อนในขณะทมี่ชาร์จแบตอยู่ โดยได้ผ่านการทดสอบการชาร์จสูงสุดถึง 1,000 รอบ (Cycles) รองรับ PD 3.0 และการชาร์จให้อุปกรณ์อื่นได้ด้วย

ส่วนดีไซน์จะต่างกันนิดหน่อย ตรงที่ตำแหน่งแฟลช LED และรุ่น 5G มีการเอากล้องไปใส่อยู่ในโมดูลเดียวกันเท่านั้น ส่วนสีและดีไซน์อื่น ๆ ที่เหลือยังคงเหมือนเดิมค่ะ อีกทั้งสองรุ่นที่เปิดตัวได้มาพร้อมธีมพิเศษ เอาใจสาย ROV แบบสุด ๆ โดยมาในตัวละคร Bright สกิน Hack Trasher สุดเท่

ทั้งคู่มาพร้อมกับลำโพงคู่สเตอริโอที่ได้จับมือร่วมกับ JBL เพื่อมาช่วยในการปรับจูนเสียง ด้านล่างของเครื่องมีช่องเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มม. ให้ รองรับการเพิ่มความจุผ่าน microSD Card และมี NFC ติดตั้งมาพร้อมกับ Android 13

สเปค INFINIX NOTE 30

  • หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2460 x 1080)
  • CPU : Helio G99
  • RAM : 8GB
  • ความจุ : 128GB / 256GB รองรับ microSD Card
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก Omnivision OV64B 64MP (f/1.7)
    – กล้อง Depth 2MP (f/2.4)
    – กล้อง AI QVGA
  • กล้องหน้า : 16MP (f/2.0)
  • การเชื่อมต่อ : 4G, WiFi 5, NFC, USB-C 2.0
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ด้านข้าง), accelerometer, gyro, proximity, compass
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอ จูนเสียงโดย JBL, รูหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตเตอรี่ : 5000 mAh รองรับชาร์จไว 45W
  • ขนาด / น้ำหนัก : 168.6 x 76.6 x 8.6 มม. / 219 กรัม

สเปค INFINIX NOTE 30 5G

  • หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2460 x 1080)
  • CPU : Dimensity 6080
  • RAM : 8GB
  • ความจุ : 128GB / 256GB รองรับ microSD Card
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก ISOCELL HM6 108MP (f/1.75)
    – กล้อง Depth 2MP (f/2.4)
    – กล้อง AI QVGA
  • กล้องหน้า : 16MP (f/2.0)
  • การเชื่อมต่อ : 5G, WiFi 5, NFC, USB-C 2.0
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ด้านข้าง), accelerometer, gyro, proximity, compass
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอ จูนเสียงโดย JBL, รูหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตเตอรี่ : 5000 mAh รองรับชาร์จไว 45W
  • ระบบ: Android 13 ครอบทับด้วย XOS 13
  • ขนาด / น้ำหนัก : 168.5 x 76.5 x 8.5 มม. / 205 กรัม

ราคาจำหน่าย

Infinix Note 30 4G/5G สีที่นำมาจำหน่ายในไทยได้แก่ Magic Black และ Interstellar Blue วางจำหน่ายในรุ่นความจุและราคา ดังนี้

NOTE 30 4G

  • 8GB + 128GB ราคา 5,499 บาท
  • 8GB + 256GB ราคา 6,399 บาท

NOTE 30 5G

  • 8GB + 128GB ราคา 6,999 บาท
  • 8GB + 256GB ราคา 7,499บาท

โปรโมชั่นพิเศษ เมื่อซื้อ Infinix Note 30 4G รับเลย! Infinix Chest Bag มูลค่า 599 บาท สามารถสั่งซื้อได้ที่ช่องทาง Official ของ Infinix ทั้งช่องทาง Shopee และ Lazada ได้เลยค่ะ ส่วนรุ่น 5G ต้องรอกดใส่ตระกร้ากันเที่ยงคืนนี้นะคะ

