คลังเก็บป้ายกำกับ: HPE_PRIMERA

ตอบทุกโจทย์ความต้องการใน Data Center ขององค์กร ด้วยโซลูชัน HPE ครบวงจรจาก BizCon

การลงทุนอัปเกรดระบบ Data Center ของธุรกิจองค์กรในทุกวันนี้จะมองแต่เพียงเรื่องของเทคโนโลยีแต่เพียงอย่างเดียวไม่ได้อีกต่อไป แต่ประเด็นด้านรูปแบบการลงทุน และความยืดหยุ่นในการเพิ่มขยายระบบเองก็สำคัญไม่แพ้กัน

BizCon ในฐานะพันธมิตรระดับ Platinum Partner ของ HPE ต้องการที่จะตอบทุกโจทย์ความต้องการในการลงทุนด้านเทคโนโลยีของธุรกิจองค์กรให้ได้ จึงได้นำ 3 โซลูชันหลักจาก HPE มาให้บริการแก่ธุรกิจองค์กรไทย ได้แก่

  • ระบบ IT Infrastructure ใน Data Center ครอบคลุม Server และ Storage ทุกรุ่น
  • ระบบ HPE Ezmeral สำหรับรองรับ Container และ Multi-Cloud ในองค์กร
  • บริการ HPE GreenLake สร้างทางเลือกในการเช่าใช้งานทุกโซลูชันจาก HPE

BizCon ผู้เชี่ยวชาญด้านบริการระบบ IT สำหรับธุรกิจองค์กร พร้อมประสบการณ์กว่า 30 ปี

BizCon Solutions นั้นถือเป็นหนึ่งในธุรกิจ IT ที่อยู่คู่เมืองไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยประสบการณ์ในวงการที่ยาวนานกว่า 30 ปี และมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญครอบคลุมทุกเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น Cloud, Data Center, Enterprise Networking, Enterprise Security, End User Computing, Backup, Disaster Recovery รวมถึงการวางระบบ SAP สำหรับธุรกิจองค์กร

ไม่เพียงแต่ความเชี่ยวชาญเชิงเทคนิคเท่านั้น แต่การจับมือเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ชั้นนำทางด้าน Enterprise IT เองก็มีด้วยกันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น HPE, Aruba, Veritas, Veeam, VMware, Microsoft, Fortinet, Sophos, Trendmicro, Fireeye, Radware, Rapid7 และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้ธุรกิจองค์กรสามารถเลือกใช้งานโซลูชันที่เหมาะสมกับตนเองได้ โดยมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญจาก BizCon คอยสนับสนุนให้บริการติดตั้งและดูแลรักษาหลังการขายอย่างครบวงจร รวมถึงยังมีบริการ Managed Services เพื่อช่วยให้ธุรกิจองค์กรนำนวัตกรรมใหม่ๆ ไปใช้งานได้อย่างคล่องตัวโดยไม่ต้องกังวลถึงประเด็นด้านทักษะและความพร้อมของบุคลากร

ในแง่ความสัมพันธ์กับ HPE นั้น BizCon Solutions ถือเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นของ HPE ด้วยการเป็น HPE Platinum Partner และ HPE Aruba Silver Partner โดยไม่ได้เป็นพันธมิตรกับคู่แข่งรายอื่นๆ ของ HPE เลย เรียกได้ว่าครอบคลุมทั้งโซลูชันฝั่ง Data Center, Networking และ Security ของ HPE เลยทีเดียว

ผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ BizCon ได้ที่ https://www.bizcon.co.th/

ปี 2021 มุ่งเน้นการให้บริการ HPE ตอบโจทย์ทุกมิติทั้งด้านเทคโนโลยีและรูปแบบการลงทุน

สำหรับปี 2021 นี้ BizCon ได้ตั้งเป้าหมายที่จะช่วยให้ธุรกิจไทยสามารถฝ่าฟันวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ไปให้ได้ ในฐานะของผู้เชี่ยวชาญด้านระบบ IT Infrastructure สำหรับธุรกิจองค์กร ที่นำเสนอโซลูชันของ HPE เป็นรากฐานสำคัญในการปรับตัวและเปิดรับต่อนวัตกรรมใหม่แห่งอนาคต ด้วยการมุ่งเน้นการนำเสนอ 3 โซลูชันหลักดังนี้

1. HPE IT Infrastructure Solutions

Credit: HPE

BizCon สามารถนำเสนอโซลูชันล่าสุดทางด้าน Data Center ของ HPE ไม่ว่าจะเป็นระบบ Server, Storage, Network และ Management ให้กับธุรกิจองค์กรได้ครบทุกสายผลิตภัณฑ์ของ HPE เพื่อให้ธุรกิจองค์กรมีทางเลือกในการใช้งานโซลูชันที่ตอบโจทย์ที่สุดของตนเอง โดยโซลูชัน Data Center จาก HPE นั้นมีจุดเด่นที่เหนือกว่าผู้ผลิตรายอื่นๆ ดังนี้