 

ที่มา : Infinix 

from:https://droidsans.com/infinix-note-30-4g-5g-official-launched-in-thailand/

เปิดตัว Infinix Note 30, Note 30 5G, Note 30 Pro มาพร้อมจอ 120Hz และรองรับชาร์จเร็วสูงสุด 68W

Infinix ประกาศเปิดตัว Infinix Note 30 Series อย่างเป็นทางการในตลาดโลก ประกอบด้วย Infinix Note 30, Infinix Note 30 5G และ Infinix Note 30 Pro 5G โดยทั้ง 3 รุ่นมาพร้อมจุดเด่นด้วยเทคโนโลยี All-Round FastCharge ของ Infinix นำการชาร์จความเร็วสูงทั้งแบบมีสายและไร้สายมาสู่ตระกูลนี้

แม้ว่าจะยังไม่ประกาศราคา แต่ Infinix ยืนยันว่าสมาร์ตโฟนทั้ง 3 รุ่นจะมีราคาต่ำกว่า 300 ดอลล่าร์หรือประมาณ บาท ในขณะที่รุ่นที่ถูกที่สุดอย่าง Note 30 จะมีราคาเพียง 230 ดอลล่าร์หรือประมาณ บาท

สเปก Infinix Note 30

ตัวเครื่องมีขนาด 168.6 x 76.6 x 8.6 มม. และน้ำหนัก 219 กรัม หน้าจอแสดงผล Punch Hole Display แบบ IPS LCD ความละเอียด FHD+ 1080 x 2460 พิกเซล ขนาด 6.78 นิ้ว อัตราส่วน 20:9 และมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz, อัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 240Hz และความสว่างสูงสุด 580nits

ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.2GHz ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ท Mediatek MT8781 Helio G99 (6nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G57 MC2 จับคู่กับ RAM 8GB และหน่วยความจำภายใน 128GB/256GB เพิ่มได้ด้วย microSD Card สูงสุด 256GB และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย XOS 13

ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera พร้อมไฟแฟลชคู่ Quad LED ประกอบด้วย

  • กล้องหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ OmniVision OV64B รูรับแสง f/1.7, (wide), 1/2″, 0.7µm และระบบ PDAF
  • กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
  • กล้องตัวที่ 3 ความละเอียด QVGA

ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0

Infinix Note 30

รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างเครื่อง, ลำโพงสเตอริโอคู่ที่ขับเคลื่อนด้วย JBL, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G LTE, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, Bluetooth 5.0, NFC, ช่องหูฟัง 3.5 มม., พอร์ต USB Type-C และแบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh พร้อมรองรับการเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 45W และชาร์จแบบย้อนกลับ

ทั้งนี้ Infinix Note 30 มีให้เลือก 3 เฉดสี ได้แก่ Magic Black, Interstellar Blue และ Sunset Gold

สเปก Infinix Note 30 5G

ตัวเครื่องมีขนาด 168.5 x 76.5 x 8.5 มม. และน้ำหนัก 205 กรัม หน้าจอแสดงผล Punch Hole Display แบบ IPS LCD ความละเอียด FHD+ 1080 x 2460 พิกเซล ขนาด 6.78 นิ้ว อัตราส่วน 20:9 และมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz, อัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 240Hz และความสว่างสูงสุด 580nits

ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.4GHz ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ท Mediatek Dimensity 6080 (6 nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G57 MC2 จับคู่กับ RAM 4GB/8GB และหน่วยความจำภายใน 128GB/256GB เพิ่มได้ด้วย microSD Card สูงสุด 256GB และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย XOS 13

ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera พร้อมไฟแฟลชคู่ Quad LED ประกอบด้วย

  • กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL HM6 รูรับแสง f/1.75, 26mm (wide), 1/67″, 0.64µm และระบบ PDAF
  • กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
  • กล้องตัวที่ 3 ความละเอียด QVGA

ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0

รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างเครื่อง, ลำโพงสเตอริโอคู่ที่ขับเคลื่อนด้วย JBL, รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G LTE/5G dual band (SA/NSA), Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, Bluetooth 5.0, NFC, วิทยุ FM, ช่องหูฟัง 3.5 มม., พอร์ต USB Type-C และแบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh พร้อมรองรับการเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 45W ชาร์จที่ 10V/4.5A และชาร์จแบบย้อนกลับ

ทั้งนี้ Infinix Note 30 5G มีให้เลือก 3 เฉดสี ได้แก่ Magic Black, Interstellar Blue และ Sunset Gold

สเปก Infinix Note 30 Pro

ตัวเครื่องมีขนาด 168.5 x 76.5 x 8.5 มม. และน้ำหนัก 205 กรัม หน้าจอแสดงผล Punch Hole Display แบบ AMOLED ความละเอียด FHD+ 1080 x 2460 พิกเซล ขนาด 6.78 นิ้ว อัตราส่วน 20:9 และมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz, อัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 360Hz และความสว่างสูงสุด 900nits

ใช้หน่วยประมวลผลซีพียูแบบ Octa Core ความเร็ว 2.2GHz ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ท Mediatek MT8781 Helio G99 (6nm), หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G57 MC2 จับคู่กับ RAM 8GB และหน่วยความจำภายใน 128GB/256GB เพิ่มได้ด้วย microSD Card สูงสุด 256GB และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย XOS 13

ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว AI Triple Camera พร้อมไฟแฟลชคู่ Quad LED ประกอบด้วย

  • กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL HM6 รูรับแสง f/1.75, 26mm (wide), 1/67″, 0.64µm และระบบ PDAF
  • กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
  • กล้องตัวที่ 3 ความละเอียด QVGA

ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0

รวมทั้งติดตั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างเครื่อง, ลำโพงสเตอริโอคู่ที่ขับเคลื่อนด้วย JBL, ติดตั้งระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว Vapor Chamber ซึ่งมีพื้นที่ผิว 2,000 ตร.มม., รองรับ 2 SIM, รองรับ 4G LTE, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, dual-band, Wi-Fi Direct, Bluetooth 5.0, NFC, วิทยุ FM, ช่องหูฟัง 3.5 มม., พอร์ต USB Type-C และแบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh พร้อมรองรับการเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 67W ชาร์จ 0-80% ภายใน 30 นาที, ชาร์จเร็วแบบไร้สาย 15W และชาร์จแบบย้อนกลับ

ทั้งนี้ Infinix Note 30 Pro มีให้เลือก 2 เฉดสี ได้แก่ Magic Black และ Variable Gold

อย่างไรก็ดี Infinix Note 30 Series ยังรวมถึง Infinix Note 30 VIP ซึ่งยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ และ Infinix Note 30i ที่ขับเคลื่อนด้วย Helio G85 ซึ่งประกาศเปิดตัวไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ที่มา : Gsmarena

.fb-background-color {
background: #ffffff !important;
}
.fb_iframe_widget_fluid_desktop iframe {
width: 100% !important;
}

from:https://www.mobileocta.com/infinix-note-30-note-30-5g-note-30-pro-launched/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=infinix-note-30-note-30-5g-note-30-pro-launched

สเปค Infinix Note 30, Note 30 Pro และ Note 30 5G มือถือซีรีส์คุ้ม ชูจุดเด่นระบบชาร์จไว พร้อมลำโพงคู่ JBL สุดแจ่ม

หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ก่อน Infinix เพิ่งส่งรุ่นน้องอย่าง Note 30i มาชิงพื้นที่เปิดตัวก่อน วันนี้ Infinix Note 30 Series รุ่นพี่อีก 3 รุ่นก็ได้เรียงขบวนกันมาเปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วพร้อมกันถึง 3 รุ่น ได้แก่ Note 30, Note 30 Pro และ Note 30 5G โดยได้ชูจุดเด่นอย่างระบบ All Round Fast Charge ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มาพร้อมกับความเร็วทุบสถิติ แต่ก็ได้ใส่กันมาครบ ๆ ให้ทุกรุ่น นอกจากนี้ยังได้ระบบเสียงจาก JBL ด้วย