  • ออกแบบโดยมุ่งเน้นความมั่นคงปลอดภัยเป็นสำคัญตั้งแต่ระดับของ Hardware, Software และ Supply Chain ช่วยลดความเสี่ยงที่ธุรกิจจะตกเป็นเหยื่อของภัยคุกคามหลากหลายรูปแบบ
  • มีระบบ AI จาก HPE InfoSight คอยช่วยในการตรวจสอบวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นภายใน Data Center ในแบบ Real-Time ช่วยให้การแก้ไขปัญหาหรือจัดการกับประเด็นความเสี่ยงต่างๆ เป็นไปได้ในแบบเชิงรุก ช่วยลด Downtime ที่จะเกิดขึ้นกับระบบในระยะยาวลงได้เป็นอย่างดี
  • ครอบคลุมทุกโซลูชัน ไม่ว่าจะเป็น Server อย่าง HPE ProLiant/HPE Apollo, Storage อย่าง HPE Primera/HPE Nimble Storage, HCI อย่าง HPE SimpliVity และระบบบริหารจัดการอย่าง HPE OneView ตอบโจทย์ได้ทุกการใช้งานในธุรกิจทุกขนาด
  • พร้อมก้าวสู่ภาพของ Hybrid Cloud และ Multi-Cloud ได้อย่างเต็มที่ ด้วยการรองรับการทำงานร่วมกับผู้ให้บริการ Cloud ชั้นนำหลายราย
  • การรับประกันทั่วประเทศไทย ที่มีระดับของบริการหลังการขายให้เลือกได้หลายระดับ มั่นใจได้ว่าระบบสำคัญจะสามารถดูแลรักษาได้อย่างเหมาะสมอยู่เสมอ

นอกเหนือจากเทคโนโลยีของ HPE เอง ทาง BizCon ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือธุรกิจองค์กรในการผสานรวมระบบเทคโนโลยีอื่นๆ ให้ทำงานร่วมกับโซลูชันของ HPE ได้ เพื่อวางระบบโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจองค์กรให้ได้อย่างครอบคลุม

2. HPE Software Solutions

Credit: HPE

สำหรับธุรกิจองค์กรที่ต้องการก้าวสู่การพัฒนาระบบ Application สมัยใหม่เป็นส่วนหนึ่งของการทำ Digital Transformation นั้น ทาง BizCon ก็พร้อมช่วยตอบโจทย์ระบบ IT Infrastructure สำหรับองค์กรกลุ่มนี้ด้วย HPE Ezmeral ครอบคลุมโซลูชันดังต่อไปนี้

  • HPE Ezmeral Container Platform สำหรับรองรับระบบ Cloud-Native Application ชั้นนำด้วย Kubernetes
  • HPE Ezmeral Data Fabric สำหรับรองรับโครงการระบบ Big Data & Analytics ด้วยเทคโนโลยีจาก MapR
  • HPE Ezmeral ML Ops สำหรับธุรกิจองค์กรชั้นนำที่มีการพัฒนา Machine Learning ของตนเอง ด้วยการนำแนวคิด DevOps เข้าไปเสริมกระบวนการสร้างโมเดลและการจัดการกับข้อมูล
  • HPE Ezmeral IT Ops & Automation สำหรับบริหารจัดการระบบ IT ขนาดใหญ่ด้วยเครื่องมืออย่าง HPE OneView ควบคู่ไปกับการใช้ AI จาก HPE InfoSight มาช่วยบริหารจัดการระบบ Data Center แบบอัตโนมัติ
  • HPE Managed Cloud Controls สำหรับควบคุมค่าใช้จ่ายและทำ Compliance ให้กับธุรกิจที่มีการใช้บริการ Public Cloud เป็นหลัก
  • Security Software นำโครงการ SPIFFE และ SPIRE ภายใต้ CNCF มาใช้เสริมความมั่นคงปลอดภัยให้กับระบบ Cloud-Native Platform

3. HPE Cloud Service Solutions

Credit: HPE

เพื่อให้ธุรกิจองค์กรมีทางเลือกในการลงทุนเทคโนโลยีที่ยืดหยุ่นยิ่งขึ้น BizCon จึงได้นำโซลูชัน HPE GreenLake ซึ่งเป็นบริการเช่าใช้งานอุปกรณ์และระบบ IT สำเร็จรูปจาก HPE ที่ติดตั้งใช้งานได้ภายในองค์กรโดยตรง และคิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง รวมถึงมีทีมงานของ HPE และ BizCon คอยดูแลสนับสนุนหลังการขาย พร้อมเพิ่มขยายระบบได้ทุกเมื่อที่ต้องการ

ปัจจุบัน HPE GreenLake มีโซลูชันที่สามารถเลือกใช้งานได้อย่างหลากหลาย ครอบคลุมทั้ง Container, Virtual Machine, Private Cloud, VDI, Database Platform, Big Data, Machine Learning, Data Protection, SAP, Compute, Storage, Networking, High Performance Computing, Managed Cloud Service และ Governance and Management ให้ธุรกิจองค์กรสามารถเลือกเช่าใช้ได้เฉพาะส่วนที่ตนเองต้องการ หรือเลือกใช้งานทั้งโซลูชันจาก HPE เลยก็ได้เช่นกัน

 

สนใจโซลูชันของ HPE ติดต่อ BizCon ได้ทันที

สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชันใดๆ ของ HPE สามารถติดต่อทีมงาน BizCon เพื่อขอรับคำปรึกษา, ใบเสนอราคา หรือบริการด้านเทคนิคได้ทันทีที่ Email: BizconMarketing@bizcon.co.th หรือโทร 082-0103588, 098-5523307 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ BizCon ได้ที่  https://www.bizcon.co.th/

 

กิจกรรมพิเศษ !! เพื่อลุ้นรับของรางวัล  ( เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย มูลค่า 1,490.- )

ขอเชิญชวน ผู้ที่สนใจ ท่านสามารถเข้ามาร่วมกิจกรรมสนุกๆ เพื่อลุ้นรับของรางวัลสุดพิเศษ จากทาง BizCon solutions ได้ที่ Facebook BizCon: https://www.facebook.com/BizCon-Solutions-Co-Ltd-536639640076652/

ฝากติดตามกันด้วยนะคะ

from:https://www.techtalkthai.com/complete-data-center-solutions-and-services-with-hpe-by-bizcon/

HPE เตือนผู้ใช้งานอัปเดต Patch อุดช่องโหว่ความรุนแรงสูงสุดบน Storage และ 64 ช่องโหว่บน HPE Intelligent Management Center

HPE ได้ออกมาแจ้งเตือนผู้ใช้งานให้ทำการอัปเดต Patch ความรุนแรงระดับสูงสุดที่ได้คะแนนเต็ม 10/10 บนระบบบริหารจัดการของ HPE Primera และ HPE 3PAR StoreServ รวมถึงช่องโหว่อื่นๆ อีก 64 รายการบน HPE Intelligent Management Center (iMC)

Credit: ShutterStock.com

ช่องโหว่แรกนั้นคือช่องโหว่รหัส CVE-2020-7197 ที่ได้รับคะแนนความรุนแรงระดับ 10/10 โดยปรากฎอยู่บน HPE 3PAR StoreServ Management Console (SSMC) ตั้งแต่รุ่น 3.7.0.0 และก่อนหน้า ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่จะทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องทำการยืนยันตัวตน โดย HPE แนะนำให้ทำการอัปเดตไปใช้รุ่น 3.7.1.1 หรือใหม่กว่านั้นแทน โดยสามารถโหลดซอฟต์แวร์รุ่นล่าสุดได้ที่ https://myenterpriselicense.hpe.com/cwp-ui/free-software/SSMC_CONSOLE

สำหรับ 64 ช่องโหว่ถัดมานั้นคือช่องโหว่ Remote Code Execution, Authentication Bypass และ Privilege Escalation ที่มีความรุนแรงตั้งแต่ 8.8 คะแนนจนถึง 9.8 คะแนน ซึ่งปรากฎอยู่บน HPE iMC รุ่นก่อนหน้า 7.3 ทั้งหมด และทาง HPE ก็แนะนำให้อัปเดตเป็นรุ่น 7.3 เป็นต้นไปได้จากที่ https://support.hpe.com/hpesc/public/home และ https://asp.arubanetworks.com/

ที่มา: https://www.bleepingcomputer.com/news/security/hpe-fixes-maximum-severity-remote-auth-bypass-bug-in-ssmc-console/

from:https://www.techtalkthai.com/hpe-releases-vulnerability-patches-for-its-storages/

เสริมความมั่นคงทนทานและความยืดหยุ่นให้กับ Container และ Kubernetes ของธุรกิจองค์กร ด้วย HPE Intelligent Data Platform

เมื่อ Container และ Kubernetes ได้กลายเป็นเทคโนโลยีหลักสำหรับธุรกิจองค์กร การปรับ Enterprise Application ให้อยู่ในรูปของ Container เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นและคล่องตัวต่อการนำไปใช้งานและการดูแลรักษานั้นก็ได้กลายเป็นโจทย์สำคัญ และก็ทำให้ธุรกิจองค์กรต้องมองหาหนทางในการปรับสถาปัตยกรรมของ Container ที่มักถูกออกแบบมาเพื่อรองรับ Stateless Workload มาสู่การรองรับ Stateful Workload ให้ได้

HPE ในฐานะของผู้นำทางด้านเทคโนโลยี Data Center ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของประเด็นปัญหานี้ และได้พัฒนาเทคโนโลยีต่อยอดเสริมให้กับโซลูชัน Storage ชั้นนำของตนเองทั้ง HPE Nimble Storage และ HPE Primera Storage เพื่อให้รองรับการทำ Data Management สำหรับ Container และถูกผนวกรวมเข้าไปใน CI/CD Pipeline ได้อย่างสมบูรณ์ และเปลี่ยนให้ Container กลายเป็นระบบที่รองรับงานแบบ Stateful ท่ามกลางโลกของ Hybrid Cloud ได้อย่างแท้จริง

Container สำหรับ Enterprise Application ต้องมีข้อมูลล่าสุดควบคู่กับ Application เสมอ

ในมุมของธุรกิจองค์กรนั้น Container และ Kubernetes นอกจากจะเป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยรองรับ Cloud Native Application ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำ DevOps ได้อย่างคล่องตัวแล้ว เทคโนโลยีเหล่านี้ก็ยังถือเป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยปูทางไปสู่ภาพของ Hybrid Cloud และ Multi-Cloud ได้อย่างยืดหยุ่นอีกด้วย

อย่างไรก็ดี โดยทั่วไปแล้วการใช้งาน Container นั้นมักถูกใช้เพื่อรองรับ Workload ที่เป็นแบบ Stateless ในขณะที่ระบบจัดเก็บข้อมูลสำคัญของธุรกิจนั้นมักถูกแยกออกไปเป็นอีกระบบหนึ่ง ทำให้ในการใช้งานจริง การย้าย Workload ระหว่างระบบ IT Infrastructure ไม่ว่าจะภายในองค์กรเองหรือย้ายออกไปยังบริการ Cloud นั้น จะต้องมีขั้นตอนของการจัดการกับข้อมูลเพื่อให้ Application ยังคงทำงานได้สมบูรณ์ครบถ้วนอยู่เสมอ ซึ่งทำให้ระบบขาดความคล่องตัวอย่างที่ธุรกิจองค์กรคาดหวัง

แนวคิดของการปรับระบบ Container เพื่อให้รองรับ Stateful Workload และทำให้ข้อมูลนั้นถูกผูกไปกับ Application และ Stateless Workload ทั้งหมดจึงกลายเป็นทางออกที่หลายธุรกิจองค์กรมองหา ซึ่งแนวคิดนี้จะทำให้ Enterprise Application ที่เคยถูกพัฒนาขึ้นมาแบบ Monolithic หรือยังคงมีส่วนของข้อมูลปริมาณมหาศาลอยู่ภายในระบบนั้น สามารถได้รับประโยชน์จาก Container ได้ และทำให้มั่นใจได้ว่าการย้ายระบบ Application ไปยัง IT Infrastructure ใดๆ นั้นจะทำให้ Application ยังคงทำงานได้สมบูรณ์ด้วยข้อมูลที่ครบถ้วนอย่างแน่นอน