เปิดตัว Infinix Note 30

Infinix Note 30

Infinix Note 30 (4G) รุ่นมาตรฐานมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล IPS LCD ขนาดใหญ่เต็มตา 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับรีเฟรชเรทที่ 120Hz และรองรับ Touch Sampling Rate ที่ 240Hz สว่างสูงสุด 580 nits ส่วนดีไซน์กล้องหน้าใช้เป็นแบบเจาะรู Punch-Hole

ในรุ่นนี้มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว โดยกล้องหลักจะใช้เซนเซอร์ Omnivision OV64B ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล + กล้อง Depth 2MP + กล้อง AI Lens ความละเอียด QVGA รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 1440p@30FPS ส่วนกล้องหน้าให้มาที่ 16MP รองรับการถ่ายวิดีโอที่ 1080p@30FPS

ด้านประสิทธิภาพ รุ่นนี้ใช้ชิปประมวลผล Helio G99 รองรับ 4G มาพร้อม RAM 8GB พ่วงด้วยตัวเลือกความจุ 2 ขนาด 128GB / 256GB ให้แบตเตอรี่มาที่ 5,000 mAh รองรับระบบชาร์จไว All Round Fast Charge ชาร์จผ่านสาย USB-C 2.0 ที่ความเร็ว 45W โดยได้ผ่านการทดสอบการชาร์จสูงสุดถึง 1,000 รอบ (Cycles) รองรับ PD 3.0 และการชาร์จให้อุปกรณ์อื่น

ในรุ่นนี้มาพร้อมกับลำโพงคู่สเตอริโอที่ได้จับมือร่วมกับ JBL เพื่อมาช่วยในการปรับจูนเสียง มีช่องเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มม. รองรับการเพิ่มความจุผ่าน microSD Card  และมี NFC ติดตั้งมาพร้อมกับ Android 13 ตัวเครื่องมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ Magic Black, สีฟ้า Interstellar Blue และสีส้ม Sunset Gold ที่ใช้ฝาหลังวัสดุหนังเทียม

สเปค Infinix Note 30

Infinix Note 30

  • หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2460 x 1080)
  • CPU : Helio G99
  • RAM : 8GB
  • ความจุ : 128GB / 256GB รองรับ microSD Card
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก Omnivision OV64B 64MP (f/1.7)
    – กล้อง Depth 2MP (f/2.4)
    – กล้อง AI QVGA
  • กล้องหน้า : 16MP (f/2.0)
  • การเชื่อมต่อ : 4G, WiFi 5, NFC, USB-C 2.0
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ด้านข้าง), accelerometer, gyro, proximity, compass
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอ จูนเสียงโดย JBL, รูหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตเตอรี่ : 5000 mAh รองรับชาร์จไว 45W
  • ขนาด / น้ำหนัก : 168.6 x 76.6 x 8.6 มม. / 219 กรัม

เปิดตัว Infinix Note 30 Pro

Infinix Note 30 Pro

รุ่น Pro จะได้อัปเกรดพาเนลจอแสดงผลเป็น AMOLED มาตรฐานสี 10 bits ในขนาดใหญ่เท่ากันที่ 6.78 นิ้ว บนความละเอียด Full HD+ รองรับรีเฟรชเรทระดับสูง 120Hz และ Tounch Sampling Rate อยู่ที่ 360Hz สว่างสูงสุด 900 nits ส่วนกล้องหน้าก็มาในดีไซน์แบบเจาะรูเช่นกัน