ผสานเทคโนโลยี Storage เสริม Container ให้รองรับทั้งงาน Stateless และ Stateful

HPE ได้พัฒนาแนวทางเพื่อตอบโจทย์เหล่านี้โดยอาศัยระบบ Enterprise Storage เป็นศูนย์กลางสำคัญในการบริหารจัดการข้อมูล เพื่อให้ข้อมูลเหล่านี้ถูกนำเข้าไปผนวกเป็นส่วนหนึ่งของระบบ Container, ขั้นตอนการทำ CI/CD และการ Deploy ระบบ Application เสมอ และทำให้ระบบ Application บน Container ทั้งหมดสามารถเริ่มต้นทำงานได้ด้วยข้อมูลชุดล่าสุดทันที ไม่ว่าระบบนั้นๆ จะทำงานอยู่บน IT Infrastructure ใดก็ตาม

ในแนวทางดังกล่าว HPE ได้เลือกที่จะเชื่อมระบบ Storage ชั้นนำของตนเองไม่ว่าจะเป็น HPE Primera Storage หรือ HPE Nimble Storage ให้สามารถทำงานร่วมกับ Kubernetes ได้ ทำให้การจัดการกับข้อมูลนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของ Pipeline ในการพัฒนาระบบ และพัฒนา Workflow เพิ่มภายในระบบ Storage เพื่อให้มีกระบวนการการทำงานที่สอดคล้องไปกับขั้นตอนปกติในการใช้ Container เพื่อเสริมความมั่นคงทนทานและความมั่นคงปลอดภัยให้กับข้อมูล ในขณะเดียวกัน HPE ก็ได้เสริมความสามารถในส่วนของการทำ Hybrid Cloud ให้กับข้อมูลด้วย ทำให้การ Deploy ระบบบน IT Infrastructure ใดๆ นั้น ข้อมูลชุดล่าสุดจะถูกนำไปใช้งานด้วยเสมอ

หัวใจสำคัญของแนวทางนี้ คือ HPE CSI Driver for Kubernetes ที่รับบทบาทสำคัญในการเชื่อมผสาน HPE Storage เข้ากับระบบ Kubernetes และทำให้การเชื่อมต่อ Storage จากเดิมที่เป็นแบบ Static นั้นกลายมาเป็นแบบ Dynamic ได้ และสามารถควบคุมผ่านแนวทาง Infrastructure-as-Code ทำให้การจัดเตรียมทรัพยากรเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้แบบอัตโนมัติผ่าน Script หรือการกำหนดค่าการทำงานบน Kubernetes ได้นั่นเอง

HPE Intelligent Data Platform ตอบโจทย์ Container สำหรับธุรกิจองค์กรด้วย HPE Nimble Storage และ HPE Primera Storage

ภายใต้แนวคิด HPE Intelligent Data Platform นี้ ทาง HPE ได้นำเสนอ 3 คุณสมบัติใหม่ที่ระบบ Enterprise Storage จะต้องมีเพื่อรองรับการทำ Stateful Workload บนโลกของ Container ได้แก่

1. Container Data Management Experience การทำให้นักพัฒนา Software นั้นสามารถจัดการกับระบบ IT Infrastructure ในส่วนของการจัดเก็บข้อมูล, ชุดข้อมูล และระบบฐานข้อมูลได้เสมือนกับการจัดการ Application โดย HPE ได้ใช้ Kubernetes StorageClass ซึ่งจะช่วยให้การบริหารจัดการสร้าง Volume บน HPE Storage นั้นเป็นไปได้อย่างง่ายดายและเป็นอัตโนมัติผ่าน Kubernetes

ด้วยแนวทางนี้จึงไม่เพียงแต่จะทำให้ข้อมูลนั้นสามารถถูกผูกติดไปกับ Application ได้เท่านั้น แต่ในกระบวนการพัฒนา, การทำ QA และการแก้ไขปัญหาต่างๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้โดยมีชุดข้อมูลที่ใหม่ล่าสุดสำหรับใช้ในระหว่างการทำงาน ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพ แก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น และทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้นไปได้ด้วยจากการใช้ Snapshot ที่ถูกสร้างขึ้นและใช้ในการสำเนาข้อมูลได้ รวมถึงยังทำการลบตัวเองทิ้งได้เมื่อไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ใช้งานในภายหลังแล้ว ทำให้ใช้พื้นที่บนระบบ Storage ได้อย่างคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น

2. Operational Efficiency อีกบทบาทสำคัญของ HPE Storage ก็คือการช่วยให้ Service-Level Objective หรือ SLO ของระบบดีขึ้น โดยระบบต้องมีประสิทธิภาพ, ความมั่นคงปลอดภัย, การปกป้องระบบ, ความมั่นคงทนทาน และมีความสามารถในการเพิ่มขยายระบบได้ตามความต้องการของธุรกิจ ซึ่ง HPE ก็สามารถตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้ด้วยวิธีการอันหลากหลาย

  • การทำ Snapshot หรือ Clone ผ่าน Kubernetes StorageCass ช่วยปกป้องข้อมูลในทุกขั้นตอนการพัฒนาและการ Deploy
  • การสำเนาข้อมูลผ่านการทำ Replication ระหว่าง Data Center หรือ Cloud เพื่อให้มีอิสระในการเลือก Deploy ระบบไปยังแต่ละที่ได้ โดยไม่ต้องมี Overhead รอการ Copy ข้อมูลระหว่างระบบอีกต่อไป
  • การกำหนด QoS ในระดับ Volume เพื่อให้มั่นใจว่าระบบ Application จะมีประสิทธิภาพเพียงพอกับที่ต้องการ
  • การทำให้ Data Volume ในระบบ Storage ที่หลากหลายทำงานร่วมกันแบบ Multitenancy ได้ เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการใช้งาน
  • สามารถเพิ่มขยายจำนวน Pod สำหรับแต่ละ Worker Node ได้
  • สามารถทำการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อเสริมความมั่นคงปลอดภัยได้
  • รองรับการเข้าถึงข้อมูลได้ทั้งในแบบ File และ Block ทำให้ Application สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ในรูปแบบเดียวกันไม่ว่าจะอยู่บนระบบใด

3. True Hybrid Cloud for Containers เพื่อให้ Stateful Container สามารถทำงานได้แบบ Hybrid Cloud อย่างเต็มที่ ทาง HPE จึงได้พัฒนา HPE Cloud Volumes ขึ้นมา เพื่อให้อุปกรณ์ HPE Storage สามารถส่งข้อมูลขึ้นไปยังบริการ Public Cloud และใช้งานข้อมูลเหล่านั้นได้เสมือนกับการใช้งาน HPE Storage ภายในองค์กร ช่วยให้การย้ายข้อมูลระหว่าง Data Center และ Cloud เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย และย้ายระบบทั้งส่วนของ Application และข้อมูลไปยัง IT Infrastructure ที่ต้องการใช้งานได้ทันที

สำหรับโซลูชันของระบบ HPE Storage หลักๆ ที่สามารถรองรับการทำ Stateful Container ได้นั้นก็ได้แก่

  • HPE Nimble Storage ระบบ Storage สำหรับธุรกิจองค์กรที่เน้นเรื่องของประสิทธิภาพ, ความคุ้มค่า และความง่ายดายเอาไว้ในหนึ่งเดียว สำหรับรองรับ Business Application และ Workload ที่หลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน https://www.hpe.com/emea_europe/en/storage/nimble.html
  • HPE Primera Storage ระบบ Tier-0 Storage ที่เน้นเรื่องของประสิทธิภาพและความมั่นคงทนทานเพื่อรองรับ Mission Critical Workload เป็นหลัก สำหรับระบบ Application สำคัญอย่างเช่น ERP https://www.hpe.com/emea_europe/en/storage/hpe-primera.html

สนใจโซลูชันของ HPE ติดต่อ BizCon ได้ทันที

สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชันใดๆ ของ HPE สามารถติดต่อทีมงาน BizCon เพื่อขอรับคำปรึกษา, ใบเสนอราคา หรือบริการด้านเทคนิคได้ทันทีที่

Email: BizconMarketing@bizcon.co.th หรือโทร 082-0103588, 098-5523307

from:https://www.techtalkthai.com/make-your-container-more-resilience-and-flexible-with-hpe-inteliigence-data-platform-by-bizcon-solutions/

แนะนำ HPE Primera: Tier-0 Enterprise Storage ที่มาพร้อมทั้งความเร็ว, ความทนทาน, ความง่ายดาย และการใช้งานได้อย่างยาวนานไม่มีวันตกรุ่น

เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา หนึ่งในประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดประกาศหนึ่งของ HPE นั้นก็คือการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Enterprise Storage รุ่นล่าสุดอย่าง HPE Primera ที่ถูกวางตัวให้เป็น Tier-0 Storage สำหรับรองรับการจัดเก็บข้อมูลที่มีความสำคัญสูงสุดของธุรกิจ ด้วยการออกแบบระบบให้มีทั้งประสิทธิภาพ, ความมั่นคงทนทาน, ความง่ายดายในการติดตั้งบริหารจัดการและการดูแลรักษา ไปจนถึงการออกแบบบริการเสริมที่มาพร้อมกับ Storage รุ่นนี้ให้คุ้มค่าสูงสุดต่อการใช้งานในระยะยาว เพื่อให้ธุรกิจต่างๆ ได้มีทางเลือกในการใช้งานระบบ Storage ที่ดีที่สุดในการปกป้องข้อมูลสำคัญของธุรกิจ

Credit: HPE

ปัญหาของระบบ Storage ระดับองค์กรที่ผ่านมา

ในการประกาศเปิดตัว HPE Primera ครั้งนี้ โจทย์หนึ่งที่ HPE หยิบยกขึ้นมาแก้ไขอย่างจริงจังก็คือการแก้ไขปัญหาในการจัดซื้อ, ใช้งาน และการดูแลรักษาระบบ Enterprise Storage ทั่วโลกในอดีต ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการติดตั้งที่ยาก, การดูแลรักษาที่ซับซ้อน, การอัปเกรดรุ่นหรือระบบที่มีค่าใช้จ่ายแฝงมากมาย ไปจนถึงการแก้ไขปัญหาที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ที่ทำให้ท้ายที่สุดแล้วการลงทุนในระบบ Storage นั้นเกิดค่าใช้จ่ายที่เกินไปกว่าการลงทุนแรกเริ่มปริมาณมหาศาล

HPE Primera: ออกแบบ Tier-0 Enterprise Storage เพื่อแก้ทุกปัญหาของระบบ Storage ในอดีต

Credit: HPE

การออกแบบ HPE Primera ครั้งนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหาที่วงการ Enterprise IT เคยต้องเผชิญในอดีตทั้งหมด ทำให้ระบบ Storage ประสิทธิภาพสูงชุดนี้มีความมั่นคงทนทานที่สูงยิ่งขึ้นกว่าก่อนเป็นอย่างมาก HPE จึงยกระดับให้ HPE Primera จัดอยู่ใน Tier-0 Storage ที่มีความมั่นคงทนทานสูงยิ่งกว่า Tier-1 Storage อื่นๆ นั่นเอง