ด้านประสิทธิภาพโดยรวมแล้วยังคงคล้ายกับรุ่นมาตรฐาน ให้ชิป Helio G99 (4G) และ RAM 8GB พ่วงด้วยตัวเลือกความจุ 2 ขนาด 128GB / 256GB มีระบบระบายความร้อน Vapoส่วนแบตเตอรี่ให้มาที่ 5,000 mAh รองรับ All Round Fast Charge ผ่านสาย USB-C 2.0 ที่เร็วกว่านิดหน่อย 68W ชาร์จจาก 1 – 80% ใช้เวลาเพียง 30 นาที นอกจากนี้ยังรองรับชาร์จไร้สายที่ 15W และรองรับ Reverse Charging ทั้งผ่านสาย และไร้สายด้วย

ส่วนกล้องในรุ่นนี้ได้อัปเกรดมาใช้กล้องหลักความละเอียด 108MP ที่ไม่ระบุเซนเซอร์ แต่คาดว่าน่าจะเป็น ISOCELL HM6 + กล้อง Depth 2MP + กล้อง AI QVGA ส่วนกล้องหน้าก็อัปเกรดความละเอียดจาก 16MP เป็น 32MP

ในรุ่นนี้ยังคงมาพร้อมกับลำโพงคู่สเตอริโอที่ได้จับมือร่วมกับ JBL มีช่องเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มม. รองรับการเพิ่มความจุผ่าน microSD Card  และมี NFC ติดตั้งมาพร้อมกับ Android 13 ตัวเครื่องมีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีดำ Black และสีทอง Variable Gold

สเปค Infinix Note 30 Pro

Infinix Note 30 Pro

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2460 x 1080)
  • CPU : Helio G99
  • RAM : 8GB
  • ความจุ : 128GB / 256GB รองรับ microSD Card
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก 108MP
    – กล้อง Depth 2MP
    – กล้อง AI QVGA
  • กล้องหน้า : 32MP
  • การเชื่อมต่อ : 4G, WiFi 5, NFC, USB-C 2.0
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ด้านข้าง), accelerometer, gyro, proximity, compass
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอ จูนเสียงโดย JBL, รูหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตเตอรี่ : 5000 mAh รองรับชาร์จไวผ่านสาย 68W / ไร้สาย 15W
  • มาตรฐานทนน้ำ: IP53
  • ระบบ: Android 13 ครอบทับด้วย XOS 13
  • ขนาด / น้ำหนัก : 168.5 x 76.5 x 8.5 มม. / 205 กรัม

เปิดตัว Infinix Note 30 5G

Infinix Note 30 5G

สำหรับรุ่น 5G ต้องบอกว่าสเปคโดยรวมนั้นคล้ายกับรุ่นมาตรฐานเกือบ 100% เปลี่ยนเพียงแค่ชิปที่ใช้จาก Helio G99 เป็นชิป 5G อย่าง Dimensity 6080 (รีแบรนด์มาจาก Dimensity 810) และมีการอัปเกรดกล้องหลักไปใช้เซนเซอร์ความละเอียดสูง 108MP ISOCELL HM6

ด้านดีไซน์มีการสลับตำแหน่งแฟลช LED นิดหน่อย และนำกล้องรองทั้งสองตัวไปรวมกันอยู่ในโมดูลเดียว ตัวเครื่องมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีดำ Magic Black, สีฟ้า Interstellar Blue และสีส้ม Sunset Gold ที่ใช้ฝาหลังวัสดุหนังเทียมซึ่งคล้ายกับรุ่น 4G แบบเป๊ะ ๆ

สเปค Infinix Note 30 5G

Infinix Note 30 5G

  • หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2460 x 1080)
  • CPU : Dimensity 6080
  • RAM : 8GB
  • ความจุ : 128GB / 256GB รองรับ microSD Card
  • กล้องหลัง 3 ตัว
    – กล้องหลัก ISOCELL HM6 108MP (f/1.75)
    – กล้อง Depth 2MP (f/2.4)
    – กล้อง AI QVGA
  • กล้องหน้า : 16MP (f/2.0)
  • การเชื่อมต่อ : 5G, WiFi 5, NFC, USB-C 2.0
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ด้านข้าง), accelerometer, gyro, proximity, compass
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอ จูนเสียงโดย JBL, รูหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตเตอรี่ : 5000 mAh รองรับชาร์จไว 45W
  • ระบบ: Android 13 ครอบทับด้วย XOS 13
  • ขนาด / น้ำหนัก : 168.5 x 76.5 x 8.5 มม. / 205 กรัม