ไม่เพียงแต่การออกแบบเทคโนโลยีใหม่ทั้งหมด ในการออกแบบ HPE Primera ครั้งนี้ ทาง HPE ยังได้ออกแบบบริการเสริมต่างๆ และรูปแบบการลงทุนใหม่ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาอื่นๆ นอกเหนือจากเชิงเทคโนโลยีที่ธุรกิจองค์กรเคยต้องเผชิญได้ ดังนี้

รับประกันความมั่นคงทนทานระดับ 100% เป็นรายเดียวของโลก

ระบบ Mission-Critical Application หรือ Application ที่มีความสำคัญสูงมากต่อธุรกิจนั้น การเกิด Downtime เพียงเล็กน้อยก็อาจหมายถึงความสูญเสียทางธุรกิจครั้งมหาศาลได้ HPE Primera จึงเป็นระบบ Enterprise Storage แรกที่กล้าระบุว่ารับประกัน Availability ถึง 100% มาในผลิตภัณฑ์โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่มเติม โดยนอกจากการออกแบบ HPE Primera ให้สามารถดูแลรักษาแก้ไขปัญหาได้ง่าย, สลับเปลี่ยน Hardware ที่มีปัญหาออกได้โดยไม่เกิด Downtime, การอัปเกรด Firmware หรือ Service ต่างๆ แยกส่วนกันได้แล้ว HPE ยังได้นำ AI อย่าง HPE InfoSight เข้ามาช่วยตรวจสอบแนวโน้มของปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับระบบ Storage และทำการแก้ไขประเด็นเหล่านั้นก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้นด้วย

Credit: HPE

ความสามารถของ HPE InfoSight นี้ไม่เพียงแต่จะครอบคลุมการจัดการกับปัญหาที่เกิดในส่วนของ Storage เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึง Server, Application และ Network ด้วย ดังนั้นการใช้งาน HPE InfoSight ภายใน HPE Primera นี้จึงสามารถช่วยให้ผู้ดูแลระบบลด Downtime ที่จะเกิดจากปัจจัยต่างๆ ได้อย่างครอบคลุมยิ่งกว่าเดิม

การรับประกันนี้ครอบคลุมถึงแม้กรณีที่มีแม้เพียง Virtual Volume เดียวที่ไม่สามารถถูกเข้าถึงได้ก็ถือว่าเข้าข่ายการรับประกันแล้ว แต่หากสาเหตุหลักเกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอกเช่น ระบบเครือข่าย หรือการตั้งค่าบนอุปกรณ์อื่นๆ ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้ โดยเงื่อนไขฉบับเต็มทั้งหมดสามารถอ่านได้ที่ https://www.hpe.com/us/en/pdfViewer.html?docId=a00074521&parentPage=/us/en/products/storage/hpe-primera&resourceTitle=100%25+Availability+Guarantee+%E2%80%93+HPE+Primera+brochure

รวดเร็วทันใจด้วย NVMe และ Storage Class Memory (SCM) พร้อมรองรับการทำ QoS

ใน HPE Primera นี้ ได้เลือกใช้ NVMe SSD และ Storage Class Memory หรือ SCM เพื่อให้มีความเร็วสูงสุดจากการลด Latency ในการเข้าถึงข้อมูลให้เหลือน้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเขียนหรือการอ่านข้อมูลก็ตาม อีกทั้งยังสามารถกำหนด QoS ให้กับข้อมูลแต่ละส่วนได้ เพื่อให้สามารถรับประกันระดับประสิทธิภาพสำหรับแต่ละ Application ที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลแต่ละชุดให้แตกต่างกันได้ด้วย

ชาญฉลาดด้วยระบบ AI ที่เรียนรู้จากข้อมูลมากกว่า 1,250 ล้านล้านรายการ

Credit: HPE

อีกแนวคิดหนึ่งที่ถูกนำมาใช้งานใน HPE Primera นั้นก็คือการเป็น Self-Managing Storage ที่ได้นำข้อมูลจาก HPE InfoSight ซึ่งรวบรวมข้อมูลการทำงานและประสิทธิภาพจากระบบ Data Center ทั่วโลกกว่า 1,250 ล้านล้านรายการมาใช้ในการวิเคราะห์และสร้าง AI ขึ้นมา ทำให้ HPE Primera สามารถตรวจสอบแนวโน้มของปัญหาต่างๆ และแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้ด้วยตัวเอง รวมถึงแจ้งเตือนผู้ดูแลระบบให้ทำการป้องกันปัญหาต่างๆ ได้ล่วงหน้าเพื่อลด Downtime

นอกจากนี้ HPE InfoSight ยังสามารถช่วยให้ HPE Primera ทำ Performance Tuning และจัดการสิ่งต่างๆ ได้อย่างอัตโนมัติจากข้อมูลดังกล่าว เรียกได้ว่ามี AI ที่ครอบคลุมทั้งการตรวจสอบ, ปรับแต่งประสิทธิภาพ ไปจนถึงการแก้ไขปัญหาเบ็ดเสร็จในตัวเลยทีเดียว

สถาปัตยกรรมแบบ All-Active ใช้ทุก CPU, ASIC และ Memory ที่มีอยู่ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

ภายใน HPE Primera นั้นมีทั้ง CPU สำหรับการประมวลผลบริการทั่วไป, ASIC สำหรับประมวลผลงานด้านการจัดการข้อมูลเฉพาะทางเช่นการทำ Data Reduction และ Memory หรือหน่วยความจำสำหรับใช้งานร่วมกันอยู่ภายในตัว โดยทรัพยากรเหล่านี้ทั้งหมดจะถูกจัดแบ่งและใช้งานพร้อมกันอย่างสมดุล ในขณะที่ข้อมูลทั้งหมดนั้นก็จะถูกกระจายอยู่บน SSD, Node และถูกรับส่งผ่าน Port ต่างๆ อย่างสมดุลดว้ยเช่นกัน เพื่อให้ประสิทธิภาพของระบบสูงสุดอยู่เสมอ

HPE Primera สามารถให้บริการข้อมูลได้ด้วยประสิทธิภาพถึงระดับ 1.5 ล้าน IOPS โดยไม่ต้องทำ Performance Tuning และยังสามารถรับประกันประสิทธิภาพในการเข้าถึงข้อมูลได้ด้วยการทำ QoS และระบบทั้งหมดนี้ยังสามารถทำงานทดแทนกันแบบ Failover ได้อีกด้วย

ใช้งานได้อย่างยาวนานไม่มีวันตกรุ่นด้วยแนวคิด Timeless Storage

สิ่งที่ HPE ต้องการบรรลุให้ได้ใน HPE Primera นั้นก็คือการลดกรณีการจัดซื้อ Storage ชุดใหม่เข้ามาทดแทน Storage เดิมในรอบของการอัปเกรดให้เหลือน้อยลง แนวคิดด้าน Timeless Storage จึงเกิดขึ้นมาโดยผสานรวมเอาข้อดีต่างๆ ดังต่อไปนี้เข้าไว้ด้วยกัน

  • การรวม Software License ทั้งหมดเอาไว้ในตัว Hardware เลย ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องคอยซื้อ License ตาม Feature ที่ตนเองต้องการอีกต่อไป
  • การใช้งานได้อย่างต่อเนื่องไม่สะดุดติดขัดแม้ยามแก้ไขปัญหาโดยไม่มี Downtime ด้วย 100% Availability Guarantee
  • การอัปเกรดให้ฟรีทุกๆ 3 ปีทั้งในส่วนของ Hardware และ Software ทำให้ผู้ใช้งานได้ใช้เทคโนโลยีล่าสุดอยู่เสมอ

ติดตั้งง่ายดายเสร็จเรียบร้อยได้ใน 20 นาที

Credit: HPE

HPE Primera ได้ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานให้กลายเป็นเรื่องที่ง่ายดายด้วยการติดตั้งใช้งานได้เสร็จเรียบร้อยภายในเวลาเพียงแค่ 20 นาทีเท่านั้น ด้วยการปรับขั้นตอนการติดตั้งทั้งหมดให้เป็นแบบอัตโนมัติให้มากที่สุด, การมีเครื่องมือทั้งหมดให้พร้อมใช้งานได้ในตัว, การที่ผู้ใช้งานไม่ต้องทำ Storage Tuning อีกต่อไป และการที่สามารถอัปเกรดระบบได้โดยไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อ Application ที่กำลังเชื่อมต่อใช้งานข้อมูลภายใน HPE Primera อยู่

HPE ระบุว่าจากการทดสอบภายใน HPE Primera สามารถลดเวลาที่ต้องใช้ในการติดตั้ง, บริหารจัดการ และการเพิ่มขยายระบบน้อยลงถึง 93% เลยทีเดียว

สู่ยุค Automation อย่างเต็มตัว ทำงานร่วมกับ Composable Infrastructure และ Infrastructure-as-Code ได้เต็มที่

ภายใน HPE Primera นี้ยังได้เพิ่มระบบการบริหารจัดการผ่านทาง API เข้ามา ทำให้การนำระบบ HPE Primera เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ Automated Workflow ภายในธุรกิจองค์กรนั้นเกิดขึ้นได้จริง อีกทั้ง HPE ยังได้ทำการผสานระบบของ HPE Primera เข้ากับ HPE Synergy และ HPE OneView ด้วย ส่งผลให้ภาพของ Composable Infrastructure นั้นมีความครบถ้วนยิ่งขึ้นกว่าเดิม สร้างประสบการณ์การจัดการ Physical Hardware ให้แบบเดียวกับ Cloud ภายในองค์กรได้ทันที

เลือกใช้งานแบบ Comsumption-based ได้ เพิ่มความคล่องตัวในการลงทุนระบบ IT

แน่นอนว่า HPE Primera นี้ก็มีบริการในส่วนของ HPE GreenLake เพื่อให้สามารถเช่าใช้งานแบบ Consumption-based ที่คิดค่าใช้จ่ายแบบรายเดือน และเพิ่มขยายระบบได้อย่างยืดหยุ่น โดยมีทีมงานของ HPE คอยสนับสนุนระหว่างการใช้งานโดยตรง ทำให้ธุรกิจองค์กรมีทางเลือกในการลงทุนระบบ IT ที่คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น และเพิ่มขยายได้ตามต้องการเพื่อตอบรับต่อการเติบโตของระบบ IT และนวัตกรรมใหม่ๆ ได้อย่างทันท่วงที

ผู้ที่สนใจรายละเอียดฉบับเต็มเกี่ยวกับ HPE Primera สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.hpe.com/us/en/storage/hpe-primera.html

HPE Primera 600 Storage รุ่นแรกในตระกูล HPE Primera

Credit: HPE

สำหรับ Hardware รุ่นแรกของผลิตภัณฑ์ตระกูล HPE Primera นี้ก็คือ HPE Primea 600 Storage ที่เปิดตัวมาในขนาด 2U 24 Bay พร้อม Enclosure เสริมที่ติดตั้ง Disk ได้ตั้งแต่ 24-48 ชุด และเชื่อมต่อใช้งานได้ผ่านทาง 16/32Gbps Fibre Channel