ราคา และวันวางจำหน่าย

ทางแบรนด์ได้ออกมายืนยันว่า Infinix Note 30 Series รุ่นเริ่มต้นจะมีราคาอยู่ที่ 230 เหรียญสหรัฐฯ (ราว ๆ 8,000 บาท ยังไม่รวมภาษี) ส่วนอีก 2 รุ่นจะตั้งราคาไม่เกิน 300 เหรียญฯ (ไม่เกิน 10,000 บาท ยังไม่รวมภาษี) ส่วนราคาแบบเต็ม ๆ และวันวางจำหน่ายต้องรอติดตามกันต่อไป และตอนนี้ยังมีอีก 1 รุ่นท็อปสุดอย่าง Note 30 VIP ที่ยังไม่ได้เปิดตัว ใครสนใจต้องจับตาดูให้ดี

 

ที่มา: GSMArena

from:https://droidsans.com/infinix-note-30-series-officially-unveiled/

สเปค Infinix Note 30i มือถือน้องเล็กสเปคดูดี เปิดตัวพร้อมจอ AMOLED ใช้ชิป Helio G85

หลังจากที่มีข่าวหลุดออกมาเมื่อช่วงสัปดาห์ก่อน ในที่สุด Infinix Note 30i ก็เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยรุ่นนี้จะเป็นรุ่นเล็กที่สุดของซีรีส์ มาพร้อมสเปคดูดีเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนในกลุ่มระดับเริ่มต้น ส่วนราคายังไม่มีการเปิดเผยออกมา แต่คาดว่าน่าจะได้ทราบกับในเร็ว ๆ นี้

Infinix Note 30i

Infinix Note 30i มาพร้อมตัวเครื่องดีไซน์พิมพ์นิยม ฝาหลังมีให้เลือก 2 วัสดุได้แก่ พลาสติก และ หนังวีแกน ขอบเฟรมตัวเครื่องใช้วัสดุพลาสติกสีทองเงางาม รองรับมาตรฐานทนละอองน้ำ IP53 ส่วนจอแสดงผลให้มาที่ขนาด 6.66 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ สีสันจัดเต็มเพราะใช้พาเนลจอแสดงผลแบบ AMOLED มีรีเฟรชเรทอยู่ที่ 60Hz และ Touch Sampling Rate ที่ 180Hz ส่วนดีไซน์มาในแบบจอติ่ง และขอบจอล่างบอกได้เลยว่าบางมาก ๆ

ในส่วนของประสิทธิภาพ รุ่นนี้ใช้ชิปกลาง-ล่างอย่าง Helio G85 ประกบคู่มากับ RAM ขนาด 8GB มีฟีเจอร์ Extended RAM เพิ่มได้สูงสุด 8GB รวมเป็น 16GB ส่วนความจุ ROM ให้มาเยอะจุใจที่ 256GB ส่วนแบตเตอรี่ก็ให้มา 5,000 mAh รองรับชาร์จไวผ่านสาย USB-C 2.0 33W รองรับ Reverse Charging ชาร์จไฟให้อุปกรณ์อื่นได้ ติดตั้งมาพร้อมกับ Android 13 ครอบทับด้วย XOS 13

ด้านเอนเตอร์เทนเมนต์ก็จัดเต็มเพราะรุ่นนี้ให้ลำโพงคู่ที่ปรับจูนเสียงโดยแบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำอย่าง JBL แต่น่าเสียดายที่ให้ไมโครโฟนมาแค่ตัวเดียว ไม่มีไมค์ตัดเสียงรบกวน ส่วนกล้องหลังให้มา 2 ตัว ได้แก่กล้องหลัก 64MP + กล้อง QVGA และกล้องเซลฟี่ให้มาที่ 16MP