HPE Primera 600 นี้ จะต้องติดตั้งเริ่มต้นโดยบังคับให้ใช้งาน 2 Controller เป็นอย่างน้อย และเพิ่มขยายสูงสุดได้ถึง 4 Controller ทำงานร่วมกันแบบ Active-Active เพื่อความมั่นคงทนทานและประสิทธิภาพที่สูงขึ้น โดยมี Cache ให้เลือกใช้งานต่ออุปกรณ์ได้ตั้งแต่ 128GB ถึง 1TB ส่วนความจุต่อระบบนั้นสามารถเลือกได้ตั้งแต่ 250TB ไปจนถึง 4,000TB เลยทีเดียว ขึ้นกับว่าจะใช้ SSD ทั้งหมดหรือทำงานแบบ Hybrid โดยมี HDD อยู่ด้วย

ทาง HPE นั้นได้ทดสอบความเข้ากันได้ของ HPE Primera กับ Software ระบบปฏิบัติการและ Hypervisor ชั้นนำแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Microsoft Windows Server 2012/2016/2019, Microsoft Windows Hyper-V, HP-UX, SUSE Linux Enterprise Server, Red Hat Enterprise Linux, VMware ESX/ESXi, Oracle Solaris, Oracle UEK, Oracle Linux, Citrix XenServer, IBM AIX, HPE OpenVMS และ Apple OS X จึงสามารถนำไปใช้งานได้อย่างมั่นใจ

ประกันที่มากับ HPE Primera 600 นี้จะมีอายุ 3 ปีสำหรับอุปกรณ์ต่างๆ และ 5 ปีสำหรับ SSD

ผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถศึกษาข้อมูลได้ที่ https://buy.hpe.com/us/en/storage/disk-storage-systems/primera-storage/primera-storage/hpe-primera-600-storage/p/1011657880

สนใจโซลูชันของ HPE ติดต่อ Metro Connect

สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชันใดๆ ของ HPE สามารถติดต่อทีมงาน Metro Connect เพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม, ทดสอบระบบ หรือขอใบเสนอราคาได้ทันทีที่คุณอนุตรีย์ วานิชย์หานนท์ อีเมล์ anutrwan@metroconnect.co.th

from:https://www.techtalkthai.com/hpe-primera-tier-0-enterprise-storage-introduction-by-metro-connect/

เปิดตัว HPE Primera อุปกรณ์ Storage ล่าสุด ชูจุดเด่น 100% Available Guarantee และอัปเกรดได้เรื่อยๆ ไม่ตกรุ่น

HPE ได้ออกมาประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตระกูลใหม่ล่าสุด HPE Primera ซึ่งเป็น All Flash Storage รุ่นใหม่ที่รองรับ NVMe และ Storage-Class Memory (SCM) เป็นหลัก พร้อมสนับสนุนการใช้งานและเพิ่มความทนทานด้วย AI อีกทั้งยังมาพร้อมกับ 100% Available Guarantee และความสามารถในการอัปเกรดระบบได้เรื่อยๆ โดยไม่มีวันตกรุ่น

Credit: HPE

HPE Primera นี้ทำงานด้วยสถาปัตยกรรมแบบ Multi-Mode, All-Active และออกแบบมาให้รองรับการใช้งาน NVMe และ SCM ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพื่อรองรับงาน Mission Critical ภายในระบบ IT ของธุรกิจองค์กรโดยเฉพาะ และสามารถรองรับการใช้งานในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน

จุดเด่นหนึ่งที่น่าสนใจคือการที่ HPE Primera นี้ออกแบบมาให้ทำงานโดยมี AI สนับสนุนโดยเฉพาะ ซึ่งก็มีทั้ง HPE InfoSight ที่สามารถช่วยตรวจสอบการใช้งาน Application ต่างๆ ภายในระบบ Storage และทำนายโอกาสที่จะเกิดความผิดปกติขึ้นในระบบล่วงหน้า ทำให้สามารถป้องกันปัญหาล่วงหน้าได้ พร้อมทั้งมี Embedded AI Engine ภายในช่วยตรวจสอบและประมวลผลความผิดปกติหรือทำนายปัญหาได้แบบ Real-time และยังมีเทคโนโลยีในการปกป้องข้อมูลที่หลากหลายอย่างเช่น Automatic Site Failover หรือ Data Protection บน Cloud และนี่เองที่ทำให้ HPE Primera กล้าที่จะใช้คำว่า 100% Availability Guarantee

อีกจุดหนึ่งก็คือการชูความเป็น Timeless Storage ที่ถ้าหากธุรกิจองค์กรเลือกที่จะ Subscribe บริการของ HPE ก็จะทำให้ HPE Primera สามารถอัปเกรดอย่างต่อเนื่องได้โดยไม่ตกรุ่นอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็น License ของความสามารถต่างๆ บนระบบ, การอัปเกรด Controller ให้ฟรีๆ ไปจนถึงการรับประกันให้กับทั้งการทำ Data Reduction และ Data Availability

ปัจจุบันนี้ข้อมูลเชิงเทคนิคอย่างเป็นทางการของ HPE Primera ยังไม่ออกมา โดยผู้ที่สนใจข้อมูลเบื้องต้นก็สามารถเข้าไปศึกษาก่อนได้ที่ https://www.hpe.com/us/en/storage/hpe-primera.html หรือดูคลิปแนะนำด้านล่างนี้ก่อนได้เลยครับ

ที่มา: https://community.hpe.com/t5/Around-the-Storage-Block/Introducing-HPE-Primera-the-first-storage-unicorn-with-mythical/ba-p/7051129#.XQpi94gzaUk

from:https://www.techtalkthai.com/hpe-primera-is-announced/