สเปค INFINIX Note 30i

  • จอ AMOLED ขนาด 6.66 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 60Hz
  • CPU : Helio G85
  • RAM : 8 โหมด Extended RAM เพิ่มแรมได้สูงสุดเป็น 16GB
  • ความจุ : 256GB
  • กล้องหลัง 2 ตัว
    – กล้องหลัก 64MP
    – กล้อง QVGA
  • กล้องหน้า : 16MP
  • พอร์ต :  USB Type-C 2.0
  • ระบบเสียง : ลำโพงคู่ระบบเสียง JBL, มีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • เซนเซอร์ : สแกนลายนิ้วมือข้างตัวเครื่อง
  • แบตเตอรี่ 5,000 mAh รองรับชาร์จไว 33W
  • ระบบปฏิบัติการ Android 13 ครอบทับด้วย XOS 13
  • มาตรฐานทนน้ำ: IP53

Infinix Note 30i

Infinix Note 30i มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีทอง Variable Gold, สีดำ Obsidian Black และสีเขียว Impression Green ตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยราคา และวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่ ณ ปัจจุบันได้เริ่มเปิดจองแบบ Blind Booking ในประเทศแถบแอฟริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากอิงจาก Infinix Note 20i รุ่นก่อน อาจจะเปิดตัวมาที่ราคาราว ๆ 5,xxx บาท ใครที่ต้องการสมาร์ทโฟนราคาคุ้มค่า ต้องรอติดตามกันให้ดี

 

ที่มา: GSMArena

 

from:https://droidsans.com/infinix-note-30i-officially-unveilled/

Infinix Note 30 Series เผยภาพเครื่องจริง พร้อมสเปค ยืนยันมาพร้อมระบบชาร์จแรง All-Round FastCharge

Infinix แบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความคุ้มค่า เตรียมกลับมาทวงบัลลังก์ในช่วงราคาระดับกลางล่างอีกครั้ง เพราะล่าสุดมีข้อมูลสเปคของ Infinix Note 30 Series หลุดออกมาให้ทราบกันเรียบร้อย โดยในซีรีส์นี้คาดว่าจะเปิดตัวมาด้วยกันถึง 4 รุ่น ได้แต่ Note 30 4G, Note 30 Pro, Note 30 5G และ Note 30 VIP และคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเร็วสุด ภายในเดือนพฤษภาคม 2023

Infinix Note 30 Series

Infinix Note 30 Series ทุกรุ่นคาดว่าจะมาพร้อมจอแสดงผลในดีไซน์กล้องหน้าแบบเจาะรู และจะมีกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวในดีไซน์โมดูลแบบสี่เหลี่ยมคุ้นตา ส่วนชิปเซ็ตประมวลผลจะแตกต่างกันไปในแต่ละระดับราคา โดยข้อมูลเผยว่าจะใช้ชิป Helio G99, Dimensity 810 และ Dimensity 1200 ตามลำดับ

Infinix Note 30 Series
Infinix Note 30 Series

นอกจากนี้ในรุ่นระดับบนของซีรีส์อาจมาพร้อมกับระบบชาร์จไวติดสปีด All-Round FastCharge ที่รองรับการชาร์จผ่านสายที่ความเร็ว 260W และรองรับชาร์จไร้สาย 110W รองรับการจ่ายไฟตรงเข้าตัวเครื่อง Bypass Charging, รองรับการจ่ายไฟให้อุปกรณ์อื่น และรองรับ USB PD 3.0 อย่างไรก็ตามระบบชาร์จที่ว่านี้อาจใส่มาในรุ่น VIP ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดของซีรีส์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น


เพราะล่าสุดมีข้อมูลสเปครุ่น Note 13 Pro มาจากตัวแทนจำหน่ายในเอกวาดอร์ พบว่าให้ระบบชาร์จไวมาแค่ 68W เท่านั้น พร้อมรองรับชาร์จไร้สายที่ 15W ส่วนแบตเตอรี่ให้มาที่ 5,000 mAh มาพร้อมจอแสดงผลขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ รีเฟรชเรท 120Hz ให้กล้องหลังความละเอียดสูง 108MP + 2MP + 2MP ใช้ชิป Helio G99 ความจุ 8GB + 256GB และปรับจูนเสียงลำโพงโดย JBL ตรงตามข่าวครั้งก่อนเป๊ะ ๆ

Infinix Note 30 Series

Infinix Note 30 Series คาดว่าจะเปิดตัวไวสุดภายในเดือน พ.ค. 2023 เพราะตอนนี้ประเทศไนจีเรียก็เริ่มเปิดให้พรีออเดอร์กันแล้ว ด้านราคาสื่อนอกรายงานว่าทางแบรนด์พยายามกดราคาเปิดตัวให้ต่ำกว่า 10,000 บาท ซึ่งก็ดูมีแววเป็นความจริงเพราะในฝั่งเอกวาดอร์ก็เปิดราคารุ่น Pro มาที่ 265 เหรียญ หรือราว ๆ 9,000 บาทเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีแผนจะเปิดตัวในฝั่งเอเชียเร็ว ๆ นี้ด้วย

 

ที่มา: GizmoChina, Novicompu, Infinix Nigeria, PassionateGeekz

from:https://droidsans.com/infinix-note-30-series-might-come-with-all-round-fastcharge/

Infinix Note 30 ปรากฎบนเว็บ Google Play Console มาพร้อมชิป Helio G99

ย้อนกลับเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว Infinix ได้เปิดตัว Infinix Note 12 (2023) ที่ใช้ขุมพลังชิปเซ็ท Helio G99 และเป็นหนึ่งในราคาที่ดีที่สุด ล่าสุดมีรายงานว่าบริษัทกำลังเตรียมที่จะเปิดตัวรุ่นภาคต่อในชื่อรุ่น Infinix Note 30

Infinix Note 30

Infinix หมายเลขรุ่น Infinix-X6833B หรือชื่อทางการ Infinix Note 30 ปรากฎอยู่ในรายการ Google Play Console ซึ่งบ่งชี้ว่า Note Series รุ่นใหม่กำลังมา อย่างไรก็ตาม แทนที่จะตั้งชื่อว่า Infinix Note 13 Series แต่บริษัทกลับใช้ชื่อ Note 30 series แทน

สำหรับสเปกของ Infinix Note 30 ที่ปรากฎบน Google Play Console เผยให้ดีไซน์ด้านหน้ามาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ Punch Hole Display เจาะรูฝังกล้องเซลฟี่ที่ตรงกลางด้านบน ความละเอียด FHD+ 2460 x 1080 พิกเซล และความหนาแน่นพิกเซล 480 DPI

ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ท Helio G99 (6nm) ของ MediaTek และประกอบด้วยคอร์ต่อไปนี้: 2x Cortex-A76 Performance cores (clocked @2.2GHz) และ 6x Cortex-A55 Energy-efficient cores (clocked @2.0GHz) และใช้หน่วยประมวลผลกราฟิก GPU Mali-G57 MC2 (โอเวอร์คล็อกที่ @1068MHz)

รวมทั้งใช้ RAM 8GB และรันบนระบบปฎิบัติการ Android 13

ทั้งนี้ ยังไม่มีช้อมูลว่า Infinix Note 30 จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ แต่คาดว่าจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ รอติดตามกันนะครับ

ที่มา : MyFixGuide

.fb-background-color {
background: #ffffff !important;
}
.fb_iframe_widget_fluid_desktop iframe {
width: 100% !important;
}

from:https://www.mobileocta.com/infinix-note-30-with-helio-g99-listed-on-google-play-console/?utm_source=rss&utm_medium=rss&utm_campaign=infinix-note-30-with-helio-g99-listed-on-google-play-console